The Ancient Tales : The Awakening
-
เขียนโดย Zcret
วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.13 น.
5 chapter
0 วิจารณ์
8,081 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 12.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ZOAN SLAVE
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงอาทิตย์ปรากฏ ณ ขอบฟ้า แสงทองทอประกายบนผืนน้ำสีน้ำเงิน คลื่นน้ำซัดเข้าฝั่งกระทบกับโขดหินในขณะที่เรือลำใหญ่หลายลำกำลังแล่นเข้ามาเทียบท่า ลมทะเลพัดเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เจ้าหน้าที่พนักงานของท่าเรือเริ่มออกปฏิบัติหน้าที่ หน้าที่ของพวกเขาคือจัดแจงนำเรือแต่ละลำให้เทียบท่าให้ถูกต้องและป้องกันไม่ให้เรือชนกันเสียหาย นั้นก็เป็นบรรยากาศชองเขตท่าเรือ ดรีต้า แห่งเมือง เรรี่ เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเซดัสห์
เรรี่จัดเป็นศูนย์รวมการนำเข้าและการส่งออกสินค้า รวมถึงการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของที่สุดในเซดัสห์ ทำให้จักวรรดิเมย์ทรอนส่งทหารเข้าประจำการ ควบคุมและดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น จัดตั้งให้มีการจดทะเบียนลำเรือเพื่อความเป็นระบบระเบียบและความปลอดภัย เพราะนอกจากสินค้าที่นำเข้าและออกแล้วยังมีชาวอาเรีย กลุ่มคนที่เดินทางข้ามทวีปเข้ามาในเซดัสห์เพื่อทำการค้าหรือประกอบกิจการผ่านทางเรรี่มานานกว่าทศวรรษ และ ปัญหาโจรสลัดที่คอยดักปล้นสะดมเรือ จักวรรดิเมย์ทรอนจึงต้องคุมเข้มเป็นพิเศษ
ท่าเรือดรีต้ามีขนาดกว้างใหญ่มาก มันถูกแบ่งออกเป็นโซนหลายโซนเพื่อความเป็นระเบียบ โซนท่าเรือก็ใช้ว่าจะเล็กๆ วันๆหนึ่งดรีต้ามีเรือเข้าออกเป็นร้อยๆลำ นอกจากเรือสินค้าแล้วก็ยังมีเรือเดินทางอีก ซึ่งก็ถูกจัดให้อยู่อีกโซนหนึ่งที่ใหญ่ไม่ใช่เล่น นอกจากโซนท่าเรือสินค้าและโซนท่าเรือเดินทางแล้ว ยังมี ทานโด โซนย่านการค้าชื่อดังที่รวบรวมเอาพ่อค้าแม่ค้าและนักธุรกิจของทุกเผ่าพันธุ์บนเซดัสห์อีกด้วย
และที่สำคัญเหตุผลอีกประการที่จักวรรดิเมย์ทรอนได้เข้ามาแทรกแซงเมืองท่าเรรี่ เพราะเรรี่มีการค้าทาส มากที่สุดในเซดัสห์ ซึ่งจักวรรดิเมย์ทรอนได้มีนโยบายห้ามระบบทาสขึ้นในเร็วๆนี้ ทางการจึงต้องคุมเข้มทุกตารางนิ้ว
“ ช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหน่อยนะคุณทหาร ”
เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นก่อนที่เขาจะยื่นถุงเงินขนาดเท่าผ่ามือ
ให้นายทหารเมย์ทรอน
“ หวังว่าจะเพียงพอนะท่าน..” พ่อค้าพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบาลง
“ อย่าโจ่งแจ้งนักละ ”
นายทหารคนหนึ่งกล่าวขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะรีบเดินออกจากบริเวณนั้น
“ ได้ครับๆ ข้าจะปิดเงียบไม่ให้ใครรู้เลย ”
พ่อค้ากล่าวไล่หลังสองนายทหารที่กำลังลับหายไปตรงทางแยก
“ นี่แหละนะ ทำมาค้าขายก็ต้องรู้จักใช้เงินให้เป็น บางครั้งก็ต้องยอมเสียบ้างเพื่อให้ได้ดีกว่า ”
พ่อค้าหันหลังและเดินตรงไปยังโกดังสินค้าของตน มือหยาบๆและท่อนแขนขนดกๆเอื้อมไปกระตุกผ้าคลุมสีน้ำตาลเข้มผืนใหญ่
“ เนอะ…เจ้าว่าไหม”
เขายืนหน้าเข้าใกล้กรงเหล็กที่อยู่ใต้ผ้าคลุม พร้อมกับยิงคำถามหยอกล้อกว่าหลายสิบชีวิตที่ถูกล่ามไว้อยู่ด้านใน
ตึง !!! โฮกกกกกกก
ร่างขนาดใหญ่ที่ถูกพันธนาการพุ่งเข้ากระแทกพ่อค้าด้วยโทสะ แต่นั้นก็เปล่าประโยชน์ด้วยโลหะล่ามโซ่ที่ล็อคคอของเขาและกรงเหล็กหนาที่คุมขังตน เรือนร่างที่มีแขนขาเช่นเดียวกับมนุษย์แต่ผิดแปลกไปที่ตามตัวของเขานั้นมีขนเหมือนกับขนสัตว์ และเขี้ยวเล็บที่แหลมคม อุ้งมือ อุ้งเท้า รวมไปถึง หาง ร่างนั้นกระแทกเข้ากับกรงเหล็กอย่างจังแต่กลับได้รู้สึกเจ็บปวดไม่ ร่างนั้นยังคงคำรามใส่พ่อค้าอย่างบ้างคลั่ง พร้อมทั้งพยายามกระแทกทุบทำลายกรงที่คุมขังตน
“ แหม แรงดีจริงๆ พวก โซอัน ” เขากล่าวเหยาะเย้ย
“ ครึ่งมนุษย์ครึ่งราชสีห์อย่างเจ้า ต้องราคาสูงแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆ ”
เขาหัวเราะเสียงดังลั่นของที่จะกระตุกผ้าคลุมกลับลงมาปิดกรงไว้คงเดิม และเดินเริงร่าจากไปจากห้องโกดัง
“ เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าแมวยักษ์ ” อีกเสียงหนึ่งภายในกรงขังดังขึ้น
“ รู้ทั้งรู้ว่าเหล็กมันแข็ง เจ้าก็ยังจะไปพุ่งชน ” อีกเสียงแทรกเข้ามา
ร่างนั้นยังคงหายใจเสียงดังจากอาการโมโหที่ยังไม่สงบลง ครึ่งมนุษย์ครึ่งราชสีห์ไม่ตอบอะไร เขาหันกลับด้วยความฉุนเฉียวก่อนที่จะกลับมานั่งที่เดิมของตน
“ มนุษย์บัดซบ ” เขาสบถ
“ เอาหน่า…เวลานี้ก็ทำได้เท่านี้เหละเจ้าแมวยักษ์…แค่ตอนนี้เจ้ายังไม่ตายและไม่ถูกขายก็ดีแล้ว ”
“ ไม่คิดว่ากิ้งก่าจะใจเย็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ “
“ ก็หรือมันไม่จริง ”
" เจ้าคิดว่าอะไรจะดีขึ้น อีกไม่กี่ชั่วโมงเจ้าก็แค่เปลี่ยนกรงเหล็ก ถูกล่ามโซอยู่ดี อาจจะดีขึ้นหน่อยที่มีคนมาดูเจ้า ต้องการเจ้า และเลือกซื้อเจ้าไปใช้แรงงาน ”
“ ถ้าไม่ช่วยให้อะไรไม่ดีขึ้นก็อย่าพูดออกมาเถอะเจ้าจิ่งจอก”
“ ข้าพูดความจริงกิ้งก่า ”
“ ข้ามีนามว่า เดออน เจ้าจิ้งจอก ”
“ ส่วนนามข้า ฟานห์ เจ้ากิ้งก่า ”
อีกสองร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ที่กำลังถกเถียงกันอยู่ ร่างหนึ่งมีผิวกายสีเขียวลักษณะแบบสัตว์เลื่อยคลาน ผิวหนังนุ่มลื่นเป็นตะปุ่มตะปั่มขรุขระ และดวงตากลมโตนัยต์ตาสีเหลืองบนใบหน้าทรงวงรีเรียวยาว ในปากมีเขี้ยวเล็กแหลมเรียงเป็นแนว รวมไปถึงหางยาวที่โผล่ออกมากองอยู่ข้างกาย ส่วนอีกตนเรือนร่างมีขนสีน้ำตาลส้ม อุ้งมืออุ้งเท้าหุ้มด้วยขนสีขาว ใบหูทรงสามเหลี่ยมบนศรีษะ ใบหน้ารูปทรงสุนัขจิ้งจอก ตาเล็กๆ และหางที่ม้วนวางบนหน้าตักตนเอง
ทั้งสองถกเถียงกันอยู่พักใหญ่โดยที่ทาสตนอื่นๆก็นั่งฟังโดยไม่โต้แย้ง นั้นคงเป็นบรรยากาศที่ดีกว่าการนั่งหดหู่ในกรงทึบๆรอเวลาที่ตนถูกขายอย่างที่จิ้งจอกฟานห์พูดขึ้น ชาวโซอันเป็นชนเผ่าครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ที่เชื่อกันว่าเป็นคำสาปของเทพเดนายที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดตามที่พระคัมภีร์ได้กล่าวเอาไว้ พวกเขามีความสามารถและพละกำลังที่โดดเด่นเหนือมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นๆ เว้นตามความสามารถการใช้เวทย์มนตร์เช่นเดียวกับดรอว์ฟ แต่ทว่าโซอันถูกสั่งสอนให้พึงระลึกเสมอว่าตนเองนั้นเกิดมาพร้อมกับบาปที่ต้องชดใช้
เริ่มแรกเอลฟ์จับเหล่าโซอันมาเป็นทาสกว่าหลายร้อยปีด้วยความสามารถทางมนตราที่โซอันไม่สามารถใช้ได้ ก่อนที่จะเกิดสงครามมหาเวทย์และลุกลามจนกลาย The Plague จนถึงการล่มสลายของเอลฟ์ โซอันจึงเป็นอิสระในช่วงหลังสงครามเป็นเวลากว่าสามทศวรรษเช่นกัน แต่แล้วพวกเขากลับถูกมนุษย์ไล่ล่ากลับมาเป็นทาสอีกครั้งและด้วยข้อจำกัดทางเวทย์มนตร์อีกเช่นเคยทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อกรได้ และถูกจับเป็นทาสจนถึงปัจจุบัน
“ ว่าแต่ เจ้าแมวยักษ์ เจ้าชื่ออะไร ”
เดออนหยุดเถียงกับฟานห์แล้วหันมาสนใจร่างที่เต็มที่ด้วยโทสะเมื่อครู่
“ ก็แล้วจะไปถามเขาทำไมเล่า กิ้งก่าเนี่ยพูดมากเสียจริง เดี๋ยวก็ผู้บิ้กนั้นจับกินเสียหรอก ”
ฟานห์กล่าวขัด
คลิ๊ก !!
เสียงประตูกรงเหล็กถูกไขออกและเปิดขึ้น
“ ได้เวลาเผ่นแล้วหนุ่มๆ”
เจ้าของเสียงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาเข้ามาปลดโซตรวนให้กับทาสทีละตนๆ เดออนพยายามที่จะมองใบหน้าของผู้ที่กำลังช่วยเหลือตน แต่ร่างนั้นแต่งการโทนสีดำมิดชิดสวมหมวกฮู้ดแลดูลึกลับแถมมีผ้าปิดปากอีกด้วย แต่ดูจากน้ำเสียงและทรวดทรวงส่วนเว้าโค้งจะต้องเป็นสตรีแน่ๆ
“ เงียบๆหน่อยนะ ” ร่างในชุดดำกล่าว
หลักจากที่นำเอาโซ่ตรวนออกจากคอเหล่าทาสได้สำเร็จร่างเพรียวบางก็พาขบวนทาสย่องออกจากโกดัง พวกเขาพ้นออกจากโกดังและหลบหนีไปตามเส้นทาง มุ่งหน้าสู่ตลาดทานโด
“ อ่ะ นี่ ”
หญิงสาวในชุดดำยื่นกระเป๋าหนังใบใหญ่ให้กับฟานห์ ภายในกระเป๋ามีเสื้อผ้าใหม่ๆให้เหล่าทาสได้เปลี่ยนสวมใส่เพื่ออำพรางตัว เธอหยิบมันจากถังไม้ที่เธอนั้นแอบเอามาซ้อนไว้ จำนวนและขนาดของเสื้อผ้าก็พอดีกับเหล่าทาสอย่างหน้าประหลาดใจ
“ หยุดก่อน ”
สตรีดำชุดกล่าวขึ้นพร้อมกับย่อตัวลงและทำสัญญาณมือให้ขบวนทาสก้มลง ด้วยพ่อค้าคนที่จับพวกเขาขังคนนั้น เดินผ่านมาทางนี้พอดี เขาคงกำลังกลับจากทานโด คงออกไปคุยกับกลุ่มหุ้นส่วนหรือไม่ก็ลูกค้าระดับวีไอพี เขาเดินอย่างเริงร่าอย่างเช่นเคย ในหัวของเขาคงคิดถึงแต่เรื่องค่าตอบแทนที่ตนจะได้รับ ใบหน้าของเขาจึงเผยรอยยิ้มออกมาตลอดเส้นทาง
“ เจ้าแมวยักษ์ใจเย็น ”
เดออนกล่าวเหมือนรู้ทันพร้อมทั้งจับที่ไหล่ของราชสีห์
“ เรากำลังจะเป็นอิสระแล้ว อย่าเพิ่มคดีให้กับตัวเองเลยถึงแม้ เมย์ทรอนประกาศเลิกทาสก็จริง แต่พวกเขาก็ยังต้องทำตามกฎหมายอยู่ดี ” เดออนกล่าวเสริม
ในครั้งนี้ฟานห์ไม่ได้เข้ามาขัดเหมือนครั้งก่อน สิงที่เดออนพูดนั้นถูก เพียงแค่พวกเขาหนีออกไปเงียบๆ พ่อค้าก็ไม่มีทางตามเจอแล้ว ราชสีห์กำหมัดแน่น สูดลมหายใจรุนแรง ตาขวางคิ้วขมวดแทบจะผูกเป็นปม
“ ไปต่อได้แล้ว ”
หญิงสาวกล่าวขึ้น ทั้งหมดจึงออกจากที่ซ่อนและมุ่งตรงสู่ทานโดต่อไป
ไม่นานนักกลุ่มทาสที่ได้รับการช่วยเหลือก็เดินทางมาถึงทานโด เขตที่ผู้คนพลุกพล่านมากๆ ทางเดินที่ว่ากว้างๆ ก็ยังคนเต็มไปด้วยฝูงชนที่เขามาทำการจับจ่ายซื้อขาย หญิงสาวชุดดำถอดหมวกฮู้ดและผ้าปิดปากของเธอออก เผยให้เห็นใบหน้าเรียวแหลม ริมฝีปากอิ่มเอิบที่ขนาดพอดีกับใบหน้า ประกอบด้วยดวงตาคมโต นัยต์ตาสีน้ำตาลแดง และเธอก็ใช้มือจัดทรงผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวประมาณต้นคอของเธอ
“ ขืนใส่ชุดนี่ที่นี้มีหวังโดนการ์ดเรียกแน่ๆ ” เธอกล่าวพลางยิ้มขำ
ว่าแล้วของพวกเขาต้องเดินทางกันต่อ กลุ่มต้องเดินแทรกฝูงชนอย่างระมัดระวังห้ามละสายตาจากหญิงสาวนำขบวน เพราะถ้าหากสมาธิหลุดตามหญิงสาวไม่ทันคงมีหวังหลงทางในทะเลฝูงชนแน่ๆ พวกเขาเดินเลี้ยวซ้ายขวากว่าหลายครั้ง เส้นทางไม่ได้วกวนแต่อย่างใด แต่ก็ต้องเดินหลบหลีกเหล่าพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงชาวต่างๆที่เข้ามาซื้อของ เพราะถ้าหากยืนรอให้มีหวังจอดแหงกอยู่ที่เดิม ไม่นานนักพวกเขาก็ถึงร้านร้านหนึ่ง ลักษณะภายนอกเป็นร้านสองชั้น ทำจากไม้ ตกแต่งด้วยผ้าศิลปะสีสด ชั้นที่หนึ่งมีโต๊ะเรียงรายและเคาน์เตอร์ตรงมุมด้านในสุดของร้าน และถังไม้ขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะบรรจุเบียร์เต็มถัง กว่าสามถัง
หญิงสาวพาเดินอ้อมไปด้านหลังร้าน เธอพูดอะไรบางอย่างกับชายผิวแทนที่เฝ้าประตูก่อนที่เขาจะเปิดประตูและยอมให้ทุกคนผ่านเข้าไป เส้นทางหลังบานประตูดูเหมือนจะเป็นเส้นทางลงสู่ชั้นใต้ดิน
“ นี่ท่านพาพวกข้ามาที่ไหนเนี่ยะ ” ฟานห์กล่าว
ไม่ทันไรที่ฟานห์กล่าวจบพวกเขาก็มาถึงห้องโถงกว้าง และร่างที่ปรากฏตรงหน้าของพวกเขาคือ กลุ่มโซอันประเภทแมว พวกเขามีรูปร่างสูงโปรงและหลากสี บางตนมีส้ม บางตนสีขาวหรือสีเทา โซอันแมวสีดำตรงหนึ่งเดินมาต้อนรับแขกผู้มาเยือน เรือนร่างของเขาคล้ายกับโซอันราชสีห์แต่แตกต่างกันที่ขนาดตัวขนาดเคี้ยวและเล็บ และที่สำคัญพวกเขาก็ไม่มีขนแผงคอ
“ ยินดีต้อนรับสหาย”
รอยยิ้มและนัยต์ตาสีเหลืองพร้อมกับแววตาที่เป็นมิตรจากโซอันแมวสีดำ
“ ข้า กาล์ว ” เขากล่าวแนะนำตัวพลางค่อมศีรษะให้
“ เชิญนั่งก่อนที่ท่าน ”
ว่าแล้วแมวดำก็พาแขกเกือบสิบชีวิตผ่านห้องโถงตรงสู่ทางเดิน เพื่อมายังห้องรับแขกที่มีโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่กลางห้อง บนผนังและเพดานของห้องรับแขกตกแต่งด้วยโคมไฟที่ดูราคาแพง รวมถึงพรมสีแดงสดที่มีลายเส้นสีทองแลดูหรูหรา อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆของกำยานที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายกระจายอยู่ทั่วห้อง
“ ลำบากหน่อยนะ ทั้งที่มีการประกาศเลิกทาสแล้ว แต่ก็ยังมีการแอบลักลอบอยู่ “
กาล์วเดินตรงไปยังโต๊ะเครื่องดื่มที่มุมห้อง เหยือกและแก้วชาที่มีลายลายตกแต่งสวยงาม และรูปทรงของโต๊ะพร้อมกับรอยแกะสลักของขาโต๊ะที่เผยให้เห็นถึงงานประณีต กาล์วรินชาลงบนแก้วหรูก่อนที่จัดวางลงบนถาดและนำมาเสริฟให้กับแขก
“ ข้าและกลุ่มของข้า เชื่อว่าหากพวกเราไม่รวมกลุ่มกัน อยู่กันแบบกระจัดกระจายจะยิ่งตกเป็นเป้าให้พวกนอกกฎหมายจับตัวเอาได้ ”
กาล์วกล่าวพร้อมเผยมือไปยังทางเดินที่พวกเขาผ่านมา
“ เอาละ..ข้าคิดว่าพวกท่านคงมีคำถามมากมาย ข้าจะอธิบายให้ท่านคลายความสงสัยเอง ”
ร่างของครึ่งมนุษย์ครึ่งแมวสีดำนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ พร้อมวางศอกทั้งสองข้างลงบนโต๊ะและประสานอุ้งมือแมวของตนเข้าด้วยกัน ในขณะที่ฟานห์และโซอันตนอื่นๆกำลังจิบชาที่มีรสเลิศที่ความรู้สึกเย็นสดชื่นแบบสุดๆ เมื่อจิบเข้าไปแล้วจะรู้สึกหอมหวานบวกกับกลิ่นหอมที่ปะปนกับไอเย็นพุ่งเข้าไปในช่องปากและจมูกจนรู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่าง ส่วนเดออนก็ยังจ้องมองพิจารรณสิ่งของภายในห้องที่ดูหรูหราผิดกับห้องเก่าโทรมในสถาณที่แห่งนี้ ส่วนโซอันสิงโตก็นั่งกอดอกรอฟังเงียบๆ
“ หลังจากที่จักวรรดิเมย์ทรอนได้ประกาศยกเลิกระบบทาส พวกข้าก็ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระจากนาย แต่ก็อย่างที่บอกยังคงมีการแอบออกล่าพวกเรากลับมาเป็นทาสอยู่บางแห่ง ยังคงต้องใช้เวลาให้เซดัสในการปรับตัวมากกว่านี้ ข้าจึงรวบรวมกลุ่มประเภทของข้าเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย เช่นเดียวกับมนุษย์และชนเผ่าอื่นๆ และเดินทางมายังเรรี่ ด้วยข่าวที่ว่า ชาวอาเรียได้ให้การช่วยเหลือโซอันฉันพี่น้อง ”
“ อ้อ ข้าเกือบลืม นี่ โซนีล ”
กาล์วเผยมือไปยังหญิงสาวที่ช่วยเหลือกลุ่มพวกเขาออกมา
“ โซนีล คือชาวตัวแทนของชาวอาเรียที่ถูกส่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ”
เดออน ฟานห์ และโซอันสิงโตหันไปมองโซนีลที่ถูกกล่าวแนะนำ และเธอส่งยิ้มเห็นฟันอันเป็นมิตรกลับมาให้กับหนุ่มๆ ชาวอาเรียเรียกได้ว่าเป็นชาวต่างชาติก็ได้ พวกเขาเดินทางเข้ามาทำธุรกิจในเซดัสห์ผ่านทางเรรี่ ชาวอาเรียมีผิวกายสีแทนและเรือนผมสีน้ำตาลแดงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ที่บ่งบอกความเป็นอาเรียอย่างชัดเจน
“ เอาละ ข้าคิดว่าคงคลายสงสัยของพวกท่านได้บ้าง วันนี้พวกท่านพักที่นีก่อนเถอะ ข้ามิค่อยได้มีแขกมาเยือนสักเท่าไหร่นัก พรุ่งนี้เช้าพวกเจ้าค่อยตัดสินใจว่าจะไปต่อหรืออยู่ที่นี่ “
กาล์วกล่าวพร้อมกลับลูกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องรับแขกไปพร้อมกับโซนีล
เหล่าทาสต่างพากันจิบชาเลิศรสและกินอาหารที่ตามเข้ามาเสริฟหลังจากที่กาล์วออกจากห้องไป เนื้อสัตว์ชิ้นโตกับผักและผลไม้หลายชนิด รวมถึงตระกร้าขนมปังก้อนกลมขนาดใหญ่หลายก้อน ฟานห์ยัดพรวงเบอรี่สีฟ้าเข้าปากไปทั้งพวง ส่วนเดออนกับโซอันสิงโตกำลังใช้มีดหั่นสเต็กเนื้อเข้าปาก บรรยากาศภายในห่างเต็มไปด้วยความสุข ขัดแต่โซอันสามตนที่พวกเขานั้นถึงแม้จะกินอาหารที่ตนไม่ได้ลิ้มลองมาทั้งชีวิต พวกเขาก็ยังคงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ช่วงหัวค่ำได้เข้ามาเยือนเรรี่ จากที่คิดว่าเมื่อแสงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้วผู้คนในทานโดจะซาลงบ้างแต่ปล่าวเลยผู้คนยังคงหนาแน่นไม่ต่างจากตอนกลางวัน ยังไม่ทันพ้นหนึ่งวันกลุ่มทาสโซอันที่ได้รับการช่วยเหลือหลายตนตัดสินใจอยู่รวมกลุ่มกับโซอันแมว จากที่พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีและพาชมสถาณที่ในย่านทานโดรวมถึงดรีต้าโดยการคุ้มครองของโซนีล และพวกเขายังได้สวมชุดใหม่ๆ เพื่อให้ตนนั้นเหมาะกับการเป็นพ่อค้าคาราวานที่จะต้องออกเดินทางไปค้าขายทั่วเซดัสห์ และสินค้าที่พวกเขาต้องนำไปขายก็เป็นสินค้าของชาวอาเรียนั้นเอง มีเพียงสามตนอีกเช่นเคยที่ไม่เข้าร่วม ซึ่งกาล์วก็มิได้ขัดแต่อย่างใด ฟานห์ เดออน และ โซอันสิงโต
“ เจ้าเองก็รู้สึกใช่ไหม ”
เดออนพูดขึ้น ในขณะที่ตนเดินมายังห้องรับแขกและพบกับสิงโต
“ นี่เจ้าชื่ออะไรนะ ”
“ เซเลส ข้าชื่อ เซเลส ”
“ เจ้าก็รู้สึกใช่ไหมเซเลส ”
เดออนกล่าวซ้ำ พลางมองไปยังเครื่องชา โคมไฟ และโต๊ะรับแขกอันหรูหรา
“ เอลฟ์…” เซเลสกล่าว
“ ใช่…และสิ่งของชาวเอลฟ์นั้นแพงมาก ข้าว่าการเป็นพ่อค้าคาราวานไม่สามารถซื้อของพวกนี้ได้ หรือแม้แต่พ่อค้าแม่ค้าในทานโดถ้าไม่ใช้เจ้าของกิจการใหญ่ๆด้วยซ้ำ ”
“ อืม….”
“ ชัดแหละ กลิ่นมันฟ้อง ”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงทางเข้า
“ ชานั้น…..เกรเชียมิ้นท์…หนึ่งในส่วนผสมของยาเสพติดหลายชนิด.. ”
จิ้งจอกฟานห์กล่าวเสริม
เซเลสกอดอกและผูกคิ้วเป็นปนอีกครั้งก่อนที่เขาจะหันมองทั้งสองในห้องรับแขก เขาผงกหัวเล็กน้อยและเดินออกจากห้องโดยมีเดออนและฟานห์ตามไปติดๆ พวกเขามุ่งสู่ห้องโถงใหญ่ที่มีกลุ่มโซอันแมวและกลุ่มทาสพ่อค้าคาราวานหน้าใหม่นั่งสังสรรค์เฮฮากันอยู่ ทั้งสามมุ่งตรงสู่ทางออกทันที
“ เฮ้ จะรีบไปไหนกันพวกท่าน ”
กาล์วโผล่มาขวางทางได้ทันควัน อุ้งมือของเขาทาบลงบนแผ่นอกหนาของเซเลส
“ ไม่คิดจะเข้าร่วมกับพวกเราจริงๆหรือ…”
“ ข้าคิดดูแล้ว พวกเขาสามคนอยากจะมีกิจการแบบของตัวเองบ้าง แบบพวกเจ้าไง ”
ฟานห์กล่าวขึ้นพร้อมเข้ามากอดคอของเซลเส ก่อนที่เซเลสจะทำอะไร ในขณะที่เขาเองแอบเห็นราชสีห์หนุ่มทำส่งแววตาของสัตว์ล่าเนื้อใส่กาล์ว กาล์วยิ้มก่อนที่จะลดมือลงพร้อมจัดปกเสื้อโทรมๆของเซเลส และหลบทางให้กับทั้งสาม
“ ขอให้พวกท่าน...โชคดี..”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ