สัญญาแห่งรักจากอดีต
เขียนโดย Soman
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.43 น.
แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558 16.41 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) พบกันอีกครั้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเอสรู้สึกตัวมีสติขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็เริ่มค่อยๆมองสำรวจไปรอบๆตัว โอ้..ช่างเป็นบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่นแจ่มใสเสียนี่กระไร ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้ามาทอแสงสีส้มทองสดใส และความอบอุ่นที่มาพร้อมกับแสงแดด อีกทั้งลมเย็นๆกับความชื้นของน้ำค้างในยามเช้าที่ให้ความสดชื่นยามต้องผิวกาย
กลุ่มต้นไม้ทั้งน้อยใหญ่ที่ดูแทบจะเป็นป่าก็ให้ความรู้สึกสงบร่มรื่นเป็นยิ่งนัก เฮ้อ..เขาไม่ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์อย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
"เอ..นี่มัน..เจดีย์นี่นา เจดีย์อะไรหน่ะ องค์เบ้อเร่อเลยแฮะ ใช่แล้ว! นี่ต้องเป็นองค์พระปฐมเจดีย์แน่ๆ เราจำได้ เราเคยไปนมัสการมาก่อน ถึงสภาพแวดล้อมแล้วก็องค์เจดีย์จะดูแตกต่างจากยุคของเราก็เถอะนะ แต่ว่าทำไมมีคนมากันมากจัง"
ตรงหน้าของเขามีเจดีย์องค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ห่างจากตรงที่เขายืนประมาณ 500 เมตร ผู้คนทั้งชายหญิง ต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูแล้วเหมือนกับเพิ่งซื้อมาใหม่ ในมือของแต่ละคนก็ถือธูป,เทียน ดอกไม้หรือพวงมาลัย พากันเดินตรงไปทางเจดีย์องค์ใหญ่ที่เขาเห็นนั้น
แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดที่คนกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังเดินมาจากรถเทียมม้าที่มีชายคนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่
"เอ..นั่นมัน คุณหนูสร้อยทองกับสามพี่เลี้ยงสาวหนิ แล้วนั่นก็คงเป็นพ่อกับแม่ของคุณหนูสร้อยทองสินะ พวกเขาก็คงมาทำบุญที่นี่เหมือนกัน"
ยังไม่ทันที่เขาจะคิดต่อก็มีบทสนทนาเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
"งานมงคลยิ่งใหญ่อย่างนี้ทั้งที ได้มาทำบุญทั้งครอบครัวนี่ ดีจังเลยนะพี่"
"จ๊ะน้องผกา แต่คนเยอะเหลือเกิน พี่ไม่ชอบเลยมันรู้สึกอึดอัด"
"โธ่..พี่ก้อ..นานๆเราจะได้ทำบุญพร้อมหน้ากันทั้งที อย่าหงุดหงิดไปหน่อยเลย"
"พ่อกับแม่หน่ะ เร็วๆหน่อยสิคะ เดี๋ยวคนจะเยอะไปมากกว่านี้นะคะ" สร้อยทองร้องเร่งพ่อกับแม่ของตน
แล้วทั้งครอบครัวก็พากันไปนมัสการองค์พระเจดีย์ และหลังจากพากันกราบไหว้จนเรียบร้อย ก็พากันเดินกลับไปที่รถเทียมม้าที่จอดไว้อยู่ใต้ร่มไม้
"ฮ่าๆๆ หวังว่ามาไหว้คราวนี้คงจะทำให้เรามีกินมีใช้มากขึ้นยิ่งๆขึ้นไปนะ"
"นี่พี่ ทำบุญทั้งที คิดแต่เรื่องแบบนี้หรือไง ไอ้ที่มีอยู่นี่มันก็ใช้ไม่หมดแล้วนะ" แม่ของสร้อยทองต่อว่าสามีของตน
"ก็พี่กลัวหมดหน่ะ ก้อเลยอยากมีอีกเยอะๆ"
"เฮ่อ..ชั้นนี่ไม่รู้จะบอกพี่อย่างไรเลย"
"เฮ้!!... เดี๋ยว!..รอประเดี๋ยวก่อน" เสียงใครคนหนึ่งตะโกนเรียกมาจากข้างหลัง
"หืม?..ใครเรียกหน่ะ" แม่ของสร้อยทองเอ่ยออกมา พร้อมกับที่ทุกคนหันกลับไปมองเจ้าของเสียงข้างหลัง
"นั่นมัน..." ยังไม่ทันที่สร้อยทองจะพูดต่อ ก็โดนแก้วเอามือมาปิดปากไว้
"อย่าค่ะคุณหนู ประเดี๋ยวคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงจะรู้เรื่องที่เราแอบหนีเที่ยวกันนะคะ" แก้วกระซิบบอก
"เอ..นั่นมัน..เจ้า 2 หนุ่มน้อย ที่ชื่อ จันทร์กับเข้มนี่นา" พิศกับอ่อนพากันหันมากระซิบบอกกับแก้ว
"เออ เงียบๆไว้เถอะ" แก้วกระซิบตอบ
"เอ็ง 2 คนมีอะไรรึ?" พ่อของสร้อยทองเอ่ยถาม 2 หนุ่ม
"พวกข้าเห็นถุงผ้าใบหนึ่งหล่นมาจากพวกน้า เลยเก็บเอามาให้"
"โอ้!..นี่มันถุงเงินของชั้นหนิ ขอบใจมากพ่อหนุ่มน้อย ดีจังเลย" แม่ของสร้อยทองร้องบอก
"ดีนะที่พวกข้าเห็นก่อน ไม่งั้น มันอาจจะหายก็ได้ หนักๆอย่างนี้ ถ้าจะมีเยอะ"
"อื้มม..ใครสั่งใครสอนพวกเอ็งมาหล่ะนี่ ถึงได้เป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างนี้ได้" พ่อของสร้อยทองเอ่ย
"พวกข้าเรียนอยู่กับพระครูท่านที่วัดนี่หล่ะ" จันทร์บอก
"เอ...สาวน้อยคนนั้นหน้าตาคุ้นๆแฮะ เราเคยเจอกันมาก่อนแล้วนี่" เข้มชำเลืองมองมาทางสร้อยทอง แล้วพูดทักออกมา
"อะไร ใคร..สร้อยทอง พวกเอ็งรู้จักสร้อยทองงั้นรึ" พ่อของสร้อยทองเหลียวหลังไปมอง แล้วหันมาถาม
"ใช่ พวกข้าเคยช่วยสาวน้อยคนนั้นจากตก..." เข้มยังพูดไม่ทันจบก็โดนแก้วรีบพูดแทรกทันที
"ใช่จ๊ะ ช่วยจากตกต้นไม้น่ะจ๊ะ ตอนนั้นคุณหนูปีนต้นไม้จะไปเก็บมะม่วง แล้วพลัดตกลงมา เจ้า 2 คนนี้ผ่านมาเห็นช่วยไว้ได้ทันพอดี เลยไม่เป็นอะไรจ๊ะ" ทั้งเข้มและจันทร์ทำหน้างุนงงกับการตอบของแก้ว
"ใช่อย่างงั้นจริงๆเรอะอีแก้ว" พ่อหันไปถามแก้วย้ำอีกครั้ง ในขณะที่แก้วกับพิศและอ่อนก้มหน้าไม่กล้าสบตา
"จ..จ๊ะ"
"แล้วนี่ลูกไปปีนเก็บเองทำไม คนรับใช้ก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่ให้พวกมันเก็บให้" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง
"ก้อ..คือ..ตอนนั้นพวกพี่ๆเขายุ่งกันอยู่หน่ะค่ะ สร้อยก็เลยปีนขึ้นไปเก็บเอง เห็นว่ามันอยู่ไม่สูงนักหน่ะค่ะ" สร้อยทองตอบแบบอ้ำอึ้ง
"เฮ้อ..ลูกสาวชั้น ทำไมถึงซนอย่างนี้นะ" แม่ของสร้อยทองบ่น
"อืม...เอาหล่ะๆ ยังไงๆก็ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วหล่ะ ชั้นต้องขอบใจหนูทั้งสองคนมากนะ แล้วชื่ออะไรกันบ้างหล่ะ" พ่อของสร้อยทองกล่าวขอบใจ
"ไม่เป็นไรครับ พระครูท่านสอนไว้ว่า ถ้าพบเห็นผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ให้ช่วยเหลือเท่าที่เราจะทำได้ แล้วก็ชั้นชื่อจันทร์ ส่วนเจ้านี่ชื่อเข้ม" จันทร์ตอบ
"อุ๊บ๊ะ..ท่านสอนคนได้ดีจริงๆ ถูกใจข้านัก ดี ดี"
"แล้วเราจะตอบแทนเค้ายังไงดีคะพ่อ" สร้อยทองเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เพราะเห็นว่าพ่อถูกใจหนุ่มทั้ง 2 คนนั้น
"เอาไว้วันหลังข้าจะให้คนรับใช้ มาตามพวกเอ็งไปกินข้าวที่บ้านนะ"
"อ้าว..แล้วทำไมไม่ชวนซะวันนี้เลยล่ะพี่" แม่ของสร้อยทองถาม
"วันนี้พี่มีธุระต้องรีบไปทำ คงไม่สะดวก ยังไงเราก็รู้ที่อยู่แล้ว ตามไม่ยากหรอกน่า" พ่อหันมาพูดกับแม่
"คนแถวนี้ ใครๆก็รู้จักพวกชั้นกันทั้งนั้นหล่ะ" จันทร์บอก
"ยังไงก็ต้องขอบใจพวกเอ็งทั้งสองคนอีกครั้งนะ พวกข้าไปก่อนหล่ะ"
แล้วทั้งหมดก็พากันเดินไปขึ้นรถเทียมม้า สร้อยทองได้หันมามองจันทร์และเข้มพร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนที่จะก้าวขึ้นไป เมื่อขึ้นกันครบทุกคนแล้ว รถเทียมม้าก็เคลื่อนตัวออกไปจากสถานที่แห่งนั้น โดยมีสายตาของ 2 หนุ่มน้อย มองตามรถเทียมม้าไปอย่างสนใจ
"เฮ้ย น้องสร้อยทองนี่ น่ารักดีนะ แกว่างั้นมั้ยวะ" จันทร์บอกเพื่อน
"เออว่ะ แถมยังหันมายิ้มให้ข้าด้วยว่ะ" เข้มตอบทำสีหน้ายิ้มฝันหวาน
"พูดบ้าๆ แกน่ะ เธอยิ้มให้ข้าต่างหากหล่ะเว้ย" จันทร์เถียงกลับด้วยสีหน้าที่ยิ้มฝันหวานเช่นกัน
"แกแหละว่ะ ที่บ้า" เข้มตอบ
“เอ..แล้วพวกนั้นทำไมต้องโกหกเรื่องน้องสร้อยทองตกต้นไม้ด้วยวะ” เข้มถามต่อ
“สงสัยพ่อคงจะดุมั้ง แอบหนีเที่ยวกันหล่ะสิ”
"ข้าก็คิดอย่างแกนั่นแหละว่ะ เอ้อ..ว่าแต่ แต่งตัวก็แปลกๆแถมยังมีรถม้าด้วยอย่างนี้ ข้าว่าคงจะเป็นพวกเจ้าใหญ่นายโตแน่ๆเลยว่ะ"
"ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ไปกันเถอะว่ะ"
“เออ”
แล้วทั้งสองก็หันหลังเดินกลับไป
แล้วภาพทั้งสองที่กำลังเดินไกลออกไป ไกลออกไป ก็ค่อยๆจางหายไป กลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง
แล้วเอสก็ตื่นขึ้นมาด้วยความสุขอิ่มอกอิ่มใจอย่างแปลกประหลาด ตื่นขึ้นมาเช้านี้เขารู้สึกสดชื่นเหลือเกิน.
ประวัติองค์พระปฐมเจดีย์
<{พระปฐมเจดีย์เป็นปูชนียสถานอันสาคัญของประเทศไทย อยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร เป็นพระมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
การที่ได้ชื่อว่าพระปฐมเจดีย์นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ทรงสัณนิษฐานว่า น่าจะเป็นพระเจดีย์เก่ากว่าพระเจดีย์อื่นๆ ในประเทศสยาม สันนิษฐานว่าสร้างสมัยทวาราวดี ตั้งอยู่ที่เมืองนครไชยศรีในสมัยก่อน ปัจจุบันอยู่ในอําเภอเมืองนครปฐม องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ใหญ่ รูประฆังควํ่าปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุงรัดด้วยโซ่เส้นมหึมา ก่ออิฐถือปูนประดับด้วยกระเบื้องปูทับ ประกอบด้วยวิหาร 4 ทิศกําแพงแก้ว 2 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นที่เคารพสักการบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก
ทางวัดกําหนดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ในวันขึ้น 12 คํ่า เดือน 12 ถึง วันแรม 5 คํ่า เดือน 12 รวม 9 วัน 9 คืน เป็น ประจําทุกปี
ซึ่งตามบทนิยายในตอนที่ 8 นี้ ตรงกับปี พ.ศ. 2450 วันที่ 16 - 24 ธันวาคม}>
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ