30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย
10.0
เขียนโดย enzang2660
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.
16 บท
3 วิจารณ์
19.83K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) บทที่ 7 ในอดีต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 7
ในอดีต
ต้นหญ้าโอนอ่อนพลิ้วไหวเป็นลอนคลื่น เหล่าดอกหญ้าสีขาวสะอาดต่างล่องลอยไปในอากาศท่ามกลางสายลมเย็นช่ำอันพัดพาความเย็นเหนือผิวน้ำขึ้นมา สระขุดขนาดใหญ่ถูกขุดไว้ใจกลางที่ดินรกร้างติดกับป่ากระถิ่น หลายครั้งที่เด็ก ๆ ละแวกหมู่บ้านจะพากันมาวิ่งเล่นซุกซนกัน ณ ที่แห่งนี้ และวันนี้ก็เช่นเคยเด็กน้อยวัยกำลังซนก็ชวนกันมาเล่นที่นี่
“ถึงแล้ว!”
เด็กผู้ชายคนแรกที่วิ่งมาถึงรีบกระโดดลงบ่อคลายร้อนทันที ตามมาด้วยเด็กอีกสามคนที่ร้องเฮ กระโดดตู้มลงบ่อเล่นน้ำกันอย่างสนุก อีกสองคนที่ตามมาที่หลังหายใจหอบถี่จึงยืนพักอยู่ครู่นึง
“ธันมึงลงเปล่าวะ” เด็กน้อยผมบ็อบหน้าม้าเต่อถามขึ้น
“ไม่ล่ะ ยูจะเล่นก็ลงเถอะ” เด็กชายตอบกลับพลางเช็ดเหงื่อ
“กูว่ายน้ำไม่เป็น”
“แล้วมาทำไมล่ะ”
เด็กชื่อยูยิ้มเจื่อน ก็ในเมื่อเพื่อนทุกคนมากที่นี่หมดเขาก็ไม่เหลือใครให้เล่นด้วยนี่นา พวกเด็กในน้ำเห็นคนบนฝั่งไม่ลงมาเสียทีก็กวักมือพร้อมกับตะโกนเรียก
“เฮ้ย! ลงมาเล่นน้ำกันเร็ว~”
ธันเหลือบมองยูที่นั่งแช่เท้าอยู่ริมน้ำ ยูคงอยากจะเล่นแต่ไม่กล้าลงสินะ...ธันคิดในใจ
“ธัน~ ลงมาเร็ว วู้ๆ” พวกเด็กคนอื่นยังคงเรียกต่อ
“แล้วยูล่ะ..” ธันถาม
“ลงมาเถอะ มันว่ายน้ำไม่เป็น ปล่อยมันเถอะ”
ธันชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะลงไปในน้ำ ว่ายไปเกาะกลุ่มกับเพื่อนที่เหลือ พอมองกลับมาที่ฝั่งเขาก็เห็นสายตายูมองด้วยเพื่อน ๆ อย่าหงอยเหงา
...ทำยังไงดีนะ...
ธันตัดสินใจว่ายกลับมาหายู ยูเองก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อมือเล็ก ๆ เอื้อมมาดึงแขนเขา
“ลงมาเล่นกันเถอะ”
“ก็บอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
“เราสอนให้ มา ลงมาสิ”
“ไม่เอาเดี๋ยวจม”
“มาเหอะน่า”
ธันไม่ยอมแพ้ เขาฉุดร่างบนฝั่งลงน้ำเสียงดังตู้ม ยูตกใจจึงตะเกียดตะกายจับโน่นจับนี่สะเปะสะปะ พอคว้าคอธันได้ก็ล็อคไว้แน่นจนธันหายใจไม่ออก ธันเองก็ผละตัวออกไปกลางน้ำพลางดันตัวยูเข้าฝั่งไป ตอนนั้นยูเองก็คิดแค่ตัวเองจะจมน้ำแล้วก็พยายามเข้าไปเกาะธันให้ได้ พอเกาะได้ตามสัญชาตญาณของคนจะจมจึงกดร่างของอีกคนไว้เพื่อโผล่ขึ้นไปหายใจ โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะขาดใจ
เพื่อนที่เหลือเห็นธันกับยูผลุบ ๆ โผล่ ๆ รอนแรมจะจมอยู่ทั้งคู่จึงรีบว่ายเข้ามาช่วย ปากก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีคนขี่จักรยานผ่านมาก็รีบเข้ามาช่วยขึ้นฝั่งแล้วตามผู้ปกครองของเด็กมา
เมื่อผู้ปกครองมาถึงแต่ละคนก็รีบปรี่เข้ามาดูลูกตนเอง เช่นเดียวกับอมิตตา เธอมองหาลูกชายของตนด้วยความกระวนกระวาย พลันเห็นร่างเล็กถูกพาขึ้นรถพยาบาลเธอก็ร้องโวยวายวิ่งเข้าไปดูทันที
“ธัน! ธันลูกแม่! ธันเป็นอะไรลูก!”
เธอพูดรัวลิ้นพันกันด้วยความตกใจ มือจับต้องไปทั่วร่างเล็กเย็นชืดอย่างกับร่างนี้ออกมาจากห้องเย็นก็ไม่ปาน ยิ่งมองดูใบหน้าซีด ริมฝีปากที่เคยแดงกลับไร้สีเธอยิ่งพาเอาน้ำตาเธอไหลพรากเพราะกลัวจะสูญเสียลูกไป
“น้องหมดสติไปค่ะ เราต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วนค่ะ”
พยาบาลพูดอย่างใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ อมิตตาได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้โฮทรุดตัวลงกับพื้นคนอื่นจึงรีบเข้ามาพยุงพลางหยิบยื่นยาดมให้เกรง แต่ก็ไม่ทันการ
มองดูรถฉุกเฉินวิ่งหายใจเธอยังร้องไม่หยุด ด้วยความโกรธ ตกใจและเสียใจทำให้อารมณ์ในจิตใจเธอตีกันยุ่งเหยิง เธอหันไปต่อว่าเด็กทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์
“พวกเธอเล่นอะไรกันห๊ะ!! ถ้าลูกฉันตายไปใครจะรับผิดชอบ!!”
เธอโวยวายลั่นอย่างไร้ซึ่งสติ ดวงตาเขม็งดวงโตน่ากลัวปาดมองไล่ไปตามใบหน้าของเด็กแต่ละคน
“ใจเย็น ๆ นะคะคุณ”
ยินรดาแม่ของยูเป็นคนเอ่ย เธอกอดลูกไว้แนบตัวเพราะยูตกใจกลัวเสียงตวาด เกรงว่าลูกจะขวัญกระเจิงบ้าแดดไปอีกคน
“ใจเย็นอะไร!! ลูกฉันมีคนเดียวนะ! แล้วธันเป็นอะไร!! หมดสติดได้ยังไง!!”
“ธัน..ธันจมน้ำครับ”
เด็กใจกล้าผู้ช่วยชีวิจสองคนนั้นขึ้นมาตอบพลางก้มหน้าไม่กล้าจะสบตาเท่าไหร่
“จมน้ำ? ธันเขาว่ายน้ำเป็นจะจมน้ำได้ยังไง!”
“ยูมันกดหัวไอ้ธัน ธันมันเลยจมน้ำ”
น้ำเสียงเหน่อตอบกลับมาเป็นเด็กอีกคนนึงที่มีส่วนช่วยสองคนที่จมน้ำให้ขึ้นฝั่งมา แต่คงไม่รู้หรอกว่าการตอบแบบนี้มันส่งผลให้ยูโดนตวาด
“เธออีกแล้วหรอ!!!”
อมิตตาหันมาตวาดใส่ยูทันควัน หลายครั้งที่ลูกเธอมักบาดเจ็บ ต้นเหตุก็มาจากเด็กคนนี้แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ครั้งนี้มันร้ายแรงยิ่งกว่า เด็กคนนี้กำลังจะพรากลูกของเธอไป!!
“ใจเย็นก่อนสิคะ มันเป็นอุบัติเหตุ! ก็ลูกคุณมาลากลูกฉันลงน้ำก่อน ลูกฉันว่ายน้ำไม่เป็นก็เกือบตายเหมือนกันนะคะ!” ยินรดาโต้กลับ
“ก็ตอนนี้คนที่จะตายมันไม่ใช่ลูกคุณแล้วนี่คะ! มันลูกฉัน!!”
“ถ้าจะผิดก็ผิดกันทุกคนน่ะแหละ! พวกเราไม่ดูแลเด็กๆให้ดีเอง”
“เราหรอคะ! ลูกคุณมากดลูกฉันให้จมน้ำลูกคุณกับคุณเท่านั้นแหละที่ผิด!”
ยินรดาไม่อยากจะต่อความ ดูท่าแล้วควรจะคุยกันหลังจากอมิตตาสงบสติอารมณ์เสียก่อน
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับลูกฉันอีกนะ!! อย่ามาเข้าใกล้ลูกฉันอีก!”
“คุณครับใจเย็น ๆ ก่อนนะครับลูกคุณไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“อย่ามายุ่ง!!”
คนอื่นจะห้ามอารมณ์ปะทุเดือดตอนนี้ก็ไร้ผลไม่ว่าใครทั้งสิ้น อมิตตาย่างเท้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยในอ้อมกอดมารดา ยินรดาเองก็เอาลูกหลบไปไว้ด้านหลังเกรงอีกฝ่ายจะบ้าถึงขั้นทำร้ายลูกเธอ แต่ถ้าทำเธอก็สู้ตายเช่นกัน
“เธอ...เธอมัน! อย่ามายุ่งกับลูกฉันอีกนะ! ได้ยินไหม!”
“จะมากไปแล้วนะคุณ!”
“ฉันถามว่าได้ยินไหม!”
“ถ้ายังไม่เลิกตะคอกใส่ลูกฉัน! ฉันจะตบจริงๆนะ!”
“ฉันถามได้ยินไหม!”
ยูได้แต่สั่นกลัวร้องไห้ฟูมฟายรีบตอบออกไปด้วยเสียงสั่นปนสะอึกสะอื้น
“ครับ..อึก..ผมจะไม่ยุ่งกับธัน ...อีก ”
“แน่ใจนะ! สัญญาสิ!”
“ฮือออ สัญญาครับ!”
“ดี!!”
พอได้ดั่งใจเธอก็เดินกระแทกเท้าผ่านแม่ลูกทั้งคู่ไป ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยผู้ไม่รู้ความที่ต้องมารองรับโทสะและเสียงกดดันน่ากลัวนั่น ยินรดาได้เพียงแต่ปลอบลูก ถ้าอีกฝ่ายพูดถึงขนาดนั้นเธอเองก็คงต้องให้ยูออกห่างเด็กคนนั้น ไม่ใช่เพราะเกลียดเด็กคนนั้นแต่เพื่อความปลอดภัยของลูกเธอต่างหาก
หลังจากธันฟื้นจนกระทั่งออกจากห้องสีขาวแสนจำเจในโรงพยาบาลได้ ในใจเขาก็คิดจะไปหาคนที่เขาเป็นห่วง ในช่วงที่นอนค้างอยู่สองสามวันมีญาติและเพื่อนที่ทำงานคุณแม่ผลัดเวียนมาเยี่ยมเยือนเขา เพื่อนผู้ช่วยชีวิตก็มาขอโทษเขาซึ่งเขาไม่ได้ต้องการแบบนั้นเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ คนที่ต้องขอโทษคงจะเป็นยู เขาไม่น่าคึกคะนองเลย ไม่รู้ป่านนี้ยูจะเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งไม่เห็นมาเยี่ยมเขายิ่งกังวลในใจ พอกลับมาถึงเขาก็รีบไปกดออดหน้าบ้านยู
“อ้าว ธัน”
ยินรดาทักเสียงเบา เธอกวาดมองข้างหลังเด็กน้อยไร้วี่แววแม่สาวอารมณ์ร้ายจึงคลายยิ้มเล็กน้อย
“ผมมาหายูครับ ยูเป็นยังไงบ้าง..”
“เอ่อ... ยูไปเรียนพิเศษน่ะ”
“หรอครับ? จะกลับตอนไหนหรอครับ”
“อ่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน คงจะเย็น ๆ มั้งจ๊ะ”
“งั้นผมจะมาใหม่นะครับ”
“ธัน!”
“ครับคุณน้า?”
“ไม่ต้องมาหรอกลูก วันนี้กลับไปพักผ่อนเถอะนะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่หรอ”
“ผมหายดีแล้วครับ ผมอยากเจอยู”
ยินรดาเองอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของตัวเองไม่ถูก เธอรู้สึกจุกอยู่ในอก มองแววตาใสซื่อแฝงไปด้วยความห่วงใหญ่ของเด็กตรงหน้า เธอเองไม่กล้าจะเอ่ยตัดเยื่อใยออกไปว่า “แม่เธอไม่ให้ลูกฉันไม่ยุ่งกับเธอแล้ว กลับไปซะ” ...เด็กย่อมไม่ผิด ที่ผิดก็ผู้ใหญ่เรานี่แหละ
“ช่วงนี้ยูเรียนพิเศษจนเหนื่อยเลยลูก กลับมาก็นอนแล้วล่ะ”
“หรอครับ? งั้น..ผมฝากนี่ให้ยูนะครับ”
มือเล็กยื่นถุงเค้กให้แล้วยกมือไหว้ลากลับไป ยินรดายิ้มพลางขอบคุณก่อนเดินเอาของฝากมาให้ลูกของเธอที่นอนเอกขเนกอยู่บนโซฟา
“ธันฝากมาให้”
ได้ยินแม่พูดแบบนั้น ร่างเล็กก็ลุกขึ้นคว้าถุง “ของฝาก” เดินไปหลังครัว ไม่ใช่จัดแจงใส่จานเพื่อนทานแต่อย่างใดแต่เขาทิ้งมันลงไปในถังขยะอย่างไม่ใยดี
“ยู! ทำไมทำแบบนี้”
ยูรีบวิ่งขึ้นบันไดไปทิ้งให้แม่ยืนตะลึง ถึงเธอจะพยายามกรอกหูลูกว่าอย่าไปโกรธธันเลยแต่คงไม่เป็นผลเลยสินะ ก็เพียงหวังว่ายูจะเลิกโกรธเพราะเรื่องนี้เสียที
...เด็ก ๆ คงงอนกันไม่นานหรอกมั้ง...
เธอคิดแบบนั้น ลูกเธอก็เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วคงไม่เป็นอะไร แต่เธอคิดผิดมหันต์เพราะตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมา ยูก็เลิกคุยกับธันตั้งแต่นั้นมา
ยินดรามองลูกชายวิ่งเข้าบ้านพร้อมเสียงโหวกเหวก เธอและเจ้าเปาต่างทำหน้างงงวยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น วันนี้เธอกลับมาไม่เห็นลูกชาย พอจะเห็นเจ้าลูกชายก็เดินหน้าบึ้งเข้ามาเสียแล้ว
“เป็นอะไรหือ? ทะเลาะกับธันมาหรอ”
เธอถามไปยิ้มไป นิสัยของลูกชายตัวดีของเธอไม่เปลี่ยนไปเลย พองอนเข้าหน่อยก็เดินหน้ามุ่ยกระทืบเท้าปึงปัง
“อุส่าห์คืนดีกันแล้ว แม่ยังไม่ทันสั่งหมูกระทะมาฉลองเลยงอนกันอีกแล้ว” เธอเอ่ยแซวต่อ
“ไม่ต้องฉลองแล้วแม่! ยูกับมันจะไม่ยุ่งกันอีกแล้ว!”
พูดจบก็วิ่งขึ้นห้องไปอีกตามเคย ยินรดายืนหุบยิ้ม ภาพเหตุการณ์วันเก่าเริ่มหมุนกลับเข้ามาในหัว นี่สองคนนั้นจะต้องหมางเมินกันอีกแล้วหรอ นี่ก็ผ่านมานานแล้วผู้หญิงคนนั้นยังไม่เลิกคิดแค้นยูอีกหรอ อะไรกันนักหนา...
“โธ่... ยูลูกแม่..”
++++++++++++++++++++++++++
ปกติลงพรุ่งนี้แต่พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับเพื่อน ฮ่าๆ
ขอลงวันนี้แทนแล้วกันนะคะ จะพยายามให้ให้ตับอักเสบกันนะคะ
ขอบคุณที่คอมเมนต์นะคะเดี๋ยวให้ทิป ฮ่าๆ ตอนนี้มีคอนติดตาม 2 คนแล้ว(จะร้องไห้ซึ้ง)
ตอนนี้ไปอ่านนิยายปรับอารมณ์ได้นะคะ เรื่องนี้เลย Sulfur Love
(ลงลิงค์แล้วจิ้มไม่ได้เยี่ยมม) เซิร์ซในเว็บได้เลยค่ะ
หรือเอาส่วนที่ไฮไลท์ไปแทนที่ข้างบน http://www.keedkean.com/novel/KK0008779.html
เจ้าของเดียวกับครีมโทนาฟ เอ้ย! ไม่ใช่ ฮ่า ๆ
ในอดีต
ต้นหญ้าโอนอ่อนพลิ้วไหวเป็นลอนคลื่น เหล่าดอกหญ้าสีขาวสะอาดต่างล่องลอยไปในอากาศท่ามกลางสายลมเย็นช่ำอันพัดพาความเย็นเหนือผิวน้ำขึ้นมา สระขุดขนาดใหญ่ถูกขุดไว้ใจกลางที่ดินรกร้างติดกับป่ากระถิ่น หลายครั้งที่เด็ก ๆ ละแวกหมู่บ้านจะพากันมาวิ่งเล่นซุกซนกัน ณ ที่แห่งนี้ และวันนี้ก็เช่นเคยเด็กน้อยวัยกำลังซนก็ชวนกันมาเล่นที่นี่
“ถึงแล้ว!”
เด็กผู้ชายคนแรกที่วิ่งมาถึงรีบกระโดดลงบ่อคลายร้อนทันที ตามมาด้วยเด็กอีกสามคนที่ร้องเฮ กระโดดตู้มลงบ่อเล่นน้ำกันอย่างสนุก อีกสองคนที่ตามมาที่หลังหายใจหอบถี่จึงยืนพักอยู่ครู่นึง
“ธันมึงลงเปล่าวะ” เด็กน้อยผมบ็อบหน้าม้าเต่อถามขึ้น
“ไม่ล่ะ ยูจะเล่นก็ลงเถอะ” เด็กชายตอบกลับพลางเช็ดเหงื่อ
“กูว่ายน้ำไม่เป็น”
“แล้วมาทำไมล่ะ”
เด็กชื่อยูยิ้มเจื่อน ก็ในเมื่อเพื่อนทุกคนมากที่นี่หมดเขาก็ไม่เหลือใครให้เล่นด้วยนี่นา พวกเด็กในน้ำเห็นคนบนฝั่งไม่ลงมาเสียทีก็กวักมือพร้อมกับตะโกนเรียก
“เฮ้ย! ลงมาเล่นน้ำกันเร็ว~”
ธันเหลือบมองยูที่นั่งแช่เท้าอยู่ริมน้ำ ยูคงอยากจะเล่นแต่ไม่กล้าลงสินะ...ธันคิดในใจ
“ธัน~ ลงมาเร็ว วู้ๆ” พวกเด็กคนอื่นยังคงเรียกต่อ
“แล้วยูล่ะ..” ธันถาม
“ลงมาเถอะ มันว่ายน้ำไม่เป็น ปล่อยมันเถอะ”
ธันชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะลงไปในน้ำ ว่ายไปเกาะกลุ่มกับเพื่อนที่เหลือ พอมองกลับมาที่ฝั่งเขาก็เห็นสายตายูมองด้วยเพื่อน ๆ อย่าหงอยเหงา
...ทำยังไงดีนะ...
ธันตัดสินใจว่ายกลับมาหายู ยูเองก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อมือเล็ก ๆ เอื้อมมาดึงแขนเขา
“ลงมาเล่นกันเถอะ”
“ก็บอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
“เราสอนให้ มา ลงมาสิ”
“ไม่เอาเดี๋ยวจม”
“มาเหอะน่า”
ธันไม่ยอมแพ้ เขาฉุดร่างบนฝั่งลงน้ำเสียงดังตู้ม ยูตกใจจึงตะเกียดตะกายจับโน่นจับนี่สะเปะสะปะ พอคว้าคอธันได้ก็ล็อคไว้แน่นจนธันหายใจไม่ออก ธันเองก็ผละตัวออกไปกลางน้ำพลางดันตัวยูเข้าฝั่งไป ตอนนั้นยูเองก็คิดแค่ตัวเองจะจมน้ำแล้วก็พยายามเข้าไปเกาะธันให้ได้ พอเกาะได้ตามสัญชาตญาณของคนจะจมจึงกดร่างของอีกคนไว้เพื่อโผล่ขึ้นไปหายใจ โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะขาดใจ
เพื่อนที่เหลือเห็นธันกับยูผลุบ ๆ โผล่ ๆ รอนแรมจะจมอยู่ทั้งคู่จึงรีบว่ายเข้ามาช่วย ปากก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีคนขี่จักรยานผ่านมาก็รีบเข้ามาช่วยขึ้นฝั่งแล้วตามผู้ปกครองของเด็กมา
เมื่อผู้ปกครองมาถึงแต่ละคนก็รีบปรี่เข้ามาดูลูกตนเอง เช่นเดียวกับอมิตตา เธอมองหาลูกชายของตนด้วยความกระวนกระวาย พลันเห็นร่างเล็กถูกพาขึ้นรถพยาบาลเธอก็ร้องโวยวายวิ่งเข้าไปดูทันที
“ธัน! ธันลูกแม่! ธันเป็นอะไรลูก!”
เธอพูดรัวลิ้นพันกันด้วยความตกใจ มือจับต้องไปทั่วร่างเล็กเย็นชืดอย่างกับร่างนี้ออกมาจากห้องเย็นก็ไม่ปาน ยิ่งมองดูใบหน้าซีด ริมฝีปากที่เคยแดงกลับไร้สีเธอยิ่งพาเอาน้ำตาเธอไหลพรากเพราะกลัวจะสูญเสียลูกไป
“น้องหมดสติไปค่ะ เราต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วนค่ะ”
พยาบาลพูดอย่างใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ อมิตตาได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้โฮทรุดตัวลงกับพื้นคนอื่นจึงรีบเข้ามาพยุงพลางหยิบยื่นยาดมให้เกรง แต่ก็ไม่ทันการ
มองดูรถฉุกเฉินวิ่งหายใจเธอยังร้องไม่หยุด ด้วยความโกรธ ตกใจและเสียใจทำให้อารมณ์ในจิตใจเธอตีกันยุ่งเหยิง เธอหันไปต่อว่าเด็กทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์
“พวกเธอเล่นอะไรกันห๊ะ!! ถ้าลูกฉันตายไปใครจะรับผิดชอบ!!”
เธอโวยวายลั่นอย่างไร้ซึ่งสติ ดวงตาเขม็งดวงโตน่ากลัวปาดมองไล่ไปตามใบหน้าของเด็กแต่ละคน
“ใจเย็น ๆ นะคะคุณ”
ยินรดาแม่ของยูเป็นคนเอ่ย เธอกอดลูกไว้แนบตัวเพราะยูตกใจกลัวเสียงตวาด เกรงว่าลูกจะขวัญกระเจิงบ้าแดดไปอีกคน
“ใจเย็นอะไร!! ลูกฉันมีคนเดียวนะ! แล้วธันเป็นอะไร!! หมดสติดได้ยังไง!!”
“ธัน..ธันจมน้ำครับ”
เด็กใจกล้าผู้ช่วยชีวิจสองคนนั้นขึ้นมาตอบพลางก้มหน้าไม่กล้าจะสบตาเท่าไหร่
“จมน้ำ? ธันเขาว่ายน้ำเป็นจะจมน้ำได้ยังไง!”
“ยูมันกดหัวไอ้ธัน ธันมันเลยจมน้ำ”
น้ำเสียงเหน่อตอบกลับมาเป็นเด็กอีกคนนึงที่มีส่วนช่วยสองคนที่จมน้ำให้ขึ้นฝั่งมา แต่คงไม่รู้หรอกว่าการตอบแบบนี้มันส่งผลให้ยูโดนตวาด
“เธออีกแล้วหรอ!!!”
อมิตตาหันมาตวาดใส่ยูทันควัน หลายครั้งที่ลูกเธอมักบาดเจ็บ ต้นเหตุก็มาจากเด็กคนนี้แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ครั้งนี้มันร้ายแรงยิ่งกว่า เด็กคนนี้กำลังจะพรากลูกของเธอไป!!
“ใจเย็นก่อนสิคะ มันเป็นอุบัติเหตุ! ก็ลูกคุณมาลากลูกฉันลงน้ำก่อน ลูกฉันว่ายน้ำไม่เป็นก็เกือบตายเหมือนกันนะคะ!” ยินรดาโต้กลับ
“ก็ตอนนี้คนที่จะตายมันไม่ใช่ลูกคุณแล้วนี่คะ! มันลูกฉัน!!”
“ถ้าจะผิดก็ผิดกันทุกคนน่ะแหละ! พวกเราไม่ดูแลเด็กๆให้ดีเอง”
“เราหรอคะ! ลูกคุณมากดลูกฉันให้จมน้ำลูกคุณกับคุณเท่านั้นแหละที่ผิด!”
ยินรดาไม่อยากจะต่อความ ดูท่าแล้วควรจะคุยกันหลังจากอมิตตาสงบสติอารมณ์เสียก่อน
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับลูกฉันอีกนะ!! อย่ามาเข้าใกล้ลูกฉันอีก!”
“คุณครับใจเย็น ๆ ก่อนนะครับลูกคุณไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“อย่ามายุ่ง!!”
คนอื่นจะห้ามอารมณ์ปะทุเดือดตอนนี้ก็ไร้ผลไม่ว่าใครทั้งสิ้น อมิตตาย่างเท้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยในอ้อมกอดมารดา ยินรดาเองก็เอาลูกหลบไปไว้ด้านหลังเกรงอีกฝ่ายจะบ้าถึงขั้นทำร้ายลูกเธอ แต่ถ้าทำเธอก็สู้ตายเช่นกัน
“เธอ...เธอมัน! อย่ามายุ่งกับลูกฉันอีกนะ! ได้ยินไหม!”
“จะมากไปแล้วนะคุณ!”
“ฉันถามว่าได้ยินไหม!”
“ถ้ายังไม่เลิกตะคอกใส่ลูกฉัน! ฉันจะตบจริงๆนะ!”
“ฉันถามได้ยินไหม!”
ยูได้แต่สั่นกลัวร้องไห้ฟูมฟายรีบตอบออกไปด้วยเสียงสั่นปนสะอึกสะอื้น
“ครับ..อึก..ผมจะไม่ยุ่งกับธัน ...อีก ”
“แน่ใจนะ! สัญญาสิ!”
“ฮือออ สัญญาครับ!”
“ดี!!”
พอได้ดั่งใจเธอก็เดินกระแทกเท้าผ่านแม่ลูกทั้งคู่ไป ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยผู้ไม่รู้ความที่ต้องมารองรับโทสะและเสียงกดดันน่ากลัวนั่น ยินรดาได้เพียงแต่ปลอบลูก ถ้าอีกฝ่ายพูดถึงขนาดนั้นเธอเองก็คงต้องให้ยูออกห่างเด็กคนนั้น ไม่ใช่เพราะเกลียดเด็กคนนั้นแต่เพื่อความปลอดภัยของลูกเธอต่างหาก
หลังจากธันฟื้นจนกระทั่งออกจากห้องสีขาวแสนจำเจในโรงพยาบาลได้ ในใจเขาก็คิดจะไปหาคนที่เขาเป็นห่วง ในช่วงที่นอนค้างอยู่สองสามวันมีญาติและเพื่อนที่ทำงานคุณแม่ผลัดเวียนมาเยี่ยมเยือนเขา เพื่อนผู้ช่วยชีวิตก็มาขอโทษเขาซึ่งเขาไม่ได้ต้องการแบบนั้นเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ คนที่ต้องขอโทษคงจะเป็นยู เขาไม่น่าคึกคะนองเลย ไม่รู้ป่านนี้ยูจะเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งไม่เห็นมาเยี่ยมเขายิ่งกังวลในใจ พอกลับมาถึงเขาก็รีบไปกดออดหน้าบ้านยู
“อ้าว ธัน”
ยินรดาทักเสียงเบา เธอกวาดมองข้างหลังเด็กน้อยไร้วี่แววแม่สาวอารมณ์ร้ายจึงคลายยิ้มเล็กน้อย
“ผมมาหายูครับ ยูเป็นยังไงบ้าง..”
“เอ่อ... ยูไปเรียนพิเศษน่ะ”
“หรอครับ? จะกลับตอนไหนหรอครับ”
“อ่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน คงจะเย็น ๆ มั้งจ๊ะ”
“งั้นผมจะมาใหม่นะครับ”
“ธัน!”
“ครับคุณน้า?”
“ไม่ต้องมาหรอกลูก วันนี้กลับไปพักผ่อนเถอะนะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่หรอ”
“ผมหายดีแล้วครับ ผมอยากเจอยู”
ยินรดาเองอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของตัวเองไม่ถูก เธอรู้สึกจุกอยู่ในอก มองแววตาใสซื่อแฝงไปด้วยความห่วงใหญ่ของเด็กตรงหน้า เธอเองไม่กล้าจะเอ่ยตัดเยื่อใยออกไปว่า “แม่เธอไม่ให้ลูกฉันไม่ยุ่งกับเธอแล้ว กลับไปซะ” ...เด็กย่อมไม่ผิด ที่ผิดก็ผู้ใหญ่เรานี่แหละ
“ช่วงนี้ยูเรียนพิเศษจนเหนื่อยเลยลูก กลับมาก็นอนแล้วล่ะ”
“หรอครับ? งั้น..ผมฝากนี่ให้ยูนะครับ”
มือเล็กยื่นถุงเค้กให้แล้วยกมือไหว้ลากลับไป ยินรดายิ้มพลางขอบคุณก่อนเดินเอาของฝากมาให้ลูกของเธอที่นอนเอกขเนกอยู่บนโซฟา
“ธันฝากมาให้”
ได้ยินแม่พูดแบบนั้น ร่างเล็กก็ลุกขึ้นคว้าถุง “ของฝาก” เดินไปหลังครัว ไม่ใช่จัดแจงใส่จานเพื่อนทานแต่อย่างใดแต่เขาทิ้งมันลงไปในถังขยะอย่างไม่ใยดี
“ยู! ทำไมทำแบบนี้”
ยูรีบวิ่งขึ้นบันไดไปทิ้งให้แม่ยืนตะลึง ถึงเธอจะพยายามกรอกหูลูกว่าอย่าไปโกรธธันเลยแต่คงไม่เป็นผลเลยสินะ ก็เพียงหวังว่ายูจะเลิกโกรธเพราะเรื่องนี้เสียที
...เด็ก ๆ คงงอนกันไม่นานหรอกมั้ง...
เธอคิดแบบนั้น ลูกเธอก็เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วคงไม่เป็นอะไร แต่เธอคิดผิดมหันต์เพราะตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมา ยูก็เลิกคุยกับธันตั้งแต่นั้นมา
ยินดรามองลูกชายวิ่งเข้าบ้านพร้อมเสียงโหวกเหวก เธอและเจ้าเปาต่างทำหน้างงงวยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น วันนี้เธอกลับมาไม่เห็นลูกชาย พอจะเห็นเจ้าลูกชายก็เดินหน้าบึ้งเข้ามาเสียแล้ว
“เป็นอะไรหือ? ทะเลาะกับธันมาหรอ”
เธอถามไปยิ้มไป นิสัยของลูกชายตัวดีของเธอไม่เปลี่ยนไปเลย พองอนเข้าหน่อยก็เดินหน้ามุ่ยกระทืบเท้าปึงปัง
“อุส่าห์คืนดีกันแล้ว แม่ยังไม่ทันสั่งหมูกระทะมาฉลองเลยงอนกันอีกแล้ว” เธอเอ่ยแซวต่อ
“ไม่ต้องฉลองแล้วแม่! ยูกับมันจะไม่ยุ่งกันอีกแล้ว!”
พูดจบก็วิ่งขึ้นห้องไปอีกตามเคย ยินรดายืนหุบยิ้ม ภาพเหตุการณ์วันเก่าเริ่มหมุนกลับเข้ามาในหัว นี่สองคนนั้นจะต้องหมางเมินกันอีกแล้วหรอ นี่ก็ผ่านมานานแล้วผู้หญิงคนนั้นยังไม่เลิกคิดแค้นยูอีกหรอ อะไรกันนักหนา...
“โธ่... ยูลูกแม่..”
++++++++++++++++++++++++++
ปกติลงพรุ่งนี้แต่พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับเพื่อน ฮ่าๆ
ขอลงวันนี้แทนแล้วกันนะคะ จะพยายามให้ให้ตับอักเสบกันนะคะ
ขอบคุณที่คอมเมนต์นะคะเดี๋ยวให้ทิป ฮ่าๆ ตอนนี้มีคอนติดตาม 2 คนแล้ว(จะร้องไห้ซึ้ง)
ตอนนี้ไปอ่านนิยายปรับอารมณ์ได้นะคะ เรื่องนี้เลย Sulfur Love
(ลงลิงค์แล้วจิ้มไม่ได้เยี่ยมม) เซิร์ซในเว็บได้เลยค่ะ
หรือเอาส่วนที่ไฮไลท์ไปแทนที่ข้างบน http://www.keedkean.com/novel/KK0008779.html
เจ้าของเดียวกับครีมโทนาฟ เอ้ย! ไม่ใช่ ฮ่า ๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ