Yesterday อาถรรพ์ วันวาน
10.0
เขียนโดย digitoon
วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.30 น.
21 ตอน
3 วิจารณ์
39.48K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) บทที่หก เชือดไก่ ...ให้มึงดู
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่หก
เชือดไก่ ...ให้มึงดู
ร่างสูงในชุดสูทสีดำยิ่งส่งเสริมความหล่อเหลาให้เข้ากับนักธุรกิจที่กำลังจะประสบความสำเร็จในไม่ช้า ไม่ว่าสาวๆ หน้าไหนที่เห็นก็ต้องแทบละลายลงไปกองลงกับพื้นด้วยความเสน่หา
“ คุณบุรินทร์ค่ะ บ่ายนี้หลังจากประชุมเสร็จแล้วจะกลับเลยหรือเปล่าคะ?...เพราะคุณสมชายจะขอนัดพบหน่อยน่ะค่ะ ” เลขาสาวเดินเข้ามาในห้องรีบรายงานตารางเวลาที่หัวหน้าอย่าง บุรินทร์ หรือ บาส ต้องรับทราบ
“ คุณสมชายหรอ...รู้หรือเปล่าว่าเขาจะมาคุยกับผมเรื่องอะไร? ”
“ คงเป็นเรื่องที่คุณบุรินทร์ต้องสรุปยอดบัญชีน่ะค่ะ ” เลขาสาวตอบ บาสได้แต่พยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะให้เลขาออกไปก่อน
แม้เขาจะเข้าทำงานเพราะว่าเขาเป็นทายาทของนักธุรกิจพันล้านอย่างสมชาย แต่เขาก็พยายามแสดงศักยภาพในการทำงานออกมาอย่างเต็มที่จนคนในบริษัทยอมรับ เมื่อถึงเวลาที่บาสต้องเขาก็รีบไปหาสมชายเพื่อเข้าไปคุยธุระทันที
“ พ่อมีอะไรกับผมหรอครับ? ” บาสถามหลังจากเดินเข้ามาในห้องของสมชายที่เจ้าของบริษัทกำลังจะเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ
“ พ่อจะให้บาสช่วยดูบัญชีให้หน่อยน่ะ...พ่อไม่อยากให้คนอื่นทำเพราะไม่ไว้ใจ ” สมชายเงยหน้าขึ้นมาแล้วยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้กับลูกชาย
บาสนั่งดูงานจนเวลาล่วงเลยไปจนค่ำมืด สมชายมีธุระจึงรีบกลับไปทำธุระก่อนจึงให้บาสนั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียว ซึ่งบาสก็รับปากว่าจะรีบทำให้เสร็จแล้วจะรีบกลับโดยทันที
เวลาสามทุ่มเช่นนี้ จะมีคนที่ทำงานล่วงเวลาในบริษัทก็คงมีแต่พวกหวังโอทียิ่งใกล้จะสิ้นเดือนเช่นนี้คงมีคนนั่งทำงานอยู่หลายคนเช่นกัน บาสผละจากสมุดบัญชีแล้วคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์แล้วเงยหน้ามองดูนาฬิกาบนเพดานห้อง เขาว่าจะทำงานอีกไม่นานก็คงจะเสร็จ
บาสนั่งทำงานเพลินๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง และเมื่อเขาหันหลังไปมองก็ไม่พบอะไรจึงคิดว่าตนเองคิดไปเอง แต่เมื่อเขาหันกลับมามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ต้องตลึงเมื่อเห็นข้อความสีแดงบางอย่างในนั้น
‘ จำกูได้ไหม ’
“ เฮ้ย ” บาสร้องออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะถีบตัวจนเก้าอี้เลื่อนไปทางด้านหลังจนชิดผนังห้อง
แอร์ที่เย็นเฉียบในห้องก็ไม่สามารถห้ามเหงื่อเม็ดโตที่ผุดมาจากใบหน้าของบาส สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปที่หน้าจอแล้วก็พบว่ามันเป็นปกติไม่มีอะไรที่ผิดแปลกไป เขาได้แต่ถอนหายใจยาวนี่เขาตาฝาดถึงสองครั้งเลยที่เดียว แต่แล้วขาของเขาก็แข็งไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ ก่อนที่จะมีหยดน้ำหยดลงมาจากทางด้านบนจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบกับเด็กหนุ่มใบหน้าบวมอืด แสยะยิ้มมาให้อย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าค่อยเน่าเฝะจนเป็นสีเขียวช้ำยื่นเข้ามาใกล้ๆ หูของบาส
“ ยังจำได้ไหม...มึงจำกูได้หรือยัง? ”
บาสสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อที่ท่วมตัวมันยังคงเปียกชุ่มไปที่ชุดของนักธุรกิจหนุ่ม นี่เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เขาสะบัดหน้าทิ้งความคิดในหัวเขาคงทำงานมากจนเบลอ คิดอีกอย่างเข้าก็ว่าเขานั่งหลังขดหลังแข็งมาเป็นเวลานาน คงต้องยืดเส้นยืดสายบ้าง นักธุรกิจหนุ่มเดินออกไปจากห้องแล้วตรงไปทำธุระที่ห้องน้ำแต่แล้วเขาก็ต้องฉงนทันทีเมื่อออกมาจากห้องแล้วกลับไม่เห็นว่ามีผู้ใดนั่งทำงานอยู่ที่ชั้นสักคน แต่เขาก็ไม่สนใจแล้วเดินไปทำธุระในห้องน้ำ
ในขณะที่ยืดทำธุระส่วนตัวอยู่ ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากห้องน้ำ มันเป็นเสียงเหมือนกับน้ำล้นอ่างแล้วหยดลงที่พื้น ยิ่งบาสเงี่ยหูฟังก็ยิ่งได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มผละออกจากโถฉี่แล้วชะโงกไปดูที่ห้องน้ำ ในหัวคงคิดว่าแม่บ้านคงกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอย่างแน่นอน
“ ใครครับ ?...ป้าไก่หรอ ” บาสถามพลางเรียกชื่อของแม่บ้านประจำตึก
รองเท้าหนังค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า บาสเดินไปเปิดห้องทำทีละห้องทีละห้องและมาถึงห้องในสุด มือหนาจับไปที่ลูกบิดและกำลังจะผลักประตูก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
‘ห้องน้ำออฟฟิชเราเป็นแบบชักโครกและสายชำระ ไม่มีอ่างรองน้ำที่ไหนสักห้อง’
เมื่อสิ้นความคิดเท่านั้นขนของเขาก็ตั้งชันทั้งตัวจนเขารู้สึกได้ ประตูที่ปิดอยู่ค่อยๆ แง้มออกมาราวกับว่าคนข้างในจงใจที่จะเปิดออกมาต้อนรับ เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำยืนก้มหน้าอยู่ภายในห้องน้ำ น้ำจากปลายครางหยดลงที่พื้นจนเกิดเสียง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสียงนั้นมาจากไหน ใบหน้าขาวซีดค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ในตอนนี้บาสแทบอยากจะวิ่งหนีแต่ขากลับไม่ทำตาม
“ คุณบุรินทร์ ” เสียงป้าไก่เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา “ ดึกแล้วยังไม่กลับบ้านอีกหรอคะ? ”
“ ครับป้าไก่ ...ผมจะกลับแล้วครับ ” บาสหันไปตอบตัวเกร็งแล้วหันกลับเข้าไปที่ห้องน้ำนั้นกลับว่างเปล่าไร้เงาผู้ใดหรือแม้กระทั่งรอยหยดน้ำ
ขายาวรีบจ้ำอ้าวไปที่ลานจอดรถของตนเอง โทรศัพท์ที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงสั่นตามแรงสั่นไหวของมือ เขาเลื่อนหน้าจอไปยังสายผู้โทรตอนนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่ไม่เชื่อมันมีจริงและตอนนี้เขาต้องการที่จะโทรหาก็คือแมกซ์
บาสโยนแฟ้มเอกสารเข้าไปในรถคันหรูของตนเองก่อนที่จะใส่เกียร์แล้วเดินหน้าเต็มกำลัง ในมือก็กดโทรหาผู้เป็นเพื่อน โชคดีที่เขาแลกเบอร์เพื่อนในตอนที่ไปทำบุญ
“ รับดิวะแมกซ์ รับดิวะ! ” บาสเร่งผู้เป็นเพื่อนแม้รู้ว่ามันจะไม่มีผลก็ตาม
“ สวัสดีครับ ” ปลายสายรับ
“ แมกซ์หรอวะ?... นี่ฉันเองบาสนะ ” บาสพูดเสียงร้อนรน พลันสายตาก็เหลือบมองไปยังกระจกด้านหลังก็พบร่างเปียกโชกนั่งก้มหน้าอยู่ที่เบาะหลัง
“ นะ...นายอยู่ไหน ” บาสรีบล่ะล่ำละลักถาม แล้วเล่าเรื่องราวที่เขาได้พบเจอมาให้กับเพื่อนปลายสายฟัง แมกซ์จึงรีบบอกที่อยู่ของตนเองทันที สายตาของบาสก็ยังก็คงจับจ้องไปทางกระจกหลังแล้วพบว่าตอนนี้ร่างนั้นหายไปแล้ว
“ มึงจะรีบไปไหน? ” เสียงยานๆ จากด้านหลังดังเข้ามาเหมือนคนมากระซิบที่หู...บาสรู้ทันทีเลยว่าเป็นเสียงใคร
“ กูขอโทษ...กูขอโทษ ”บาสร้องออกมาสุดเสียง
“ กูยกโทษให้มึง ” เสียงกระซิบที่หูอีกครั้ง “ แต่มึงต้องมาอยู่กับกู! ”
บาสเบิกตากว้างด้วยความกลัว ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีมือปริศนามาเลื่อนมาจากทางด้านหลังแล้วปิดที่ตาของชายหนุ่ม
“ ปล่อย...ปล่อยกู ” บาสตะโกนร้องเสียงดังในรถ
แต่เหมือนกับมือปริศนานั้นยิ่งออกแรงกดทับลงที่ตาของบาสแรงขึ้นจนความรู้สึกเจ็บตาแปลบเข้ามา
ด้วยความกลัวบวกกับทำอะไรไม่ถูก บาสออกแรงเหยียบคันเร่งจนเข็มของหน้าปัดความเร็วหมุนขึ้นจนชี้ไปตรงเขตสีแดง รถหรูทะยานไปตามท้องถนนจนรถรอบข้างต้องเป็นฝ่ายหลบรถของนักธุรกิจหนุ่มเสียเอง เมื่อถึงเขตสัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง มือปริศนาก็ค่อยๆ คลายออกจนปล่อยบาสหลุดออกจากพันธนาการ...และรถก็หยุดลง
บาสหายใจถี่ๆ ด้วยความกลัว ใจของเขาเต้นแรงมากกว่าปกติ เขาหันไปที่นั่งข้างๆ ก็พบร่างของไมค์กี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ รอยยิ้มแสนน่าเกลียดปรากฏบนใบหน้าที่ขาดซีดก่อนจะเผยอปากพูดออกมา
“ ขอบคุณนะที่มาอยู่กับกู ”
‘ ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ’ เสียงบีบแตรดังลั่น
ไฟของรถบรรทุกสาดส่องมาจากทางด้านข้างของตัวบาส ชายหนุ่มรีบหันหน้าไปตามเสียงของรถทันที แต่สายไปแล้วรถบบรรทุกกระชั้นชิดรถของบาสเข้ามาใกล้ทุกที ก่อนที่จะชนรถของบาสอย่างแรง
ร่างของบาสกระเด็นออกจากรถทางกระจกด้านหน้า บาสลอยขึ้นไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าอย่างแรงก่อนที่จะหล่นตุ่บลงมาที่ถนน หัวของบาสติดอยู่กับปลายเท้าของไมค์กี้ที่ยืนอยู่ตอนนี้ ใบหน้าขาวซีดแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งเพื่อไว้อาลัยให้กับคนชั่วที่ตายด้วยมือเขาเอง
แมกซ์นั่งรอบาสที่จะมาบ้าน แต่รอนานเท่าไรบาสก็ไม่มาสักที โทรไปก็ไม่มีคนไปรับ ชายหนุ่มเริ่มที่จะอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ แต่แมกซ์ก็ทำอะไรไม่ได้จนเผลอหลับไป
...................................................................................................................................
เสียงออดดังขึ้นมาเพื่อบอกเวลาเลิกเรียน อาจารย์อิงอรที่กำลังสอนอยู่หยุดการเรียนการสอนทันทีแล้วสั่งการบ้านนักเรียน
“ เดี๋ยวกลับไปทำหน้าสามสิบมาส่งครู...แล้วก็อ่านบทที่ห้ามาทั้งหมดด้วย ”
“ โหยยยยยยยยยยยยยยย!!! ” เสียงนักเรียนดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ โอดครวญอะไรกัน...หรืออยากได้เพิ่ม? ” อาจารย์อิงอรพูดติดตลกทำให้เสียงของนักเรียนเงียบแทบจะทันที อาจารย์อิงอรมองไปที่หน้าของไมค์กี้แล้วนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “ อ่อ อีกอย่างอาจารย์มีข่าวดีจะบอก ”
“ ห้องเรานายเมธากรมานะจิตาชัย ได้รับเลือกให้ไปแข่งวิ่งเป็นตัวแทนโรงเรียน ปรบมือให้เพื่อนหน่อย ”เมื่อสิ้นเสียงอาจารย์อิงอรเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาอย่างดังทำเอาไมค์กี้อดที่จะยิ้มไม่ได้
“ อาจารย์เมธีฝากบอกอีกว่ารักษาตัวให้ดีๆ ละ ” อาจารย์อิงอรบอกกับไมค์กี้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“ ไมค์กี้เดี๋ยววันนี้เราคงไม่ได้ไปทำการบ้านกับนายนะ ” แมกซ์พูดพลางรีบเก็บของเข้ากระเป๋าของตนเอง ตั้งแต่แมกซ์และไมค์กี้แอบมีใจให้กันแมกซ์ก็ขอย้ายมานั่งกับไมค์กี้แล้วให้เชนไปนั่งกับตี๋แทน
“ อ่อ..หรอ ” ไมค์กี้ทำหน้าเซ็งนิด ก่อนที่มือหนาจะมายีหัวอย่างเอ็นดู
“ โถ่...วันนี้เรารีบกลับบ้านไปซื้อของให้แม่ ” แมกซ์พูดแล้วสะพายกระเป๋าก่อนที่จะหันหน้ามาร่ำราคนรัก “ ไปก่อนนะ ”
ทั้งสองโบกมือให้กันก่อนที่แมกซ์จะเดินออกไป แมกซ์เจอตี๋ บาส และเอ็มอยู่หน้าห้องแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรต่างคนต่างอยู่ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้
“ เฮ้ย นายดูไอแมกซ์ดิแม่งตั้งแต่สนิทกับไอเด็กใหม่ก็ทำเป็นไม่รู้จักเราเลย ” เอ็มพูดพลางตบเข่าฉาดอย่างหมั่นไส้
“ ยิ่งนับวันยิ่งทำตัวเหมือนแฟนกัน หึ มันจะเป็นแฟนหันไม่ว่าหรอกแต่ทำเป็นไม่เห็นหัวพวกเราเนี่ยดิ ใช้ไม่ได้วะ ” บาสพูดเสริม
“ ว่าแต่นายเป็นนักวิ่งของอาจารย์เมธีอยู่แล้ว...แลวทำไม? ” เอ็มถามก่อนจะหยุดคำพูดเพราะกลัวแทงใจดำ แต่ไม่ทันแล้วเพราะมันแทงใจดำนักกีฬาที่ขี้เกียจอย่างบาสเต็มๆ
“ นั่นดิ...ฉันไม่น่าขี้เกียจซ้อมเลยวะ ” บาสฉุนเฉียวแต่ก็ไม่รู้จะโทษใครนอกจากตนเองก่อนจะพูดออกมาด้วยความแค้นใจ
“ แต่ยังไงตำแหน่งนั้นฉันก็จะต้องเอามันมาให้ได้ มันจะได้รู้ว่าฉันนี่แหละคือตัวแทนห้องไม่ใช่มัน! ”
ตี๋กอดเข่าหันไปมองแผ่นหลังของแมกซ์ที่เพิ่งเดินออกไป ก่อนที่จะพูดต่อ “ เราจะสั่งสอนมันยังไงดีวะ? ”
ทั้งสามนั่งนิ่งไปชั่วอึดใจ...ก่อนที่บาสจะหันมองไปที่ศัตรูแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย
“ ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะว่าจะทำยังไง? ”
“ ยังไงวะ? ” ตี๋ถามพลางหันมามองหน้าผู้เป็นเพื่อนพร้อมกับเอ็ม
“ เชื่อมือฉันเหอะ ตอนนี้แค่รอเวลามันออกมาก็พอ รับรองมันกลัวเราหัวหดแน่นอน? ”
ไมค์กี้นั่งเก็บของอยู่อย่างใจเย็น ในตอนนี้ในห้องมีเพียงแค่เขาที่กำลังนั่งเก็บของและเชนที่ทำการบ้านอยู่ ไมค์กี้เห็นเช่นนั้นจึงไปนั่งด้วยและขอให้เชนสอนการบ้านให้ ทั้งสองนั่งทำการบ้านกันจนเสร็จแล้วตกลงจะกลับบ้านพร้อมกัน
“ ไมค์กี้เราถามอะไรหน่อยดิ ?” เชนพูดในขณะที่เก็บของเข้ากระเป๋าแล้วหันมามองหน้าผู้เป็นเพื่อน
“ ว่าไงเชน? ”
“ นายกับแมกซ์เป็นอะไรกับรึเปล่า? ” เชนถามตามตรง
ไมค์กี้ได้ยินคำถามก็ได้แต่อึ้งเล็กน้อยไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะทั้งสองก็ไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกันแต่มันก็มากกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้ว
“ ตอนนี้ทั้งห้องเขาลือกันว่าพวกนายเป็นแฟนกันแล้วนะ? ” เชนพูดต่อ
“ นายจะไปฟังอะไรกับปากคนละ อย่าคิดมากเลยพวกเราเป็นเพื่อนกันเท่านั้นแหละ เพราะทั้งห้องเราก็มีแค่แมกซ์ที่สนิทด้วยแค่คนเดียว ” ไมค์กี้อึกอักก่อนที่จะตอบอย่างเลี่ยงความจริงและเลี่ยงที่จะไม่สบตาเพื่อนตรงหน้า แต่เชนก็รู้ดีว่าในแววตาของไมค์กี้นั้นตอบอย่างไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
ทั้งสองเดินออกจากห้องแต่แล้วก็ต้องมาสะดุดกับอดีตเพื่อนทั้งสามคน เมื่อคนที่นั่งรอเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกยืนขึ้นทันที
“ อ้าว...วันนี้ไหงแฟนกลับก่อนซะล่ะ? ” ตี๋ถามยียวนแต่ไมค์กี้ไม่สนใจรีบเดินออกไปทันที บาสรีบเดินไปดัดหน้าขวางทางร่างเล็กทันที
“ แหม...รีบไปไหนละครับผม ? อยู่คุยกันก่อนสิ ”
“ นี่พวกนายเลิกยุ่งกับเราได้ไหม ต่างคนต่างอยู่เถอะ เราไม่เอาเรื่องที่พวกนายขังเราในห้องไปฟ้องอาจารย์อิงอรก็ดีแค่ไหนแล้ว! ” ไมค์กี้พูดอย่างเหลืออด
“ ก็ไปฟ้องสิ ขี่ม้าสามศอกไปบอกเลยก็ดีนะ ” เอ็มยียวนอีกครั้ง
“ พอเหอะ!...เราไม่อยากเสียเวลากับพวกนายละ? ” ไมค์กี้ไม่อยากต่อปากต่อคำจึงเดินออกมาอีกครั้ง แต่ทั้งสามคนก็เดินตามหลังของไมค์กี้มาติดๆ ส่วนเชนก็ได้แต่เงียบและไปเดินกลับทั้งสามคนตั้งแต่เจอตรงหน้าห้อง แต่ไมค์กี้ก็เข้าใจและไม่อยากให้เชนเดือดร้อนเพราะเขาอีก
“ พวกนายจะเดินมาทำไม?...จะไปไหนก็ไปดิ! ” แมกซ์หันหน้ามาถามทั้งสามคนที่กำลังเดินตามในขณะที่ไมค์กี้กำลังรอข้ามถนน
“ อะไรฉันก็กลับทางนี้ทุกวันปกติอยู่แล้ว ” บาสตอบแล้วชิงเดินนำหน้าไมค์กี้ทำเป็นรอข้ามถนนไปอย่างไม่สนใจ แม้ว่าไมค์กี้จะรู้ว่าเป็นคำตอบที่โกหกแต่ก็ไม่อยากที่จะสนใจอะไรมากมาย
เมื่อเห็นว่ารถที่ถนนกำลังว่างไมค์กี้ก็เดินข้ามถนนทันที แต่ยังไม่ทันที่จะข้ามถึงฝั่ง จู่ๆ ก็มีมือมาผลักไมค์กี้จนล้มลงไปกองที่ถนน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นมือของบาสนั่นเอง เมื่อผลักร่างเล็กลงไปที่ถนนนั้น เชนก็ทำท่าว่าจะวิ่งเขาไปช่วย แต่บาสก็ฉุดมือเชนและรีบวิ่งข้ามไปอีกฝั่งพร้อมกับทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด ทิ้งให้ไมค์กี้กองอยู่ที่ถนน
ไมค์กี้ที่ล้มลงอยู่กับพื้นได้สติยันตัวให้ตัวเองลุกขึ้นมา แต่ก็ลุกไม่ขึ้นเพราะที่หัวเข่าของไมค์กี้เองเป็นแผลขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกระแทกกับพื้นถนน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ได้ยินเสียงของรถกำลังวิ่งบีบแตรมาด้วยความเร็ว ไมค์กี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จะยืนก็ยืนไม่ได้ ได้แต่นั่งหลับตาปี๋รอความตายที่กำลังจะมาในอีกไม่ช้า
“ นั่งกลางถนนอยากตายหรือไงวะ? ” เสียงชายพูดขึ้นมาทำเอาไมค์กี้ลืมตาขึ้นมามองดูทันที แล้วก็พบว่ารถคันนั้นหักหลบตัวของไมค์กี้ไป
ไมค์กี้ได้สติจึงรีบกลั้นใจลุกขึ้นมาจากพื้นถนน แล้วพาตัวเองไปที่อีกฝั่งทันที ไมค์กี้ได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างถนน น้ำตาคลอที่เบ้าตาด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่
เช้าวันต่อมาไมค์กี้เดินกะโผลกกะเผลกพร้อมกับมีผ้าปิดแผลติดอยู่ที่หัวเข่า เข้ามาในห้องอย่างยากลำบาก
“ ไมค์กี้เป็นอะไร? ” แมกซ์โผล่งถามเมื่อเห็นอาการของไมค์กี้ออกอาการเป็นห่วงอย่างออกหน้าออกตา
“ พอดีเราสะดุดล้มน่ะ...ไม่เป็นไรหรอก ” ไมค์กี้ตอบ เชนที่นั่งมองอยู่ห่างๆ ได้แต่มองแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
“ พวกเราฟังทางนี้มีข่าวดีจะบอก ” เสียงของตี๋ดังเข้ามาในห้องอย่างเรียกร้องความสนใจ “ เรามีตัวแทนโรงเรียนคนใหม่แล้วนะครับผม”
คำพูดของตี๋ทำเอาคนทั้งห้องงงเป็นไก่ตาแตก แต่เมื่อหันไปมองแผลที่เข่าของไมค์กี้ก็ได้คำตอบว่าทำไม
“ ขอเสียงปรบมือให้เพื่อนบาสของเราหน่อย ” เอ็มพูดแล้วสะบัดมือไปทางประตู ก่อนที่บาสจะปรากฏตัวเดินเข้ามา แล้วโบกไม้โบกมือทำราวกับว่าตนเองเป็นแชมป์
“ ไมค์กี้ทำอยู่ๆ นายถึงเป็นแผลละ? ” เจนถามอย่างอดห่วงไม่ได้
“ พอดีเราล้มน่ะ แล้วต้องแข่งอีกสองวันแล้วคงหายไม่ทันอาจารย์เมธีก็เลยให้บาสไปแข่งแทนเรา ” ไมค์กี้ตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
“ เสียใจด้วยนะไมค์กี้ ” มิร่าตอบพร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบาๆ
...................................................................................................................................
“ ทีนี้มันควรตายหรือยัง? ”
แมกซ์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งมากระซิบที่หู เขาเผลอหลับไปที่โซฟาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้แต่ที่แน่ๆ บาสก็ยังไม่มาหาเขาเมื่อคืน ภาพเหตุการณ์ในความฝันมันเหมือนจริงมากและเขาก็จำได้ว่าไมค์กี้เคยล้มจนไม่ได้ลงแข่งแต่เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แมกซ์สับสนในความฝันว่าจะเชื่อดีหรือเปล่า
แมกซ์หยิบโทรศัพท์มาเพื่อที่จะโทรหาบาสด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะกดอะไร ก็มีสายโทรเข้ามา ซึ่งคนคนนั้นคือ เจน
“ ฮัลโหลว่าไงเจน ” บาสรับโทรศัพท์แต่ก็ต้องได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น ของหญิงสาวแล้วก็ต้องได้รับข่าวร้ายที่ประจวบเหมาะกับความฝันเมื่อคืน
“ หือ...หือ...แมกซ์ ฟังเราดีๆ นะ บาสเสียแล้ว ”
เชือดไก่ ...ให้มึงดู
ร่างสูงในชุดสูทสีดำยิ่งส่งเสริมความหล่อเหลาให้เข้ากับนักธุรกิจที่กำลังจะประสบความสำเร็จในไม่ช้า ไม่ว่าสาวๆ หน้าไหนที่เห็นก็ต้องแทบละลายลงไปกองลงกับพื้นด้วยความเสน่หา
“ คุณบุรินทร์ค่ะ บ่ายนี้หลังจากประชุมเสร็จแล้วจะกลับเลยหรือเปล่าคะ?...เพราะคุณสมชายจะขอนัดพบหน่อยน่ะค่ะ ” เลขาสาวเดินเข้ามาในห้องรีบรายงานตารางเวลาที่หัวหน้าอย่าง บุรินทร์ หรือ บาส ต้องรับทราบ
“ คุณสมชายหรอ...รู้หรือเปล่าว่าเขาจะมาคุยกับผมเรื่องอะไร? ”
“ คงเป็นเรื่องที่คุณบุรินทร์ต้องสรุปยอดบัญชีน่ะค่ะ ” เลขาสาวตอบ บาสได้แต่พยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะให้เลขาออกไปก่อน
แม้เขาจะเข้าทำงานเพราะว่าเขาเป็นทายาทของนักธุรกิจพันล้านอย่างสมชาย แต่เขาก็พยายามแสดงศักยภาพในการทำงานออกมาอย่างเต็มที่จนคนในบริษัทยอมรับ เมื่อถึงเวลาที่บาสต้องเขาก็รีบไปหาสมชายเพื่อเข้าไปคุยธุระทันที
“ พ่อมีอะไรกับผมหรอครับ? ” บาสถามหลังจากเดินเข้ามาในห้องของสมชายที่เจ้าของบริษัทกำลังจะเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ
“ พ่อจะให้บาสช่วยดูบัญชีให้หน่อยน่ะ...พ่อไม่อยากให้คนอื่นทำเพราะไม่ไว้ใจ ” สมชายเงยหน้าขึ้นมาแล้วยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้กับลูกชาย
บาสนั่งดูงานจนเวลาล่วงเลยไปจนค่ำมืด สมชายมีธุระจึงรีบกลับไปทำธุระก่อนจึงให้บาสนั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียว ซึ่งบาสก็รับปากว่าจะรีบทำให้เสร็จแล้วจะรีบกลับโดยทันที
เวลาสามทุ่มเช่นนี้ จะมีคนที่ทำงานล่วงเวลาในบริษัทก็คงมีแต่พวกหวังโอทียิ่งใกล้จะสิ้นเดือนเช่นนี้คงมีคนนั่งทำงานอยู่หลายคนเช่นกัน บาสผละจากสมุดบัญชีแล้วคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์แล้วเงยหน้ามองดูนาฬิกาบนเพดานห้อง เขาว่าจะทำงานอีกไม่นานก็คงจะเสร็จ
บาสนั่งทำงานเพลินๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง และเมื่อเขาหันหลังไปมองก็ไม่พบอะไรจึงคิดว่าตนเองคิดไปเอง แต่เมื่อเขาหันกลับมามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ต้องตลึงเมื่อเห็นข้อความสีแดงบางอย่างในนั้น
‘ จำกูได้ไหม ’
“ เฮ้ย ” บาสร้องออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะถีบตัวจนเก้าอี้เลื่อนไปทางด้านหลังจนชิดผนังห้อง
แอร์ที่เย็นเฉียบในห้องก็ไม่สามารถห้ามเหงื่อเม็ดโตที่ผุดมาจากใบหน้าของบาส สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปที่หน้าจอแล้วก็พบว่ามันเป็นปกติไม่มีอะไรที่ผิดแปลกไป เขาได้แต่ถอนหายใจยาวนี่เขาตาฝาดถึงสองครั้งเลยที่เดียว แต่แล้วขาของเขาก็แข็งไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ ก่อนที่จะมีหยดน้ำหยดลงมาจากทางด้านบนจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบกับเด็กหนุ่มใบหน้าบวมอืด แสยะยิ้มมาให้อย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าค่อยเน่าเฝะจนเป็นสีเขียวช้ำยื่นเข้ามาใกล้ๆ หูของบาส
“ ยังจำได้ไหม...มึงจำกูได้หรือยัง? ”
บาสสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อที่ท่วมตัวมันยังคงเปียกชุ่มไปที่ชุดของนักธุรกิจหนุ่ม นี่เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เขาสะบัดหน้าทิ้งความคิดในหัวเขาคงทำงานมากจนเบลอ คิดอีกอย่างเข้าก็ว่าเขานั่งหลังขดหลังแข็งมาเป็นเวลานาน คงต้องยืดเส้นยืดสายบ้าง นักธุรกิจหนุ่มเดินออกไปจากห้องแล้วตรงไปทำธุระที่ห้องน้ำแต่แล้วเขาก็ต้องฉงนทันทีเมื่อออกมาจากห้องแล้วกลับไม่เห็นว่ามีผู้ใดนั่งทำงานอยู่ที่ชั้นสักคน แต่เขาก็ไม่สนใจแล้วเดินไปทำธุระในห้องน้ำ
ในขณะที่ยืดทำธุระส่วนตัวอยู่ ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากห้องน้ำ มันเป็นเสียงเหมือนกับน้ำล้นอ่างแล้วหยดลงที่พื้น ยิ่งบาสเงี่ยหูฟังก็ยิ่งได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มผละออกจากโถฉี่แล้วชะโงกไปดูที่ห้องน้ำ ในหัวคงคิดว่าแม่บ้านคงกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอย่างแน่นอน
“ ใครครับ ?...ป้าไก่หรอ ” บาสถามพลางเรียกชื่อของแม่บ้านประจำตึก
รองเท้าหนังค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า บาสเดินไปเปิดห้องทำทีละห้องทีละห้องและมาถึงห้องในสุด มือหนาจับไปที่ลูกบิดและกำลังจะผลักประตูก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
‘ห้องน้ำออฟฟิชเราเป็นแบบชักโครกและสายชำระ ไม่มีอ่างรองน้ำที่ไหนสักห้อง’
เมื่อสิ้นความคิดเท่านั้นขนของเขาก็ตั้งชันทั้งตัวจนเขารู้สึกได้ ประตูที่ปิดอยู่ค่อยๆ แง้มออกมาราวกับว่าคนข้างในจงใจที่จะเปิดออกมาต้อนรับ เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำยืนก้มหน้าอยู่ภายในห้องน้ำ น้ำจากปลายครางหยดลงที่พื้นจนเกิดเสียง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสียงนั้นมาจากไหน ใบหน้าขาวซีดค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ในตอนนี้บาสแทบอยากจะวิ่งหนีแต่ขากลับไม่ทำตาม
“ คุณบุรินทร์ ” เสียงป้าไก่เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา “ ดึกแล้วยังไม่กลับบ้านอีกหรอคะ? ”
“ ครับป้าไก่ ...ผมจะกลับแล้วครับ ” บาสหันไปตอบตัวเกร็งแล้วหันกลับเข้าไปที่ห้องน้ำนั้นกลับว่างเปล่าไร้เงาผู้ใดหรือแม้กระทั่งรอยหยดน้ำ
ขายาวรีบจ้ำอ้าวไปที่ลานจอดรถของตนเอง โทรศัพท์ที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงสั่นตามแรงสั่นไหวของมือ เขาเลื่อนหน้าจอไปยังสายผู้โทรตอนนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่ไม่เชื่อมันมีจริงและตอนนี้เขาต้องการที่จะโทรหาก็คือแมกซ์
บาสโยนแฟ้มเอกสารเข้าไปในรถคันหรูของตนเองก่อนที่จะใส่เกียร์แล้วเดินหน้าเต็มกำลัง ในมือก็กดโทรหาผู้เป็นเพื่อน โชคดีที่เขาแลกเบอร์เพื่อนในตอนที่ไปทำบุญ
“ รับดิวะแมกซ์ รับดิวะ! ” บาสเร่งผู้เป็นเพื่อนแม้รู้ว่ามันจะไม่มีผลก็ตาม
“ สวัสดีครับ ” ปลายสายรับ
“ แมกซ์หรอวะ?... นี่ฉันเองบาสนะ ” บาสพูดเสียงร้อนรน พลันสายตาก็เหลือบมองไปยังกระจกด้านหลังก็พบร่างเปียกโชกนั่งก้มหน้าอยู่ที่เบาะหลัง
“ นะ...นายอยู่ไหน ” บาสรีบล่ะล่ำละลักถาม แล้วเล่าเรื่องราวที่เขาได้พบเจอมาให้กับเพื่อนปลายสายฟัง แมกซ์จึงรีบบอกที่อยู่ของตนเองทันที สายตาของบาสก็ยังก็คงจับจ้องไปทางกระจกหลังแล้วพบว่าตอนนี้ร่างนั้นหายไปแล้ว
“ มึงจะรีบไปไหน? ” เสียงยานๆ จากด้านหลังดังเข้ามาเหมือนคนมากระซิบที่หู...บาสรู้ทันทีเลยว่าเป็นเสียงใคร
“ กูขอโทษ...กูขอโทษ ”บาสร้องออกมาสุดเสียง
“ กูยกโทษให้มึง ” เสียงกระซิบที่หูอีกครั้ง “ แต่มึงต้องมาอยู่กับกู! ”
บาสเบิกตากว้างด้วยความกลัว ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีมือปริศนามาเลื่อนมาจากทางด้านหลังแล้วปิดที่ตาของชายหนุ่ม
“ ปล่อย...ปล่อยกู ” บาสตะโกนร้องเสียงดังในรถ
แต่เหมือนกับมือปริศนานั้นยิ่งออกแรงกดทับลงที่ตาของบาสแรงขึ้นจนความรู้สึกเจ็บตาแปลบเข้ามา
ด้วยความกลัวบวกกับทำอะไรไม่ถูก บาสออกแรงเหยียบคันเร่งจนเข็มของหน้าปัดความเร็วหมุนขึ้นจนชี้ไปตรงเขตสีแดง รถหรูทะยานไปตามท้องถนนจนรถรอบข้างต้องเป็นฝ่ายหลบรถของนักธุรกิจหนุ่มเสียเอง เมื่อถึงเขตสัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง มือปริศนาก็ค่อยๆ คลายออกจนปล่อยบาสหลุดออกจากพันธนาการ...และรถก็หยุดลง
บาสหายใจถี่ๆ ด้วยความกลัว ใจของเขาเต้นแรงมากกว่าปกติ เขาหันไปที่นั่งข้างๆ ก็พบร่างของไมค์กี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ รอยยิ้มแสนน่าเกลียดปรากฏบนใบหน้าที่ขาดซีดก่อนจะเผยอปากพูดออกมา
“ ขอบคุณนะที่มาอยู่กับกู ”
‘ ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ’ เสียงบีบแตรดังลั่น
ไฟของรถบรรทุกสาดส่องมาจากทางด้านข้างของตัวบาส ชายหนุ่มรีบหันหน้าไปตามเสียงของรถทันที แต่สายไปแล้วรถบบรรทุกกระชั้นชิดรถของบาสเข้ามาใกล้ทุกที ก่อนที่จะชนรถของบาสอย่างแรง
ร่างของบาสกระเด็นออกจากรถทางกระจกด้านหน้า บาสลอยขึ้นไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าอย่างแรงก่อนที่จะหล่นตุ่บลงมาที่ถนน หัวของบาสติดอยู่กับปลายเท้าของไมค์กี้ที่ยืนอยู่ตอนนี้ ใบหน้าขาวซีดแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งเพื่อไว้อาลัยให้กับคนชั่วที่ตายด้วยมือเขาเอง
แมกซ์นั่งรอบาสที่จะมาบ้าน แต่รอนานเท่าไรบาสก็ไม่มาสักที โทรไปก็ไม่มีคนไปรับ ชายหนุ่มเริ่มที่จะอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ แต่แมกซ์ก็ทำอะไรไม่ได้จนเผลอหลับไป
...................................................................................................................................
เสียงออดดังขึ้นมาเพื่อบอกเวลาเลิกเรียน อาจารย์อิงอรที่กำลังสอนอยู่หยุดการเรียนการสอนทันทีแล้วสั่งการบ้านนักเรียน
“ เดี๋ยวกลับไปทำหน้าสามสิบมาส่งครู...แล้วก็อ่านบทที่ห้ามาทั้งหมดด้วย ”
“ โหยยยยยยยยยยยยยยย!!! ” เสียงนักเรียนดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ โอดครวญอะไรกัน...หรืออยากได้เพิ่ม? ” อาจารย์อิงอรพูดติดตลกทำให้เสียงของนักเรียนเงียบแทบจะทันที อาจารย์อิงอรมองไปที่หน้าของไมค์กี้แล้วนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “ อ่อ อีกอย่างอาจารย์มีข่าวดีจะบอก ”
“ ห้องเรานายเมธากรมานะจิตาชัย ได้รับเลือกให้ไปแข่งวิ่งเป็นตัวแทนโรงเรียน ปรบมือให้เพื่อนหน่อย ”เมื่อสิ้นเสียงอาจารย์อิงอรเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาอย่างดังทำเอาไมค์กี้อดที่จะยิ้มไม่ได้
“ อาจารย์เมธีฝากบอกอีกว่ารักษาตัวให้ดีๆ ละ ” อาจารย์อิงอรบอกกับไมค์กี้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“ ไมค์กี้เดี๋ยววันนี้เราคงไม่ได้ไปทำการบ้านกับนายนะ ” แมกซ์พูดพลางรีบเก็บของเข้ากระเป๋าของตนเอง ตั้งแต่แมกซ์และไมค์กี้แอบมีใจให้กันแมกซ์ก็ขอย้ายมานั่งกับไมค์กี้แล้วให้เชนไปนั่งกับตี๋แทน
“ อ่อ..หรอ ” ไมค์กี้ทำหน้าเซ็งนิด ก่อนที่มือหนาจะมายีหัวอย่างเอ็นดู
“ โถ่...วันนี้เรารีบกลับบ้านไปซื้อของให้แม่ ” แมกซ์พูดแล้วสะพายกระเป๋าก่อนที่จะหันหน้ามาร่ำราคนรัก “ ไปก่อนนะ ”
ทั้งสองโบกมือให้กันก่อนที่แมกซ์จะเดินออกไป แมกซ์เจอตี๋ บาส และเอ็มอยู่หน้าห้องแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรต่างคนต่างอยู่ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้
“ เฮ้ย นายดูไอแมกซ์ดิแม่งตั้งแต่สนิทกับไอเด็กใหม่ก็ทำเป็นไม่รู้จักเราเลย ” เอ็มพูดพลางตบเข่าฉาดอย่างหมั่นไส้
“ ยิ่งนับวันยิ่งทำตัวเหมือนแฟนกัน หึ มันจะเป็นแฟนหันไม่ว่าหรอกแต่ทำเป็นไม่เห็นหัวพวกเราเนี่ยดิ ใช้ไม่ได้วะ ” บาสพูดเสริม
“ ว่าแต่นายเป็นนักวิ่งของอาจารย์เมธีอยู่แล้ว...แลวทำไม? ” เอ็มถามก่อนจะหยุดคำพูดเพราะกลัวแทงใจดำ แต่ไม่ทันแล้วเพราะมันแทงใจดำนักกีฬาที่ขี้เกียจอย่างบาสเต็มๆ
“ นั่นดิ...ฉันไม่น่าขี้เกียจซ้อมเลยวะ ” บาสฉุนเฉียวแต่ก็ไม่รู้จะโทษใครนอกจากตนเองก่อนจะพูดออกมาด้วยความแค้นใจ
“ แต่ยังไงตำแหน่งนั้นฉันก็จะต้องเอามันมาให้ได้ มันจะได้รู้ว่าฉันนี่แหละคือตัวแทนห้องไม่ใช่มัน! ”
ตี๋กอดเข่าหันไปมองแผ่นหลังของแมกซ์ที่เพิ่งเดินออกไป ก่อนที่จะพูดต่อ “ เราจะสั่งสอนมันยังไงดีวะ? ”
ทั้งสามนั่งนิ่งไปชั่วอึดใจ...ก่อนที่บาสจะหันมองไปที่ศัตรูแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย
“ ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะว่าจะทำยังไง? ”
“ ยังไงวะ? ” ตี๋ถามพลางหันมามองหน้าผู้เป็นเพื่อนพร้อมกับเอ็ม
“ เชื่อมือฉันเหอะ ตอนนี้แค่รอเวลามันออกมาก็พอ รับรองมันกลัวเราหัวหดแน่นอน? ”
ไมค์กี้นั่งเก็บของอยู่อย่างใจเย็น ในตอนนี้ในห้องมีเพียงแค่เขาที่กำลังนั่งเก็บของและเชนที่ทำการบ้านอยู่ ไมค์กี้เห็นเช่นนั้นจึงไปนั่งด้วยและขอให้เชนสอนการบ้านให้ ทั้งสองนั่งทำการบ้านกันจนเสร็จแล้วตกลงจะกลับบ้านพร้อมกัน
“ ไมค์กี้เราถามอะไรหน่อยดิ ?” เชนพูดในขณะที่เก็บของเข้ากระเป๋าแล้วหันมามองหน้าผู้เป็นเพื่อน
“ ว่าไงเชน? ”
“ นายกับแมกซ์เป็นอะไรกับรึเปล่า? ” เชนถามตามตรง
ไมค์กี้ได้ยินคำถามก็ได้แต่อึ้งเล็กน้อยไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะทั้งสองก็ไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกันแต่มันก็มากกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้ว
“ ตอนนี้ทั้งห้องเขาลือกันว่าพวกนายเป็นแฟนกันแล้วนะ? ” เชนพูดต่อ
“ นายจะไปฟังอะไรกับปากคนละ อย่าคิดมากเลยพวกเราเป็นเพื่อนกันเท่านั้นแหละ เพราะทั้งห้องเราก็มีแค่แมกซ์ที่สนิทด้วยแค่คนเดียว ” ไมค์กี้อึกอักก่อนที่จะตอบอย่างเลี่ยงความจริงและเลี่ยงที่จะไม่สบตาเพื่อนตรงหน้า แต่เชนก็รู้ดีว่าในแววตาของไมค์กี้นั้นตอบอย่างไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
ทั้งสองเดินออกจากห้องแต่แล้วก็ต้องมาสะดุดกับอดีตเพื่อนทั้งสามคน เมื่อคนที่นั่งรอเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกยืนขึ้นทันที
“ อ้าว...วันนี้ไหงแฟนกลับก่อนซะล่ะ? ” ตี๋ถามยียวนแต่ไมค์กี้ไม่สนใจรีบเดินออกไปทันที บาสรีบเดินไปดัดหน้าขวางทางร่างเล็กทันที
“ แหม...รีบไปไหนละครับผม ? อยู่คุยกันก่อนสิ ”
“ นี่พวกนายเลิกยุ่งกับเราได้ไหม ต่างคนต่างอยู่เถอะ เราไม่เอาเรื่องที่พวกนายขังเราในห้องไปฟ้องอาจารย์อิงอรก็ดีแค่ไหนแล้ว! ” ไมค์กี้พูดอย่างเหลืออด
“ ก็ไปฟ้องสิ ขี่ม้าสามศอกไปบอกเลยก็ดีนะ ” เอ็มยียวนอีกครั้ง
“ พอเหอะ!...เราไม่อยากเสียเวลากับพวกนายละ? ” ไมค์กี้ไม่อยากต่อปากต่อคำจึงเดินออกมาอีกครั้ง แต่ทั้งสามคนก็เดินตามหลังของไมค์กี้มาติดๆ ส่วนเชนก็ได้แต่เงียบและไปเดินกลับทั้งสามคนตั้งแต่เจอตรงหน้าห้อง แต่ไมค์กี้ก็เข้าใจและไม่อยากให้เชนเดือดร้อนเพราะเขาอีก
“ พวกนายจะเดินมาทำไม?...จะไปไหนก็ไปดิ! ” แมกซ์หันหน้ามาถามทั้งสามคนที่กำลังเดินตามในขณะที่ไมค์กี้กำลังรอข้ามถนน
“ อะไรฉันก็กลับทางนี้ทุกวันปกติอยู่แล้ว ” บาสตอบแล้วชิงเดินนำหน้าไมค์กี้ทำเป็นรอข้ามถนนไปอย่างไม่สนใจ แม้ว่าไมค์กี้จะรู้ว่าเป็นคำตอบที่โกหกแต่ก็ไม่อยากที่จะสนใจอะไรมากมาย
เมื่อเห็นว่ารถที่ถนนกำลังว่างไมค์กี้ก็เดินข้ามถนนทันที แต่ยังไม่ทันที่จะข้ามถึงฝั่ง จู่ๆ ก็มีมือมาผลักไมค์กี้จนล้มลงไปกองที่ถนน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นมือของบาสนั่นเอง เมื่อผลักร่างเล็กลงไปที่ถนนนั้น เชนก็ทำท่าว่าจะวิ่งเขาไปช่วย แต่บาสก็ฉุดมือเชนและรีบวิ่งข้ามไปอีกฝั่งพร้อมกับทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด ทิ้งให้ไมค์กี้กองอยู่ที่ถนน
ไมค์กี้ที่ล้มลงอยู่กับพื้นได้สติยันตัวให้ตัวเองลุกขึ้นมา แต่ก็ลุกไม่ขึ้นเพราะที่หัวเข่าของไมค์กี้เองเป็นแผลขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกระแทกกับพื้นถนน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ได้ยินเสียงของรถกำลังวิ่งบีบแตรมาด้วยความเร็ว ไมค์กี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จะยืนก็ยืนไม่ได้ ได้แต่นั่งหลับตาปี๋รอความตายที่กำลังจะมาในอีกไม่ช้า
“ นั่งกลางถนนอยากตายหรือไงวะ? ” เสียงชายพูดขึ้นมาทำเอาไมค์กี้ลืมตาขึ้นมามองดูทันที แล้วก็พบว่ารถคันนั้นหักหลบตัวของไมค์กี้ไป
ไมค์กี้ได้สติจึงรีบกลั้นใจลุกขึ้นมาจากพื้นถนน แล้วพาตัวเองไปที่อีกฝั่งทันที ไมค์กี้ได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างถนน น้ำตาคลอที่เบ้าตาด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่
เช้าวันต่อมาไมค์กี้เดินกะโผลกกะเผลกพร้อมกับมีผ้าปิดแผลติดอยู่ที่หัวเข่า เข้ามาในห้องอย่างยากลำบาก
“ ไมค์กี้เป็นอะไร? ” แมกซ์โผล่งถามเมื่อเห็นอาการของไมค์กี้ออกอาการเป็นห่วงอย่างออกหน้าออกตา
“ พอดีเราสะดุดล้มน่ะ...ไม่เป็นไรหรอก ” ไมค์กี้ตอบ เชนที่นั่งมองอยู่ห่างๆ ได้แต่มองแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
“ พวกเราฟังทางนี้มีข่าวดีจะบอก ” เสียงของตี๋ดังเข้ามาในห้องอย่างเรียกร้องความสนใจ “ เรามีตัวแทนโรงเรียนคนใหม่แล้วนะครับผม”
คำพูดของตี๋ทำเอาคนทั้งห้องงงเป็นไก่ตาแตก แต่เมื่อหันไปมองแผลที่เข่าของไมค์กี้ก็ได้คำตอบว่าทำไม
“ ขอเสียงปรบมือให้เพื่อนบาสของเราหน่อย ” เอ็มพูดแล้วสะบัดมือไปทางประตู ก่อนที่บาสจะปรากฏตัวเดินเข้ามา แล้วโบกไม้โบกมือทำราวกับว่าตนเองเป็นแชมป์
“ ไมค์กี้ทำอยู่ๆ นายถึงเป็นแผลละ? ” เจนถามอย่างอดห่วงไม่ได้
“ พอดีเราล้มน่ะ แล้วต้องแข่งอีกสองวันแล้วคงหายไม่ทันอาจารย์เมธีก็เลยให้บาสไปแข่งแทนเรา ” ไมค์กี้ตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
“ เสียใจด้วยนะไมค์กี้ ” มิร่าตอบพร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบาๆ
...................................................................................................................................
“ ทีนี้มันควรตายหรือยัง? ”
แมกซ์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งมากระซิบที่หู เขาเผลอหลับไปที่โซฟาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้แต่ที่แน่ๆ บาสก็ยังไม่มาหาเขาเมื่อคืน ภาพเหตุการณ์ในความฝันมันเหมือนจริงมากและเขาก็จำได้ว่าไมค์กี้เคยล้มจนไม่ได้ลงแข่งแต่เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แมกซ์สับสนในความฝันว่าจะเชื่อดีหรือเปล่า
แมกซ์หยิบโทรศัพท์มาเพื่อที่จะโทรหาบาสด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะกดอะไร ก็มีสายโทรเข้ามา ซึ่งคนคนนั้นคือ เจน
“ ฮัลโหลว่าไงเจน ” บาสรับโทรศัพท์แต่ก็ต้องได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น ของหญิงสาวแล้วก็ต้องได้รับข่าวร้ายที่ประจวบเหมาะกับความฝันเมื่อคืน
“ หือ...หือ...แมกซ์ ฟังเราดีๆ นะ บาสเสียแล้ว ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ