ใต้เงาแห่งปีกสีดำ

-

เขียนโดย อาม่า

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00.46 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,925 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 01.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
             บทที่ 1
             ปณิธานที่ไม่ลืม
                “จงหยุดอยู่แค่นั้น! อย่าก้าวเข้ามาใกล้ไปกว่านี้นะ”
                เด็กหญิงวัยสิบขวบตวาดลั่นใส่ผู้บุกรุกที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาหา มีดสั้นในมือน้อยซึ่งกำลังสั่นระริกด้วยความกลัวถูกยกขึ้นอย่างหมายจะใช้มันเพื่อป้องกันตัวเองและผู้ที่ตนเคารพรักยิ่ง
                “หากคิดจะพาเจ้าหญิงไป ก็ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!”
                ทันทีที่สิ้นเสียง อาวุธในมือเด็กน้อยถูกปัดอย่างแรงด้วยดาบจากมือที่ใหญ่กว่าจนกระเด็นไปอีกด้าน  โลหิตสีแดงเข้มไหลปรี่ออกมาจากมือของเด็กหญิงทันทีเพราะแผลฉีกขาดจากแรงปะทะ ทว่านัยน์ตาสีอำพันของบุรุษในชุดเกราะสีดำตรงหน้าก็ยังคงมองเธอด้วยความเฉยชาปราศจากความปรานีใด ๆ
                แสงไฟที่ลุกโชนเผาไหม้อยู่ตามตัวปราสาทแห่งมิเนอร์เวี่ยนสะท้อนประกายคมดาบแวววาวเข้าสู่นัยน์ตาของเด็กหญิง เด็กน้อยคิดว่าตนคงไม่รอดแน่ แต่แล้วเจ้าปีศาจตนนั้นกลับเบี่ยงเท้าเดินผ่านเธอไปอย่างไม่ใส่ใจ มันกำลังเดินตรงไปยังหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
                เจ้าหญิงเลอา!
                เมื่อเด็กหญิงตั้งสติได้ เธอเหลือบมองไปยังมีดสั้นซึ่งถูกปัดไปตกอีกด้าน จึงพยายามกระเสือกกระสนไปเก็บมันขึ้นมาก่อนจะหันปลายแหลมคมพุ่งเข้าใส่เจ้าอมนุษย์ร้ายอีกครั้ง ปีศาจหนุ่มเพียงแค่ปรายสายตามอง เขาสะบัดมือวูบหนึ่งปรากฏเป็นคลื่นพลังสีดำขนาดย่อมซัดเข้าใส่เด็กน้อยจนตัวลอย
                โลหิตสีแดงสดทะลักออกมาจากปากของเด็กน้อย เธอหายใจอย่างยากลำบาก สติสัมปชัญญะเริ่มพร่าเลือน แต่ก็ยังพยายามเงยหน้าขึ้นจ้องบุรุษในชุดเกราะสีดำอย่างโกรธแค้น มันกำลังโอบอุ้มเจ้าหญิงของเธอไว้ในอ้อมแขนและเดินออกไปทางระเบียง
                “เจ้าปีศาจร้าย ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะตามเจ้าไปทุกหนแห่งแล้วช่วยเจ้าหญิงเลอาคืนมาให้ได้ แล้ววันนั้นจะเป็นวันที่ข้าสังหารเจ้า!”
                “ซาการ์ท คือนามข้า ถ้าเจ้าอยากจะจำไว้”
                สติของเด็กหญิงเริ่มเลือนรางเกินกว่าจะรับรู้ว่าดวงเนตรสีอำพันคู่นั้นกำลังหันมามองเธอด้วยแววตาเช่นไร มีเพียงเงาจากปีกสีดำของปีศาจเหยี่ยวซึ่งกำลังโบกสะบัดก่อนจะบินหายไปในท้องฟ้ายามรัตติกาลที่ฉายเข้าสู่ดวงตาของเด็กหญิง ไม่นานนักทุกอย่างก็ดับวูบลง พร้อมกับปณิธานที่จะตามล่าปีศาจตนนั้นไปทุกหนแห่งฝังแน่นอยู่ในใจ
                จวบจนเวลาล่วงผ่านเลยไปนานนับกว่าแปด
 
                “กรี๊ด!! ช่วยด้วยค่ะ คนวิ่งราว”
                เสียงหวีดร้องของหญิงสาววัยกลางคนดังขึ้นกลางตลาดในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อว่าซาคอน เมื่อกระเป๋าเงินถูกมือดีวิ่งมาฉกมันไปต่อหน้าต่อตา นางวิ่งตามทันทีพร้อมกับส่งเสียงตะโกนไปด้วย
                “หยุดนะ! ไอ้โจรบ้า เอากระเป๋าเงินข้าคืนมานะ”
                “หยุดให้โง่เหรอ ยายแก่!“
                เจ้าโจรร้ายไม่วายหันกลับไปตะโกนโต้อย่างเยาะหยัน จึงไม่ทันเห็นผลไม้ลูกเขื่องซึ่งถูกเขวี้ยงมาทางตน และเมื่อมันหันกลับมาก็โดนเข้าที่หน้าอย่างจังจนหงายหลัง
                “ข้าว่าเจ้าโง่ตั้งแต่ริเป็นโจรแล้วล่ะ” หญิงสาวผมแดงผู้เป็นเจ้าของผลไม้ว่าพลางหยิบกระเป๋าเงินมาจากมือเจ้านักวิ่งราวซึ่งยังนอนกุมดั้งตัวเองอยู่กับพื้น
                “แก! คืนเงินนั่นมานะ” 
                เมื่อคนร้ายตั้งหลักลุกขึ้นได้ มันรีบชักมีดพกออกมากวัดแกว่งหมายขู่คนตรงหน้า ทว่าสาวผมแดงก็หาได้แสดงความหวาดกลัวไม่ เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วยกยิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะตอบกลับไปด้วยท่าทียียวน
                “เงินนี่ก็ไม่ได้เป็นของเจ้าสักหน่อย เหตุใดข้าต้องคืนให้เจ้าด้วย”
                “หนอยแน่ะแก! ปากดีนักนะ อย่าอยู่เลย” เจ้านักวิ่งราวแทงมีดใส่อีกฝ่ายอย่างโมโห
                สาวผมแดงเหยียดยิ้มพลิกตัวหลบก่อนจะฟันสันมือใส่มือข้างที่ถือมีดของโจรร้าย มันร้องอุทานและปล่อยมีดหลุดจากมือร่วงตกลงสู่พื้น หญิงสาวจับแขนมันบิดแล้วพลิกตัวกลับไปด้านหลัง เตะข้อพับเข่าจนร่างสูงใหญ่กำยำนั้นทรุดลง เธอยิ้มอีกครั้งแล้วกระซิบที่ข้างหูเจ้าโจรวิ่งราว
                “ข้าเป็นนักล่าค่าหัวนาม โรส ฟลอร่า อย่าให้ข้าได้เห็นว่าเจ้าทำชั่วแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าจะหักแขนเจ้า”
                เจ้าหน้าที่สันติบาลประจำเมืองซาคอนสองนายวิ่งเข้ามารับตัวคนร้ายก่อนที่มันจะโดนสหบาทาจากชาวบ้านร้านตลาด หญิงที่เป็นเจ้าของกระเป๋าเงินรีบเข้ามากล่าวขอบคุณโรส
                “ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี เงินจำนวนนี้สำคัญต่อข้ามาก โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจ้าช่วยเอาไว้”
                โรสยิ้มแล้วส่งกระเป๋าเงินคืนแก่เจ้าของ
                “ไม่จำเป็นหรอก แต่ถ้าอยากจะตอบแทน ช่วยจ่ายค่าผลไม้ลูกนั้นให้ข้าหน่อยก็แล้วกัน เสียดาย... เพิ่งกินไปคำเดียวเอง”
                */*/*/*/*
 
                “ขอบคุณท่านป้าจริง ๆ อาหารที่นี่อร่อยมาก”
                โรสกล่าวขอบคุณหญิงสาวเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เธอได้ช่วยไว้  นางตอบแทนโรสด้วยการขอเลี้ยงอาหารหนึ่งมื้อที่ห้องอาหารในโรงแรมของนางเอง เมื่อคิดสะระตะว่ามันสามารถประหยัดค่าอาหารและเธอเองก็กำลังหิวมากพอดีจึงตอบรับไปอย่างไม่ลังเล หลังจากที่โรสเริ่มลงมือกับอาหาร เจ้าของโรงแรมก็ขอตัวไปทำงานต่อ
                โรสนั่งอยู่ภายในห้องนั้นเพียงลำพังเนื่องจากเลยเวลามื้อเที่ยงไปนานมากแล้ว โรงแรมที่ค่อนข้างหรูหราแบบนี้มักไม่ค่อยมีคนจากภายนอกซึ่งไม่ได้พักในโรงแรมเข้ามาทานอาหารนอกเวลานัก สักพักเสียงกระดิ่งจากประตูทางเข้าก็ดังขึ้น โรสไม่ได้สนใจจะหันไปมองกระทั่งชายคนหนึ่งถือวิสาสะมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
                “อาร์ก มาที่นี่ได้ไง!” โรสอุทานเมื่อมองคนตรงหน้าชัดถนัดตา
                “ได้ยินคนลือกันในตลาดเมื่อครู่ว่ามีสาวสวยผมแดงจับโจรวิ่งราวได้ นึกอยู่แล้วว่าบางทีอาจเป็นเจ้า เลยตามมาที่นี่ อ้อ! ข้าไม่ได้มาคนเดียวหรอกนะ”
                อาร์กตอบพลางฉีกยิ้มแล้วพยักพเยิดไปทางด้านหลังของโรส เธอเบ้หน้าเมื่อเห็นกลุ่มคนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ด้านหลังอีกสามคน เกร็ก  โทเนฟ และคาเมน ทั้งสามถือวิสาสะมานั่งตามอาร์กโดยไม่รอให้โรสเชิญ
                “แล้วไง เจ้าตามข้ามาทำไม” โรสเอ่ยถามเมื่อรวบช้อนวางลง แต่นั่นมันก็หลังจากที่เธอจัดการอาหารบนโต๊ะทั้งหมดแล้วโดยไม่เอ่ยชวนใครร่วมทานมื้อนั้นสักคน
                “นี่ถ้าไม่ติดว่าสวยกับฝีมือดี ข้าว่าคงไม่มีใครคบเจ้าแหง ๆ โอ๊ย!”
                เกร็ก เจ้าเด็กปากเสียประจำกลุ่มส่งเสียงร้องลั่นเมื่อถูกบาทาของโรสประทับเข้าที่กลางหลังจนแทบตกเก้าอี้ เธอแยกเขี้ยวให้เขาก่อนจะหันมาฟังคำตอบจากอาร์ก
                “ข้าคิดว่าการที่เจ้ามาอยู่แถวนี้อาจเพราะมีเป้าหมายเดียวกันกับพวกเรา ซึ่งอยู่บนยอดเขาในป่าต้องห้ามนั่น” อาร์กเอ่ยพลางปรายสายตาไปยังทิวไม้นอกหน้าต่าง “ไม่คิดว่าอยากร่วมงานกันอีกสักครั้งหรือ”
                “เจ้าคิดว่าพวกปีศาจเหยี่ยวดำยังจะอยู่ที่นั่นอีกหรือ ทั้งที่ไม่มีใครได้เห็นพวกนั้นมานานมากแล้วน่ะ แล้วทำไมถึงมาสนใจตอนนี้อีกล่ะ” โรสถามอย่างสงสัย เพราะอาร์กเคยพูดว่าไม่ได้สนใจค่าหัวของเผ่าปีศาจเหยี่ยวดำ เนื่องจากการตามล่าค่าหัวของพวกที่หาตัวยากมันเสียเวลาเปล่า
                “พวกมันอาจอพยพกลับมาโดยไม่มีใครรู้ก็ได้ นี่เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ ข่าวที่มีคนเห็นนกยักษ์แถวชายป่าต้องห้าม แล้วสันนิฐานว่าอาจจะเป็นพวกปีศาจเหยี่ยวดำกลับมาสำรวจถิ่นฐานเดิมของมัน ราชาแห่งมิเนอร์เวี่ยนเลยขึ้นค่าหัวเจ้าปีศาจพวกนั้นเป็นสิบล้านกินีแล้ว โดยเฉพาะเจ้าตัวหัวหน้าเหยี่ยวดำนั่นขึ้นค่าหัวตั้งห้าสิบล้านกินีเชียวนะ ความแค้นของคนรวยที่มีอำนาจมันน่ากลัวชะมัด!” 
                อาร์กหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หากข่าวนั่นเป็นความจริงแล้วพวกเขาสามารถสังหารปีศาจเผ่านี้ได้สักตัวคงขึ้นเงินได้มากโข โรสมองแล้วได้แต่ส่ายหน้า
                “ก็น่าสนใจนะ แต่ครั้งนี้ข้าไม่ร่วมวงด้วยดีกว่า พอดีว่ามีธุระอื่นต้องทำน่ะ” โรสปฏิเสธอย่างไม่ใสใจ อาร์กจึงได้แต่ยักไหล่
                “น่าเสียดายที่เจ้าไม่ไปกับเรานะ งั้นก็ไม่มีธุระแล้ว ข้าลาล่ะ”
                “ขอให้โชคดี ข้าไม่ส่งนะ”
                หญิงสาวมองตามพวกอาร์กเดินออกไปจากห้องอาหาร เธอพ่นลมหายใจออกมาก่อนไปกล่าวลาเจ้าของโรงแรม เมื่อออกมาแล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยไปบนถนนพลางกระหวัดถึงเรื่องที่คุยเมื่อครู่
                ใครว่าเธอไม่สนพวกปีศาจเหยี่ยวดำกันล่ะ! ที่มาถึงเมืองนี้ก็เพราะพวกมันนี่แหละ
                โรสกำมือตัวเองแน่น เธอไม่เคยลืมความแค้นซึ่งมีต่อเจ้าปีศาจที่พรากคนสำคัญไป
                ซาการ์ท ฮาวิ่ก
                นามที่ปีศาจตนนั้นเคยประกาศ เธอจดจำมันฝังแน่นในความทรงจำ พร้อมปณิธานที่จะต้องสังหารมันให้ได้ในสักวัน ตอบแทนความโหดร้ายที่พวกมันเคยสร้างไว้แก่มวลมนุษย์
                โรสหยุดฝีเท้าเมื่อบอลลูกหนึ่งกลิ้งมากระทบขา เธอเก็บมันขึ้นมาแล้วส่งคืนแก่เจ้าของ เด็กหญิงยิ้มแป้นพลางรับบอลคืนแล้วกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงหมุนตัววิ่งกลับไปหาชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นบิดาและมารดา
                “ครอบครัวอย่างนั้นหรือ”
                โรสเป็นเด็กกำพร้า เธอไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครและตัวเธอเองมาจากไหน พอจำได้ก็อยู่ในปราสาทแห่งมิเนอร์เวี่ยนกับเจ้าหญิงแล้ว
                จากที่เคยฟังใครต่อใครเล่ามา เมื่อตอนเธออายุเก้าขวบนั้นได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะ สมองกระทบกระเทือนรุนแรงจึงทำให้สูญเสียความทรงจำ พอเอ่ยปากถามก็ไม่มีใครยอมบอกว่าเด็กกำพร้าอย่างเธอได้เข้าไปอยู่ถึงในปราสาทของอาณาจักรมิเนอร์เวี่ยนได้อย่างไร แท้จริงเธอเป็นใครมาจากไหน ครั้นจะถามจากเจ้าหญิงเลอาซึ่งเปรียบเสมือนพี่สาวและมารดาบุญธรรม นางก็ไม่ยอมบอกอะไรกับเธอมากนัก ได้แต่เอ่ยว่าโตกว่านี้เมื่อไหร่แล้วจะบอกเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด สุดท้ายก็เลยไม่อาจได้รับฟังอะไรจากปากนางอีก เมื่อหลังจากนั้นหนึ่งปี เผ่าปีศาจเหยี่ยวดำก็บุกอาณาจักรและลักพาตัวเจ้าหญิงไป
                เมื่อไม่มีเจ้าหญิงผู้อุปถัมภ์เธอแล้ว โรสจึงถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ด้วยความตั้งใจที่อยากจะตามไปช่วยเจ้าหญิงเลอาให้ได้ เด็กสาวจึงพยายามฝึกวิชาการต่อสู้อย่างเต็มที่ เพื่อจะได้ไปตามล่าหาเบาะแสต่าง ๆ จากพวกปีศาจ
                แปดปีผ่านไป โรสกลายเป็นนักล่าค่าหัวที่มีฝีมือเก่งฉกาจ เธอออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและหางานทำเพื่อเก็บเงินไว้เป็นปัจจัยในการเดินทางและค่าหาข่าว
                แต่ละวันผ่านไปโดยที่หญิงสาวคิดถึงแต่การตามหาเจ้าหญิงเลอาและความแกลียดชังซึ่งมีต่อปีศาจร้าย จนไม่มีโอกาสจะคำนึงถึงอดีตที่หายไปของตน
                โรสอยากมีครอบครัวของตัวเอง และเจ้าหญิงเลอาก็เป็นครอบครัวคนเดียวที่เธอคิดว่ามี เพราะเหตุนี้แม้เวลาจะผ่านไปถึงแปดปีแล้วเธอก็ยังละทิ้งเรื่องของนางไปไม่ได้ ต่อให้นางไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป ก็จะขอล้างแค้นเหล่าปีศาจร้ายให้สาสมใจเสียก่อนเถอะ
                หญิงสาวก้าวเดินไปตามถนนที่ไม่คุ้นเคย เมื่อเงยหน้าอีกครั้งก็พบว่าตนยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง นัยน์ตาสีเขียวกวาดมองสำรวจไปทั่วบ้านขนาดสองชั้นซึ่งสร้างจากปูนและไม้ มันไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก ทว่าเหมาะให้ครอบครัวเล็ก ๆ ได้อาศัยอยู่เหมือนกัน แม้สภาพบ้านจะยังสวยงามสมบูรณ์ดีแต่คราบฝุ่นที่จับหนาตามหน้าต่างบ่งบอกว่าไม่มีคนอาศัยอยู่มานานมากแล้ว
                โรสจำได้ว่าไม่เคยมาในสถานที่แห่งนี้ แล้วไยจึงรู้สึกคุ้นเคยนัก
                “เข้ามาสิ”
                ชั่วครู่...ที่ราวกับได้ยินเสียงเพรียกหาและเห็นเงาหลังของใครคนหนึ่งอยู่หน้าบ้าน
                แผ่นหลังกว้างอบอุ่นกับรอยยิ้มอ่อนโยนซึ่งมักจะเห็นในฝันอยู่เสมอ ใบหน้าของคนผู้นั้นที่เธออยากเห็นเสียเหลือเกินแต่ก็ไม่สามารถนึกออกมาได้ ทำไมจึงมาเห็นซ้อนทับกับบ้านหลังนี้กันนะ
                โรสเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าประตู เธอไม่คิดว่าจะเจอใครอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่มือก็ยังยื่นออกไปจับประตูบ้าน
                ตอนที่โรสถามเจ้าหญิงถึงพ่อแม่ ถามว่ายังมีครอบครัวของเธอคนอื่นอยู่อีกไหม นางบอกว่าเธอมีแค่บิดาและมารดา พวกเขาไปยังสวรรค์แล้ว เธอจะตามพวกเขาไปไม่ได้ ผู้ชายคนหนึ่งจึงพาโรสมาฝากไว้กับเจ้าหญิง หวังให้เธอได้รับการศึกษาและมีชีวิตที่ดี ซึ่งเขาคิดว่าไม่สามารถให้เธอเองได้ ผู้ชายคนนั้นรักเธอดุจน้องสาวแม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
                “เขาคนนั้นเป็นใครกันนะ อยากรู้เหลือเกิน”
                แต่เธออาจจะไม่มีวันได้รู้ ถ้าไม่ได้พบเจ้าหญิงเลอาอีกครั้ง
                โรสเปิดประตูบ้านซึ่งไม่ได้ถูกใส่กุญแจเอาไว้ เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับสิ่งที่น่าแปลก ภายในบ้านสะอาดสะอ้านผิดกับที่เห็นจากภายนอก
                ‘หรือว่าบ้านหลังนี้ยังมีคนอาศัยอยู่ เรากำลังบุกรุกบ้านคนอื่นอยู่หรือเปล่านี่’
                แม้จะนึกเช่นนั้น แต่โรสก็ไม่ได้คิดจะรีบกลับออกไปเลยสักนิด เธอยังคงเดินเข้าไปสำรวจตรวจตราที่พักอาศัยของคนอื่นอย่างไม่กังวล จนกระทั่งมาหยุดชะงักอยู่หน้าห้องหนึ่งเมื่อเห็นเงาร่างที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง
                “ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเชื้อเชิญใครให้เข้าออกบ้านหลังนี้ได้ตามสบาย” ดวงตาสีอำพันคมปลาบจ้องตรงมาที่หญิงสาวอย่างเย็นชา “หรือว่าเปลี่ยนอาชีพจากนักล่าค่าหัวไปเป็นโจรเสียแล้ว”
                หัวใจของโรสเต้นแรง
                ไม่ใช่เพราะเขาคือคนในฝันที่เธอถวิลหา หากแต่เป็นคนที่เธอค้นหาตามล่ามาช้านาน เจ้าตัวหัวหน้าเผ่าปีศาจเหยี่ยวดำ ซาการ์ท!
                “ไง! ไม่ได้พบกันเสียนานนะ นี่เป็นบ้านเจ้าอย่างนั้นหรือ“ โรสเหยียดยิ้มทั้งที่คิ้วกำลังกระตุกกับคำพูดของปีศาจหนุ่มเมื่อครู่ “ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ล่ะก็ คงมาดักรอฆ่าเจ้าไปนานแล้ว”
                โรสตวัดดาบพร้อมกับพุ่งตัวเข้าประชิดปีศาจร้าย หมายฟันลำคอมันให้ขาดสะบั้นไปอย่างไม่ตั้งตัว ทว่าซาการ์ทกลับเบี่ยงหลบและถอยออกไปยืนอยู่ห่างเพียงเล็กน้อยโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร
                “ท่าทางบาดแผลจากคราวก่อนจะหายเร็วดีนะ” ปีศาจหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ กระนั้นก็ยังยั่วโทสะหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
                “ใช่! ข้าก็เลยรีบมาตามหาเจ้าเพื่อตอบแทนหนี้ครั้งที่แล้วและก่อนหน้านี้แบบรวบยอดไปเลยยังไงล่ะ”
                หญิงสาวจู่โจมเข้าใส่ปีศาจเหยี่ยวอีกหลายครั้ง เขาก็ทำเพียงแค่หลบหลีกไปมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ต่างไปจากทุกครั้ง จนกระทั่งข้าวของภายในห้องเริ่มพังเสียหายมากขึ้น  นั่นล่ะ...คิ้วเข้มจึงเริ่มขมวดเข้าหากัน
                ในจังหวะที่โรสโจมตีพลาดซาการ์ทจึงจับแขนเธอบิดไปด้านหลังอย่างแรง หญิงสาวร้องอุทานก่อนจะปล่อยให้อาวุธในมือร่วงตกลงสู่พื้น
                “หยุดได้แล้ว เจ้ากำลังทำให้บ้านพักของข้าเสียหาย”
                “หึ! อย่างเจ้ารู้จักเสียดายข้าวของด้วยรึ” นัยน์ตาสีเขียวของโรสจ้องสบกับนัยน์ตาสีอำพันของปีศาจหนุ่มด้วยความชิงชัง “แล้วที่เจ้าไปทำลายอาณาจักรอื่น เข่นฆ่าชีวิตคนเหมือนผักปลา ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรืออย่างไร ช่างชั่วร้ายสมเป็นปีศาจโดยแท้! ”
                แม้ว่าสีหน้าเรียบเฉยของซาการ์ทจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่แรงกดที่เพิ่มมากขึ้นนั้นย่อมบ่งบอกถึงอารมณ์กรุ่นของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
                โรสกัดฟันข่มเสียงครางจากความเจ็บปวด เธอตวัดดาบสั้นอีกเล่มด้วยมือข้างที่เหลือเข้าใส่ใบหน้าของซาการ์ท ปีศาจหนุ่มเอี้ยวศีรษะหลบเพียงเล็กน้อย เขาปล่อยมือที่บิดแขนหญิงสาวออกแล้วเหวี่ยงเธอไปกระแทกกับชั้นวางของ ศีรษะโรสกระทบเข้ากับผนังเสียงดังก่อนจะหงายหลังลงนอนแน่นิ่งไปภายใต้กองซากปรักหักพัง
 
                นัยน์ตาสีเขียวเปิดขึ้นอีกครั้ง มองเห็นภาพเลือนรางของเพดานที่ไม่คุ้นเคย เธอไม่อาจเคยคุ้นที่ไหน เพราะไม่เคยอยู่ที่ใดได้นาน บ้านซึ่งจะมีใครสักคนที่รักรออยู่คือความฝันอันห่างไกล ยังไม่อาจทำให้เป็นจริง
                โรสกะพริบตาสองสามครั้งก่อนจะค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม้  เธอร้องโอยเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะจึงยกมือขึ้นลูบเบา ๆ ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงกวาดตามองไปรอบห้องซึ่งถูกเก็บกวาดทำความสะอาดจนเรียบร้อย เหลือไว้เพียงริ้วรอยความเสียหายบางส่วนซึ่งไม่อาจซ่อมแซมหรือเคลื่อนย้ายไปไหนได้ในระยะเวลาอันสั้น รวมถึงตัวเธอซึ่งถูกปล่อยทิ้งไว้ให้นอนอยู่ที่เดิม
                “ทำไมไม่สังหารข้าเสียล่ะ” หญิงสาวเอ่ยกับบุรุษที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาอีกฟากของห้อง
                “เจ้าไม่ได้มีค่าให้ข้าต้องลงมือขนาดนั้น” ปีศาจหนุ่มตอบโดยไม่ลืมตาหรือแม้จะขยับตัวสักนิด “ที่สำคัญ ข้าไม่อยากให้บ้านเปรอะเปื้อนไปมากกว่านี้”
                “ทั้งที่รู้ว่าข้าจะไม่มีวันรามือ ตราบใดที่ยังสังหารเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
                “เจ้าอาจจะน่ารำคาญ แต่ยังไม่ได้เป็นหนามทิ่มตำข้านักหรอก”
                “สำหรับเจ้า...ข้าทำได้แค่สร้างความรำคาญให้สินะ” โรสเอ่ยรอดไรฟัน นึกอยากจะลุกขึ้นไปท้าดวลต่อให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็ติดที่ยังรู้สึกมึนศีรษะจนลุกไม่ไหว
                 เป้าหมายของเธอไม่ใช่การมาเล่นไล่จับกับเจ้าปีศาจนั่นแบบนี้ เธออยากจะคาดคั้นบีบคอมันให้ยอมคืนเจ้าหญิงเลอามาแล้วฆ่าให้ตาย แต่กลับทำได้แค่สร้างความรำคาญให้เท่านั้นเองหรือ
                “ถ้าลุกไหวก็รีบไสหัวออกไปก่อนที่ข้าจะตื่นอีกครั้ง” ซาการ์ทเอ่ยก่อนจะเงียบไปโดยทิ้งท้ายไว้อีกประโยค “เจ้าทำร้ายข้าตอนหลับไม่ได้หรอก อย่าหาเรื่องเจ็บตัวอีกเลย”
                โรสยังนั่งจ้องซาการ์ทไปอีกพักใหญ่ด้วยทีท่าฮึดฮัด เพราะไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้ตามที่เขาพูด เธอยังมึนศีรษะและลุกขึ้นเดินไม่ไหวจริง ๆ แล้วจะหยิบมีดไปเสียบอกปีศาจตรงหน้าตอนหลับได้อย่างไร จะออกไปก็ไม่ได้ สุดท้ายเมื่อแสงจากเชิงเทียนริบหรี่ลงจนมอดดับ หญิงสาวก็ค่อย ๆ เอนตัวนอนลงโดยไม่ละสายตาไปจากร่างนั้น เธอแค้นมัน อยากสังหารมัน แม้เจ้าปีศาจตนนั้นจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
                ขณะที่ดวงจิตยังขุ่นแค้น ส่วนหนึ่งในใจกลับนึกถึงอีกบุคคลในห้วงฝัน ภาพของเขาซึ่งเห็นซ้อนทับกับบ้านหลังนี้อย่างเลือนราง...หรือว่าเขาจะมีความเกี่ยวพันใดกับเจ้าปีศาจนี่กันแน่นะ
                ‘อยากจะรู้เรื่องของเขาคนนั้น แต่จะถามออกไปได้อย่างไร...
                แล้วถ้าข้าติดตามเจ้านั่นไป จะได้รู้ทั้งเรื่องของเขาและท่านเลอาหรือเปล่านะ
                แต่ไม่ว่าจะอย่างไรสิ่งที่ข้าตั้งปณิธานต่อเจ้าเอาไว้ มันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่’
                โรสคิดในใจอย่างสับสบก่อนจะพยายามสลัดเรื่องทั้งหมดนั้นทิ้งไป เธอจ้องเงาดำผ่านความมืดสลัวแล้วเม้มปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว ทว่าแผ่วเบาราวกระซิบตอกย้ำแก่ตัวเองพลางกระหวัดถึงสิ่งที่ปีศาจร้ายเคยกระทำ
                “ข้าเคยลั่นวาจาไว้แล้ว ว่าจะต้องทำให้เจ้าเสียใจที่ไว้ชีวิตข้า และข้าไม่มีทางลืมคำนั้นแน่ ซาการ์ท”
 
           

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา