Yesterday อาถรรพ์ วันวาน

10.0

เขียนโดย digitoon

วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.30 น.

  21 ตอน
  3 วิจารณ์
  39.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บทที่เก้า เรื่องลับหลัง...ที่ทำระยำไว้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่เก้า
เรื่องลับหลัง...ที่ทำระยำไว้
                รถของเชนมาจอดตรงหน้าของบ้านหลังหนึ่ง  ซึ่งเชนแน่ใจว่าเป็นบ้านของเอ็มแน่นอนในตอนที่แลกนามบัตรเมื่อตอนเจอกันครั้งล่าสุดกว่าแมกซ์และเชนจะมาถึงที่หมายก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว  แสดงว่าเขาเสียเวลาในการสลบไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
                “ ที่นี่แหละแม็กซ์ ” เชนตอบแล้วเปิดประตูรถลงไปทันทีแมกซ์เองก็รีบเดินลงจากรถแล้วรีบตรงไปที่ประตูบ้านทันที  มือหนากดที่ออดเมื่อไม่เห็นว่ามีใครออกมาก็กดออดรัวๆ ลงไปอีกครั้งด้วยความร้อนรน  แมกซ์หยุดก็เมื่อเห็นป้าคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูบ้าน
                “ มาหาใครหรือพ่อหนุ่ม? ” หญิงดูมีอายุราวๆ สี่สิบเศษถามอย่างเป็นมิตร
                “ คือผมชื่อเชนนะครับ  ส่วนนี่แมกซ์  พวกเราเป็นเพื่อนกับเอ็ม ตอนนี้ผมมีธุระด่วนกับเขาครับ  ”  เชนรีบแนะนำตัวให้กับคนตรงหน้าได้รู้จักทันที
                “ แม่เป็นแม่ของตาเอ็มเอง...ลูกมีอะไรหรือเปล่า?  ”
                “ เอ่อ...คือว่าผมอยากคุยกับตัวเขาเองมากกว่าครับ ”  แมกซ์อึกอักแต่ก็หลีกเลี่ยงความจริงที่จะตอบ  ใครจะไปเชื่อว่าลูกของตนเองกำลังจะโดนผีตามอาฆาต
                “ ถ้าอย่างนั้นลูกมาผิดที่ไปแล้วละลูก  เอ็มน่ะมันอยู่ที่คอนโดแถวๆ ที่ทำงานมัน  ”
                คำตอบของมารดาของเพื่อนทำเอาแมกซ์ถึงกับหน้าถอดสีทันที  แค่เขาเสียเวลาเมื่อตอนกลางวันก็ถือว่ามาช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว  แต่มาผิดที่แบบนี้เขาคงพลาดไปอีกก้าว  ยิ่งเขาต้องเดินทางไปที่คอนโดเขาก็พลาดไปอีกก้าว  ณ ตอนนี้ถือว่าเขาพลาดไปถึงสามก้าวและไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนของเขาจะร้ายหรือดีอย่างไร
                “ แล้วแม่รู้ไหมครับว่าคอนโดของเอ็มอยู่ที่ไหน? ”  แมกซ์ถามต่ออย่างร้อนรน
 
                เมื่อได้คำตอบมาแล้วว่าที่อยู่ของเพื่อนอยู่ที่ไหน  รถของเชนก็ต้องยิ่งขับเร็วขึ้นไปอีกสองเท่าเพื่อให้ไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด  แมกซ์ต้องบอกให้เชนขับรถฝ่าไฟแดงแทบจะทุกไฟแดงเพื่อที่จะย่นระยะเวลา  รถของเชนแล่นมาจอดที่หน้าของคอนโดหรูท่ามกลางกรุง
                “ แม่ของเอ็มบอกว่าเป็นห้อง  1313 ชั้นสิบสามหรอ ”  แมกซ์บ่นเบาๆ  พลางมองขึ้นไปยังคอนโดตรงหน้าอย่างอ่อนใจ
                “ ไปเถอะแมกซ์  เราชักห่วงเอ็มแล้ว  ”  เชนเร่ง  ก่อนที่แมกซ์จะวิ่งเข้าไปในคอนโดแล้วตรงไปยังลิฟต์ทันที
                เมื่อลิฟต์เปิดออกเพื่อนทั้งสองก็เดินหาห้องของเพื่อนแล้วไล่ไปทีละห้องๆ  และก็เจอห้องของชายหนุ่มซึ่งเป็นห้องที่อยู่แทบจะในสุดของชั้นแมกซ์รัวมือเคาะไปที่ประตูพร้อมกับตะโกนเรียก
                “ เอ็ม  ๆ!!! ”
                “.....”   เงียบไม่มีเสียงตอบรับ
                “ เอ็มๆ!!! ”  แมกซ์รัวมือเคาะที่ประตูและตะโกนเสียงดังกว่าเดิม  จนเชนต้องฉุดมือของเพื่อนให้หยุดก่อนที่จะมีคนออกมาโวยวายเพราะมีคนทำเอะอะเสียงดัง
                “ เราว่าพังประตูเข้าไปเลยดีไหม?  ”  เชนเสนอความคิด  ซึ่งแมกซ์เองก็เห็นด้วย  ทั้งสองใช้เวลาในการกระแทกประตูอยู่นานแต่แล้วเรี่ยวแรงชายหนุ่มทั้งสองก็มีพลังเกินกว่าที่ประตูจะกั้นขวางได้  แมกซ์วิ่งเข้าไปในห้องแล้วมองไปรอบๆ ห้องแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเอ็ม
                “ เอ็ม ๆ!!!  ”  แมกซ์ตะโกนเรียก  แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ    เชนได้ยินเสียงน้ำหยดมาจากห้องน้ำเขากลัวเหลือเกินที่จะเป็นไปอย่างที่ชายหนุ่มคิด  ตอนนี้แมกซ์เดินเข้าไปสำรวจเพื่อนในห้องนอน  เขาเองก็ต้องไปสำรวจในห้องน้ำเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา  นิ้วยาวขยับแว่นให้เข้าที่แล้วก้าวเดินไปหยุดที่ประตูห้องน้ำ  แล้วเปิดออกอย่างช้าๆ และก็ทำให้ทั้งสี่ตาของเชนถึงกับช็อกไปทันที
                ภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นเป็นร่างอันเปลือยเปล่าของเอ็มนอนจมน้ำ  ดวงตาเบิกโพลงราวกับว่ากลัวอะไรบางอย่าง ลิ้นจุกปาก  มือและเท้าเกร็งเฉกเช่นกับคนที่กำลังตะเกียดตะกายจะจมน้ำ
                “ แมกซ์...เราว่าเรามาไม่ทันแล้วล่ะ ”
 
                ศพของเชนถูกนำไปชันสูตรที่โรงพยาบาล   แต่ก็พบว่าเอ็มนั้นจมน้ำในอ่างอาบน้ำตาย ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นแต่ก็ไม่มีหลักฐานใดว่าเอ็มจะโดนฆาตกรรม  เช้าวันต่อมาเชนและทุกคนนัดกันไปช่วยงานศพของเพื่อนคนที่สองที่เสียชีวิตเพราะคนที่รู้ว่าใคร
                “ แมกซ์  ฉันว่าไมค์กี้ชักจะหนักข้อขึ้นทุกทีแล้วนะ  นี่คิดจะเอาให้ตายกันทั้งกลุ่มแบบที่หลวงพ่อคนนั้นเขาบอกเลยหรือยังไง  บุญก็ทำให้แล้วยังอยากได้อะไรอีก?”  เจนโวยวายในขณะที่ทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่
                “ ใจเย็นๆ สิเจน...เรายังพิสูจน์ไม่ได้นิว่าเป็นไมค์กี้? ”  มิร่าปลอบประโลม  แล้วเอื้อมแขนมากอดที่เพื่อนอย่างเบาๆ  แม้จะรู้ว่าบาสตายเพราะอุบัติเหตุ แต่ลึกๆแล้วเธอก็รู้ว่าเอ็มไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
                “ ถ้ายังเป็นแบบนี้  เราจะมัวมานั่งรอว่าใครจะเป็นคนต่อไปไม่ได้หรอกนะ? ”  ตี๋พูดพร้อมกับฉายแววตาออกมาอย่างจริงจังแต่เขาก็ไม่อยากจะโทษใครเหมือนกัน
                “ ตี๋...เรารีบไปขอขมาไมค์กี้ไหม เรื่องทุกอย่างจะได้จบๆ ”  เจนผละจากอ้อมอกของมิร่าแล้วมาเขย่ามือชายหนุ่มก่อนที่เจ้าของมือจะตอบออกมาด้วยสีหน้าที่กังวล
                “ ไม่ได้หรอกเจน!  ตอนนี้เราไม่มีรถตู้ที่ไหนว่าเลยกว่าจะว่างก็ตอนที่ เรานัดกันไว้นั่นแหละ ”
                “ เอาเป็นว่าในตอนนี้พวกฉันว่าทุกคนต้องระวังตัวไว้ให้ดี ๆ แล้วกัน จนกว่าจะถึงวันที่เราต้องไปขอขมากัน ” แมกซ์เสนอความคิด
                “ พวกนายก็ใจเย็นได้สิ แมกซ์นายเป็นเพื่อนมันนิ ...นายก็ด้วยเชน เห็นเป็นเพื่อนรักมันมากไม่ใช่หรอ  ทำไมไม่บอกมันให้หยุดอาฆาตละ ?”  เจนอารมณ์ขึ้นเมื่อเห็นว่าแมกซ์ไม่มีทีท่าว่าจะเดือดร้อน
                “ แล้วที่ฉันตามหาเอ็มแทบจะทั้งวัน  ฉันไม่ได้พยายามช่วยพวกเธออยู่หรอเจน  ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปทำอะไรให้ไมค์กี้  แต่มันคงจะเลวร้ายมากไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ร้อนตัวขนาดนี้!!! ”  แมกซ์ตะคอกใส่คนตรงหน้าขึ้นบ้างอย่างเหลืออด
                “ หึ...ใครจะไปรู้ล่ะ ? ไม่แน่นายนั่นแหละอาจจะเป็นคนบอกให้ผีไมค์กี้มาทำร้ายพวกเราก็ได้  ฉันยังไม่ลืมนะว่านายเลิกเป็นเพื่อนกับตี๋ก็เพราะไมค์กี้ ”  เจนลุกขึ้นมาใส่อารมณ์อย่างไม่สนใจว่าตอนนี้ความโศกเศร้าของคนรอบข้างในงานศพเพื่อนจะเป็นอย่างไร  นักแสดงอย่างเธอมีความจริงใจต่อความรู้สึกเสมอไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร  แม้ว่าเธอจะเรียนการควบคุมอารมณ์แต่ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องควบคุมมันอีกต่อไปมิร่าที่นั่งข้างๆ  ถึงกับต้องลุกขึ้นยืนเพื่อรั้งแขนนักแสดงสาวให้นั่งลง
                “ เธอจะเอายังไงกันแน่เจนเธอจะพาลทำไม?  ไอเอ็มไอบาสมันก็เพื่อนฉัน  ฉันคงไม่บ้าให้ใครมาฆ่าเพื่อนฉันหรอกนะ แม้ว่าจะเคยเกลียดกันแค่ไหนแต่มันก็เพื่อน ”
                “ หยุดพาลก่อนได้ไหมเจน? ”  เชนกระซิบผู้เป็นเพื่อนที่กำลังอารมณ์คุกรุ่น  จริงอย่างที่แมกซ์ว่าตั้งแต่แมกซ์มาเป็นเพื่อนกับไมค์กี้ก็ไม่เห็นว่าแมกซ์จะระรานใครสักคน
                “ เชน..นายมันซื่อบื้อ  คงไม่รู้อะไรหรอก? ”  เจนหันมาว่าคนปราม  แล้วหันกลับไปหาแมกซ์อีกครั้ง  “ นายอย่าหาว่าฉันไม่รู้นะว่านายกับไมค์กี้มี.... ”
                “ หยุดได้แล้วเจน!!! ”  ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบประโยค  ตี๋ก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด  “ หยุดพาลได้แล้ว  ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะทำอะไรได้  เธอไม่เกรงใจคนในงานก็เกรงใจเพื่อนเก่าอย่างพวกเราบ้าง  ใครมันจะอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น!!! ”
                “ แต่ตี๋ !!!”  เจนสะบัดสะบิ้งแล้วกับเกาะที่แขนล่ำของชายหนุ่มอย่างออเซาะ “ ก็เจนกลัวนิ  ดูสิเพื่อนตายกันไปทีละคนแบบนี้คนต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร?! ”
                “ เธอจะมากลัวอะไรตอนนี้?  คนตายก็คือคนตายจะมาหลอกหลอนคนเป็นทำไม? ”  ตี๋พูดขึ้นอย่างไม่ไยดี  แม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นฝีมือของใครอย่างเกินครึ่ง
                “ ถ้าไม่มีอะไรฉันกลับแล้วนะ!!! ” ตี๋ลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับ  ก่อนจะหันมาพูดกับเพื่อนแว่นแล้วเดินไปที่รถ  “  เชนฝากนายอยู่ดูต่อด้วยไปงานศพเพื่อนติดกันสองคน  ฉันทนไม่ได้จริงๆ!!! ”
                “ งั้นเราก็กลับบ้างดีกว่า  ไปเถอะเจน ”  มิร่าพูดพรางลากมือเพื่อนสาวให้ไปที่รถของตนเอง  แต่เพื่อนสาวนั้นก็เอาแต่กำลังมองรถของชายหนุ่มที่ตนเองหมายปองจนสุดสายตา 
                เมื่อเห็นเพื่อนกลับกันหมดแล้ว  เหลือแค่เชนและแมกซ์ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในงานศพของเอ็ม  เชนไปตบบ่าเพื่อนเบาๆ  แล้วถามว่า  “ เพื่อนกลับกันหมดแล้วนายจะกลับเลยไหม? ”
                “ แล้วนายละจะกลับตอนไหน ?”  แมกซ์ถามกลับ
                “ เราว่าจะรอให้แขกในงานบางตาลงสักนิดแล้วค่อยกลับน่ะ...จะได้ช่วยแม่ของเอ็มเขาเก็บของด้วย  ”  เชนตอบ  แต่เมื่อเห็นสีหน้าของแมกซ์ไม่สู้ดีนักจึงพูดขึ้น  “ ถ้านายจะกลับก็บอกฉันน่ะ  เดี๋ยวไปส่งนายก่อนก็ได้นายจะได้พักผ่อน ”
                “ ไม่เป็นไรเชน...ฉันจะได้ช่วยนายดูแลทางนี้ด้วย ”  แมกซ์ตอบไป 
                แต่ใจเขานั้นไม่ได้คิดแบบนี้เลยแม้แต่น้อย  เขาแค่ไม่อยากอยู่คนเดียวในตอนนี้  ยิ่งคำพูดของเพื่อนสาวอย่างเจนที่โทษเขาอย่างเต็มๆ  เขายิ่งรู้สึกผิดอะไรหลายๆ อย่าง รู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยใครได้จนต้องสังเวยผู้เป็นเพื่อนไปแล้วถึงสองคน...รู้สึกผิดสำหรับที่ปล่อยให้ไมค์กี้ต้องเจอกับสิ่งที่เลวร้ายจนเกิดเป็นความแค้นเช่นนี้
 
                รถของมิร่าแล่นมาจอดที่บ้านหรูของนักแสดงสาวเพื่อที่จะส่งเจนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย  และจะมารับอีกที่คือวันพรุ่งนี้  ที่เธอไม่ให้เจอขับรถมาเองเพราะเธอไม่อยากขับรถคนเดียวและบ้านของเจนคือทางผ่านบ้านของเธอ
                “ บายเจน  ทูมอโร่วเจอกัน ”  สาวฝรั่งโบกมือให้กับเพื่อนสาวที่กำลังจะเข้าบ้าน 
                “ เวลาเดิมนะ? ”  เจนย้ำ แล้วฉีกยิ้มโบกมือให้เพื่อน  ก่อนที่รถของเจนจะขับออกตัวไปจากหน้าบ้านของเธอ
                ‘โห่ง...โห่ง...โห่ววววววววววววววววววววววววววววววววววว ’
                เสียหมาหอนทำเอานักแสดงสาวขนลุกไปทั้งตัว  แม้ว่าเธอเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์สยองขวัญอยู่หลายเรื่อง  แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะขุนลุกมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ
                “ ไอหมาบ้าหอนหาอะไรย่ะ? ”  หญิงสาวตะโกนด่าหมาตัวหนึ่งที่เห่าหอนอยู่ที่ถังขยะตรงจุดที่เธอเห็นเงาของคนเคลื่อนไหวอยู่วันที่เธอโดนรถชน  ตอนนี้ขนของเธอลุกตั้งชันขึ้นอีกครั้งเหมือนครั้งที่เธอเจอไมค์กี้ครั้งแรก  นักแสดงสาวช่างใจที่จะหันหลังหรือไม่  ถ้าหันไปแล้วจะเจอแบบเดิมหรือเปล่า  เธอตั้งสติสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่จะนับหนึ่งถึงสามในใจแล้วหันหลัง
                “ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!! ” 
                “ อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!! ”
                เจนกรีดร้องขึ้นเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง  ยืนอยู่ตรงหน้าในหน้าขาดจากการทาแป้งอย่างหนาเตอะ  ผมเผ้ารุงรังเพราะเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นเธอกรี๊ด เมื่อเจนตั้งสติได้เธอก็เรียกชื่อคนใช้เสียงดัง“ แจ๋ว ”
                “ คุณหนูมาตั้งนานแล้วทำไมไม่เข้าบ้านคะ?ยืนคุยกับใคร?แล้วเมื่อกี้กรี๊ดทำไม?”  สาวใช้รัวคำถามอย่างงงๆ
                “ แล้วใครใช้ให้แกมายืนทำอะไรลับๆ ล่อๆ  ข้างหลังฉันยะตกใจหมด ?” เจนอารมณ์ขุ่น  เอามือถาบอกหายใจถี่ๆ เพราะเพิ่งตกใจไม่หาย  แล้วก็สะบัดก้นเดินเข้าไปในบ้านทิ้งให้สาวใช้ยืนงงงวยอยู่ที่เดิม
                “ อะไรวะ...เดี๋ยวนี้คุณเจนเขาพานักแสดงเด็กมาบ้านตั้งแต่เมื่อไร? ”  สาวใช้พูดกับตัวเองเบาๆ  เงยหน้าไปที่ประตูรั้วก็ไม่เห็นร่างของเด็กหนุ่มแล้ว  ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังเห็นเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนยืนอยู่ตรงรั้วบ้านอยู่เลย
               
                มิร่าขับรถมาถึงบ้านตนเองโดยใช้เวลาไม่นานนัก  เธอมั่นใจแน่ๆ ว่าเธอไม่เคยทำอะไรให้กับไมค์กี้เลยแม้จะมีแค่เหตุการณ์เดียวแต่เธอก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องเจ็บช้ำปางตาย   มือสวยหมุนลูกบิดประตูเข้าไปในห้องของตนเอง  มิร่าเป็นคนฉลาดและเป็นเด็กกิจกรรมจึงทำให้มีเกียติบัตรหลายๆ อย่างในห้องเพื่อแสดงศักยภาพของเธออย่างภาคภูมิใจ
                “ มีอะไรกินบ้างน้า ”  เธอถามกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปเปิดที่ตู้เย็น  แล้วหยิบสปาเก็ตตี้สำเร็จรูปเข้าไปที่ไมโครเวฟ
                “ กินด้วยสิ ...ฉันหิว? ”  
                “ กินสิ ”  มิร่าพูดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งลอยมาตามลม  แล้วเธอก็เผลอตอบออกมา  มิร่าหันกลับไปมองข้างหลังตัวเองทันที  แต่เธอก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า  ก่อนที่เธอจะปลอบใจตนเองเบาๆ ออกมาว่า  “ สงสัยช่วงนี้ยุ่งจนเพี้ยนนะเรา ”
                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากกระเป๋าใบสวย  ร่างบางสะดุ้งเล็กๆอย่างตกใจอย่างคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  แมกซ์โทรมานั่นเอง
                “ ฮาย...แมกซ์ ”
                “ มิร่า  พอดีว่าฉันโทรมาเช็คดูเฉยๆ ว่าเธอโอเคหรือเปล่า ”  ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง
                “ โอ้ว  แอมฟายด์  โน พร๊อมเบ่ม ”  มิร่าตอบด้วยเสียงที่สดใสอย่างหมดห่วง
                “ โอเค มิร่างั้นเราไม่กวนละ ”
                “ แซงกิ้วนะแม็ก  กู้ดไนท์ ”
                มิร่ากดวางสายประจวบเหมาะกับที่อาหารที่เธออุ่นไว้ได้ที่พอดี  อาหารของเธอส่งกลิ่นหอมอย่างยั่วยวน เธอนั่งลงที่โต๊ะแล้วใช้ส้อมม้วนสปาเก็ตตี้เข้าปาก
                “ เอ๊ะ ทำไมมันจืด? ”  มิร่าอุทานออกมาเบาๆ  เพราะเธอมั่นใจอย่างแน่นอนว่าอาหารของเธอไม่เคยรสชาติจืดชืดเช่นนี้  เธอจึงกินเข้าไปอีกคำปรากฏว่ามันเป็นเช่นเดิม  อาหารของเธอลอยเข้าไปอยู่ในถังขยะทันทีเมื่อเธอคิดว่ามันคงเสียโดยเธอไม่ทันสังเกตเลยว่าในตอนนี้วิญญาณของไมค์กี้ที่ยืนมองเธออยู่ไม่ไกลในมือของเขามีกล่องสปาเก็ตตี้อยู่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา