Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) วาระ (ความลับ) แห่งชาติ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-11-
วาระ (ความลับ) แห่งชาติ
“ก็ใช่น่ะสิ ถามแปลกๆ” ปาวยังคงยืนตอบอยู่หน้าประตูห้องรับแขก นี่นายกะจะไม่เข้าใกล้ฉันเลยใช่ไหมปาว U_U
“ฮึๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆ กร๊ากๆๆๆ” จู่ๆ โปรดก็พ่นเสียงหัวเราะออกมาเหมือนกับกลั้นมันไว้นานแล้ว จนแม่บ้านที่คอยยืนบริการน้ำดื่มอยู่มุมห้องถึงกับหลุดขำออกมาด้วย
“โปรด! นี่ยังไม่ได้บอกเขาอีกหรอเนี่ย -_-”
“ก็เค้าไม่อยากบอกนี่นา แกล้งยัยกระโห้นี่สนุกดี ฮ่าๆๆๆ” โปรดพูดไปกุมท้องหัวเราะไปจนฉันรู้สึกหน้าชาขึ้นมา นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครช่วยตอบฉันที
“รีบๆ บอกไปเถอะน่า บื้อๆ แบบนี้ดูไม่ออกหรอก”
“เฮ้อ...โอเคเค้าบอกก็ได้” โปรดทำหน้ามุ่ยใส่ปาวแล้วลุกเดินไปเกาะแขนปาวอย่างแนบชิดสนิทสนม
“ฉันกับพี่ปาว...เราเป็นพี่น้องกัน”
“ห๊ะ! -[ ]-!” ความช็อกเข้ามาเยือนเมื่อโปรดเฉลยปริศนาที่คนทั้งโรงเรียนพยายามสืบและอยากรู้มากที่สุดให้ฉันฟังอย่างง่ายดาย
“นั่นไง ทำหน้าเหมือนปลากระโห้อีกแล้ว -o-” โปรดทัก ทำให้ฉันรีบงับปากที่เผลออ้าค้างไว้เมื่อกี๊ลง
“แปลกนะ ชื่อฉันกับพี่ปาวก็คล้องจองกัน หน้าตาก็คล้ายๆ กัน ทำไมคนในโรงเรียนไม่คิดว่าเราเป็นพี่น้องกันบ้างนะ พากันคิดเป็นตุเป็นตะว่าเป็นแฟนกันอยู่นั่น”
“ก็เพราะเธอเองไม่ใช่หรอที่ทำให้ใครต่อใครเขาคิดแบบนี้ =_=” ปาวเบรกทันควัน จนยัยโปรดพูดไม่ออกแล้วทำหน้ามุ่ยใส่ปาวอย่างงอนๆ
“ก็เค้าหวงพี่ชายเค้านี่นา ToT”
ฉันมองโปรดกอดแขนคลอเคลียอยู่กับปาวแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะบินได้...งั้นฉันก็มีโอกาสแล้วน่ะสิ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็ชอบนายได้น่ะสิปาว >.<///
แต่...ฉันเพิ่งจะโดนเขาปฏิเสธมาสดๆ ร้อนๆ วันนี้เองนี่นา Y_Y
“นี่เป็นกฎข้อแรกของเรา เธอห้ามบอกใครเรื่องฉันกับพี่ปาวเด็ดขาด...”
“เอ่อ...” ฉันกำลังจะแย้งว่าทำไมไม่บอกไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ยัยโปรดก็พูดต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ถามหรือคัดค้านใดๆ
“ข้อที่สอง ฉันเรียกหาเธอเมื่อไหร่ เธอต้องมาหาฉันภายใน 10 นาที และข้อสาม...ยังคิดไม่ออก =_=”
ฉันนั่งร่วมโต๊ะอาหารสุดหรูที่มีความยาวของโต๊ะเกือบจรดกับอีกฟากของห้อง ความรู้สึกเหมือนจะอบอุ่นนะที่มีพ่อและลูกๆ นั่งกินมื้อเย็นด้วยกัน แต่มันก็รู้สึกแปลกที่ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย...หรือเพราะมีฉันนั่งอยู่ตรงนี้รึเปล่านะ
“เอ่อ...ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท แต่หนูขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ” ฉันตัดสินใจรวบช้อนแล้วหันไปบอกคุณปริญญ์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างเก้ๆ กังๆ ที่จริงอาหารอร่อยมากจนอยากจะขอห่อกลับบ้าน (แค่คิดน่ะ -_-) แต่ฉันก็ต้องตัดใจเพราะรู้สึกว่าที่นี่มันไม่เหมาะกับฉันเลย
“อ้าวเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง อาหารไม่อร่อยหรอ” คุณปริญญ์ถามกลับมาอย่างเป็นห่วง
“อาหารอร่อยมากค่ะ แต่ว่าตอนนี้มันทุ่มกว่าแล้ว หนูกลัวพ่อกับแม่เป็นห่วง”
ฉันดูเป็นคนดีจัง =_=
“จริงสิ! นี่มันค่ำแล้วนี่นา” คุณปริญญ์พูดอย่างคิดได้เมื่อหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง
“งั้นให้ปาวไปส่งแล้วกัน” จู่ๆ คุณปริญญ์ก็บอกพร้อมกับมองไปที่ปาว จนปาวเกือบจะสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปแน่ะ =_=
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ย้อนกลับไปทางเดิมแป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันควรจะรับผิดชอบที่พาหนูมาโดยพลการณ์ ที่จริงฉันก็อยากจะไปส่งให้ถึงบ้านด้วยตัวเอง แต่วันนี้ฉันไม่ว่างจริงๆ”
“แต่...”
“ปาว ไปส่งเพื่อนหน่อยนะ” คุณปริญญ์ไม่สนใจเสียงคัดค้านของฉัน แต่หันไปพูดกับปาวแทน ปาวมีท่าทางอิดออดนิดหน่อยแต่ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง โปรดทำท่าเหมือนจะมาด้วยแต่ถูกคุณปริญญ์สั่งให้ไปพักผ่อน ฉันกับปาวก็เลยได้มากัน 2 คน -////-
ฉันถูกพามาที่โรงรถโดยมีผู้ชายชุดดำประมาณ 4 คนเดินออกมาส่ง และมีอีก 6 คนยืนคุมอยู่หน้าประตูใหญ่ อะไรจะขนาดนี้เนี่ย...เป็นเจ้าพ่อรึไงถึงได้มีคนคุ้มกันมากมายขนาดนี้ นอกจากปล่อยเงินกู้แล้วทำอย่างอื่นที่มันผิดกฎหมายด้วยไหมเนี่ย -_-;;
“นี่เธอ...มัวคิดอะไรอยู่ รีบขึ้นรถสิ” ปาวตะโกนออกมาจากด้านในรถ BMW สีขาวป้ายแดงที่คุ้นตา รถคันนี้เป็นของปาวหรอกหรอ
“อ๋อ อืมๆ” ฉันรับคำแล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง พอเข้ามาในรถความเงียบก็คืบคลานเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ แถมมันมาพร้อมกับความอึดอัดอีกต่างหาก =_=//
“เปิดเพลงหน่อยไหม” ปาวถามขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ก็ดีเหมือนกันนะ”
ปาวพยักหน้าแล้วเอื้อมมือมาเปิดเพลง เพลงที่เขาเปิดเป็นเพลงสากลช้าๆ อย่างที่ฉันไม่นึกว่าผู้ชายอย่างเขาจะฟัง มันเริ่มต้นเพลงด้วยเสียงเปียโนบรรเลงช้าๆ ก่อนจะมีเสียงผู้ชายร้องขึ้นมา มันเป็นเพลงที่ฉันฟังแล้วรู้สึกหลงรัก...ฉันแปลมันออกแค่บางคำเท่านั้นแต่...ฉันรู้สึกว่าเผลอยิ้มไปกับเพลงนี้จนลืมความอึดอัดที่มันมีก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง
“ถ้าเธอรำคาญก็เปลี่ยนเพลงได้นะ รีโมทอยู่ในเก๊ะข้างหน้าเธอ”
“ไม่หรอก ฉันชอบเพลงนี้ ^^” ฉันเผลอหันไปยิ้มให้ปาว ปาวมองหน้าฉันนิ่งก่อนจะหันไปสตาร์ทรถ
ฉันนั่งฟังเพลงนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งเพลงจบลง ใจจริงอยากถามชื่อเพลงแล้วเอาไปโหลดมาฟังบ้าง แต่ว่าเกรงใจก็เลยชวนคุยเรื่องอื่นไปพลางๆ
“โลกกลมจังเน๊อะ ที่แท้นายก็เป็นลูกชายเจ้าหนี้พ่อฉันนี่เอง”
“ฉันว่ามันกลมจนน่าเกลียดเลยล่ะ” ปาวยังคงขับรถต่อไปโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่พูดเลย แสดงว่าโลกกลมแล้วมาเจอกับฉันเนี่ย นายรู้สึกไม่โอเคกับมันมากสินะ +_+;
“อ๋อ!” ฉันอุทานเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ “มิน่า...วันนั้นผู้ชายชุดดำถึงได้โค้งคำนับนายจนเกือบจะติดพื้น ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าครอบครัวนายเป็นคนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ฉันคงคิดว่านายเป็นทายาทยากูซ่าไปแล้วล่ะ”
“ฮึ! คนปล่อยเงินกู้หรอ” ปาวหัวเราะในลำคอแล้วพึมพำอยู่คนเดียวจนฉันสงสัย ฉันพูดผิดตรงไหน? ก็พ่อเขาเป็นคนปล่อยเงินกู้นอกระบบจริงๆ นี่ หรือว่าทำอย่างอื่นที่ไม่ควรพูดนอกจากนี้หรอ O_O!
ชักร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาแล้วตรู =_=;
“ทำไม? ฉันพูดผิดตรงไหนหรอ”
“ก็เปล๊า ที่เธอพูดมันก็มีส่วนถูก” ปาวพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “ว่าแต่เธอเถอะ ใช้มือถือแพงขนาดนั้นได้ ทำไมไม่มีปัญญาใช้หนี้ล่ะ”
“ก็...” ระหว่างที่ฉันกำลังจะตอบ ปาวก็ชะลอรถแล้วจอดเทียบข้างทาง เฮ้ย! ด่านตำรวจ O_O!
“อะไร เธอทำไมทำหน้าตกใจขนาดนั้น” ปาวหันมาถามฉันอย่างงงๆ “เธอแอบพกยาบ้ามารึไง”
“จะบ้าหรอ!” ฉันตวาดปาวเบาๆ ขณะที่ตำรวจเดินมาขอดูใบขับขี่ที่หน้าต่างรถ
ที่ฉันตกใจเพราะกลัวแทนนายต่างหาก ที่บ้านทำธุรกิจมืดรึเปล่าก็ไม่รู้บ้านถึงได้ใหญ่เวอร์วังอลังการแบบนั้น แต่...ฉันคงมโนมากไป ฉันต้องเข้าข้างปาวสิถึงจะถูก -////-
“ขอบคุณครับ” ปาวรับใบขับขี่กลับมาจากตำรวจก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าเงินตามเดิม
“ทำไมนายมีใบขับขี่รถยนตร์แล้วล่ะ o_o”
“อ้าว ทำไมจะมีไม่ได้ล่ะ เธอคิดว่าทำใบขับขี่รถยนต์ได้ต้องมีอายุสามสิบก่อนรึไง”
เอ่อ...จบค่ะ ไม่กล้าคุยต่อเลย U_U
ผ่านด่านตำรวจมาได้ไม่ไกลก็ถึงบ้านฉันในที่สุด หลังจากโดนตอกหน้ากลับมาฉันก็ไม่กล้าจะคุยกับเขาอีกนอกจากคำว่าขอบคุณก่อนจะลงจากรถเท่านั้น พอฉันลงจากรถได้ไม่พ้น 2 ก้าวเขาก็ออกรถไปเลย จะรอให้ฉันเข้าบ้านก่อนก็ไม่ได้ เผื่อฉันโดนฉุดตอนไขกุญแจเข้าบ้านล่ะ ไอ้แว่นบ้า!
วันรุ่งขึ้น คุณหนูโปรดผู้เอาแต่ใจก็เรียกใช้งานฉันทันที ยัยนั่นโทรมาปลุกฉันตั้งแต่เช้าเพื่อให้ฉันมายืนรอรับอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเดินไปส่งที่ห้องเรียน ก่อนจะแยกกันชีกำชับนักหนาว่าให้ฉันเดินมารับไปกินข้าวเที่ยงด้วย ฉันอยากจะตะโกนใส่หน้าจริงๆ ว่าเรียนที่นี่มาตั้งนานแล้วยังจำทางไปห้องเรียนไม่ได้อีกเร๊อะ!! แต่ก็ต้องอดทนและท่องดอกเบี้ยเงิน 22ล้านไว้ในใจ ฟู่~ U_U
ส่งยัยโปรดกลับห้องเสร็จฉันก็กลับมาที่ห้องเรียนเพื่อจะงีบสักหน่อยก่อนลงไปเข้าแถว แต่พอมาถึงห้องก็เจอเหมยกับอ๋องนั่งอยู่ในห้องแล้ว แปลกมากที่ 2 คนนี้มาเร็วติดอันดับ 5 คนแรกของห้อง =_=
“เฮ้ย! มาแล้วๆ” เหมย ซึ่งหันมาเจอฉันที่ประตูห้องพอดีทักขึ้น เพื่อนทั้ง 2 คนก็เลยออกมาลากฉันเข้าไปนั่งที่เก้าอี้อย่างรวดเร็ว
“แกหายไปไหนมา พอปาวแหกหน้าแกที่โรงอาหารแล้วแกก็หายไปเลย กระเป๋านักเรียนก็ไม่เอากลับ ติดต่อก็ไม่ได้ ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่!” อ๋องเริ่มสวดฉันยับ -_-;
“วันนี้แกเรียนไหวรึเปล่า ให้ฉันไปลาเรียนให้ไหม” เหมยถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันไหว...แล้วเมื่อวานที่ฉันหายไปฉันหายไปกับยัยโปรด” ฉันบอก เพื่อนทั้ง 2 คนมองมาที่ฉันด้วยเครื่องหายคำถามแบบเดียวกันเป๊ะ
“ยัยโปรดเป็นลูกสาวของเจ้าหนี้พ่อฉันเอง ฉันไปเจรจาต่อรองเรื่องหนี้ของพ่อที่บ้านยัยโปรด”
“ห๊ะ!” เหมยและอ๋องอุทานออกมาพร้อมกัน ดีที่เพื่อนในห้องยังไม่มีใครมา ไม่งั้นฉันคงเล่าเรื่องเมื่อวานได้ไม่เต็มปากขนาดนี้
“ละครหลังข่าวเกินไปไหมแก” อ๋องพึมพำ
“แล้วเขาให้แกทำอะไรอ่ะ” เหมยถามบ้าง
“ให้เป็นเพื่อนยัยโปรด แล้วก็ดูแลระหว่างที่ยัยนั่นเรียนที่นี่”
“อ้าว ยัยโปรดจะไปไหน ไปเรียนต่อเมืองนอกรึไง” อ๋องตั้งสมมุติฐาน
“ใช่ ยัยโปรดจะไปต่างประเทศปีหน้าจริงๆ แล้วแกรู้ได้ไงอ๋อง”
“โธ่ ลูกเศรษฐีก็เป็นแบบนี้ทุกคนแหละน่า เอะอะก็ไปเมืองนอกท่าเดียว =_=”
“เมื่อวานได้ยินพี่ทิวบอกว่ามือถือหายหรอ หาเจอที่ไหนน่ะ” เหมยถามถึงมือถือที่เกือบหายไปของฉันอย่างคิดขึ้นได้
“เจอในล็อกเกอร์ แปลกเหมือนกันนะวันนั้นฉันยังไม่ได้เปิดล็อกเกอร์ตัวเองเลย”
“อาจจะมีคนเก็บไว้ให้แกก็ได้นะโบอิ้งงง...” อ๋องยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ฉัน ทำเอาหน้าฉันร้อนขึ้นมาทันที จะเป็นไปได้ไงอย่างปาวเนี่ยนะ -///-
...ว่าแต่เธอเถอะ ใช้มือถือแพงขนาดนั้นได้ ทำไมไม่มีปัญญาใช้หนี้ล่ะ
อยู่ๆ คำพูดของปาวที่คุยกันเมื่อคืนก็ลอยขึ้นมา...อาจจะเป็นเขาจริงๆ ก็ได้นะ ไม่งั้นเขาไม่รู้หรอกว่าฉันใช้มือถือยี่ห้ออะไร >/////<
“นี่!!...พวกแกมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกฉันใช่ไหม” เหมยมองหน้าฉันกับอ๋องสลับกันอย่างรู้ทัน แล้วความลับก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป เมื่อนังอ๋องน้อยพ่นทุกอย่างที่รู้ออกจากปากจนหมดไส้หมดพุง สงสัยจะเก็บกดมากที่ไม่ได้เล่าให้เหมยฟังตั้งแต่เมื่อวาน ให้ตายเถอะเพื่อนฉัน -//////-;
“แกไปจูบกับเขาแบบนั้นถ้าเกิดยัยโปรดรู้จะทำไง มีโอกาสสูงมากเลยนะที่สองคนนั้นจะเป็นแฟนกัน” เหมยคัดค้านทันทีที่เล่าจบ
“ไม่มีทางหรอก สองคนนั้นเป็นแฟนกันไม่ได้” ฉันยิ้มอย่างมั่นใจ
“ทำไมมั่นใจขนาดนั้นล่ะ คนเขาลือกันทั่วว่าสองคนนี้แอบมีลับลมคมใน” เหมยยังคงยืนยันจุดยืนอย่างแข็งขัน
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจแล้วกวักมือเรียกให้เพื่อนทั้ง 2 คนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เพื่อกระซิบบอกความลับที่ฉันเพิ่งรู้มา
“พวกแกห้ามบอกใครเรื่องที่ฉันกำลังจะเล่าต่อไปนี้เด็ดขาดเข้าใจไหม!”
“ลับสุดยอดขนาดนั้นเลย?” อ๋องถาม
“ใช่ ลับสุดๆ...อีกอย่างมันเกี่ยวกับความอยู่รอดของฉันและครอบครัวด้วย ฉันเชื่อใจพวกแกนะถึงเล่าให้ฟัง”
“โอเค เล่ามาๆ ลีลาอยู่ได้” เหมยเริ่มบ่น
“ลองสังเกตนะ หน้าตาคล้ายๆ กัน ชื่อก็คล้ายๆ กัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน มาโรงเรียนด้วยกันบ่อยๆ ลองคิดดูสิว่านอกจากแฟนแล้วยังเป็นอะไรกันได้อีก” ฉันกระซิบ
“ปาว....โปรด...ปาว...เฮ้ย!” อ๋องลองพูดชื่อสองคนนี้ต่อกันกลับไปกลับมาจนกระทั่งอ๋องและเหมยตาเบิกโพลงขึ้นมาพร้อมกัน
“อย่าบอกนะว่า! O_O!” เหมยพูดออกมาอย่างตกใจ
“สองคนนั้นเป็น...พี่น้องกัน” อ๋องพูดต่อ โดยสามคำสุดท้ายพูดออกมาเบาๆ จนเกือบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ
“บิงโก!”
“งั้นแบบนี้แกก็มีหวังน่ะสิโบ >O<” อ๋องเขย่ามือฉันอย่างยินดีปรีดา ทำอย่างกับปาวตกลงคบกับฉันแล้วอย่างนั้นแหละ -///-
“เหมือนจะยากหน่อยนะ เพราะว่ายัยโปรดห่วงพี่ชายอย่างกับอะไรดี”
“ไม่เห็นมีปัญหาตรงไหน ยังไงแกก็ต้องไปดูแลยัยโปรดอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้พัฒนาอะไรมากแต่ก็ได้ใกล้ชิดปาวแหละน่า >o<”
“เฮ้ย นั่นสินะ >////<
“แต่ปาวเพิ่งจะปฏิเสธแกเมื่อวานนี้นะโบ” เหมยพูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศทั้งฉันกับอ๋องเลยเงียบกันไปตามๆ กัน
“นี่นังเหมย! ไม่ให้กำลังใจแล้วยังมาทับถมกันอีกนะ” อ๋องพูดอย่างเคืองๆ
“ฉันพูดความจริงนี่นา ฉันว่าเลิกเหอะ ไปชอบพี่ทิวดีกว่า”
“นี่! แกจะแบ่งข้างใช่ไหมเหมย -_+”
“ใช่!”
“ยังไงปาวของฉันต้องชนะ เพราะหนูไอ้โบชอบปาวมากกว่า”
“ไม่! ยังไงพี่ทิวก็ดีกว่าเห็นๆ”
พูดจบทั้งเหมยและอ๋องก็เชิ่ดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฉันควรจะดีใจดีไหมที่เพื่อนพยายามยัดเยียดผู้ชายที่ดีมาให้ฉันตั้ง 2 คน =_=
“พอๆ เลยทั้ง 2 คน คุยกับพวกแกแล้วปวดหัว เอาดาวไปให้ปาวดีกว่า” ฉันบอกแล้วเดินออกมาจากห้องโดยไม่ได้หันไปมองว่าเหมยกับอ๋องเลิกเชิ่ดใสกันรึยัง
ฉันเดินลงมาที่ชั้นล่างของตึกแล้วเอาดาวไปวางไว้ในล็อกเกอร์ให้ปาวตามปกติ แต่อยู่ๆ ท็อทกับฟานก็เดินมาทางนี้ ทีแรกฉันก็กะว่าจะยืนรอทักทายแต่ว่าเรื่องที่เขากำลังคุยกันมันน่าสนใจฉันก็เลยต้องแอบซุกเข้ามาในมุมมืดที่ฉันชอบซ่อนตัวเพื่อแอบฟัง...เอ่อ...เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้คุยกันต่อโดยไม่มีฉันเข้าไปขัดจังหวะ (อธิบายซะยืดยาว สรุปก็คือการแอบฟังนั่นแหละ U_U)
“ปาวมันไม่มาเรียนอีกแล้ว?” ท็อทถามด้วยน้ำเสียงตกใจหน่อยๆ
“ใช่” ฟานตอบ
“คราวนี้โดนอะไรอีกล่ะ”
“โดนปืนไล่ยิง” เสียงฟานตอบกลับมาแบบนิ่งๆ เหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาๆ
“ห๊ะ!” ท็อทอุทานด้วยความตกใจ ดีที่เสียงท็อทดังพอสมควร ทำให้เสียงของฉันไม่ลอดออกไปให้พวกเขารู้ตัว ฉันต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงใดๆ เล็ดลอดออกไปอีก
นี่มันเรื่องอะไรกัน! ใครไล่ยิงปาว แล้วปาวเป็นอะไรทำไมไม่มาเรียน! อยากรู้ๆ คุยกันต่อเร็วๆ เซ่! >_<!
“เล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะเนี่ย” ท็อทบ่นออกมาเบาๆ
“นี่ก็ใกล้อายุยี่สิบแล้ว ยิ่งต้องระวังตัว”
“ปกติปาวมันไม่เคยพลาดขนาดนี้นี่หว่า เมื่อคืนมันออกมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ คนเดียววะ” ท็อทตั้งข้อสังเกต
“ปาวเพิ่งโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าให้ลาเรียนให้ แต่มันยังไม่เล่ารายละเอียดให้ฟัง มันบอกแค่ว่าเมื่อคืนออกมาใกล้ๆ บ้านแป๊บเดียว ไม่นึกว่าจะโดนตามก็เลยไม่ได้พกอาวุธออกไปด้วย” ฟานบอก ทำเอาใจฉันกระตุกลงทันที
เมื่อคืน...ปาวออกมาส่งฉัน O_O!
********************************************************
เฮ้โย่ว!!! ตอนที่ 12 มาแล้วจ้า ^O^
วาระแห่งชาติในครั้งนี้ว่าด้วยเรื่องความลับของปาวนี่เอง
ยังไงก็ฝากติดตามหน่อยนะจ้ะรีดเดอร์
เดี๋ยวไรท์จะอัพตอนต่อไป เร็วๆ นี้จ้า **********************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ