Creepypasta Family The Broken Myth

9.5

เขียนโดย Leragan

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.43 น.

  24 chapter
  9 วิจารณ์
  41.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) รียูเนี่ยน (Reunion)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
  1.                               “ดาร์ลิ้ง..อย่าทำแรงมากนักสิ” หญิงสาวในชุดกันหนาวขนสัตว์พูดขึ้น

                                  “ผมขอโทษละกันนะ..คล็อกเวิร์ค พอดีว่าผมไม่ค่อยได้ทำเรื่องพวกนี้บ่อยน่ะ” โทบี้ที่มักจะสบถหยาบ เมื่อมาอยู่กลับคล็อกเวิร์ค เขากลับเป็นพูดจาไพเราะอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งในขณะพูดเขาก็เสียบบางอย่างเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                                  “ผมคิดว่าผมเริ่มจะชำนาญขึ้นแล้วล่ะ” โทบี้พูดขึ้นก่อนจะเพิ่มความเร็วในสิ่งที่เขากำลังทำ

                                  “อื้อ! อย่าเร็วมากสิ..มันก็เจ็บเป็นนะ” คล็อกเวิร์คพูดขึ้นในขณะที่มีน้ำตาไหลออกมาจากตาของเธอ แต่โทบี้กลับไม่ยอมฟัง พร้อมทั้งยังทำแรงขึ้นกว่าเดิม

                                   “ผมกำลังมีฝีมือช่ำชองอยู่นะ..นาตาลี ถ้าขืนผมเบามือ พวกเราก็เสร็จช้า” โทบี้พูดออกมา พร้อมกับหน้าตามุ่งมั่น แล้วเริ่มใส่อย่างไม่ยั้งมือ

                                    “ดาร์ลิ้ง..ชั้นจะกลั้นมันไม่อยู่แล้วนะค่ะ” คล็อกเวิร์คพูดในขณะที่เธอกำลังกัดฟัน พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า

                                    “ผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน..ถ้าคุณยังทำอย่างนั้นอยู่ ผมจะ..ผมจะ..” โทบี้พูดพร้อมกัดฟันของตนเอง เพื่ออดทนกับสิ่งเบื้องหน้า แต่เขากลับทนไม่ได้นาน “มันจะไหลออกมาแล้ว..หยุดทำอย่างนั้นนะ นาตาลี”

                                    “พรวดดดดดด!” เสียงบางอย่างไหลทะลักออกมา ทำให้น้ำตาที่คลออยู่ที่นัยน์ตาของนาตาลีไหลรินออกมาอย่างไม่หยุด

                                    “ฮือ..ฮือ” นาตาลีหรือคล็อกเวิร์คร้องไห้ครวญคราง น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มชมพูเปล่งแสงของเธอ เธอใช้มือมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาทั้งที่เธอยังคงครวญครางอยู่ ซึ่งทำให้โทบี้ที่หันมามองเธอถึงกับตาเบิกกว้าง ก่อนที่เขาจะปล่อยบางอย่างออกมาอย่างเต็มที่แบบที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่

  2.                                 “พรวดดดดด!!” เลือดกำเดาที่พุ่งออกมาไหลอย่างไม่มีหยุด เพราะใบหน้าของคล็อกเวิร์คที่เขาเห็นนั้นมันช่างน่ารักมากเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น

                                     “ ‘คาวาอี้’ ชะมัดเลย” ทิกกิ โทบี้อุทานออกมาอย่างเบาๆ พร้อมทั้งหันกลับไปมองหน้าของนาตาลีอีกครั้ง และเลือดกำเดาไหลอีกครั้งเช่นกัน

                                     “ดาร์ลิ้ง..ดาร์ลิ้งทำนุ่นของบับเบิลไหลมาหมดแล้วนะ..ฮึก..ฮึก” นาตาลีสะอื้นไห้ เพราะการทำงานที่สะเพร่าของโทบี้ ทำให้ ‘บับเบิล’ ตุ๊กตากระต่ายสีฟ้าของเธอมีนุ่นไหลทะลักออกมาจากท้อง เนื่องจากในขณะที่โทบี้กำลังเย็บด้วยความเร็วสูงนั้น เขาก็บีบจับเจ้าบับเบิลแรงเกินไปจึงทำให้รอยที่ขาดไม่ได้ขาดเกิดปริขึ้น และเปิดช่องให้นุ่นที่อยู่ภายในกระเด็นทะลักออกมา

                                     “อย่างน้อยผมก็ไม่ได้เอาขวานไปสับเจ้ายีราฟซะหน่อยนี่” คำพูดนี้ทำให้คล็อกเวิร์คถึงกับสะอึกและอึ้งไปพักนึง โทบี้ที่เห็นใบหน้าของเธอก็งง แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า ‘เจ้ายีราฟ’ คือตุ๊กตาที่นาตาลีหรือคล็อกเวิร์ครักมากที่สุด ขนาดที่ว่า ‘ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม’ เมื่อเขาฉุกคิดได้ เขาก็พยายามจะขอโทษ แต่ก็สายไปแล้ว

                                      “อย่าทำอย่างนั้นก็น้องยีราฟของชั้น..คนใจร้าย ออกไปจากห้องชั้นเลยนะ ชั้นไม่ต้อนรับคนใจร้าย ไปเลย..ไป!!!” นาตาลีดึงร่างของโทบี้ขึ้น แล้วลากไปหน้าประตู ก่อนจะผลักเขาให้ออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูใส่หน้าโทบี้อย่างแรง

                                        “นาตาลี..เค้าขอโทษ อย่างอนเขาสิ นาตาลี” โทบี้ขอร้องอ้อนวอนกับนาตาลีที่หน้าประตูห้องเธอ “คืนดีน้าาาา”

  3.                                      “ไม่คืนดีด้วย” นาตาลีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สนใจไยดี ทำให้โทบี้ต้องก้มหน้าอย่างสิ้นหวัง

                                         “งั้นนาตาลีจะให้เค้าทำอะไรก็ได้นะ..แต่ยอมคืนดีหน่อยน้าาาา” โทบี้พูดด้วยเสียงอ้อนวอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นาตาลีกลับเปิดประตู และแหงนมองหน้าโทบี้ด้วยตาที่เป็นประกายวาววับ กับหน้าตาที่ยิ้มอย่างดูมีความสุข

                                         “อะไรก็ได้ใช่มั้ยจ๊ะ” นาตาลีถามออกมาด้วยเสียงหวาน โทบี้จึงพยักหน้า เมื่อนาตาลีเห็นเช่นนั้น เธอก็ทำท่าทางเขินอาย “งั้น..โทบี้..กอดเค้า..หน่อย..นะ”

                                         เมื่อได้ยินเช่นนั้น โทบี้ก็ใช้แขนทั้งสองโอบร่างของนาตาลีอย่างนุ่มนวล ตอนนี้นาตาลีมุดหน้าเข้าไปในอ้อมอกของโทบี้ ทำให้เขาไม่เห็นใบหน้าของเธอ

                                         “งั้น..อย่างที่สอง..โทบี้..หอม..แก้ม..เค้า..หน่อยจิ” คำขอครั้งนี้ทำให้โทบี้เกิดเขินอายเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงทำตามคำขอ เขาดันร่างของนาตาลีออกห่างจากตัวเขาเล็กน้อย พร้อมกับปัดผมที่บังใบหน้าของเธอออก ทำให้เขาเห็นใบหน้าของนาตาลีที่แดงก่ำ ก่อนที่เขาจะบรรจงหอมแก้มของนาตาลีอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง ริมฝีปากและจมูกของเขาจึงสัมผัสถึงอุณหภูมิในร่างกายของนาตาลีที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะผละออก แล้วถามถึงคำขอถัดไป “แล้วจะให้เค้าทำอะไรต่อละ..ที่รัก”

                                         “อันนี้สุดท้ายแระ เค้าขอให้..ดาร์ลิ้ง..หลับตา..นะ” โทบี้ที่ได้ยินอย่างชัดเจนก็รีบปิดตาลงอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่นานนักก็มีความอุ่นและนิ่มของบางอย่างมากระทบกับริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวล เมื่อโทบี้ลืมตาขึ้นก็พบว่าสิ่งที่มากระทบนั้นคือริมฝีปากของนาตาลีที่มีใบหน้าสีแดงก่ำอย่างที่สุด

  4.                                      ก่อนที่เขาจะหลับตาลงอีกครั้ง แล้วรับการจูบอันดูดดื่มจากคนที่เขารัก การจูบของโทบี้ที่นุ่มนวลและร้อนแรงนั้น ทำให้ดวงตาที่เป็นนาฬิกาของคล็อกเวิร์คหมุนช้าลง ซึ่งหมายความว่า คล็อกเวิร์คนั้นกำลังใช้พลังทำให้เวลารอบๆร่างของเธอช้าลง นั่นทำให้เธอนั้นได้รับเวลาการจูบนี้ยาวนานขึ้นอีก สักพักเธอก็เลิกใช้พลัง ทำให้โทบี้ผละริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของเธอ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันมายิ้มให้กัน แต่แล้วประตูของห้องๆหนึ่งกระเด็นหลุดออกมาชนกับกำแพงอย่างแรง จนทำให้กำแพงนั้นเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่และเกิดเสียงดัง ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมองต้นเสียงก็พบร่างของเจฟที่ กระเด็นออกมาพร้อมๆกับประตูในสภาพที่เลือดชโลมเต็มหน้า

                                           “เจฟเฟอรี่ วู้ดส์...” ร่างของนางมารจักรวาลตลอดกาลค่อยๆย่างก้าวออกจากที่พำนับ เธอมาพร้อมกับรังสีอำมหิตสีดำทมิฬเต็มร่าง ดวงตาเปล่งประกายสีม่วงแวววับ เจน เดอะ คิลเลอร์ ลากเสียงที่เธอพูดออกมายาว โดยมีมิลโร่อยู่ทางด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าที่ปริ่มยิ้มของเธอ หลังจากนั้นเจน เดอะ คิลเลอร์ ก็พูดต่อด้วยเสียงเย็นชา “นี่คืออะไรค่ะ”

                                          “ก็เอามาศึกษาก่อนไง..เผื่อสักวันเราจะได้ทำเหมือนในหนังสือนี้ไงจ๊ะ..คุณภรรยาสุดเซ็กซี่ของผม” เจฟที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดหันมองมาหน้าของเจน ก่อนจะยิ้มอย่างมีเล่ห์ พร้อมกับพูดล้อเจนออกไป ซึ่งแทนที่เจนจะโกรธ ออร่าทมิฬอำมหิตกลับหายไปทันใด แล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้าสีขาวซีดของเธอที่ตอนนี้แดง

                                           “ตาลามกเจฟ!!!!!” เธอตะโกนออกมา พร้อมกับยกเท้าของเธอขึ้น แล้วถีบใส่หน้าของเจฟอย่างแรงจนกำแพงที่เจฟนั่งพิงเกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นจนมีบางส่วนที่แตก ส่วนสำหรับร่างของเจฟนั้นได้นอนแน่นิ่งไปในทันที ก่อนที่เจนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องของเธอพร้อมกับมิลโร่ที่เธอจูง

  5.                                        “เจ็บได้ใจจริงๆ  ...แม่ยาหยีของชั้น” เจฟที่ดูเหมือนแน่นิ่งกลับพูดขึ้น พร้อมกับดึงส่วนหัวที่บิดเบี้ยวผิดจากเดิมให้กลับเข้าที่

                                           ‘นี่มันสาดิสกับมาโซนี่หว่า’ โทบี้คิดในใจ ‘ลูกจะออกมาเป็นยังไงว่ะ!?’

  6.                                        ในห้องของลาอ้อน แม็กซิมัส ภายในดูเหมือนห้องระดับพรีเมี่ยมในโรงแรมหรูๆเลยทีเดียว ในตอนนี้ร่างของลาอ้อนกำลังนอนอยู่บนเตียงขนาด 2 คนนอน แต่ในตอนนี้กลับมีผู้ที่นอนบนเตียงนี้ 3 คน นั่นคือ ลาอ้อน ริกะ และอเล็กซานดร้า สองสาวกับลาอ้อนถูกกั้นจากกันโดยหมอนข้างลายสายฟ้าอันหนึ่ง

                                           ‘ไม่..ไม่..ม้ายยยย!!’ เสียงของใครบางคนแล่นผ่านไปมาภายในหัว

                                           ‘ถ้าชั้นตาย..แล้วลูกเมียชั้นจะอยู่ยังไง’ เสียงบางอย่างวนเวียนในหัว ก่อนจะมีเสียงไร้ที่มาอีกมากมายร้องโอดครวญด้วยความโศกเศร้าและทรมาน ก่อนที่เสียงทั้งหมดที่ร้องโอดครวญนั้นกลับรวมกันเป็นเสียงเดียวกัน ‘เพราะแก..เพราะแก ชั้นจะฆ่าแก ชั้นจะตามฆ่าแก ชั้นจะตามหลอกหลอนแก จนกว่าแกจะสิ้นลมหายใจ ฮ่าฮ่าฮ่า’

                                           “เฮือก!!!” ลาอ้อนสะดุ้งจากการหลับใหลด้วยฝันร้ายที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งในยามที่เขาหลับ การตื่นมาแบบกะทันหันของลาอ้อน ทำให้สองสาวข้างๆสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเธอเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นรอบๆ จึงเตรียมจะต่อว่าลาอ้อน แต่เมื่อพวกเธอเห็นลาอ้อนที่ตอนนี้เหงื่อไหลทั่วร่างของเขา พวกเธอจึงรีบไปถามเขา

                                            “ลาอ้อน..ลาอ้อน เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” สองสาวพูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

                                           “เฮ้อ!! ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ฝันร้าย..ฝันที่เกิดทุกครั้งที่ชั้นหลับ พวกวิญญาณจากคนที่ชั้นฆ่า..มันจะมาหลอกหลอนชั้นตลอดทุกครั้งที่ชั้นหลับ” ลาอ้อนอธิบายให้ทั้งสองสาวได้เข้าใจ “มันเป็นคำสาปแห่งสมดุล..สำหรับของชั้น ชั้นจะต้องได้ยินเสียงเหล่าวิญญาณร้องโอดครวญทุกครั้งที่ชั้นหลับ เรียลลิตี้เบนเดอร์ที่มพลังมากๆจะถูกคำสาปแห่งสมดุลทุกคน แล้วแต่ว่าจะต้องโดนอะไรเท่านั้น แล้วพ่อของเธอล่ะ..อเล็กซานดร้า พ่อของเธอได้รับคำสาปแบบไหน”

  7.                                        “ชั้นไม่เคยถามพ่อน่ะ” อเล็กซานดร้าตอบคำถามของลาอ้อนไป “ขอโทษนะ”

                                           ทันใดนั้นช่องมิติก็ถูกฉีกออกก่อนที่คนคุ้นหน้าจะเดินออกมา แล้วช่องมิตินั้นก็ปิดลงในพริบตา ลอสต์ในชุดนักวิจัยได้เดินออกมา เดินสำรวจภายในห้องสักพักก่อนจะมายืนหยุดอยู่กลางห้องเบื้องหน้าวัยรุ่นทั้งสาม

                                           “ถึงชั้นจะมีพลังมากพอจะฉีกมิติและทำลายกำแพงที่สี่มาแล้วหลายครั้ง แต่ยังไงชั้นก็คือเรียลลิตี้เบนเดอร์ที่มีพลังมากคนนึง ยังไงความความสมดุลก็ไม่สามารถถูกทำลายได้” ลอสต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

                                           “คำสาปของชั้นก็คือ เมื่อถึงวันที่ชั้นต้องตาย ในวันนั้นชั้นจะหลุดพ้นจากทุกๆสิ่ง นรกและสวรรค์หรือบนโลกจะไม่มีวันยอมรับชั้นให้อยู่อาศัย และสุดท้ายวิญญาณของชั้นก็จะสลายหายไปและไม่มีวันไปเกิดใหม่อีกเลย ชั้นจะไม่มีวันเจอพวกเธออีกเลยตลอดกาล” ลอสต์พูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า ก่อนจะใช้มือกุมไปที่ใบหน้าบริเวณดวงตาถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีก็ตาม

                                           “พวกเธอ!?” อเล็กซานดร้าหวนถามพ่อของเธอ

                                           “งั้นพ่อจะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพ่อให้ลูกฟัง” ลอสต์นั่งลงไปกับพื้น

                                           “พ่อน่ะเกิดมาพร้อมๆกับจักรวาลนี้ พ่ออยู่ในการเลี้ยงดูหรือจะเรียกได้ว่าเป็นลูกของ เดอะ ครีเอเตอร์ หรือ ผู้สร้าง มหาจักรพรรดิแห่งการรังสรรค์ การประดิษฐ์และการก่อสร้าง ความคิดและจินตนาการ พ่อคือสิ่งมีชีวิตชนิดแรกในจักรวาลและโลกนี้ รวมถึงยังเป็นเรียลลิตี้เบนเดอร์คนแรกอีกด้วย ตามจริงแล้ว พ่อไม่ได้มีแม่ของลูกเป็นภรรยาเพียงคนเดียว อลิซาเบธ..เธอน่ะเป็นคนสุดท้ายและเป็นคนที่ชั้นรักที่สุด ก่อนหน้าที่พ่อจะมีแม่ พ่อมีภรรยามาก่อน 6 คน ทุกคนที่พ่อมีล้วนแต่มีลูกกับพ่อทุกคน แต่พ่อไม่ได้ไปทำอย่างนั้นนะ เพราะพ่อทำไม่ได้..เพราะร่างกายที่ไร้ตัวตนของพ่อ ทำให้ไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ พ่อจึงต้องสร้างมันขึ้นมาแล้วเสกเข้าท้องพวกเธอแทน ดังนั้นพ่อมีลูกทั้งหมดนั้น 7 คนแล้วลูกทุกคนก็เป็นลูกสาว ซึ่งได้แก่ แจนน่า หญิงสาวผู้มีร่างกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์ปกติเกือบ 2 เท่า คนที่สอง โอซิริส จักรพรรดินีแห่งดินแดนที่สาบสูญ คนที่สาม ลีน่า มหาเวทย์หญิงแห่งยุค คนที่สี่ ฮัวหมิง เทพีแห่งจอมยุทธ คนที่ห้า เอซตริด นักฆ่าสาวระดับโลก คนที่หก ซาโมเนะ เจ้าหญิงแห่งดาบทั้งมวล และคนที่เจ็ด ลูก..อเล็กซานดร้า ผู้มีพลังจิตในการควบคุมเส้นผม ลูกทั้งเจ็ดคนล้วนได้รับความเป็นอมตะเช่นเดียวกับพ่อ ดังนั้นลูก..อเล็กซานดร้า ลูกน่ะก็เป็นอมตะแบบที่ว่าไม่มีอายุขัยนะ ลูกจะคงอยู่ในวัยนี้ตลอดกาล” ลอสต์อธิบายทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา ซึ่งอเล็กซานดร้าก็กำลังตกตะลึงที่พึ่งรู้ว่าตนเองก็เป็นอมตะ แต่ก็เกิดข้อสงสัย

  8.                                        “ถ้าพ่อเป็นอมตะแบบที่ฆ่าไม่ตายและไม่อายุขัย..แล้วพ่อจะตายได้ยังไงกันค่ะ” หญิงสาวผู้มีพลังจิตแห่งเส้นผมถามพ่อของเธอด้วยท่าทางสงสัย

                                           “ถูกฆ่าก็ตาย แต่จะต้องเป็นมหาจักรพรรดิ์เท่านั้นที่สามารถฆ่าพ่อได้น่ะ” ลอสต์ที่นั่งอยู่ยันตัวของเขาขึ้นยืน

                                           “เออ..พ่อขอถามอย่างสุดท้ายนะ เดี๋ยวพ่อจะไปแระ” ลอสต์เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงของเขา พร้อมกับหันหน้าอันว่างเปล่ามาทางลาอ้อน “ตอนที่ชั้นไม่อยู่..แกมาทำอะไรไม่ดีกับลูกชั้นหรือเปล่า”

                                           ลาอ้อนได้ยินอย่างนั้นจึงรีบหันไปสังเกตเสื้อผ้าของทั้งสองสาว ริกะ..เธอนั้นใส่เสื้อกล้ามบางๆจนเห็นชุดชั้นในสีชมพู กับกางเกงขาสั้นสีชมพูเหลือง ส่วนอเล็กซานดร้านั้นเมื่อลาอ้อนหันมองก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะร่างกายของเธอมีเพียงกางเกงว่ายน้ำแบบบิกินีสีดำเพียงตัวเดียว ส่วนทางด้านบนนั้นกลับไม่มีสิ่งใดปกป้องหน้าอกขนาดใหญ่มากๆของเธอเลย ลาอ้อนรีบหันไปมองเสื้อผ้าของตนที่มีแต่เพียงกางเกงบอกเซอร์ลายสก็อตเพียงตัวเดียว เขาถึงกลับหน้าแดง

                                           “ทำไมริกะไม่ใส่แบบอเล็กซานดร้าบ้างนะ” เขาพูดในความคิด แต่เขาไม่รู้เลยว่า เขานั้นคิดดังเกินไป ริกะหันไปมองเพื่อนของเธอก่อนจะหันกลับมาด้วยใบหน้าแดง

                                           “ตาลามก!!!” ริกะหันมาทุบหน้าอกของลาอ้อนอย่างต่อเนื่องก่อนจะหยุดลง แล้วเธอก็พูดออกมาเบาๆ “ถ้าจะให้ใส่อย่างนั้น..ก็บอกกันก่อนซิ”

                                           ลาอ้อนถึงกับเขินและอาย ส่วนทางด้านอเล็กซานดร้าที่สงสัยว่าทำไมทั้งคู่ถึงต้องหันมามองที่เธอ เธอจึงหันหน้าไปหาพ่อ ลอสต์จึงสร้างกล่องข้อความสามมิติที่ภายในมีใบหน้าเอือมๆอยู่ภายใน ก่อนที่เขาจะชี้ไปที่หน้าอกของเธอ เมื่อเธอหันลงมองหน้าอกของเธอก็พบว่ามันเปลือยเปล่ามีเพียงวัตถุขนาดใหญ่ทั้งสองลูกอยู่ตรงนั้น เธอหน้าแดงมากด้วยความเขินอย่างที่สุด เธอจึงรีบเอาผ้าห่มปิดบังใบหน้าและของสงวนทั้งสองลูกไป

                                           “ถ้านายทำอะไรกับลูกชั้น..ชั้นจะเสกให้นายเป็นผู้หญิงไปเลยตลอดกาล” ลอสต์หันมาทางลาอ้อนอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเอาจริง

                                           “พ่อ...” อเล็กซานดร้าเรียกพ่อของเธอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เมื่อลอสต์หันหน้ามาก็พบกับดวงตาที่ทอแววประกายระยิระยับสวยงาม ลอสต์จึงใช้พลังดูความทรงจำและความรู้สึกของเธอ จนทำให้เขารู้ว่าอเล็กซานดร้านั้นก็แอบชอบลาอ้อนเช่นกัน”

  9.                                        “ทำไมไม่บอกพ่อตั้งแต่แรกล่ะ” ลอสต์พูดขึ้นด้วยเสียงดัง ทำเอาอเล็กซานดร้าสะดุ้งโหยง ทันใดนั้นเขามารสีแดงก็ขึ้นมาอยู่บนหัวของลอสต์ “ถ้าชอบเขาจริงๆ เราก็ต้องรับสภาพเขาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรไปก็ตาม!!! ฮ่าฮ่าฮ่า”

                                           “อย่านะพ่อ..อย่า!!” คำพูดของลูกสาว ไม่เป็นผลต่อพ่อของเธอที่ตอนนี้น่าจะถูกความมืดในจิตใจคลอบงำไปเรียบร้อยแล้ว

                                           ลอสต์ทำการดีดนิ้ว ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีเหลืองรอบร่างของลาอ้อน ก่อนที่ร่างเขาจะลอยขึ้นเหนือพื้นเตียง แล้วร่างของลาอ้อนก็ถูกบอลแสงนั้นกลืนกินเข้าไปจนเห็นเพียงแต่เงา สองสาวต่างอึ้งกับภาพที่เห็น เพราะร่างเงาของลาอ้อนภายในบอลแสงเหมือนกำลังเปลี่ยนแปลงไป ร่างกายของเขาเริ่มบางลง เอวเริ่มคอดลง สะโพกขยายขึ้น ท่อนขาเรียวยาวขึ้นเล็กน้อย แผ่นหลังของเขาค่อยๆเล็กลง ผมเริ่มยาวขึ้นจนถึงครึ่งหลัง และหน้าอกที่เคยราบเรียบกลับนูนขึ้นมาอย่างมากจนน่าตกใจ ก่อนที่บอลแสงจะเคลื่อนลงมาที่เดิม พร้อมกับสลายหายไป ทำให้ทั้งสองสาวได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้น นั่นคือร่างของหญิงสาวผมสีขาวอมเหลืองที่ส่วนบนเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงบอกเซอร์ลายสก็อตปกป้องส่วนล่างของเธอ ลาอ้อนในรูปลักษณ์ของผู้หญิงนั้นทำให้หญิงสาวทั้งสองต่างตกตะลึงเหมือนกับเจ้าตัวที่กำลังตกตะลึงเช่นเดียวกัน

                                           “ฮ่าฮ่าฮ่า..ชั้นขอบอกอะไรไว้ก่อนนะ กิริยาทุกๆอย่างทั้งการพูดและการทำจะเหมือนกับมนุษย์เพศหญิงทั้งหมด ...ขอให้โชคดีนะ” ลอสต์หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะแหวกอากาศจนเกิดประตูมิติขึ้น เขาสอดขาข้างซ้ายเข้าไปก่อนจะขยับร่างของเขาเข้าไป แต่กลับหยุดชะงัก เพื่อมาพูดบางอย่างกับลาอ้อนในร่างผู้หญิง ก่อนจะหายเข้าไปในประตูมิติที่ถูกปิดลงเมื่อถูกใช้งานแล้ว “นายจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เมื่อผ่าน 3 ชาปเตอร์ครึ่งที่นายมีบท โอ้! ใช่ รวมชาปเตอร์นี้ด้วย”

  10.                                        “ไม่นะ..ทำไมชั้นต้อง...........” ลาอ้อนในร่างของผู้หญิงพูดด้วยเสียงที่แหลมขึ้น ก่อนจะหยุดเมื่อมือคลำไปโดนบางสิ่งข้างล่าง “น้องชายชั้นกลายเป็นน้องสาวไปแล้ว!!! ..ฮือ ฮือ ..ชีวิตชั้นจบสิ้นแล้ว”

                                           “ใครว่าไม่เหลือล่ะ ฮึ..ฮึ” หญิงสาวทั้งสองมองมาทางลาอ้อนด้วยสายตาแปลกๆ ทำให้ลาอ้อนเกิดอาการกลัว “ลาอ้อนคุง ไม่สิ..เลโอน่าจัง”

                                           หญิงสาวทั้งสองพยายามจะจับตัวของเลโอน่า แต่เลโอน่านั้นเร็วกว่า เธอเด้งตัวออกจากเตียงก่อน พร้อมกับทรงตัวกับมาในท่ายืน แต่แล้วกางเกงบอกเซอร์ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงก็หลุดออก

                                           “ว๊ายยยย!! ..อุ๊บ!” เลโอน่าร้องออกมา ก่อนจะเอามือข้างซ้ายปิดปากของตัวเองด้วยหน้าเขินๆ ส่วนมือข้างขวาก็ปิดบังบางส่วนที่สงวน บางคนเรียก ‘แรร์ไอเทม’

                                           “คาวาอี๊!!!” สองสาวอุทานพร้อมกันด้วยท่าทางที่ดูมีความสุขสุดๆ ก่อนที่อเล็กซานดร้าจะใช้ผมของเธอดึงขาของเลโอน่าไป ทำให้เลโอน่าล้มคว่ำกับพื้น ก่อนจะถูกนำขึ้นไปบนเตียง พร้อมกับถูกผมของนักมายากลเส้นผมหญิงคนนี้มัดมือและเท้าจนไม่สามารถขยับไปไหนได้

                                           “ขอร้องล่ะนะ..ริกะกับอเล็กซานดร้า อย่าทำอะไรชั้นเลย” เลโอน่าขอร้องอ้อนวอนหญิงสาวทั้งสอง แต่คงจะไม่เป็นผล เพราะทั้งสองเหมือนจะอยู่ในโลกของพวกเธอไปแล้ว ดังนั้นเลโอน่าจึงทำได้เพียงแค่ทำใจและร้องคราง “อี่หย้าาาาา!!!”

  11.                                        เวลาผ่านไปจนถึงช่วงยามสาย หน้าประตูคฤหาสน์มีแขกมากมายที่เข้ามาข้างใน มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้าและสเลนเดอร์แมนกำลังต้อนรับแขกที่มาจากทั่วทุกสารทิศ มีงานเลี้ยงฉลองภายนอก ส่วนสำหรับบางคนก็เข้าไปอยู่ภายในคฤหาสน์แล้ว

                                           “เฮ้! เจฟ” เด็กสาวในทรงผมโพนี่เทล ใส่ชุดกันหนาวสีม่วงกับกระโปรงสั้นๆสีดำ เรียกหาเจฟ เดอะ คิลเลอร์ เพื่อนของเธอ (หรือเปล่า!?)

                                           “ว่าไง..นิน่า ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ” เจฟทักทายเพื่อนสาวของเขาที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ทันใดนั้นนิน่าก็รีบวิ่งเข้ามากอดเจฟทันที ทำให้เจนที่อยู่ทางด้านหลังต้องนิ่งอึ้ง พร้อมกับกำมือของเธอแน่นด้วยความโกรธ ส่วนทางด้านนิน่าก็ชะเง้อหน้าออกมา ก่อนจะแลบลิ้นใส่เจน ทำให้เจนนั้นโกรธจนเส้นเลือดขึ้นหน้า

                                           ภายนอกมีงานเลี้ยงพบปะกันมากมาย เหล่าครีปปี้พาสต้าจำนวนมากต่างพูดคุยกันในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องอดีต เรื่องราวหลังจากที่แยกทางออกไป งานเลี้ยงฉลอง หรือในชื่อ ‘รียูเนี่ยน’ เป็นงานพบปะของเหล่าครีปปี้พาสต้าทั่วสารทิศมาพบกัน ซึ่งถือเป็นงานใหญ่อีกงานนึงเลย สำหรับเจ้าบ้านนั้นถึงกับตรึงมือกันเลยทีเดียว จนตกเย็น งานเลี้ยงฉลองก็ต้องจบลง ทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปที่ๆตนจากมา ยกเว้นบางคนเท่านั้น ที่จะมาอยู่ในคฤหาสน์ของมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้าสักพักใหญ่ ด้วยเหตุผลของแต่ละคน

                                           “สวัสดีครับ..ทุกคน” เหล่าครีปปี้พาสต้าที่เข้ามาภายในคฤหาสน์กล่าวทักทายเหล่าผองเพื่อนครีปปี้พาสต้าที่คุ้นหน้า แต่เมื่อหันจนถึงจุดหนึ่งก็หยุดลง ...จุดตรงโซฟา ซึ่งเป็นที่ลอสต์กำลังนั่งกินองุ่นอย่างสบายใจ

                                           “ว่าแต่นายเป็นใคร” ชายผู้ใส่เสื้อยืดสีฟ้าและกางเกงยีน มีดวงตาสีขาวโพลน พร้อมทั้งส่องแสงเปล่งประกาย ซึ่งรูจักกันในนาม ‘ฮีโร่บราย’

                                           “คุณพูดถึงผมเหรอ” ลอสต์หยุดกินองุ่น พร้อมกับหันหน้ามาทางผู้ถามด้วยท่าทางสงสัย แต่ในครั้งนี้กลับไม่มีกล่องข้อความปรากฏ ผู้ถามที่เห็นปฏิกิริยาผู้ถูกถามก็พยักหน้าขึ้นลง เมื่อลอสต์ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบออกมา แต่กลับถูกบางคนตัดบทไปซะก่อน

  12.                                        “เจ้านี่ชื่อลอสต์ ...ดร.ลอสต์ ซีเคร็ต นักวิจัยแห่งเอสซีพี เจ้านี่มีพลังทำอะไรก็ได้ บางครั้งตอนพูดยังมีกล่องข้อความสามมิติพร้อมกับ เอ่อ เค้าเรียกอะไรนะ อ่อ..อีโมติคอน” เจฟ เดอะ คิลเลอร์ เดินมาตัดบทของลอสต์ ทำให้ทุกคนหันไปมองที่เขาซึ่งตอนนี้ตัวเจฟถูกรายล้อมไปด้วยบรรดาสาวๆแห่งครีปปี้พาสต้าแฟมิลี่  ...แต่ไม่น่าจะควรใช้คำว่ารายล้อม น่าจะใช้คำว่าดึงแขนดีกว่า

                                           โดยทางแขนด้านขวาของเขาถูกเจน เดอะ คิลเลอร์ดึงไว้อยู่ ส่วนแขนด้านซ้ายก็ถูกสี่สาวดึงอยู่เช่นกัน โดยมีนิน่า เดอะ คิลเลอร์ เด็กสาวในทรงผมโพนี่เทลล์สีดำแถบชมพูเข้ม กับชุดที่ออกพังค์ๆหน่อย คนที่สองเป็นหญิงสาวในชุดคล้ายๆชุดเมดที่มีคราบเลือดติดที่ผ้ากันเปื้อน เธอมีผมยาวสีดำ พร้อมกับนัยน์สีดำ ..อลิส เอ็ม.(แมดเนส) วันเดอร์แลนด์ คนต่อไปเป็นเด็กสาวใบหน้าที่ดูสลดๆ เธอมีผมสีชมพูเข้มที่เรียบผิดปกติ ในชุดกี่เพ้าที่เกิดจากการเย็บผิวหนังสิ่งมีชีวิตที่มีลายสีสันเข้าด้วยกัน หรือที่บางคนเรียก ‘คิวตี้ มาร์ค(Cutie Mark)’ จำนวนมากจนกลายเป็นเสื้อ เธอมีปีกสีฟ้าที่พับอยู่ที่กลางหลัง กับปลอกคอที่มีเขายูนิคอร์นหลากสีติดอยู่ 3 เขา ..พิงกาเมน่า ไดอาเน่ พาย หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘พิงกาเมน่า’ คนสุดท้ายเป็นเด็กสาวผมสั้นสีชมพูอ่อน ในชุดเดรสสีเหลือง ซึ่งมีผ้ากันเปื้อนของพวกคนขายเนื้ออยู่ข้างหน้า ด้านหลังของเธอมีมีดอีโต้ขนาดยักษ์ ความยาวกว่า 3 เมตร อยู่ด้านหลัง เธอเรียกมันว่า ‘แบรี่’ ..บุทเชอร์ชาย

                                           ทั้งหกคนต่างดึงร่างเจฟไปซ้ายทีขวาที จนบางครั้ง..มันก็เหมือนว่าเจฟกำลังจะถูกฉีกแขนออก โดยเจฟ เดอะ คิลเลอร์ในตอนนี้กำลังต้องการความช่วยเหลือ โดยเขามองหน้าลอสต์ก่อนจะส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อลอสต์เห็นดังนั้นจึงยื่นมือที่กำไปทางเจฟ ก่อนจะผายมือออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแรงดันมหาศาลผลักสาวทั้งห้ากระเด็นออกไปไกลกว่า 10 เมตร ยกเว้นพิงกาเมน่าที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่และจับแขนของเจฟไว้ได้ ทำให้ลอสต์ที่ใช้พลังถึงกับตะลึง

  13.                                        “เป็นไปไม่ได้น่า! แทบไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของชั้นได้เลยนะ แต่..เอ๋ ทำไมเธอหน้าตาเหมือนยัยพิงก์ตอนเกิดเหตุการณ์ 032-K เลยนะ” ลอสต์พูดขึ้น ทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงได้ยินขึ้น จนเกิดการเบี่ยงเบนเป้าหมาย พิงกาเมน่ารีบพุ่งตัวไปทางลอสต์อย่างรวดเร็วจนแม้กระทั่งลอสต์ยังมองไม่ทัน

                                           “เอสซีพีตัวนั้นน่ะ..เจ้าคนเขียนมันคิดมาโดยลอกเลียนมาจากตัวชั้นนี่ละ งั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถึงหน้าตาเหมือนกัน..นั่นก็เพราะ ก็อปวางไงล่ะ!!!” พิงกาเมน่าพูดกับลอสต์โดยที่แม้แต่เค้ายังรู้สึกมึนๆเล็กน้อย แต่เมื่อจับใจความได้ ลอสต์และพิงกาเมน่าก็ดีดนิ้ว ทำให้เวลาทั้งหมดหยุดนิ่ง ก่อนจะแหกมิติทะลุจอคอมพิวเตอร์ของคนเขียน เพื่อมาด่า

                                           “ไม่มีสมองคิดบ้างรึไง..ถึงเอายัยนี่/ชั้นมาโต้งๆเลยน่ะ ฮ่ะ” ทั้งสองคนทำหน้าตาแง่งงอนใส่คนเขียน

                                           “เออ..ตอนนี้อย่าพึ่งเล่นผมเลย รอจบเรื่องราวหลักก่อนได้มั้ย..แล้วค่อยเล่นผมน่ะ ขอร้องละ..ผมอยากจะมีชีวิตเพื่อเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบก่อน” ทั้งสองคนที่เห็นคนเขียนอ้อนวอนก็มองหน้ากันก่อนจะกลับหายไปในจอคอมพิวเตอร์ พร้อมกับทุกอย่างที่กลับมาเช่นเดิม

  14.                                        “เออ..ว่าแต่คลาอ้อนกับสาวๆทั้งสองคนหายไปไหนเหรอ ..ลอสต์” ฮีโร่บรายถามลอสต์โต้งๆ ทั้งๆที่พึ่งจะรู้จักกันครั้งแรก ทำให้ทุกคนต่างมองที่ลอสต์กับฮีโร่บรายกันเป็นตาเดียว จนทั้งสองต้องเหงื่อ แต่เสียงใสของเด็กสาวบางคนก็เปล่งออกมา ให้สายตาถูกเปลี่ยนตำแหน่งเป็นเด็กสาวกลุ่มนั้น

                                           “พ่อ/คุณลอสต์ค่ะ..ขอบคุณสำหรับของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเรานะค่ะ” ริกะกับอเล็กซานดร้าที่ตอนนี้กำลังคล้องแขนหญิงสาวที่ถูกผ้าปิดบังร่างกายและใบหน้า ซึ่งตอนนี้เธออยู่ในสภาพไร้เรี่ยวแรงมาก ส่วนทางลอสต์ที่ได้ยินก็ยกนิ้วโป้งของเค้าขึ้นซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก พร้อมทั้งเปล่งประกายแปลกๆ

                                           “ถ้าคุณริกะกับคุณอเล็กซานดร้าอยู่นี่..แล้วคุณลาอ้อนอยู่ไหนล่ะครับ และสตรีตรงกลางตรงนั้นเป็นใครกันครับ” มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้าและสเลนเดอร์ทำหน้าสงสัย แต่กลับทำให้ริกะกับอเล็กซานดร้ายิ้มกว้าง

                                           “ลาอ้อนน่ะเหรอค่ะ..ลาอ้อนก็อยู่นี่ไงค่ะ ส่วนหญิงสาวคนนี้เป็นใคร..เธอก็คือ ลาอ้อนคุง เอ๋!ไม่ใช่นี่นา..เธอชื่อเลโอน่าจังค่ะ” เด็กสาวทั้งสองเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดฮู้ดของเลโอน่าออก ทำให้ทุกคนเห็นใบหน้าของเลโอน่าที่มีเค้าคล้ายกับลาอ้อนมาก แต่แค่เป็นผู้หญิงหลายๆคนถึงกับตะลึง ก่อนจะมองไปที่ลอสต์ที่กลับมานั่งกินองุ่นเช่นเดิม

                                           “แล้วพวกคุณไปทำอะไรกับลาอ้อน เอ่อ..เลโอน่าล่ะครับ ถึงออกมาจากห้องช้าจนงานเลี้ยงจบถึงพึ่งออกมาล่ะครับ” สเลนเดอร์แมนถามหญิงสาวทั้งสอง แต่ท่าทางของพวกเธอกลับเปลี่ยนเป็นเขินอายทันใด

  15.                                        “เราไปสนุกมาน่ะค่ะ” หญิงสาวทั้งสองพูดขึ้น ก่อนจะถอดผ้าคลุมที่คลุมร่างของเลโอน่าออก ทำให้ทุกคนเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน เลโอน่าที่ใส่ชุดว่ายน้ำบิกีนี่บางมากๆสีชมพูกับลายดอกไม้สีดำ ซึ่งไม่เข้ากับขนาดหน้าอกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้อายเลส แจ็ก ทิกกิ โทบี้ และมาสกี้ เลือดกำเดาพุ่งออกนอกหน้ากาก ก่อนจะล้มลงไปนอนกองกับพื้น

                                           ทันใดนั้น..เลโอน่าก็รู้สึกตัวขึ้น เธอรีบดีดตัวออกห่างจากเด็กสาวทั้งสองมาระยะหนึ่ง ก่อนจะพยายามแหวกมิติหนี แต่เธอกลับถูกผมของอเล็กซานดร้าดึงไปซะก่อน

                                           “จะหนีไปไหนค่ะ..คุณของเล่น” สองสาวแผ่รังสีอำมหิตออกมาเป็นออร่าสีดำทมิฬรอบร่างของทั้งสอง เลโอน่าที่ถูกจับพยายามส่งสายตาอ้อนวอนให้เจน เดอะ คิลเลอร์ ซึ่งเมื่อเจนเห็นเธอก็พยายามจะเดินไปช่วย แต่กลับถูกสายตาอำมหิตของสองสาวดับการเคลื่อนที่ไปซะก่อน เจนจึงส่งสายตาขอโทษให้กับเลโอน่า ซึ่งตอนนี้เธอก็ทำหน้าสลดเล็กน้อย

                                           “ของเล่นที่สอนแล้วไม่จำต้องโดนทำโทษ” สองสาวเดินกลับไปตามทางเพื่อไปที่ห้องของเธอจนความมืดมิดปิดบังทั้งเสียงและภาพของทั้งสามยกเว้นเสียงร้องของสาวบางคนที่ทำให้หลายๆคนถึงกับต้องขนลุก

                                           “อีหย้าาาาาา!!!” เสียงครางที่ดังมากๆของเลโอน่าแล่นผ่านห้องทั้งหมด ทำให้บางคนถึงกับสยิวไปในทันที

                                           “มีใครต้องการให้คู่ตัวเองได้รับของขวัญเหมือนลาอ้อนบ้างมั้ย” ลอสต์พูดขึ้นก่อนจะปิดปากขำเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่มีปากก็ตาม

  16. เมื่อสาวๆได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปทางหนุ่มๆทุกคน ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายให้ โดยส่วนใหญ่ที่คนมองก็จะมีเจฟ เดอะ คิลเลอร์ กับทิกกิ โทบี้เท่านั้น ทำให้ทั้งสองคนถึงกับผวา แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะถูกสาวๆรุม ประตูก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับร่างชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา ทำให้สายตาของทุกคนหันไปทางชายหญิงคู่นั้น

                                           “สวัสดีครับ..คุณโฮมมิไซเดิล ลู กับ ...เอ่อ” มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้ากล่าวทักทายลู วู้ดส์ แต่เมื่อมองไปทางหญิงสาวข้างๆ ก็ไม่สามารถพูดต่อได้ เนื่องจากเขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อน

                                           “ซูซานค่ะ..ถ้าคุณไม่รู้จักก็ไม่แปลกหรอกค่ะ ชั้นไม่ได้เป็นครีปปี้พาสต้า..ชั้นเป็นพยาบาลประจำตัวของลูน่ะค่ะ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดเดรสสีขาว ผู้มีนามว่า ซูซาน เธออธิบายให้ทุกคนเข้าใจ เมื่อกล่าวจบเธอก็หันไปหาชายข้างๆเธอ ก่อนจะเอาแขนคล้องแขนของเขา

                                           ชายข้างๆเธอหรือ ลู เขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเย็บโดยที่เห็นได้ชัดก็จะมีรอยเย็บระหว่างแก้มทั้งสองตรงช่วงใกล้ดวงตา รอยเย็บที่บริเวณปากไปจนถึงจุดที่อยู่ใกล้เคียงกับใบหู และรอยเย็บระหว่างต้นคอ ลูใส่เสื้อโค้ตสีดำปลายเสื้อยาวจนเกือบถึงพื้น ภายในเสื้อโค้ตมีเสื้อทีเชิ้ตสีเขียวไม่มีลวดลายใดๆ ตรงส่วนล่างใส่กางเกงยีนขากระบอกสีเทา กับรองเท้าผ้าใบสีดำ จุดเด่นของเขาที่สำคัญก็จะมีอยู่อย่างนึงคือ ผ้าพันคอสีดำสลับขาวที่ยาวมากจนปลายสัมผัสกับพื้น ตั้งแต่เขาเข้ามาบรรยากาศรอบกายของเขาก็ดูดำมืดลง เขาอยู่ในสภาพจิตใจที่สงบและสลดพร้อมๆกัน รวมถึงเขายังดูเงียบครึมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

                                           “พี่ลู…” เจฟพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆและดูสั่นๆ แต่เสียงนั้นยังคงมาถึงหูของลูได้ ลูรีบหันหน้าไปทางต้นเสียง เมื่อเขาเห็นหน้าเจฟ น้องชายของเขา..ภาพความทรงจำทุกอย่างถูกใหม่ภายในหัวของเขา ก่อนที่เขาจะสลัดภาพทั้งหมดออกแล้ววิ่งเข้าไปกระแทกร่างของเจฟจนไปติดกับกำแพงด้านหลังอย่างรุนแรง ซึ่งการชนของเขาทำให้กำแพงเกิดรอยร้าวขึ้น

  17.                                        “แกฆ่าพวกเค้าทำไม!!! ...แกข้าพ่อกับแม่ทำไม!!! ฮ่ะ!!” ลูกระชากคอเสื้อกันหนาวของเจฟมาอย่างแรง ก่อนจะตะคอกใส่เจฟด้วยเสียงที่ดังมาก ซึ่งเป็นเพราะความโกรธที่สะสมมานานหลายต่อหลายปี “ตอบมาสิเจฟ..ตอบมา!!!”

                                           “ผมไม่ได้เป็นคนฆ่านะ...พี่ลู” เจฟพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ “ผมแค่พยายามจะไปช่วยพวกเขา แต่มันก็ไม่ทันแล้ว พอผมเดินกลับมา พ่อกับแม่ก็ล้มลงไปจมกองเลือดแล้ว พอผมจะสู้กับคนที่ฆ่ามันก็หนีไปก่อนแล้ว..ตอนนั้นผมก็พยายามจะไปช่วยพี่ แต่บ้านมันไฟไหม้ไปเกือบครึ่งแล้ว ผมจึงต้องทิ้งพี่กับพ่อแม่ไป”

                                           “แล้วมันใครกันล่ะ!! แล้วมันใครกันที่ฆ่าพวกเค้า” ลูตะโกนใส่หน้าเจฟด้วยเสียงที่ดังมาก แต่ไม่ทันที่คำตอบนั้นจะถูกเอ่ยจากปากเจฟ ร่างของลูล้มลงไปก่อน ในท่ากุมหัวใจ ลูนอนพะงาบๆอยู่ที่พื้นพร้อมกับดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด

                                           “พี่/ลู!!!” เจฟและซูซานตะโกนออกมาพร้อมกัน ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาที่ร่างของลูด้วยความเร็วสูง ทำให้ทุกอย่างเกิดความชุลมุนวุ่นวายมาก แต่จู่ๆทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ซึ่งเป็นเพราะพิงกาเมน่ากับลอสต์ที่ดีดนิ้วอีกครั้ง

                                           “พอแค่นี้แหละ ..สำหรับชาปเตอร์นี้ รอดูว่าจะเกิดอะไรกับสองพี่น้องตระกูลวู้ดส์ สองคนสุดท้าย ทูบีคอนทินิวนะครับ” ลอสต์พูดปิดท้าย ก่อนที่พิงกาเมน่าจะแหกมิติทะลุจอคอมพิวเตอร์ของคนเขียน แล้วเลื่อนมือของเธอไปที่ปุ่มปิดเครื่อง แล้วก็กดลงไป ก่อนที่จะหายกลับไปในประตูมิติที่เธอสร้างขึ้น เมื่อเจ้าของของมันใช้งานเสร็จ มันก็ถูกปิดลง ก่อนที่เสียงเข้มของลอสต์จะถูกเอ่ยขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของชาปเตอร์นี้ "โปรติดตามตอนต่อไป..นะจ๊ะ"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา