Creepypasta Family The Broken Myth

9.5

เขียนโดย Leragan

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.43 น.

  24 chapter
  9 วิจารณ์
  41.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) แผนการ (The Plan)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                              “ความเดิมจากตอนที่แล้ว...” ลอสต์พูดนำเสนอด้วยเสียงดึงดูดผู้ฟัง

                              “ไม่ต้องแล้ว..เจ้าบ้า สงสารคนอื่นบ้างดิ” พิงกาเมน่าพูดแทรกลอสต์ ทำให้ลอสต์ถึงกับทำท่าทางเซ็ง ซึ่งมาพร้อมกับกล่องข้อความสามมิติกับอีโมติคอนเคลื่อนไหวที่ทำท่างเซ็ง “ไม่ต้องมาเซ็งเลย..รีบมาช่วยกันเร็ว”

                              “จ้า!!!” ลอสต์พูดด้วยเสียงล้อเลียน ทำให้พิงกาเมน่าที่หันไปทางด้านของลู ต้องหันกลับมาหาลอสต์ ก่อนที่เธอจะหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาบนมือ และเงยหน้าวิปริตของเธอขึ้นมาหาลอสต์ ทำให้ผู้มองถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง “ขอโทษคร้าบบบ”

                              หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ดีดนิ้ว ทำให้สภาพแวดล้อมกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ตอนนี้ทุกๆคนต่างเคลื่อนที่เข้าหาลูที่เป็นจุดเด่นในตอนนี้ เขานอนกลิ้งไปกลิ้งมาในท่ากุมไปที่หัวใจของเขา ซูซานผู้เป็นพยาบาลประจำตัวลองคลำไปที่ชีพจรและหัวใจก็พบว่ามันเริ่มเบาลงทุกที ทันใดนั้นไม่นาน ลูก็หยุดการกระทำทุกอย่าง เขานอนแอ่แผ่ ไร้การเคลื่อนไหวของช่วงอก ...เขาไม่หายใจแล้ว

                              “ลูหยุดหายใจแล้ว..ใครก็ได้ช่วยด้วย แล้วก็ทุกคนออกห่างจากบริเวณนี้หน่อย มันบังทางเดินอากาศ” ซูซานพูดด้วยเสียงรุกรี้รุกรน

                              ในตอนนี้เธอทำได้เพียงปั้มหัวใจและผายปอดเท่านั้น เธอทำไปสักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ทุกคนต่างไร้ความหวังในตอนนี้ คิดเพียงว่าต้องเสียลูไปแน่ๆ   ...แต่ไม่ใช่เลย จู่ๆก็เกิดแสงสีขาวรอบตัวของลู ก่อนที่ร่างของเขาจะลอยขึ้นเหนือพื้น ลอสต์กำลังพยายามช่วยลู ตอนนี้ลอสต์กำลังนั่งขัดสมาธิในขณะที่ลอยอยู่บนอากาศโดยในมือข้างขวาของเขามีลูกบอลมวลน้ำขนาดเล็กที่ภายในมีหัวใจของมนุษย์อยู่ ซึ่งหัวใจนี้ยังดูใหม่มาก ดูเหมือนลอสต์พึ่งเสกมา ส่วนทางด้านของพิงกาเมน่า เธอก็กำลังเตรียมอุปกรณ์การผ่าตัดที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน

                              “ลู..มีภาวะหัวใจล้มเหลวฉับพลัน ต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน” พิงกาเมน่าดึงถุงมือยางจนตรึง ก่อนจะหยิบมีดขึ้นมา “แต่ไม่ต้องห่วง..เดี๋ยวพวกเราจะหยุดเวลาเอาไว้ แต่ถ้าตาย..เดี๋ยวซื้อใบชุบให้”

                              หลังจากนั้นทั้งลอสต์และพิงกาเมน่าก็ดีดนิ้ว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลง การหยุดเวลานี้ ทำให้ผู้ป่วยที่ใกล้ตายมีโอกาสรอดมากกว่าผู้ป่วยที่ใกล้ตายคนอื่นๆ หลังจากที่ทั้งสองดีดนิ้ว พวกเขาก็ทำการผ่าตัด โดยมีลอสต์เป็นผู้ช่วย และพิงกาเมน่าเป็นผู้ผ่าตัด จากการสังเกตแล้ว ดูเหมือนว่าพิงกาเมน่าเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการผ่าตัดสูงมากๆ เธอทำด้วยความประณีตและนุ่มนวลต่างจากบางครั้งที่เอามีดไปสับหัวชาวบ้านเค้า การผ่าตัดนี้ดูท่าว่าจะใช้เวลานานกว่าที่คิดมาก เพราะแผนที่จะเปลี่ยนหัวใจเพียงอย่างเดียวถูกยกเลิก เมื่อพิงกาเมน่าเห็นสภาพอวัยวะภายในที่เสียหายขั้นรุนแรงจนน่าสงสัยว่ามีชีวิตรอดมาได้อย่างไร แต่พวกเขาก็ต้องเก็บคำถามนั้นเอาไว้ในใจ เพื่อลงมือทำการผ่าตัดต่อไป

                              เวลาผ่านไปเกือบ 7 ชั่วโมง ถ้าหากทั้งสองไม่หยุดเวลา การผ่าตัดก็เสร็จสิ้นพอดี พวกเขาทั้งสองดีดนิ้วอีกครั้ง ทำให้สภาพแวดล้อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทุกคนกลับมาขยับร่างกายเช่นเดิม แต่ร่างของลูก็ยังคงไม่ฟื้น ลอสต์จึงทำการถูมือตัวเองหลายๆครั้งด้วยความเร็วสูงจนเกิดไฟฟ้าสถิต เพื่อนำพลังไฟฟ้านี้กระตุ้นหัวใจของลูให้เต้น เขาทำอยู่สามครั้งก็หยุด

                              “เฮ้อ! สงสัยจะม้องเท่งไปแระ” ลอสต์พูดก่อนจะเดินไปจับมือของซูซาน..คุณหมอสาว “สนใจไปทานอาหารเย็นกับผมมั้ยครับ...”

                              เมื่อคำพูดนั้นถูกเอ่ยออกมาจากปากเรียลลิตี้เบนเดอร์ผู้ที่มีความสามารถเก่งกล้าที่สุด ร่างของลูที่นอนแน่นิ่งอยู่นั้นก็ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับวิ่งไปเสยอัปเปอร์คัตใส่คางของลอสต์อย่างเต็มแรง จนทำให้ร่างของลอสต์ลอยขึ้นฟ้าไปไกลมากๆ เกินสายตาจะมองเห็น ก่อนจะเกิดแสงปริ๊ง! ขึ้นและหายไปในทันใด

                              “ซูซานข้า..ใครอย่าแตะเฟ้ย” ลูรีบเดินไปคล้องแขนกับซูซานอย่างว่องไว ก่อนจะแอปหน้านิ่งตามเดิม ทำให้ซูซานหัวเราะออกมาเบาๆ

                              “เฮ้อ! ในที่สุดก็ตื่นซะทีนะ เอ่อ..สเลนดี้ ครีปปี้พาสต้าอยู่ที่นี่ทุกคนมั้ย” หญิงสาวผมชมพูเรียบพูดมาด้วยเสียงที่ไร้ความรู้สึกก่อนจะหันไปมองที่ชายไร้หน้า สเลนเดอร์แมนจึงพยักหน้าตอบ เธอจึงทำตามขั้นต่อไป

                              “เอาล่ะ..ชั้นจะเริ่มอธิบายแล้วนะแต่..เอ๊” พิงกาเมน่าทำหน้าครุ่นคิด ไม่นานก็ทำท่าทางคิดออกพร้อมกับมีหลอดไฟปรากฏใกล้ๆหัวของเธอ เมื่อเธอคิดออก เธอก็ดีดนิ้วก่อนจะมีรูขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนที่ที่เธอยืนทำให้เธอตกลงไป ก่อนที่รูนั้นจะปิดลง และเธอก็กลับมา ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที..แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้มาเพียงแค่คนเดียว เธอมาพร้อมกับมนุษย์เพศชาย 2 คน มนุษย์เพศหญิงอีก 3 คน และอมนุษย์อีก 1 ตน

                              “โอเค..ตอนนี้ริกะ อเล็กซานดร้า เลโอน่า ไอโอน่า พลตรีนอร์ทสตาร์ และเจ้าเก่าเจ้าเดิม..ลอสต์ จริงๆก็ไม่ได้อยากเอากลับมาเท่าไหร่ แต่คนมันขี้เกียจพูดอ่ะนะ” เมื่อพิงกาเมน่าทำหน้าที่เสร็จ เธอก็เดินไปอยู่ที่ที่บุทเชอร์ชายกำลังยืนอยู่

                              “โอเค..ครบกันแล้วนะ งั้นชั้นจะอธิบายหลายๆอย่างที่นายยังไม่รู้..ตั้งใจฟังล่ะ” ลอสต์พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่จริงจังจนผิดจากปกติไปมาก

                              “อายเลส แจ็ก..นายจำครั้งที่นายมีบทในชาปเตอร์ 2 เอ้ย! ชั้นหมายถึงครั้งที่นายไปช่วยลาอ้อนกับเจน เดอะ คิลเลอร์น่ะ” ลอสต์เอ่ยเสร็จก็หันไปที่เจ้าตัวซึ่งกำลังนั่งกินของโปรดอย่างเอร็ดอร่อย แต่เมื่อถูกสายตาของลอสต์มองมาก็ต้องรีบพยักหน้าเออออห่อหมกไป

                              “ตรงบริเวณนั้นน่ะ..มีสารสีดำที่ไหลออกมาจากตาของนายตกลงเละเทะไปทั่ว พวกเอสซีพีเลยเอาไปทดลอง และพวกมันก็รู้ว่าสารสีดำนี้มีคุณสมบัติการกัดกร่อนมาก และมากพอที่จะกัดกร่อนเฮวี่ให้สลายจนไม่เหลือร่องรอยของโมเลกุล แต่มีข้อจำกัดที่ว่า สารนี้จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกรดได้ก็ต่อเมื่อทำปฏิกิริยากับก๊าซมีเทนก่อนเท่านั้น..ไม่น่าจะใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเอสซีพีหรอกนะ แต่หลังจากที่ชั้นรู้เรื่องนี้..ชั้นก็ตามสืบจนสานได้ไปถึงแผนของนักวิจัยลึกลับนาม แบล็ก ...แผนของมันในตอนนี้ก็คือการสร้างสุดยอดอาวุธชีวภาพเพื่อใช้ในการบีบบังคับรัฐบาลให้ยอมจำนน” ลอสต์หยุดพูดไปพักนึง เพื่อให้คนที่สงสัยได้เอ่ยปากถาม

                              “ชั้นขอถามหน่อย ชั้นก็พอรู้จักสถาบันเอสซีพีมาบ้าง รู้ว่าเค้าเก็บอะไรไว้ รู้ว่าเค้าทำงานเกี่ยวกับอะไร แต่..เดี๋ยวนี้เอสซีพีสร้างอาวุธแล้วเหรอ” โทบี้ได้เอ่ยปากถามซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้สวมที่ปิดปาก ทำให้สังเกตเห็นถึงรอยเย็บตรงขอบริมฝีปากด้านซ้าย

                              “นั่นแหละ..สถาบันเอสซีพีไม่มีประวัติในการประดิษฐ์และพัฒนาเลย ยกเว้นพวกอาวุธที่เป็นเอสซีพีน่ะนะ” เมื่อลอสต์พูดจนจบ ก็มีมือของใครบางคนยกขึ้นมา

                              “ชั้นอยากรู้ว่า เจ้า ดร.แบล็ก กับสถาบันเอสซีพีต้องการจะบีบบังคับรัฐบาลให้ยอมจำนนเพื่ออะไรกันล่ะ..ลอสต์” พลตรีนอร์ทสตาร์ซึ่งตอนนี้ได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโทแล้ว ซึ่งสังเกตได้จากเครื่องแต่งกาย

                              “มีอยู่ห้าเป้าหมายหลักที่มันต้องการ คือ หนึ่ง เพื่อกองกำลังสำรวจเพื่อรวบรวมพงศาวดารที่ยังไม่จบ ศิลานิมิต และสมุตโน้ตแห่งจินตนาการทั้งสามสิ่ง สอง เพื่อให้ตนเองมีอำนาจสูงสุดโดยหักขาผู้ที่มีอำนาจมากให้มาอยู่เป็นพวกอย่างเลือกไม่ได้ สาม เพื่อต้องการมีกองทัพในการกวาดล้างหรือข่มให้ผู้ที่จะต่อต้านให้ไม่กล้าทำ ส่วนสี่และห้าชั้นคงจะบอกไม่ได้จริงๆ และยังมีอีกข้อนึงที่ไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่ คือ เพื่อหาวิธีกำจัดชั้นให้พ้นทางเขาให้ได้” ลอสต์พูดด้วยเสียงจริงจัง เมื่อเขาพูดเสร็จก็รอเวลาเผื่อมีคนถามต่อ แต่ก็ไม่มีใครยกมือถาม เขาจึงพูดต่อ

                              “เมื่อไม่มีใครจะถามชั้นขอพูดต่อละกันนะ ที่ชั้นเรียกว่าอาวุธชีวภาพน่ะ..ชั้นหมายถึงสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างเพื่อนำมาให้เป็นอาวุธ จากที่ชั้นเห็นแบบแปลนมา สิ่งที่ ดร.แบล็กจะสร้าง คือ สิ่งมีชีวิตโครงสร้างคล้ายมนุษย์แต่มีขนาดโครงสร้างใหญ่กว่า 10 เท่า โดยจากแบบแปลนบอกว่าพลังที่มันมี ก็ได้แก่ พลังการฟื้นฟูของ 682 พลังการเคลื่อนที่ในพริบตาของไอโอน่า ทักษะการใช้อาวุธของเจฟ เดอะ คิลเลอร์ และ ทิกกิ โทบี้ การผลิตสารกัดกร่อนของอายเลส แจ็ก ภาวการณ์จับต้องไม่ได้ของหัวหน้าผู้คุมสโมค และที่แย่ที่สุด มันได้รับพลังของ 173 ไปด้วย” เมื่อคำสุดท้ายถูกเอ่ย พลโทนอร์ทสตาร์ ไอโอน่าที่ตอนนี้มีผมสีฟ้า ทิกกิ โทบี้ และคนอื่นๆอีกที่รู้จักเอสซีพีต่างทำหน้าเหวอกันหมด

                              “นี่มันบ้าไปแล้วน่า..ถ้ามันมีพลังของ 173 แล้วเราจะชนะมันยังไงกันค่ะพ่อ” อเล็กซานดร้าเอ่ยถามด้วยตระหนกตกใจ เพราะเธอได้เคยฟังเรื่องราวมามากมายเกี่ยวกับเอสซีพีตัวนี้

                              “ก็ไม่เสมอไปหรอกนะ..เพราะมีบางคนในที่นี้ที่ไม่รับผลของ 173 ..ก็อย่างเช่น สเลนเดอร์แมน อายเลส แจ็ก แล้วก็พ่อ เพราะสเลนเดอร์แมน อายเลส แจ็ก และพ่อไม่มีตาให้กระพริบ” ลอสต์พูดติดตลก ทำให้หลายๆคนรู้สึกผ่อนคลาย

                              “เออ..ชั้นขอถามหน่อยสิ เลโอน่า เธอเห็นอะไรตอนที่อยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวังหลังจากที่ริกะถูกสโมคจับตัวไปน่ะ” ลอสต์เริ่มพูดเสียงจริงจังอีกครั้ง ทำให้เลโอน่าที่ถูกถามถึงกับเกร็ง “ออกมาพูดตรงนี้สิ..ทุกคนจะได้ฟังได้ชัดเจน”

                              “ก็ได้ค่ะ..อุ๊บ!” เธอรีบปิดปากของเธอ เมื่อคำว่า ‘ค่ะ’ ออกมาจากปากของเธอ ทำให้เธอเขินและหน้าแดงทันที

                              “ว่ามาเลย..เลโอน่าจัง ไม่ต้องอาย” ลอสต์พูดด้วยความหวังดี พร้อมกับตบไหล่เลโอน่าเบาๆ

                              “เอ่อ..คือ ตอนนั้นชั้นกำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวัง พลังการฟื้นฟูของชั้นไม่ทำงาน ชั้นใกล้จะตายเพราะไม่มีพลัง แรงกระตุ้น และความหวัง แต่แล้วเธอก็มา...” เมื่อประโยคสุดท้ายออกมาจากปากของเลโอน่า สองสาวขี้แกล้งก็รีบหันมาที่เลโอน่าพร้อมกับมีรังสีอมหิตปกคลุมรอบร่างกาย ทำให้ทุกคนที่นั่งบริเวณนั้นรีบย้ายที่นั่งให้ห่างไกลกว่าพวกเธอ 10 เมตร โดยถ้ามองด้วยความสนใจนิดหน่อยไปที่เลโอน่า จะเห็นว่าตอนนี้เธอกำลังใส่ชุดบิกีนี่สีชมพูสลับดำที่ค่อนข้างบาง ซึ่งน่าจะเป็นการลงโทษของสองสาวขี้แกล้ง

                              “หญิงสาวคนหนึ่งเธอปรากฏมาจากมิติแสง ตอนนั้นชั้นก็ไม่เห็นหน้าเธอหรอกนะ แต่พอแสงสว่างหายไป..ก็เลยเห็นว่าเธอมีรูปร่างและลักษณะเหมือนกับเจน เดอะ คิลเลอร์ทุกอย่าง ยกเว้นแค่เธอไม่ได้ทาลิปสติกสีดำกับเสื้อผ้าของเธอที่ดูธรรมดามากๆ ที่แปลกกว่านั้นคือ เธอเรียกริกะว่า ‘ริกาเนะ’ และเธอก็รู้ชื่อของชั้นทั้งที่ยังไม่เคยเจอกันมาก่อน พอเธอช่วยชั้นเสร็จก็กลับไปก่อนที่ชั้นจะถามชื่อเธอ” เลโอน่าพูดจบก็โค้งลงแสดงการความเสียใจที่หาชื่อของหญิงปริศนามาไม่ได้ แต่เรื่องที่เล่านี้ทำให้มีอยู่คนนึงที่สามารถตอบคำถามของเขาได้

                              “เลโอน่า..เธอคนนั้นน่ะชื่อ นามาเอะ..โอริซิส นามาเอะ เธอคือพี่สาวของชั้น” ริกะยืนขึ้นพูดด้วยเสียงเรีบยนิ่ง

                              “ถ้าเป็นพี่น้องกัน แล้วทำไมหน้าตาไม่มีอะไรเหมือนกันบ้างเลยล่ะ” เลโอน่าเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสงสัย

                              “ก็เพราะเธอไม่ใช่พี่สาวแท้ๆของชั้น  ...เธอเป็นคนที่ช่วยชั้นให้รอดจากการถูกฆ่า” ริกะเอ่ยด้วยใบหน้าสดใส “ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ..เธอก็เป็นพี่สาวลับๆของชั้นมาตลอด เพราะชั้นอยากมีพี่สาวอ่ะ อิอิ”

                              “คุณป๋าลอสต์ค่ะ..ช่วยสาธยาย เอ้ย..อธิบายต่อได้มั้ยค่ะ มันเริ่มเย็นๆยังไงไม่รู้แล้วอ่ะค่ะ” หญิงสาวในชุดบิกีนี่ที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางเหล่าผู้ฟังเอ่ยหาชายไร้หน้า

                              “ใครป๋าเธอเหรอ..เลโอน่าจัง” ลอสต์เอ่ยออกมา พร้อมกับใบหน้าอันว่างเปล่าที่หันมาทางเลโอน่า และมือข้างหนึ่งของเขาที่กำลังลูบหลังที่ไร้เครื่องป้องกันของหญิงสาวอย่างช้าๆ ทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบในทันที “ไปนั่งได้แล้วจ้ะ..แม่คนสวย อ่อ..แม่คนสวย เหลืออีกสอนชาปเตอร์ครึ่งนะจ๊ะ”

                              “โอเคทุกคน..เรามาพูดกันต่อ ทางเอสซีพีน่ะมีแผนการอีกหลายอย่างที่ยังปกปิดเป็นความลับ รวมทั้งในแผนการเหล่านั้นยังมีแผนการที่แบล็กเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอีกหลายแผนการ แต่ชั้นได้วางแผนการมาให้พวกเราอยู่สามแผนการเพื่อที่จะสกัดกั้นแผนการต่างๆของเอสซีพี” ลอสต์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงจริงจัง

                              “แผนการของเอสซีพีไม่ใช่เพียงการทำอาวุธชีวภาพขู่รัฐบาล พวกมันยังคงทำเป้าหมายหลักของมันอยู่ ใช่..นั่นคือการรวบรวมวัตถุแห่งการเปลี่ยนความเป็นจริงทั้งสาม เมื่อศิลานิมิต สมุดแห่งจินตภาพ และพงศาวดารที่ยังไม่จบเข้าใกล้กัน เมื่อพวกมันรวมกันแล้ว จะเปลี่ยนเป็นกุญแจที่ใช้เปิดประตูแห่งความสมดุลสู่ปฐมกาลที่แยกพลังแห่งอมตภาพ จินตภาพ และความฝันออกมาจากความเป็นจริง ดังนั้นแผนที่หนึ่งของเราก็คือ การไปนำพงศาวดารที่ยังไม่จบออกมาจากสถาบันเอสซีพีให้ได้ เพื่อทำให้แบล็กไม่สามารถใช้พลังทั้งสามที่อยู่ในปฐมกาลได้” ลอสต์ประกาศกับทุกคนถึงแผนการสกัดกั้นนักวิจัยแบล็กออกจากปฐมกาล

                              “ส่วนสำหรับแผนที่สอง คือการโน้มน้าวจิตใจของทางรัฐบาล ไม่ให้เป็นทาสหนุนหัวรองเท้าให้กับเจ้าแบล็กมัน” ลอสต์เอ่ยในขณะที่เขากำมือไว้แน่น “สำหรับแผนการนี้..เราจำเป็นต้องลอบเข้าไปแบบเนียน แล้วก็เชิดพวกรัฐบาลให้มันทำตามเรา”

                              “ส่วนสำหรับแผนสาม...” ลอสต์เอ่ยเสร็จก็ดีดนิ้ว ทำให้ปรากฏจอภาพพลังงานขึ้นโดยหน้าจอนั้นกำลังฉายภาพบางอย่างอยู่

                              “ตอนนี้ทางสถาบันเอสซีพีและทางรัฐบาลได้ทำการร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อจับตัวเหล่าผู้มีพฤติกรรมหรือลักษณะประหลาดไปล่ะค่ะ เดี๋ยวเราจะไปสัมภาษณ์ผู้พันลานี่ละกันนะค่ะ ...สวัสดีค่ะ ผู้พันลานี่” หญิงผู้ประกาศข่าวเดินเข้าไปขอสัมภาษณ์บุรุษที่สวมเครื่องแบบเต็มยศ

                              “สวัสดีครับ..” ผู้พันคนนั้นหันมาทางกล้อง และกล่าวทักทาย

                              “ผู้พันลานี่ค่ะ..ไม่ทราบว่าท่านจะช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการตามจับเหล่ามนุษย์ที่ผิดปกติเหล่านี้ได้มั้ยค่ะ” สตรีในหน้าจอพลังงานเอ่ยถามผู้พัน

                              “ได้ครับ ..การที่เราจับคนเหล่านี้ไปเป็นเพราะการวิจัยจากสถาบันเอสซีพีพบว่ามนุษย์จำพวกนี้เป็นผู้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อบางอย่าง แต่ทางเราไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจจะเกิดการตื่นตระหนกเอาได้น่ะครับ และ บลาๆๆ บลาๆๆ บลาๆๆ บลาๆๆ บลาๆๆ บลาๆๆๆ” เมื่อส่วนสำคัญถูกฉายมา ลอสต์ก็เปลี่ยนโหมดเสียงเป็น บลา บลา โหมด ทำให้ทุกคำพูดถูกเปลี่ยนเป็น บลา บลา บลา จนหมด ก่อนที่เขาจะดีดนิ้ว ทำให้หน้าจอพลังงานอันตรธานหายไปทันที

                              “เอาล่ะ แผนสามของชั้นคือ การหยุดยั้งการไล่ล่าผู้คนเหล่านี้ จะด้วยการใช้กำลังหรือด้วยวาจาก็เชิญตามสบาย” ลอสต์เอ่ยเสร็จสิ้น ชายคนนี้ก็แหวกอากาศจนฉีกขาด ทำให้เกิดประตูมิติที่คุ้นชินกันดีอีกครั้ง “อ่อ..ถ้าจะถามว่าแผนไหนใครไป ก็เลือกกันเอาเองนะ เราจะเริ่มแผนการทั้งสามพร้อมกัน ...พรุ่งนี้ หลังจากผ่านชาปเตอร์การเล่าประวัติของเจฟเฟอรี่คุงเสร็จแล้ว ...ซาโยนาระนะ บะบาย”

                              เมื่อลอสต์อันตรธานหายไป ทุกๆคนในห้องก็เริ่มวางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ทันที

                              ในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล ภายนอกนั้นมีเพียงแต่ความดำมืด หมู่ดวงดาว และกาแล็คซี่จำนวนมากอยู่ แต่มีเพียงสิ่งหนึ่งที่แปลกไปจากสิ่งเหล่านั้นคือ วัตถุบางอย่างซึ่งมันมีโครงสร้างคล้ายมนุษย์ที่มีผิวเป็นดวงดาวเปล่งประกาย มันไม่มีหน้า และใส่เสื้อผ้าชั้นสูงของมนุษย์บนโลก แต่ที่แปลกกว่านั้นคือมันมีขนาดกว่าหลายล้านล้านปีแสง แต่แล้วเบื้องหน้าของวัตถุขนาดมโหฬารนี้ก็เกิดรอยแยกมิติขึ้น

                              “กลับมาแล้วรึ..ลอสต์” วัตถุขนาดใหญ่เอ่ยกับผู้มาเยือน

                              “ใช่ครับท่าน..ผมทำตามที่ท่านบอกทุกประการแล้วครับ” ลอสต์ด้วยวาจาที่สุภาพ และกิริยาที่น้อบน้อม

                              “ขอบคุณเจ้ามากนะลอสต์..ข้าหวังว่าเจ้าและเด็กเหล่านั้นจะช่วยทุกสรรพสิ่งจากเนื้อมือของแบล็กได้” วัตถุขนาดยักษ์เอ่ยขึ้นเหมือนเคยรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมด “สงสัยข้าจะได้แค่รอดูผลงานพวกเขาสินะ..ฝากเป็นกำลังใจให้เด็กๆด้วยละ”

                              “ได้อย่างแน่นอนครับ...” ลอสต์ประกาศนามของวัตถุขนาดมโหฬารเบื้องหน้า "หนึ่งในมหาจักรพรรดิ์ มหาเทพแห่งการรังสรรค์ ความคิดและจินตนาการ ..เดอะ ครีเอเตอร์"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา