ใต้เงาแห่งปีกสีดำ

-

เขียนโดย อาม่า

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00.46 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,026 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 01.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

             บทที่ 2

             ปีศาจ ฆาตกร

                แสงอาทิตย์ทอสาดพาดขอบฟ้าบอกเวลาเริ่มอรุณของวันใหม่ ภายในบ้านหลังเก่าคร่ำคร่าซึ่งน่าจะไร้ร้างซึ่งผู้ใด กลับมีเสียงเอะอะโวยวายของสตรีดังแว่วออกมา

             “อะไรกันนี่! มีแต่ผลไม้ทั้งนั้น เจ้าไม่มีพวกเนื้อเก็บไว้บ้างหรือยังไง” โรสหันไปถามปีศาจที่ยืนแผ่บรรยากาศอึมครึมออกมารอบตัวตั้งแต่เช้า

                บุรุษหนุ่มมองโรสรื้อค้นห้องครัวของตนพลางนึกในใจ หญิงสาวผู้นี้คงลืมไปแล้วว่าเมื่อคืนเขาออกปากไล่นางไปอย่างไร หรืออาจไม่ได้คิดจะใส่ใจมันตั้งแต่แรก…

                “ข้าเป็นมังสวิรัติ และไม่เคยคิดจะหาเสบียงไว้เผื่อแผ่แขกไม่ได้รับเชิญที่ไหน”

                “เหยี่ยวนี่นะ! กินมังสวิรัติ” แขกไม่ได้รับเชิญเบะปากก่อนจะหยิบผลไม้ลูกหนึ่งขึ้นกัดแล้วเคี้ยวกร้วม ๆ พลางมองเจ้าของสถานที่ถือกระเป๋าสัมภาระเดินออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจเธออีก

                “เฮ้! ผลไม้พวกนี้ไม่เอาแล้วหรือไง น่าเสียดาย”

                โรสรีบกอบผลไม้ลงกระเป๋าของตัวเองก่อนจะกระโดดแผล็วออกจากบ้านก้าวเร็ว ๆ เดินตามซาการ์ทไป

                “เจ้าตามข้ามาทำไม”

                ปีศาจหนุ่มหันไปถามหญิงสาวที่เดินกินผลไม้ตามเขามาพักใหญ่ตั้งแต่ออกจากบ้านมา หล่อนมองหน้าคนถามแล้วเลิกคิ้วสูง

                “ข้าเดินอยู่ข้างหลังเจ้าแล้วคิดว่าข้าต้องตามเจ้ามาหรือไง”

                “อย่ามาทำไขสือเล่นลิ้นกับข้า” ซาการ์ทกล่าวเสียงดุ แต่โรสกลับทำหน้ายียวนกวนประสาทใส่

                “งั้นเจ้าก็บอกมาสิ ว่าเอาท่านเลอาของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน ข้าจะได้ไปตามถูกคน”

                ซาการ์ทมองหน้าหญิงสาวนิ่ง

                “ถ้าได้พบนางแล้วจะทำยังไง พานางกลับไปมิเนอร์เวี่ยนอย่างนั้นหรือ ราชาอาเดียร์สั่งใครให้ทำเช่นนั้นแล้ว?”

                โรสชะงักเมื่อเจอคำถามนี้ จริงอยู่...หากสามารถช่วยเหลือเลอาได้ เธอตั้งใจจะพาเจ้าหญิงกลับสู่มิเนอร์เวี่ยน แต่ก็ไม่มั่นใจว่านั่นเป็นทางเลือกที่ดีนัก แม้ราชาอาเดียร์ผู้เป็นพระบิดาของเลอาจะส่งทหารไปตามล่าและออกประกาศจับพวกปีศาจเหยี่ยวดำ แต่กลับไม่เคยมีรับสั่งให้ตามหาบุตรสาว เหมือนว่าเขาไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยนามของนางออกมาด้วยซ้ำ

                หญิงสาวพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าที่เปลี่ยนไปก่อนเชิดหน้าขึ้นตอบซาการ์ท

                “เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ตราบใดที่ข้ายังไม่ได้พบท่านเลอา ข้าก็จะติดตามเจ้าต่อไปอย่างนี้แหละ”

                “เจ้าคิดจริงหรือ ว่าจะตามข้าได้ตลอดไป” ปีศาจหนุ่มเอ่ยเสียงเยียบเย็น แต่หญิงสาวก็ตอบเสียงยวนกลับ

                “แล้วเจ้าคิดจริงหรือ ว่าจะหนีข้าได้ตลอดไป”

                ซากร์ทพ่นลมหายใจ นึกหน่ายที่จะต่อล้อต่อเถียงกับโรสอีก จึงหมุนตัวหันหลังเดินต่อไปโดยไม่เอ่ยอะไร ปล่อยให้หญิงสาวข้างหลังเดินตามด้วยท่าทางภูมิใจที่เถียงชนะ

                โรสอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นปีศาจเหยี่ยวเดินไปบนถนนซึ่งทอดยาวเข้าสู่ใจกลางเมือง มันเป็นแหล่งที่มีมนุษย์พลุกพล่าน เธอนึกว่าเจ้าปีศาจตนนั้นกับเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติไปแล้วเสียอีก อย่างน้อยก็ตั้งแต่แปดปีก่อนนั่นแหละ

                ราชาแห่งมิเนอร์เวี่ยนประกาศกร้าวว่าอาณาจักรของเขาจะต้องปราศจากอสูรใด จึงสั่งสมกำลังพลมากมายไว้ล่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจโดยเริ่มจากพวกเหยี่ยวดำ

                หลังออกจากบ้านอุปถัมภ์เด็กกำพร้า โรสสมัครเป็นทหารรับจ้างอยู่กองกำลังเสริมช่วงหนึ่งก่อนออกมาเป็นนักล่าค่าหัวอย่างเต็มตัว ในช่วงนั้นได้มีโอกาสพบและประมือกับซาการ์ทหลายครั้ง แต่ไม่ได้ใสใจว่าทำไมจึงพบเขาในแต่ละสถานที่

                ครั้งนี้โรสคอยสังเกต จึงเห็นว่าเจ้าปีศาจมักแวะเวียนเข้าร้านขายยาและสมุนไพร สงสัยนักว่าเขาจะเอามันไปทำอะไร มีใครป่วยมากมายนักหรือ

                ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้คิดจะไถ่ถาม และความรำคาญจากสิ่งอื่นก็มีมากกว่า โรสรู้สึกถึงสายตาหลายคู่จ้องมองมาตลอดทาง มันเป็นสายตาของสตรีหลายนางซึ่งจับจ้องไปยังปีศาจเหยี่ยวอย่างชื่นชมและเคลิ้มฝัน พวกนางเหล่านั้นพาลมองอย่างทิ่มแทงมาที่เธอซึ่งเดินตามติดอยู่ด้านหลังของเขาด้วย

                แม้โรสจะชิงชังเจ้าปีศาจตนนี้เพียงใด ทว่าหากมองในมุมมนุษย์ธรรมดาอย่างไร้อคติแล้วก็ต้องยอมรับ ว่าจะเห็นซาการ์ทเป็นเพียงมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาคมคายหล่อเหลา เส้นผมสีดำสลวยยาวระแผ่นหลังและข้างแก้ม กระนั้นก็ยังไม่อาจบดบังนัยน์ตาสีอำพันทอประกายคมปลาบคู่นั้นได้ ร่างสูงสมส่วนภายใต้อาภรณ์สีดำสนิทซึ่งตัดแต่งอย่างภูมิฐานตามแบบสมัยนิยมของมนุษย์ หากเขาได้อยู่ในสังคมของมนุษย์จริง ๆ ก็คงเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่มากมายได้อย่างไม่ต้องสงสัย

                คิดไปแล้วโรสก็นึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก

                “อยากรู้นัก ถ้าแม่พวกนั้นรู้ว่าเจ้าเป็นปีศาจและฆาตกรจะทำหน้ายังไง”

                */*/*/*/*

 

                “นี่! เจ้าว่าโรสกำลังตามผู้ชายคนนั้นอยู่หรือเปล่า” บุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนแข่งกับเสียงจอแจรอบข้าง พวกเขานั่งอยู่ในร้านอาหารข้างถนนเพื่อรับประทานมื้อเช้าและเห็นโรสเพิ่งเดินผ่านหน้าร้านไป

                คนถูกถามจำต้องกลืนชิ้นเนื้อซึ่งยังเคี้ยวได้ไม่ละเอียดดีลงคอเพื่อตอบคำ

                “ถ้าหมายถึงเจ้าหนุ่มหล่อชุดดำคนนั้นล่ะก็ คงใช่”

                “ยายนั่นบอกว่ามาทำธุระ แต่ดูท่าทางแบบนั้นคงไม่ได้มาล่าเหยื่อไปขึ้นค่าหัวหรอกนะ” ชายหนุ่มคนแรกเปรย เขายกมือชึ้นลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด

                “ว่าแต่ผู้ชายคนนั้น ข้าว่าหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน...” เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสั่งเจ้าคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม “เกร็ก เจ้าเอารายชื่อค่าหัวมาให้ข้าหน่อยสิ”

                เกร็กหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกจากกระเป๋าแล้วรีบส่งมันให้กับอาร์กก่อนที่ไส้กรอกชิ้นสุดท้ายในจานจะถูกคนที่นั่งข้าง ๆ แย่งไป อาร์กรับสมุดมาแล้วพลิกไปยังหน้าที่มีประกาศจากมิเนอร์เวี่ยน ครู่หนึ่งบุรุษหนุ่มก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ

                “เยี่ยม! เจอเหยื่อดีเข้าแล้ว”

                */*/*/*/*

 

                ในตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่าน โรสยังคงติดตามซาการ์ทไปไม่ห่าง แต่ไม่ได้เข้าใกล้ไปวุ่นวายมากนัก ปีศาจเองก็ทำตัวเหมือนไม่รู้ว่ามีเธอติดตามอยู่ข้างหลัง

                ไม่สิ! เจ้านั่นรู้ แต่ไม่ใส่ใจ มันคิดว่าเธอไม่อาจจะเป็นหนามทิ่มตำอะไรได้ ประมาทเข้าไว้เถอะ

                ขณะหญิงสาวจ่ายเงินซื้ออาหารว่างริมทางอย่างรีบร้อน สายตาคอยมองปีศาจเหยี่ยวไม่ละไป มือของใครคนหนึ่งก็มาสะกิดจากด้านหลัง

                “ไง! โรส กำลังตามตื้อหนุ่มอยู่เหรอ ใช่ท่านชายผู้นี้หรือเปล่า”

                อาร์กเอ่ยพลางหงายสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา โรสหรี่ตามองใบประกาศนำจับจากมิเนอร์เวี่ยนแล้วก็ถอนหายใจ

                มาจนได้...ตัวยุ่งยาก

                “ข้าไม่ถือสาหรอกนะที่เจ้าโกหก แต่ยังคิดว่าไม่อยากจะร่วมมือกันอยู่อีกหรือ”

                “ใช่ ข้าไม่คิดจะร่วมมือกับเจ้าหรือใครทั้งนั้น” โรสตอบอย่างไม่ลังเล “เป้าหมายของข้าไม่ใช่แค่ค่าหัวของเจ้านั่น แต่จะด้วยเหตุผลอะไรนั้นข้าไม่มีความจำเป็นต้องบอกเจ้า”

                “อ้อ! ใช่แล้ว เจ้าเป็นชาวมิเนอร์เวี่ยน” อาร์กทำท่าว่านึกอะไรออก แต่โรสเดาว่าเขาคงเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากสิ่งที่เธอคิด...เยอะ

                “เจ้าคงเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนครั้งนั้นด้วย”

                “ก็ทำนองนั้น” หญิงสาวรับเสียงเนือย เมื่ออาร์กทำท่าเห็นใจและตบไหล่เธอเบา ๆ

                “อย่างนั้นก็ตามใจ แต่ในเมื่อเรามีเป้าหมายคนเดียวกัน หากพวกข้าชิงตัดหน้าไปก่อนก็อย่าว่ากันเลยนะ”

                “ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกพวกเจ้า” เธอกล่าวจริงจังพลางจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง “แต่ค่าหัวห้าสิบล้านของเจ้านั่นไม่ได้มีไว้เพื่ออวดความร่ำรวยของมิเนอร์เวี่ยนหรอกนะ”

                “โอ้! ถึงเป็นเช่นนั้น เจ้าเองก็ยังไม่หวั่นเลยมิใช่หรือ” อาร์กแสยะยิ้มอย่างท้าทาย “แต่ก็ขอบใจนะที่เตือน ข้าไปก่อนล่ะ”

                อาร์กเอ่ยลาแล้วก้าวถอยเข้าไปในฝูงชนเมื่อเห็นว่าซาการ์ทออกมาจากประตูร้านที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา หญิงสาวมองตามอดีตเพื่อนร่วมงานพลางถอนหายใจ รู้ดีว่าพวกเขาคงไม่เลิกราง่าย ๆ แน่

                “ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ อาร์ก”

                หลังจากติดตามซาการ์ทซึ่งเดินลัดเลาะไปทั่วเมืองจนเย็นย่ำ โรสอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าปีศาจตนนี้ทำไมชำนิชำนาญการซื้อของในเมืองมนุษย์นัก หล่อนเดินตามจนเริ่มเหนื่อยแล้วแท้ ๆ

                ปีศาจหนุ่มปรายหางตามองโรสซึ่งเดินลากขาทิ้งช่วงอยู่ไม่ไกลก่อนจะหมุนปลายเท้ามุ่งหน้าออกนอกเมือง อีกไม่นานจะพลบค่ำ เขาตั้งใจจะบินกลับในยามนั้นเพื่ออำพรางตนจากสายตามนุษย์ช่างสังเกต ซาการ์ทรู้ดีว่านอกจากตัวยุ่งขาประจำแล้วตอนนี้ยังมีเพิ่มมาอีกสี่ เห็นทีจะหลีกหนีความยุ่งยากไม่ได้เสียแล้ว

                เมื่อออกนอกเมืองมาได้ระยะหนึ่ง ห่างไกลจากเขตชุมชนพอที่จะไม่มีใครเข้ามายุ่งหรือโดนลูกหลงได้ อาร์กสั่งให้โทเนฟและคาเมนวิ่งอ้อมไปดักด้านหน้าเจ้าปีศาจเอาไว้ พวกเขาแฝงตัวในพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบแล้วเล็งหน้าไม้ไปที่ซาการ์ท ลูกดอกที่ใช้ลงอาคมตรึงวิญญาณ หาได้อย่างฉุกละหุกในร้านขายอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีในเมืองซาคอนเพียงสี่ดอกด้วยกัน ราคาของมันแพงลิบ ทว่าอาคมที่ลงไว้ในลูกดอกสามารถทำให้เป้าหมายหยุดความเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะ ปีศาจที่เขาล่าตนนี้มีความสามารถในการบินบนอากาศ จึงนับว่ามีค่าพอที่จะเสี่ยงใช้มัน

                เมื่อสบโอกาสโทเนฟและคาเมนจึงเล็งหน้าไม้แล้วเหนี่ยวไกยิงลูกดอกใส่ซาการ์ท ทว่าปีศาจหนุ่มกลับเบี่ยงตัวหลบอย่างว่องไว เขากระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่แล้วสาดคลื่นพลังสีดำใส่โทเนฟและคาเมนพร้อมกันก่อนจะส่งอีกลูกไปทางโรส

                อาร์กและเกร็กซึ่งกำลังพุ่งมาจากทางด้านหลังของโรสเห็นดังนั้นต่างก็รีบหลบไปข้างทาง ปล่อยหญิงสาวให้ยืนอ้าปากค้างที่จู่ ๆ ก็ถูกซัดพลังใส่ แต่ก่อนที่คลื่นสีดำลูกนั้นจะถึงตัว เธอก็อาศัยความรวดเร็วในการเอาตัวรอดหลบหลีกได้อย่างเฉียดฉิว ครั้นหันกลับไปมองพื้นดินที่ตัวเองยืนอยู่เมื่อครู่ก็พบว่ามันได้กลายเป็นหลุมลึกขนาดย่อมไปเสียแล้ว

                โรสขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธทั้งซาการ์ทและพวกอาร์กจนนึกอยากลุยมันเสียทั้งสองฝ่าย แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ด้วยความกังวลที่มีมากกว่า อย่างไรซะ พวกอาร์กก็ยังเป็นสหาย เธอไม่อยากให้สิ่งที่คาดการณ์เอาไว้เกิดขึ้นหากพวกเขาลงมือ

                ครั้นรู้สึกถึงเสียงของอะไรบางอย่างกำลังแหวกอากาศเข้ามาใกล้ โรสจึงหันไปทางผู้ชายห้าคนซึ่งกำลังต่อสู้พัวพันกันอยู่ หากสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือร่างของเกร็กซึ่งกำลังลอยละลิ่วมาทางเธอพอดิบพอดี หญิงสาวจำต้องรับร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจจนทั้งคู่ล้มกลิ้งไปด้วยกัน เกร็กไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนอกจากรอยช้ำที่ถูกเตะเมื่อครู่

                ถึงเกร็กจะเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างปากเสีย แต่เขาก็ยังรู้จักกล่าวคำขอโทษและขอบคุณโรสก่อนจะรีบวิ่งตามซาการ์ทซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปที่ป่าอีกด้านเมื่ออาร์กหันมาตะโกนสั่ง

                โรสคิดจะตามพวกเขาไป แต่อาการเจ็บแปลบที่ข้อเท้าทำให้หญิงสาวต้องหยุดชะงัก ดูเหมือนว่าการรับตัวเกร็กเอาไว้จนเสียหลักล้มลงจะทำให้ข้อเท้าของเธอแพลงเสียแล้ว โรสรีบหยิบม้วนผ้าออกจากกระเป๋ามาพันข้อเท้าตามวิธีปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็วก่อนจะตามพวกเกร็กไป

                แม้ว่าอดีตเพื่อนร่วมงานจะด้อยฝีมือกว่าโรสอยู่บ้าง แต่เรื่องฝีเท้าพวกเขากลับไม่เป็นรองใคร มันทำให้โรสเริ่มกังวลเมื่อถูกทิ้งห่าง และยิ่งกังวลมากขึ้นเมื่อมีเสียงร้องโหยหวนครวญครางดังมาให้ได้ยิน 

                หัวใจที่เต้นรัวด้วยลางสังหรณ์เมื่อครู่แทบจะหยุดลง หญิงสาวเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้า ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาด พวกของอาร์กนอนจมกองเลือดประปรายไปบนพื้น บาดแผลบนร่างของแต่ละคนบอกชัดว่าพวกเขาไม่ได้มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว

                โรสบดกรามแน่นด้วยความแค้น เธอหันไปมองซาการ์ทซึ่งกำลังเช็ดคราบเลือดบนใบดาบด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเย็นชา

                “ไอ้ฆาตกร!”

                โรสคำรามอย่างคลั่งแค้น ภาพเมื่อแปดปีก่อนยังคงติดตา ท่ามกลางซากศพมากมายมีปีศาจทมิฬที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ต่างจากตอนนี้

                หญิงสาวชักดาบออกแล้วฟาดฟันมันเข้าใส่ปีศาจหนุ่มอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซาการ์ทใช้ดาบของตัวเองรับไว้อย่างไม่คิดจะหลบหลีกเหมือนที่ผ่านมา ปีศาจเหยี่ยวจ้องหน้าโรสอย่างเย็นชาก่อนจะสะบัดดาบออกอย่างแรงจนโรสต้องถอยไป

                สาวผมแดงจ้องปีศาจดำด้วยสายตากร้าว เธอร่ายเวทเสกลูกไฟขึ้นมาหลายลูกก่อนจะสั่งมันให้พุ่งเข้าใส่ซาการ์ท ชายหนุ่มถีบตัวลอยขึ้นไปยืนอยู่บนกิ่งไม้สูง เมื่อลูกไฟเหล่านั้นพลาดเป้าจึงปะทะเข้ากับต้นไม้รอบ ๆ ลุกพรึบลามเลียกิ่งไม้จนกลายเป็นไฟป่า

                โรสรีบเงยหน้าจ้องซาการ์ทตาวาว เกรงว่าเขาจะบินหนีไปเสียก่อนจึงวาดมือบนอากาศปรากฏเป็นอักขระโบราณเรืองแสงสีเขียวเข้ม มันคือเวทตรึงวิญญาณที่น้อยคนนักจะสนใจใคร่ศึกษา เพราะหากไร้ซึ่งความชำนาญและเชื่องช้า โอกาสที่จะถูกโจมตีกลับจากช่องว่างขณะร่ายเวทอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

                เมื่ออักขระขึ้นครบตามเงื่อนไขการใช้งาน หญิงสาวไม่รอช้าที่จะส่งมันไปหาปีศาจเหยี่ยวทันที

                “ข้าฝึกมันมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเชียวล่ะ ซาการ์ท!”

                ปีศาจหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอ เขากระโดดออกจากกิ่งไม้ข้ามไปยังอีกฝั่งของลำธารใกล้ ๆ ก่อนจะสยายปีกออกและสะบัดใส่ลำธารจนผิวน้ำกระเซ็นสาดใส่ต้นไม้ที่กำลังติดไฟจนมอดดับ

                “ข้าสังหารคนที่หมายชีวิตตนกลับถูกเรียกว่าฆาตกร แต่มนุษย์ที่ล่าชีวิตอื่นเพื่อสนองกิเลศตนนับเป็นเรื่องชอบธรรม ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถือดีเสียจริง”

                โรสยกแขนป้องกันใบหน้าจากน้ำที่ซัดสาด ครั้นลดแขนลงก็ปรากฏว่าเจ้าปีศาจนั่นได้หายตัวไปเสียแล้ว

                “หนีไปจนได้”

                หญิงสาวต้องถอนหายใจยาวเมื่อหันไปมองซากศพของสหาย เธอไม่ตามซาการ์ทไป เพราะไม่อาจปล่อยร่างของพวกเขาเอาไว้เช่นนี้ได้ จากที่นี่ไปอีกไม่ไกลจะเข้าเขตป่าต้องห้าม จุดหมายปลายทางของปีศาจเหยี่ยวดำอาจไม่ห่างจากสถานที่นั้นนัก

                โรสมองใบหน้าที่ไร้สีเลือดของเกร็กอย่างเวทนา เขายังเด็กเกินกว่าจะสมควรตาย หญิงสาวหันไปมองร่างไร้ลมหายใจของอาร์กแล้วเอ่ยแผ่วเบา

                “ข้าเตือนแล้วแท้ ๆ”

                */*/*/*/*

 

                สายลมเอื่อยยามค่ำพัดผ่านผืนม่านจนพลิ้วไหวก่อนจะสะบัดด้วยแรงจากลมใต้ปีกสีดำ ซาการ์ททิ้งปลายเท้าลงบนระเบียงชั้นบนสุดของปราสาทเก่าแก่ผุพังซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาริมหน้าผา ร่างสูงสง่าหุบปีกลงแล้วเดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปภายในห้องที่มีสตรีคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง เขาวางกระเป๋าสัมภาระแล้วไปหยุดยืนเคียงข้างนางก่อนจะยื่นมือไปแตะนวลปรางอย่างแผ่วเบา

                เปลือกตาหญิงสาวขยับปรือขึ้นช้า ๆ นางกะพริบตาปริบ ๆ มองภาพเบื้องหน้าแล้วแย้มยิ้มอย่างดีใจ

                “ซาการ์ท ท่านกลับมาแล้ว”

                “ไม่ต้องลุก” เขาปราม พลางดันร่างบอบบางให้นอนลงอย่างทะนุถนอม “เจ้าไม่สบาย ควรพักผ่อนให้มาก”

                “ข้านอนพอแล้ว ท่านต่างหากที่ควรพักผ่อน”                 หญิงสาวรั้นดันมือซาการ์ทออก นางลุกขึ้นแล้วดึงดันให้ปีศาจหนุ่มนอนลงแทน

                “เหนื่อยไหม”

                นางถอดเสื้อชั้นนอกของปีศาจพาดเก้าอี้แล้วใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดซับไปบนใบหน้าคมคาย นัยน์ตาสีฟ้าหวานจ้องสบกับดวงตาสีอำพันอันเยือกเย็น

                ซาการ์ทไม่ตอบคำถาม เขาจับมือนางแล้วหยิบผ้าไปวางในอ่างน้ำก่อนจะดึงร่างบอบบางลงนอนไปด้วยกัน หญิงสาวหลับตาพริ้ม ยิ้มรับจุมพิตที่หน้าผากก่อนจะซุกซบใบหน้าลงกับแผงอกหนั่นแน่น ภายใต้อ้อมแขนอบอุ่นปลอดภัย

                เขาย่อมเหนื่อย นางรู้ดี กลิ่นเลือดเจือจางจากเสื้อตัวนั้นบ่งบอกว่าซาการ์ทต้องต่อสู้กับผู้ที่หมายปองชีวิตของเขาอีกแล้ว แม้จะไม่ได้รับบาดแผลบนร่างกาย แต่ที่อื่นใดนั่นเล่า

                หญิงสาวเงยขึ้นมองใบหน้าคมยามหลับตา ลมหายใจของปีศาจหนุ่มเข้าออกสม่ำเสมอ เขาหลับไปแล้วอย่างง่ายดาย แต่คงไม่มีฝันอันแสนสุขในห้วงมโนของเขาแน่

                นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าที่ดูอิดโรยของซาการ์ทอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเขาจะตื่น

                “การเดินทางหลายวันมานี้ ท่านคงเหนื่อยมากสินะ”

                หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของปีศาจผู้เป็นที่รักอยู่เนิ่นนาน ดวงตาสีฟ้าหวานทอประกายสั่นไหว

                “อยากเห็นท่านยิ้มอีกสักครั้ง”

                ซาการ์ทไม่เคยยิ้มมานานแล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์เก่าก่อนที่ฝังใจ

                นางลดมือจากใบหน้าเขา หลับตาแล้วซบหน้าลงกับอกอุ่นอีกครั้ง เสียงหวานเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา

                “ข้าแย่งชิงความสุขทั้งหมดของท่านมา ทว่าอีกไม่นานนักหรอก...ซาการ์ท”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา