30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย
10.0
เขียนโดย enzang2660
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.
16 บท
3 วิจารณ์
19.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บทที่ 8 ที่ปรึกษา(100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 8
ปรึกษา
~ You got that James Dean day dream look in your eye. And I got that red lip classic thing that you like~
ผมตบกระเป๋ากางเกงหาปัจจัย 5 ของชีวิตก่อนหยิบมาขึ้นมารับสาย
“ว่าไงมึง”
(ไอ้พุดเดิ้ล กูไปค้างกับมึงนะ)
พุดเดิ้ลบ้านเตี่ยเองเถอะ ไม่อยากทะเลาด้วยหว่ะ ฟังจากน้ำเสียงของปลายสายแล้วผมเดาว่ามันคงงอนกับแม่มันเรื่องไอ้หมาขาสั้นนั่นแน่เลย
“มึงงอนอะไรไอ้เปาหรอ มันก็อยู่ส่วนหมามึงก็อยู่ส่วนคน ทำไมชอบไปอิจฉามันจัง”
(ไม่ใช่เว้ย! กูมีเรื่องไม่สบายใจต่างหาก!)
“เรื่องอิจฉาหมา?”
(ก็บอกว่าไม่ใช่มึงก็! หาเรื่องกูหรอ!)
“เรื่องไรอ่ะ”
(เอาเป็นว่ากูไม่อยากอยู่บ้าน กูบอกแม่แล้วว่ากูจะไปทำรายงานสองสามวัน)
“ทำรายงานหรือเข้าค่ายวะนั่น มึงย้ายสัมมะโนครัวออกมาเลยก็ได้นะ”
(กูอยากจะยกบ้านหนีไปชายแดนอยู่แล้ว!)
“มึงมาแล้วจะนอนไหน เมทกูก็อยู่เนี่ย”
(กูนอนพื้นก็ได้)
“วันนี้ไอ้เมศมันจะเลี้ยงวันเกิดเมทมันที่ห้องกูด้วย ไม่มีที่นอนหรอก”
(ไอ้เชี่ย! แดรกกันไม่ชวนกูหรอ ดีนะที่กูโทรมา! พวกมึงตายแน่!)
เรื่องของฟรีนี่ต้องเหยียบไว้ให้มิด ถ้ามันมาล่ะก็สุกี้ก็สุกี้เถอะมันยกซดทั้งหม้อคนเดียวยังไหว ขนาดไปกินบุฟเฟ่ต์มา 3 จ่าย 2 มันยังซัดซะจนเจ้าของร้านเดินมาถามว่า โต๊ะนี้มา 4 จ่าย 2 หรือเปล่า?
“ไม่น่าพูดเลย..”
(จำไว้นะมึง! กูจดบัญชีไว้แล้วด้วย!)
“เออ ๆ เรื่องของมึงเถอะ”
(เดี๋ยวกูไม่นอนด้วย..)
“บอกว่าไม่มีที่”
(กูนอนหน้าประตูก็ได้นะๆ)
มันจะอะไรขนาดนั้นวะ
“เบื่อบ้าน มึงก็ไปนอนบ้านแฟนมึงดิ”
(...............................)
เงียบไปเลยวุ้ย แปลก ๆ หรือมันทะเลาะกับแฟน ก็เห็นรักกันดีนี่หว่า
(กูไปนอนใต้สะพานลอยก็ได้ ถ้ากูโดนยุงกัดตายกูจะมาหลอกมึง)
“โอเคๆ กูยอม ถ้าไม่มีที่จริง ๆ มึงต้องนอนระเบียงนะ ห้ามบ่นด้วย”
(โอเค!)
ไม่ใช่สงสารอะไรหรอกนะ แต่กลัวจะไปสร้างความลำบากให้เทศบาลเขาต่างหาก พอวางสาย ผมก็เกาหัวแกรก ๆ นอนพื้นมันก็พอได้อยู่ แต่ถ้าไอ้พวกนั้นมันมาก๊งเหล้าล่ะก็คงสลบเหมือดกันเต็มทางเท้าพอดีไม่มีที่นอนแน่นอน
“พี่บิวจะไปไหนหรอครับ”
ผมถามรูมเมทซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสอง เขาแพ็คกระเป๋าใบโตเหมือนจะไปเที่ยวที่ไหนซะแห่ง
“พอดีพี่จะไปเยี่ยมแม่ที่เชียงใหม่น่ะ อ้าว พี่ไม่ได้บอกเฟรมไว้หรอกเหรอ”
“เปล่านี่ครับ”
“โทษที ๆ เดี๋ยวพี่ซื้อแคปหมูมาฝากแล้วกันนะ”
“ขอบคุณครับ ไม่ต้องลำบากก็ได้”
“ไม่เป็นไร อุส่าห์ทำความสะอาดโต๊ะให้พี่นี่นา”
“ฮ่า ๆ เอ้อ พอดีเลยครับเพื่อนผมจะมาค้างพอดีเลย ”
“อ้าวหรอ เพื่อนพี่ก็จะมาค้างพอดีเลย”
หา? ทำไมนัดมาชนกันแบบนี้ล่ะ กะว่าเตียงว่างแล้วจะให้ไอ้ยูมันนอนซักหน่อยเชียว
“เพื่อนพี่บิว...ใครครับ”
นะโม พุทโธ สังโฆ ขอให้อย่าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลย
“ก็...เก่งไง”
ความรู้สึกเหมือนโดนสึนามิลูกใหญ่ถาโถใส่ร่าง พี่ก็รู้ว่าผมกับเขาเจอหน้ากันก็สาดน้ำลายใส่กันแล้ว ถ้ามาอยู่ห้องเดียวกันพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องเรียกปอเต็กตึ๊งมาเก็บศพกันเลยหรอครับ
“พี่บิวนะพี่บิว...”
“ขอโทษจริง ๆ นะ ถึงไม่ชอบขี้หน้ามันแต่ก็ทนเอาหน่อยนะ”
“ผมกลัวเพื่อนพี่จะทนผมไม่ได้จะกระโดดตึกตายเอามากกว่าครับ”
“หวา อย่าแกล้งเพื่อนพี่นะ”
“ผมจะจัดให้หนักเลย”
“เฟรม~”
สำคัญอื่นใดไม่ใช่เรื่องทะเลาะกับรุ่นพี่หรอก แต่เป็นความปลอดภัยของเพื่อนผมซะมากกว่า
“แล้วเฟรมจะพาใครมาค้างหรอ”
“อ่า ไอ้ยูมันจะมาค้างน่ะครับ”
จังหวะเดียวกับที่ผมตอบ บานประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นบุคคลผู้มาค้างคืนที่ห้องคนนั้น ใบหน้าจืดชืดแบบเต้าหู้ราดไฮเตอร์ส่อแววดีใจเล็กน้อย อันสังเกตได้จากรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นสูงและด้วยตาเท่าเม็ดแมงรักใต้เลนส์ใส
“ดูเหมือนจะมีเรื่องดี ๆ นะ”
“ดีกับผีน่ะสิ”
ผมบ่นกับผู้มาใหม่ทันที เห็นหน้าเผือก ๆ แล้วอยากจะเอาน้ำเชื่อมมาราดแล้วกัดซะ
“ก็ดีที่ฉันไม่ต้องทนอึดอักอยู่กับเด็กอย่างนาย ถ้ามียูอยู่ด้วยห้องนี้มันคงน่าอยู่ขึ้นมาก”
“ถ้าทนไม่ได้ก็เชิญกระโดดออกนอกหน้าต่างไปเลยครับคุณพี่ เชิญ~”
ออกไป~ รออะไร ไม่อยากเห็นหน้าเห็นจืด ๆ
“อย่าทะเลาะกันสิ อยู่กันดี ๆ นะ โอ้ย พี่เป็นห่วงจังเลย”
“ไม่ทันแล้วครับพี่บิว ถ้าผมตีกันตายก็ให้รู้ไว้ว่าเป็นความผิดของพี่นะครับ”
“น้องเฟรมมม”
ผมยิ้มแบบชั่วร้าย ไม่ถึงขั้นตีกันตายหรอกมั้งครับแค่ปะทะคารมณ์แบบดุเดือดเท่านั้นเอง ผมควรจะโทรไปห้ามไอ้ยูไม่ให้สินะ ที่นี่มันอันตราย
“วันนี้จะได้นอนเตียงเกียวกับยูสินะ ก็เตียงมันไม่พอนี่นา”
เต้าหู้ก้อนสีขาวเดินได้พรึมพรำอย่างมีความสุข ตายแล้วไอ้ยูเอ้ย! คืนนี้มึงจะรอดไหมเนี่ย ไม่ได้การผมต้องเตรียมแผนรับมือเรื่องนี้แล้ว เรียกแผนนี้ว่า “แผนรักษาความบริสุทธิ์ของเพื่อนชาย”แล้วกัน....ทำไมชื่อฟังดูเหมือนหนังโป๊จังวะ!
++++++++++50%++++++++++
ฝนข้างนอกเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ผมเองก็กังวลว่าไอ้ยูมันจะไปตกท่อที่ไหนซักแห่งจึงคิดจะไปดู แต่มันตายยากกว่าที่คิด ไม่ทันจะเปิดประตูออกไปร่างชุ่มโชกแบบลูกหมาเปียกน้ำก็เปิดพรวดเข้ามาแล้ว
“โห้ย! เปียกหมดเลย”
ไอ้ยูบ่นพลางสะบัดหัวไปมาสาดละอองใส่เพื่อนอย่างผม เออดี กูอยู่ข้างในแท้ ๆ แต่เปียกฝนได้
“มึงไม่ไปรับกูเลยนะกูรู้ว่าฝนตก”
“ก็ว่าจะลงไปอยู่นี่ไง”
“คิดช้าไปแล้ว อ่ะ! พี่เก่งอยู่นี่ด้วยหรอครับ”
มันเบนความสนใจไปยังชายใส่แว่นที่นั่งเต๊ะท่าอ่านหนังสืออยู่อีกเตียงหนึ่ง ผมเห็นอ่านค้างหน้าเดิมมาสองชั่วโมงละ ตรัสรู้ไปแล้วมั้งเนี่ยอ่านนานขนาดนี้
“อ้าว! ยูจะมาค้างนี่หรอ”
“ครับ พี่เก่งก็มาค้างหรอครับ”
“อืม บังเอิญจังเลยนะ”
ใช่ บังเอิญจนน่ากลัวเลยล่ะ ผมเห็นสายตาใต้แว่นนั่นดูระยิบระยับมองไอ้ยูประหนึ่งมองทูน่ากระป๋องไม่มีผิด จะไม่ให้มองได้อย่างไรกันเล่าก็ไอ้ยูมันใส่เสื้อยืดสีชมพูบาง ๆ พอโดนผมมันก็แนบเนื้อ หยดน้ำก็เกาะอยู่ที่คอรำไร ถ้ามองมุมเพื่อนก็คงไม่คิดอะไร แต่ลองเปลี่ยนเป็นแฟนผมยืนตัวเปียกล่อตะเข้แบบนี้ผมลากเข้าห้องไปแล้ว
“ไปอาบน้ำใหม่เหอะมึง เร็ว ๆ”
ผมเอาผ้าขนหนูคลุมหัวพร้อมดันตัวมันไปห้องน้ำให้มันพ้นดวงตาเท่าเม็ดกวยจี๊นั่นซะที
“แหม มองทะลุยันเซลล์ใต้ผิวหนังเลยนะครับคุณพี่~”
พอออกมาผมก็เอ่ยแซวทันที ถ้าไอ้ยูเป็นปลากัดผมว่าท้องโตตั้งแต่เทอมแรกไปแล้วล่ะ
“ถ้าไม่มีคนมาขัดป่านนี้คงได้แสกนยันกระดูกแล้วล่ะ” คนใส่แว่นสวนกลับ
“จะแสกนของคนอื่นระวังจะต้องไปแสกนสมอง เพราะโดนแฟนเขาเอาไม้หน้าสามพากกบาลเอา”
“ถึงโดนก็คุ้ม ดีกว่าอยู่เฉย ๆ ได้แต่มองอย่างเดียว”
เป็นคนที่หน้าด้านของแท้ ไอ้ยูปฏิเสธก็ยังไม่เลิกตื้อ นี่ขนาดมีแฟนพี่แกยังไม่เห็นหัวแฟนไอ้ยูเลย ผู้ชายบ้าอะไรวะ ทำไมต้องทุ่มเทขนาดนั้น ถ้าไม่ได้ก็หาใหม่ไม่ง่ายกว่าหรอ
“เฮ้ย กูลืมหยิบเสื้อหว่ะ..”
ร่างขาวผ่องเดินห่อผ้าขนหนูผืนเดียวออกมา ผู้ชายที่ทำทีเป็นเด็กเรียบถึงกับเปิดตากว้างขึ้น
..ไอ้ยู มึงก็..
ผมรีบกระโดดไปปิดตาไอ้รุ่นพี่หน้าจืด คนโดนจู่โจมออกแนวขัดขืนโดยการดึงแขนผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอก! คิดว่าจะสู้ผมได้ก็ลองดู!
“มึงรีบ ๆ หยิบเสื้อเลย แล้วเข้าห้องน้ำไปเลยนะ!”
“เออ ๆ แปบนึงนะ!”
มันหยิบของในกระเป๋าเป้มันโยนกระจัดกระจายอย่างเร่งรีบ
“อุ๊ย! ชิบหาย! ผ้าหลุด”
มันโชว์แก้มก้นขาว ๆ ของมันให้ผมดู ไอ้ผมน่ะเห็นบ่อยละเพราะแกล้งกันประจำแต่ไอ้คนที่มันไม่เห็นน่ะสิอยากดู!
“ปล่อย!”
“เร็ว ๆ เลยเดี๋ยวโดนปล้ำกูไม่ช่วยนะ!”
“เออ ๆ กูรีบอยู่!”
ผมโถมตัวล็อคคอคนโรคจิตเอาไว้ พี่แกก็ดิ้น ปากโวยวายร้องให้ผมปล่อยมือที่ปิดตาแกไว้ ไอ้ยูพอได้ของครบมันก็รีบกุลีกุจรเข้าห้องน้ำไป พอมันหายลับไปผมก็ปล่อยมือที่ปิดตาออก
“ว้า~ เสียใจด้วยนะ ไอ้ยูอุส่าห์เซอร์วิสแต่ก็ไม่ได้ดู”
“เลิกเป็นมารก่อกวนฉันซะทีเถอะ”
“แสดงความเสียใจอีกรอบ เพราะผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่เห็นใครบางคนทำหน้าผิดหวัง ฮ่าๆ”
“นาย..!”
ผมยิ้มอย่างทีความสุข แต่อีกคนน่ะหรอหน้ามุ่ยจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
“เห็นฉันผิดหวังแล้วมีความสุขนักหรือไง สักวันเถอะฉันจะให้นายทำหน้าผิดหวังที่เห็นฉันสมหวังบ้าง”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาแน่วแน่จ้องมาที่ผมเหมือนจะกล่าวสาบานว่าชาตินี้ฉันจะทำให้นายผิดหวังแบบฉันบ้าง
จริงจังชะมัด ทำไมคนเราถึงบ้าขนาดนี้ ถึงจะรู้ว่าทำอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะสนใจเรา...ไม่เลยสักนิดเดียว แต่ก็ยังกระเสือกกระสนจะเป็นคนที่อยู่ในใจเขาให้ได้ มันบ้าสิ้นดีเลย
“หึๆ ผมจะรอวันนั้นนะครับ”
ผมขยับยิ้มกว้างให้น่าหมั่นไส้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนอย่างผมนะหรอเรื่องเสียใจหรือผิดหวังมันไม่มีซะหน่อย ยิ่งจากน้ำมือผู้ชายจืดชืดพรรค์นี้..ไม่มีทางซะล่ะ
“โอ้ย! ไอ้ยูแม่งมาได้ไงว้า!”
ไอ้เมศโอดครวญออกมาหลังจากที่เห็นไอ้ยูก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ตอนแรกเราว่าจะจัดกันที่ห้องผม แต่เพราะมีรุ่นพี่กิตติมาศักดิ์มาไอ้พวกนี้เลยเกรงใจ (มันจะซัดเบียร์กันไง) สุดท้ายแขกไม่ได้รับเชิญที่พวกมันเกรงใจนักหนาก็เสด็จมาร่วมกินด้วยอยู่ดี
“ทำไม! กูมาไม่ได้หรอไง!”
แขกผู้ไม่มีใครอยากเชิญออกปากพูดอย่างน้อยใจ มันทำเป็นสะบัดหน้าเดินดุ่ม ๆ คว้าชามมาตักสุกี้หน้าตาเฉย
“กูบอกแล้วนะไอ้เฟรม ท็อบซีเครต” ไอ้เมศหันมาบอกผม
“กูพยายามแล้ว เซนส์มันดียิ่งกว่าควายซะอีก” ผมบอก
“อาอัยอาอัย อูอ้ายอินอ้ะ (อะไร ๆ กูได้ยินนะ)”
ขนาดผักเต็มปากมันยังส่งเสียงเบรกพวกผม แหม ว่าจะนินทาต่อซะหน่อยเชียว
“เอาน่า ๆ มากันเยอะ ๆ แย่งกันกินสนุกดี”
เจ้าของวันเกิดออกปากพร้อมยิ้มหน้าบาน ผมไอ้แต่ยิ้มและหัวเราะอยู่ในใจ หึ ๆ คิดผิดแล้วสหายเอ๋ย หลังจากเอ็งได้รับรู้ความสามารถการบรรจุอาหารลงท้องของไอ้ยูแล้วล่ะก็ ข้าเชื่อว่าเอ็งจะไม่เชิญมันมาร่วมงานวันเกิดครั้งหน้าแน่เอย...
“นั่งด้วยนะยู”
เต้าหู้เดินได้เอ่ยเสียงหวานพลางหย่อนก้นลงข้าง ๆ ไอ้ยู เห็นแล้วอยากจะขัดลาบซะจริง ฮ่าๆ
“ยูกูนั่งด้วย”
ว่าจบผมก็หย่อนแทรกตรงกลางระหว่างไอ้ยูกับรุ่นพี่ที่เคารพรัก ไอ้ยูที่กำลังยุ่งกับการกินเขยิบออกให้ผมนั่งแทรกได้พอดี ผมรู้สึกถึงรังสีคอสมิคจากใครบางคนที่แผ่ออกมาขู่ผม ผมได้แต่หันไปส่งยิ้มหวานอย่างนางสาวไทยให้ หึ! แค่หายใจร่วมกันก็พอแล้วนะครับคุณพี่
“เออ ยู กินลูกชิ้นกุ้งไหมพี่ตักให้”
“กินครับ!”
ไม่ใช่เสียงไอ้ยู แต่เป็นผมที่เอ่ยพร้อมยกถ้วยขึ้นรับประทานรางวัลชิ้นงาม
“แย่งกูอีก” ไอ้ยูบ่น
“เอาลูกชิ้นปลาไหมยู” ยังไม่เลิกอีกนะ พยายามจริง ๆ
“โอ้ววว กำลังอยากกินอยู่พอดีเลยครับคุณพี่~”
ผมเอาตะเกียบฉกลูกชิ้นมาใส่ฉาม ไอ้ยูทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยก่อนหันไปตักเบคอนกินเอง ส่วนอีกคนมองผมแบบไม่พอใจสุด ๆ แหม รู้สึกดีจังที่ได้แกล้งคนแบบนี้ ทำหน้าดุอีกสิ ทำอีก!
~ครืดดด ครืดดดดด~
แรงสั่นสะเทือนเต้นอยู่ข้างขาผม ฝั่งซ้ายมือนี่ต้องเป็นมือถือของไอ้ยูแน่เลย ผมไม่ได้สะกิดบอกมันแต่มันก็ไม่ยอมรับซะที จนมันหายไปซักพักก็ครืดขึ้นมาอีกรอบผมเลยเรียกมัน
“ไอ้ยูโทรศัพท์”
“ช่างมันเถอะ”
“รับ!”
“ไม่เอา! อย่ามายุ่งกับกูน่า”
“มันสั่นจนไขมันกูแตกตัวหมดแล้วรับเถอะ”
สั่นแบบนี้ก็เพลินดีเหมือนกัน ฮ่าๆ ไอ้ยูทำหน้าอิดออดไม่อยากจะรับสาย ไอ้เมศเลยพูดบ้าง
“แม่มึงโทรมาเปล่า”
ไอ้ยูก็เบะปาเล็กน้อยก่อนเดินออกไปนอกระเบียง คนข้างผมลอบมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างไม่วางตา ผมเองก็มองไปที่ไอ้ยูดูเหมือนมันจะไม่ได้รับแต่ปิดเครื่องเลยด้วยซ้ำ จากนั้นมันก็ยืนชมวิวข้างนอกไม่ยอมเข้ามาข้างใน
“ยูเป็นอะไรหรือ เห็นออกไปยืนข้างนอกซักพักแล้วนะ”
รูมเมทไอ้เมศถามขึ้น ผมเองก็ว่างั้น
ผลุบ!
ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นเต็มตัวก่อนก้าวไปทางระเบียง ผมลุกขึ้นยืนตามพี่แกคงแอบไปหยอดไอ้ยูแน่เลย
“ไอ้เฟรมไปรับไอ้กิตกับไอ้นะโมกับกูหน่อยดิ” ไอ้เมศบอก
“ไปเองดิ”
“มันถือของมา ไป ๆ”
ไอ้เมศลากผมออกนอกประตูไป โถ่เว้ย! เดี๋ยวไอ้พี่โรคจิตนั่นมันลวนลามไอ้ยูขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย
หลังจากไอรับไอ้สองตัวที่เหลือขึ้นมา ผมก็วางของแล้วดิ่งออกไปที่ระเบียง ผมยืนมองสองคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง บรรยายกาศมันดูหวานมาก ผมเห็นสายตาของรุ่นพี่คนนั้นแสดงออกถึงความห่วงใจ ถึงไอ้ยูจะเอาแต่ยิ้มจืด ๆ แต่พี่แกก็พยายามชวนคุยอยู่ดี
“นี่ ๆ หวานกันเกินไปแล้วมั้ง เข้าไปข้างในเถอะ”
ผมบอกพลางยกมือโบ้ยไปข้างหลังตัวเอง
“ขอบคุณมากนะครับพี่เก่ง ผมดีขึ้นมากแล้วครับ”
“พี่อยากให้ยูยิ้มได้ไว ๆ นะ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจล่ะก็ อกพี่ว่างสำหรับยูเสมอนะ”
จะอ้วกเว้ย ผมทำหน้าปูเลี่ยน นี่พี่แกหลุดมาจากคณะลิเกหรือยังไงเนี่ย ไอ้ยูยิ้มเล็กน้อยทำท่าจะเดินเข้าข้างใน ผมก็รั้งแขนมันให้ไอ้พี่นั่นเดินเข้าไปก่อนแล้วจึงปิดประตูซะ
“มึงเป็นไรวะ” ผมถาม
“ไม่มีไรหรอก ช่างมันๆ”
“กูเป็นห่วงมึงนะ มีไรก็ปรึกษากูได้นะ”
มันเม้มปากชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่ดี เออ ถ้าไม่บอกนะ..
“จะบอกหรือจะให้กูจับมึงโยนลงไปก่อน”
“อย่าโหดดิมึงก็!”
“บอกมา”
“คือ... เอ่อ กูสัญญากับใครบางคนไว้ แต่ก็ผิดสัญญาไปแล้ว กูไม่รู้จะทำยังไง”
“สัญญาอะไรวะ”
“เอ่อ... กูสัญญากับแม่ไอ้ธันว่ากูจะไม่ยุ่งกับมัน..”
“แต่มึงก็คบกันแล้วนี่ แล้วแม่เขามาว่ามึงหรอ”
“ก็ไม่เชิง เออ นั่นแหละที่กูเครียด กูก็ไม่ได้อยากยุ่งกับมันซะหน่อย!”
“แล้วมึงคบกันทำไม”
“มันมีเหตุผลอยู่..คือ กูติดหนี้มันอ่ะ มันเลยให้กูคบกันเพื่อใช้หนี้”
“งั้นมึงก็เอาเงินไปคืนแล้วก็เลิกยุ่งไป จบ!”
“นั่นดิ.. กูเอามอไซค์ไปจำนำก็ได้เนอะ”
มันคลี่ยิ้ม แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย แววตามันไม่ได้ยิ้มด้วย
“แต่ถ้ามึงชอบธัน มึงจะยอมปล่อยให้แม่มันเข้ามาขวางแบบนี้น่ะหรอ กูอยากรู้ว่ามึงอยากไปจากมันจริง ๆ หรอ มึงแน่ใจนะ”
ผมลองหยั่งเชิงดูอาการมันต่อ เรื่องคบกันปุบปับมันดูน่าแปลก แต่จากที่ผมสังเกตดู พวกมันก็ดูรักกันดี ธันก็เอาใจมันทุกอย่าง ไอ้ยูก็...ถึงมันจะชอบพูดไล่หรือกวนธัน แต่ผมก็เห็นมันทำหน้ามีชีวิตชีวามากกว่าตอนนี้ซะอีก
“ขอบใจที่แนะนำนะเว้ย กูไม่อยากเห็นหน้ามันแล้ว..ตามนั้นแหละ!”
พูดจบมันก็เดินเข้าห้องไป ผมเดินตามไปก็ยังไม่เลิกข้องใจกับคำตอบของมัน
“บางอย่างถ้ามันเสียไปแล้วมันเอาคืนมายากนะเว้ย”
ผมบอกไล่หลังมัน ไม่รู้มันจะสนใจหรือเปล่า ปล่อยมันคิดเองแล้วกัน
“โห้ยยยย ยายป้านั่นน้า~ ปั้นหน้าบึ้ง! ท้าวววเอวว อย่างกับจะแดกหัวกูเลยย~ ”
ผมไม่รู้ว่ามันบ่นอะไรของมัน แต่ไอ้ยูมันคุมสติไม่ได้แล้วล่ะ ไอ้เมศก็ไม่น่าไปยื่นของเหล้าเพียว ๆ ให้มันเลยมันกินเป็นซะที่ไหนล่ะ
“มึงไปทำอะไรวะ” ไอ้นะโมเพื่อนต่างเอกถาม
“กูหรออ~ กูแค่นอนกับลูกเขาเองงงง~”
ไอ้ชิบหาย! ผมเอามือตบหน้าผากตัวเอง นี่เพื่อนกูเปิดโลกใหม่ไปแล้วหรอ!
“ห๊ะ! มึงได้กับแฟนมึงแล้วหรอ!” ไอ้เมศถามอย่างตกใจ
“ยางงงง มันคลานนน อึก!...มาหากูน้า~ แล้วมันก็...พรุ่บ! เป็นลมปายยย เวรจริงๆ ยังม่ายด้ายจุ๊บกันเลยยย~”
“ไหนบอกมึงนอนกับลูกเขาไง”
“นอนงายย กูง่วงงง พอตื่นมาน้า~ กูโดนด่าเลย!”
ผมแอบหัวเราะ เวลามันเมานี่สุดยอดเลยจริง ๆ มันแสดงท่าทางประกอบคำพูดด้วยนะ แต่คนที่ขำไม่ออกคงเป็นคนข้าง ๆ ผม ดูพี่แกจะหน้าจ๋อยลงไปเยอะเลย
“ไอ้ยูไปนอนเถอะ มึงเมาแล้ว”
ผมบอกแล้วลุกไปหิ้วปีกมันขึ้นมา
“มาวววว? โอ้ยยย ไม่ม่าววว”
ขี้เกรียจฟังมันพูดผมก็เลยขอตัวหิ้วมันกลับไปนอนที่ห้อง พอถึงห้องผมก็โยนมันที่เตียงแล้วไปอาบน้ำ อาบเสร็จก็นอนตามมาถึงเตียงจะแคบแต่ก็พอเบียดได้
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ผมที่ใกล้เข้าห้วงนิทราต้องถูกถีบออกมาจากความฝัน เสียงเท้าหนักย่ำมาใกล้เตียง เงาร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงก่อนจะโน้มตัวลงมาอยู่ใกล้หน้าผม
...ไอ้พี่แว่นหรอ...
ผมอ้าปากจะทักออกไป ประจวบเหมาะกับที่ริมฝีปากนุ่มทาบลงมาบนหน้าผากผมอย่างแผ่วเบา ผมลืมตาโพลงตะลึงและงวยงงอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอันมีเพียงแสงไฟรำไรจากนอกห้องที่สาดเข้ามา
...อะไรกันเลย...
“ราตรีสวัสดิ์นะ...ยู”
ผมกลั้นหายใจข่มเปลือกตาลงอย่างเงียบสงบ ในใจมันเต้นจนแทบระเบิด แต่กลับกันแทนที่จะตัวเบาหวิวกับรู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีอะไรกดทับอยู่กลางอก
..อึดอัดชะมัดเลย...
อีกฝากของเมือง ใบหน้าหล่อยังคงคร่ำเคร่งผิดจากเคยที่มักจะอมยิ้มเวลาอยู่กับผู้เป็นมารดา บนโต๊ะอาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็น สายตาของผู้เป็นแม่เองก็ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์เช่นกันแต่ก็ข่มใจไม่เรื่องนั้นจนกระทั่งวินาทีนี้
“ผมว่า ผมควรจะรู้เรื่องสัญญาของแม่กับยูแล้วนะครับ”
ธันวาหยุดพูดพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่ออีกเหยียดยาว
“แม่ครับ... ผมจะไม่เสียยูไปอีก ถ้ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมขอเถอะครับ เลิกคิดถึงมันซะที มันผ่านมากนานแล้วลืม ๆ มันเถอะนะครับ อีกอย่าง..ยูสำคัญกับผมมาก”
ฝ่ายผู้เป็นแม่ทำเฉยเมยมีเพียงรอยยิ้มไม่ทุกข์ไม่ร้อนฉาบหน้าไว้เท่านั้น ธันวาพูดจบก็ลุกขึ้นออกจากโต๊ะไป มีเพียงสายตาที่เป็นห่วงเป็นใยมองตามแผ่นหลังเขาไป เขาไม่อยากจะมีปากเสียงกับผู้ตนที่เรียกว่าแม่ เขาหวังว่าคุณแม่จะยอมเข้าใจและไม่คิดโกรธแค้นยูอีก....หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น
++++++++++++++++++++ 100%++++++++++++++++++++++
****มาดึกมากกกก ขออภัยด้วยนะคะ><*****
วันนี้มาครึ่งนึง ต่อพรุ่งนี้นะคะ เฟรมได้ออกโรงบ้างแล้ว มีใครเชียร์เฟรมบ้างไหมเนี่ยฮ่าๆ
บรรยายลักษณะเฟรมไปนิดเดียว กลัวจะนึกภาพไม่ออก เลยวาดมาให้ดู
(โปรดมองข้ามความไม่สมดุลไป พลีสส เดี๋ยวไม่ฝึกอนาโตมีใหม่นะคะ ฮ่าๆ)
ปรึกษา
~ You got that James Dean day dream look in your eye. And I got that red lip classic thing that you like~
ผมตบกระเป๋ากางเกงหาปัจจัย 5 ของชีวิตก่อนหยิบมาขึ้นมารับสาย
“ว่าไงมึง”
(ไอ้พุดเดิ้ล กูไปค้างกับมึงนะ)
พุดเดิ้ลบ้านเตี่ยเองเถอะ ไม่อยากทะเลาด้วยหว่ะ ฟังจากน้ำเสียงของปลายสายแล้วผมเดาว่ามันคงงอนกับแม่มันเรื่องไอ้หมาขาสั้นนั่นแน่เลย
“มึงงอนอะไรไอ้เปาหรอ มันก็อยู่ส่วนหมามึงก็อยู่ส่วนคน ทำไมชอบไปอิจฉามันจัง”
(ไม่ใช่เว้ย! กูมีเรื่องไม่สบายใจต่างหาก!)
“เรื่องอิจฉาหมา?”
(ก็บอกว่าไม่ใช่มึงก็! หาเรื่องกูหรอ!)
“เรื่องไรอ่ะ”
(เอาเป็นว่ากูไม่อยากอยู่บ้าน กูบอกแม่แล้วว่ากูจะไปทำรายงานสองสามวัน)
“ทำรายงานหรือเข้าค่ายวะนั่น มึงย้ายสัมมะโนครัวออกมาเลยก็ได้นะ”
(กูอยากจะยกบ้านหนีไปชายแดนอยู่แล้ว!)
“มึงมาแล้วจะนอนไหน เมทกูก็อยู่เนี่ย”
(กูนอนพื้นก็ได้)
“วันนี้ไอ้เมศมันจะเลี้ยงวันเกิดเมทมันที่ห้องกูด้วย ไม่มีที่นอนหรอก”
(ไอ้เชี่ย! แดรกกันไม่ชวนกูหรอ ดีนะที่กูโทรมา! พวกมึงตายแน่!)
เรื่องของฟรีนี่ต้องเหยียบไว้ให้มิด ถ้ามันมาล่ะก็สุกี้ก็สุกี้เถอะมันยกซดทั้งหม้อคนเดียวยังไหว ขนาดไปกินบุฟเฟ่ต์มา 3 จ่าย 2 มันยังซัดซะจนเจ้าของร้านเดินมาถามว่า โต๊ะนี้มา 4 จ่าย 2 หรือเปล่า?
“ไม่น่าพูดเลย..”
(จำไว้นะมึง! กูจดบัญชีไว้แล้วด้วย!)
“เออ ๆ เรื่องของมึงเถอะ”
(เดี๋ยวกูไม่นอนด้วย..)
“บอกว่าไม่มีที่”
(กูนอนหน้าประตูก็ได้นะๆ)
มันจะอะไรขนาดนั้นวะ
“เบื่อบ้าน มึงก็ไปนอนบ้านแฟนมึงดิ”
(...............................)
เงียบไปเลยวุ้ย แปลก ๆ หรือมันทะเลาะกับแฟน ก็เห็นรักกันดีนี่หว่า
(กูไปนอนใต้สะพานลอยก็ได้ ถ้ากูโดนยุงกัดตายกูจะมาหลอกมึง)
“โอเคๆ กูยอม ถ้าไม่มีที่จริง ๆ มึงต้องนอนระเบียงนะ ห้ามบ่นด้วย”
(โอเค!)
ไม่ใช่สงสารอะไรหรอกนะ แต่กลัวจะไปสร้างความลำบากให้เทศบาลเขาต่างหาก พอวางสาย ผมก็เกาหัวแกรก ๆ นอนพื้นมันก็พอได้อยู่ แต่ถ้าไอ้พวกนั้นมันมาก๊งเหล้าล่ะก็คงสลบเหมือดกันเต็มทางเท้าพอดีไม่มีที่นอนแน่นอน
“พี่บิวจะไปไหนหรอครับ”
ผมถามรูมเมทซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสอง เขาแพ็คกระเป๋าใบโตเหมือนจะไปเที่ยวที่ไหนซะแห่ง
“พอดีพี่จะไปเยี่ยมแม่ที่เชียงใหม่น่ะ อ้าว พี่ไม่ได้บอกเฟรมไว้หรอกเหรอ”
“เปล่านี่ครับ”
“โทษที ๆ เดี๋ยวพี่ซื้อแคปหมูมาฝากแล้วกันนะ”
“ขอบคุณครับ ไม่ต้องลำบากก็ได้”
“ไม่เป็นไร อุส่าห์ทำความสะอาดโต๊ะให้พี่นี่นา”
“ฮ่า ๆ เอ้อ พอดีเลยครับเพื่อนผมจะมาค้างพอดีเลย ”
“อ้าวหรอ เพื่อนพี่ก็จะมาค้างพอดีเลย”
หา? ทำไมนัดมาชนกันแบบนี้ล่ะ กะว่าเตียงว่างแล้วจะให้ไอ้ยูมันนอนซักหน่อยเชียว
“เพื่อนพี่บิว...ใครครับ”
นะโม พุทโธ สังโฆ ขอให้อย่าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลย
“ก็...เก่งไง”
ความรู้สึกเหมือนโดนสึนามิลูกใหญ่ถาโถใส่ร่าง พี่ก็รู้ว่าผมกับเขาเจอหน้ากันก็สาดน้ำลายใส่กันแล้ว ถ้ามาอยู่ห้องเดียวกันพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องเรียกปอเต็กตึ๊งมาเก็บศพกันเลยหรอครับ
“พี่บิวนะพี่บิว...”
“ขอโทษจริง ๆ นะ ถึงไม่ชอบขี้หน้ามันแต่ก็ทนเอาหน่อยนะ”
“ผมกลัวเพื่อนพี่จะทนผมไม่ได้จะกระโดดตึกตายเอามากกว่าครับ”
“หวา อย่าแกล้งเพื่อนพี่นะ”
“ผมจะจัดให้หนักเลย”
“เฟรม~”
สำคัญอื่นใดไม่ใช่เรื่องทะเลาะกับรุ่นพี่หรอก แต่เป็นความปลอดภัยของเพื่อนผมซะมากกว่า
“แล้วเฟรมจะพาใครมาค้างหรอ”
“อ่า ไอ้ยูมันจะมาค้างน่ะครับ”
จังหวะเดียวกับที่ผมตอบ บานประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นบุคคลผู้มาค้างคืนที่ห้องคนนั้น ใบหน้าจืดชืดแบบเต้าหู้ราดไฮเตอร์ส่อแววดีใจเล็กน้อย อันสังเกตได้จากรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นสูงและด้วยตาเท่าเม็ดแมงรักใต้เลนส์ใส
“ดูเหมือนจะมีเรื่องดี ๆ นะ”
“ดีกับผีน่ะสิ”
ผมบ่นกับผู้มาใหม่ทันที เห็นหน้าเผือก ๆ แล้วอยากจะเอาน้ำเชื่อมมาราดแล้วกัดซะ
“ก็ดีที่ฉันไม่ต้องทนอึดอักอยู่กับเด็กอย่างนาย ถ้ามียูอยู่ด้วยห้องนี้มันคงน่าอยู่ขึ้นมาก”
“ถ้าทนไม่ได้ก็เชิญกระโดดออกนอกหน้าต่างไปเลยครับคุณพี่ เชิญ~”
ออกไป~ รออะไร ไม่อยากเห็นหน้าเห็นจืด ๆ
“อย่าทะเลาะกันสิ อยู่กันดี ๆ นะ โอ้ย พี่เป็นห่วงจังเลย”
“ไม่ทันแล้วครับพี่บิว ถ้าผมตีกันตายก็ให้รู้ไว้ว่าเป็นความผิดของพี่นะครับ”
“น้องเฟรมมม”
ผมยิ้มแบบชั่วร้าย ไม่ถึงขั้นตีกันตายหรอกมั้งครับแค่ปะทะคารมณ์แบบดุเดือดเท่านั้นเอง ผมควรจะโทรไปห้ามไอ้ยูไม่ให้สินะ ที่นี่มันอันตราย
“วันนี้จะได้นอนเตียงเกียวกับยูสินะ ก็เตียงมันไม่พอนี่นา”
เต้าหู้ก้อนสีขาวเดินได้พรึมพรำอย่างมีความสุข ตายแล้วไอ้ยูเอ้ย! คืนนี้มึงจะรอดไหมเนี่ย ไม่ได้การผมต้องเตรียมแผนรับมือเรื่องนี้แล้ว เรียกแผนนี้ว่า “แผนรักษาความบริสุทธิ์ของเพื่อนชาย”แล้วกัน....ทำไมชื่อฟังดูเหมือนหนังโป๊จังวะ!
++++++++++50%++++++++++
ฝนข้างนอกเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ผมเองก็กังวลว่าไอ้ยูมันจะไปตกท่อที่ไหนซักแห่งจึงคิดจะไปดู แต่มันตายยากกว่าที่คิด ไม่ทันจะเปิดประตูออกไปร่างชุ่มโชกแบบลูกหมาเปียกน้ำก็เปิดพรวดเข้ามาแล้ว
“โห้ย! เปียกหมดเลย”
ไอ้ยูบ่นพลางสะบัดหัวไปมาสาดละอองใส่เพื่อนอย่างผม เออดี กูอยู่ข้างในแท้ ๆ แต่เปียกฝนได้
“มึงไม่ไปรับกูเลยนะกูรู้ว่าฝนตก”
“ก็ว่าจะลงไปอยู่นี่ไง”
“คิดช้าไปแล้ว อ่ะ! พี่เก่งอยู่นี่ด้วยหรอครับ”
มันเบนความสนใจไปยังชายใส่แว่นที่นั่งเต๊ะท่าอ่านหนังสืออยู่อีกเตียงหนึ่ง ผมเห็นอ่านค้างหน้าเดิมมาสองชั่วโมงละ ตรัสรู้ไปแล้วมั้งเนี่ยอ่านนานขนาดนี้
“อ้าว! ยูจะมาค้างนี่หรอ”
“ครับ พี่เก่งก็มาค้างหรอครับ”
“อืม บังเอิญจังเลยนะ”
ใช่ บังเอิญจนน่ากลัวเลยล่ะ ผมเห็นสายตาใต้แว่นนั่นดูระยิบระยับมองไอ้ยูประหนึ่งมองทูน่ากระป๋องไม่มีผิด จะไม่ให้มองได้อย่างไรกันเล่าก็ไอ้ยูมันใส่เสื้อยืดสีชมพูบาง ๆ พอโดนผมมันก็แนบเนื้อ หยดน้ำก็เกาะอยู่ที่คอรำไร ถ้ามองมุมเพื่อนก็คงไม่คิดอะไร แต่ลองเปลี่ยนเป็นแฟนผมยืนตัวเปียกล่อตะเข้แบบนี้ผมลากเข้าห้องไปแล้ว
“ไปอาบน้ำใหม่เหอะมึง เร็ว ๆ”
ผมเอาผ้าขนหนูคลุมหัวพร้อมดันตัวมันไปห้องน้ำให้มันพ้นดวงตาเท่าเม็ดกวยจี๊นั่นซะที
“แหม มองทะลุยันเซลล์ใต้ผิวหนังเลยนะครับคุณพี่~”
พอออกมาผมก็เอ่ยแซวทันที ถ้าไอ้ยูเป็นปลากัดผมว่าท้องโตตั้งแต่เทอมแรกไปแล้วล่ะ
“ถ้าไม่มีคนมาขัดป่านนี้คงได้แสกนยันกระดูกแล้วล่ะ” คนใส่แว่นสวนกลับ
“จะแสกนของคนอื่นระวังจะต้องไปแสกนสมอง เพราะโดนแฟนเขาเอาไม้หน้าสามพากกบาลเอา”
“ถึงโดนก็คุ้ม ดีกว่าอยู่เฉย ๆ ได้แต่มองอย่างเดียว”
เป็นคนที่หน้าด้านของแท้ ไอ้ยูปฏิเสธก็ยังไม่เลิกตื้อ นี่ขนาดมีแฟนพี่แกยังไม่เห็นหัวแฟนไอ้ยูเลย ผู้ชายบ้าอะไรวะ ทำไมต้องทุ่มเทขนาดนั้น ถ้าไม่ได้ก็หาใหม่ไม่ง่ายกว่าหรอ
“เฮ้ย กูลืมหยิบเสื้อหว่ะ..”
ร่างขาวผ่องเดินห่อผ้าขนหนูผืนเดียวออกมา ผู้ชายที่ทำทีเป็นเด็กเรียบถึงกับเปิดตากว้างขึ้น
..ไอ้ยู มึงก็..
ผมรีบกระโดดไปปิดตาไอ้รุ่นพี่หน้าจืด คนโดนจู่โจมออกแนวขัดขืนโดยการดึงแขนผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอก! คิดว่าจะสู้ผมได้ก็ลองดู!
“มึงรีบ ๆ หยิบเสื้อเลย แล้วเข้าห้องน้ำไปเลยนะ!”
“เออ ๆ แปบนึงนะ!”
มันหยิบของในกระเป๋าเป้มันโยนกระจัดกระจายอย่างเร่งรีบ
“อุ๊ย! ชิบหาย! ผ้าหลุด”
มันโชว์แก้มก้นขาว ๆ ของมันให้ผมดู ไอ้ผมน่ะเห็นบ่อยละเพราะแกล้งกันประจำแต่ไอ้คนที่มันไม่เห็นน่ะสิอยากดู!
“ปล่อย!”
“เร็ว ๆ เลยเดี๋ยวโดนปล้ำกูไม่ช่วยนะ!”
“เออ ๆ กูรีบอยู่!”
ผมโถมตัวล็อคคอคนโรคจิตเอาไว้ พี่แกก็ดิ้น ปากโวยวายร้องให้ผมปล่อยมือที่ปิดตาแกไว้ ไอ้ยูพอได้ของครบมันก็รีบกุลีกุจรเข้าห้องน้ำไป พอมันหายลับไปผมก็ปล่อยมือที่ปิดตาออก
“ว้า~ เสียใจด้วยนะ ไอ้ยูอุส่าห์เซอร์วิสแต่ก็ไม่ได้ดู”
“เลิกเป็นมารก่อกวนฉันซะทีเถอะ”
“แสดงความเสียใจอีกรอบ เพราะผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่เห็นใครบางคนทำหน้าผิดหวัง ฮ่าๆ”
“นาย..!”
ผมยิ้มอย่างทีความสุข แต่อีกคนน่ะหรอหน้ามุ่ยจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
“เห็นฉันผิดหวังแล้วมีความสุขนักหรือไง สักวันเถอะฉันจะให้นายทำหน้าผิดหวังที่เห็นฉันสมหวังบ้าง”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาแน่วแน่จ้องมาที่ผมเหมือนจะกล่าวสาบานว่าชาตินี้ฉันจะทำให้นายผิดหวังแบบฉันบ้าง
จริงจังชะมัด ทำไมคนเราถึงบ้าขนาดนี้ ถึงจะรู้ว่าทำอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะสนใจเรา...ไม่เลยสักนิดเดียว แต่ก็ยังกระเสือกกระสนจะเป็นคนที่อยู่ในใจเขาให้ได้ มันบ้าสิ้นดีเลย
“หึๆ ผมจะรอวันนั้นนะครับ”
ผมขยับยิ้มกว้างให้น่าหมั่นไส้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนอย่างผมนะหรอเรื่องเสียใจหรือผิดหวังมันไม่มีซะหน่อย ยิ่งจากน้ำมือผู้ชายจืดชืดพรรค์นี้..ไม่มีทางซะล่ะ
“โอ้ย! ไอ้ยูแม่งมาได้ไงว้า!”
ไอ้เมศโอดครวญออกมาหลังจากที่เห็นไอ้ยูก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ตอนแรกเราว่าจะจัดกันที่ห้องผม แต่เพราะมีรุ่นพี่กิตติมาศักดิ์มาไอ้พวกนี้เลยเกรงใจ (มันจะซัดเบียร์กันไง) สุดท้ายแขกไม่ได้รับเชิญที่พวกมันเกรงใจนักหนาก็เสด็จมาร่วมกินด้วยอยู่ดี
“ทำไม! กูมาไม่ได้หรอไง!”
แขกผู้ไม่มีใครอยากเชิญออกปากพูดอย่างน้อยใจ มันทำเป็นสะบัดหน้าเดินดุ่ม ๆ คว้าชามมาตักสุกี้หน้าตาเฉย
“กูบอกแล้วนะไอ้เฟรม ท็อบซีเครต” ไอ้เมศหันมาบอกผม
“กูพยายามแล้ว เซนส์มันดียิ่งกว่าควายซะอีก” ผมบอก
“อาอัยอาอัย อูอ้ายอินอ้ะ (อะไร ๆ กูได้ยินนะ)”
ขนาดผักเต็มปากมันยังส่งเสียงเบรกพวกผม แหม ว่าจะนินทาต่อซะหน่อยเชียว
“เอาน่า ๆ มากันเยอะ ๆ แย่งกันกินสนุกดี”
เจ้าของวันเกิดออกปากพร้อมยิ้มหน้าบาน ผมไอ้แต่ยิ้มและหัวเราะอยู่ในใจ หึ ๆ คิดผิดแล้วสหายเอ๋ย หลังจากเอ็งได้รับรู้ความสามารถการบรรจุอาหารลงท้องของไอ้ยูแล้วล่ะก็ ข้าเชื่อว่าเอ็งจะไม่เชิญมันมาร่วมงานวันเกิดครั้งหน้าแน่เอย...
“นั่งด้วยนะยู”
เต้าหู้เดินได้เอ่ยเสียงหวานพลางหย่อนก้นลงข้าง ๆ ไอ้ยู เห็นแล้วอยากจะขัดลาบซะจริง ฮ่าๆ
“ยูกูนั่งด้วย”
ว่าจบผมก็หย่อนแทรกตรงกลางระหว่างไอ้ยูกับรุ่นพี่ที่เคารพรัก ไอ้ยูที่กำลังยุ่งกับการกินเขยิบออกให้ผมนั่งแทรกได้พอดี ผมรู้สึกถึงรังสีคอสมิคจากใครบางคนที่แผ่ออกมาขู่ผม ผมได้แต่หันไปส่งยิ้มหวานอย่างนางสาวไทยให้ หึ! แค่หายใจร่วมกันก็พอแล้วนะครับคุณพี่
“เออ ยู กินลูกชิ้นกุ้งไหมพี่ตักให้”
“กินครับ!”
ไม่ใช่เสียงไอ้ยู แต่เป็นผมที่เอ่ยพร้อมยกถ้วยขึ้นรับประทานรางวัลชิ้นงาม
“แย่งกูอีก” ไอ้ยูบ่น
“เอาลูกชิ้นปลาไหมยู” ยังไม่เลิกอีกนะ พยายามจริง ๆ
“โอ้ววว กำลังอยากกินอยู่พอดีเลยครับคุณพี่~”
ผมเอาตะเกียบฉกลูกชิ้นมาใส่ฉาม ไอ้ยูทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยก่อนหันไปตักเบคอนกินเอง ส่วนอีกคนมองผมแบบไม่พอใจสุด ๆ แหม รู้สึกดีจังที่ได้แกล้งคนแบบนี้ ทำหน้าดุอีกสิ ทำอีก!
~ครืดดด ครืดดดดด~
แรงสั่นสะเทือนเต้นอยู่ข้างขาผม ฝั่งซ้ายมือนี่ต้องเป็นมือถือของไอ้ยูแน่เลย ผมไม่ได้สะกิดบอกมันแต่มันก็ไม่ยอมรับซะที จนมันหายไปซักพักก็ครืดขึ้นมาอีกรอบผมเลยเรียกมัน
“ไอ้ยูโทรศัพท์”
“ช่างมันเถอะ”
“รับ!”
“ไม่เอา! อย่ามายุ่งกับกูน่า”
“มันสั่นจนไขมันกูแตกตัวหมดแล้วรับเถอะ”
สั่นแบบนี้ก็เพลินดีเหมือนกัน ฮ่าๆ ไอ้ยูทำหน้าอิดออดไม่อยากจะรับสาย ไอ้เมศเลยพูดบ้าง
“แม่มึงโทรมาเปล่า”
ไอ้ยูก็เบะปาเล็กน้อยก่อนเดินออกไปนอกระเบียง คนข้างผมลอบมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างไม่วางตา ผมเองก็มองไปที่ไอ้ยูดูเหมือนมันจะไม่ได้รับแต่ปิดเครื่องเลยด้วยซ้ำ จากนั้นมันก็ยืนชมวิวข้างนอกไม่ยอมเข้ามาข้างใน
“ยูเป็นอะไรหรือ เห็นออกไปยืนข้างนอกซักพักแล้วนะ”
รูมเมทไอ้เมศถามขึ้น ผมเองก็ว่างั้น
ผลุบ!
ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นเต็มตัวก่อนก้าวไปทางระเบียง ผมลุกขึ้นยืนตามพี่แกคงแอบไปหยอดไอ้ยูแน่เลย
“ไอ้เฟรมไปรับไอ้กิตกับไอ้นะโมกับกูหน่อยดิ” ไอ้เมศบอก
“ไปเองดิ”
“มันถือของมา ไป ๆ”
ไอ้เมศลากผมออกนอกประตูไป โถ่เว้ย! เดี๋ยวไอ้พี่โรคจิตนั่นมันลวนลามไอ้ยูขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย
หลังจากไอรับไอ้สองตัวที่เหลือขึ้นมา ผมก็วางของแล้วดิ่งออกไปที่ระเบียง ผมยืนมองสองคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง บรรยายกาศมันดูหวานมาก ผมเห็นสายตาของรุ่นพี่คนนั้นแสดงออกถึงความห่วงใจ ถึงไอ้ยูจะเอาแต่ยิ้มจืด ๆ แต่พี่แกก็พยายามชวนคุยอยู่ดี
“นี่ ๆ หวานกันเกินไปแล้วมั้ง เข้าไปข้างในเถอะ”
ผมบอกพลางยกมือโบ้ยไปข้างหลังตัวเอง
“ขอบคุณมากนะครับพี่เก่ง ผมดีขึ้นมากแล้วครับ”
“พี่อยากให้ยูยิ้มได้ไว ๆ นะ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจล่ะก็ อกพี่ว่างสำหรับยูเสมอนะ”
จะอ้วกเว้ย ผมทำหน้าปูเลี่ยน นี่พี่แกหลุดมาจากคณะลิเกหรือยังไงเนี่ย ไอ้ยูยิ้มเล็กน้อยทำท่าจะเดินเข้าข้างใน ผมก็รั้งแขนมันให้ไอ้พี่นั่นเดินเข้าไปก่อนแล้วจึงปิดประตูซะ
“มึงเป็นไรวะ” ผมถาม
“ไม่มีไรหรอก ช่างมันๆ”
“กูเป็นห่วงมึงนะ มีไรก็ปรึกษากูได้นะ”
มันเม้มปากชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่ดี เออ ถ้าไม่บอกนะ..
“จะบอกหรือจะให้กูจับมึงโยนลงไปก่อน”
“อย่าโหดดิมึงก็!”
“บอกมา”
“คือ... เอ่อ กูสัญญากับใครบางคนไว้ แต่ก็ผิดสัญญาไปแล้ว กูไม่รู้จะทำยังไง”
“สัญญาอะไรวะ”
“เอ่อ... กูสัญญากับแม่ไอ้ธันว่ากูจะไม่ยุ่งกับมัน..”
“แต่มึงก็คบกันแล้วนี่ แล้วแม่เขามาว่ามึงหรอ”
“ก็ไม่เชิง เออ นั่นแหละที่กูเครียด กูก็ไม่ได้อยากยุ่งกับมันซะหน่อย!”
“แล้วมึงคบกันทำไม”
“มันมีเหตุผลอยู่..คือ กูติดหนี้มันอ่ะ มันเลยให้กูคบกันเพื่อใช้หนี้”
“งั้นมึงก็เอาเงินไปคืนแล้วก็เลิกยุ่งไป จบ!”
“นั่นดิ.. กูเอามอไซค์ไปจำนำก็ได้เนอะ”
มันคลี่ยิ้ม แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย แววตามันไม่ได้ยิ้มด้วย
“แต่ถ้ามึงชอบธัน มึงจะยอมปล่อยให้แม่มันเข้ามาขวางแบบนี้น่ะหรอ กูอยากรู้ว่ามึงอยากไปจากมันจริง ๆ หรอ มึงแน่ใจนะ”
ผมลองหยั่งเชิงดูอาการมันต่อ เรื่องคบกันปุบปับมันดูน่าแปลก แต่จากที่ผมสังเกตดู พวกมันก็ดูรักกันดี ธันก็เอาใจมันทุกอย่าง ไอ้ยูก็...ถึงมันจะชอบพูดไล่หรือกวนธัน แต่ผมก็เห็นมันทำหน้ามีชีวิตชีวามากกว่าตอนนี้ซะอีก
“ขอบใจที่แนะนำนะเว้ย กูไม่อยากเห็นหน้ามันแล้ว..ตามนั้นแหละ!”
พูดจบมันก็เดินเข้าห้องไป ผมเดินตามไปก็ยังไม่เลิกข้องใจกับคำตอบของมัน
“บางอย่างถ้ามันเสียไปแล้วมันเอาคืนมายากนะเว้ย”
ผมบอกไล่หลังมัน ไม่รู้มันจะสนใจหรือเปล่า ปล่อยมันคิดเองแล้วกัน
“โห้ยยยย ยายป้านั่นน้า~ ปั้นหน้าบึ้ง! ท้าวววเอวว อย่างกับจะแดกหัวกูเลยย~ ”
ผมไม่รู้ว่ามันบ่นอะไรของมัน แต่ไอ้ยูมันคุมสติไม่ได้แล้วล่ะ ไอ้เมศก็ไม่น่าไปยื่นของเหล้าเพียว ๆ ให้มันเลยมันกินเป็นซะที่ไหนล่ะ
“มึงไปทำอะไรวะ” ไอ้นะโมเพื่อนต่างเอกถาม
“กูหรออ~ กูแค่นอนกับลูกเขาเองงงง~”
ไอ้ชิบหาย! ผมเอามือตบหน้าผากตัวเอง นี่เพื่อนกูเปิดโลกใหม่ไปแล้วหรอ!
“ห๊ะ! มึงได้กับแฟนมึงแล้วหรอ!” ไอ้เมศถามอย่างตกใจ
“ยางงงง มันคลานนน อึก!...มาหากูน้า~ แล้วมันก็...พรุ่บ! เป็นลมปายยย เวรจริงๆ ยังม่ายด้ายจุ๊บกันเลยยย~”
“ไหนบอกมึงนอนกับลูกเขาไง”
“นอนงายย กูง่วงงง พอตื่นมาน้า~ กูโดนด่าเลย!”
ผมแอบหัวเราะ เวลามันเมานี่สุดยอดเลยจริง ๆ มันแสดงท่าทางประกอบคำพูดด้วยนะ แต่คนที่ขำไม่ออกคงเป็นคนข้าง ๆ ผม ดูพี่แกจะหน้าจ๋อยลงไปเยอะเลย
“ไอ้ยูไปนอนเถอะ มึงเมาแล้ว”
ผมบอกแล้วลุกไปหิ้วปีกมันขึ้นมา
“มาวววว? โอ้ยยย ไม่ม่าววว”
ขี้เกรียจฟังมันพูดผมก็เลยขอตัวหิ้วมันกลับไปนอนที่ห้อง พอถึงห้องผมก็โยนมันที่เตียงแล้วไปอาบน้ำ อาบเสร็จก็นอนตามมาถึงเตียงจะแคบแต่ก็พอเบียดได้
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ผมที่ใกล้เข้าห้วงนิทราต้องถูกถีบออกมาจากความฝัน เสียงเท้าหนักย่ำมาใกล้เตียง เงาร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงก่อนจะโน้มตัวลงมาอยู่ใกล้หน้าผม
...ไอ้พี่แว่นหรอ...
ผมอ้าปากจะทักออกไป ประจวบเหมาะกับที่ริมฝีปากนุ่มทาบลงมาบนหน้าผากผมอย่างแผ่วเบา ผมลืมตาโพลงตะลึงและงวยงงอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอันมีเพียงแสงไฟรำไรจากนอกห้องที่สาดเข้ามา
...อะไรกันเลย...
“ราตรีสวัสดิ์นะ...ยู”
ผมกลั้นหายใจข่มเปลือกตาลงอย่างเงียบสงบ ในใจมันเต้นจนแทบระเบิด แต่กลับกันแทนที่จะตัวเบาหวิวกับรู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีอะไรกดทับอยู่กลางอก
..อึดอัดชะมัดเลย...
อีกฝากของเมือง ใบหน้าหล่อยังคงคร่ำเคร่งผิดจากเคยที่มักจะอมยิ้มเวลาอยู่กับผู้เป็นมารดา บนโต๊ะอาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็น สายตาของผู้เป็นแม่เองก็ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์เช่นกันแต่ก็ข่มใจไม่เรื่องนั้นจนกระทั่งวินาทีนี้
“ผมว่า ผมควรจะรู้เรื่องสัญญาของแม่กับยูแล้วนะครับ”
ธันวาหยุดพูดพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่ออีกเหยียดยาว
“แม่ครับ... ผมจะไม่เสียยูไปอีก ถ้ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมขอเถอะครับ เลิกคิดถึงมันซะที มันผ่านมากนานแล้วลืม ๆ มันเถอะนะครับ อีกอย่าง..ยูสำคัญกับผมมาก”
ฝ่ายผู้เป็นแม่ทำเฉยเมยมีเพียงรอยยิ้มไม่ทุกข์ไม่ร้อนฉาบหน้าไว้เท่านั้น ธันวาพูดจบก็ลุกขึ้นออกจากโต๊ะไป มีเพียงสายตาที่เป็นห่วงเป็นใยมองตามแผ่นหลังเขาไป เขาไม่อยากจะมีปากเสียงกับผู้ตนที่เรียกว่าแม่ เขาหวังว่าคุณแม่จะยอมเข้าใจและไม่คิดโกรธแค้นยูอีก....หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น
++++++++++++++++++++ 100%++++++++++++++++++++++
****มาดึกมากกกก ขออภัยด้วยนะคะ><*****
วันนี้มาครึ่งนึง ต่อพรุ่งนี้นะคะ เฟรมได้ออกโรงบ้างแล้ว มีใครเชียร์เฟรมบ้างไหมเนี่ยฮ่าๆ
บรรยายลักษณะเฟรมไปนิดเดียว กลัวจะนึกภาพไม่ออก เลยวาดมาให้ดู
(โปรดมองข้ามความไม่สมดุลไป พลีสส เดี๋ยวไม่ฝึกอนาโตมีใหม่นะคะ ฮ่าๆ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ