30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย

10.0

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.

  16 บท
  3 วิจารณ์
  19.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 2 จดหมายเตือน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 2

จดหมายเตือน

 

                   สิ้นเสียงอาจารย์บอกเลิกคลาสผมก็รีบเก็บกระเป๋าลุกออกจากห้องทันที หลังจากที่เมื่อวานผมโดนไอ้หน้าหล่อข้างบ้านประจานความเป็นแฟนจนขายหน้าไปทั่วราชอาณาจักร วันนี้ผมก็แอบหนีมาเรียนก่อน แล้วก็หลบหน้ามันตลอดทั้งวัน  แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือ....

                   “ยูนี่แกตอบก่อนดิวันนี้แฟนแกจะมารับไหม”

                   “ไอ้ยูแกไปคบกับธันตอนไหนวะ!”

                   กระแสคำถามไหลยาวเป็นเทน้ำเทท่าตลอดทั้งวันจนผมรำคาญ  ไม่น่าเชื่อว่าแค่คบกับมันจะเป็นข่าวทอร์กออฟเดอะทาวน์ขนาดนี้ โอ้ย! รำคาญ! ผมเลยตัดสินใจหนีออกนอกห้องเรียนก่อนเลย

                   “หยิ่งนะมึงไม่ตอบคำถาม แต่ก็นะกูไม่อยากคำถามพวกนั้นหรอกกูอยากรู้แค่ว่าพวกมึงได้กันหรือยัง”

                   ไอ้เฟรมถามผมที่กำลังใส่รองเท้าอยู่พอดี  ผมเลยประเคนรองเท้าปาดกบาลมันไปที

                   “ถามไรของมึงเนี่ย เดี๋ยวเกิดแน่มึง!”

                   “ดังจนเกิด?”

                   “เกิดใหม่แน่ไอ้พุดเดิ้ล!!”

                   พูดจบก็ตบท้ายรางวัลด้วยฝ่ามืออรหันต์  ไอ้หมาพุดเดิ้ลทำเป็นร้องหงิง ๆ น่าสงสารตายล่ะ! ถึงไอ้เฟรมจะเป็นเพื่อนสนิทผมแต่ถามคำถามแบบนี้ผมโกรธหมดแหละ

                   “หน้าบึ้งเชียวนะ”

                   ผมเงยหน้าตามต้นเสียง  ใบหน้าละมุนยิ้มกว้าง  โอ้ แม่เทพธิดาของผม พิมนั่นเอง

                   “ก็...หงุดหงิดนิดหน่อยนะ ฮ่าๆ”

                   “มันเมนส์ไม่มาน่ะ”

                   ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้พุดเดิ้ลปากมอมข้าง ๆ พลางกระซิบลอดไรฟัน

                   “มึงไม่เจือกสักเรื่องได้ไหม”

                   มันทำลอยหน้าลอยตาไมรู้ไม่ชี้ แต่ไม่ยอมหลบฉากให้ผมกับพิมอยู่ด้วยกัน  จนพิมต้องเป็นฝ่ายเดินออกไปเสียเอง อ้าวเฮ้ย!

                   “พิม!”ผมรีบเรียกเธอไว้

                   “หืม?”

                   “ตอนเย็นว่างหรือเปล่า เอ่อ เย็นนี้มีตลาดนัดเราไปหาไรกินกันไหม”

                   “ไปๆ กูไปด้วย”

                   ไอ้เฟรมกอดคอกระโดดเป็นลิงร้องจะไป ซึ่ง....

                   “กู-ไม่-ได้-ถาม-มึง!”

                   “กูอยากไปอ่า”

                   ตัวขัดลาบกูจริงๆนะมึงเนี่ย ตัดจุกมันทิ้งเลยดีไหมเนี่ย  ไอ้นี่เฟรมมันไว้ผมซอยยาวประมาณบ่า ส่วนผมข้างหน้ามันก็มันรวบไว้เป็นหงอน บางคนก็เรียกมันว่าชิสุ แต่ผมเรียกมันว่าพุดเดิ้ลเพราะแต่ก่อนหัวมันหยิกมาก

                   “วันนี้มีธุระน่ะ ต้องไปเรียนทำอาหาร”

                   อุ้ย! แม่ศรีเรือนจริงๆ นี่แหละภรรยาในอนาคตของผม

                   “ไปก่อนนะ บายจ้า”

                   พิมโบกมือแล้วเดินออกไป  เธอยกมือไหวชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เดินสวนเธอ คนนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจากรุ่นพี่ในคณะผม พี่เก่ง

                   “ดีครับพี่เก่ง”

                   ผมยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม  ใบหน้าสไตล์ลูกคนจีนคลี่ยิ้มเล็กน้อย เขาขยับแว่นเหลือบมองทางไอ้เฟรมที่ไม่ยกมือไหว้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาหันมาคุยกับผม

                   “ได้ยินว่ามีแฟนแล้วหรอ”

                   “ฮะๆ เอ่อ ก็แค่แปบเดียวเดี๋ยวมันก็เบื่อผมแล้วล่ะครับ”

                   สัญญาแค่เดือนเดียวเองครับพี่เดี๋ยวผมก็ไปลัลล้าได้แล้ว

                   “ถ้าเป็นพี่ๆคงไม่เบื่อเราง่ายๆหรอก”

                   ดวงตาสีเข้มใต้เลนส์ไม่ได้แสดงออกว่าเขาพูดเล่น ใช่ครับ พี่แกพูดจริงแน่นอนอันนี้ผมรู้ดี  เพราะงั้นเวลาผมเจอพี่แกผมเลยปั้นหน้าไม่ค่อยจะถูก

                   “หยอดคำหวานใส่แฟนคนอื่น ระวังเถ๊อะ~ จะได้ไปหยอดข้าวต้มแทน”

                   วาจาดุจเขี้ยวหมานี้จะมาจากใครไม่ได้นอกเสียจากไอ้พุดเดิ้ลข้าง ๆ ผม  พี่เก่งกระแอมเล็กน้อยแอบจิกตาใส่ไอ้เฟรมเบา ๆ

                   “ตกใจเหมือนกันนะ ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายไง”

                   พี่เก่งถามต่อ อันที่จริงผมก็ไม่ชอบผู้ชาย แต่กรณีนี้มันจำเป็นจริงๆ

                   “มันก็บอกปัดตัวผู้ที่มาจีบมันทุกคนแบบนี้แหละครับคุณพี่”

                   ไอ้เฟรมยังไม่เลิกจุดชนวนระเบิด  ผมไม่รู้ว่าสองคนนี้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันนะ แต่เจอหน้ากันทีไรไอ้เฟรมต้องคอยจิกกัดพี่เก่งอยู่เรื่อย

                   “คือ...มีเหตุนิดหน่อย เอ่อ เอาเป็นว่าผมกับธันคบกันน่ะแหละครับ”

                   “เหตุอะไรหรอ”

                   ผมติดหนี้มันอ่ะครับพี่ ไม่บอกได้ไหมผมอาย

                   “เหตุให้รักไงคุณพี่ก็ ถามอะไรแปลกๆ”

                   พี่เก่งเบนตามาจ้องเหน็บไอ้เฟรมอีกรอบ  ผมว่าผมควรจะเอาสองคนนี้แยกออกจากกันก่อนดีกว่า

                   “ไอ้เฟรม ไหนบอกจะไปเดินตลาดกันไง”

                   “อะไรมึง”

                   “ตลาดไง ที่มึงจะไปกับกูอ่ะ”

                   “อย่าเอากูมาอ้างจะไปหาแฟนก็บอกเถอะ”

                   มันกระแทกเสียงเน้นคำว่าแฟนใส่หน้าขาวใสของพี่เก่งพร้อมสาดระอองน้ำรดหน้าพี่เขาด้วย  ไอ้พุดเดิ้ลยกขาหน้าไหว้ขอโทษ แต่พี่แกก็ยังทำส่งสายตาเคือง ๆ ปานจะกระชากลิ้นไอ้เฟรมออกมาสับๆ เอาไปทอดแล้วราดข้าว!

                   “โทษ! ขอโทษแล้วไงครับคุณพี่ๆจะเอาอะไรอีกละ”

                   “พอ ๆ พี่เก่งอย่าโกรธมันเลยนะครับ ผมไปก่อนนะครับ”

                   ก่อนจะต้องเปิดศึกกำปั้นคู่มวยสะท้านโลกกันต์ ณ ระเบียงมวยชั่วคราว เห็นทีผมคงต้องนำนักกีฬาฝ่ายผมไปป้อนเพ็ดดีกรีสงบสติอารมณ์ซะก่อน

                   “เดี๋ยวกูเลี้ยงเพ็ดดีกรี”

                   “เก็บไปแดรกเองเถอะ เอ้ย! กูลืมไปมึงชอบแดรกหญ้ามากกว่านี่หว่า ฮ่าๆ”

                   “มึงอยากตายใช่ไหมไอ้สลัดยอดหญ้า....”

                   “ราดหน้าเส้นใหญ่”

                   “หอยทอดผัดไท”

                   “ช้าอยู่ใยรีบไปแดรกกันเอย”

                   เสียงกัมปนาถในท้องข้าดังสนั่น น้ำลายก็พลันไหลย้อย คงต้องขอจรลีไปก่อนนะเอิงเอย

~เต้ง เตง เต๊ง เตง เต๊ง เต้ง เตง เตง... (ทำนองลิเก)~

                  

                   ร่างเพียวบางสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับกระโปรงทรวงเอยาวเหนือเข่าขับเน้นรูปร่างของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี  เธอสะบัดผมสีแดงเพลิง ทอดน่องเข้าไปหาผู้ชายร่างสูงโปร่งที่ยืนพิงเสาอาคารอยู่หน้าตึก  เธอไม่ได้สนใจสายตาผู้คนที่รุมจ้องมาที่เธอและผู้ชายคนนั้นเพราะมันเป็นภาพธรรมดาที่สาวสวยต้องคู่กับหนุ่มหล่ออยู่แล้ว  อีกทั้งหนุ่มหล่อคนนั้นก็เคยเป็นแฟนเธอเสียด้วย

                   “แปลกจัง มาทำอะไรแถวนี้หรอ”

                   เธอเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงแสร้งตกใจ ธันคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างสุภาพแล้วตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา

                   “มารอแฟน”

                   คำพูดสั้น ๆ แต่แสกเข้าหน้าสวย ๆ เต็ม เธอก็พอจะรู้ว่าธันเป็นคนตรงไปตรงมา  แต่ก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจว่าธันพูดเสียเต็มปากเลยว่ามารอแฟน!

                   “โรสมาทำอะไรแถวนี้หรอ”

                   “ก็แค่ผ่านมาน่ะ เห็นว่าอยู่คนเดียวเลยเข้ามาคุยด้วย”

                   “ขอบใจนะ แต่อีกเดี๋ยวยูก็มาแล้วล่ะ”

                   จะบอกให้เธอไปได้แล้วหรืออย่างไรกัน  โรสไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจเพียงแต่เหยียดยิ้มมุมปาก

                   “ธัน ฉันไม่ยอมรับหรอกนะเรื่องที่ไปคบกับผู้ชายคนนั้นน่ะ”

                   “มันก็เป็นสิทธิของฉันไม่ใช่หรอ”

                   “ที่ธันทำแบบนี้ ธันกำลังประชดโรสใช่ไหม”

                   “เปล่าเลย”

                   ที่ธันทำแบบนี้เพราะต้องการจะแก้แค้นให้เธอรู้สึกผิดด้วยวิธีแบบเดียวที่เธอเคยทำกับเขาแน่นอน  โรสคิดแบบนั้น

                   “เราเป็นคู่รักที่เหมาะสมที่สุดนะธัน  ไม่ว่าธันจะกำลังทำอะไรอยู่  ยังไงโรสก็จะทำให้ธันกลับมาคบกับโรสให้ได้”

                   เธอพูดอย่างจริงจัง  ไม่มีวันที่เธอจะยอมเสียธันไปอีกแล้ว  ไม่ใช่แค่นั้น เธอไม่อยากจะพ่ายแพ้ให้ผู้ชายที่ชื่อยูอะไรนั่น!

                   “อ่ะ! ธัน...”

                   เสียงเล็กเอ่ยทัก  โรสเบนตามองผู้หญิงผิวขาวในชุดเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า

                   “สวัสดีค่ะพี่โรส”

                   พิมหันมายกมือไหว้รุ่นพี่ตามมารยาท  กลับถูกโรสใช้สายตาแผดเผาเธอเสียอย่างนั้น  ก็ใครใช้ให้พิมเข้ามาแทรกขณะคุยกับธันกันเล่า  หึ แม่นี่ก็จะโดนไม่ใช่น้อย!

                   “เอ่อ ธัน พี่โบว์บอกว่าให้ธันโทรกลับหน่อย พี่โบว์จะคุยเรื่องค่ายค่ะ”

                   “โทรไปคุยเรียบร้อยแล้วล่ะ ขอบใจมากนะ”

                   พิมผงกหัวรับทราบแล้วเดินออกไป แต่ธันเรียกเสียก่อน

                   “เดี๋ยวๆ ยูลงมาหรือยัง”

                   “กะ...กำลังลงมาค่ะ”

                   “ขอบใจมากนะ”

                   พิมยิ้มเล็กน้อย  ธันโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการขอตัว เขารอไม่ไหวแล้ว  ก็วันนี้เขาต้องนั่งแท็กซี่มามหา’ลัยเสียเงินตั้งเยอะเพราะใครบางคนแอบชิ่งหนีมาเรียนก่อน

                   “ธัน! ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ”

                   โรสเอ่ยบอก ธันเพียงแต่เลิกคิ้วไม่ได้พูดอะไรต่อ  ซึ่งโรสรู้สึกว่าเธอไม่ชอบนิสัยเสียๆแบบนี้ของธันเลย

                  

                   ผมก้าวขาลงบันไดจะถึงชั้นล่างแล้ว ร่างของใครบางคนก็ทำเอาผมหมุนกลับแทบไม่ทัน  ไม่ทันจริง ๆ ก็เจ้าของร่างนั้นมันดึงร่างผมลงมาจากบันขั้นสามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

                   “เฮ้ย!”

                   ผมร้องเสียงหลงทันทีที่เท้าหลุดออกจากขั้นบันได  ไอ้ธันเอามือนึงดึงอีกมือก็พยุงหลังผมไว้  คือมึงคิดว่ากูเป็นนางเอกบอบบางตัวหนักแค่ 40 กิโลกรัมหรือไง  ผมคิดว่ามันคงคาดการณ์ผิดแล้วล่ะที่จะรับตัวผมเอาไว้ในอ้อมอกของมัน...

 

                   ตึง!

 

                   ไม่ต้องบรรยายว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้มั้ง ก็แค่วัตถุน้ำหนักรวมกันร่วมร้อยกระแทกลงบนพื้น  ผมนอนโอดครวญเพราะเข่ากระแทกลงพื้นเต็ม ๆ แต่โชคดีที่มีเบาะกันกระแทกหัวผมเลยไม่ฟาดพื้นไม่งั้นความรู้ในหัวสมอง(มีหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ)หล่นหายหมดแน่

                   “เล่นไรของมึงเนี่ย!”

                   ผมไม่ได้เป็นห่วงคนที่เป็นเบาะกันกระแทกหรอกนะ ดันเล่นไม่รู้เรื่องเองสมควร

                   “เจ็บ”

                   “เรื่องของมึง”

                   ผมไม่สนแม้มันจะทำหน้าเจ็บปวดขนาดไหนผมยิ่งทุบมันซ้ำด้วย! มาทำให้ผมตกบันไดเนี่ย!

                   “จะทุบทำไมเนี่ยคนเจ็บอยู่”

                   “เล่นไม่รู้เรื่อง!”

                   ผมพยุงตัวลุกออก  ไอ้คนข้างล่างก็เอาแขนล็อคเอวผมไว้ไม่ให้ลุกอีก  ผมแกะมือมันๆก็ไม่ยอมปล่อย สงสัยอยากโดน!

                   “ดูแลกันหน่อยสิ ฉันเจ็บอยู่นะ”

                   มันทำหน้าเหมือนเจ็บมากจะตายแล้ว  เพิ่งรู้ว่าผู้ชายก็สตอเบอร์รี่เป็นก็วันนี้

                   “มึงจะดูแลกันท่าไหนก็เรื่องของมึงต่อย่าเอาท่านี้ดีกว่ากูว่า”

                   ไอ้พุดเดิ้ลเปิดปากพูดผมเลยก้มมองอิริยาบถของผมกับไอ้ธันซึ่งมัน.... คือมันนอนล็อคเอวผมส่วนผมก็นั่งทับเป้ากางเกงมัน มือก็ยันอยู่บนอกมัน แล้วเฮ้ย! กระดุมมันหลุดโชว์แผงอกด้วย  เดี๋ยวๆ ผมคงไม่โดนข้อหาลวนลามผู้ชายหรอกนะ! แต่มันจำยอมผมนะ!

                   “แอบล่วงละเมิดทางเพศฉันหรือเปล่าเนี่ย”

                   พอผละออกจากกันมันก็ตั้งประเด็นถามผมเลย

                   “เหอะ! ให้ฟรียังไม่เอาจะบอกให้”

                   “หึ แล้วคืนนี้อย่ามาร้องขอแล้วกัน”

                   ไม่เคยขอเว้ย! ไอ้บ้านี่พูดอะไรเดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดหมด  ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยไอ้พุดเดิ้ลข้างๆผมนี่แหละ  ผมอ้าปากจะแก้ต่างแต่ไอ้เฟรมสายข่าวแห่งสำนักข่าวเจือกเจือกเจือกประจำประเทศไทยก็องค์ประทับเรียบร้อยแล้ว

                   “กูไปก่อนนะไอ้ยู เรื่องนี้ต้องขยายหว่ะ!”

                   “ไอ้เฟรมมมม!”

                   มันวิ่งหายลับตาไป  ไม่อยากจะคิดเลยว่าพรุ่งนี้ผมจะเจอเรื่องวุ่นวายอีกแค่ไหน  เพราะไอ้นิตินี่คนเดียวเลย!

                   “ชิ!”

                   ผมมองเขม่นคนตัวสูงข้าง ๆ สร้างแต่เรื่องดีงามนะมึงเนี่ย....ดีออกน่ะสิ!

                   “จ้องขนาดนี้เอากลับไปจ้องที่บ้านไหม”

                   พูดจบมันก็ไสหน้าหล่อน้อยๆของมันเข้ามาหาผม โอ้ย! จมูกมึงจะทิ่มตากูอยู่แล้ว!

                   “เอาหน้าออกไปไกลๆเลย”

                   “กลัวจะเห็นไม่ชัดไง”

                   “ไม่ต้อง!”

                   “เรื่องเมื่อเช้ายังไม่เคลียร์เลยนะ”

                   “แกเริ่มก่อนนะ ก็บอกว่าไม่ให้บอกใครว่าเป็นแฟนกัน!”

                   “นายบอกไม่ให้ฉันพูด ฉันก็ไม่พูด”

                   “ไม่พูดแต่นี่มันยิ่งกว่าพูดอีกเว้ย! หัวหมอนักนะแก!”

                   “ฉันเรียนนิติ ไม่ใช่หมอ”

                   “อย่ามากวน!”

                   “ไม่กวนแต่กอดได้ใช่ไหม”

                   “ไม่ได้!!”

                   มันเกี่ยวอะไรกันฟะ! ดูมันโยงเข้าสิ

                   “ฉันจะกลับบ้านแล้ว แกก็กลับเองแล้วกัน”

                   “ว่าจะชวนไปตลาด อยากกินอะไรไหม”

                   “ไม่ไป”

                   “มีร้านหอยทอด ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านสเต๊ก อ่อ มีร้านเค้กด้วยนะ”

                   “ไม่ต้องเอามาล่อ ฉันไม่ได้เห็นแก่กิน!”

                   “ว่าจะเลี้ยงซะหน่อย”

                   หูผมกระดิกรัว ๆ เฮ้ย! ไม่ได้ๆ แข็งใจไว้ อย่าไปเชื่อมัน คุณแม่สอนว่าถ้าใครเอาของกินมาล่อห้ามเดินตามเขาไปเด็ดขาด เดี๋ยวเขาหลอกไปกินตับ (ช่วงนั้นแม่เล่าเรื่องซีอุยให้ฟัง)

                   “เสียดายจัง ถ้างั้นนายกลับไปก่อนเดี๋ยวฉันซื้อไปให้ที่บ้าน”

                   อือ...ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่

                   “หมาที่บ้านชอบกินตับไก่ใช่ไหมเดี๋ยวซื้อไปฝากนะ”

                   ซื้อให้หมาเนี่ยนะ!!! ใช่สิคนอย่างยูมันสำคัญน้อยกว่าหมา!

                   “เหอะ! สงสารหรอกนะถ้าจะปล่อยแกไปเดินคนเดียว ฉันไปเดินเป็นเพื่อนก็ได้”

                   มันเลิกคิ้วขึ้น เหอะ! สงสารเฉยๆเว้ย ไม่ได้อยากกินเค้ก กินหอยทอดอะไรเสียหน่อย!

                  

                   โครกกกกกกกกกก

 

                   ม่ายยย! ทำไมท้องผมต้องสร้างความอับประยศให้ผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้

                   “นี่ก็ไปซะทีสิ! ยืนรออะไร!”

 

                  

                   ณ ลานจอดรถใกล้คณะเรียน  รถนับสิบจอดเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ  บางคันก็เหมือนกันเนื่องจากเป็นรุ่นเดียวกัน  แต่รถแต่ละคันก็มีความแตกต่างเฉพาะตัว เช่น รถมอเตอร์ไซค์คันสีดำเงาวับกับไฟหน้าดวงใหญ่ ที่ด้านหน้าตัวรถมีสติกเกอร์แสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนด้วยอักษรตัวยู  ในเวลาที่ไร้ผู้คนยามนี้ ซองจดหมายสีขาวซองหนึ่งถูกสอดไว้ที่หน้ารถคันนั้นอย่างเบามือ  มันเป็นซองจดหมายที่ประทับตราด้านหน้าด้วยอักษรสีแดงว่า

                   “....จดหมายเตือน....”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา