Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) ขัดดอก!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-11-
ขัดดอก!
โปรดใช้ลูกเตะคาราเต้ฟาดเข้ากับล็อกเกอร์จนเสียงดังสนั่นไปทั่วตึก ทุกชีวิตที่อยู่ชั้นล่างถึงกับหยุดกิจกรรมทุกอย่างเพื่อหันมาดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น!
“ใครที่มันกล้าแตะต้องเพื่อนฉัน มันจะโดนแบบนี้...อยากลองไหม?” ประโยคสุดท้ายโปรดหันไปมองยัย 4 คนนั้นที่อึ้งกิมกี่จนพูดไม่ออก
เฮ้! ใครเพื่อนเธอ ฉันอายุมากกว่าเธอนะยะ -_+
“ไปเถอะ” โปรดลากฉันออกมาท่ามกลางความตื่นตระหนกของนักเรียนทุกคนในนั้น
“เธอพอจะมีที่เงียบๆ ให้ไปสิงบ้างไหม” โปรดถามขณะที่เริ่มเดินช้าลง เหงื่อที่ผุดออกมาจากขมับและอาการหายใจหอบเหนื่อยจนน่าตกใจทำเอาฉันไม่กล้าถามอะไรมาก
ฉันพาโปรดมาที่ตึกนาฏศิลป์ซึ่งเป็นตึกท้ายสุดของโรงเรียน มีแม่น้ำกั้นไว้ระหว่างตึกเรียนตึกอื่นๆ ที่นี่จึงกลายเป็นที่ปลีกวิเวกชั้นเยี่ยมของฉันและผองเพื่อน
“ตึกผีสิงเนี่ยน่ะหรอ” โปรดมองตึกที่เงียบสงัดนี้ด้วยท่าทางสยดสยอง แต่ก็เดินตามฉันเข้ามาอยู่ดี
“ไม่มีผีที่ไหนหรอก ตึกมันเงียบเฉยๆ”
“เธอมาที่นี่บ่อยหรอ”
“ก็มาเวลาไม่มีคาบเรียน แล้วก็เวลาจะมาแอบงีบ”
“หือ...รักเรียนดีจริงๆ” โปรดพึมพำออกมาเบาๆ
...ยัยเด็กปากเสีย -*-
“นั่งพักอยู่นี่ก่อนแล้วกัน เดินมาแค่นี้ก็หอบเหงื่อท่วมเชียว เป็นไรไหมเนี่ย”
“ฉันคงใช้แรงเตะมากไปหน่อยน่ะ” โปรดบอกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทที่วางเรียงไปตามระเบียง ตรงนี้เป็นจุดชมวิวริมน้ำที่ฉันชอบมานั่งเล่นบ่อยๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันไปหาน้ำมาให้แล้วกัน”
“เดี๋ยว...” โปรดเรียกก่อนที่ฉันจะเดินออกมา
“อะไร”
“เอายาดมด้วยนะ”
“ชิ! เรื่องมากจัง” ฉันจิจ๊ะในลำคออย่างหมั่นไส้ โปรดหัวเราะฮึๆ ในลำคออย่างเหนื่อยๆ ขณะไปมองตึกเรียนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ฉันเดินกลับมาที่ตึกนาฏศิลป์พร้อมน้ำและยาดมตามที่ยัยโปรดขอ แต่ยัยนั่นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ฉันก็เลยลากเก้าอี้มาวางน้ำไว้ก่อนเพราะมันเย็นมาก กว่าจะเดินมาถึงมือแข็งหมด =_=;
“ฉันว่าวันนี้แหละ...อืม...โอเค” โปรดพูดกับปลายสายก่อนจะกดตัดสายไป
“ช้าอย่างกับเต่า” โปรดส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงตำหนิฉันนิดๆ แต่ก็หยิบเอายาดมไปดมแล้วก็เอาน้ำไปดื่มอยู่ดี
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจใส่โปรดแรงๆ แต่ก็ทำได้แค่นี้เพราะยัยโปรดช่วยฉันไว้ตั้ง 2 ครั้งแล้ว ทนฟังอะไรไม่เข้าหูแป๊บหนึ่งคงไม่เป็นไร
“ขอบใจนะที่มาช่วยฉัน”
“ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันนี่ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนจริงไหม ^^” โปรดพูดแล้วดูดน้ำจากขวดดังอึกๆ เหมือนคนกระหายน้ำมารอนแรมปี =_=
“อีกแล้วนะ! ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันอายุ...”
“อายุมากกว่า...ใช่ไหม?” โปรดพูดแทรกขึ้นมา
“ใช่”
“พ่อฉันบอกว่าเธอจะมาเป็นเพื่อนฉันนี่นา ฉันจะเรียกเพื่อนว่าพี่ได้ยังไง”
“ห๊ะ? พ่อเธอทำไมรู้จักฉันล่ะ แล้วทำไมฉันต้องเป็นเพื่อนเธอด้วย ไม่มีเพื่อนขนาดนั้นเลยรึไง”
“ใช่ ฉันไม่มีเพื่อนเลย” โปรดตอบกลับมาแบบง่ายๆ เหมือนไม่ต้องใช้เวลาคิดอะไรมากมายกับเรื่องนี้
เออ...ฉันเชื่อว่าคนอย่างเธอคงไม่มีใครอยากคบเท่าไหร่ -_-*
“เธออยู่แบบไม่มีเพื่อนเลยเนี่ยนะ อยู่ได้ไง”
“ก็ไม่เห็นยาก อีกหน่อยฉันก็ไปแล้ว จะมีเพื่อนไว้ทำไมให้ตัวเองเศร้าเวลาย้ายต้องไปล่ะ”
“เธอจะย้ายโรงเรียนหรอ”
“อืม อยู่ที่นี่อีกประมาณปีหนึ่งมั้ง”
“ว่าแต่...พ่อเธอเป็นใคร ทำไมบอกว่าฉันจะเป็นเพื่อนเธอล่ะ ฉันรู้จักรึเปล่า”
“พ่อฉันก็คือ...อ้าว มาแล้วหรอ ทางนี้!” ระหว่างที่โปรดกำลังจะบอก จู่ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาทางนี้ ดูเหมือนจะนัดกับโปรดไว้ แต่พอฉันหันไปมองกลับพบชายชุดดำ 2 คนกำลังเดินตรงมาทางนี้
“เฮ้ย!!” ฉันร้องแล้วดันตัวลุกขึ้นอย่างอัตโนมัติ แต่ยัยโปรดกลับรั้งตัวฉันไว้ไม่ให้ไปไหน!
“โปรด! ปล่อยฉันสิ ฉันต้องรีบไปแล้ว!!” ฉันบอกพร้อมกับพยายามแกะมือโปรดออก
“จะรีบไปไหนล่ะ ไปกับฉันก่อน”
“ไปไหน! ไปกับใคร!” ฉันถามย้ำขณะที่ผู้ชาย 2 คนนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ก็ไปกับฉันนี่แหละ ^^” โปรดยิ้มกว้างมาให้ พร้อมกับๆ สติสัมปชัญญะทั้งหมดของฉันเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ภาพรอยยิ้มของโปรดค่อยๆ จางหายไป...หายไป
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ไม่คุ้นเคยปลุกให้ฉันลืมตาขึ้น ความรู้สึกปวดตุบๆ ที่ขมับทำให้ฉันไม่สามารถลุกขึ้นมานั่งได้ทัน ฉันนอนมองเพดานสีขาวและแชนเดอเลียร์ที่หรูหราอย่างงุนงง พอนึกไปถึงภาพสุดท้ายที่ฉันจำได้...ยัยโปรดรั้งฉันไว้ แล้วผู้ชายชุดดำ 2 คนก็เดินเข้ามา!! O_O!
ฉันรีบดันตัวลุกขึ้นนั่งก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์สีขาวสะอาด ภายในห้องนอนถูกตกแต่งอย่างหรูหราจนฉันลืมเรื่องโปรดไปชั่วขณะหนึ่ง ที่ปลายเตียงมีผู้หญิงสวมชุดเมดยืนอยู่พร้อมกับชายชุดดำ 2 คนซึ่งฉันจำได้ว่าเป็นคนจับฉันมา!
“พะ...พวกคุณเป็นใคร! จับฉันมาที่นี่ทำไม!!” ฉันตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ ถึงสู้ไม่ได้อย่างน้อยๆ ก็เอาพลังเสียงเข้าข่มไว้ก่อนแล้วกัน T^T
“ขอประทานอภัยที่ทำให้ตกใจค่ะ คุณหนูโปรดฝากบอกว่า ถ้าคุณฟื้นแล้วให้เชิญลงไปห้องรับแขกด้านล่าง คุณหนูจะตอบทุกคำถามที่คุณอยากทราบ” แม่บ้านคนนั้นพูดพร้อมกับค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม จนฉันไม่กล้าตะโกนอะไรใส่อีก =_=
แม่บ้านพาฉันเดินออกมาจากห้อง เดินลัดเลาะมาตามระเบียงทางเดินสุดหรู ก่อนจะพาลงมาจากชั้นบนโดยใช้บันไดที่กว้างใหญ่มหึมา เราเดินผ่านห้องโถงของบ้านที่ถูกประประดาด้วยเครื่องเรือนที่หรูหราไม่แพ้ชั้นบนก่อนจะเข้ามาในห้องห้องหนึ่งซึ่งดูจากโซฟาและการตกโดยรวมแล้วฉันคิดว่าน่าจะเป็นห้องรับแขกที่แม่บ้านคนนี้พูดถึง
“เชิญนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะ คุณหนูโปรดและท่านปริญญ์กำลังมาค่ะ” แม่บ้านบอกพร้อมกับยกน้ำส้มที่ตกแต่งขอบแก้วด้วยกลีบส้มเล็กๆ มาให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันก้มศีรษะลงนิดหน่อยกับการบริการดุจญาติมิตรที่ได้รับ เขาบริการดีจนฉันเกร็งเลยอ่ะ -_-;
เอ๊ะ!...ท่านปริญญ์? ชื่อคุ้นๆ นะ =_=?
“ตื่นแล้วหรอเพื่อนยาก ฮ่าๆๆๆ” ระหว่างที่สมองของฉันกำลังประมวลความคิดอยู่นั่น โปรดก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ดูจากจากการแต่งตัว ฉันเดาว่าน่าจะเป็นท่านปริญญ์ที่แม่บ้านบอก
“นี่พ่อฉันเอง ^O^” โปรดกอดแขนผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แน่นเพื่อเป็นการแนะนำ ฉันเลยรีบเด้งตัวลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ
“สวัสดีค่ะ”
“นั่งกันก่อนเถอะ” พ่อของโปรดยิ้มอบอุ่นรับการทักทายของฉัน ก่อนเราทั้ง 3 คนจะนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกัน
“ขอโทษด้วยที่ลูกสาวของฉันทำเธอตกใจ ยังมีอาการวิงเวียนหรือว่าปวดหัวอยู่ไหม” คุณปริญญ์ถามฉันอย่างห่วงๆ
“...ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“ที่ฉันให้คนพาเธอมาในวันนี้ก็เพื่ออยากจะเจรจากับเธอเล็กน้อย” คุณปริญญ์เริ่มเกริ่นเข้าเรื่องอย่างไม่รอช้า ก็ดีเหมือนกันฉันอยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าทำไมชายชุดดำพวกนั้นถึงโปะยาสลบฉันแล้วพามาที่บ้านของยัยโปรด แถมชื่อของเขาก็ยังคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน
....ปริญญ์?
เฮ้ย!! หรือว่า -[ ]-!!
“เธอรู้เรื่องหนี้สินของพ่อบ้างไหม” คุณปริญญ์เริ่มถามอย่างตรงประเด็น นั่นไง! คนเดียวกับท่านปริญญ์เจ้าหนี้ 22 ล้านของพ่อจริงๆ ด้วย =_=;;
“ซะ...ทราบค่ะ” ฉันติดอ่างขึ้นมาทันที อย่าบอกนะว่ายัยโปรดหลอกฉันมาสังเวยให้พ่อตัวเองน่ะ T^T
“ทั้งหมดที่พ่อเธอเอาไปรวมแล้วก็ 22 ล้านกว่าๆ แต่เท่าที่ฉันรู้ เงินดอกเบี้ยพ่อเธอก็ไม่ได้จ่ายมาหลายงวดแล้ว” คุณปริญญ์มีน้ำเสียงเข้มขึ้นนิดหน่อยจนฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มสั่นขึ้นมาแล้ว ที่จริงเขาพูดด้วยโทนเสียงปกตินะแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันก้องไปทั่วบ้านเลย -_-;;
“เธอรู้เหตุผลที่ฉันส่งคนไปตามหาที่โรงเรียนไหม?”
“ไม่ทราบค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยความโกรธนิดหน่อยแต่ก็ต้องพยายามเก็บอาการเอาไว้ ฉันก็สงสัยมาตลอดว่าจะตามฉันทำไมนักหนา ในเมื่อเด็ก ม.ปลายอย่างฉันไม่มีปัญญาใช้หนี้ได้อยู่แล้ว
“ที่ผ่านมาเธออาจจะตำหนิฉันในใจว่าจะเอาอะไรกับเด็กม.ปลายอย่างเธอ แต่ฉันทำอะไรฉันมีเหตุผลเสมอ...ลูกสาวของฉันต้องเรียนที่โรงเรียนนั้นเป็นเวลาหนึ่งปี เพิ่งจะย้ายเข้าไปพร้อมๆ กับพี่ชายแต่ยังไม่มีเพื่อน ฉันก็เลยอยากให้เธอช่วยเป็นเพื่อนลูกสาวฉันในระหว่างที่รอไปต่างประเทศปีหน้า”
“คะ?...” ฉันร้องด้วยความประหลาดใจ “ที่ส่งคนไปตามหนูไม่ใช่ไปทวงหนี้หรอกหรอคะ”
“ฉันอยากจะบอกเรื่องนี้กับเธอต่างหาก”
“อ้าว...” เหตุผลผิดจากคาดเยอะเลยแฮะ แสดงว่าที่ผ่านมาวิ่งเหนื่อยฟรีสินะ =_=
“เธอช่วยเป็นเพื่อน แล้วก็เป็นพี่ของโปรดระหว่างที่เรียนที่นี่ได้ไหม ช่วยดูแลลูกสาวฉันด้วย” คุณปริญญ์ขอร้องด้วยท่าทางอบอุ่นจนฉันสัมผัสถึงความรักมากมายที่เขามีต่อลูกสาวได้
“หนูไม่มั่นใจนะคะว่าหนูจะดูแลโปรดได้ดีเท่าที่คุณต้องการรึเปล่า” เพราะที่ผ่านมามีแต่โปรดที่ช่วยฉันตลอด (อันนี้พูดต่อในใจ-_-)
“ฉันไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้น แค่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้ลูกสาวฉันเท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องหนี้สินของพ่อเธอไม่ต้องเป็นห่วง เพราะฉันจะไม่คิดดอกเบี้ยจากครอบครัวเธอเลยสักบาท” คุณปริญญ์พูดออกมาอย่างหนักแน่นจนฉันอึ้ง เงินตั้ง 22 ล้านลองคิดดูว่าจะได้ดอกเบี้ยมากขนาดไหน (อาจจะมากกว่าเงินต้นด้วยซ้ำ =_=) แต่เขายอมแลกมันเพื่อให้ลูกสาวมีเพื่อนเท่านั้นเอง...ประเสริฐจริงๆ ความรักของพ่อแม่
“ว่าไง...” คุณปริญญ์เลิกคิ้วสูงอย่างต้องการคำตอบ
“โอ้ย! คุณพ่อคะ จะขอร้องอะไรมากมายล่ะ แค่ยื่นข้อเสนอไปแล้วให้ทำตามก็จบ ยังไงเขาก็ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ” โปรดพูดแทรกหลังจากอดทนนั่งฟังเงียบๆ อยู่นาน
“มันก็ต้องขอความเห็นเขาก่อนนะลูก”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูกับโบอิ้งเป็นเพื่อนกันตั้งนานแล้ว...เน๊อะ” คำสุดท้าย ยัยโปรดหันมาหาฉันเพื่อให้ฉันเออออไปด้วย
ที่ผ่านมาเธอพูดเองเออเองทั้งนั้นเลยนะโปรด =_=
“ทำไมเรียกแค่ชื่อแบบนั้นล่ะลูก เขาอายุมากกว่าไม่ใช่หรอ” คุณปริญญ์ปรามโปรดที่พูดจาไม่รู้จักกาละเทสะ ใช่แล้วค่ะคุณปริญญ์ ควรจะอบรมเด็กปากเสียคนนี้บ้างนะคะ -_+
“ก็ใช่ค่ะ แต่พ่อจ้างเขาให้มาเป็นเพื่อนโปรดนี่คะ จะเรียกพี่ได้ไง”
“แต่...” คุณปริญญ์พยายามจะเถียง แต่จู่ๆ โปรดก็มีทอาการหอบเหมือนเหนื่อยมากๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร
“เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ถือหรอก” ฉันโกหก =_=
“งั้นก็ฝากโปรดด้วยนะ” คุณปริญญ์พูดด้วยท่าทางห่วงโปรดจับใจ ถ้าเขาบอกว่าให้ฉันช่วยดูแลโปรดเพราะโปรดเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายฉันก็เชื่อนะ ดูห่วงใยกันจนเวอร์ -_-;
จากนั้นคุณปริญญ์ก็ขอตัวไปทำงานด้านบนต่อ แต่ให้ฉันอยู่ทานข้าวเย็นก่อนค่อยกลับ ฉันก็เลยจำเป็นต้องอยู่คุยกับโปรดไปพลางๆ เพื่อฆ่าเวลา
“ที่จริงฉันรู้มาสักพักแล้วล่ะว่าพ่อจะให้เธอมาเป็นเพื่อนฉัน วันนั้นฉันก็เลยแวะไปทักทายเธอไง ^_^”
“วันไหน?” ฉันลองนึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาเวลาเจอโปรด ไม่เห็นมีวันไหนเลยที่ยัยโปรดจะทักทายฉันดีๆ
“ก็วันนั้นไง วันที่เธอกำลังเข้าแถวแล้วฉันเรียกเธอว่ากระโห้อ่ะ ฮ่าๆๆๆ” โปรดหัวเราะร่วนเมื่อพูดถึงตรงนี้ ตลกมากสินะที่ว่าคนอื่นเป็นกระโห้เนี่ย =_=
“นั่นคือการทักทายของเธอหรอโปรด” ฉันถอนหายใจออกมาแรงๆ เพื่อตั้งใจให้โปรดได้ยิน
“ก็ตอนที่เธอโดนบาสอัดหน้ามันเหมือนปลากระโห้เลยนี่นา ฮ่าๆๆๆ”
“ฉันไม่ตลกด้วยนะ” ฉันกอดอกทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ โปรดก็เลยยกมือยอมแพ้แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“ทำมาเป็นโกรธฉัน...เรื่องที่เธอจูบพี่ปาวฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ -_+!”
ฉันแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อโปรดพูดถึงเรื่องเมื่อเช้า ไหนว่ามีแค่อ๋องน้อยเท่านั้นที่เห็น แล้วทำไมยัยโปรดถึง...?
“เธอ...เห็นหรอ?”
“เห็นสิ!!”
“นี่โปรด! มันเป็นแค่อุบัติเหตุนะ เธออย่าเข้าใจผิด >////<” ฉันกูลีกูจอแก้ตัวยกใหญ่ ถ้าเกิดยัยโปรดเปลี่ยนใจไปฟ้องพ่อว่าฉันไปยุ่งกับแฟนหล่อนขึ้นมา มีหวังฉันโดนคิดดอกเบี้ยคูณสองแน่ๆ >_<!
“อุบัติเหตุอะไรกัน ปากประกบปากขนาดนั้น!” ยิ่งโปรดพูดลงรายละเอียด อุณหภูมิในร่างกายของฉันก็ยิ่งสูงขึ้น ฉันยังจำสัมผัสนุ่มๆ จากริมฝีปากของปาวได้อยู่เลย >.,<///
“หัวเราะอะไรโปรด เสียงดังออกไปถึงโรงรถเลย” จู่ๆ บุคคลที่ 3 ที่เรากำลังพูดถึงก็เดินเข้ามาในบ้าน
“เฮ้ย! เธอ..O_O?”
“ปาว! O[ ]o!” ฉันกับปาวร้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน ก่อนที่ปาวซึ่งเป็นฝ่ายปรับตัวได้ก่อนเป็นคนเอ่ยปากถาม
“เธอมาที่นี่ทำไมเนี่ย” ปาวถาม ถึงเขาจะสวมแว่นอยู่และพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ฉันก็พอจะมองออกว่าเขาตกใจมากที่เจอฉันที่นี่
แต่ฉันไม่อยากจะบอกว่าฉันเองตกใจยิ่งกว่าที่เจอปาวมาบ้านยัยโปรด!! ไม่ใช่แค่แวะมาหาตามประสาเพื่อน คนรู้จักหรือแฟนแน่นอน เพราะว่าแม่บ้านวิ่งเข้าไปรับกระเป๋านักเรียนจากปาวแล้วเอาไปเก็บไว้ชั้นบนของบ้าน
“นี่พวกเธอสองคน...อยู่บ้านเดียวกัน...งั้นหรอ?” ฉันถามพร้อมกับความกระอักกระอ่วนปั่นป่วนในท้อง พวกเขาคงไม่ใช่คู่หมั้นหรือว่าคู่รักมัธยมหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ท่านยมคงทำบัตรคิวไว้ให้ปีนต้นงิ้วเรียบร้อยแล้วแน่ๆ Y_Y
*******************************************************
อัพเดตตอนที่ 11 จ้าาาาาาาา
รู้สึกว่าตอนที่ 11 จะเฉลยอะไรต่อมิอะไรไปเยอะมากๆ (จนเกือบหมดทุกอย่าง =_=)
ถึงจะเฉลยจนหมด แต่ความสนุกยังไม่หมดนะจ้ะรีดเดอร์ นี่เพิ่งจะแค่เริ่มต้น
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
********************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ