Heart control หัวใจสั่งได้
8.0
เขียนโดย Napapat
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.39 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
12.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 14.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) หัวใจของฉัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"กริ้งงงงงงงงงง"
เสียงนาฬิกาปลุกตอนตีห้า มันน่าเบื่อหน่ายทุกๆวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน ฉันชื่อ นัท คะ ทำงานเป็นวิศวกร ทำงานออกหน้างานตลอด แต่ฉันค่อนข้างแตกต่างจากวิศวกรคนอื่นๆ คือการแต่งตัว ฉันชอบที่จะ mix & match เสื้อผ้าในแต่ละวัน ให้ไม่ซ้ำใครออกไป มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขเวลาได้ทำสิ่งเหล่านี้ สมัยเรียนรุ่นน้องมักจะถามฉันว่า ลุคของพี่มันเด็กนิเทศชัดๆ 5555 ฉันได้แต่ยิ้มรับ ฉันยังรักที่จะเรียนไฟฟ้า แต่ก็รักที่จะแต่งตัวไปด้วยกัน บางคนบอกว่าฉันมันพวกชอบตามแฟชั่น จริงๆแล้วฉันแทบไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าแฟชั่นตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ฉันแค่ทำตามที่ใจฉันต้องการ ผลของมันเลยค่อนข้างที่จะออกมาไม่ค่อยเหมือนใครเท่าไหร่
ตอนนี้ฉันมีความสุขดี มีแฟนที่รัก มีงานที่สนุก มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ทุกอย่างนี้เป็นผลมาจาก หัวใจของคุณที่เลือกสรรค์สิ่งเหล่านั่นเข้ามาในชีวิต แล้วคุณๆเชื่อหัวใจตัวเองมากแค่ไหนกันคะ สำหรับฉันให้ 99% เหลืออีก 1% ที่เป็นปัจจัยอื่น หัวใจเป็นสิ่งที่นำทางให้ทุกคนบนโลกนี้ รักกัน เกลียดกัน ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสิ่งเล็กๆสี่ห้องนี้มันจะสามารถควบคุมที่อย่างในตัวเราได้ คุณเคยคิดที่จะควบคุมหัวใจตัวเองไหม ฉันคนนึงหละที่ควบคุมมันไม่ได้ ฉันก็เลยปล่อยมันไปตามที่มันควรจะเป็น เพราะเราทุกคนเป็นมนุษย์ มันย่อมมีทั้งกิเลส ทั้งตัณหาที่ตัดออกไปไม่ได้ ยอมรับมันซะ แต่ยอมรับในสิ่งที่ถูกที่ควร แล้วคุณจะมีความสุขกับมัน
ช่วงนี้ฉํนต้องทำงานก่อสร้างคอนโดติดบีทีเอสอันแสนหรูหรา เวอร์วังอลังการ สูง 76 ชั้น คนอื่นๆอาจคิดว่าดี แต่สำหรับวิศวกรอย่างเราๆแทบจะปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว ฉันคงต้องทำงานที่นี่ไปอีกหลายปีเห็นจะได้จนกว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการแด่ทุกท่าน แต่ที่ฉันเกลียดคือ ชีวิตทำงานของคนในเมือง ในช่วงเวลาทำงานอันคับขัน มันช่างเบียดเสียดยัดเยียดอะไรขนาดนี้ ผู้คนมากมายเบียดเสียดยัดเยียดกันเข้ามาในขบวนบีทีเอส
“ข้างในอะคะ เขยิบได้อีกคนนึงนะคะ” เสียงตะโกนจากหญิงคนนึงตรงหน้าประตูทางเข้า
“ฉันยืนอยู่คะ!!!!”
ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ คุณๆ ที่ส่วนสูงอยู่ในระดับ 150 Cm เจอเหตุการณ์นี้กันบ้างไหมคะ สำหรับฉันเจอจนสามารถพูดออกจากปากว่า กรูเตี้ย ได้โดยไม่รู้สึกอะไรแล้วหละคะ แถมแต่ละคนเบียดเข้ามาจน ผญ ตัวเล็กๆอย่างฉันแทบจะไม่มีที่ให้จับพยุงตัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งนั้นก็ทำให้ฉันมีสกิลการยืนด้วยสองขาอันเป็นรากฐานอันมั่นคงโดยไม่ต้องพึ่งสิ่งใดได้เช่นกัน แต่ความวุ่นวายที่เกิดตอนเช้าๆแบบนี้ ยังมีสิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้เพราะ...
"สวัสดีครับ ผม ดีเจชานนท์ นะครับ เย็นนี้เรามีนัดกันที่งานปันน้ำใจบริจาคลือดให้กับสภากาชาดไทยที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิล อย่าลืมมากันเยอะๆนะครับ เพื่อหัวใจที่แข็งแรงของทุกคน"
ตุบตับ!!!!!!!
เสียงหัวใจฉันรัวดังเพราะ ผช คนนี้ ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี หุ่นเป้ะเวอร์ มีเสน่ห์สุดๆ เขาชื่อ ชานนต์ คะเป็นดาราใหม่ที่กำลังดังตอนนี้เลย แต่ข่าวเจ้าชู้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะเห็นเขา่อยู่เกือบทุกที่ ไม่ว่าจะหน้าทีวี ป้ายโฆษณา หรือแม้กระทั่ง บีทีเอส เขาดูเป็นที่ถูกใจของสาวๆหลายคน นั่นรวมถึงฉันด้วย อะแน่นอนว่าใครก็ชอบมองคนหล่อคะ 5555
"เฮ้อ ดาราช่างน่าอิจฉาเนอะ หล่อ ดูดี หุ่นเป้ะ แต่งตัวดีตลอดเวลา แถมหาเงินง่ายอีก ทำงานวันเดียวได้เท่ากับฉันทั้งเดือนละเนี่ย"
ฉันยืนบ่นในใจตัดพ้อชีวิตตัวเองไปวันๆ ก็เนอะ คนเรามีการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกันนี่คะ เอาวะ!!!! ก็ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำวันของเราให้มีความสุขที่สุด งานจะเหนื่อย ปัญหาชีวิตจะเยอะ มันก็คือเรา ก็ต้องผ่านมันไปสิ
ณ ที่ทำงาน
คอนโดสูงใหญ่ที่กำลังก่อสร้าง ใจกลางเมืองมูลค่าหลายร้อยล้าน ผู้คนขวักไขว่เดินสวนกันไปมา เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย เสียงรถเครน คนงานต่างด้าว ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่ฉันคุ้นเคยไปแล้ว ฉันเดินเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ แน่นอนที่นี่คือออฟฟิศของฉันเอง
"นี่วันนี้แกแต่งเป็นอะไรวะไอ่นัท"
ชายแก่วัยกลางคน อายุแค่ 35 แต่หน้าไป 40 หัวล้านปาไปครึ่งหัวเห็นจะได้ ใส่เสื้อเชิตสีเข้ม ยืนถือแก้วกาแฟกล่าว แกชื่อพี่วิเชียรคะ เป็นหัวหน้าฉันเอง แกปากไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่จริงๆแกใจดีคะ สอนงานฉันตลอดเวลาไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
"วันนี้เป็นเด็กญี่ปุ่นพี่" หญิงสาวตัวเล็กท่าทียียวนกล่าวพลางส่งยักคิ้วให้แกสองรอบเป็นอันเสร็จพิธี ก่อนที่จะวางกระเป๋าลงที่โต้ะกลางรกๆกลางตู้คอนเทนเนอร์ นี่คือโต๊ะกลางที่เอาไว้ประชุม ดูแบบแผนงาน ทานข้าว กินขนม คุยเล่น
"55555 ยอมละ แกนี่เสื้อผ้ามาเต็มตลอด เมื่อวานเป็นทหาร วันก่อนเป็นยิปซี วันนี้เป็นเด็กญี่ปุ่น มีวันไหนแกปกติมั่งไหมเนี่ย เอาที่มันทำงานได้สะดวกด้วยไหมแกอะ วันนี้จะเดินไปคุมงานไงเนี่ย ดูกระโปรงแกซิ" พี่วิเชียรกล่าวพลางก้มมองที่กระโปรง
"อะไรพี่ เนี่ยๆเห็นไหม หนูใส่ผ้าใบอยู่ เดินไปเดินมาได้สบาย งานที่นัททำเคยขาดตกบกพร่องไหมพี่ ถามจริง" ฉันกล่าวขณะที่ยกเท้าขึ้นมาเบาๆหนึ่งข้าง
"แกเอ้ย ฉันรู้ว่าแกทำได้ แต่แกเป็นวิศวกร อยู่หน้างานเนี่ย ดูแต่งตัวเข้า ไม่ระวังคนงานต่างด้าวรึไง" พี่วิเชียรทำหน้าค้อนใส่ หลังจากได้เห็นกิริยาอันไม่งามที่ขัดกับการแต่งตัวของลูกน้องที่อยู่ตรงหน้า
"โหพี่ ทำที่นี่มาหลายเดือนละเนี่ยไม่เห็นเป็นไรเลย หนูชอบแต่งตัวของหนูอะ มันคือความสุขอะ รับรองงานไม่มีปัญหาหรอกพี่"
"เออๆ บ่นไปแกก็ไม่ฟัง คราวหลังแกก็คิดก่อนนะ ดูซิโปรงสั้นจู๋แบบนี้ ทำงานแบบนี้มันอันตราย ไปๆเช้านี้ไปเชคหน้างานเลยนะ ถึงไหนแล้ว"
"ค่า เสร็จทันชัวร์พี่"
นี่เป็นบทสนทนาที่เจอเกือบทุกวันเลยเลยหละคะ มันชินจนไม่รู้สึกอะไรไปนานแล้ว ถือเป็นเรื่องสนุกก่อนจะวิ่งไปเครียดที่หน้างานนะคะ
"ไงแก โดนบ่นทุกเช้าเลยนะ" เพื่อนร่วมงานของฉันเองคะ เราเริ่มสนิทกันตอนมาทำโปรเจคที่นี่ด้วยกัน แม็คดูเป็นที่กรี้ดกร้าดของสาวๆในไซด์งานที่นี่เลยแหละ ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง หุ่นอันแสนกำยำล่ำสัน ผิวเข้มสองสี หล่อแบบไทยแท้ รวมทั้งเซลล์สาวๆทั้งหลายไม่วายจะขอไลน์ไอดีเพื่อเอาไว้ติดต่องาน เอาเข้าจิงก็เสร็จตานี่หมดละคะ
"ไม่ชินอีกรึไงวะแก" ฉันชำเลืองมองพลางเปิดดูสมุดโน้ตงานที่จดไว้
"ไอ่ชินอะ ชินอยู่แล้ว แต่แกน่าจะปรับเรื่องการแต่งตัวแกหน่อยไหม หัวหน้าเขาบ่นก็เพราะเป็นห่วงแกอะแหละ แต่งตัวแบบนี้มาคุมไซด์งาน คนงานก็ต่างด้าวทั้งนั้น แล้วคนก็เข้าๆออกๆกันบ่อย เราจะไปไว้ใจได้ไงแก"
ปึง!!!!! เสียงปิดสมุดโน้ต
"บ่นอีกคนละ นี่แกติดนิสัยพี่วิเชียรมารึไงวะ อยู่ใกล้ๆแกบ่อยไปปะวะเนี่ย" ฉันตวาดเสียงแข็ง
"เออๆๆๆ ตามใจแก ฉันก็แค่เป็นห่วงเพื่อน"
"เพื่อนจิงเหรอวะไอ่แม็ค" ชายอีกคนเดินมาเขย่งเท้าเอามือพาดที่ไหล่ของแม็ค
คนนี้เพื่อนในทีมอีกคน อีตาคนนี้ลักษณะตรงข้ามกับแม็คโดยสิ้นเชิงคะ ชายขาวตี๋ หน้าตาน่ารัก ตัวเล็กมาตรฐานชายไทยที่ไม่ถึง 170 นิสัยกวนโอ้ยตรงข้ามกับหน้าเช่นกัน สาวเล็กสาวใหญ่นี่หยอดหมด เห็นอย่างงี้เก็บแต้มเพียบนะค้า
"มาละๆไอ่นี่ กวนตรีนแต่เช้านะแก ไม่มีใครให้แซวแล้วรึไง แซวแต่ฉันกะไอ้แม็คเนี่ย วันๆว่างนักรึไงวะ ขี้เกียจเถียง ฉันไปดูหน้างานก่อนนะว่าถึงไหนแล้ว" ฉันเดินไปหยิบหมวก พร้อมสมุดเดินออกไปจากห้อง
ปัง!!!! เสียงปิดประตูดังลั่น ชายทั้งสองยังมองประตูด้วยความเงียบ
"เอาน่าแม็ค ถ้าแกไม่บอกเขาจะรู้ได้ไงวะ ดูนัทมันยิ่งโง่ๆ ซื่อๆอยู่ มองเขามาเป็นปี ทำไรไม่ได้เนี่ยนะ" กฤทธิ์กล่าวพลางเขย่งเท้าเอื้อมมือตบที่ไหล่ของแม็คเบาๆ
"ไอ่บ้า นัทมันมีแฟนอยู่แล้ว บอกไปก็เสียเพื่อนเปล่าๆ อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว"
"เฮ้อ ไอ้พระเอก แกดูซีรี่ย์เกาหลีรึไง ก็แกนิ่งอย่างงี้ ไอ่พีทเลยได้คาบไปแดก ไอ่นั่นเจ้าชู้ยิ่งกว่าปลาไหล ใครๆก็รู้ ไม่โดนทิ้งตอนนี้ อีกไม่นานก็โดนทิ้งเชื่อฉัน ไอ้นัทก็เชื่อใจเกิน"
"นี่แกเปน ผญ หรือ ผช เนี่ย เสือกเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว ฉันไปดูหน้างานก่อนละ เที่ยงเจอกัน"
ปัง!!!!!! เสียงปิดประตูดังลั่น เหลือชายเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนมองประตูอยู่ เอ๊ะ หรือสองคน????
"อะไรของพวกมันว้า" กฤทธิ์ยืนงงอยู่หน้าประตู
"ไม่อะไรหรอก เดินไปชงกาแฟจนกินจะหมดแกัวแล้วเนี่ย หน้างานแกไปถึงหนแล้ว????" พี่วิเชียรยืนถือแก้วกาแฟตาเขม็งอยู่ข้างหลังกฤทธิ์
"อ่า.....ผมกำลังจะไปพอดีเลยครับพี่" กฤทธิ์ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบหมวกพร้อมสมุดแล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันที
ปัง!!!!!!!
เสียงปิดประตูดังอีกรอบ
"นี่มันอยู่ด้วยกันนานเกินไปใช่ไหมเนี่ยเจ้าพวกนี้เนี่ย มีใครปกติมั่งไหม???? เออ ฉันปกติคนนึงแล้วกัน" พี่วิเชียรกล่าวพลางเดินผิวปากกลับโต้ะทำงานอย่างอารมณ์ดี
นี่หละคะที่ทำงานของฉัน บรรยากาศมันค่อนข้างดีเลยทีเดียว เราจะคุยเฮฮากันตอนเช้าก่อนจะแแยกย้ายกันไปทำงาน เจอกันอีกทีก็เที่ยง แล้วก็ตอนเย็น ฉันมีความสุขกับการทำงานที่นี่ถ้าไม่นับการเดินอยู่ตามหน้างานเจอแดดร้อนจัดเกือบ 40 องศาในทุกวันอะนะ
หน้างานชั้น 3
"กลางวันนี้แวะไปกินข้าวกับพีทดีกว่า รีบไลน์บอกก่อน" ฉันกล่าวในขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
"วิ้ดดดดดดดดวิ้ววววววว วันนี้มาสวยเชียวนะ eng " เสียงคนงานแซว ฉันจำไม่ค่อยได้หรอกคะว่าแต่ละคนชื่ออะไร มาจากไหน ที่นี่มีหลายๆบริษัทเข้ามากัน ต่างคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ขอให้ไม่ก้าวก่ายกันก็พอ
"โดนแซวแต่เช้าเลยนะนัท" ลุงสม อายุปาไป 50 แล้วแต่แกยังไม่หยุดทำงาน แกรักงานของแกมาก แกเป็นหัวหน้างานที่นี่ ฉันมักจะได้ความรู้จากลุงแกเสมอ ฉันเคารพลุงสมเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนคงเลยทีเดียว
" ชินแล้วแหละลุง ว่าแต่ตรงนี้ยังไม่เสร็จอีกเหรอลุง" ฉันกล่าวพลางเดินตรงไปหาลุงสม
"ยังเลย เมื่อวานคนงานออกโอเยอะ เลยทำกันไม่ทัน วันนี้ว่าจะทำกันต่อ คงดึกเลยละ"
"ขอโทษด้วยนะลุง หนูไม่น่าหนีงานเลย"
"สุงเข้าใจวัยรุ่นน่า ลูกสาวลุงก็งี้แหละ5555"
"แหม ได้ข่าวลูกลุงเพิ่ง 12 เองนะคะ"
"ก็ต้องพยายามเข้าใจเด็กมันอะเนอะ ให้เรียนรู้กันเอง แต่ต้องให้เขารู้อันไหนถูกอันไหมผิด เขาจะได้ดำเนินชีวิตของเขาได้เองอย่างถูกต้อง ลุงอยากให้เขาเป็นแบบพวกคุณๆ"
"แหมลุงพูดซะดีเชียว"
"ว่าแต่วันนี้แต่งตัวสวย มีนัดที่ไหนรึเปล่า"
"แหมลุง รู้ทันหนูตลอดเลย พอดีวันนี้ว่าจะแวะไปกินข้าวกลางวันกับพีทอะ ไม่ได้เจอนานละ ช่วงนี้เขางานยุ่ง เลยว่าจะแวะเข้าไปหาเขาเอง"
"Eng พีทเขายุ่งจิงรึเปล่า" ลุงสมกล่าวแกลมหยอก
"แหนะ มาเสี้ยมอีกคนแล้ว ลุงไปได้อะไรมาจากกฤทธิ์มันปะเนี่ย อย่าไปเชื่อมัน พีทเขากลับตัวแล้ว"
"อะๆ ลุงไม่ว่าอะไรละ ดูดีๆด้วยนะ เจ้าแม็คมันก็นิสัยดี"
"หยุดเลยลุง สงสัยเจ้ากฤทธิ์มันแพร่เชื้อแน่ๆ ทำงานๆเลย นี่ๆๆๆๆตรงนี้ๆๆ มุมนี้"
บริษัทที่พวกฉันทำอยู่เป็นบริษัทปานกลางคะ ทำรับเหมาไฟฟ้า มีพนักงานอยู่ 20กว่าคน engineer แบ่งๆงานกันไปตามโปรเจคที่ได้ ฉันกับพีทเราคบกันตั้งแต่เข้ามาทำงานใหม่ๆเลยคะ เพราะเราทำโปรเจคแรกด้วยกัน เขาดูแลฉันดีมาก จากที่ได้ยินมาว่าเขาเจ้าชู้ ซึ่งฉันไม่คิดว่าเขาจะทำมันเมื่อคบกับฉัน ฉันกลับคิดว่าพวก ผญ ที่นินทานั้นอิจฉาฉันมากกว่า เขาเทคแคร์ฉันตลอด ถึงตอนนี้เราจะทำกันคนละโปรเจค เราก็ยังหาเวลาว่างมาเจอกันบ้าง เขาเสมอต้นเสมอปลายคะ ฉันรักเขา
"เอ้ย ทำงานไรนักหนาวะ จะเที่ยงแล้วเนี่ย ไปๆกินข้าว" กฤทธิ์กล่าวขณะเดินมาพร้อมกับแม็ค
"ขอโทษทีหวะ บ่ายนี้ว่าจะแวะไปกินข้าวกับพีท แต่ไลน์ไปเขายังไม่อ่านเลย ไม่รู้จะว่างป่าว"
"งั้นก็ไปด้วยกันเลย ถ้าพีทมันไม่ว่างเราก็ไปกินข้าวแถวนั้น ถ้ามันว่างฉันกับแม็คก็ไปกินข้าวกันเอง โอเคไหม" กฤทธิ์รีบออกตัวพลางยักคิ้วส่งให้แม็ค
"อะได้ๆ รอแปปนึงนะ เคลียงานกับลุงสมก่อน เผื่อเรากลับช้า" ฉํนหันหลังกลับไปเคลียร์งานกับลุงสม
"แกเขื่อฉันไหม ไอ้พีทได้ซี้แหงแก๋ก็คราวนี้แหละหวะ"
"แส่หาเรื่องนะมึงอะ" แม็คกล่าวหน้านิ่ง
"อย่ามาพูดดี ฉ้นรู้ในใจแกอะชอบ พอไอ้นัทมันเลิกกับพีท แกรีบเสียบเลยนะเว้ย"
"เงียบเลยนะ หาเรื่องตลอดนะแกอะ"
"ปะ เสร็จแล้ว คุยไรกันอะพวกแก"
"ป้าวววววว พวกฉันรอแกจนแสบท้องแล้วเนี่ย รีบไปกัน"กฤทธิ์กล่าว แล้วเดินนำพวกเราไปทันที
ฉันวิ่งตามออกไปกระโดดเกาะไหล่เจ้ากฤทธิ์เพื่อนรัก โดยที่มีแม็คเดินตามอยู่ข้างหลัง การมีเพื่อนที่ดีมันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลยนะคะ
เสียงนาฬิกาปลุกตอนตีห้า มันน่าเบื่อหน่ายทุกๆวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน ฉันชื่อ นัท คะ ทำงานเป็นวิศวกร ทำงานออกหน้างานตลอด แต่ฉันค่อนข้างแตกต่างจากวิศวกรคนอื่นๆ คือการแต่งตัว ฉันชอบที่จะ mix & match เสื้อผ้าในแต่ละวัน ให้ไม่ซ้ำใครออกไป มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขเวลาได้ทำสิ่งเหล่านี้ สมัยเรียนรุ่นน้องมักจะถามฉันว่า ลุคของพี่มันเด็กนิเทศชัดๆ 5555 ฉันได้แต่ยิ้มรับ ฉันยังรักที่จะเรียนไฟฟ้า แต่ก็รักที่จะแต่งตัวไปด้วยกัน บางคนบอกว่าฉันมันพวกชอบตามแฟชั่น จริงๆแล้วฉันแทบไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าแฟชั่นตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ฉันแค่ทำตามที่ใจฉันต้องการ ผลของมันเลยค่อนข้างที่จะออกมาไม่ค่อยเหมือนใครเท่าไหร่
ตอนนี้ฉันมีความสุขดี มีแฟนที่รัก มีงานที่สนุก มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ทุกอย่างนี้เป็นผลมาจาก หัวใจของคุณที่เลือกสรรค์สิ่งเหล่านั่นเข้ามาในชีวิต แล้วคุณๆเชื่อหัวใจตัวเองมากแค่ไหนกันคะ สำหรับฉันให้ 99% เหลืออีก 1% ที่เป็นปัจจัยอื่น หัวใจเป็นสิ่งที่นำทางให้ทุกคนบนโลกนี้ รักกัน เกลียดกัน ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสิ่งเล็กๆสี่ห้องนี้มันจะสามารถควบคุมที่อย่างในตัวเราได้ คุณเคยคิดที่จะควบคุมหัวใจตัวเองไหม ฉันคนนึงหละที่ควบคุมมันไม่ได้ ฉันก็เลยปล่อยมันไปตามที่มันควรจะเป็น เพราะเราทุกคนเป็นมนุษย์ มันย่อมมีทั้งกิเลส ทั้งตัณหาที่ตัดออกไปไม่ได้ ยอมรับมันซะ แต่ยอมรับในสิ่งที่ถูกที่ควร แล้วคุณจะมีความสุขกับมัน
ช่วงนี้ฉํนต้องทำงานก่อสร้างคอนโดติดบีทีเอสอันแสนหรูหรา เวอร์วังอลังการ สูง 76 ชั้น คนอื่นๆอาจคิดว่าดี แต่สำหรับวิศวกรอย่างเราๆแทบจะปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว ฉันคงต้องทำงานที่นี่ไปอีกหลายปีเห็นจะได้จนกว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการแด่ทุกท่าน แต่ที่ฉันเกลียดคือ ชีวิตทำงานของคนในเมือง ในช่วงเวลาทำงานอันคับขัน มันช่างเบียดเสียดยัดเยียดอะไรขนาดนี้ ผู้คนมากมายเบียดเสียดยัดเยียดกันเข้ามาในขบวนบีทีเอส
“ข้างในอะคะ เขยิบได้อีกคนนึงนะคะ” เสียงตะโกนจากหญิงคนนึงตรงหน้าประตูทางเข้า
“ฉันยืนอยู่คะ!!!!”
ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ คุณๆ ที่ส่วนสูงอยู่ในระดับ 150 Cm เจอเหตุการณ์นี้กันบ้างไหมคะ สำหรับฉันเจอจนสามารถพูดออกจากปากว่า กรูเตี้ย ได้โดยไม่รู้สึกอะไรแล้วหละคะ แถมแต่ละคนเบียดเข้ามาจน ผญ ตัวเล็กๆอย่างฉันแทบจะไม่มีที่ให้จับพยุงตัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งนั้นก็ทำให้ฉันมีสกิลการยืนด้วยสองขาอันเป็นรากฐานอันมั่นคงโดยไม่ต้องพึ่งสิ่งใดได้เช่นกัน แต่ความวุ่นวายที่เกิดตอนเช้าๆแบบนี้ ยังมีสิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้เพราะ...
"สวัสดีครับ ผม ดีเจชานนท์ นะครับ เย็นนี้เรามีนัดกันที่งานปันน้ำใจบริจาคลือดให้กับสภากาชาดไทยที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิล อย่าลืมมากันเยอะๆนะครับ เพื่อหัวใจที่แข็งแรงของทุกคน"
ตุบตับ!!!!!!!
เสียงหัวใจฉันรัวดังเพราะ ผช คนนี้ ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี หุ่นเป้ะเวอร์ มีเสน่ห์สุดๆ เขาชื่อ ชานนต์ คะเป็นดาราใหม่ที่กำลังดังตอนนี้เลย แต่ข่าวเจ้าชู้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะเห็นเขา่อยู่เกือบทุกที่ ไม่ว่าจะหน้าทีวี ป้ายโฆษณา หรือแม้กระทั่ง บีทีเอส เขาดูเป็นที่ถูกใจของสาวๆหลายคน นั่นรวมถึงฉันด้วย อะแน่นอนว่าใครก็ชอบมองคนหล่อคะ 5555
"เฮ้อ ดาราช่างน่าอิจฉาเนอะ หล่อ ดูดี หุ่นเป้ะ แต่งตัวดีตลอดเวลา แถมหาเงินง่ายอีก ทำงานวันเดียวได้เท่ากับฉันทั้งเดือนละเนี่ย"
ฉันยืนบ่นในใจตัดพ้อชีวิตตัวเองไปวันๆ ก็เนอะ คนเรามีการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกันนี่คะ เอาวะ!!!! ก็ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำวันของเราให้มีความสุขที่สุด งานจะเหนื่อย ปัญหาชีวิตจะเยอะ มันก็คือเรา ก็ต้องผ่านมันไปสิ
ณ ที่ทำงาน
คอนโดสูงใหญ่ที่กำลังก่อสร้าง ใจกลางเมืองมูลค่าหลายร้อยล้าน ผู้คนขวักไขว่เดินสวนกันไปมา เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย เสียงรถเครน คนงานต่างด้าว ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่ฉันคุ้นเคยไปแล้ว ฉันเดินเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ แน่นอนที่นี่คือออฟฟิศของฉันเอง
"นี่วันนี้แกแต่งเป็นอะไรวะไอ่นัท"
ชายแก่วัยกลางคน อายุแค่ 35 แต่หน้าไป 40 หัวล้านปาไปครึ่งหัวเห็นจะได้ ใส่เสื้อเชิตสีเข้ม ยืนถือแก้วกาแฟกล่าว แกชื่อพี่วิเชียรคะ เป็นหัวหน้าฉันเอง แกปากไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่จริงๆแกใจดีคะ สอนงานฉันตลอดเวลาไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
"วันนี้เป็นเด็กญี่ปุ่นพี่" หญิงสาวตัวเล็กท่าทียียวนกล่าวพลางส่งยักคิ้วให้แกสองรอบเป็นอันเสร็จพิธี ก่อนที่จะวางกระเป๋าลงที่โต้ะกลางรกๆกลางตู้คอนเทนเนอร์ นี่คือโต๊ะกลางที่เอาไว้ประชุม ดูแบบแผนงาน ทานข้าว กินขนม คุยเล่น
"55555 ยอมละ แกนี่เสื้อผ้ามาเต็มตลอด เมื่อวานเป็นทหาร วันก่อนเป็นยิปซี วันนี้เป็นเด็กญี่ปุ่น มีวันไหนแกปกติมั่งไหมเนี่ย เอาที่มันทำงานได้สะดวกด้วยไหมแกอะ วันนี้จะเดินไปคุมงานไงเนี่ย ดูกระโปรงแกซิ" พี่วิเชียรกล่าวพลางก้มมองที่กระโปรง
"อะไรพี่ เนี่ยๆเห็นไหม หนูใส่ผ้าใบอยู่ เดินไปเดินมาได้สบาย งานที่นัททำเคยขาดตกบกพร่องไหมพี่ ถามจริง" ฉันกล่าวขณะที่ยกเท้าขึ้นมาเบาๆหนึ่งข้าง
"แกเอ้ย ฉันรู้ว่าแกทำได้ แต่แกเป็นวิศวกร อยู่หน้างานเนี่ย ดูแต่งตัวเข้า ไม่ระวังคนงานต่างด้าวรึไง" พี่วิเชียรทำหน้าค้อนใส่ หลังจากได้เห็นกิริยาอันไม่งามที่ขัดกับการแต่งตัวของลูกน้องที่อยู่ตรงหน้า
"โหพี่ ทำที่นี่มาหลายเดือนละเนี่ยไม่เห็นเป็นไรเลย หนูชอบแต่งตัวของหนูอะ มันคือความสุขอะ รับรองงานไม่มีปัญหาหรอกพี่"
"เออๆ บ่นไปแกก็ไม่ฟัง คราวหลังแกก็คิดก่อนนะ ดูซิโปรงสั้นจู๋แบบนี้ ทำงานแบบนี้มันอันตราย ไปๆเช้านี้ไปเชคหน้างานเลยนะ ถึงไหนแล้ว"
"ค่า เสร็จทันชัวร์พี่"
นี่เป็นบทสนทนาที่เจอเกือบทุกวันเลยเลยหละคะ มันชินจนไม่รู้สึกอะไรไปนานแล้ว ถือเป็นเรื่องสนุกก่อนจะวิ่งไปเครียดที่หน้างานนะคะ
"ไงแก โดนบ่นทุกเช้าเลยนะ" เพื่อนร่วมงานของฉันเองคะ เราเริ่มสนิทกันตอนมาทำโปรเจคที่นี่ด้วยกัน แม็คดูเป็นที่กรี้ดกร้าดของสาวๆในไซด์งานที่นี่เลยแหละ ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง หุ่นอันแสนกำยำล่ำสัน ผิวเข้มสองสี หล่อแบบไทยแท้ รวมทั้งเซลล์สาวๆทั้งหลายไม่วายจะขอไลน์ไอดีเพื่อเอาไว้ติดต่องาน เอาเข้าจิงก็เสร็จตานี่หมดละคะ
"ไม่ชินอีกรึไงวะแก" ฉันชำเลืองมองพลางเปิดดูสมุดโน้ตงานที่จดไว้
"ไอ่ชินอะ ชินอยู่แล้ว แต่แกน่าจะปรับเรื่องการแต่งตัวแกหน่อยไหม หัวหน้าเขาบ่นก็เพราะเป็นห่วงแกอะแหละ แต่งตัวแบบนี้มาคุมไซด์งาน คนงานก็ต่างด้าวทั้งนั้น แล้วคนก็เข้าๆออกๆกันบ่อย เราจะไปไว้ใจได้ไงแก"
ปึง!!!!! เสียงปิดสมุดโน้ต
"บ่นอีกคนละ นี่แกติดนิสัยพี่วิเชียรมารึไงวะ อยู่ใกล้ๆแกบ่อยไปปะวะเนี่ย" ฉันตวาดเสียงแข็ง
"เออๆๆๆ ตามใจแก ฉันก็แค่เป็นห่วงเพื่อน"
"เพื่อนจิงเหรอวะไอ่แม็ค" ชายอีกคนเดินมาเขย่งเท้าเอามือพาดที่ไหล่ของแม็ค
คนนี้เพื่อนในทีมอีกคน อีตาคนนี้ลักษณะตรงข้ามกับแม็คโดยสิ้นเชิงคะ ชายขาวตี๋ หน้าตาน่ารัก ตัวเล็กมาตรฐานชายไทยที่ไม่ถึง 170 นิสัยกวนโอ้ยตรงข้ามกับหน้าเช่นกัน สาวเล็กสาวใหญ่นี่หยอดหมด เห็นอย่างงี้เก็บแต้มเพียบนะค้า
"มาละๆไอ่นี่ กวนตรีนแต่เช้านะแก ไม่มีใครให้แซวแล้วรึไง แซวแต่ฉันกะไอ้แม็คเนี่ย วันๆว่างนักรึไงวะ ขี้เกียจเถียง ฉันไปดูหน้างานก่อนนะว่าถึงไหนแล้ว" ฉันเดินไปหยิบหมวก พร้อมสมุดเดินออกไปจากห้อง
ปัง!!!! เสียงปิดประตูดังลั่น ชายทั้งสองยังมองประตูด้วยความเงียบ
"เอาน่าแม็ค ถ้าแกไม่บอกเขาจะรู้ได้ไงวะ ดูนัทมันยิ่งโง่ๆ ซื่อๆอยู่ มองเขามาเป็นปี ทำไรไม่ได้เนี่ยนะ" กฤทธิ์กล่าวพลางเขย่งเท้าเอื้อมมือตบที่ไหล่ของแม็คเบาๆ
"ไอ่บ้า นัทมันมีแฟนอยู่แล้ว บอกไปก็เสียเพื่อนเปล่าๆ อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว"
"เฮ้อ ไอ้พระเอก แกดูซีรี่ย์เกาหลีรึไง ก็แกนิ่งอย่างงี้ ไอ่พีทเลยได้คาบไปแดก ไอ่นั่นเจ้าชู้ยิ่งกว่าปลาไหล ใครๆก็รู้ ไม่โดนทิ้งตอนนี้ อีกไม่นานก็โดนทิ้งเชื่อฉัน ไอ้นัทก็เชื่อใจเกิน"
"นี่แกเปน ผญ หรือ ผช เนี่ย เสือกเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว ฉันไปดูหน้างานก่อนละ เที่ยงเจอกัน"
ปัง!!!!!! เสียงปิดประตูดังลั่น เหลือชายเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนมองประตูอยู่ เอ๊ะ หรือสองคน????
"อะไรของพวกมันว้า" กฤทธิ์ยืนงงอยู่หน้าประตู
"ไม่อะไรหรอก เดินไปชงกาแฟจนกินจะหมดแกัวแล้วเนี่ย หน้างานแกไปถึงหนแล้ว????" พี่วิเชียรยืนถือแก้วกาแฟตาเขม็งอยู่ข้างหลังกฤทธิ์
"อ่า.....ผมกำลังจะไปพอดีเลยครับพี่" กฤทธิ์ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบหมวกพร้อมสมุดแล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันที
ปัง!!!!!!!
เสียงปิดประตูดังอีกรอบ
"นี่มันอยู่ด้วยกันนานเกินไปใช่ไหมเนี่ยเจ้าพวกนี้เนี่ย มีใครปกติมั่งไหม???? เออ ฉันปกติคนนึงแล้วกัน" พี่วิเชียรกล่าวพลางเดินผิวปากกลับโต้ะทำงานอย่างอารมณ์ดี
นี่หละคะที่ทำงานของฉัน บรรยากาศมันค่อนข้างดีเลยทีเดียว เราจะคุยเฮฮากันตอนเช้าก่อนจะแแยกย้ายกันไปทำงาน เจอกันอีกทีก็เที่ยง แล้วก็ตอนเย็น ฉันมีความสุขกับการทำงานที่นี่ถ้าไม่นับการเดินอยู่ตามหน้างานเจอแดดร้อนจัดเกือบ 40 องศาในทุกวันอะนะ
หน้างานชั้น 3
"กลางวันนี้แวะไปกินข้าวกับพีทดีกว่า รีบไลน์บอกก่อน" ฉันกล่าวในขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
"วิ้ดดดดดดดดวิ้ววววววว วันนี้มาสวยเชียวนะ eng " เสียงคนงานแซว ฉันจำไม่ค่อยได้หรอกคะว่าแต่ละคนชื่ออะไร มาจากไหน ที่นี่มีหลายๆบริษัทเข้ามากัน ต่างคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ขอให้ไม่ก้าวก่ายกันก็พอ
"โดนแซวแต่เช้าเลยนะนัท" ลุงสม อายุปาไป 50 แล้วแต่แกยังไม่หยุดทำงาน แกรักงานของแกมาก แกเป็นหัวหน้างานที่นี่ ฉันมักจะได้ความรู้จากลุงแกเสมอ ฉันเคารพลุงสมเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนคงเลยทีเดียว
" ชินแล้วแหละลุง ว่าแต่ตรงนี้ยังไม่เสร็จอีกเหรอลุง" ฉันกล่าวพลางเดินตรงไปหาลุงสม
"ยังเลย เมื่อวานคนงานออกโอเยอะ เลยทำกันไม่ทัน วันนี้ว่าจะทำกันต่อ คงดึกเลยละ"
"ขอโทษด้วยนะลุง หนูไม่น่าหนีงานเลย"
"สุงเข้าใจวัยรุ่นน่า ลูกสาวลุงก็งี้แหละ5555"
"แหม ได้ข่าวลูกลุงเพิ่ง 12 เองนะคะ"
"ก็ต้องพยายามเข้าใจเด็กมันอะเนอะ ให้เรียนรู้กันเอง แต่ต้องให้เขารู้อันไหนถูกอันไหมผิด เขาจะได้ดำเนินชีวิตของเขาได้เองอย่างถูกต้อง ลุงอยากให้เขาเป็นแบบพวกคุณๆ"
"แหมลุงพูดซะดีเชียว"
"ว่าแต่วันนี้แต่งตัวสวย มีนัดที่ไหนรึเปล่า"
"แหมลุง รู้ทันหนูตลอดเลย พอดีวันนี้ว่าจะแวะไปกินข้าวกลางวันกับพีทอะ ไม่ได้เจอนานละ ช่วงนี้เขางานยุ่ง เลยว่าจะแวะเข้าไปหาเขาเอง"
"Eng พีทเขายุ่งจิงรึเปล่า" ลุงสมกล่าวแกลมหยอก
"แหนะ มาเสี้ยมอีกคนแล้ว ลุงไปได้อะไรมาจากกฤทธิ์มันปะเนี่ย อย่าไปเชื่อมัน พีทเขากลับตัวแล้ว"
"อะๆ ลุงไม่ว่าอะไรละ ดูดีๆด้วยนะ เจ้าแม็คมันก็นิสัยดี"
"หยุดเลยลุง สงสัยเจ้ากฤทธิ์มันแพร่เชื้อแน่ๆ ทำงานๆเลย นี่ๆๆๆๆตรงนี้ๆๆ มุมนี้"
บริษัทที่พวกฉันทำอยู่เป็นบริษัทปานกลางคะ ทำรับเหมาไฟฟ้า มีพนักงานอยู่ 20กว่าคน engineer แบ่งๆงานกันไปตามโปรเจคที่ได้ ฉันกับพีทเราคบกันตั้งแต่เข้ามาทำงานใหม่ๆเลยคะ เพราะเราทำโปรเจคแรกด้วยกัน เขาดูแลฉันดีมาก จากที่ได้ยินมาว่าเขาเจ้าชู้ ซึ่งฉันไม่คิดว่าเขาจะทำมันเมื่อคบกับฉัน ฉันกลับคิดว่าพวก ผญ ที่นินทานั้นอิจฉาฉันมากกว่า เขาเทคแคร์ฉันตลอด ถึงตอนนี้เราจะทำกันคนละโปรเจค เราก็ยังหาเวลาว่างมาเจอกันบ้าง เขาเสมอต้นเสมอปลายคะ ฉันรักเขา
"เอ้ย ทำงานไรนักหนาวะ จะเที่ยงแล้วเนี่ย ไปๆกินข้าว" กฤทธิ์กล่าวขณะเดินมาพร้อมกับแม็ค
"ขอโทษทีหวะ บ่ายนี้ว่าจะแวะไปกินข้าวกับพีท แต่ไลน์ไปเขายังไม่อ่านเลย ไม่รู้จะว่างป่าว"
"งั้นก็ไปด้วยกันเลย ถ้าพีทมันไม่ว่างเราก็ไปกินข้าวแถวนั้น ถ้ามันว่างฉันกับแม็คก็ไปกินข้าวกันเอง โอเคไหม" กฤทธิ์รีบออกตัวพลางยักคิ้วส่งให้แม็ค
"อะได้ๆ รอแปปนึงนะ เคลียงานกับลุงสมก่อน เผื่อเรากลับช้า" ฉํนหันหลังกลับไปเคลียร์งานกับลุงสม
"แกเขื่อฉันไหม ไอ้พีทได้ซี้แหงแก๋ก็คราวนี้แหละหวะ"
"แส่หาเรื่องนะมึงอะ" แม็คกล่าวหน้านิ่ง
"อย่ามาพูดดี ฉ้นรู้ในใจแกอะชอบ พอไอ้นัทมันเลิกกับพีท แกรีบเสียบเลยนะเว้ย"
"เงียบเลยนะ หาเรื่องตลอดนะแกอะ"
"ปะ เสร็จแล้ว คุยไรกันอะพวกแก"
"ป้าวววววว พวกฉันรอแกจนแสบท้องแล้วเนี่ย รีบไปกัน"กฤทธิ์กล่าว แล้วเดินนำพวกเราไปทันที
ฉันวิ่งตามออกไปกระโดดเกาะไหล่เจ้ากฤทธิ์เพื่อนรัก โดยที่มีแม็คเดินตามอยู่ข้างหลัง การมีเพื่อนที่ดีมันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ