ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น
เขียนโดย เพราะเรารักเธอ
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) เลือดของหัวใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMichiko Part
//ห้องพักในหอ
เมื่อคืนฉันฝันถึงแซน เป็นฝันที่เหมือนภาพย้อนหลังที่แซนเข้ามาปกป้องฉันจากพวกที่พยายามหลอกล่อให้ฉันไปเที่ยวกับพวกเขาทั้งสองคนนั้นด้วยใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรซักเท่าไหร่เลยในตอนนั้นฉันกลัวมาก ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปแล้วฉันก็ยังกลัวอยู่ดีเพราะสายตาของเขาทั้งสองคนนั้นที่มองมาทางฉันเหมือนจ้องจะแทะโลมร่างกายฉันให้ไม่เหลือชิ้นดี
ฉันเลยเริ่มรู้สึกแปลกๆกับแซนเพราะแซนได้เข้ามาปกป้องฉันถึง 2 ครั้ง แถมยังดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่คิดจะฉวยโอกาสเหมือนคนอื่น หัวใจดวงน้อยๆของฉันที่เต้นแบบไม่เป็นล้ำเป็นสันทำให้ฉันเกือบจะโผเข้าไปกอดแซนในตอนนั้นฉันทำได้แค่นอนข้างๆแซนและกักเก็บความอบอุ่นและความอ่อนโยนที่แซนไม่เคยมีให้ใคร
ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแซนก็ต้องไปซ้อมวิ่งที่โรงเรียนเพื่อเวลาที่จะไปแข่งจะได้ไม่อ่อนแรงและได้พัฒนาฝีมือไปในตัวฉันอยากจะตามไปด้วยแต่แดดประเทศไทยร้อนเกินไปอย่างที่แซนบอกจริงๆ ร้อนไม่เกรงใจครีมกันแดดเลยนะคะคุณพระอาทิตย์
ฉันนั่งขำกับตัวเองเพราะคิดเพ้อเจ้ออะไรก็ไม่รู้ฉันเลยหาอะไรทำไปเรื่อยเปื่อยเพื่อรอเวลาให้แซนกลับมาจากการซ้อมวิ่งเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวเล่นกันไม่ก็หาอะไรเล่น สุดท้ายฉันก็ไม่มีอะไรทำเลยนอกจากกองการบ้านที่ตั้งชันสูงทำให้ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะไปนั่งทำการบ้าน
“อ่าาาาา ไม่ไหวแล้ว!! น่าเบื่อ!! น่าเบื่อที่สุด!!!”
ฉันเดินออกมาจากโต๊ะทำงานเพื่อเปิดแอร์แล้วค่อยทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงของแซน ‘ฟุดฟิด... ฟุดฟิด... กลิ่นของแซนมันติดอยู่ที่หมอนด้วยละ.... หอมจัง....’ พอฉันนึกอย่างนั้นซักพักนึงก็ต้องเอาหมอนมาปิดหน้าตัวเองเพราะฉันเขินที่คิดอะไรลามกๆออกมา แต่มันก็หอมจริงๆนั่นแหละ
Jugemu jugemu gokou no surikire
Kaijarisuigyo no suigyoumatsu
Unraimatsu fuuraimatsu
Kuuneru tokoro ni sumu tokoro.... ติ๊ด!
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
“เป็นยังไงบ้างลูก ที่ประเทศไทยคงจะไม่มีใครแกล้งใช่ไหม”
“ไม่มีคะ พ่อไม่ต้องส่งบอดี้การ์ดมาแบบครั้งก่อนอีกนะคะ”
“ก็พ่อเป็นห่วงนี่ก็ผ่านมาครึ่งเทอมแล้วคิดถึงพ่อบ้างไหมเนี่ย”
“คิดถึงสิคะพ่อ แล้วแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“แม่เขาไปอยู่บ้านคุณยาย เห็นเธอบอกว่าท่านป่วยเลยจะไปดูแลซักพัก”
“แย่แล้ว! ตอนนี้อาการของคุณยายเป็นยังไงบ้างคะ พ่อพอรู้รึปล่าว”
“ก็คงที่อยู่แต่แม่เขายังไม่ไว้วางใจกว่าจะกลับก็อีกตั้ง 2 วัน”
“เหงาเลยสิคะ”
“ก็ใช่หน่ะสิ อยากให้ลูกสาวคนนี้ของพ่อมาอ้อนพ่อแบบสมัยเด็กจังเลยนะ ตอนนั้นติดแจเลยไม่ใช่หรือไง”
“พ่อคะ หนูโตแล้วนะไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ”
“ฮ่าๆๆ! ยังไงลูกก็ยังเป็นเด็กในสายตาของพ่อเสมอ”
“บู่วววว~~”
“แล้วเรื่องคู่หมั้นที่พ่อบอกไปลูกได้ไปคิดใหม่หรือยัง”
“.....”
“เฮ้อ.... พ่อหวังดีกับลูกอยากจะให้เป็นคุณหญิง คุณนายกับเขาบ้าง แล้วถ้ายิ่งได้ไปแต่งงานกับ เขา เราก็จะได้ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีกนะลูก”
“แต่หนูไม่ได้รักเขานะพ่อ”
“ลูกอยู่ไปนานๆเดี๋ยวก็เข้าใจกันแล้วก็รักกันเอง”
“ไม่มีทาง! หนูไม่มีวันรักเขาแน่ หนูไม่ชอบนิสัยเขา”
“แต่พ่อก็อยากให้ลูกเปิดใจรับเขาดูบ้างนะ เขาก็ดูเป็นคนดีนะลูก”
“เป็นคนดีต่อหน้าพ่อสิค่ะ แต่กับหนูแล้วเค้าเคยลวนลามหนูด้วยนะ”
“จะเป็นไปได้ยังไง เขาออกจะสุภาพขนาดนั้น”
“ถึงพ่อจะพูดยังไงก็ช่าง หนูไม่มีวันที่จะแต่งงานหรือหมั้นกับเขา เด็ด-ขาด!!!”
ติ๊ดด!!
‘ให้ตายสิทำไมพ่อถึงกำหนดคนที่ฉันจะหมั้นด้วยกันนะ’
ฉันไม่ชอบเขาที่พ่อแนะนำให้ในตอนแรกที่ได้มาคุยกันต่อหน้าผู้ใหญ่ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นไปหมด แต่เมื่อถึงเวลาได้คุยกันสายตาของเขาก็เปลี่ยนไปและลักษณะการพูดและการปฏิบัติต่อผู้หญิงฉันให้ติดลบ เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์แห่งใหญ่ที่โตเกียวทำให้เขาคิดว่าผู้หญิงทุกคนต้องมาประจบและเอาตัวเพื่อแลกให้ได้มาเพื่อเงินทองและอำนาจ
แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ยิ่งฉันขัดขืนเขายิ่งชอบใจ ยิ่งฉันหนีเขายิ่งตามทุกหนทุกแห่งทุกที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่เข้ามาเกี่ยวพันกับฉันไม่ว่าจะเป็นในฐานะคนที่มาจีบหรือคนที่จะมาเป็นเพื่อนฉันเขาก็จะจัดการให้ออกห่างฉัน อย่างที่เลวร้ายที่สุดคือการฆ่า หากแต่เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ฉัน เขาเหมือนผู้ชายธรรมดาๆเพียบพร้อมทั่วไป ฉันพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้พ่อกับแม่เห็นแล้วแต่ฉันก็โดนเขาจับได้และทำลายหลักฐาน
“ไปแกล้งแซนให้สบายใจดีกว่า” พอฉันนึกได้อย่างนั้นฉันก็แต่งตัวแล้วรีบเดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปหาแซนที่โรงเรียนแต่ว่า.....
“พี่แซนค่ะ เราชอบพี่แซนมากๆเลย มาคบกับเราได้ไหม”
“เอ๊ะ?!”
พอฉันเดินมาถึงอาคารใกล้ๆสนามกีฬาก็ได้ยินเสียงรุ่นน้องกำลังสารภาพรักกับแซนอยู่
“อ.... เอ่อ.... พี่ขอโทษนะ คือ.... พี่มีคนที่พี่ชอบอยู่แล้ว”
‘เอ๋?’ หลังจากที่ฉันได้ยินแบบนั้นฉันก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลยเพราะประสาทการรับรู้ของฉันมันตื้อไปหมดแล้ว
‘ฉันต้องรีบหนีไปจากตรงนี้ซะแล้วต้องรีบกลับไปก่อนที่แซนจะรู้ตัว....’ พอฉันนึกได้อย่างนั้นฉันก็พยายามย่องหนีจากตรงนั้นให้เบาที่สุดแล้ววิ่งกลับหอ
เมื่อฉันกลับมาถึงหอแล้วฉันก็มานั่งคิดอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่คนเดียว ทำไมฉันต้องกังวลใจขนาดนี้? ทำไมถึงจุกเจ็บที่หน้าอก? คำถามนี้วนอยู่ในหัวฉันอย่างไม่หยุด มันวนเวียนอยู่อย่างนั้นทำให้ฉันไม่สามารถนึกถึงเรื่องอื่นได้เลย....
แปะ.... แปะ.....
“เอ๊ะ?”
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหนแต่เมื่อมันไหลออกมาแล้วฉันไม่สามารถหยุดมันได้เลย ความอัดอั้นที่อยู่ในใจ ความเจ็บที่จุกอยู่ที่อก มันทำให้รู้ว่าน้ำตานี้คือเลือดของหัวใจที่บอบช้ำ......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ