The Ancient Tales : The Awakening
เขียนโดย Zcret
วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.13 น.
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 12.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) GROWING SHADOW
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ ข้าสัมผัสได้..พวกมันกำลังมา….”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ณ กลางห้องโถงทรงสูง สิ่งก่อสร้างอันวิจิตประณีตที่มีรูปทรงโครงสร้างลักษณะโค้งเรียวและภายในห้องเป็นสีโทนอ่อนแลดูสบายตา รวมถึงผนังรอบด้านที่ให้ความรู้สึกถึงความเรียบเนียนเพียงแค่การสัมผัสด้วยสายตา บวกกับบรรยากาศที่แสงอาทิตย์อ่อนๆส่องถึงให้ความรู้สึกถึงความสงบ ภายในห้องปรากฎร่างสูงเพรียวยืนล้อมวงด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยม
“ หากเป็นเช่นนั้น.…พวกเราควรเตือนเหล่าดรอวฟ์ ”
“ พวกเราเป็นผู้เริ่ม.…มันเป็นหน้าที่ของเรา..”
“ จะปล่อยให้เกิดขึ้นอีก…ไม่ได้..”
“ ความรวดเร็ว..เป็นสิ่งที่เราจำเป็น..”
ร่างเพรียวบางกลางห้องโถงค่อมศีรษะคำนับก่อนที่จะเดินจากไป พร้อมๆกับผู้ที่ยืนล้อมวงต่างก็แยกย้ายหายไปจากห้องเช่นกัน ร่างเพรียวเมื่อครู่เคลื่อนกายอย่างเร่งรีบ สองเท้าของเขาก้าวยาวเป็นจังหวะต่อเนื่องลงจากหอคอยสูง เรือนผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลังปลิวไสว และใบหน้าเรียวแหลมกับจมูกโด่งเป็นสันรวมถึงนัยต์ตาสีเขียวอ่อน ผิวกายขาวเปล่งปลั่งระหยิบระยิบยามต้องแสงอาทิตย์ จัดว่าเป็นเรือนร่างและใบหน้าอันสวยสดงดงามของเอลฟ์หญิงสาว เธอกำลังมุ่งหน้าสู่ที่พักของตนเพื่อจัดเตรียมข้าวของอุปกรณ์สำหรับการเดินทางหลังจากที่ได้รับคำสั่งจากสภาสูงลอร์ดเอลฟ์แห่งนครนาซารี
เอลฟ์สาวเดินตรงไปยังตู้ไม้ภายในห้องพักของตนพร้อมทั้งเลือกเอาเสื้อคลุมสีน้ำเงินทึบๆที่มีลวดลายสีขาวบนชายเสื้อและตราสัญญาลักษณ์สถาบันเวทย์มนตร์แห่งนาซารีตรงกลางหลัง ก่อนที่มือเรียวอันอ่อนช้อยจะเอื้อมหยิบคว้าม้วนกระดาษที่วางระเกะระกะบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ รวมถึงหนังสือเล่มหนาสามสี่เล่มยัดมันลงถุงผ้าขนาดใหญ่และยกมันพาดบ่า เธอตรงไปที่ชั้นวางรองเท้าและนั่งลงสวมรองเท้าบูทหนังที่กระชับเข้ากับเท้าและท่อนขาของเธอพอดิบพอดี เธอคว้าเอาหมวกฮู้ดติดมือมาและย้อนกลับไปเปิดลิ้นชักหยิบสร้อยอัญมณีทรงห้าเหลี่ยมสีแดงสดมาด้วย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป
หลังจากที่เก็บของเรียบร้อยเธอก็เดินทางมาถึงประตูเมือง สิ่งก่อสร้างรูปแบบอาคารของเอลฟ์จะมีรูปทรงสูงโค้งเรียวและมีสีโทนอ่อน เช่นเดียวกับห้องโถงแห่งสภาลอร์ดเอลฟ์และประตูเมืองตรงหน้าของเธอ ทหารเอลฟ์ที่ทำหน้าที่รักษาการประจำประตูแต่งกายชุดเกราะสีเงินเงาวับ ทั้งสองเปิดประตุให้หญิงสาวทันทีราวกับมีการถ่อยทอดคำสั่งมาแล้ว ก่อนที่นายทหารทั้งสองจะนำเธอตรงไปยังม้าเร็วที่จัดเตรียมไว้ พร้อมกับทหารอีกสองนายที่ทำหน้าที่องครักษ์ติดตามในครั้งนี้และทั้งสามก็ออกเดินทางจากนาซารีมุ่งตรงสู่ นคร โวแรม
“ ไม่คิดว่าพวกแมวโจรจะปล่อยพวกเราออกมาง่ายๆอย่างนี้นะ..”
ฟานห์กล่าวขึ้นขณะที่ตนเองและสหายโซอันทั้งสองกำลังเดินทางออกจากเรรี่
“ ว่าแต่พวกเราจะไปไหนกันละ… เงินติดตัวก็ไม่มีสักแดง…
เอาจริงๆกลับไปเป็นพ่อค้าคาราวานโจรกับพวกกาล์วก็น่าจะดีนะ.. ”
ฟานห์พูดขึ้นอีกครั้งในขณะที่พวกเขาเดินทางถึงหน้าประตุเมืองเรรี่ เซเลส และ เดออน ไม่ตอบอะไร พวกเขาเองก็ยังไม่มีแผนเช่นกัน พวกเขาหวังเพียงออกจากเมืองนี้ให้ได้ก่อนและอาศัยเส้นทางหลักที่ปลอดภัยกับพวกโจรที่ดักปล้นมากกว่าเส้นทางอื่นๆในการเดินทางต่อไป
“ นี่..พวกเจ้า ”
เสียงของการ์ดทหารเมย์ทรอนที่เฝ้าประตุเมืองเรียกทั้งสามเข้าไปหา หลังจากที่เห็นทั้งสามเข้าหยุดยืนอยู่บริเวรประตูเมืองสักพัก
“ มาทางนี้ ”
เขาสั่งพร้อมกับส่งลูกน้องอีกสองนายที่มาพร้อมอาวะในมือคุมตัวพวกเขาไป
“ เฮ้ เฮ้ นี่พวกข้าทำอะไรผิดละเนี่ย ท่านมาจับพวกข้าทำไม ”
“ เงียบ !! ช่วงนี้เรรี่มีรายงานยาเสพติดมากขึ้นทุกวัน เหตุก็เป็นเพราะพวกโซอันนั้นแหละที่ลักลอบนำเข้ามา “
การ์ดเมย์ทรอนกล่าว พร้อมตรงเข้ามาจะทำการค้นตัวโดยมีการ์ดอีกสองคนยืนคุมใกล้ๆ
“ ไหงเหมารวมอย่างนี้ล่ะ คุณการ์ด ”
“ ฟานห์ ! เจ้าเงียบก่อนได้ไหม ” เดออนกล่าว
ว่าแล้วการ์ดเมย์ทรอนก็ตรงเข้ามาตรวจเช็คตามตัวฟานห์
“ เห็นไหมๆพวกข้าปลอดภัย ถึงพวกเราจะเคยเป็นทาสแต่ก็ไม่เคยคิดทำผิดทำหมายหรอกนะ ”
การ์ดผละออกจากฟานห์และไปค้นตัวเดออน ซึ้งเดออนก็ยินยอมแต่โดยดีเขาชูมือขึ้นพร้อมทั้งหมุนตัวให้การ์ดค้นตัวได้ง่ายขึ้น และเห็นถึงความเต็มใจ การ์ดพยักหน้าให้เขาสำหรับการให้ความร่วมมือในการปฎิบัติหน้าที่ จากนั้นการ์ดก็เข้าค้นตัวเซเลส เขาเงยหน้ามองเซเลสที่ทั้งตัวใหญ่และสูงกว่าเขา การ์ดผู้ตรวจค้นที่สูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบ แต่ศีรษะของเขากลับอยู่เพียงประมาณหน้าอกของเซเลสเท่านั้น
“ หืม..”
การ์ดอีกสองนายก้าวเข้าประชุดทั้งสามทันที ฟานห์ตกใจถอยไปชนกับเดออน สิ่งที่การ์ดเมย์ทรอนหยิบออกจากชายเสื้อของเซเลสคือต้นหญ้าสีเขียวฟ้าขนาดเล็กที่มัดรวมกันประกระจุก
“ เกรเชียมิ้นท์ ” การ์ดเมย์ทรอนกล่าว
“ นี่ ไม่ใช่ของข้า “
เซเลสกล่าวเสียงแข็งพร้อมท่าทางตกใจ ทำเอาการ์ดทั้งสองชี้คมหอกเข้าหาเขาทันที
“ มันอยู่ในชายเสื้อของเจ้าโซอัน ยังไม่ยอมรับอีกรึ ”
“ ต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดแน่ๆท่าน ”
เดออนกล่าวเสริมพร้อมเดินเข้าหาการ์ดที่ตรวจเซเลส การ์ดคนหนึ่งที่คุมเซเลสอยู่ชี้คมหอกใส่เขาทันที เดออนจึงสืบเท้าถอยหลังและยกมือทั้งสองขึ้น
“ ใจเย็นๆก่อนท่าน ”
“ พวกเจ้าถูกจับขอหามียาเสพติดในครอบครอง ”
การ์ดเมย์ทรอนพูดขึ้นก่อนที่จะหันคมหอกใส่
ทั้งสามถูกการ์ดเมย์ทรอนสามคนหันปลายหอกแหลมที่แถบจะโดนหน้าอกพวกเขาอยู่แล้ว อีกทั้งยังบังคับให้เดินตัวการก้าวเท้าเข้าให้ทำให้พวกเขาต้องถอยหลบคมหอกไปเรื่อยๆ
“ อย่าขัดขืน มิ ฉะนั้นเจ้าจะยิ่งถูกข้อหา ขัดขืนการจับกุม ”
การ์ดคนหนึ่งตะคอกใส่
“ นี่ไม่ใช่ของข้า มีคนจัดฉากเรื่องนี้ ”
เซเลสกล่าวอีกครั้ง
“ พวกเราอธิบายได้ "
เดออนพยายามพูดกับการ์ด
“ ไว้เอาไปพูดในคุกเถอะ โซอัน ”
การ์ดคนหนึ่งพูดพร้อมขยับหอกใส่เดออนเพื่อเป็นการข่มขู่ “ เอาน่า เอาน่า ท่านการ์ด ฟังเรื่องของพวกข้าก่อนเถอะ ”ฟานห์กล่าวขึ้นเพราะเขาพอจะเดาเหตุการณ์ออกได้บ้าง ว่าอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่การ์ดก็ไม่มีท่าทีที่จะยอมฟังพวกเขาเลย การ์ดคุมตัวพวกเขามายังปราการการ์ดเมย์ทรอนเพื่อที่จะทำการคุมขัง
แคร๊กกกกก
เสียงของท่อนไม้แตกหักตรงส่วนด้ามหอกของการ์ดเมย์ทรอน มันแหลกขามือแกร่งของเซเลส โซอันราชสีห์ก้าวเข้าประชิดพร้อมทั้งซัดเข้าที่ใบหน้าของการ์ดที่คุมตัวเขาทันที ร่างนั้นล้มทั้งยืนปลิวกระแทกกับพื้นออกไปทั้งห้าเมตร การ์ดอีกสองจะหันความสนใจมาทางสิงหนุ่มทันที พวกเขาแทงปลายหอกจากสองทางเข้าหาเขาพร้อมๆกัน
หมับ !!
อุ้งมือขนสีขาวของฟานห์และมือกว้างสีเขียวของเดออนบีบรัดตรงด้ามหอกทัวควัน ตามด้วยหางทรงพลังจากโซอันกิ่งก่าฟาดเข้าที่ชายโครงของการ์ดทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยความเจ็บปวดรุนแรงที่แทรกเข้ามาตรงสีข้างของเขา ฟานห์เองก็ใช้ความเร็วหลังจากที่สกัดการโจมตีของการ์ดไว้ได้ เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วในจังหวะต่อเนื่องเข้าประชิดตัว พร้อมทั้งชกเข้าที่กระเดือกของการ์ดเมย์ทรอน และก้าวเท้าต่อเนื่องเข้าขัดขาพร้อมใช้ไหล่กระแทกส่งร่างของการ์ดลงไปบนพื้น
ทั้งสามจึงรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นทันที แต่ระฆังบนหอคอยของปราการการ์ดเมย์ทรอนของดังขึ้น ที่การ์ดเฝ้ามองเหตุการณ์จากที่สูง เขาเห็นการขัดขืนการจับกุมของทั้งสามพร้อมทั้งลั่นระฆังเรียกการ์ดในพื้นที่ให้เข้าตามจับกุมตัว เซเลส เดออน และ ฟานห์ ต่างวิ่งสุดชีวิต เซเลสกับฟานห์ที่ทำความเร็วได้ใกล้เคียงกัน ส่วนเดออนลำบากหน่อยที่ตนนั้นเป็นเชื่อสายครึ่งบกครึ่งน้ำ การวิ่งแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่ถนัดนัก เขาจึงรั้งท้ายห่างจากทั้งสองประมาณสี่เมตร
ไม่พวกเขาจะวิ่งไปทางไหนก็เจอกับการ์ดที่โผล่ออกมาจากหัวมุมอาคาร พวกเขาจึงต้องเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางไปมากว่าหลายครั้ง เซเลสที่มีร่างกายใหญ่โตวิ่งชนผู้คนรวมถึงข้าวของเสียหายล้มระเนระนาด ส่วนฟานห์พลิ้วไหวจริงๆ ด้วยรูปที่เพรียวกระทัดรัดเขาเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนตัวได้อย่างไหลลื่นอิสระ อีกทั้งเขายังกระโดดขึ้นไปวิ่งบนหลังคาอีกด้วย ส่วนเดออนของเราพยายามตามติดสหายทั้งสองอย่าทุลักทุเล
“ นั้น รถคันนั้น ”
ฟานห์ตะโกนขึ้นพร้อมชี้ไปยังขบวนคาราวานที่กำลังผ่านถนนและมุ่งตรงสู่ประตุเมือง
ฟานห์เร่งความเร็ววิ่งซิกแซ็กหลบสิ่งขวางและกระโดดเข้ารถทันที ส่วนเซเลสก็เปลี่ยนจากวิ่งสองขามาเป็นการควบสี่เท้าเร่งตามฟานห์ ไปติดๆ เขาหันหลังเหลือบมองเดออนที่ยังคงวิ่งตามมาอยู่ก่อนที่ขึ้นรถตามฟานห์
“ เดออน เร็วเข้า ”
เซเลสและฟานห์เรียกสหายของตนให้เร่งฝีเท้าขึ้นมาก่อนที่การ์ดจะเห็นพวกเขาแอบขึ้นรถขบวนนี้ หรือก่อนที่รถขบวนนี้จะเร่งความเร็ว จากม้าตัวล่ำที่ใช้ลากถึงสามตัวด้วยกัน เดออนเร่งฝีเท้าสุดแรงเกิดหาง ที่หนักของเขาเป็นส่วนที่ถ่วงให้เขาวิ่งช้าลงแต่เขาก็ไม่ได้โทษหางหรืออยากจะตัดทิ้งหรอก เขากระโดดขึ้นท้ายเกวียนก่อนที่การ์ดจะโผล่มาทางมุมตรอกและเห็นเขาได้ทัน
เกวียนได้มาถึงประตูเมืองในไม่กี่นาทีผ่านไปด้ายอย่างง่ายดายโดยไม่มีการตรวจค้น ทั้งสามนั่งพักหายใจจากการวิ่งเมื่อครู่ ดูเหมือนเดออนจะหอบหนักสุด “ ดูเหมือนเรากำลังจะไปเมืองหลวงกันนะ..” ฟานห์กล่าวขึ้นมองมองไปรอบๆภายในเกวียนเหนื่อยหอบแล้วหันมองรอบๆตามฟานห์
“ นี่มันอาวุธ ของเมย์ทรอนทั้งนั้นเลย..”
“ เจ้า…ได้ยินเรื่องที่เหมืองทางใต้รึเปล่า…”
“ เดมอนิค นะรึ… ไร้สาระ…เหมืองทางใต้น่ะ เป็นเหมืองเก่าแก่ พวกเราขุดกันมาเป็นร้อยๆปีไม่เห็นเจออะไร จะมีแต่ก็พวกอสูรใต้ดินที่ไม่คนามือพวกเราหรอก รีบๆทำงานเถอะ เดี๋ยวพวกนายจ้างจะเข้ามาโวยวายอีก ”
“ อืม…”
ดรอวฟ์สองตนกลับไปเหวี่ยงเครื่องมือชุดเหมืองลงบนหินตรงหน้า หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องเมื่อขบวนขุดครั้งก่อนที่เดินทางมาที่นี้แต่ไม่ได้กลับออกไปสักคน อีกทั้งยังมีดรอวฟ์ตนหนึ่งรอดชีวิตกลับไปเหล่าว่าเขาพบเห็นเดมอนิคที่สูญหายไปนานกว่าหลายร้อยปี สร้างความโกลาหลวุ่นวายอยู่พักหนึ่งในโวแรม แต่แล้วข่าวก็สงบลงหลังจากที่ไม่มีเหตุการร์อะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น และพวกเขากลับมาเริ่มส่งขบวนขุดเจาะอีกครั้ง
“ วันนี้พอแค่นี้ละ… กลับที่พักกันเถอะ ”
ดรอวฟ์ปาดเหงื่อพลางมองไปยังงานของตนด้วยความภาคภูมิใจที่ปะปนกับความเหนื่อยล้า เขานั่งชุดแบบนี้มาเป็นอาทิตย์ๆ วันล่ะกว่าสิบชั่วโมงตามคำสั่งของหัวหน้างาน ก่อนที่พวกเขาจะหันหลังเดินกลับที่พักคนงาน
“ เดี๋ยวๆ ข้าลืมกระเป๋าของข้า..”
ว่าแล้วเขาก็วิ่งกลับไปยังเขตงานขุดอีกครั้ง และคว้าเอากระเป๋าที่ลืมไว้กลับมาออก แต่กลับหาสหายของตนเมื่อครู่ไม่พบ “ไม่รอกันเลยรึ ” เขาบ่นขึ้นพลางหันซ้ายขวา ก่อนที่ดวงตาสีหม่นสีมองเห็นอะไรบางอย่างตรงสุดทางเดิน “ นี่เจ้ากลับกันเถอะ ไปทำอะไรตรงนั้น ” เขาเดินตรงเข้าไปหาสหายที่กำลังอยู่ในท่าก้มเก็บของอะไรบางอย่างอยู่ ดรอวฟ์เริ่มรู้สึกประหลาดใจเมื่อเข้าใกล้สหายของตน ร่างนั้นสวมเสื้อของคนงานเหมืองที่ดูโทรมผิดปกติ เนื้อตัวก็สกปรกรุงรังแถมมีกลิ่นสาบแปลกๆอีกด้วย
“ นี่เจ้า…”
ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นชัด สิ่งที่เขาพบกลับกลายเป็นร่างของสหายที่นอนจมกองเลือดใต้ร่างดรอวฟ์อีกตนหนึ่ง ร่างของสหายเห็นบาดแผลจากการถูกกระแทกที่ศีรษะมากมายจนสภาพใบหน้าของเขานั้นจำแทบไม่ได้ ดรอวฟ์ที่คิดว่าเป็นสหายตนในตอนแรกนั้นหันมองมาทางเขา เผยให้เห็นนัยต์ตาสีแดงสดที่มีขนาดเล็กผิดปกติบนตาขาวที่มีเส้นเลือดฝอยเป็นสีดำ และฟันอันแหลมคมที่ดรอวฟ์หรือเผ่าไหนๆไม่ควรจะมี
อ้าาาาาา ไม่ย์ย์ย์ !!!!!!
ร่างผิดปกติของดรอวฟ์ตนนั้นกระโจนใส่เขาทันที ในมือถือก้อนหินฟาดลงบนเหยื่อไม่ยั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ