จงต้องสาปตราบนิจนิรันดร์ (the eternal curse)

7.0

เขียนโดย Lady_Madeline

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 01.57 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  11.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 02.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 2 หลบหนี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2

 

            เสียงของเกือกม้ากระทบกับผืนดินเกิดเป็นเสียงกุบกับดังก้องไปทั่วป่า รถม้ากลางเก่ากลางใหม่เคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปทางทิศเหนืออย่างไม่รีบร้อนนัก ผิดกับบรรยกาศภายในรถม้าเหลือเกิน  เมื่อชายหนุ่มพยามทอดสายตาออกไปนอกรถม้าไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำให้มันไกลได้ เขาไม่อยากให้นัยน์ตาสีเงินสบมองเรือนร่างเปียกปอนตรงหน้าแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่ได้กลิ่นความบริสุทธิ์ออกมาจากตัวนาง เขาก็กลืนน้ำลายอดกลั้นอย่างยากลำบาก หากหยุดได้ใจได้แล้วละก็ เขาคงจะยินดีทำมันอย่างไม่ลังเล เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพบกับบรรยายกาศแสนทรมาณเช่นนี้

 

            "เจ้าน่ะ... เร่งฝีเท้าม้าให้เร็วว่านี้ไม่ได้หรือไง!" เขาเปิดประตูรถม้าแล้วชะเง้อหน้าออกไปตะโกนใส่สารถี

            "ไม่ได้ขอรับ กำลังจะเข้าเขตเมือง หากเราเร่งรีบจะดูผิดสังเกตขอรับ" สารถีเอ่ยโต้ลมอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มจึงต้องปิดประตูรถม้าลงอย่างไม่พอใจ และได้แต่นั่งหลับตาตั้งสมาธิข่มความรู้สึกและสัญชาตญาณสัตว์ป่าเอาไว้อย่างสงบ

            ไม่นานนักหญิงสาวร่างเปียกปอนก็ฟื้นจากนิททรา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสอดส่ายไปทั่วห้องโดยสารแคบๆ พร้อมพยามปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวอีกครั้ง แต่ในหัวของเธอกลับขาวโพลน ไม่มีแม้ความทรงจำอะไรหลงเหลือ จนไปสะดุดตากับชายหนุ่มรูปร่างดี ที่นั่งกอดอกหลับตาอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอจับจ้องใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างไม่ละอาย นัยน์ตาสีน้ำตาลซอกแซกไปทั่วใบหน้าเนียน จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากัน และริมฝีปากบางของเขา เธอจับจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่นาน

            "จะ จ้องข้าอยู่แบบนั้นอีกนานไหม?" เหมือนคนที่ถูกจ้องจะรู้ตัวเข้าให้แล้ว หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ แล้วเริ่มหน้าแดงเมื่อถูกจับได้

            "อะ เอ่อ... ระ เรารบกวนคุณสินะคะ ขอโทษนะคะ" เธอยกมือไหว้ปลกๆ แล้วยิ้มแห้งๆอย่างละอาย

            "ใช่ เจ้ากำลังรบกวนเวลาสงบของข้า" เขาพูดย้ำเสียงเข้ม ก่อนจะเริ่มปิดเปลือกตาลงแล้วทำสมาธิอีกครั้ง หญิงสาวได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะนั่งอย่างสงบ ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมรถม้าต่อไป ถึงแม้มันจะน่าอึดอัดที่มีเพียงเธอ และเขาภายในห้องโดยสาร แต่ในเมื่อเขาต้องการความสงบ เธอเองก็คงไม่กล้าที่จะรบกวนเขา

            ทิวทัศน์ของข้างทางนั้นช่างน่าเบื่อ หญิงสาวไม่รู้เลยว่าเธอนั่งมองภาพของทิวแถวต้นไม้ที่เรียงรายกันมานานเท่าไหร่แล้ว และภาพวิวนี้ก็ไม่ยอมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเสียที จนกระทั้งเธอเห็นชายคนหนึ่งขี่ม้าตีคู่รถม้าที่เธอโดยสารอยู่อย่างเร่งรีบ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำยาวและมีผ้าสีดำปิดปากเอาไว้ หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี สัญชาตญาณของเธอบอกว่าคนที่แต่งตัวแบบนี้ไม่น่าไว้ใจ แต่เธอก็ก็ยังเกรงใจชายหนุ่มตรงหน้าที่ต้องการความสงบมากพอที่จะไม่ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์

            แต่แล้วเสียงโครม ก็ดังขึ้นพร้อมๆกับรถม้าที่พุ่งเสียหลักเข้าข้างทาง ม้าที่ไร้คนคุมวิ่งเข้าป่าอย่างตื่นตระหนก ส่งผลให้ห้องโดยสารที่พ่วงท้ายนั้นโคลงเคลงไม่เป็นทิศ ชายหนุ่มที่อยู่ในภวังค์พลันตื่นขึ้น เขารีบตั้งสติแล้วเปิดประตูรถม้า ก่อนจะคว้าตัวหญิงสาวกระโดดออกมาจากรถม้า ก่อนที่รถม้าจะเสียหลักล้มลงพร้อมกับม้าสีน้ำตาลสองตัวที่วิ่งเตลิดเข้าป่าไป

            "คุณเป็นอะไรไหมคะ?" หญิงสาวเอ่ยถามแทบจะทันทีที่ตัวเธอถึงพื้น โดยมีชายตัวสูงเอาตัวเองซับแรงกระแทกขณะกระโดดลงมาด้วยการเอาตัวเองเป็นเบาะให้เธอ

            "อย่าเพิ่งถามอะไร ตอนนี้เราควรวิ่ง" ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นเพราะเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของม้ากำลังไล่หลังมา เขาคว้าข้อมือหญิงสาว แต่เธอกลับขืนตัวนั้นทำให้เขาชักสีหน้าไม่พอใจ หญิงสาวรีบโน้มตัวไปหยิบกระเป๋าผ้าสีขาวพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหวงกระเป๋าใบนั้นมากเหลือเกิน

            "เราไม่อยากทิ้งหลักฐานเอาไว้ค่ะ" เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ พร้อมกับถูกแรงของชายหนุ่มกระชากให้วิ่งตามเขาไป เมื่อได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น เธอก็พบว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าตัวสูงกว่าเธอมาก แถมยังมีแผ่นหลังที่กว้างเสียด้วย ถ้าหากเป็นดารานายแบบ แน่นอนว่าเขาต้องเป็นที่นิยมแน่ๆ แต่ด้วยความสูงที่สูงมากนั้นเองทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการหลบหนี เมื่อเขาต้องคอยเอี้ยวตัวหลบกิ่งไม้ที่อยู่สูงอยู่ตลอด

            "ซ้ายค่ะ!" หญิงสาวร้องเมื่อเห็นชายหนุ่มเอี้ยวศีรษะหลบกิ่งไม้ทางขวา แต่ทว่ากำลังจะชนกับกิ่งไม้ทางซ้าย แต่เมื่อได้ยินเสียของเธอเขาจึงเอี้ยวศีรษะหลบกิ่งไม้ทางซ้าย แต่ก็ไม่พ้นทั้งหมด เขาถูกปลายของกิ่งปาดเข้าที่ใบหน้าจนเป็นรอยเลือดซึม แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดอะไรออกมา

            "มันยังตามมาอยู่ไหม?!" เขาตะโกนถามหญิงสาวที่เริ่มวิ่งช้าลงด้วยความเหนื่อยหอบ เธอหันไปมองด้านหลังที่ฉายภาพป่าทึบ มีแต่ต้นไม้ ไร้ซึ่งแววของผู้คน

            "มะ ไม่ค่ะ ไม่" หญิงสาวพูดระคนเสียงหอบ พร้อมกับฝีเท้าที่ค่อยๆช้าลง เนื่องด้วยชายหนุ่มชะลอฝีเท้า มือของเขายังกำข้อมือของหญิงสาวไว้แน่ พร้อมกับสอดส่ายสายตาไปยังทิศทางที่เพิ่งวิ่งมาเพื่อให้มั่นใจว่าตอนนี้เขาเป็นอิสระจากอะไรก็แล้วแต่ที่กำลังไล่ตามเขามา

            "ระ ระ เรา วะ วิ่ง..... วิ่งหนี..... อะไร... คะ?" หญิงสาวน้อมตัวโลงเอามือเท้าเข่าแล้วหอบหายใจอย่างแรง พร้อมกับพ่นคำพูดระคนเสียงหอบออกมาอย่างสงสัย

            "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน....อาจจะเป็นโจรป่า" ชายหนุ่มพูดแล้วใช้แขนเสื้อซับเหงื่อบนใบหน้า หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองกริยาของชายหนุ่มก่อนจะนึกได้ เธอจึงล้วงมือลงไปในกระเป๋าผ้าที่เปียกหมาดๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าลายหมีสีน้ำตาลเหลืองออกมาแล้วยื่นให้อีกคน

            "คุณมีแผลตรงแก้มซ้ายค่ะ" เธอพูดพร้อมใช้มือชี้ไปที่แก้มข้างซ้าย ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วโป้งซ้ายแตะใบหน้าของตน แล้วมองของเหลวสีแดงที่ติดมาบนปลายนิ้วอย่างไม่ใส่ใจ เช่นเดียวกับผ้าเช็ดหน้าที่ผสมความหวังดีของหญิงสาว เขามองมันอย่างไม่ใส่ใจเช่นกัน

            ".... คืนนี้เราควรจะค้างในป่าก่อน เผื่อพวกมันยังดักรออยู่ด้านนอก... ไว้ฟ้าสว่างค่อยออกจากป่า" ชายหนุ่มพูดถึงแผนการ ก่อนจะเดินนำเข้าลึกไปในป่า หญิงสาวมองตามไหล่กว้างที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปแล้วนึกแปลกใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปให้ทันชายร่างสูง

            "เจ้าชื่ออะไร" เขาถามเมื่อเธอวิ่งมาจนทันเขา

            "ชื่อ.... ชื่อ......" เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน ทำไมกันถึงนึกชื่อตัวเองไม่ออก ในขณะที่ชายหนุ่มลอบมองท่าทางของเธอ เขาไม่แปลกใจนักเพราะคนที่มาจากฝั่งนั้นส่วนมากก็มักจะจำชื่อตัวเองไม่ได้ และไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว

            "ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร..." เมื่อได้ยินจากปากชายหนุ่ม หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าเครื่องแต่งกายของเธอกับเขานั้นไม่เหมือนกันเลย เขาสวมเสื้อสีขาวแขนยาวที่แขนเสื้อพองขึ้นเล็กน้อยเหมือนเสื้อผ้าของขุนนางยุโรปโบราณ และยังสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำที่ประดับด้วยกระดุม และ ลูกไม้สีทอง นั้นทำให้เธอเดาได้ไม่ยากนักว่าเขาคงเป็นคนมีอันจะกินในดินแดนนี้ ซึ่งต่างจากเธอที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงอัดกลีบสีดำ แต่ถึงนั้นจะเพิ่มพูนความสงสัยให้กับเธอ แต่เธอก็ยังไม่กล้าจะถามอะไรกับเขามากนัก

            และแล้วทั้งสองก็เดินจนมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งตรงรากมีโพรงขนาดใหญ่พอให้คนตัวไม่ใหญ่มากหนึ่งคน เข้าไปอยู่ได้อย่างสบายๆ ชายหนุ่มหยุดพักและทิ้งตัวลงที่ข้างๆโพรงไม้ เขานั่งพึงต้นไม้อย่างรู้สึกเหนื่อยล้า นั้นก็เพราะเขาไม่ได้'กิน' มาตั้งแต่เมื่อวาน อีกทั้งเมื่อครู่ยังต้องใช้พลังอย่างมากในการวิ่งหนีเอาตัวรอดอีก ดังนั้นตอนนี้เขาจึงรู้สึกเพลียมากทีเดียว และนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่แสนล่อแหลมสำหรับเขา

            ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งพัก และสงบสติอารมณ์ หญิงสาวเองก็เช่นกัน เธอนั่งลงใกล้ๆกับเขา ก่อนจะเปิดกระเป๋าผ้าดูของด้านในซึ่งมีกล่องข้าวสีขาวขนาดพอดีมือ กระดาษเปียกๆ และสมุดเปียกๆ กับกล่องใส่เครื่องเขียนอีกหนึ่งกล่อง เธอมองพวกมันด้วยความสงสัย ถ้าสิ่งของเหล่านี้เป็นสมบัติของเธอจริง แล้วทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้สักนิด

            "คุณหิวไหมคะ?... ทานด้วยกันไหม?" หญิงสาวเปิดกล่องข้าวสีขาวใบพอดีมือออกแล้วยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลังนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ เธอมองไปภายในกล่องอาหารที่เป็นเส้นผัด แม้จะมีรูปร่างหน้าตาไม่น่ากินนักแต่กลิ่นของมันก็ยังคงหอมเตะปลายจมูก สลับกับมองชายหนุ่ม ที่เขาไม่มีท่าทีอะไรตอบกลับมาเลย ดังนั้นเธอจึงตีความเอาเองว่าความเงียบของเขาคือการปฏิเสธ

            หญิงเผลิดเพลินกับมื้ออาหารของเธออย่างมีความสุข ใบหน้าของเธอยิ้มออกมาอย่างสดใส และเป็นธรรมชาติเมื่อได้กินของอร่อย ในขณะที่หญิงสาวกำลังมีความสุข แต่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธอกลับกำลังทุกข์แสนสาหัส เมื่อเขาเผลอลืมตาแล้วลอบมองใบหน้าที่แสดงอารมณ์อย่างตรงไปตรงมาของเธอ เขาเริ่มหายใจตัดขัด หัวใจเต้นแรง และสติเริ่มพร่าเรือน ความหิวโหยเริ่มเข้ามาเกาะกุม สัญชาตญาณเข้ามาแทนที่สามัญสำนึก ชายหนุ่มจิกเล็บกับพื้นดินแน่นจนได้เลือด เพื่อหวังให้ความเจ็บปวดช่วยเรียกสติ แต่ครั้งนี้น่าเสียดายที่กลับไม่มีอะไรเรียกสติเขาไว้ได้ เขาพุ่งตัวเข้าไปหาหญิงสาว แล้วกดให้เธอนอนหงายลงกับพื้นในทันที

            'หากท่านทำให้แอมเชลแปดเปื้อน ท่านจะไม่มีทางพ้นคำสาปนี้ได้'

            "ว๊ายย!!!" หญิงสาวร้องเสียงหลงและยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เธอมองชายหนุ่มตัวโตตรงหน้าด้วยนัยน์ตาหวาดหวั่น นัยน์ตาสีเงินของเขาดูไม่สดใส และไร้ชีวิตชีวา เขาเลียริมฝีปากอย่างโหยกระหายนั้นทำให้เธอหวาดกลัวหนักขึ้นไปอีก เธอไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ขัดขืนสุดกำลังที่มี ทั้งดิ้น ทั้งเตะ ทั้งถีบ เพื่อให้หลุดพ้นการเกาะกุมของเขา แต่ทว่ามันไม่เป็นผลเลย เพราะเขากลับไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

            "อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ" เธอเริ่มอ้อนวอนเสียงอ่อน เมื่อเขาเริ่มบรรเลงเพลงรักที่เธอไม่ได้ร้องของ เอาซุกไซ้ใบหน้าของเขาเข้ากับเนิ่นอกอิ่มของหญิงสาว และแม้เธอจะร้องของจนเสียงสั่นระคนด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร กลับลงมือทำสิ่งอันอุกอาจต่อไปโดยไร้เมตตา

            สัญชาตญาณสัตว์ป่าของชายหนุ่มมันรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับรู้อะไร เขาใช้มือหนาปลดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกจนเผยให้เห็นชั้นในที่ยังชื่นกับเนินอกขาวของหญิงสาว เขาไม่มีแม้จะพิจมองความงามของสัดส่วนที่พระเจ้าสร้าง เขาเร่งรีบที่จะทำให้เธอเป็นของเขา เพื่อดับความกระหายหิวนี้

            'หากท่านทำให้แอมเชลแปดเปื้อน ท่านจะไม่มีทางพ้นคำสาปนี้ได้'

            เสียงทุ้มของเซนวิกดังเข้ามาในหัวของเชสเตอร์อีกครั้ง เขารู้ดีว่าความเจ็บปวดทรมาณหลังจากต้องสาปนั้นมันสาหัสแค่ไหน แต่ความรู้สึกกระหายโหยของเขาในตอนนี้ก็เจ็บปวดและทรมาณมากเช่นกัน ชายหนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองแน่นสะกดอารมณ์ร้ายของสัตว์ป่าเอาไว้

            "ข้าขอโทษ.." ชายหนุ่มเอ่ยหลังจากที่สงบอารมณ์ได้ แต่ทว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องล่างเขากลับเป็นลมสลบนิ่งไปแล้ว

            แปะ แปะ แปะ

            สายฝนอ่อนๆเริ่มโปรยลงบนผืนป่ากว้าง เชสเตอร์เงยหน้าขึ้นรับน้ำฝนเพื่อล้างความร้อนรุ่มของคำสาปในตัวเขาออก เขามองคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าก่อนจะกึ่งอุ้ม กึ่งลากหญิงสาวเข้าไปในโพรงไม้เพื่อให้เธอไม่เปียกฝน เขาหวังว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอจะจำอะไรไม่ได้ หรือไม่ก็เขาก็น่าจะมีข้อแก้ตัวที่ดีพอที่เธอจะให้อภัย เพราะถ้าหากเธอโกรธเขาขึ้นมา หนทางในการแก้คำสาปของเขาก็คงจะยิ่งริบหรี่ลง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา