Yesterday อาถรรพ์ วันวาน

10.0

เขียนโดย digitoon

วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.30 น.

  21 ตอน
  3 วิจารณ์
  39.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่หก เชือดไก่ ...ให้มึงดู

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่หก
เชือดไก่ ...ให้มึงดู
                ร่างสูงในชุดสูทสีดำยิ่งส่งเสริมความหล่อเหลาให้เข้ากับนักธุรกิจที่กำลังจะประสบความสำเร็จในไม่ช้า  ไม่ว่าสาวๆ หน้าไหนที่เห็นก็ต้องแทบละลายลงไปกองลงกับพื้นด้วยความเสน่หา
                “ คุณบุรินทร์ค่ะ บ่ายนี้หลังจากประชุมเสร็จแล้วจะกลับเลยหรือเปล่าคะ?...เพราะคุณสมชายจะขอนัดพบหน่อยน่ะค่ะ ”  เลขาสาวเดินเข้ามาในห้องรีบรายงานตารางเวลาที่หัวหน้าอย่าง บุรินทร์ หรือ บาส ต้องรับทราบ
                “ คุณสมชายหรอ...รู้หรือเปล่าว่าเขาจะมาคุยกับผมเรื่องอะไร? ”
                “ คงเป็นเรื่องที่คุณบุรินทร์ต้องสรุปยอดบัญชีน่ะค่ะ ” เลขาสาวตอบ บาสได้แต่พยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะให้เลขาออกไปก่อน
                แม้เขาจะเข้าทำงานเพราะว่าเขาเป็นทายาทของนักธุรกิจพันล้านอย่างสมชาย  แต่เขาก็พยายามแสดงศักยภาพในการทำงานออกมาอย่างเต็มที่จนคนในบริษัทยอมรับ  เมื่อถึงเวลาที่บาสต้องเขาก็รีบไปหาสมชายเพื่อเข้าไปคุยธุระทันที
                “ พ่อมีอะไรกับผมหรอครับ? ”  บาสถามหลังจากเดินเข้ามาในห้องของสมชายที่เจ้าของบริษัทกำลังจะเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ
                “ พ่อจะให้บาสช่วยดูบัญชีให้หน่อยน่ะ...พ่อไม่อยากให้คนอื่นทำเพราะไม่ไว้ใจ ”  สมชายเงยหน้าขึ้นมาแล้วยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้กับลูกชาย
               
                บาสนั่งดูงานจนเวลาล่วงเลยไปจนค่ำมืด  สมชายมีธุระจึงรีบกลับไปทำธุระก่อนจึงให้บาสนั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียว  ซึ่งบาสก็รับปากว่าจะรีบทำให้เสร็จแล้วจะรีบกลับโดยทันที
                เวลาสามทุ่มเช่นนี้  จะมีคนที่ทำงานล่วงเวลาในบริษัทก็คงมีแต่พวกหวังโอทียิ่งใกล้จะสิ้นเดือนเช่นนี้คงมีคนนั่งทำงานอยู่หลายคนเช่นกัน  บาสผละจากสมุดบัญชีแล้วคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์แล้วเงยหน้ามองดูนาฬิกาบนเพดานห้อง  เขาว่าจะทำงานอีกไม่นานก็คงจะเสร็จ
                บาสนั่งทำงานเพลินๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง  และเมื่อเขาหันหลังไปมองก็ไม่พบอะไรจึงคิดว่าตนเองคิดไปเอง  แต่เมื่อเขาหันกลับมามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ต้องตลึงเมื่อเห็นข้อความสีแดงบางอย่างในนั้น
                ‘ จำกูได้ไหม ’
                “ เฮ้ย ”  บาสร้องออกมาเสียงดัง  ก่อนที่จะถีบตัวจนเก้าอี้เลื่อนไปทางด้านหลังจนชิดผนังห้อง
                 แอร์ที่เย็นเฉียบในห้องก็ไม่สามารถห้ามเหงื่อเม็ดโตที่ผุดมาจากใบหน้าของบาส  สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปที่หน้าจอแล้วก็พบว่ามันเป็นปกติไม่มีอะไรที่ผิดแปลกไป เขาได้แต่ถอนหายใจยาวนี่เขาตาฝาดถึงสองครั้งเลยที่เดียว   แต่แล้วขาของเขาก็แข็งไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ ก่อนที่จะมีหยดน้ำหยดลงมาจากทางด้านบนจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง  ก็พบกับเด็กหนุ่มใบหน้าบวมอืด แสยะยิ้มมาให้อย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าค่อยเน่าเฝะจนเป็นสีเขียวช้ำยื่นเข้ามาใกล้ๆ หูของบาส      
                “ ยังจำได้ไหม...มึงจำกูได้หรือยัง? ”
                บาสสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อที่ท่วมตัวมันยังคงเปียกชุ่มไปที่ชุดของนักธุรกิจหนุ่ม  นี่เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เขาสะบัดหน้าทิ้งความคิดในหัวเขาคงทำงานมากจนเบลอ คิดอีกอย่างเข้าก็ว่าเขานั่งหลังขดหลังแข็งมาเป็นเวลานาน  คงต้องยืดเส้นยืดสายบ้าง  นักธุรกิจหนุ่มเดินออกไปจากห้องแล้วตรงไปทำธุระที่ห้องน้ำแต่แล้วเขาก็ต้องฉงนทันทีเมื่อออกมาจากห้องแล้วกลับไม่เห็นว่ามีผู้ใดนั่งทำงานอยู่ที่ชั้นสักคน  แต่เขาก็ไม่สนใจแล้วเดินไปทำธุระในห้องน้ำ
                ในขณะที่ยืดทำธุระส่วนตัวอยู่  ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากห้องน้ำ มันเป็นเสียงเหมือนกับน้ำล้นอ่างแล้วหยดลงที่พื้น  ยิ่งบาสเงี่ยหูฟังก็ยิ่งได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  ชายหนุ่มผละออกจากโถฉี่แล้วชะโงกไปดูที่ห้องน้ำ ในหัวคงคิดว่าแม่บ้านคงกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอย่างแน่นอน
                “ ใครครับ ?...ป้าไก่หรอ ” บาสถามพลางเรียกชื่อของแม่บ้านประจำตึก
                รองเท้าหนังค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า บาสเดินไปเปิดห้องทำทีละห้องทีละห้องและมาถึงห้องในสุด มือหนาจับไปที่ลูกบิดและกำลังจะผลักประตูก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
                ‘ห้องน้ำออฟฟิชเราเป็นแบบชักโครกและสายชำระ  ไม่มีอ่างรองน้ำที่ไหนสักห้อง’
                เมื่อสิ้นความคิดเท่านั้นขนของเขาก็ตั้งชันทั้งตัวจนเขารู้สึกได้  ประตูที่ปิดอยู่ค่อยๆ แง้มออกมาราวกับว่าคนข้างในจงใจที่จะเปิดออกมาต้อนรับ  เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำยืนก้มหน้าอยู่ภายในห้องน้ำ น้ำจากปลายครางหยดลงที่พื้นจนเกิดเสียง  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสียงนั้นมาจากไหน ใบหน้าขาวซีดค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ในตอนนี้บาสแทบอยากจะวิ่งหนีแต่ขากลับไม่ทำตาม
                “ คุณบุรินทร์ ”  เสียงป้าไก่เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา “ ดึกแล้วยังไม่กลับบ้านอีกหรอคะ? ”
                “ ครับป้าไก่ ...ผมจะกลับแล้วครับ ” บาสหันไปตอบตัวเกร็งแล้วหันกลับเข้าไปที่ห้องน้ำนั้นกลับว่างเปล่าไร้เงาผู้ใดหรือแม้กระทั่งรอยหยดน้ำ
                ขายาวรีบจ้ำอ้าวไปที่ลานจอดรถของตนเอง  โทรศัพท์ที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงสั่นตามแรงสั่นไหวของมือ  เขาเลื่อนหน้าจอไปยังสายผู้โทรตอนนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่ไม่เชื่อมันมีจริงและตอนนี้เขาต้องการที่จะโทรหาก็คือแมกซ์
                บาสโยนแฟ้มเอกสารเข้าไปในรถคันหรูของตนเองก่อนที่จะใส่เกียร์แล้วเดินหน้าเต็มกำลัง  ในมือก็กดโทรหาผู้เป็นเพื่อน โชคดีที่เขาแลกเบอร์เพื่อนในตอนที่ไปทำบุญ 
                 “ รับดิวะแมกซ์ รับดิวะ! ” บาสเร่งผู้เป็นเพื่อนแม้รู้ว่ามันจะไม่มีผลก็ตาม
                “ สวัสดีครับ ” ปลายสายรับ
                “ แมกซ์หรอวะ?... นี่ฉันเองบาสนะ  ” บาสพูดเสียงร้อนรน  พลันสายตาก็เหลือบมองไปยังกระจกด้านหลังก็พบร่างเปียกโชกนั่งก้มหน้าอยู่ที่เบาะหลัง
                “ นะ...นายอยู่ไหน  ”  บาสรีบล่ะล่ำละลักถาม แล้วเล่าเรื่องราวที่เขาได้พบเจอมาให้กับเพื่อนปลายสายฟัง  แมกซ์จึงรีบบอกที่อยู่ของตนเองทันที สายตาของบาสก็ยังก็คงจับจ้องไปทางกระจกหลังแล้วพบว่าตอนนี้ร่างนั้นหายไปแล้ว
                “ มึงจะรีบไปไหน? ”  เสียงยานๆ จากด้านหลังดังเข้ามาเหมือนคนมากระซิบที่หู...บาสรู้ทันทีเลยว่าเป็นเสียงใคร
                “ กูขอโทษ...กูขอโทษ ”บาสร้องออกมาสุดเสียง
                “ กูยกโทษให้มึง ” เสียงกระซิบที่หูอีกครั้ง “ แต่มึงต้องมาอยู่กับกู! ”
                บาสเบิกตากว้างด้วยความกลัว  ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีมือปริศนามาเลื่อนมาจากทางด้านหลังแล้วปิดที่ตาของชายหนุ่ม 
                “ ปล่อย...ปล่อยกู ” บาสตะโกนร้องเสียงดังในรถ
                แต่เหมือนกับมือปริศนานั้นยิ่งออกแรงกดทับลงที่ตาของบาสแรงขึ้นจนความรู้สึกเจ็บตาแปลบเข้ามา 
                ด้วยความกลัวบวกกับทำอะไรไม่ถูก  บาสออกแรงเหยียบคันเร่งจนเข็มของหน้าปัดความเร็วหมุนขึ้นจนชี้ไปตรงเขตสีแดง  รถหรูทะยานไปตามท้องถนนจนรถรอบข้างต้องเป็นฝ่ายหลบรถของนักธุรกิจหนุ่มเสียเอง  เมื่อถึงเขตสัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง มือปริศนาก็ค่อยๆ คลายออกจนปล่อยบาสหลุดออกจากพันธนาการ...และรถก็หยุดลง
                บาสหายใจถี่ๆ ด้วยความกลัว  ใจของเขาเต้นแรงมากกว่าปกติ เขาหันไปที่นั่งข้างๆ ก็พบร่างของไมค์กี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ  รอยยิ้มแสนน่าเกลียดปรากฏบนใบหน้าที่ขาดซีดก่อนจะเผยอปากพูดออกมา
                “ ขอบคุณนะที่มาอยู่กับกู ”
               
                ‘ ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ’  เสียงบีบแตรดังลั่น 
                ไฟของรถบรรทุกสาดส่องมาจากทางด้านข้างของตัวบาส  ชายหนุ่มรีบหันหน้าไปตามเสียงของรถทันที  แต่สายไปแล้วรถบบรรทุกกระชั้นชิดรถของบาสเข้ามาใกล้ทุกที  ก่อนที่จะชนรถของบาสอย่างแรง
                ร่างของบาสกระเด็นออกจากรถทางกระจกด้านหน้า  บาสลอยขึ้นไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าอย่างแรงก่อนที่จะหล่นตุ่บลงมาที่ถนน  หัวของบาสติดอยู่กับปลายเท้าของไมค์กี้ที่ยืนอยู่ตอนนี้ ใบหน้าขาวซีดแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งเพื่อไว้อาลัยให้กับคนชั่วที่ตายด้วยมือเขาเอง
                แมกซ์นั่งรอบาสที่จะมาบ้าน  แต่รอนานเท่าไรบาสก็ไม่มาสักที โทรไปก็ไม่มีคนไปรับ ชายหนุ่มเริ่มที่จะอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้  แต่แมกซ์ก็ทำอะไรไม่ได้จนเผลอหลับไป
 
                ...................................................................................................................................
 
                เสียงออดดังขึ้นมาเพื่อบอกเวลาเลิกเรียน อาจารย์อิงอรที่กำลังสอนอยู่หยุดการเรียนการสอนทันทีแล้วสั่งการบ้านนักเรียน
                “ เดี๋ยวกลับไปทำหน้าสามสิบมาส่งครู...แล้วก็อ่านบทที่ห้ามาทั้งหมดด้วย ”
                “ โหยยยยยยยยยยยยยยย!!! ”  เสียงนักเรียนดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย 
                “ โอดครวญอะไรกัน...หรืออยากได้เพิ่ม? ” อาจารย์อิงอรพูดติดตลกทำให้เสียงของนักเรียนเงียบแทบจะทันที  อาจารย์อิงอรมองไปที่หน้าของไมค์กี้แล้วนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “ อ่อ อีกอย่างอาจารย์มีข่าวดีจะบอก ”
                “ ห้องเรานายเมธากรมานะจิตาชัย ได้รับเลือกให้ไปแข่งวิ่งเป็นตัวแทนโรงเรียน ปรบมือให้เพื่อนหน่อย ”เมื่อสิ้นเสียงอาจารย์อิงอรเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาอย่างดังทำเอาไมค์กี้อดที่จะยิ้มไม่ได้
                “ อาจารย์เมธีฝากบอกอีกว่ารักษาตัวให้ดีๆ ละ ”  อาจารย์อิงอรบอกกับไมค์กี้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป            
                “ ไมค์กี้เดี๋ยววันนี้เราคงไม่ได้ไปทำการบ้านกับนายนะ ”  แมกซ์พูดพลางรีบเก็บของเข้ากระเป๋าของตนเอง  ตั้งแต่แมกซ์และไมค์กี้แอบมีใจให้กันแมกซ์ก็ขอย้ายมานั่งกับไมค์กี้แล้วให้เชนไปนั่งกับตี๋แทน
                “ อ่อ..หรอ ”  ไมค์กี้ทำหน้าเซ็งนิด  ก่อนที่มือหนาจะมายีหัวอย่างเอ็นดู
                “ โถ่...วันนี้เรารีบกลับบ้านไปซื้อของให้แม่ ”  แมกซ์พูดแล้วสะพายกระเป๋าก่อนที่จะหันหน้ามาร่ำราคนรัก “ ไปก่อนนะ ”
                ทั้งสองโบกมือให้กันก่อนที่แมกซ์จะเดินออกไป  แมกซ์เจอตี๋ บาส และเอ็มอยู่หน้าห้องแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรต่างคนต่างอยู่ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้
                “ เฮ้ย  นายดูไอแมกซ์ดิแม่งตั้งแต่สนิทกับไอเด็กใหม่ก็ทำเป็นไม่รู้จักเราเลย ”  เอ็มพูดพลางตบเข่าฉาดอย่างหมั่นไส้
                “ ยิ่งนับวันยิ่งทำตัวเหมือนแฟนกัน  หึ มันจะเป็นแฟนหันไม่ว่าหรอกแต่ทำเป็นไม่เห็นหัวพวกเราเนี่ยดิ  ใช้ไม่ได้วะ ”  บาสพูดเสริม
                “ ว่าแต่นายเป็นนักวิ่งของอาจารย์เมธีอยู่แล้ว...แลวทำไม? ”  เอ็มถามก่อนจะหยุดคำพูดเพราะกลัวแทงใจดำ  แต่ไม่ทันแล้วเพราะมันแทงใจดำนักกีฬาที่ขี้เกียจอย่างบาสเต็มๆ
                “ นั่นดิ...ฉันไม่น่าขี้เกียจซ้อมเลยวะ ”  บาสฉุนเฉียวแต่ก็ไม่รู้จะโทษใครนอกจากตนเองก่อนจะพูดออกมาด้วยความแค้นใจ
                “ แต่ยังไงตำแหน่งนั้นฉันก็จะต้องเอามันมาให้ได้  มันจะได้รู้ว่าฉันนี่แหละคือตัวแทนห้องไม่ใช่มัน! ”
                ตี๋กอดเข่าหันไปมองแผ่นหลังของแมกซ์ที่เพิ่งเดินออกไป  ก่อนที่จะพูดต่อ “ เราจะสั่งสอนมันยังไงดีวะ? ”
                ทั้งสามนั่งนิ่งไปชั่วอึดใจ...ก่อนที่บาสจะหันมองไปที่ศัตรูแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย
                “  ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะว่าจะทำยังไง? ”
                “ ยังไงวะ? ”  ตี๋ถามพลางหันมามองหน้าผู้เป็นเพื่อนพร้อมกับเอ็ม 
                “ เชื่อมือฉันเหอะ ตอนนี้แค่รอเวลามันออกมาก็พอ รับรองมันกลัวเราหัวหดแน่นอน? ”            
               
                ไมค์กี้นั่งเก็บของอยู่อย่างใจเย็น  ในตอนนี้ในห้องมีเพียงแค่เขาที่กำลังนั่งเก็บของและเชนที่ทำการบ้านอยู่              ไมค์กี้เห็นเช่นนั้นจึงไปนั่งด้วยและขอให้เชนสอนการบ้านให้  ทั้งสองนั่งทำการบ้านกันจนเสร็จแล้วตกลงจะกลับบ้านพร้อมกัน
                “ ไมค์กี้เราถามอะไรหน่อยดิ ?” เชนพูดในขณะที่เก็บของเข้ากระเป๋าแล้วหันมามองหน้าผู้เป็นเพื่อน
                “ ว่าไงเชน? ”
                “ นายกับแมกซ์เป็นอะไรกับรึเปล่า? ” เชนถามตามตรง 
                ไมค์กี้ได้ยินคำถามก็ได้แต่อึ้งเล็กน้อยไม่รู้จะตอบอย่างไร  เพราะทั้งสองก็ไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกันแต่มันก็มากกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้ว
                “ ตอนนี้ทั้งห้องเขาลือกันว่าพวกนายเป็นแฟนกันแล้วนะ? ” เชนพูดต่อ
                “ นายจะไปฟังอะไรกับปากคนละ อย่าคิดมากเลยพวกเราเป็นเพื่อนกันเท่านั้นแหละ เพราะทั้งห้องเราก็มีแค่แมกซ์ที่สนิทด้วยแค่คนเดียว ”  ไมค์กี้อึกอักก่อนที่จะตอบอย่างเลี่ยงความจริงและเลี่ยงที่จะไม่สบตาเพื่อนตรงหน้า  แต่เชนก็รู้ดีว่าในแววตาของไมค์กี้นั้นตอบอย่างไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
 
                ทั้งสองเดินออกจากห้องแต่แล้วก็ต้องมาสะดุดกับอดีตเพื่อนทั้งสามคน  เมื่อคนที่นั่งรอเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกยืนขึ้นทันที
                “ อ้าว...วันนี้ไหงแฟนกลับก่อนซะล่ะ? ”  ตี๋ถามยียวนแต่ไมค์กี้ไม่สนใจรีบเดินออกไปทันที  บาสรีบเดินไปดัดหน้าขวางทางร่างเล็กทันที
                “ แหม...รีบไปไหนละครับผม ? อยู่คุยกันก่อนสิ ”
                “ นี่พวกนายเลิกยุ่งกับเราได้ไหม ต่างคนต่างอยู่เถอะ เราไม่เอาเรื่องที่พวกนายขังเราในห้องไปฟ้องอาจารย์อิงอรก็ดีแค่ไหนแล้ว! ” ไมค์กี้พูดอย่างเหลืออด
                “ ก็ไปฟ้องสิ ขี่ม้าสามศอกไปบอกเลยก็ดีนะ ” เอ็มยียวนอีกครั้ง
                “ พอเหอะ!...เราไม่อยากเสียเวลากับพวกนายละ? ” ไมค์กี้ไม่อยากต่อปากต่อคำจึงเดินออกมาอีกครั้ง แต่ทั้งสามคนก็เดินตามหลังของไมค์กี้มาติดๆ ส่วนเชนก็ได้แต่เงียบและไปเดินกลับทั้งสามคนตั้งแต่เจอตรงหน้าห้อง แต่ไมค์กี้ก็เข้าใจและไม่อยากให้เชนเดือดร้อนเพราะเขาอีก
                “ พวกนายจะเดินมาทำไม?...จะไปไหนก็ไปดิ! ” แมกซ์หันหน้ามาถามทั้งสามคนที่กำลังเดินตามในขณะที่ไมค์กี้กำลังรอข้ามถนน
                “ อะไรฉันก็กลับทางนี้ทุกวันปกติอยู่แล้ว ” บาสตอบแล้วชิงเดินนำหน้าไมค์กี้ทำเป็นรอข้ามถนนไปอย่างไม่สนใจ  แม้ว่าไมค์กี้จะรู้ว่าเป็นคำตอบที่โกหกแต่ก็ไม่อยากที่จะสนใจอะไรมากมาย
                เมื่อเห็นว่ารถที่ถนนกำลังว่างไมค์กี้ก็เดินข้ามถนนทันที  แต่ยังไม่ทันที่จะข้ามถึงฝั่ง จู่ๆ ก็มีมือมาผลักไมค์กี้จนล้มลงไปกองที่ถนน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นมือของบาสนั่นเอง เมื่อผลักร่างเล็กลงไปที่ถนนนั้น เชนก็ทำท่าว่าจะวิ่งเขาไปช่วย แต่บาสก็ฉุดมือเชนและรีบวิ่งข้ามไปอีกฝั่งพร้อมกับทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด ทิ้งให้ไมค์กี้กองอยู่ที่ถนน
                ไมค์กี้ที่ล้มลงอยู่กับพื้นได้สติยันตัวให้ตัวเองลุกขึ้นมา แต่ก็ลุกไม่ขึ้นเพราะที่หัวเข่าของไมค์กี้เองเป็นแผลขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกระแทกกับพื้นถนน  ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ได้ยินเสียงของรถกำลังวิ่งบีบแตรมาด้วยความเร็ว ไมค์กี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จะยืนก็ยืนไม่ได้ ได้แต่นั่งหลับตาปี๋รอความตายที่กำลังจะมาในอีกไม่ช้า
                “ นั่งกลางถนนอยากตายหรือไงวะ? ” เสียงชายพูดขึ้นมาทำเอาไมค์กี้ลืมตาขึ้นมามองดูทันที  แล้วก็พบว่ารถคันนั้นหักหลบตัวของไมค์กี้ไป
                ไมค์กี้ได้สติจึงรีบกลั้นใจลุกขึ้นมาจากพื้นถนน แล้วพาตัวเองไปที่อีกฝั่งทันที ไมค์กี้ได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างถนน น้ำตาคลอที่เบ้าตาด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่
               
                เช้าวันต่อมาไมค์กี้เดินกะโผลกกะเผลกพร้อมกับมีผ้าปิดแผลติดอยู่ที่หัวเข่า  เข้ามาในห้องอย่างยากลำบาก
                “ ไมค์กี้เป็นอะไร? ”  แมกซ์โผล่งถามเมื่อเห็นอาการของไมค์กี้ออกอาการเป็นห่วงอย่างออกหน้าออกตา
                “ พอดีเราสะดุดล้มน่ะ...ไม่เป็นไรหรอก ” ไมค์กี้ตอบ  เชนที่นั่งมองอยู่ห่างๆ ได้แต่มองแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
                “ พวกเราฟังทางนี้มีข่าวดีจะบอก ” เสียงของตี๋ดังเข้ามาในห้องอย่างเรียกร้องความสนใจ  “ เรามีตัวแทนโรงเรียนคนใหม่แล้วนะครับผม”
                คำพูดของตี๋ทำเอาคนทั้งห้องงงเป็นไก่ตาแตก  แต่เมื่อหันไปมองแผลที่เข่าของไมค์กี้ก็ได้คำตอบว่าทำไม
                “ ขอเสียงปรบมือให้เพื่อนบาสของเราหน่อย ”  เอ็มพูดแล้วสะบัดมือไปทางประตู  ก่อนที่บาสจะปรากฏตัวเดินเข้ามา  แล้วโบกไม้โบกมือทำราวกับว่าตนเองเป็นแชมป์
                “ ไมค์กี้ทำอยู่ๆ นายถึงเป็นแผลละ? ” เจนถามอย่างอดห่วงไม่ได้
                “ พอดีเราล้มน่ะ แล้วต้องแข่งอีกสองวันแล้วคงหายไม่ทันอาจารย์เมธีก็เลยให้บาสไปแข่งแทนเรา ” ไมค์กี้ตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก  แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
                “ เสียใจด้วยนะไมค์กี้ ”  มิร่าตอบพร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบาๆ
 
                ...................................................................................................................................
 
                “ ทีนี้มันควรตายหรือยัง? ” 
                แมกซ์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งมากระซิบที่หู เขาเผลอหลับไปที่โซฟาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้แต่ที่แน่ๆ บาสก็ยังไม่มาหาเขาเมื่อคืน  ภาพเหตุการณ์ในความฝันมันเหมือนจริงมากและเขาก็จำได้ว่าไมค์กี้เคยล้มจนไม่ได้ลงแข่งแต่เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แมกซ์สับสนในความฝันว่าจะเชื่อดีหรือเปล่า
                 แมกซ์หยิบโทรศัพท์มาเพื่อที่จะโทรหาบาสด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะกดอะไร ก็มีสายโทรเข้ามา ซึ่งคนคนนั้นคือ เจน
                “ ฮัลโหลว่าไงเจน ” บาสรับโทรศัพท์แต่ก็ต้องได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น ของหญิงสาวแล้วก็ต้องได้รับข่าวร้ายที่ประจวบเหมาะกับความฝันเมื่อคืน
                “ หือ...หือ...แมกซ์ ฟังเราดีๆ นะ บาสเสียแล้ว ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา