ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น
9.8
เขียนโดย เพราะเรารักเธอ
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.
12 chapter
18 วิจารณ์
15.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกได้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ//เช้าวันต่อมา
“ฮึบ!! อื้อ~ งื้อ~” ฉันค่อยๆบิดขี้เกียจหลังจากที่ได้พักผ่อนร่างกายจากการไปซ้อมเมื่อวานก่อนที่จะกระพริบตาเพื่อปรับแสงให้มองเห็นได้ชัดขึ้นแล้วมองไปรอบๆห้อง
‘ไปนอนตรงนั้นเลยเหรอ’ ฉันเห็นมิจจิจังนอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานฉันเลยจะไปปลุกให้มิจจิจังตื่นขึ้นมาอาบน้ำหรือไม่ก็ไปนอนต่อที่เตียง
“แฮ่ก..... แฮ่ก.....”
“มิจจิจัง?”
ฉันเห็นมิจจิจังมีอาการหอบและเหงื่อออกเยอะมากเลยเอามือไปทาบหน้าผาก ‘ตัวร้อนจี๋เลย’ พอฉันคิดได้อย่างนั้นฉันเลยค่อยๆอุ้มเธอให้ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วค่อยหาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้
“งื้ออ~ แซน....”
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างปวดหัวไหม”
“อื้ม... หน่วงๆนิดหน่อย”
“ตาแดงด้วยนี่นอนพักก่อนก็ได้นะ”
“เราหิวน้ำอะเอาน้ำให้หน่อยเราไม่มีแรงเลย”
“ได้ๆ” เมื่อฉันได้ยินมิจจิจังพูดอย่างนั้นฉันเลยรีบไปเอาน้ำที่ไม่เย็นบนตู้เย็นออกมา
“ค่อยๆลุกนะ” ฉันค่อยๆดันตัวให้มิจจิจังลุกขึ้นมากินน้ำ
“อึก... อึก... ฟุฮ๊าา ขอบใจนะ”
“หิวไหมเดี๋ยวเราทำข้าวต้มให้กิน”
“ทำเป็นด้วยเหรอ”
“ทำเป็นสิ เวลาเราอยู่ที่นี่คนเดียวถ้าจะออกไปซื้อเองก็ไม่ได้เลยหัดทำไว้หน่ะ”
“แซนจังเก่งจังนะ เราไม่แปลกใจเลยที่มีแต่คนมาชอบ”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็มีแค่คนที่เราชอบคนเดียวนั่นแหละนะ” ก็เธอไงมิจจิโกะ...
“น.... นั่นสิเนอะ เดี๋ยวเราพักสายตาสักพักนะข้าวต้มเสร็จแล้วเรียกเราหน่อยก็แล้วกัน”
“จ้า”
ฉันไม่รู้ว่าทำไมมิจจิจังถึงไปนอนตรงนั้นแถมยังตาแดงอีกคงจะพยายามทำงานหนักเกินไปซะละมั้ง ถ้าหายคงต้องสวดให้ฟังอีกยาวแต่ตอนนี้คงต้องดูแลมิจจิจังก่อนละนะ
“มิจจิจังข้าวต้มเสร็จแล้วคะ”
“งืมมม เดี๋ยวก่อนขอนอนก่อนได้ไหม”
“ไม่ได้ กินข้าวกินยาแล้วค่อยนอนสิ”
“ง๊าา ง่วงอะ”
“อย่าดื้อสิ” ฉันตักข้าวพอดีคำแล้วเป่าก่อนยื่นให้มิจจิจัง ก่อนที่เธอจะรับข้าวที่ยื่นให้เข้าปากไปหน้าเริ่มแดงขึ้นนิดๆสงไสไข้เริ่มขึ้นแล้วแน่ๆ
“เก่งมากคะ”
“เราไม่ใช่เด็กน้อยซักหน่อย”
“อิอิ”
พอฉันให้มิจจิจังกินข้าวจนหมดพร้อมให้กินยาก่อนที่จะให้นอนพัก พอฉันแปะแผ่นคูลฟีเวอร์ให้เสร็จฉันก็ไปที่โต๊ะทำงานเพราะฉันต้องเครีลร์การบ้านกองโตที่ฉันยังไม่ได้เริ่มแม้แต่ตัวอักษรเดียว
‘หนังสือวิชาสังคมอยู่ไหนนะ’ ระหว่างที่ฉันกำลังหาหลังสือเรียนอยู่ฉันก็หันไปเห็นกระดาษน้อยๆข้างๆซองจดหมายเลยหยิบขึ้นมาอ่านดูซึ่งมันเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดแต่มิจจิจังก็เคยสอยฉันไว้ฉันเลยพออ่านได้บ้าง
.....-“ถึงลูกรัก พ่ออยากให้ลูกได้แต่งงานกับเขานะ หวังว่าลูกคงจะเข้าใจความจำเป็นของพ่อแล้วพ่อจะติดต่อกลับมาอีกที ด้วยรักจากพ่อ”-.....
‘งานแต่งงาน? มิจจิจังมีคนที่รักอยู่แล้วงั้นสินะ.....’ เมื่อฉันคิดได้อย่างนั้นฉันก็ต้องพยายามห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้กลับไปรักอีกถึงแม้ว่ามันจะยากแต่ฉันต้องพยายาม
//ร้านเค้กในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ฉันออกจากหอมาซักพักนึงแล้วเพราะหลังจากที่ฉันได้อ่านจดหมายนั่นฉันก็ไม่มีกระจิตรกะใจทำงานเอาซะเลยมัวแต่คิดเรื่องมิจจิจัง ฉันเริ่มรู้ตัวว่าฉันรักมิจจิจังตั้งแต่วันจัดกิจกรรมโรงเรียนแต่ฉันคงจะสู้เขา ที่เป็นคนที่มิจจิจังจะแต่งงานด้วยฉันไม่มีอะไรเทียบได้เลย
ฉันไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง ฐานะทางบ้านรวยหรือปล่าวแต่ฉันรับประกันได้ว่าถ้าหากทำมิจจิจังเสียใจฉันจะไม่นอนอยู่บ้านนิ่งๆแน่ ถ้าหากเขารักมิจจิจังจริงๆและพร้อมที่จะดูแลฉันจะไม่ไปยุ่งหรือไปก้าวก่าย แต่ถ้าหากวันใดทำมิจจิจังเจ็บเมื่อไหร่ต่อให้อยู่ที่ใดในโลกฉันก็จะหาทางไปจนได้
ฉันมีน้าอยู่คนหนึ่งที่ยังนับญาติกับฉันทั้งๆที่ฉันไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร น้าของฉันชื่อที่รักเป็นคนอ่อนโยน และเข้มแข็งเวลาเจอปัญหาเพราะเคยเจอเรื่องร้ายๆและอุปสรรคที่เข้ามารุมล้อมรอบตัวน้าเลยไม่ได้มีปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันนี้เลย น้าของฉันเป็นเจ้าของบริษัทโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในสเปน
น้าที่รักเป็นคนที่รวยมากแต่ก่อนที่น้าจะรวยนั้นมันแสนจะยากลำบากเพราะอุปสรรคที่ฉันเคยบอกนั้นคือการเอาชีวิตให้รอดจากพวกทวงหนี้ที่น้าเคยยืมมาเพื่อตั้งกิจการแต่กลับถูกโกงจนล้มละลาย จนกระทั่งน้าหนีไปพัทยาและไปเจอกับสามีของน้าที่นั่น จะเรียกว่าหนูตกถังข้าวสารก็ว่าได้เพราะสามีของน้าหล่อมาก เหมาะสมกับสโลแกนที่ว่า หล่อและรวยมาก จริงๆแถมยังสุภาพบุรุษมากด้วย
แต่ใน 1 ปีแรกก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไปครอบครัวของสามีน้าไม่ค่อยจะชอบน้าเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าจะแค่กลัวว่าจะมาหลอกเอาเงินเหมือนผู้หญิงคนที่แล้วๆมาน้าเลยพิสูจน์ให้เห็นถึงความขยันและความฉลาดในการแก้ไขปัญหาในงานต่างๆให้อย่างง่ายดาย
‘พอนึกย้อนไปถึงน้าแล้วอยากกอดน้าที่รักจังเลย ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งแต่ฉันขึ้นมัธยมแล้ว’
ฉันนั่งคิดไปคิดมาให้สมองโล่งมานานแล้วซินะสงไสต้องรีบกลับละ ถ้าขืนมิจจิจังลุกขึ้นมาทำทุกอย่างด้วยตัวเองคงจะไม่ดีแน่ๆ ฉันเลยรีบเดินกลับห้องพัก
//ห้องพักในหอ
แกร๊ก!
“กลับมาแล้วเหรอ” ฉันเห็นมิจจิจังยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานแล้วหันมาหาฉัน
“อืม....”
“ไปไหนมา”
“ไปอ่านหนังสือมาคะ”
“ที่ไหน”
“ที่ห้างสรพพสินค้าใกล้ๆนี่เองคะ”
“ทีหลังจะออกไปบอกเรามั่งสิเราเป็นห่วงนะ”
“ค่าาา แล้วนี่หายเป็นไข้แล้วเหรอ” ฉันเดินไปพร้อมกับยกมือขึ้นไปทาบที่หน้าผากมิจจิจัง
“แค่ได้กินยาแล้วนอนนิดๆหน่อยๆก็หายแล้ว”
“อ๋อ งั้นสอนการบ้านเราหน่อยสิ”
ฉันอยากจะถามและอยากจะพูดเรื่องการแต่งงานที่คงจะมีขึ้นตอนที่มิจจิจังเรียนจบไปแล้ว... ฉันไม่สามารถขัดอะไรได้อยู่แล้วถ้าฉันขัดขวางก็เท่ากับฉันไปขัดขวางความรักของเธอมันเป็นความเห็นแก่ตัวที่น่าอายเกินจะรับไหว เพราะฉะนั้นฉันขอเก็บความรู้สึกนี้ไว้ตลอดไป.....
“ฮึบ!! อื้อ~ งื้อ~” ฉันค่อยๆบิดขี้เกียจหลังจากที่ได้พักผ่อนร่างกายจากการไปซ้อมเมื่อวานก่อนที่จะกระพริบตาเพื่อปรับแสงให้มองเห็นได้ชัดขึ้นแล้วมองไปรอบๆห้อง
‘ไปนอนตรงนั้นเลยเหรอ’ ฉันเห็นมิจจิจังนอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานฉันเลยจะไปปลุกให้มิจจิจังตื่นขึ้นมาอาบน้ำหรือไม่ก็ไปนอนต่อที่เตียง
“แฮ่ก..... แฮ่ก.....”
“มิจจิจัง?”
ฉันเห็นมิจจิจังมีอาการหอบและเหงื่อออกเยอะมากเลยเอามือไปทาบหน้าผาก ‘ตัวร้อนจี๋เลย’ พอฉันคิดได้อย่างนั้นฉันเลยค่อยๆอุ้มเธอให้ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วค่อยหาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้
“งื้ออ~ แซน....”
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างปวดหัวไหม”
“อื้ม... หน่วงๆนิดหน่อย”
“ตาแดงด้วยนี่นอนพักก่อนก็ได้นะ”
“เราหิวน้ำอะเอาน้ำให้หน่อยเราไม่มีแรงเลย”
“ได้ๆ” เมื่อฉันได้ยินมิจจิจังพูดอย่างนั้นฉันเลยรีบไปเอาน้ำที่ไม่เย็นบนตู้เย็นออกมา
“ค่อยๆลุกนะ” ฉันค่อยๆดันตัวให้มิจจิจังลุกขึ้นมากินน้ำ
“อึก... อึก... ฟุฮ๊าา ขอบใจนะ”
“หิวไหมเดี๋ยวเราทำข้าวต้มให้กิน”
“ทำเป็นด้วยเหรอ”
“ทำเป็นสิ เวลาเราอยู่ที่นี่คนเดียวถ้าจะออกไปซื้อเองก็ไม่ได้เลยหัดทำไว้หน่ะ”
“แซนจังเก่งจังนะ เราไม่แปลกใจเลยที่มีแต่คนมาชอบ”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็มีแค่คนที่เราชอบคนเดียวนั่นแหละนะ” ก็เธอไงมิจจิโกะ...
“น.... นั่นสิเนอะ เดี๋ยวเราพักสายตาสักพักนะข้าวต้มเสร็จแล้วเรียกเราหน่อยก็แล้วกัน”
“จ้า”
ฉันไม่รู้ว่าทำไมมิจจิจังถึงไปนอนตรงนั้นแถมยังตาแดงอีกคงจะพยายามทำงานหนักเกินไปซะละมั้ง ถ้าหายคงต้องสวดให้ฟังอีกยาวแต่ตอนนี้คงต้องดูแลมิจจิจังก่อนละนะ
“มิจจิจังข้าวต้มเสร็จแล้วคะ”
“งืมมม เดี๋ยวก่อนขอนอนก่อนได้ไหม”
“ไม่ได้ กินข้าวกินยาแล้วค่อยนอนสิ”
“ง๊าา ง่วงอะ”
“อย่าดื้อสิ” ฉันตักข้าวพอดีคำแล้วเป่าก่อนยื่นให้มิจจิจัง ก่อนที่เธอจะรับข้าวที่ยื่นให้เข้าปากไปหน้าเริ่มแดงขึ้นนิดๆสงไสไข้เริ่มขึ้นแล้วแน่ๆ
“เก่งมากคะ”
“เราไม่ใช่เด็กน้อยซักหน่อย”
“อิอิ”
พอฉันให้มิจจิจังกินข้าวจนหมดพร้อมให้กินยาก่อนที่จะให้นอนพัก พอฉันแปะแผ่นคูลฟีเวอร์ให้เสร็จฉันก็ไปที่โต๊ะทำงานเพราะฉันต้องเครีลร์การบ้านกองโตที่ฉันยังไม่ได้เริ่มแม้แต่ตัวอักษรเดียว
‘หนังสือวิชาสังคมอยู่ไหนนะ’ ระหว่างที่ฉันกำลังหาหลังสือเรียนอยู่ฉันก็หันไปเห็นกระดาษน้อยๆข้างๆซองจดหมายเลยหยิบขึ้นมาอ่านดูซึ่งมันเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดแต่มิจจิจังก็เคยสอยฉันไว้ฉันเลยพออ่านได้บ้าง
.....-“ถึงลูกรัก พ่ออยากให้ลูกได้แต่งงานกับเขานะ หวังว่าลูกคงจะเข้าใจความจำเป็นของพ่อแล้วพ่อจะติดต่อกลับมาอีกที ด้วยรักจากพ่อ”-.....
‘งานแต่งงาน? มิจจิจังมีคนที่รักอยู่แล้วงั้นสินะ.....’ เมื่อฉันคิดได้อย่างนั้นฉันก็ต้องพยายามห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้กลับไปรักอีกถึงแม้ว่ามันจะยากแต่ฉันต้องพยายาม
//ร้านเค้กในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ฉันออกจากหอมาซักพักนึงแล้วเพราะหลังจากที่ฉันได้อ่านจดหมายนั่นฉันก็ไม่มีกระจิตรกะใจทำงานเอาซะเลยมัวแต่คิดเรื่องมิจจิจัง ฉันเริ่มรู้ตัวว่าฉันรักมิจจิจังตั้งแต่วันจัดกิจกรรมโรงเรียนแต่ฉันคงจะสู้เขา ที่เป็นคนที่มิจจิจังจะแต่งงานด้วยฉันไม่มีอะไรเทียบได้เลย
ฉันไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง ฐานะทางบ้านรวยหรือปล่าวแต่ฉันรับประกันได้ว่าถ้าหากทำมิจจิจังเสียใจฉันจะไม่นอนอยู่บ้านนิ่งๆแน่ ถ้าหากเขารักมิจจิจังจริงๆและพร้อมที่จะดูแลฉันจะไม่ไปยุ่งหรือไปก้าวก่าย แต่ถ้าหากวันใดทำมิจจิจังเจ็บเมื่อไหร่ต่อให้อยู่ที่ใดในโลกฉันก็จะหาทางไปจนได้
ฉันมีน้าอยู่คนหนึ่งที่ยังนับญาติกับฉันทั้งๆที่ฉันไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร น้าของฉันชื่อที่รักเป็นคนอ่อนโยน และเข้มแข็งเวลาเจอปัญหาเพราะเคยเจอเรื่องร้ายๆและอุปสรรคที่เข้ามารุมล้อมรอบตัวน้าเลยไม่ได้มีปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันนี้เลย น้าของฉันเป็นเจ้าของบริษัทโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในสเปน
น้าที่รักเป็นคนที่รวยมากแต่ก่อนที่น้าจะรวยนั้นมันแสนจะยากลำบากเพราะอุปสรรคที่ฉันเคยบอกนั้นคือการเอาชีวิตให้รอดจากพวกทวงหนี้ที่น้าเคยยืมมาเพื่อตั้งกิจการแต่กลับถูกโกงจนล้มละลาย จนกระทั่งน้าหนีไปพัทยาและไปเจอกับสามีของน้าที่นั่น จะเรียกว่าหนูตกถังข้าวสารก็ว่าได้เพราะสามีของน้าหล่อมาก เหมาะสมกับสโลแกนที่ว่า หล่อและรวยมาก จริงๆแถมยังสุภาพบุรุษมากด้วย
แต่ใน 1 ปีแรกก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไปครอบครัวของสามีน้าไม่ค่อยจะชอบน้าเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าจะแค่กลัวว่าจะมาหลอกเอาเงินเหมือนผู้หญิงคนที่แล้วๆมาน้าเลยพิสูจน์ให้เห็นถึงความขยันและความฉลาดในการแก้ไขปัญหาในงานต่างๆให้อย่างง่ายดาย
‘พอนึกย้อนไปถึงน้าแล้วอยากกอดน้าที่รักจังเลย ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งแต่ฉันขึ้นมัธยมแล้ว’
ฉันนั่งคิดไปคิดมาให้สมองโล่งมานานแล้วซินะสงไสต้องรีบกลับละ ถ้าขืนมิจจิจังลุกขึ้นมาทำทุกอย่างด้วยตัวเองคงจะไม่ดีแน่ๆ ฉันเลยรีบเดินกลับห้องพัก
//ห้องพักในหอ
แกร๊ก!
“กลับมาแล้วเหรอ” ฉันเห็นมิจจิจังยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานแล้วหันมาหาฉัน
“อืม....”
“ไปไหนมา”
“ไปอ่านหนังสือมาคะ”
“ที่ไหน”
“ที่ห้างสรพพสินค้าใกล้ๆนี่เองคะ”
“ทีหลังจะออกไปบอกเรามั่งสิเราเป็นห่วงนะ”
“ค่าาา แล้วนี่หายเป็นไข้แล้วเหรอ” ฉันเดินไปพร้อมกับยกมือขึ้นไปทาบที่หน้าผากมิจจิจัง
“แค่ได้กินยาแล้วนอนนิดๆหน่อยๆก็หายแล้ว”
“อ๋อ งั้นสอนการบ้านเราหน่อยสิ”
ฉันอยากจะถามและอยากจะพูดเรื่องการแต่งงานที่คงจะมีขึ้นตอนที่มิจจิจังเรียนจบไปแล้ว... ฉันไม่สามารถขัดอะไรได้อยู่แล้วถ้าฉันขัดขวางก็เท่ากับฉันไปขัดขวางความรักของเธอมันเป็นความเห็นแก่ตัวที่น่าอายเกินจะรับไหว เพราะฉะนั้นฉันขอเก็บความรู้สึกนี้ไว้ตลอดไป.....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ