be vigilant! แฟนฉันเป็นคนอันตราย!!
-
4) แบคทีเรียทำให้คนเราป่วย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ความรู้สึกที่ค้างคาเรื่องเมื่อคืนทำให้ฉันกลายร่างเป็นญาติหมีแพนด้า เพราะค้างคาเรื่องที่ตัวเองโนบราได้ยังไงทั้งที่จำได้ว่าใส่ หรือว่าไม่ได้ใส่!?! อ๊ากกกกกกกก!!! สรุปฉันได้ใส่หรือไม่ได้ใส่กันว่ะเนี่ย อ๊ากกกกกกกกกกกกก
"ขออนุญาตค่ะ"
"ช-เชิญค่ะ"
"คุณจิสึยะ ให้ดิฉันมาตามคุณเรทีเซียเข้าไปพบท่ห้องทำงานค่ะ"
"ค่ะ สักครู่นะค่ะ"
"ดิฉันจะรอด้านนอกนะค่ะ"
เอ่ยจบสาวเมดก็เดินออกไปด้านนอกของห้อง ฉันรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยเพราะเมื่อคืนมันเป็นความผิดพลาดที่จะจดจำไปชั่วชีวิตเลย ฮืออออออออ ฉันส่องกระจกหมุนซ้ายหมุนขวามองตัวเองที่สวมเดรสดำลูกไม้สวยก่อนพยักหน้าให้ตัวเองผ่านกระจกและเดินออกจากห้อง ตามสาวเมดน่ารักไป เมื่อถึงหน้าห้องทำงานของเขา สาวเมดก็บริการเปิดประตูตามหน้าที่อย่างรวดเร็วและโค้งให้ฉันหลังจากเธอกำลังจะปิดประตู ภายในห้องค่อนข้างมืดเพราะม่านที่ดำสนิท แต่ก็ยังพอมีแสงลอดเข้ามาได้อยู่พอสมควร นั้นทำให้ฉันพบชายตัวสูงใหญ่นอนบนโซฟาตัวยาวสีขาว เขา....ไม่สวมเสื้อและดูเหมือน...กางเกงจะใส่แบบขอไปที....ฉันสมควรเข้ามาในเวลาแบบนี้ไมนะ อยากจะเดินออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็กลัวว่าเขาจะเกิดอารมณ์เสียอีกถ้าเขาตื่นมาไม่เจอฉัน...สรุปฉันคนหรือหมาที่รอเจ้าหน้ากลับบ้านนะ ถึงได้ยืนรอเงียบๆแต่ให้รอในสภาพห้องเงียบๆแบบนี้ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกันแหะ ฉันหันหน้าหนีจากภาพที่เห็นแล้วพ่นลมหายใจเบาๆ และตัดสินใจก้าวไปที่ประตูที่จะออกไปสู่ระเบียงได้อย่างเงียบๆ ม่านที่ดำสนิทนี้ทำให้ฉันหดหู่นิดๆ ฉันจึงตัดสินใจ กระชากมันด้วยความรวดเร็วหลังจากตัดสินใจจะทำมันและผลของการกระทำคือ
"แคว่ก"
"เฮ้ย"
"อ๊ะ...อรุณสวัสดิ์ ก่อนจะลุกมาว่าก็กรุณารูดซิปกางเกงและสวมเสื้อด้วยนะ ฉันไม่อยากเห็นภาพที่จะทำให้สายตาเกิดการจดจำภาพที่ไม่น่าภิรมย์ในวันที่อากาศสดใสแบบนี้"
เขามองฉันนิ่งนานราวนาทีก่อนปฎิบัติตามที่ขออย่างว่าง่าย แต่เขาไม่ยอมสวมเสื้อ แต่ก็ดีกว่าไม่รูดซิปกางเกงแหละนะ เขาเดินดิ่งเข้าทันทีก่อนจะคว้าม่านที่ฉันกระชากจนขาดอย่างไม่พอใจกับการกระทำของฉัน แล้วจดลึกลงมาที่ฉันอย่างคาดโทษ
"เธอทำแบบนี้ทำไม"
"มันดูมืดและหดหู่ ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้"
"เธอไม่ควรแตะต้องของๆฉัน"
"นายก็ไม่มีสิทธิ์มากักขังฉัน"
"..."
เขามองด้วยสายตาที่เดือดดาลจนคิ้วของเขาขมวดเป็นปม แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้โกรธอฉัน แต่เขาโกรธตัวเองซะมากกว่า และเมื่อสังเกตดีๆ ผ้าม่านพวกนี้มีชายเป็นลูกไม้สีขาวที่ถูกใครสักคนเย็บติดอย่างหลวมๆ การที่ลูกไม้มาติดอยู่กับผ้าม่านในห้องทำงานผู้ชาย...แสดงว่าเขาต้องเคยมีใครที่สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยที่เขาไม่เอ่ยปากดุด่าอะไร
"คนสำคัญนายไปไหนซะแล้วล่ะ"
"เธอไม่จำเป็นต้องรู้"
"ฉันก็ไม่ได้อยากจะได้คำตอบจากคนที่จมกับอดีตนักหรอก สงสารซะมากกว่า"
"เธอ"
"เรียกฉันมาเพราะมีธุระนี้ อย่าเสียเวลาให้มากนัก ฉันยังต้องหาทางออกจากที่นี้"
"บอกจะหนีแบบโจงแจ้งขนาดนี้มันจะดีเหรอ"
"อย่าดูถูกฉัน มีอะไรก็รีบพูด"
ฉันเชิ่ดหน้าและเมินเขาอย่างไม่สบอารมณ์ คนอะไรไม่น่ารักเอาซะเลย!
"ฉันแค่จะยื่นข้อเสนอให้เธอ"
"ข้อเสนอ"
ฉันทวนคำก่อนมองหน้าเขาด้วยหางตา ประมาณว่าเขาไม่เหมาะสมพอที่สายตาของฉันจะจับจ้องให้เสียเวลา เขาพยักหน้าหงึกๆก่อนยื่นเอกสารที่มีปากกาวางทับอยู่มาให้ฉัน ฉันจึงคว้ามันขึ้นมาอ่านก่อนจะยื่นเอกสาวห่างจากตัวเองจนเกือบสุดความยาวของแขนแล้วเพ่นสายตามองตัวหนังสือเหล่านั้น แว่นที่อยู่ในกระเป๋าในรถเมน่าก็ลืม อา คนสายตายาวก็น่าสงสารจริงๆ
"เธอทำอะไร"
"นายเห็นว่าฉันกำลังทำอะไรล่ะ หรือสายตานายมันบอด"
"สายตายาวเหรอไง"
"ยื่นออกไปขนาดนี้ปกติมั้ง"
เขาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดแล้วคว้าแว่นในลิ้นชักมาให้ฉัน ที่ขาแว่นสลับคำว่า มามิโกะ นานะ เป็นชื่อผู้หญิงคงเป็นชื่อคนสำคัญของเขาสินะ ฉันใช้มือดันมันกลับไปที่เขาก่อนจะ หันมาอ่านเอกสารต่อ
"มันลำบากก็ใส่แว่นสิ"
"ฉันไม่อยากใช้"
"อะไรของเธออีก"
"ฉันไม่ต้องการใช้ของมือสอง ไม่ว่าจะเป็นอะไร การที่ผ่านมือใครมาแล้วมันย่อยมีตำหนิ ฉันเกลียดของมีตำหนิและสิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของ"
"ยัยแบคที่เรีย"
"กรุณามีมารยาทกับฉันหน่อย แบคทีเรียเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้ร่างกายของเราเกิดการไม่สบายได้ เพราะฉะนั้นฉันไม่ใช่แบคทีเรียที่จะทำให้ใครป่วย"
"...เออๆ"
ฉันจิกตามองเขาก่อนจะวางเอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนคว้าปากกาแล้วจลดชื่อตัวเองลงไปในกระดาษแผ่นนั้นอย่างไม่รีบรอ
"ดูเธอจะเข้าใจดีนะ"
"ไม่มีใครให้คนแปลกหน้าอยู่อาศัยแบบฟรีๆในบ้านของตัวเองหรอก เพราะฉะนั้นมีอะไรก็รีบสั่ง ตามสัญญาคือฉันต้องทนอยู่กับผู้ชายหน้าไม่อายที่นอนเปลือยบนโซฟาเป็นเวลาสามปี แต่ก้มีค่าตอบแทนเป็นเงินและที่พัก อาหารและสวัสดิการ"
"เธอดูเข้าใจอะไรง่ายดีนะ"
"แต่การที่จะให้ฉันเข้ามาทำงานกันนายในห้องนี้ กรุณาเปลี่ยนผ้าม่านด้วยนะ...ฉันไม่ชอบห้องที่ทำให้หดหู่ กลัวว่าจะป่วยตามคนจ้างวานนะ"
"เธอ ไม่รู้ก็อย่ามาตอกย้ำ"
"อย่าใส่ร้ายสิ ฉันแค่พูดเท่านั้น นายต่างหากที่ตอกย้ำตัวเอง"
"เธอนี้มัน"
"หมดธุระหรือยัง ถ้าหมดแล้วก็ขอตัวนะค่ะ เจ้านาย"
"อยู่ฟรี กินฟรี ไม่มีในโลก เพราะฉะนั้นก้ทำตามที่บอกว่าด้วยนะ เลขา"
"เออ ไอ้เจ้านายลากเลื่อน"
ฉันมองด้วยสายตาที่เหยียดมองเขาอย่างทรนงตน ต่อให้ต้องโดนจิกหัวใช้ ฉันก็จะไม่ก้มหัวให้จะเป็น เรทีเซียที่แสนภาคภูมิแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
"เฮอะ ทรนงตนจริงนะ ยัยหมาป่าสีเลือด"
เสียงที่เอ่ยออกมาจากปากชายหนุ่มดูแคลนอีกฝ่ายแต่กลับรู้สึกว่าคนที่สมควรโดนดูแคลนนั้นคือตัวเขาเสียมากกว่าที่กว่าเป็นคนป่วย ป่วยจนแตกร้าวไปทั้งหัวใจ
"ขอโทษนะค่ะ มีอะไรทานบางไมค่ะ"
ฉันเดินเข้าไปในครัวก่อนจะเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนทั้งหลายอย่างมีมารยาท พวกหล่อนแล้วดูมีน้ำใจกว่านายตัวเองเป็นร้ออยพันล้านเท่า
"ไม่มีหรอกจ้ะ แต่จะกินอะไรล่ะ ป้าทำให้"
"เอ่อ...รบกวนหรือเปล่าค่ะ"
"ไม่เลยลูก ไม่รบกวนเลย พวกป้าอยู่ว่างๆก็เบื่อได้เคลื่อนที่บ้างก็ดีเหมือนกัน"
"ถ้างั้นของเป็นข้าวห่อไข่ใส่เห็ดแชมปิญองนะค่ะ"
"หวานไมลูก"
"หวานน้อยค่ะ"
ฉันนั่งลงที่โต๊ะก่อนมองดูพวกคุณป้าในครอบสมัครใจกันทำข้าวห่อไข่เพียงจานเดียวด้วยท่าทางขมักเขม้น ดูจะเบื่อการนั่งทำอาหารเป็นมื้อๆจริงๆแหละนะ แค่ข้าวจานเดียวดูสามัคคีกันทำดีจัง
"ผมขอด้วย"
"คุณจิสึยะ"
"เปลี่ยนบรรยากาศนะครับ ผมขอแบบเธอหวานน้อยมากครับ"
"คนป่วยจำเป็นต้องกินของหวานเยอะๆเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานที่สูญเสียไป เพราะงั้นป้าใส่น้ำตาลให้คนป่วยแบบไม่อั้นเลยนะค่ะ"
"เฮ้ย"
"ฮึ"
ฉันมองเขาด้วยสายตาเย้ยและก็แสยะยิ้มอย่างสะใจที่ได้เอาคือในแบบที่ทำให้ฉันพึ่งพอใจที่สุด และดูเหมือนแม่ครัวจะใส่ซื่อใส่ทั้งนมและน้ำตามให้กับเขาอย่างท่วมท้นด้วยรักจากแม่ครัวที่มีต่อเจ้านาย เขาโชคดีนะที่มีคนทำอาหารใส่ใจเขาทุกการกินแต่ก็ดวงซวยนะที่แม่ครัวของเขาใสซื่อ(โง่)ไปหน่อย แต่ฉันก็ดันโดนผลจากการกระทำไปด้วยนิดหน่อยเพราะว่ารอบของฉันมีไข่ที่เหลือจากของไอ้หมาลากเลื่อนผสมด้วย แต่ฉันดูจะโชคดีหน่อยที่กินหวานมาแต่ไหนแต่ไร ฉันเหลือบไปมองคนที่กำลังจะป่วยเพราะอาหารและก็ต้องรีบหันมาขำอย่างรวดเร็ว
"คุณจิสึยะ เป็นอะไรไปค่ะ ไม่อร่อยหรือค่ะ เททิ้งได้นะค่ะ"
"ม-ไม่เป็นไรครบป้า ผ-ผมกินได้"
ปากบอกกินได้แต่การกระทำบ่งบอกว่าจะตักยังไม่กล้าเลย ฉันกุมหน้าท้องและหัวเราะเบาๆอย่างสะใจก่อนจะหันไปมองเขาด้วยท่าทางจ้องจิกและเพิ่มเลเวลในการกลั้นแกล้งเล็กน้อย
"นายไม่กล้ากินอาหารที่พวกคุณป้าทำเหรอ จะบอกว่าไม่อร่อยก็พูดสิ ยิ่งนายทำท่าทางแบบนั้น พวกคุณป้าเขายิ่งเศร้าใจนะ ว่าไงกินไม่ลงเหรอข้าวห่อไข่บ้านๆนะ หรือกินเป็นแต่อาหารฝรั่งกับกาแฟ"
"เธอ"
"ดูใจดำจังนะที่แสดงออกว่านายไม่อยากกินอาหารพื้นๆพวกนี้"
และในที่สุดธงแห่งชัยชนะก็เป็นของฉัน เขาตักไข่ที่มีข้าวอยู่ข้างในอย่างสั่นเท่า ราวกับว่าเขากำลังจะกระเดือกยาพิษอย่างพวกไซยาไนต์ลงกระเพาะเทื่องๆนั้น เขาอมมันราวสิบวินาทีก่อนเคี้ยวมันหลังจากสายตาพวกแม่ครัวเริ่มเศร้าหมองลงไปหนักกว่าเก่า
"เป็นไง อา-หร่อย-ไม"
"ฮืออออ"
เขาทำหน้าเหมือนจะบอกว่ามันอร่อยมาก แต่ความจริง เหงื่อผุดออกมาจนเขาดูเหมือนป่วยขึ้นมาจริงๆ ฉันและเหล่าแม่ครัวนั่งจ้องเขา จนในที่สุดเขาก็กินหมดหลังจากที่เขากลืนกินมันอย่างยากลำบาก
"ป้าดีใจนะค่ะที่คุณจิสึยะชอบ"
"ครับ"
นายควรไปตรวจเลือดนะ เพราะค่าน้ำตาคงจะพุ่งปี้ดเท่าที่นายเคยตรวจมาเลยแหละ"
"เธอ ยัยแบคทีเรีย"
"อะไรกัน นายนอกจากจะป่วยแล้วยังเป็นอามไซเมอร์อีกเหรอ โถ่ๆนายเนี่ยอาภัพเนอะ นอกจะป่วยแล้วความจำยังเลอะๆเลือนๆอยู่เลย คุณป้าค่ะ ควรพาเขาไปตรวจสมองบ้างนะค่ะเผื่อเขาจะได้คำแนะนำแนวทางแก้ไขอาการป่วยของตัวเอง"
"จ้ะ ป้าจะบอกยูให้พาคุณจิสึยะไปพบแพทย์ตามที่หนูแนะนำนะ"
"ค่ะ"
"ป้าาาาาาาา"
และเสียงของหมาที่กำลังจะป่วยก็โหยหวนจนน่าสงสาร ทำเอาฉันอดที่จะขำไม่ได้ จนกว่าพายุที่หมาลากเลื่อนอย่างนายจะผ่านพ้นไป นายกับฉันก้ต้องฟัดกันตายไปข้างล่ะนะ เจ้านายลากเลื่อน!
------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------------
"ขออนุญาตค่ะ"
"ช-เชิญค่ะ"
"คุณจิสึยะ ให้ดิฉันมาตามคุณเรทีเซียเข้าไปพบท่ห้องทำงานค่ะ"
"ค่ะ สักครู่นะค่ะ"
"ดิฉันจะรอด้านนอกนะค่ะ"
เอ่ยจบสาวเมดก็เดินออกไปด้านนอกของห้อง ฉันรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยเพราะเมื่อคืนมันเป็นความผิดพลาดที่จะจดจำไปชั่วชีวิตเลย ฮืออออออออ ฉันส่องกระจกหมุนซ้ายหมุนขวามองตัวเองที่สวมเดรสดำลูกไม้สวยก่อนพยักหน้าให้ตัวเองผ่านกระจกและเดินออกจากห้อง ตามสาวเมดน่ารักไป เมื่อถึงหน้าห้องทำงานของเขา สาวเมดก็บริการเปิดประตูตามหน้าที่อย่างรวดเร็วและโค้งให้ฉันหลังจากเธอกำลังจะปิดประตู ภายในห้องค่อนข้างมืดเพราะม่านที่ดำสนิท แต่ก็ยังพอมีแสงลอดเข้ามาได้อยู่พอสมควร นั้นทำให้ฉันพบชายตัวสูงใหญ่นอนบนโซฟาตัวยาวสีขาว เขา....ไม่สวมเสื้อและดูเหมือน...กางเกงจะใส่แบบขอไปที....ฉันสมควรเข้ามาในเวลาแบบนี้ไมนะ อยากจะเดินออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็กลัวว่าเขาจะเกิดอารมณ์เสียอีกถ้าเขาตื่นมาไม่เจอฉัน...สรุปฉันคนหรือหมาที่รอเจ้าหน้ากลับบ้านนะ ถึงได้ยืนรอเงียบๆแต่ให้รอในสภาพห้องเงียบๆแบบนี้ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกันแหะ ฉันหันหน้าหนีจากภาพที่เห็นแล้วพ่นลมหายใจเบาๆ และตัดสินใจก้าวไปที่ประตูที่จะออกไปสู่ระเบียงได้อย่างเงียบๆ ม่านที่ดำสนิทนี้ทำให้ฉันหดหู่นิดๆ ฉันจึงตัดสินใจ กระชากมันด้วยความรวดเร็วหลังจากตัดสินใจจะทำมันและผลของการกระทำคือ
"แคว่ก"
"เฮ้ย"
"อ๊ะ...อรุณสวัสดิ์ ก่อนจะลุกมาว่าก็กรุณารูดซิปกางเกงและสวมเสื้อด้วยนะ ฉันไม่อยากเห็นภาพที่จะทำให้สายตาเกิดการจดจำภาพที่ไม่น่าภิรมย์ในวันที่อากาศสดใสแบบนี้"
เขามองฉันนิ่งนานราวนาทีก่อนปฎิบัติตามที่ขออย่างว่าง่าย แต่เขาไม่ยอมสวมเสื้อ แต่ก็ดีกว่าไม่รูดซิปกางเกงแหละนะ เขาเดินดิ่งเข้าทันทีก่อนจะคว้าม่านที่ฉันกระชากจนขาดอย่างไม่พอใจกับการกระทำของฉัน แล้วจดลึกลงมาที่ฉันอย่างคาดโทษ
"เธอทำแบบนี้ทำไม"
"มันดูมืดและหดหู่ ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้"
"เธอไม่ควรแตะต้องของๆฉัน"
"นายก็ไม่มีสิทธิ์มากักขังฉัน"
"..."
เขามองด้วยสายตาที่เดือดดาลจนคิ้วของเขาขมวดเป็นปม แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้โกรธอฉัน แต่เขาโกรธตัวเองซะมากกว่า และเมื่อสังเกตดีๆ ผ้าม่านพวกนี้มีชายเป็นลูกไม้สีขาวที่ถูกใครสักคนเย็บติดอย่างหลวมๆ การที่ลูกไม้มาติดอยู่กับผ้าม่านในห้องทำงานผู้ชาย...แสดงว่าเขาต้องเคยมีใครที่สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยที่เขาไม่เอ่ยปากดุด่าอะไร
"คนสำคัญนายไปไหนซะแล้วล่ะ"
"เธอไม่จำเป็นต้องรู้"
"ฉันก็ไม่ได้อยากจะได้คำตอบจากคนที่จมกับอดีตนักหรอก สงสารซะมากกว่า"
"เธอ"
"เรียกฉันมาเพราะมีธุระนี้ อย่าเสียเวลาให้มากนัก ฉันยังต้องหาทางออกจากที่นี้"
"บอกจะหนีแบบโจงแจ้งขนาดนี้มันจะดีเหรอ"
"อย่าดูถูกฉัน มีอะไรก็รีบพูด"
ฉันเชิ่ดหน้าและเมินเขาอย่างไม่สบอารมณ์ คนอะไรไม่น่ารักเอาซะเลย!
"ฉันแค่จะยื่นข้อเสนอให้เธอ"
"ข้อเสนอ"
ฉันทวนคำก่อนมองหน้าเขาด้วยหางตา ประมาณว่าเขาไม่เหมาะสมพอที่สายตาของฉันจะจับจ้องให้เสียเวลา เขาพยักหน้าหงึกๆก่อนยื่นเอกสารที่มีปากกาวางทับอยู่มาให้ฉัน ฉันจึงคว้ามันขึ้นมาอ่านก่อนจะยื่นเอกสาวห่างจากตัวเองจนเกือบสุดความยาวของแขนแล้วเพ่นสายตามองตัวหนังสือเหล่านั้น แว่นที่อยู่ในกระเป๋าในรถเมน่าก็ลืม อา คนสายตายาวก็น่าสงสารจริงๆ
"เธอทำอะไร"
"นายเห็นว่าฉันกำลังทำอะไรล่ะ หรือสายตานายมันบอด"
"สายตายาวเหรอไง"
"ยื่นออกไปขนาดนี้ปกติมั้ง"
เขาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดแล้วคว้าแว่นในลิ้นชักมาให้ฉัน ที่ขาแว่นสลับคำว่า มามิโกะ นานะ เป็นชื่อผู้หญิงคงเป็นชื่อคนสำคัญของเขาสินะ ฉันใช้มือดันมันกลับไปที่เขาก่อนจะ หันมาอ่านเอกสารต่อ
"มันลำบากก็ใส่แว่นสิ"
"ฉันไม่อยากใช้"
"อะไรของเธออีก"
"ฉันไม่ต้องการใช้ของมือสอง ไม่ว่าจะเป็นอะไร การที่ผ่านมือใครมาแล้วมันย่อยมีตำหนิ ฉันเกลียดของมีตำหนิและสิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของ"
"ยัยแบคที่เรีย"
"กรุณามีมารยาทกับฉันหน่อย แบคทีเรียเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้ร่างกายของเราเกิดการไม่สบายได้ เพราะฉะนั้นฉันไม่ใช่แบคทีเรียที่จะทำให้ใครป่วย"
"...เออๆ"
ฉันจิกตามองเขาก่อนจะวางเอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนคว้าปากกาแล้วจลดชื่อตัวเองลงไปในกระดาษแผ่นนั้นอย่างไม่รีบรอ
"ดูเธอจะเข้าใจดีนะ"
"ไม่มีใครให้คนแปลกหน้าอยู่อาศัยแบบฟรีๆในบ้านของตัวเองหรอก เพราะฉะนั้นมีอะไรก็รีบสั่ง ตามสัญญาคือฉันต้องทนอยู่กับผู้ชายหน้าไม่อายที่นอนเปลือยบนโซฟาเป็นเวลาสามปี แต่ก้มีค่าตอบแทนเป็นเงินและที่พัก อาหารและสวัสดิการ"
"เธอดูเข้าใจอะไรง่ายดีนะ"
"แต่การที่จะให้ฉันเข้ามาทำงานกันนายในห้องนี้ กรุณาเปลี่ยนผ้าม่านด้วยนะ...ฉันไม่ชอบห้องที่ทำให้หดหู่ กลัวว่าจะป่วยตามคนจ้างวานนะ"
"เธอ ไม่รู้ก็อย่ามาตอกย้ำ"
"อย่าใส่ร้ายสิ ฉันแค่พูดเท่านั้น นายต่างหากที่ตอกย้ำตัวเอง"
"เธอนี้มัน"
"หมดธุระหรือยัง ถ้าหมดแล้วก็ขอตัวนะค่ะ เจ้านาย"
"อยู่ฟรี กินฟรี ไม่มีในโลก เพราะฉะนั้นก้ทำตามที่บอกว่าด้วยนะ เลขา"
"เออ ไอ้เจ้านายลากเลื่อน"
ฉันมองด้วยสายตาที่เหยียดมองเขาอย่างทรนงตน ต่อให้ต้องโดนจิกหัวใช้ ฉันก็จะไม่ก้มหัวให้จะเป็น เรทีเซียที่แสนภาคภูมิแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
"เฮอะ ทรนงตนจริงนะ ยัยหมาป่าสีเลือด"
เสียงที่เอ่ยออกมาจากปากชายหนุ่มดูแคลนอีกฝ่ายแต่กลับรู้สึกว่าคนที่สมควรโดนดูแคลนนั้นคือตัวเขาเสียมากกว่าที่กว่าเป็นคนป่วย ป่วยจนแตกร้าวไปทั้งหัวใจ
"ขอโทษนะค่ะ มีอะไรทานบางไมค่ะ"
ฉันเดินเข้าไปในครัวก่อนจะเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนทั้งหลายอย่างมีมารยาท พวกหล่อนแล้วดูมีน้ำใจกว่านายตัวเองเป็นร้ออยพันล้านเท่า
"ไม่มีหรอกจ้ะ แต่จะกินอะไรล่ะ ป้าทำให้"
"เอ่อ...รบกวนหรือเปล่าค่ะ"
"ไม่เลยลูก ไม่รบกวนเลย พวกป้าอยู่ว่างๆก็เบื่อได้เคลื่อนที่บ้างก็ดีเหมือนกัน"
"ถ้างั้นของเป็นข้าวห่อไข่ใส่เห็ดแชมปิญองนะค่ะ"
"หวานไมลูก"
"หวานน้อยค่ะ"
ฉันนั่งลงที่โต๊ะก่อนมองดูพวกคุณป้าในครอบสมัครใจกันทำข้าวห่อไข่เพียงจานเดียวด้วยท่าทางขมักเขม้น ดูจะเบื่อการนั่งทำอาหารเป็นมื้อๆจริงๆแหละนะ แค่ข้าวจานเดียวดูสามัคคีกันทำดีจัง
"ผมขอด้วย"
"คุณจิสึยะ"
"เปลี่ยนบรรยากาศนะครับ ผมขอแบบเธอหวานน้อยมากครับ"
"คนป่วยจำเป็นต้องกินของหวานเยอะๆเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานที่สูญเสียไป เพราะงั้นป้าใส่น้ำตาลให้คนป่วยแบบไม่อั้นเลยนะค่ะ"
"เฮ้ย"
"ฮึ"
ฉันมองเขาด้วยสายตาเย้ยและก็แสยะยิ้มอย่างสะใจที่ได้เอาคือในแบบที่ทำให้ฉันพึ่งพอใจที่สุด และดูเหมือนแม่ครัวจะใส่ซื่อใส่ทั้งนมและน้ำตามให้กับเขาอย่างท่วมท้นด้วยรักจากแม่ครัวที่มีต่อเจ้านาย เขาโชคดีนะที่มีคนทำอาหารใส่ใจเขาทุกการกินแต่ก็ดวงซวยนะที่แม่ครัวของเขาใสซื่อ(โง่)ไปหน่อย แต่ฉันก็ดันโดนผลจากการกระทำไปด้วยนิดหน่อยเพราะว่ารอบของฉันมีไข่ที่เหลือจากของไอ้หมาลากเลื่อนผสมด้วย แต่ฉันดูจะโชคดีหน่อยที่กินหวานมาแต่ไหนแต่ไร ฉันเหลือบไปมองคนที่กำลังจะป่วยเพราะอาหารและก็ต้องรีบหันมาขำอย่างรวดเร็ว
"คุณจิสึยะ เป็นอะไรไปค่ะ ไม่อร่อยหรือค่ะ เททิ้งได้นะค่ะ"
"ม-ไม่เป็นไรครบป้า ผ-ผมกินได้"
ปากบอกกินได้แต่การกระทำบ่งบอกว่าจะตักยังไม่กล้าเลย ฉันกุมหน้าท้องและหัวเราะเบาๆอย่างสะใจก่อนจะหันไปมองเขาด้วยท่าทางจ้องจิกและเพิ่มเลเวลในการกลั้นแกล้งเล็กน้อย
"นายไม่กล้ากินอาหารที่พวกคุณป้าทำเหรอ จะบอกว่าไม่อร่อยก็พูดสิ ยิ่งนายทำท่าทางแบบนั้น พวกคุณป้าเขายิ่งเศร้าใจนะ ว่าไงกินไม่ลงเหรอข้าวห่อไข่บ้านๆนะ หรือกินเป็นแต่อาหารฝรั่งกับกาแฟ"
"เธอ"
"ดูใจดำจังนะที่แสดงออกว่านายไม่อยากกินอาหารพื้นๆพวกนี้"
และในที่สุดธงแห่งชัยชนะก็เป็นของฉัน เขาตักไข่ที่มีข้าวอยู่ข้างในอย่างสั่นเท่า ราวกับว่าเขากำลังจะกระเดือกยาพิษอย่างพวกไซยาไนต์ลงกระเพาะเทื่องๆนั้น เขาอมมันราวสิบวินาทีก่อนเคี้ยวมันหลังจากสายตาพวกแม่ครัวเริ่มเศร้าหมองลงไปหนักกว่าเก่า
"เป็นไง อา-หร่อย-ไม"
"ฮืออออ"
เขาทำหน้าเหมือนจะบอกว่ามันอร่อยมาก แต่ความจริง เหงื่อผุดออกมาจนเขาดูเหมือนป่วยขึ้นมาจริงๆ ฉันและเหล่าแม่ครัวนั่งจ้องเขา จนในที่สุดเขาก็กินหมดหลังจากที่เขากลืนกินมันอย่างยากลำบาก
"ป้าดีใจนะค่ะที่คุณจิสึยะชอบ"
"ครับ"
นายควรไปตรวจเลือดนะ เพราะค่าน้ำตาคงจะพุ่งปี้ดเท่าที่นายเคยตรวจมาเลยแหละ"
"เธอ ยัยแบคทีเรีย"
"อะไรกัน นายนอกจากจะป่วยแล้วยังเป็นอามไซเมอร์อีกเหรอ โถ่ๆนายเนี่ยอาภัพเนอะ นอกจะป่วยแล้วความจำยังเลอะๆเลือนๆอยู่เลย คุณป้าค่ะ ควรพาเขาไปตรวจสมองบ้างนะค่ะเผื่อเขาจะได้คำแนะนำแนวทางแก้ไขอาการป่วยของตัวเอง"
"จ้ะ ป้าจะบอกยูให้พาคุณจิสึยะไปพบแพทย์ตามที่หนูแนะนำนะ"
"ค่ะ"
"ป้าาาาาาาา"
และเสียงของหมาที่กำลังจะป่วยก็โหยหวนจนน่าสงสาร ทำเอาฉันอดที่จะขำไม่ได้ จนกว่าพายุที่หมาลากเลื่อนอย่างนายจะผ่านพ้นไป นายกับฉันก้ต้องฟัดกันตายไปข้างล่ะนะ เจ้านายลากเลื่อน!
------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ