ร้านวิจารณ์นิยาย By มิกซ์จิมี่

9.6

เขียนโดย Prinkipas

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 16.27 น.

  8 chapter
  38 วิจารณ์
  11.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 17.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) วิจารณ์เรื่อง The Red Eye Blood ดวงตาแดงเลือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

สวัสดีอีกครั้งครับ บลัดลาซ

 

          เนื่องจากนิยายเรื่องที่บลัดลาซส่งมาให้มิกซ์วิจารณ์มีเรื่องที่ควรปรับปรุงเยอะมากอย่างที่มิกซ์บอกบลัดลาซไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งบลัดลาซบอกว่ารู้ตัวเองดีและต้องการคำแนะนำอย่างเต็มที่ ฉะนั้นมิกซ์ก็จะวิจารณ์ให้โดยแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อด้วยกัน เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและแก้ไขไปทีละประเด็นนะครับ

 

          ก่อนที่จะวิจารณ์ในส่วนของเนื้อหา 5 ประเด็นนั้น มิกซ์อยากบอกว่าชื่อเรื่องยังไม่เป็นที่น่าสนใจพอนะครับ ที่อยู่ๆมาท้วงชื่อเรื่องแบบนี้เพราะบลัดลาซบอกว่าฝันอยากจะตีพิมพ์นิยาย ดังนั้นชื่อเรื่องเป็นประตูบานแรกที่สำนักพิมพ์แต่ละที่จะพิจารณาส่งพิมพ์ และเช่นเดียวกับผู้อ่านทุกคน เวลาจะอ่านหนังสือสักเล่มแน่นอนว่าชื่อเรื่องนั้นต้องดึงความสนใจได้มากพอที่จะอ่าน ซึ่งชื่อเรื่องที่บลัดลาซตั้งนั้น ไม่ได้ผิดพลาดอะไร จะตั้งแบบนี้ก็ได้ครับ เพียงแค่ไม่น่าสนใจ และไม่น่าจำจดเท่าที่ควร

 

“ดวงตาแดงเลือด”

          อืมม.. จะว่ายังไงดีล่ะ ฟังดูขัดใจมิกซ์แปลกๆ หากเปลี่ยนเป็น “นัยน์ตาสีเลือด” ทำนองนี้จะเข้าท่ากว่า เนื่องจากทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเลือดมันเป็นสีแดง ไม่ต้องย้ำว่า แดงเลือด ก็ได้ครับ

 

          เช่นเดียวกับชื่อภาษาอังกฤษ

“The Red Eye Blood” อันนี้ไม่รู้ในภาษาอังกฤษนั้นถูกหลักไวยากรณ์ไหม มิกซ์ก็ไม่แน่ใจแต่มันฟังดูแปลกพอๆกับ ดวงตาแดงเลือดเลยครับ

 

          ที่จะบอกคือในภาษาอังกฤษคงไม่เรียกสีเลือดว่า Red blood ละมั้ง มิกซ์เคยเจอคำนึงที่น่าสนใจกว่าคือคำว่า Incarnadine (อ่านว่า อินคาร์นาดีน) มีความหมายตรงตัวว่าสีแดงเข้มปนน้ำตาลคล้ายกับเนื้อวัวดิบครับ ซึ่งคำนี้เคยมีนักเขียนชื่อดัง Shakespeare ผู้แต่งนิยายเรื่อง Macbeth โดยเขาได้ให้ความหมายของ Incarnadine ว่าเลือดสีแดงนั่นเอง

 

          นั่นเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าในภาษาอังกฤษมีชื่อจำเพาะของสีมากมายที่มีชื่อเรียกเฉพาะเยอะมาก เหมือนกับภาษาไทยที่มีชื่อ สีบานเย็น สีโอรส หรือสีกากี เป็นต้น ซึ่งหากเราใช้ศัพท์แปลกใหม่มาเป็นชื่อเรื่องนิยายของเรามันจะทำให้นิยายมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากหนังสือทั่วไปที่มีแต่ศัพท์ง่ายๆพวก Red หรือ Blood ที่เห็นได้เกลื่อนกลาด

 

          ในที่นี้หากจะให้มิกซ์แนะนำชื่อเรื่องที่ใกล้เคียงชื่อเดิมและน่าค้นหามากขึ้นคือ “The Incarnadine Eye นัยน์ตาสีเลือด” น่าจะดูดึงดูดมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับบลัดลาซตัวผู้แต่งเองว่าจะเอาชื่อเรื่องแบบไหน มิกซ์แค่แนะนำเพื่อจะได้นำไปปรับใช้กับเรื่องอื่นนะ เรื่องนี้ชื่อเรื่องจริงๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อาจจะเข้าใจง่ายและดึงดูดคนอื่นได้มากกว่า ซึ่งก็แล้วแต่คนจะเลือกอ่าน  ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเชื่อคำแนะนำของมิกซ์ทั้งหมดนะครับ สำหรับนิยายบางเรื่องการใช้คำง่ายๆสั้นๆกระฉับและคุ้นเคย ก็อาจจะเป็นที่น่าสนใจมากกว่า ชื่อที่ให้ศัพท์แปลกๆอย่างที่มิกซ์แนะนำก็เป็นได้

 

          เอาล่ะ จบชื่อเรื่อง.. แค่ชื่อเรื่องก็วิจารณ์เกินเลยไปเยอะ ขออภัย ^^; ทำใจไว้ก่อนนะครับร้านนี้มิกซ์วิจารณ์ให้ลูกค้ายาวเหยียดทุกเรื่อง

 

          เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเข้าในส่วนบทนำสองบรรทัดของบลัดลาซกันก่อนที่จะไปในส่วนของเนื้อหา..... ใจเย็นๆอย่าเพิ่งอกแตกตายครับ หายใจเข้าลึกๆนะ

 

“เมื่อวันนึงที่เป็นวันแสนธรรมดา..”

          ควรทำให้ประโยคกระฉับกว่านี้ เช่น “ในวันแสนธรรมดาวันหนึ่ง..”

 

“ที่ทำให้ตกใจเพราะเจอหญิงสาวผมแดงนอนจมกองเลือดฉันที่เข้าไปช่วย..”

          อืมมม.. ในประโยคนี้อะไรที่ทำให้ตกใจครับ? หากเอาไปต่อกับประโยคแรก เท่ากับว่า วันธรรมดาทำให้ตกใจเหรอ? ที่จะบอกคือบลัดลาซยังต้องปรับปรุงในส่วนของการเรียงประโยคที่ไม่ลื่นไหลและเข้าใจยากพอสมควร

 

          และที่บอกว่าหญิงสาวผมแดงนอนจมกองเลือดฉันที่เข้าไปช่วย.. สองประโยคนี้พิมพ์ติดกันจนทำให้คนอ่านอย่างมิกซ์สับสน อ่านทีแรกก็ตกใจว่า เดี๋ยวนะ..? หญิงสาวคนนั้นนอนจมกองเลือดฉัน? ตกลงคือเลือดของหญิงสาวหรือเลือดของฉันกันแน่? นี่เป็นตัวอย่างของการไม่เว้นวรรคตอน ทำให้เกิดความสับสนได้ครับ ควรเว้นวรรคประโยคให้ถูกต้องด้วยนะ

          หากรวบรวมประโยคทั้งหมดที่แก้ไขแล้ว ควรเป็นแบบนี้ “ในวันแสนธรรมดาวันหนึ่ง เกิดเรื่องน่าตกใจขึ้นเนื่องจากมีหญิงสาวผมแดงนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า!! ฉันได้เข้าไปช่วยเธอทำให้เรื่องราวต่อจากนั้นเปลี่ยนชีวิตของฉัน และไม่ใช่วันธรรมดาๆอีกต่อไป”

 

          อืม... ฟังดูเวิ่นเว้อมากๆ ไม่รู้ควรแนะนำบลัดลาซยังไงดี บทนำที่บลัดลาซต้องการจะสื่อแม้ว่ามิกซ์จะเอามาแก้ไขยังไงก็ดูขัดตาอยู่ดี หากจะให้กระชับได้ใจความจริงๆ บอกแค่ว่า “หญิงสาวผมแดงที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าทำให้ชีวิตของคนธรรมดาของฉันที่หวังเพียงเข้าไปช่วยเธอในครั้งนั้น เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง” อะไรทำนองนี้ดีกว่า..

 

          สิ่งที่อยากแนะนำสำหรับบทนำสองบรรทัดของบลัดลาซนั่นคือ

อย่าใช้คำเวิ่นเว้อ ฟุ้มเฟือย (ที่บรรยายว่าวันหนึ่งที่แสนธรรมดาอะไรแบบนั้น ดูเชยมากกับการขึ้นต้นเรื่องราวครับ เหมือนกับการเล่านิทานว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกระต่ายตัวหนึ่ง อยู่ในบ้านหลังหนึ่ง อะไรหนึ่งๆอึ่งๆๆ แบบนั้นดูไม่เข้าท่าและไม่ชวนดึงดูดให้อ่านต่อเลยครับ)

          ลองเปลี่ยนเป็นการขึ้นต้นเรื่องแบบอื่น เช่น

“ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อพบกับร่างจมกองเลือดของหญิงสาวปริศนาผมสีแดง”

          หรือ

“ร่างของหญิงสาวผมแดงคนนั้นที่อาบไปด้วยเลือดทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย ทว่าการกระทำแบบนั้นกลับทำให้ชีวิตของฉันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ”

          อะไรทำนองนี้.. ดีกว่านะครับ

 

หมายเหตุ : “วันนึง” เป็นภาษาพูดไม่ควรนำมาใช้ครับ ในนิยายควรใช้ “วันหนึ่ง” จึงจะถูกต้อง

 

          สิ่งที่มิกซ์สังเกตได้จากบทนำสองบรรทัดของบลัดลาซแสดงให้เห็นว่าบลัดลาซอ่านหนังสือน้อยไปครับ ไม่ได้จะดุด่าอะไรนะ แค่อยากแนะนำว่าการเป็นนักเขียนที่ดีควรศึกษาค้นคว้าและอ่านหนังสือหรือบทความของคนอื่นให้มากๆ และไม่ใช่แค่อ่านอย่างเดียวควรจะมองหาประโยคหรือการบรรยายที่ตัวเองชอบแล้วนำมาปรับใช้กับการเขียนนิยายของตัวเอง เพราะหากเราอ่านมาน้อยมีองค์คำศัพท์น้อย แม้จะมีความคิดสร้างสรรค์มากแค่ไหนแต่การที่จะสื่อออกมาให้ทุกคนเข้าถึงจินตนาการของเราได้ เราต้องมีการเรียบเรียงเนื้อหาและภาษาที่ลื่นไหลและเข้าใจง่ายกว่านี้ครับ

 

          ทั้งหมดที่วิจารณ์มาข้างต้นเป็นเพียงส่วนของชื่อเรื่องและบทนำสองบรรทัดเท่านั้น.. เห็นไหมล่ะมิกซ์บอกแล้วว่ายาว.. กับการวิจารณ์นิยายของบลัดลาซเรื่องนี้หากจะให้เอาทุกองค์ประกอบจริงๆมิกซ์ว่ามิกซ์อาจจะชักตายก่อน เพราะฉะนั้นจะขอรวบรวมเป็นหัวห้อทั้ง 5 ข้อบกพร่องที่บลัดลาซควรปรับปรุง ดังนี้

 

  1. 1.คำผิดมหาศาล

          อันนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆๆ สำหรับการเขียนนิยายหรือบทความอะไรก็ตาม แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนมีผิดพลาดกันได้โดยไม่ได้ตั้งใจ และการจะเผยแพร่นิยายหรือบทความนั้นควรมีการตรวจเช๊คให้รอบคอบก่อนอัพลง หรือแม้กระทั่งอัพลงไปแล้วก็ควรมีการรีเช๊คอีกหลายๆครั้งหากมีข้อผิดพลาดก็ให้รีบแก้ไข ยิ่งกับการส่งให้สำนักพิมพ์แล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอันดับต้นๆเลยครับ แม้ว่านิยายเรื่องใดถูกเขียนให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากแค่ไหนก็ตามหากมีคำผิดมากมายแทบทุกหน้าถือว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญสุดๆ และสำนักพิมพ์บางแห่งที่ตรวจพบคำผิดมากๆอาจจะถึงขั้นโยนทิ้งไม่อ่านต่อเลยก็ได้

 

          แต่นิยายของบลัดลาซมิกซ์อ่านแล้วอยากจะร้องไห้ คำผิดมากมายก่ายกองยิ่งกว่านิยายเรื่องอื่นๆที่มิกซ์ทำการวิจารณ์มาอีกครับ เป็นคำผิดที่เกิดจากการเข้าใจผิดและเขียนแบบผิดๆมาตลอด ไม่เหมือนของคนอื่นที่ผิดเฉพาะคำที่ไม่ได้ใช้กัยบ่อยๆอะ

 

          คืออย่างที่มิกซ์บอกไปก่อนหน้านี้บลัดลาซควรอ่านหนังสือให้มากๆ สะสมคลังคำศัพท์ที่ถูกต้องให้เยอะ หากคำไหนไม่มั่นใจว่าจะเขียนถูกควรเปิดพจนานุกรมหรือกลูเกิ้ลเพื่อค้นหาคำที่ถูกต้องครับ

 

          อยากจะย้ำว่าเรื่องนี้สำคัญมากจริงๆนะ บลัดลาซเขียนผิดเยอะมาก อาทิเช่น (ความรับ ต้องเป็น ความลับ) (ท่า ต้องเป็น ถ้า) (ป่าว ต้องเป็น เปล่า) (ซักอย่าง ต้องเป็น สักอย่าง) (ลิมหน้าต่าง ต้องเป็น ริมหน้าต่าง) เป็นต้น

 

          ซึ่งแนะนำอีกอย่างว่าบลัดลาซควรพิมพ์ในโปรแกรม Microsoft Word ก่อน เพื่อที่ว่าหากมีคำผิดเกิดขึ้นโปรแกรมจะขีดเส้นใต้สีแดงเป็นเส้นหยักเพื่อเตือนให้เห็นว่าคำนั้นเราพิมพ์ผิดนะ ยกเว้นแต่ว่าเป็นคำทับศัพท์หรือชื่อคนที่ถ้ามันขีดเส้นแต่เรามั่นใจว่ามันไม่ผิดก็ไม่ต้องไปแก้

 

          นอกจากคำผิดมากมายมหาศาลเล่านั้น มีคำที่คล้ายคลึงกันจนหลายคนสับสนในภาษาไทย แม้จะเป็นภาษาบ้านเกิดก็เห็นมีคนใช้ผิดกันเยอะ แต่ในการเขียนนิยายหรือบทความเราควรทำให้มันถูกต้องเพราะเมื่อเราเผยแพร่ออกไปคนอ่านจะได้ไม่นำการใช้ผิดๆของเราไปใช้ต่อ

          เช่น

การใช้ นี่/ นี้ การใช้ ค่ะ/คะ การใช้ จ่ะ/จ๊ะ การใช้ น่ะ/นะ

          คำเหล่านี้มักถูกมองข้ามด้วยความขี้เกียจของคนไทยบางกลุ่มที่ไม่ยอมศึกษาและใช้ให้ถูกต้อง และกรณีบลัดลาซมิกซ์ขอย้ำอีกครั้งว่าควรอ่านหนังสือให้มากขึ้นๆ จะทำให้ซึมซับการใช้คำที่ถูกต้อง เพราะคำเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่ทางสำนักพิมพ์จะพิจารณาในการจะพิมพ์หนังสือด้วยเช่นกัน

 

  1. 2.การบรรยายเพี้ยน

          นอกจากคำผิดแล้วจากการที่อ่านนิยายเรื่องนี้มิกซ์รู้สึกได้ตั้งแต่อ่านตอนแรกเลยว่าบลัดลาซดูแต่การ์ตูน!! ใช่ไหม? สารภาพมาซะดีๆ เพราะการบรรยายของบลัดลาซนั้นดูไม่เหมือนนิยายแต่เหมือนเป็นแค่บทของตัวการ์ตูนที่จะนำไปใช้ในการผลิตฉากอนิเมชั่นซะมากกว่า

 

          หากบลัดลาซไม่รีบแก้ไขในส่วนนี้มิกซ์แนะนำให้ไปเขียนบทการ์ตูนน่าจะรุ่งกว่าเขียนนิยายครับ ถึงอย่างนั้นแม้แต่จะเขียนบทการ์ตูนก็ยังดูยากเกินไปสำหรับบลัดลาซในตอนนี้อยู่ดี ทำไมมิกซ์ถึงบอกแบบนี้น่ะเหรอ

          นั่นก็เพราะบลัดลาซเอาแต่บรรยายถึงตัวเอกเป็นหลัก ทุกฉากทุกตอนมีตัวเอกดำเนินเรื่องอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งการทำแบบนี้เป็นที่นิยมในการใช้ผลิตการ์ตูนแต่ถึงอย่างนั้น การ์ตูนที่ดีก็ต้องมีเรื่องราวรอบข้างประกอบเพื่อเพิ่มอรรถรสและสีสันให้เรื่องราวมากกว่านี้ สิ่งที่อยากจะแนะนำในหัวข้อนี้คือบลัดลาซควรอธิบายฉากหรือตัวประกอบให้มากกว่านี้ครับ

 

          อย่างตอนเริ่มต้นเรื่องมาบลัดลาซเอาแต่แนะนำตัวเองว่าชื่อนี้ อายุเท่านี้ เรียนปีนี้ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในหอพักหนึ่ง

          ซึ่ง.. หากจะให้นิยายมีความน่าสนใจควรตั้งชื่อโรงเรียนหรือ ชื่อหอพัก บอกผู้อ่านสักหน่อยว่าโรงเรียนนี้เป็นหญิงล้วน หรือชายหญิง มีแต่เด็กรวย หรือเด็กเกเร หรือเป็นเพียงโรงเรียนธรรมดา แต่มีหอพักทั้งหมดสามสี่ห้าหกหอ แต่ละหอจะมีกี่คน มีชมรม หัวหน้าหอพัก ผู้ดูแล แบ่งเป็นสีประจำหอ บลาๆๆ อะไรแบบนั้น แล้วค่อยเจาะไปว่าตัวเอกของเราอยู่หอที่มีผู้พักร่วมสี่คน ไม่ใช่บอกว่า

“ฉันจะต้องอยู่คนเดียวในหอพักคนเดียวตั้งแต่วันนี้แต่ไม่เชิงอยู่คนเดียว..บลาๆๆ” เอ้า!! ตกลงอยู่คนเดียวหรือไม่อยู่คนเดียวเอาให้แน่สิครับ อย่าบรรยายให้ตัวเอกเหมือนคนเมายาแบบนี้คนอ่านก็งงตาแตกน่ะสิ

 

          ที่จะบอกคือบลัดลาซควรนึกไปทีละย่อหน้าเลยว่าแต่ละย่อหน้าต้องการจะบอกอะไรกับผู้อ่านบ้าง ไม่ใช่มานั่งเทียนเขียนทีละคำทีละประโยค ผลก็จะออกมาอย่างที่ยกตัวอย่างไปคือ ผู้แต่งยังเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยว่าต้องการให้ตัวเอกอยู่คนเดียวหรือไม่อยู่คนเดียว แต่ในเมื่อคิดไปพิมพ์ไปมันเลยออกมาเหมือนอารมณ์ตัวเอกเมายากันยุงซะอย่างงั้น

          ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเอกเมายาผู้เขียนหรือตัวบลัดลาซเองควรจะคิดให้มั่นคงชัดเจน ตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าเออ! ตัวเอกของฉันย้ายโรงเรียนมาใหม่คนเดียวนะ ไม่มีเพื่อนมา แต่ว่าที่หอพักมีคนอื่นอยู่ด้วยกันสี่คน .... พอนึกได้เป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้แล้วบลัดลาซค่อยเขียนครับว่า ตัวเอกมาคนเดียวฉายเดี่ยวเฟี้ยวฟ้าวแต่มาอยู่ร่วมกับคนอื่น บลาๆๆ ไม่ใช่บอกว่าอยู่คนเดียวในหอคนเดียวแต่ไม่เชิงคนเดียว เอี่ยวๆๆๆ @___@

 

          โอเค ขอจบประเด็นนี้ไปละกันก่อนที่มิกซ์จะเมายาคนเดียว มาที่อีกประเด็นนึงนอกเหนือจากคำผิด และคำบรรยายเพี้ยนแล้วนั่นก็คือ...!!

 

  1. 3.ลำดับภาษาเบี้ยว

          สิ่งสำคัญอีกอย่างที่จำเป็นต้องแก้ไขโดยด่วนจี้เลยคือลำดับภาษาและการใช้ภาษาที่ถูกต้อง... (อย่าเพิ่งไล่มิกซ์ไปเป็นครูสอนภาษาไทยนะ มิกซ์ก็เคยตกวิชาภาษาไทยมาเหมือนกัน Q_Q)

 

          ในการเขียนหรือแต่งนิยาย ถ้าจะให้ถูกต้องเหมาะแก่การนำไปตีพิมพ์ควรใช้ภาษาเขียนครับ ไม่ใช่ภาษาพูด หรือภาษาแชท

 

          จากการอ่านโดยไม่ต้องสังเกต มิกซ์ก็เห็นได้ชัดเลยว่าบลัดลาซอ่านหนังสือน้อย!! (ย้ำหลายรอบจนจะโดนบลัดลาซเอาปากกาแทงคอตายอยู่ละ ;w; อย่าเพิ่งโกรธมิกซ์นะแนะนำด้วยความหวังดีเท่านั้นเอง..)

 

          คือบลัดลาซใช้ภาษา (อะจ่ะ อะนะ อ๊ะนั้น) อะไรแบบนี้เยอะมากกกกก จริงๆไม่ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้เลย มันใช้ได้กับในบทสนทนาครับ แต่ในส่วนของการบรรยายไม่ควรจะมีนะ

 

          ในนิยายขอบอกตามตรงเลยว่ามันน่ารำคาญ..... ไม่ได้รำคาญบลัดลาซนะ รำคาญภาษาที่ใช้ เนื่องจากมันไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในนิยายจริงๆ นิยายของบลัดลาซเหมือนตัวเอกคุยกับผู้อ่านตลอดเวลาซึ่งมันทำให้ดูไม่สมจริง (เนื่องจากผู้อ่านไม่ได้เข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับตัวละครด้วย จะมาพูดคุยกับฉันทำม๊ายยย แกก็ดำเนินเรื่องของแกไป ฉันแค่นั่งดูนั่งอ่านเฉยๆเฟ้ยยย!!) .....เอิ่ม....อารมณ์แบบ...

 

          เทียบว่าผู้อ่านคือเทวดาบนสวรรค์ที่นั่งมองเรื่องราวของตัวเอกผ่านลูกแก้ววิเศษอะครับ คือผู้อ่านสามารถรับรู้ทุกอย่างโดยที่ตัวละครไม่ได้มานั่งพูดคุยกับผู้อ่าน ฉะนั้นอยากให้ระลึกไว้เสมอว่าผู้อ่านไม่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินเรื่องของนิยาย

 

          ฉะนั้นไม่ควรให้ตัวละครมาพูดคุยสนทนากับผู้อ่าน อาจจะมีบางเรื่องที่ตัวละครแนะนำตัวกับท่านผู้ชมอะไรแบบนั้น ก็ไม่ใช่เรื่อผิด แต่หลังจากแนะนำตัวแล้ว ในส่วนอื่นๆผู้แต่งหรือบลัดลาซควรเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวหรือให้ตัวละครดำเนินเรื่องของตัวเองไปโดยไม่รู้ว่ามีผู้อ่านอ่านชีวิตของตัวเองอยู่อะ.. บอกไม่ถูก ถ้าจะข้ามหัวข้อนี้ไปก็ได้ มิกซ์ก็เคยเจอหลายเรื่องใช้การบรรยายแบบนี้เยอะ แต่โดยส่วนตัวมิกซ์คิดว่าในนิยายของบลัดลาซไม่ควรมีภาษาแชทมากเกินไป มีเฉพาะในบทสนทนาระหว่างตัวละครกับตัวละครเองเท่านั้นก็พอครับ

 

          ต่อไปอีกอย่างนึงที่สำคัญรองลงมาจากการบรรยายและคำผิดนั่นก็คือ สัญลักษณ์!!

 

  1. 4.สัญลักษณ์ไม่สมประกอบ

          จากการอ่านนิยายของบลัดลาซตอนแรกมิกซ์ก็ไม่ทันสังเกตคิดว่าลืมใช้ธรรมดา กับสัญลักษณ์ที่ใช้เปิดปิดบทสนทนาหรือที่เรียกว่า ฟันหนู >> “แบบนี้”

ไม่รู้เป็นเพราะมันเด้งแบบระบบมีปัญหาตอนอัพรึเปล่าแต่บลัดลาซไปเช๊คหน่อยนะ คือทุกตอนมันมีแต่ฟันหนูเปิดประโยค แต่ไม่มีส่วนที่ปิดประโยคอะครับ แต่ถ้าเป็นเพราะความไม่รู้ก็จะบอกให้รู้ว่าเปิดแล้วควรปิดทุกประโยคนะครับผม

 

          นอกจากนี้การเว้นบรรทัดทุกๆบทสนทนา จริงอยู่ที่มันทำให้นิยายของเราดูสะอาดตาอ่านง่าย (มิกซ์ก็เคยทำ) แต่จากคำแนะนำของคนๆนึงที่มิกซ์ได้รับทอดมาอีกที เขาบอกว่านิยายไม่จำเป็นต้องเว้นบรรทัดทุกบทสนทนาครับ แล้วเคยไปอ่านคำแนะนำการส่งนิยายให้สำนักพิมพ์พิจารณาก็เคยมีระบุว่าไม่ควรเคาะทุกบทสนทนาแบบนี้ด้วยเช่นกัน

 

          และเมื่อมิกซ์ได้ลองสังเกตนิยายเรื่องอื่นๆที่ตีพิมพ์ทั้งทั้งเรื่องที่โด่งดังและไม่ดังก็ตาม ทุกเล่มไม่ได้เว้นบรรทัดบทสนทนาแบบนี้ทุกประโยคครับ ฉะนั้นสิ่งที่จะบอกคือลองไปอ่านหนังสือเพิ่ม แล้วสังเกตแบบมิกซ์ว่าเขาเอาประโยคสนทนาไปแทรกกับคำบรรยายยังไงให้เหมาะสม และไม่ต้องมาเว้นทุกบรรทัดแบบ เคาะขึ้นบรรทัดใหม่ตลอดแบบนี้อะ ลองศึกษาดูนะครับ

 

  1. 5.ความสมเหตุสมผลอยู่หนใดหรือ?

          อืมม.... พิมพ์มาเรื่อยเปื่อยจนถึงข้อสุดท้ายแล้วเหรอเนี่ย รู้สึกยังมีอะไรมากมายที่อยากแนะนำแต่เริ่มง่วงแล้วสิ –w-

 

          ตามหัวข้อเลยครับความสมเหตุสมผลอยู่หนใด? มิกซ์อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกขัดแย้งในหลายๆฉาก เช่น การที่มิซาเนะไปเจอสาวผมแดงจมกองเลือด แล้วบอกจะพาไปโรงพยาบาล

นี่คือประเด็นแรก.. คำถามคืออยู่โรงเรียนไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมไม่พาไปห้องพยาบาลในโรเรียนก่อน หรือแจ้งอาจารย์ก่อน หรืออาจจะปฐมพยาบาลก่อน หรือโทรเรียกรถพยาบาลมารับเอาล่ะ สะดวกกว่าไหม?

 

          ทำไมเจอคนเจ๊บปุ๊บมิซเนะถึงคิดจะพาไปโรงพยาบาลทันที? ไม่ได้จะกวนประสาทนะครับ แต่ถ้าลองคิดตามความเป็นจริงแล้ว สมมติว่าบลัดลาซเป็นมิซาเนะเป็นเด็กม.ต้นที่เจอใครไม่รู้นอนจมกองเลือดในโรงเรียน ความคิดแรกคือจะพาไปโรงพยาบาลเลยเหรอ ไปยังไงครับ นั่งรถไป ขับไปเอง? หรือยืนรอรถเมล์แบกเขาขึ้นรถ หรืออุ้มวิ่งไป?

 

          อย่างที่บอกว่าไม่ได้กวนประสาทนะครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วหากใครก็ตามเป็นมิซาเนะคงไม่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนั้นแน่นอนนอกเสียจากว่าในตอนที่เจอสาวคนนั้นไม่มีใครอยู่รอบข้างเลยไม่มีใครอยู่ที่โรงเรียน อาจารย์ รปภ. หรือหมอประจำห้องพยาบาลก็ไม่มี... อารมณ์แบบโรงเรียนร้าง หรือมิซาเนะมาเรียนทั้งที่ไม่รู้ว่าโรงเรียนหยุดอะไรแบบนั้น กรณีนี้จะรีบหาทางพาไปโรงพยาบาลก็คงไม่แปลก แต่เหตุการณ์นี้ยังไม่ขาดแคลนขนาดนั้นครับ แน่นอนว่าทุกโรงเรียนถ้าไม่กันดารขนาดอยู่ในหุบเขาก็ต้องมีห้องปฐมพยาบาลแน่ๆ และโดยทั่วไปนักเรียนเจอเหตุการณ์แบบนี้ควรแจ้งอาจารย์ก่อนสิ เกิดคนที่เจอเป็นผู้ร้ายข้ามชาติแหกคุกมาอะไรแบบนั้นนักเรียนม.ต้นที่อ้างว่าตัวเองเป็นนักเรียนธรรมดาคงรับผิดชอบชีวิตใครไม่ไหวหรอกครับ

 

          แล้วการที่มิซาเนะเป็นลูกหมอ เรียนการทำแผลมาก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถรับผิดชอบชีวิตคนๆนึงได้จริงๆครับ ใครจะรู้ว่าแผลอาจเกิดการติดเชื้อเมื่อไหร่ก็ได้ แม้จะบอกว่าทำแผลอย่างดีแต่ก่อนหน้านี้สาวคนนั้นไปนอนจมกองเลือดคลุกดินคลุกทรายที่ไหนมาก็ไม่รู้ ไม่ว่ายังไงมิซาเนะก็ควรแสดงออกถึงอาการเป็นห่วงและลังเลใจในการที่จะรับมือกับเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองแทนที่จะพาไปหาผู้เชี่ยชาญหรือบอกอาจารย์ก่อน

 

          และการที่มีเพียงมิซาเนะเท่านั้นที่เห็นสาวเลือดอาบนอนกองกับพื้นที่โรงเรียนเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากที่จะเห็นคนเดียว บลัดลาซควรบรรยายสถานการณ์ให้รัดกุมกว่านี้ว่าที่ๆเจอนั้นเป็นจุดบอดสายตาไม่มีใครผ่านไปมา มีเพียงมิซาเนะที่บังเอิญไปเก็บของที่ปลิวแล้วเห็นเข้า บลาๆๆ อะไรก็ว่าไป นอกจากนี้รอยเลือดนั่นมิซาเนะไม่ควรมองข้าม หากไม่คิดจะพาสาวผมแดงไปพบอาจารย์หรือหมอหรือใคร ก็ควรจะปรึกษาเพื่อนว่าทำไงกับกองเลือดที่เจอสาวผมแดงดี เพื่อที่จะได้ถ่ายทอดอารมณ์ความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฉากนั้นๆได้มากขึ้นครับ

 

          และการที่สาวผมแดงบอกว่าไปสู้กับมาเฟียมาก็เหมือนกัน ดูมิซาเนะไม่มีความประหลาดใจอะไรเลย ทำได้เพียงบอก อ๋อเหรอ เรื่องนั้นช่างมันก่อนละกัน.... เอิ่ม!! มิซาเนะนี่เป็นพวกเคยชินกับการเห็นคนเจ็บจากการสู้กับมาเฟียเหรอ?? แทนที่จะแบบ “ห๊ะ!!! เธอว่าอะไรนะ!!!! ม..มาเฟียงั้นเหรอ!!!? ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย... ต..แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องรักษาตัวให้หายซะก่อนแล้วค่อยว่ากันละกัน....” อะไรแบบนี้ ไม่มีเลย...

 

          ที่จะบอกคือบลัดลาซไม่ควรมองข้ามความรู้สึกของตัวละคร ควรใส่อารมณ์รีแอ๊คชั่นให้มากกว่านี้ครับ นอกจากนี้สาวผมแดงก็บอกง่ายไปนะว่าไปสู้กับมาเฟียมา ถ้าตามความเป็นจริงไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนก็ไม่ต้องบอกซะดีกว่า... แค่งึมงำๆแล้วเงียบไปจะดูเข้าท่ากว่าครับ

 

          การแต่งนิยายที่ดีไม่ควรมองข้ามจุดเล็กๆน้อยๆ และหลายสิ่งหลายอย่างในหัวข้อต่างๆ รวมทั้งชื่อเรื่องและบทนำที่มิกซ์ได้นำมาวิจารณ์ให้เห็นนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มิกซ์มองเห็นในข้อที่ควรปรับปรุง แต่ก็เป็นเพียงความเห็นจากมุมมองของมิกซ์เพียงคนเดียวเท่านั้น การจะนำไปปรับใช้ก็ขึ้นอยู่กับบลัดลาซเองว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำที่มิกซ์ให้ นอกจากนี้ควรศึกษาด้วยตัวเอง อ่านหนังสือ รวมทั้งสังเกตการเขียนของคนอื่นๆให้มากๆ และถ้าอยากได้คำแนะนำเพิ่มก็ควรให้คนอื่นมาร่วมวิจารณ์ให้ในหลายๆมุมมองนอกจากมิกซ์ด้วย

 

          สุดท้ายขอขอบคุณที่บลัดลาซไว้วางใจให้มิกซ์มาร่วมแสดงความเห็นและวิจารณ์นิยายเรื่องนี้ ขอให้บลัดลาซประสบความสำเร็จ และหวังว่าคำแนะนำทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์กับบลัดลาซไม่มากก็น้อยครับ นอกจากคำติเหล่านั้นแล้วในส่วนของเนื้อหามิกซ์ว่าน่าสนใจดีครับ ออกแฟนตาซีแบบนี้มิกซ์ชอบ แต่ในส่วนอื่นๆต้องปรับปรุงเยอะมากเลย ยังไงสู้ๆนะครับ เห็นแต่งไปหลายตอนแล้วถือว่าเก่งมากที่ไม่ย่อท้อ เป็นกำลังใจให้ครับผม

 

          ปล.ในส่วนตอนล่าสุดที่ขอมาให้วิจารณ์มิกซ์ขออนุญาตละเว้นนะ โดยทั่วไปจะวิจารณ์ให้ทุกคนแค่ช่วงต้นเรื่องให้รู้ถึงภาพรวมและสิ่งที่ต้องนำไปปรับปรุงเท่านั้น และส่วนตัวแล้วมิกซ์ไม่ชอบดูหนังข้ามตอนหรืออ่านนิยายข้ามบท ก็เลยขอไม่วิจารณ์ก็แล้วกัน ถ้าไม่เข้าใจในส่วนไหนหรือต้องการคำแนะนำบางส่วนเพิ่มเติมก็นอกไมล์ละกันนะครับ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา