Creepypasta Family The Broken Myth

9.5

เขียนโดย Leragan

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.43 น.

  24 chapter
  9 วิจารณ์
  41.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) หลบหนี (Escape)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               ภายในอาคารสีขาวแลดูสะอาดตา ห้องทำงานและห้องคุมขังถูกแยกออกมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทางเดินที่ทอดยาวไกลเกินสายตาถูกตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างห้องทำงานและห้องคุมขัง เหล่านักวิจัยเดินสวนทางกันไปมามากมาย เช่นเดียวกับเหล่าดีคลาสและผู้คุมที่บ้างก็เดินด้วยกันหรืออาจยืนนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยหมวกนิรภัยสีดำทำให้พวกเขาช่างดูลึกลับ ต่างจากนักวิจัยที่ไม่ใส่สิ่งใดปิดบังใบหน้าของพวกเขา เว้นแต่นักวิจัยผู้หนึ่งที่สวมที่ครอบตาและผ้าปิดปากปิดบังใบหน้าไว้อย่างมิดชิด เธอเดินช้าๆแลดูระมัดระวังคนรอบข้างมาก เธอมีทรงผมแบบโพนี่เทลล์สีทองที่กวัดแกว่งไปมาอยู่ทางด้านหลัง ถึงแม้ว่าเธอจะดูเหมือนนักวิจัยทั่วๆไป แต่ที่น่าแปลกใจนั่นคือ..เมื่อกล้องวงจรปิดจับภาพเธอได้ กล้องนั้นจะค้างดีเลย์ไประยะนึงจนกระทั่งเธอหายไปจากระยะการมองเห็นของกล้อง มันจึงจะกลับมาเป็นปกติ หญิงสาวในคราบนักวิจับขององค์กรเอสซีพี เธอเดินเข้าไปแนบเนียนกับนักวิจัยในเอสซีพี ทำให้แลดูสังเกตจำผิดได้ยากขึ้น เธอเดินเข้าสู่ฝูงชนอย่างระมัดระวัง พยายามก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่ทันใดนั้นเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นภายในหัวของหญิงสาว
               'เลโอน่า..ไม่ต้องระวังขนาดนั้นก็ได้นะ' เสียงชายผู้มีจมูกเป็นกรวยแหลมสีดำสลับขาวถูกเอ่ยขึ้น
               เขาสวมใส่เสื้อแขนกุดขนาดเล็กไว้ภายใน บริเวณท้องมีผ้าพันแผลพันอยู่โดยรอบ บริเวณคอและไหล่มีก้อนขนปุกปุยสีดำปลายขาว บริเวณต้นแขนจนถึงข้อมือมีผ้าล้อมรอบแขนของเขาคล้ายกับเป็นแขนของเสื้อ นิ้วมือของเขามีสีดำสนิท พวกมันคมกริบพร้อมเจาะหรือฟันทุกสิ่งที่ขวางหน้าเขา บริเวณกางเกงที่ยาวคลุมเข่าของเค้านั้นถูกสายผ้าสีดำสองสายเกี่ยวเข้ากับบริเวณหัวไหล่ เขาใส่ถุงเท้ายาวคลุมแข้งและหัวเข่า มันมีสีดำสลับขาวเช่นเดียวกับแขนเสื้อ เขาใส่รองเท้าหัวแหลมงอนขึ้นสีดำ ทุกๆคนรู้จักเค้าในนาม 'ลาฟฟิ้ง แจ็ค(Laughing Jack)' ร่างของเขานั้นกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ
               'มันก็ต้องระวังสิค่ะ..ถ้าพวกมันเกิดจับได้ เราก็จะตายกันหมด' หญิงสาวผู้มีนามว่า 'เลโอน่า' เอ่ยขึ้นภายในจิตใจของตนกลับไป
               'ชั้นก็ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องระวัง..แต่หมายถึงไม่ให้ระวังจนรุกรน มันจะดูผิดสังเกต' แจ็คเอ่ยขึ้นในขณะที่ตนกำลังล่องลอยทะลุผ่านร่างของเหล่านักวิจัยและผู้คุมออกไป
               'ถ้าเช่นนั้นก็ได้ค่ะ..ชั้นจะพยายาม' เลโอน่าตอบกลับไป เธอก้าวเดินอย่างระมัดระวังแต่ไร้ซึ่งความประหม่าแต่อย่างใด เธอเดินไปได้สักพักก็ต้องแยกตัวออกไป เธอเข้าไปสู่มุมมืดอีกฟากหนึ่ง เธอถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วจึงรีบเดินออกไปในขณะมองไปทางด้านหลัง
               "โอ๊ย! ..." เธอก็ชนเข้ากลับบางอย่างล้มลงไปกับพื้น เลโอน่าเบือนหน้าไปทางนั้นก็ได้สังเกตเห็นหญิงสาวผมบลอนด์ยาว ใส่เสื้อเชิ้ร์ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำ เธอมีกล้องห้อยอยู่บริเวณหน้าท้อง แต่ในขณะนี้เธอกลับกำลังมองมาที่เลโอน่า
               "ขอโทษค่ะ..เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ" หญิงสาวปริศนาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นใย
               "ชั้นนี่สิ..ต้องขอโทษคุณ" เลโอน่าเอ่ยกลับไป ก่อนจะเอ่ยต่อในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง "มัวแต่ระวังหลัง กลัวเพื่อนเก่าจะมาทำร้ายเลยต้องปลีกตัวออกมาเดินแถวนี้น่ะค่ะ"
               "อ๋อ..เหรอค่ะ แต่..เอ๊! ชั้นไม่เคยเห็นคุณที่นี่เลยนะค่ะ" หญิงสาวเบื้องหน้าทำท่าทางสงสัย เหงื่อบริเวณใบหน้าของเลโอน่าถึงกับตกลงมาเมื่อเธอได้ยินคำพูดของผู้หญิงเบื้องหน้า
               'เอาไงดีค่ะ..คุณลาฟฟิ้ง แจ็ค' เธอถามผู้ชายที่เข้าไปในจิตใจของเธอเพื่อหาคำพูดที่จะตอบกลับหญิงสาวแปลกหน้า
               'งั้นก็บอกไปว่าถูกส่งมาจากไซต์อื่น ทางองค์กรเรียกให้มาทดลองอะไรบางอย่าง พูดไปตามนี้ก็ได้' ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นในขณะที่ร่างของเขากำลังล่องลอยอยู่ใกล้ๆเลโอน่า
               "ก็แน่อยู่แล้วล่ะค่ะ..ชั้นถูกส่งมาจากไซต์ 283 น่ะค่ะ ถ้าคุณไม่เคยเห็นก็คงไม่แปลกหรอกค่ะ ไซต์อยู่ค่อนข้างไกล" เลโอน่าใช้สกิลแถขั้นสุดยอดเบี่ยงเบนสถานการณ์ให้ตนได้เปรียบได้อีกครั้ง และดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดด้วย
               "อย่างนั้นเหรอค่ะ..ถึงว่าทำไมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย" หญิงสาวผมบลอนด์หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจึงเอ่ยถามต่อ "ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่กันค่ะ.."
               "ทางศูนย์ใหญ่มอบคำสั่งให้ชั้นมาตรวจสอบความเรียบร้อยของ SCP ที่ถูกย้ายมา แล้วชั้นก็มาช่วยเพื่อนดีๆอีกคนทำการวิจัยน่ะค่ะ แต่พอดีหาห้องแล็บที่เพื่อนทำงานอยู่ไม่เจอน่ะค่ะ" เลโอน่าลูบหัวตัวเองเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะเบาๆ
               "นั่นสินะค่ะ..ก็พึ่งมาใหม่นิ งั้นถามชั้นก็ได้นะค่ะ ที่นี่ก็คล้ายกับบ้านของชั้นหลังนึง..ชั้นก็เลยรู้ว่าที่นี่มีอะไรตรงไหนบ้าง คุณจะบอกได้หรือเปล่าว่าเพื่อนคุณอยู่ที่ไหน" หญิงสาวผมบลอนด์ยิ้มออกมา
               "เพื่อนของชั้นบอกว่าอยู่แถวๆ ..ห้อง SCP 140 น่ะค่ะ" เลโอน่าตอบกลับไป
               "งั้นก็ใกล้เลยสิค่ะ..ห้องของ SCP-140 อยู่ทางเส้นทางนี้แหละค่ะ ให้ตุณเดินไปจนสุดทาง แล้วก็เลี้ยวขวาออกไปตรงข้ามก็จะเป็นห้องของ SCP 140 แล้วล่ะค่ะ"
               "ขอบคุณมากค่ะ..ถ้าไม่ได้คุณช่วยนี่แย่เลย ขอบคุณมากค่ะคุณ..."
               "ไอริส..ไอริส ทอมสันค่ะ แต่คนที่นี่ชอบเรียกชั้นกันว่า 'หมายเลข หนึ่งศูนย์ห้า' กันน่ะค่ะ" หยิงสาวนักถ่ายเอ่ยนามของตนให้เลโอน่าฟัง นั่นทำให้เธอถึงกับเหงื่อตก เพราะได้รู้ว่าหญิงสาวที่เธอกำลังพูดคุยอยู่ด้วยเป็น SCP
               "คุณเป็น SCP เหรอค่ะ" เลโอน่าเอ่ยถามไอริสที่กำลังยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า
               "ถ้าจะให้พูดอย่างนั้นก็ใช่ะค่ะ" ไอริสตอบกลับมา "ชั้นบอกคุณไปแล้ว..ทีนี้ตาคุณแล้วล่ะค่ะ"
               "ชั้นชื่อเล..โล.." หญิงสาวคิดนึกชื่อสมมติที่จะใช้อ้างไม่ได้ 'คุณแจ็ค..ช่วยหน่อยค่ะ'
               'โทษทีนะ..เลโอน่า ชั้นไม่เก่งเรื่องตั้งชื่อน่ะ' ลาฟฟิ้ง แจ็คล่องลอยไปมาในลักษณะนอนกลับหัว
               "คุณชื่ออะไรนะค่ะ" ไอริสเอ่ยถามอีกครั้ง แต่เพียงเสียงของเธอทำให้เลโอน่าที่กำลังนึกคิดชื่อปลอมๆถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วกล่าวในสิ่งที่เธอคิดออกเป็นอย่างสุดท้าย
               "โลลิค่อนค๊าาาา!!!" เธอเอ่ยขึ้นเสียงดัง ทำเอาไอริสทำตาปริบๆ ส่วนลาฟฟิ้ง แจ็คก็ร่วงลงมาสู่พื้นเสียงดัง ปั้กก!!! แต่เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็รีบปิดบังใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความอายของเธอทันที
               "ว่าจะบอกอีกชื่อซะหน่อย..มาทำเราสะดุ้งซะจนพูดชื่อจริงๆออกไป"
               "ชื่อก็น่ารักดีนิค่ะ..เอาเป็นว่าชั้นขอเรียกคุณว่าโลลิจังก็แล้วกันนะค่ะ" หญิงสาวผมบลอนด์เอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มหวาน
               "จะเรียกอะไรก็ตามใจค่ะ..แต่ชั้นต้องรีบไปหาเพื่อนของชั้นที่แล็บแล้วล่ะค่ะ" เธอรีบอ้างเพื่อให้ไปที่จุดหมายให้เร็วที่สุด
               "ถ้าอย่างนั้นก็โชคดีค่ะ..หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะค่ะ คุณโลลิ..ค่อน อิอิ"
               "อย่าเรียกชั้นอย่างนั้นอีกนะ!!!" เธอเอ่ยออกมาแล้วจึงวิ่งออกไปตามทางที่ไอริสได้บอกไว้ แต่...
               แช๊ะ!!! เสียงกล้องถ่ายรูปดังขึ้น ไอริสถ่ายภาพของเลโอน่าเอาไว้ แต่มันแตกต่างจากเดิมตรงที่ว่ารอยยิ้มและดวงตาสีฟ้ากลับหายไป มันกลับถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่ดูไร้ความรู้สึก ส่วนดวงตาของเธอก็ดูมืดขุ่นมนไร้ซึ่งสีฟ้าเหมือนอย่างเคย
               "ภารกิจเสร็จสิ้น..ชั้นทำตามที่ท่านสั่งแล้วค่ะ นายท่าน" ไอริสกล่าวออกมาเบาๆ
               "ดีมาก..หมายเลขหนึ่งศูนย์ห้า ภาพถ่ายนั้นของคุณเป็นสิ่งหนึ่งที่ทางเราจำเป็นมาก..เก็บเอาไว้ให้ดีๆล่ะสาวน้อย"
               "รับทราบค่ะ..นายท่าน" หลังจากที่เธอเอ่ยจบ ดวงตาของเธอก็กลับมาดังเดิม ส่วนในมือของเธอก็มีรูปถ่ายของเลโอน่าอยู่ แต่แปลกที่มันเคลื่อนไหวได้ซึ่งนั่นเป็นความสามารถของกล้องที่ไอริสใช้ เธอมองไปที่รูปภาพก่อนจะเก็บมันลงไปใส่ในกระเป๋ากางเกง 'เมื้อกี้..มันเกิดอะไรขึ้นละเนี่ย...'
               ทางด้านของเลโอน่าที่กำลังวิ่งไปทางห้องของ SCP 140 ก็ได้ใช้พลังเปลี่ยนแปลงความเป็นจริง(Reality Bender) ทำให้ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนแทบพูดได้ว่า..เธอวาร์ปได้
               ไม่นานเธอก็มาจนสุดทาง เธอเบือนหน้าไปทางขวามือก็พบแสงสว่างขึ้น หญิงสาวใช้พลังอีกครั้งทำให้ร่างของเธอมีสีกลมกลืนกับสิ่งรอบข้างคล้ายกับหายตัวไป เธอมองไปซ้ายขวากลอกตาดูผ้คนที่เดินสัญจร เมื่อตรวจสอบดูแล้วว่าไม่มีใครเดินผ่านทางมา เธอก็รีบเคลื่อนที่เข้าไปภายในห้องคุมขัง SCP 140 อย่างเร็วพลัน
               'นี่..เธอมีพลังบิดเบือนความจริงมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย' ลาฟฟิ้ง แจ็คเอ่ยถามเลโอน่าในขณะที่เธอคลายพลังล่องหนออก
               'ถึงจะดูมีพลังมาก แต่ถ้าเทียบกับตอนที่ชั้นอยู่ในร่างเดิมก็ถือว่ามีอยู่น้อย เพราะมันถูกแทนที่ด้วยสติปัญญา ความเร็ว และ...' หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง แจ็คจึงเงี่ยหูฟัง 'สะโพกกับหน้าอกขนาดใหญ่'
               'อันนั้นไม่ต้องบอกก็ได้เฟ้ย!!!' ลาฟฟิ้ง แจ็คเอ่ยออกมาในหัวของเลโอน่าเสียงดังด้วยท่าทางเขินๆ
               'อิอิ..เค้าล้อเล่น' เลโอน่าแสดงท่าทีหยอกล้อใส่ลาฟฟิ้ง แจ็คที่กำลังเขินหน้าแดง หลังจากหยอกล้อกันเสร็จ หญิงสาวก็เดินไปที่แท่นหินซึ่งเป็นที่วางหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งอยู่ ลักษณะเก่าและมีฝุ่นเกรอะ เลโอน่าเอื้อมมือไปสัมผัสกับหนังสือเล่มนั้นเพื่อนำมันกลับไปที่คฤหาสน์ของชาวผิวสีฟ้าหรือมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า แต่ไม่ทันที่จะได้ยกมันขึ้นมา แท่นวางก็เกิดปฏิกริยาบางอย่างขึ้น มันเรืองแสงกระพริบและถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ
               'ชั้นว่าลางไม่ดีว่ะ' ลาฟฟิ้ง แจ็คกล่าวขึ้นมา แต่เพียงเสี้ยววินาทีนั้นแท่นวางก็เกิดการระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง แจ็คที่เห็นดังนั้นจึงรีบออกมาจากจิตใจของเลโอน่าพร้อมกับแผ่รังสีความมืดปกคลุมบริเวณที่ตนอยู่ทันที เมื่อแรงระเบิดหมดลง สนามพลังความมืดก็ถูกคลายออกมา หญิงสาวหันกลับไปมองผู้ที่ช่วยเธอเอาไว้ แต่ก็พบว่าลาฟฟิ้ง แจ็คบาดเจ็บหนักมาก แขนซ้ายของเขาขาดสะบั้นออกไป
               "เจ้าบ้าาา!!! แทนที่จะหลบอยู่ในจิตใจชั้นเหมือนเดิม จะออกมาช่วยชั้นทำไมกัน..นายลืมไปแล้วหรือไง ร่างชั้นไม่บาดเจ็บเพราะแรงระเบิดแค่นี้หรอก" เธอทุบไปที่อกของแจ็คหลายครั้ง แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดลง เพราะแจ็คนั้นเลื่อนร่างของเธอเข้ามาใกล้ๆ
               "บางครั้งสัญชาตญาณของพวกเราก็สั่งการให้ตัวเราคอยปกป้องผู้คนที่ประสบปัญหาทั้งที่จะเป็นคนมีหรือไม่มีพลังก็ตาม พวกเราถูกสั่งสอนมาอย่างนั้น" ลาฟฟิ้ง แจ็คกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "...แต่ทำไมรู้สึกเจ็บจัง"
               "อย่าพึ่งมาเล่นมุขตอนนี้..เรารีบกันไปก่อน เดี๋ยวพวกมันจะมา...อะ อะ" เลโอน่ายังพูดไม่ทันขาดคำ เหล่าผู้คุมจำนวนมากก็มาล้อมพวกเขาไว้เสียแล้ว
               "หยุด..อย่าขยับ ตอนนี้ผู้คุมขององค์กรล้อมไว้หมดแล้ว..อั๊ก!" ทันทีที่เสียงร้องของผู้คุมคนนึงดังขึ้น เหล่าผู้คุมคนอื่นๆก็รีบหันไปดูต้นตอก็พบกับชายผู้อยู่ในชุดภารโรงหยิบมีดมาแทงใส่ท้ายทอยของชายคนนั้น
               "โอ้! โทษทีครับ พอดีผมกำลังทำความสะอาดอยู่น่ะครับ แต่พอดีเจ้าบ้านี่ดันใส่รองเท้าสกปรกมาที่องค์กร ผมเห็นก็เลยรู้สึกอารมณ์เสียนิดหหน่อย ก็เลยฆ่าทิ้งไป" ภารโรงหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง
               "ข้ออ้างแบบนี้..ใครจะไปเชื่อกัน ทุกคนยิงมัน" เหล่าผู้คุมทั้งหมดต่างหยิบปืนที่พวกเขามีมายิงผู้บุกรุกทั้งสาม ทางลาฟฟิ้งแจ็คก็กลับไปอยู่ในจิตใจของเลโอน่าดังเดิม เธอที่เห็นดังนั้นจึงเข้าปะทะกับเหล่าผู้คุมพร้อมๆกับภารโรงปริศนา
               "เออ..ก็จริงของแกเนอะ เฮ้อ..ชั้นนี่ไม่เก่งเรื่องหาข้ออ้างเลยจริงๆนะ..แต่มีบางอย่างที่ชั้นเก่ง" ภารโรงปริศนาถอดหมวกออก เผยใบหน้าสีขาวซีดพร้อมกับปากที่ฉีกออกมา เจฟยิ้มให้กับเหล่าผู้คุม "ก็คือต่อสู้กับพวกแกไง"
               เลโอน่าใช้พลังทำให้เหล่ากระสุนที่มาสัมผัสบริเวณตัวเขาหายไป แต่ด้วยพลังในร่างนี้ที่มีน้อยกว่าร่างบุรุษมาก จึงทำให้ไม่สามารถสะท้อนกระสุนกลับไปได้ ส่วนทางด้านเจฟที่กำลังเดินช้าๆ ให้เหล่าผู้คลุมยิงจนตัวพรุน เขาเดินมาอย่างไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกถาโถมเข้ามาแต่อย่างใด แต่ไม่นานนัก กระสุนปืนที่กลาดยิงเขาก็หมดลง เหล่าผู้คลุมมองหน้ากันก่อนจะกลับมามองชายหนุ่มผิวซีด
               "อ้าว! กระสุนหมดแล้วเหรอ..งั้นทีนี้ก็คงต้องตาชั้นเอาคืนแล้วล่ะนะ" เจฟคว้ามีดจากภายในแขนเสื้อ เตรียมวิ่งเข้าแทงผู้คลุมทั้งหมด แต่ทันใดนั้น...
               ป๊อก! ปั๊ก! ปั๊ก! เสียงกระดูกคอที่หักของเหล่าผู้คลุมดังขึ้น ทำเอาเจฟยืนนิ่งพร้อมแสดงสีหน้าเอือม
               "อ้าว! ยืนทำอะไรอยู่ค่ะ รีบวิ่งมาสิ" เลโอน่าเอ่ยเรียกเจฟแล้วจึงวิ่งออกไป
               "ทีหลังก็แบ่งให้ตูฆ่าบ้างสิฟ่ะ!!! ถ้าจะโซโล่คิล(Solo Kill) ก็บอกกันก่อน ตูจะไม่ต้องพูดทำเท่!!!" เจฟถอนหายใจออกมา "อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่ทำอะไร..เดี๋ยวกลับไปจะเล่นแม่มให้หนัก"
               "นายจะทำอะไรเลโอน่าเหรอ..เจฟ" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาแบบไม่ให้ซุ้มให้เสียงทำเอาเจฟสะดุ้งโหยงหน้าพุ่งไปกระแทกพื้น "นี่นายยังไม่ชินอีกเหรอ"
               "ยังเว้ย!!! เอ็งจะทำตูหัวใจวายตายจริงๆแล้วนะ" เจฟตะคอกใส่ชายผู้ไร้กายที่ชอบวาร์ปไปมาหรือพูดได้อีกแง่ว่าพวกชอบเผือกเรื่องชาวบ้านเค้า
               "ไม่เป็นไร..เพราะคราวนี้ชั้นซื้อใบชุบมาแล้ว ตายแล้วบอกด้วยจะได้ใช้ให้" ลอสต์เสร็จก็เดินหายไปในความมืด ปล่อยเจฟผู้น่าสงสารให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
               "ทำไม..ถึงไม่มีใครสนใจตูเลย" เจฟทำหน้าเศร้าสักพักก่อนจะนึกขึ้นได้ "เฮ้ย..รอด้วย!!!"
               ทั้งสองวิ่งมาด้วยความเร็วสูง แต่ด้วยความคล่องตัวและประสบการณ์ที่มากกว่าของเจฟ ทำให้เขาแซงหน้าเลโอน่าออกไป แต่จะด้วยความซวยหรืออะไรก็ตาม
               แคร็ก!!!
               คอของเจฟบิดเบี้ยวผิดรูปเดิม ร่างไร้วิญญาณของเขาก็กลิ้งไปตามแรงที่เคยมี เลโอน่าเห็นดังนั้นก็หยุดฝีเท้าลงทันที เธอได้แต่มองไปที่บางอย่างที่ฆ่าเจฟไป มัยเป็นรูปปั้นคอนกรีตสีเนื้อมีแขนและขาที่เล็ก และมีลายบางอย่างถูกขีดเขียนอยู่บนบริเวณที่น่าจะเป็นใบหน้าของมัน
               ...SCP 173 ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว...
               หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและน่าสยดสยองที่สุดในองค์กรเอสซีพีปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าเลโอน่า เธอเหงื่อตกอีกครั้งเพราะเธอจะต้องจ้องมองไปที่มันตลอดเวลาเพื่อไม่ให้มันมาฆ่าเธอ แต่แล้วความหวังก็มาถึง
               "รูน..วาร์ป" เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้น เบนปรากฏตัวออกมาอยู่เบื้องบนหัวของ SCP 173 ในลักษณะของภาพโฮโรแกรม "คุณเลโอน่า..รีบวิ่งไปเลยครับ ถ้าเจ้าตัวนี้มันวาร์ปมาที่คุณ รูนที่ผมติดตั้งไว้จะพามันกลับไปในห้องขังของมันเองครับ"
                ทันทีที่เลโอน่ารู้ดังนั้นเธอก็รีบวิ่งไปทันที และมันเป็นไปตามนั้น เจ้า SCP 173 เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะมองเห็นได้ และเพียงชั่วพริบตาที่มันเข้ามาใกล้เลโอน่าในระยะไม่ถึงสองนิ้ว ร่างของมันก็อันตรธานหายไปทันที ก่อนที่ร่างจริงของเบนจะลอยมาสมทบ
               "ผมขังมันไว้แล้วล่ะครับ" เบนเอ่ยเสร็จก็ยิ้มขึ้นมา
               "โอยยย!!! คอชั้น" เจฟที่ได้สติรีบบิดคอของตนกลับมาเป็นดังเดิม แล้วจึงวิ่งตามเลโอน่าและเบนไป รู้สึกว่าในตอนนี้เหล่าเอสซีพีและเหล่าผู้คุมกำลังปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง เหล่านักวิจัยวิ่งหนีกันชุลมุนวุ่นวาย เปิดทางให้ทั้งสามออกไปข้างนอกได้ทันท่วงที แต่เมื่อพวกเขาออกมาก็ได้พบกับเหล่าผู้คุมจำนวนมากรายล้อมพวกเขาอยู่
               "นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า..หนีสิงโตปะตัวเฮ้!" เจฟกล่าวสบถหยาบ
               "เอ็งนั่นแหละตัวเฮ้..เอื๊อก!!!" ทันที่คำสบถของผู้คุมออกจากปาก เลื่อยไฟฟ้าสีชมพูก็แทงทะลุร่างของชายผู้นั้นทันที แม้ว่าบริเวณนั้นจะมีเกราะป้องกันอยู่ก็ตาม แต่ถ้าหากเทียบกับพลังการทำลายล้างของเลื่อยไฟฟ้าที่บุชเชอร์ชายกำลังถืออยู่..มันพูดได้ว่าคนละรุ่นกัน
               "เฟิร์ส บลัด(First Blood)" บุชเชอร์ชายกล่าวออกด้วยเสียงเล็กแหลมของเธอที่แลดูเย็นชาเอามากจนน่ากลัว เธอเลียคราบเลือดที่ติดบริเวณมือของเธอ ก่อนจะส่งสายตาที่ดูขุ่นมนไร้ชีวิตชีวาออกมาให้เหล่าผู้คุมและพวกพ้องได้เห็น "งั้นก็มาเริ่มสับกันเลยค่ะ"
               เหล่าผู้คุมรีบกลาดยิงสาวน้อยผมสั้นสีชมพูทันที แต่ก่อนที่กระสุนจะถูกยิงออกไป หัวปลีก็พุ่งเข้าใส่หมู่ผู้คุมทันที มันระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงทำเอาเหล่าผู้คุมจำนวนมากล้มตามเหลือแต่เศษเนื้อและกองเลือดที่ไหลนองเป็นสระ บุชเชอร์ชายที่โดนลูกหลงกลับไร้ซึ่งบาดแผลมีเพียงแต่เสื้อผ้าของเธอขาดวิ่นขนไม่เหลือเศษซาก ทำให้ตอนนี้มีเพียงผ้ากันเปื้อนสีขาวเปื้อนเลือดผืนเดียวที่ปกปิดเธอไม่ให้เปลือย เธอคุกเข่าลงมา รินน้ำจากสระเลือดที่เอ่อนองมาใส่บริเวณมือที่ประกบเอาไว้มารดหัวของเธอ แล้วจึงถอดผ้ากันเปื้อนซึ่งเป็นสิ่งๆเดียวที่ปกปิดไม่ให้เธอเปลือยออกไป เหล่าผู้ชายทั้งหมดในรัศมีที่เห็นเธอต่างมีอาการเดียวกันคือ..เลือดกำเดาพุ่ง เธอกระโดดเข้าไปเล่นในบ่อเลือดอย่างสนุกสนาน ก่อนที่พิงกาเมน่าจะปรากฏตัวขึ้นและดึงเธอขึ้นมาจากบ่อเลือดนั้น
               "นี่..บุชเชอร์ชาย อย่าไปเล่นเลือดสิ มันสกปรกนะ" สาวผมชมพูในชุดกี่เพ้าที่ถูกสร้างมาจากผิวหนังบริเวณที่มีคิวตี้มาร์กของเหล่าโพนี่
               "พิงกี้..หยุดนะ ชั้นจะอยากจะว่ายในเลือดต่อ เค้าอยากเล่นอ่าา!!!"
               "ถ้าจะเล่น..วันนี้ชั้นก็ไม่ให้กินเลือดนะ" เพียงหญิงสาวผมชมพูเอ่ยขึ้น บุชเชอร์ชายก็ร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ
               "บุชเชอร์ชายเงียบ!" พิงกาเมน่าเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาก็หยุดลงทันที "เลิกทำตัวเป็นเด็กๆได้แล้ว โตเป็นสาวแล้วนะหัดรู้จักสงวนร่างกายไว้บ้าง เดี๋ยวพวกผู้ชายก็เสียเลือดจนหมดตัวหรอก"
               "พวกนายจะมองอีกนานมั้ย.."
               "ไม่ครับ!!!" เสียงตอบกลับมาของเหล่าบุรุษผู้มองร่างเปลือยของบุชเชอร์อย่างใจจดใจจ่อ เหมือนกับว่าพิงกาเมน่ามีพลังควบคุมจิตใจคนได้
               "ชั้นมาที่นี่เพื่อทำหน้าที่แทนเจ้าลอสต์..ทุกคนเข้ามายืนใกล้ๆชั้น" หญิงสาวสั่งการ เลโอน่า เบน เจฟ และทหารของลอสต์ก็รีบวิ่งเข้ามาใกล้ๆกัน ก่อนจะเกิดแสงสีขาวสว่างจ้าจนทุกคนต้องปิดตาลง เมื่อแสงหายไปทุกคนก็ลืมตาอีกครั้งก็พบว่าพวกตนอยู่ภายในคฤหาสน์แล้ว
               "ในที่สุดก็กลับมาแล้วสินะน้องชาย" ลูเอ่ยขึ้น ก่อนที่คนอื่นๆจะเดินเข้ามาใกล้ "แล้วได้ของมามั้ย"
               "ได้ค่ะ..นี่ไง" เลโอน่ายื่นหนังสือให้แก่ลู แต่ทันใดนั้นมือปริศนาก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศ มันยื่นออกมาจากที่ไหนไม่มีใครทราบ มันคว้าหนังสือในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะหายไปในมิติที่ไม่มีใครรู้ได้
               "นั่นมันอะไรกัน..." ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ยกเว้นพิงกาเมน่าและบุชเชอร์ชายที่เดินกลับไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
               "ถ้าฉันจำไม่ผิด พลังนั่นน่าจะเป็นของไอริส SCP 105 ถึงแม้ว่าจะเป็น SCP แต่เธอกลับเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่องค์กรให้อิสระกับเธอตราบเท่าที่เธอไม่ทำข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหล" อเล็กซานดร้าเอ่ยออกมา
               "บ้าเอ๊ย!!! อุตส่าไปแย่งมาได้แล้วแท้ๆ" เจฟทุบกำแพงใกล้ๆจนเกิดรอยร้าว แต่ก่อนที่เขาจะทุบมันอีกครั้ง ลูก็เข้าไปห้ามไว้ก่อน
               "ถึงนายจะระบายกับกำแพงหรือฆ่าตัวเองไปก็ไม่ช่วยให้เจ้าหนังสือบ้านั่นกลับมาหรอกนะเจฟ..ปล่อยมันไปเหอะ เดี๋ยวซักวันเราก็จะแย่งกลับมาได้เอง"
               ไม่นานหลังจากนั้นร่างของชายไร้หน้าก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า มาสกี้ และฮู้ดดี้ พวกเขามาในสภาพปกติ
               "ทางนายเป็นยังไงบ้างล่ะ..สเลนดี้" เจฟเอ่ยขึ้นมา
               "ล้มเหลว.."
               "อ้าว! ทำไมค่ะเกิดอะไรขึ้น" เลโอน่าเอ่ยถามด้วยท่าทางฉงน
               "ผมใช้พลังจิตใส่ความทรงจำปลอมให้พวกเขาไปแล้ว แต่มันกลับไม่ได้ผล พวกเราได้เข้าปะทะกับพวกทหาร แต่ดีที่คุณสเลนเดอร์แมนเทเลพอร์ตมาทัน" มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้ากล่าวขึ้น "แต่ในขณะที่ผมเข้าไปในจิตใจของประธานาธิบดี ก็พบกับบางสิ่งเข้า ผมรู้แล้วว่าใครเป็นตัวบงการ แต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ผมรู้แล้วว่าทางรัฐไม่ได้ยอมรับด้วยความสมัครใจแต่ถูกควบคุมจิตใจให้ยอมรับ"
               "แล้วมันเป็นใครกันครับ..มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า" อายเลส แจ็กเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังหยิบไตสัตว์ขึ้นมากินอย่างมูมมาม
               "มันคือบางสิ่งที่เรียกตัวเองว่า 'ดาร์คมาสเตอร์มายด์(Dark Mastermind)'"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา