Remember me please
3.3
เขียนโดย nat_ch
วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.36 น.
4 บท
0 วิจารณ์
6,506 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 19.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) วิศวกร -- -- -- --> เลขานุการ ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ขณะที่รินกำลังอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อหางานอยู่ พี่ชายของเธอก็รีบหอบสัมภาระมากมายผ่านหน้าของเธอไป
“ภัทร จะไปไหนอ่ะ”
“ไปทำงาน ดูแลแม่ดีๆไปล่ะพี่รีบ” ภัทรพูดจบก็รีบวิ่งไปขึ้นรถของเพื่อนที่มารับทันที
พูดอย่างกับไปหลายวัน จะรีบอะไรนักหนา
..ด้วยเพราะที่เรามีกันอยู่ 2 คนพี่น้องเลยสนิทกันมากๆ แต่หลังๆรู้สึกว่าเขาจะทำงานหนักขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ จึงได้แค่ทักทายกันตามประสาพี่น้องเท่านั้น รินเดินเรื่อยมาจนถึงในครัวเล็กๆของที่บ้าน เลยเห็นแม่ที่กำลังทำกับข้าวอยู่
“แม่..เดี๋ยวรินช่วยนะ” ฉันก็เข้าไปล้างจานที่ค้างอยู่ ในขณะที่แม่กำลังหั่นผักอย่างตั้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอกริน ไปอ่านหนังสือหางานของรินเถอะ วันนี้แม่ไปช่วยงานบ้านข้างๆมา เขาเลยให้ผักมาเยอะเลย จะทำอะไรกินดีล่ะ” รินยิ้มตอบรับคำถามนั้นของแม่
“ก็แล้วแต่แม่แลยนะ รินกินได้ทั้งนั้นแหล่ะ อร่อยทุกอย่าง” ดูเหมือนแม่จะพอใจกับคำตอบของเธอ ซึ่งก็ไม่ได้ยกยออะไร ฝีมือทำอาหารของแม่น่ะ อร่อยที่สุดในประเทศนี้แล้ว
“แม่ ภัทรไปทำงานที่ไหน ช่วงนี้ภัทรอยู่ไม่ติดบ้านเลยนะแม่ เป็นแค่พนักงานบริษัทงานจะเยอะอะไรนักหนา” รินถามออกไปด้วยความสงสัย
“พูดเรื่องนี้ก็ดีละ รีบหางานให้ได้นะลูกจะได้ช่วยงานพี่เขา เขาน่ะออกจากงานเก่าตั้งแต่รินไปญี่ปุ่นแล้วล่ะ เห็นว่าไปเป็นการ์ดอะไรนี่แหล่ะ”
“จริงเหรอแม่ ไปเป็นการ์ด อันตรายจะตายไป”
“เขาบอกว่าให้เงินเดือนเยอะ ภัทรเลยทำจะได้ล้างหนี้ให้หมดสักที”
“ความผิด รินสินะ” ใบหน้าของรินสลดลงและคิดเสมอว่า เพราะการประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ทำให้แม่และพี่ชายของเธอต้องจำเป็นไปกู้เงินเพื่อมาผ่าตัด จนครอบครัวต้องลำบากแบบนี้
“พูดอะไรน่ะลูก เราดีใจนะที่ริน ของเรารอดมาเนี่ย” แม่พูดพลางเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู
“จ่ะ ฉันจะรีบหางานนะแม่ แล้วภัทรจะกลับมาวันไหน”
“พี่เขาบอกว่า คงจะวันพฤหัสนี่แหล่ะ กลับมาบางทีก็ช้ำไปทั้งตัว” แม่พูดพลางจัดแจงทำกับข้าวโดยมีรินยืนอยู่ใกล้ๆ
“กลับมาเมื่อไหร่ จะด่าให้ตายเลย ภัทร”
“ให้น้อยๆหน่อยนั่นพี่เรานะ”
....หลังจากที่กินข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อย รินตรงขึ้นมาบนห้องนอนและเริ่มหางานในอินเตอร์เน็ตอย่างไม่ลดละ
“ถ้าได้งาน ที่มัตสึโอกะ ก็ดีสินะ จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ติดต่อมาคงพลาดหวังแล้วล่ะสินะ”
(T^T) ...เฮ้อ รินถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าจากความคิดอันหนักหน่วง เครียดทั้งจากหางานทำไม่ได้ ไหนจะเป็นห่วงพี่ชาย ..รินคิดทบทวนเรื่องต่างๆจนเผลอหลับไปจนไม่รู้ตัว
.
.
.
.
“ริน หนีไป!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งสั่งให้ฉันหนี ในขณะที่เขากำลังรับมือกันคนที่มุ่งจะมาทำร้ายนับสิบ
“ไป! ไปสิรินนนน! .... ไม่เป็นไรหรอก” เขาสั่งเธอขึ้นมาอีกครั้ง รินทำได้เพียงก้าวขาไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เสียงของการทะเลาะวิวาทดังขึ้นจากด้านหลัง รินหันหลังกลับไปมองหาเจ้าของเสียงที่คอยสั่งให้หนีไปตลอดเวลา ก็กลายเป็นว่าเขานอนจมกองเลือดไปเสียแล้ว
“จะให้ฉันหนีเหรอ ไม่เอา!” ไวเท่าความคิดขาของรินวิ่งกลับไปหาเขา แต่ทว่าเหมือนรถที่วิ่งเลียบถนนมาจะไวกว่า รถคันนั้นวิ่งมาด้วยความเร็วสูงและเซเข้ามาปะทะกับร่างอันบอบบางของเธอ
โครม!!
ณ วินาทีนั้นรินไม่รู้สึกแม้กะทั่งความเจ็บปวด รู้สึกได้เพียงว่ามีเลือดกำลังไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุดยั้ง
“ริน ริน ฮึก! รินนนน” ก่อนทุกอย่างจะมืดลงรินได้ยินเพียงเสียงผู้ชายคนนั้นที่เธอจำไม่ได้เลยว่าเขาเป็นใคร เขาส่งเสียงเรียกซ้ำๆไปมาจนเสียงแหบพร่า
“ค่ะ” รินขานรับเสียงนั้น ด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ซึ่งเป็นเพราะเธอเค้นแรงจากร่างกายที่บอบช้ำเป็นเฮือกสุดท้าย จนทุกอย่างรอบกายมืดมิดลงไป
.
.
“รินนจัง ตื่นได้แล้วลูก” เสียงเรียกของแม่ ช่วยให้สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายนั้น
“ค่ะ แม่” รินตอบรับเสียงปลุกของแม่ก่อนจะไปอ่าบน้ำและลงไปหาท่านด้านล่าง
“กินข้าวก่อนลูก เป็นอะไรหรือเปล่าแม่เรียกหลายครั้งกว่าจะได้ยิน ฝันร้ายเหรอริน” แม่พูดพลางนั่งลงข้างๆ
“เรื่องเดิมๆค่ะ มันเหมือนจริงจนรินคิดว่า มันเคยเกิดขึ้นจริงแน่ๆ” ฝันร้ายนี้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมานับสิบครั้ง เธอเล่าให้ทุกคนฟังแต่ทุกคนก็ไม่บอกอะไรเลย รวมถึงผู้ชายคนนั้นที่นึกยังไงก็นึกไม่ออกเสียทีว่าเขาเป็นใครด้วยสายตาที่พร่ามัวทำให้มองไม่เห็นใบหน้านั่น มีเพียงแค่เสียงที่อบอุ่นนั้น ที่ดังก้องอยู่ในหูเสมอ
“เอ่อ คิดมากน่ะกินข้าวเถอะลูก” แม่อึกอักเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปกนข้าวอย่างช้าๆ
กริ๊ง!ๆๆๆๆ โทรศัพท์เครื่องกลางเก่ากลางใหม่ ของรินดังขึ้น
“แม่ รินไปรับโทรศัพท์แปปนึงนะ” รินออกมารับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ”
(สวัสดีค่ะบัวบูชาฝ่ายบุคคล มัตสึโอกะ กรุ๊ปขอเรียนสายคุณรินภาค่ะ) โทรศัพท์จากบริษัทเหรอ..เยส! ได้งานแล้วสินะ รินดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่เลยทีเดียว
“ค่ะ กำลังพูดอยู่ค่ะ”
(ก่อนอื่นเราขอแสดงความเสียใจด้วยนะค่ะ คุณไม่ผ่านการพิจารณาในตำแหน่งวิศวกรนะคะ)
พัง! พัง!พัง! เหมือนความหวังของรินพังลงตรงหน้าทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น อุตส่าห์ดีใจไปแล้วแท้ๆ เฮ้อ
(อย่าพึ่งเสียใจไปนะค่ะ คุณสนใจร่วมงานกับเราในฐานะเลขานุการไหมค่ะ)
เอ๋! เลขานุการเหรอ..ยังไงตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องคิดละ นอกจากหางานทำให้ได้
“ตกลงค่ะ แต่ฉันไม่มีความรู้เรื่องนั้นเลย แล้วให้ฉันเป็นเลขาของใคร เริ่มงาน@#$%^&*..”
(เอ่อ ใจเย็นก่อนค่ะคุณ หากคุณตกลงเรื่องรายละเอียดเล็กๆเหล่านั้นเรามาคุยกันวันพุธนี้สะดวกไหมค่ะ)
“ตกลงค่ะ”
(เจอกัน 9 โมงตรงนะคะ เตรียมเอกสารมาด้วยนะคะ)
“เข้าใจแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ”
ติ๊ดๆๆ …..
ด้วยความดีใจรินเลยวิ่งไปหาแม่ในครัวอย่างรวดเร็ว
“เป็นไรไปริน วิ่งหน้าตื่นมาเชียว”
“แม่ รินได้งานแล้วนะไปคุยรายละเอียดวันพุธนี้ เย้ ” รินบอกแม่ด้วยรอยยิ้มที่กว้างที่สุดในรอบปี
“ดีใจด้วยลูก รินจังของแม่เนี่ยเก่งที่สุด”
“แต่แม่ห้ามบอกภัทรนะ รินจะบอกเอง จะเซอร์ไพรส์ภัทรน่ะแม่” รินอยากให้พี่ชายภูมิใจในตัวของเธอบ้างและเลิกเป็นห่วงกันสักที
“จ๊ะ กินข้าวๆ”
“ไม่กินแล้วแม่ มันอิ่มใจน่ะ 555555” ด้วยความดีใจที่เก็บไว้ไม่อยู่ รินหัวเราะจนลั่นบ้าน ก่อนจะขึ้นไปเตรียมเอกสารด้วยความตื้นเต้น
..รินไม่ได้รู้ตัวเลยว่า การตกลงเข้าทำงานที่นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ภัทรที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร ก็ยังจับปืนเป็น บอดี้การ์ดให้เจ้านา
“ภัทร จะไปไหนอ่ะ”
“ไปทำงาน ดูแลแม่ดีๆไปล่ะพี่รีบ” ภัทรพูดจบก็รีบวิ่งไปขึ้นรถของเพื่อนที่มารับทันที
พูดอย่างกับไปหลายวัน จะรีบอะไรนักหนา
..ด้วยเพราะที่เรามีกันอยู่ 2 คนพี่น้องเลยสนิทกันมากๆ แต่หลังๆรู้สึกว่าเขาจะทำงานหนักขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ จึงได้แค่ทักทายกันตามประสาพี่น้องเท่านั้น รินเดินเรื่อยมาจนถึงในครัวเล็กๆของที่บ้าน เลยเห็นแม่ที่กำลังทำกับข้าวอยู่
“แม่..เดี๋ยวรินช่วยนะ” ฉันก็เข้าไปล้างจานที่ค้างอยู่ ในขณะที่แม่กำลังหั่นผักอย่างตั้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอกริน ไปอ่านหนังสือหางานของรินเถอะ วันนี้แม่ไปช่วยงานบ้านข้างๆมา เขาเลยให้ผักมาเยอะเลย จะทำอะไรกินดีล่ะ” รินยิ้มตอบรับคำถามนั้นของแม่
“ก็แล้วแต่แม่แลยนะ รินกินได้ทั้งนั้นแหล่ะ อร่อยทุกอย่าง” ดูเหมือนแม่จะพอใจกับคำตอบของเธอ ซึ่งก็ไม่ได้ยกยออะไร ฝีมือทำอาหารของแม่น่ะ อร่อยที่สุดในประเทศนี้แล้ว
“แม่ ภัทรไปทำงานที่ไหน ช่วงนี้ภัทรอยู่ไม่ติดบ้านเลยนะแม่ เป็นแค่พนักงานบริษัทงานจะเยอะอะไรนักหนา” รินถามออกไปด้วยความสงสัย
“พูดเรื่องนี้ก็ดีละ รีบหางานให้ได้นะลูกจะได้ช่วยงานพี่เขา เขาน่ะออกจากงานเก่าตั้งแต่รินไปญี่ปุ่นแล้วล่ะ เห็นว่าไปเป็นการ์ดอะไรนี่แหล่ะ”
“จริงเหรอแม่ ไปเป็นการ์ด อันตรายจะตายไป”
“เขาบอกว่าให้เงินเดือนเยอะ ภัทรเลยทำจะได้ล้างหนี้ให้หมดสักที”
“ความผิด รินสินะ” ใบหน้าของรินสลดลงและคิดเสมอว่า เพราะการประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ทำให้แม่และพี่ชายของเธอต้องจำเป็นไปกู้เงินเพื่อมาผ่าตัด จนครอบครัวต้องลำบากแบบนี้
“พูดอะไรน่ะลูก เราดีใจนะที่ริน ของเรารอดมาเนี่ย” แม่พูดพลางเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู
“จ่ะ ฉันจะรีบหางานนะแม่ แล้วภัทรจะกลับมาวันไหน”
“พี่เขาบอกว่า คงจะวันพฤหัสนี่แหล่ะ กลับมาบางทีก็ช้ำไปทั้งตัว” แม่พูดพลางจัดแจงทำกับข้าวโดยมีรินยืนอยู่ใกล้ๆ
“กลับมาเมื่อไหร่ จะด่าให้ตายเลย ภัทร”
“ให้น้อยๆหน่อยนั่นพี่เรานะ”
....หลังจากที่กินข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อย รินตรงขึ้นมาบนห้องนอนและเริ่มหางานในอินเตอร์เน็ตอย่างไม่ลดละ
“ถ้าได้งาน ที่มัตสึโอกะ ก็ดีสินะ จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ติดต่อมาคงพลาดหวังแล้วล่ะสินะ”
(T^T) ...เฮ้อ รินถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าจากความคิดอันหนักหน่วง เครียดทั้งจากหางานทำไม่ได้ ไหนจะเป็นห่วงพี่ชาย ..รินคิดทบทวนเรื่องต่างๆจนเผลอหลับไปจนไม่รู้ตัว
.
.
.
.
“ริน หนีไป!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งสั่งให้ฉันหนี ในขณะที่เขากำลังรับมือกันคนที่มุ่งจะมาทำร้ายนับสิบ
“ไป! ไปสิรินนนน! .... ไม่เป็นไรหรอก” เขาสั่งเธอขึ้นมาอีกครั้ง รินทำได้เพียงก้าวขาไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เสียงของการทะเลาะวิวาทดังขึ้นจากด้านหลัง รินหันหลังกลับไปมองหาเจ้าของเสียงที่คอยสั่งให้หนีไปตลอดเวลา ก็กลายเป็นว่าเขานอนจมกองเลือดไปเสียแล้ว
“จะให้ฉันหนีเหรอ ไม่เอา!” ไวเท่าความคิดขาของรินวิ่งกลับไปหาเขา แต่ทว่าเหมือนรถที่วิ่งเลียบถนนมาจะไวกว่า รถคันนั้นวิ่งมาด้วยความเร็วสูงและเซเข้ามาปะทะกับร่างอันบอบบางของเธอ
โครม!!
ณ วินาทีนั้นรินไม่รู้สึกแม้กะทั่งความเจ็บปวด รู้สึกได้เพียงว่ามีเลือดกำลังไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุดยั้ง
“ริน ริน ฮึก! รินนนน” ก่อนทุกอย่างจะมืดลงรินได้ยินเพียงเสียงผู้ชายคนนั้นที่เธอจำไม่ได้เลยว่าเขาเป็นใคร เขาส่งเสียงเรียกซ้ำๆไปมาจนเสียงแหบพร่า
“ค่ะ” รินขานรับเสียงนั้น ด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ซึ่งเป็นเพราะเธอเค้นแรงจากร่างกายที่บอบช้ำเป็นเฮือกสุดท้าย จนทุกอย่างรอบกายมืดมิดลงไป
.
.
“รินนจัง ตื่นได้แล้วลูก” เสียงเรียกของแม่ ช่วยให้สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายนั้น
“ค่ะ แม่” รินตอบรับเสียงปลุกของแม่ก่อนจะไปอ่าบน้ำและลงไปหาท่านด้านล่าง
“กินข้าวก่อนลูก เป็นอะไรหรือเปล่าแม่เรียกหลายครั้งกว่าจะได้ยิน ฝันร้ายเหรอริน” แม่พูดพลางนั่งลงข้างๆ
“เรื่องเดิมๆค่ะ มันเหมือนจริงจนรินคิดว่า มันเคยเกิดขึ้นจริงแน่ๆ” ฝันร้ายนี้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมานับสิบครั้ง เธอเล่าให้ทุกคนฟังแต่ทุกคนก็ไม่บอกอะไรเลย รวมถึงผู้ชายคนนั้นที่นึกยังไงก็นึกไม่ออกเสียทีว่าเขาเป็นใครด้วยสายตาที่พร่ามัวทำให้มองไม่เห็นใบหน้านั่น มีเพียงแค่เสียงที่อบอุ่นนั้น ที่ดังก้องอยู่ในหูเสมอ
“เอ่อ คิดมากน่ะกินข้าวเถอะลูก” แม่อึกอักเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปกนข้าวอย่างช้าๆ
กริ๊ง!ๆๆๆๆ โทรศัพท์เครื่องกลางเก่ากลางใหม่ ของรินดังขึ้น
“แม่ รินไปรับโทรศัพท์แปปนึงนะ” รินออกมารับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ”
(สวัสดีค่ะบัวบูชาฝ่ายบุคคล มัตสึโอกะ กรุ๊ปขอเรียนสายคุณรินภาค่ะ) โทรศัพท์จากบริษัทเหรอ..เยส! ได้งานแล้วสินะ รินดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่เลยทีเดียว
“ค่ะ กำลังพูดอยู่ค่ะ”
(ก่อนอื่นเราขอแสดงความเสียใจด้วยนะค่ะ คุณไม่ผ่านการพิจารณาในตำแหน่งวิศวกรนะคะ)
พัง! พัง!พัง! เหมือนความหวังของรินพังลงตรงหน้าทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น อุตส่าห์ดีใจไปแล้วแท้ๆ เฮ้อ
(อย่าพึ่งเสียใจไปนะค่ะ คุณสนใจร่วมงานกับเราในฐานะเลขานุการไหมค่ะ)
เอ๋! เลขานุการเหรอ..ยังไงตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องคิดละ นอกจากหางานทำให้ได้
“ตกลงค่ะ แต่ฉันไม่มีความรู้เรื่องนั้นเลย แล้วให้ฉันเป็นเลขาของใคร เริ่มงาน@#$%^&*..”
(เอ่อ ใจเย็นก่อนค่ะคุณ หากคุณตกลงเรื่องรายละเอียดเล็กๆเหล่านั้นเรามาคุยกันวันพุธนี้สะดวกไหมค่ะ)
“ตกลงค่ะ”
(เจอกัน 9 โมงตรงนะคะ เตรียมเอกสารมาด้วยนะคะ)
“เข้าใจแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ”
ติ๊ดๆๆ …..
ด้วยความดีใจรินเลยวิ่งไปหาแม่ในครัวอย่างรวดเร็ว
“เป็นไรไปริน วิ่งหน้าตื่นมาเชียว”
“แม่ รินได้งานแล้วนะไปคุยรายละเอียดวันพุธนี้ เย้ ” รินบอกแม่ด้วยรอยยิ้มที่กว้างที่สุดในรอบปี
“ดีใจด้วยลูก รินจังของแม่เนี่ยเก่งที่สุด”
“แต่แม่ห้ามบอกภัทรนะ รินจะบอกเอง จะเซอร์ไพรส์ภัทรน่ะแม่” รินอยากให้พี่ชายภูมิใจในตัวของเธอบ้างและเลิกเป็นห่วงกันสักที
“จ๊ะ กินข้าวๆ”
“ไม่กินแล้วแม่ มันอิ่มใจน่ะ 555555” ด้วยความดีใจที่เก็บไว้ไม่อยู่ รินหัวเราะจนลั่นบ้าน ก่อนจะขึ้นไปเตรียมเอกสารด้วยความตื้นเต้น
..รินไม่ได้รู้ตัวเลยว่า การตกลงเข้าทำงานที่นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ภัทรที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร ก็ยังจับปืนเป็น บอดี้การ์ดให้เจ้านา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ