30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย

10.0

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.

  16 บท
  3 วิจารณ์
  19.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) บทที่ 10 กลั่นแกล้ง[ยกที่ 1]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 10

กลั่นแกล้ง[ยกที่ 1]

 

               “ไอ้ยู...ไอ้ยู”

               จูบกันไปแล้ว เมื่อวานผมจูบกับมันไปแล้วหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อเลย  สัมผัสนุ่ม ๆ ของริมฝีปากนั่นยังติดอยู่ที่ปากผมอยู่เลย  ไม่ว่าจะหลับตายังไงรอยยิ้มมันก็ก่อกวนผมจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย  โว้ย! จะบ้าตายอยู่แล้ว!

               “ไอ้ยู!!”

               ผมสะดุ้งโหยงหันมองเจ้าหมาพุดเดิลตาขวาง

             “ไอ้เฟรม! มึงจะตะโกนหาพระแสงดาวเหนือหรือไงวะ!”

               “กูเห็นมึงนั่งเกร็งหน้าแดงมาทั้งชั่วโมงแล้ว  ปวดขี้ก็ไปขี้ดิ”

               “กูไม่ได้ปวดขี้เว้ย!”

               หน้าแดงจริงดิ  บ้าจริงผมไม่น่าคิดถึงเรื่องนั้นเลยแต่มันก็หยุดคิดไม่ได้อ่ะ

               “ท่าทางแบบนี้กูว่าดีกันแล้วชัวว์” ไอ้เมศทักขึ้น

               “ธันมาง้อด้วยอะไรกันนะ~”

               “อ๊า~ ธันอาจจะจูบก็ได้นะ ยูไม่ยอมก็ตบจูบเลยไง”

               ยัยสองแฝดเพ้อเจ้อเข้ากับเป็นปี่เป็นขลุ่ยแถมถูกเผงเลยด้วย เอ๊ะ! หน้าผมแสดงอาการขนาดนั้นเลยหรอ  หรือติดป้ายไว้ว่า “โดนผู้ชายจูบแล้วนะ อิอิ” แบบนั้นหรอ!

               “รู้ได้ไงอ่ะ!”

               ผมยกมือปิดปาก ปากผมบวมแน่เลยยัยพวกนั้นเลยดูออก

               “จริงหรอเนี่ย อ๊าย!”

               “มันไม่จบแค่จูบหรอกใช่ไหม อ๊าย!”

               “ฟินเกินไปแล้ว ฉันขอลาไปโลกหน้าก่อนนะบี 1!”

               “ฉันขอลวงหน้าไปก่อนแล้วกันนะบี 2  อ่อก!”

               ยัยพวกประหลาดพวกนี้....  ผู้ชายจูบกันมันน่าฟินตรงไหนวะ เอ้อ! ผมจะคิดทำไมยิ่งคิดหน้ายิ่งร้อน พอ ๆ ซะที แล้วยัยสองตัวนั่นก็ต่างล้มระเนระนาดถอดร่างไปเฝ้าท่านยมเรียบร้อย

               “กูว่าแล้วว่ามันต้องมีวันนี้  โตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะเราน่ะ!” ไอ้เฟรมตบไหล่ผมอย่างยินดี

               “แต่งงานเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญกูไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะเว้ย~” ไอ้เมศเสริม

               “ตีนเหอะ!”

               นี่คือคำขอบคุณแขกผู้มีเกียรติของผม  แค่จูบกันแตะ ๆ เว้ยไม่ได้ล้วงตับกับซะหน่อย!

               “ลืมเลย! พิมลืมซื้อของจัดบอร์ดให้อาจารย์เลย”

               พิมทำตาตื่นลุกจากโต๊ะอย่างปุบปับ 

               “เราไปด้วย” ผมบอก

               “ไม่เป็นไร ๆ เราจะขอจารย์ไปห้องน้ำ ถ้ายูไปด้วยจารย์คงไม่อนุญาตหรอกมั้ง”

               พิมหัวเราะจนตาหยี  เออ ก็จริงนะ  ผมมองตามแผ่นหลังเล็กไปจนพ้นประตู  พิมรีบใส่รองเท้าแต่ก็หันมาโบกมือให้ผม  โอ้ย~ น่ารักเกินไปแล้ว

               ก่อนผมจะละสายตากลับมาตั้งใจเรียนผมก็เห็นกลุ่มผู้หญิงเดินผ่านหน้าห้องไป  หนึ่งในนั้นเหยียดริมฝีปากสีสดส่งยิ้มให้ผม  เธอเห็นว่าผมจ้องไม่วางตาเธอจึงเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นการพูดถ้อยคำออกมา  ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแต่จากการอ่านปากผมก็รู้ได้ทันทีว่าเธอพูดว่าอะไร

               ...ฉันเตือนนายแล้วนะ...

               ร่างเพรียวบางเดินผ่านหน้าห้องไปเรียบร้อย  ผมได้แต่นั่งระลึกชาติว่าเธอเตือนผมเรื่องอะไร...หรือว่าจะเรื่องนั้น!?!....เรื่องไรอ่ะ?

               “นักศึกษาวันนี้อาจารย์ของปล่อยก่อนครึ่งชั่วโมงนะ เลิกเรียนได้”

               อาจารย์หน้าชั้นเรียนบอก  พวกผมทำความเคารพก่อนเก็บของออกไปนอกห้อง  ไอ้เมศช่วยแบกกระเป๋าพิมออกไป ส่วนผมก็หิ้วปีกยัยสองแฝดออกไปนอกห้อง นี่ยมบาลยังไม่ถีบพวกเธอออกมาจากนรกอีกหรอ เดี๋ยวก็ไปจิ้นท่านยมกับท่านสุวานจนได้...คงได้ถูกจองจำในนรกไปชั่วกัปชั่วกัลป์แน่

               “รีบไปจองโต๊ะเถอะไอ้ยู” ไอ้เฟรมเตือนพลางเร่งใส่รองเท้า

               “เออ ทำไมวันนี้คนโล่งจังวะ ห้องโน่นก็เลิกแล้ว”

               “วันนี้เลิกครึ่งวันไปเตรียมงานโอเพ่นเฮาส์ไง ไอ้ฟาย!”

               “แต๊งกิ้วเลิฟยู๊~”

               “เล่น ๆ รีบไปได้แล้ว!”

               ผมหัวเราะพลางยัดเท้าเข้าไปในเกือก

               “โอ้ย!”

               ผมเบ้ปากทำหน้าเจ็บ ก็เจ็บอ่ะดิ อะไรตำเท้าก็ไม่รู้ เมื่อกี้ก็รีบใส่คงตำเข้าไปลึก  ผมรีบเอาเท้าออกมาดูก็พบหมุดปักอยู่ที่เท้า  และที่รองเท้าอีกข้างก็ถูกโรยไปด้วยหมุดอันสั้น ๆ เช่นกัน

               “เฮ้ย! ใครเล่นแบบนี้วะ!” ไอ้เฟรมร้องขึ้นอย่างโมโห

               “ยูมึงเป็นไรมากเปล่าวะ เอาเท้ามาดูดิ๊!”

               เมศถลาเข้ามาดูผม  มันเงยหน้าสบตาผมเหมือนจะหยั่งเชิงว่าผมรู้ตัวคนทำใช่ไหม  ผมก็พยักหน้าตอบมันไป

               “อะไรกัน ให้กูเสือกด้วยดิ” ไอ้เฟรมบอก

               “เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง” ไอ้เมศตอบกลับ

 

 

               ที่โรงอาหารอันคับคลั่งไปด้วยผู้คนหมื่นแสนทำให้พวกผมต้องจำใจเนรเทศตนเองออกมานั่งกินข้าวที่โต๊ะม้าหินกัน  ม้าหินแถบนี้เป็นส่วนรวมที่ใช้กันถึง 3 คณะ ทั้งบริหาร ศิลปศาสตร์และนิติศาสตร์

               “โต๊ะนั่นก็ว่างนิดนึงไปขอนั่งกับเขาไหมหล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย” นินเสนอ

               “ดีเลย ผู้ชายเยอะดี” แฝดร่วมไส้อย่างลินบอกพลางปาดน้ำลาย

               “นี่พวกเธอยังเป็นผู้หญิงอยู่ไหม หือ? เห็นผู้ชายแล้วปาดน้ำลายเนี่ย” ผมบอก

               “ยูล่ะก็! พวกเรากำลังหาฮาเร็มให้ยูอยู่นะ”

               “ใช่ ๆ อ่อ ให้เฟรมกับเมศด้วยนะ”

               “ไม่เป็นไร//ไม่เป็นไร”

               ไอ้เมศกับไอ้เฟรมแทบจะประสานเสียงเป็นคอรัสกัน  ผมควรจะร่วมด้วยไหม?

               “นั่นยูใช่ไหม”

               ผู้ชายที่โต๊ะนั้นทักขึ้น  ผมชี้นิ้วไปที่ตัวเองแล้วทำหน้างงเหมือนเจอเพื่อนสมัยเรียนมาหลอกให้ไปทำขายตรง อย่ามาเนียน ๆ ข้าไม่รู้จักเอ็งนะเว้ย

               “ใครวะ คนรู้จักมึงหรอ”

               ไอ้เมศถาม ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้า  คราวนี้ผู้ชาย(ที่ยัยแฝดบอกว่าหล่อ)เหล่านั้นก็ลุกขึ้นมาหาผม  ไม่ทันจะเดินเข้ามาถึงตัวพิมก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาผม

               “ยะ...ยู ฉันเห็น..แฮ่กๆ”

               “ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด”

               ผมทำมือขึ้นลงให้เธอค่อย ๆ หายใจ  วิ่งมาขนาดนั้นเลยเหนื่อยผมกลัวเธอจะน้ำลายติดคอตาย  พิมหันหลังไปมองพวกผู้ชายก่อนจะลากผมไปหลบหลังไอ้เมศ

               “ยู พิมเห็นป้ายประกาศบนบอร์ด”

               “ป้ายอะไรหรอ” เรื่องเสือกไว้ใจผม...หมอเฟรม

               “มันเขียนว่า ถ้าใครจับยูแก้ผ้าแล้วถ่ายรูปแปะบอร์ดจะได้รางวัล 5 พัน!”

               ผมนี่อึ้งไปเลย  ไม่ใช่เรื่องแก้ผ้าถ่ายรูปนะ  ค่าตัวต่างหากแค่ 5 พันเองหรอ

               “อย่างนี้นี่เอง...” ไอ้เมศทำหน้ากรุ่มกริ่ม

               “ไอ้ยู พวกเราก็เป็นเพื่อนกันมานานนะ ตั้งแต่มัธยมต้นแล้วโน๊ะ”ไอ้เฟรมบอก

               “ยิมพลีกายเพื่อให้พวกกูได้ตังค์เถอะเพื่อนรัก~”

               “ไอ้เมศจัดการ!”

               เชี่ย! นี่มันเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด  พวกมึงปล่อยให้เงินมาครอบงำได้ยังไงกัน  ไอ้เมศกับไอ้เฟรมหัวเราะหึ ๆ ผมไม่อยู่รอให้พวกมันตะคุบฉีกผ้าฉีกผ่อนผมแน่  ผมรีบโกยอ้าวออกมาจากตรงนั้นแล้วชาวบ้านแถบนั้นก็ลุกฮือวิ่งตามผมมาเป็นขบวน

               “นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!”

               ผมแหกปากวิ่งอ้อมตึกหลบเหล่าซอมบี้กระหายเงิน ผมวิ่งซอกแซกไปตามมุมตึก  ด้วยความเซียนเรื่องการวิ่งหนีอริไอ้เปาที่มักไปหาเรื่องไว้รอบหมู่บ้านตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย บอกเลยนี่ระดับทีมชาติ! ความเร็วระดับหอยทากของพวกมันสู้ผมไม่ได้หรอก!

              

               ปึก!

 

               ร่างใครบางคนเข้ามาขวางหน้าผมไว้  ผมเบรกตัวโก่งแต่ไม่ทันการณ์จึงอัดหน้ากระแทกเข้ากับหน้าแผงอกนั่น  ผมเงยหน้าหวังว่าจะให้เห็นไอ้ธันก็ยังดีเพราะตอนนี้แม้แต่เพื่อนรักก็กลายเป็นศัตรู  คงเหลือแค่มันคนเดียวแล้วล่ะที่พอจะช่วยผมได้

               “อ่ะ..!”

               ใบหน้าทมึงตึง คิ้วยาวประมาณเจ็ดศอกหนาเข้มเกินจะเรียกว่าปลิง แถมขนคิ้วก็หยิกอีกต่างหาก

               “ตัวประกอบที่หนึ่งเองหรอ!!”         

               ผมร้องอย่างตกใจพลางถอยหลังก็ดันไปชนกับ...

               “อ่ะ..ตัวประกอบที่สอง!”

               พวกมันทำหน้าบึ้งตึงหนักกว่าเดิม แล้วตัวประที่สามก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับล็อคแขนผมไว้จากด้านหลัง  ผมกระทืบเท้าไอ้ตัวประกอบที่สองก่อนศอกใส่คนที่ล็อคแขนไว้ข้างหลัง

               “ช่วยกันเว้ย ตั้งห้าพันแน่ะ”

               “ไม่ดีมั้ง เฮ้ย! อย่าถอด ๆ เดี๋ยวพวกแกจะตกใจเอานะ เฮ้ย! บอกอย่าถอดไงวะ!”

               พวกมันไม่ฟัง คนนึงล็อกอีกสองคนช่วยกันถอด  ผมก็เลยเอาเท้าถีบ ๆ มันไว้

               “ไอ้นี่มันเป็นเกย์นี่หว่า แฟนมันเป็นผู้ชาย”

               “มึงอยากลองของแปลกหรือไงวะ”

               “ลองดูก็ไม่เป็นไรนี่หว่า ไหน ๆ ก็ถอดแล้ว ลองจับดิก้นนิ่มชิบหาย”

               ว่าแล้วมันก็บีบก้นผม  เฮ้ย! จะเกินไปแล้วมั้ง!

               “จับมันพิงผนังเลย!”

               “เดี๋ยว! เดี๋ยว ๆ กูเป็นสายรุก!”

               ผมแหกปาก  ไอ้ตัวประกอบหยุดไปชั่วครู่พลางหันสบตากัน  มันสูงกว่าผม 10 – 15 เซนติเมตรได้ แผงอกก็บึกบึนอย่างกับคนเล่นกล้ามเทียบกับผมแล้ว.. เอ่อ มันจะเชื่อไหมวะ

               “แบบนี้มันใช่เลยหว่ะ! จัดมาเลยกูรับเอง!”

               อ้าวไอ้คิ้วหยอยมึงเป็นเกย์ควีนหรอวะ! ผมนี่อึ้งรอบสองเลย  มันพูดจบก็จับผมออกมาส่วนมันเป็นคนไปยืนสิงกำแพงแทน

               “เอาจริงดิ...” ผมถามหวาด ๆ

               “เอาเลย!”

               มันตอบพลางบีบก้นผม  ผมได้แต่หลับตาสวดนะโมในใจนี่จะไม่ปล่อยตัวประกอบอื่นออกมาช่วยผมเลยหรอ

               “คุณกำลังล่วงละเมิดทางเพศแฟนผมอยู่นะครับ”

               เจ้าประคุณรุนช่องโผล่ออกมาราวเทพบุตรขี่แกะขาว  ผมได้แต่กู่ร้องอยู่ในใจด้วยความยินดีที่นี่สุดตัวประกอบอีกตัวก็ออกมาซะที

               “กรุณาออกห่างแฟนผมด้วย” มันคิดว่ามันว่าความอยู่บนศาลหรอวะ พูดแบบนี้ใครมันจะไปทำตามกันล่ะ

               “มาต่อกันเถอะ”

               ตัวประกอบที่หนึ่งหันมาพูดกับผม  ตัวประกอบที่เหลือก็ยืนเต๊ะท่ากันไม่ให้ผมออกไปจากวงล้อม  ไอ้ตัวประกอบที่สี่อันไร้ประโยชน์มึงจะโผล่ออกมาเพื่ออะไรวะ ช่วยไรกูได้บ้างเนี่ย

               “ถ้าพูดแล้วไม่ฟังคงต้องใช้ภาษากายแล้วล่ะ”

               พูดจบไอ้ธันก็วางตำราปลดกระดุมโชว์แผงอกเรกเรทติ้งจากไอ้ตัวประกอบสามตัว  ซึ่งมันก็ได้ผลครับไอ้พวกนี้มองตามือใหญ่ดูแข็งแกร่งที่ค่อยพับแขนเสื้อไปเรื่อย จนกระทั่งถึงตอนที่มือนั่นคว้าท่อเหล็กมาไว้ในมือ

 

               ผลั๊วะ!

 

               ไอ้นิติ! มันเข้าโหมดดาร์กคว้าท่อเหล็กไล่ฟาดไอ้ตัวประกอบ  ไอ้พวกนั้นผลัดกันรุม(หรือถูกรุม)ฟาดด้วยของแข็งโดยไม่อาจตอบโต้ได้

               ..ตัวเท่าควายมึงพ่ายให้ไอ้นี่คนเดียวได้ไงวะ!..

               ไม่ได้เรื่อง! แต่ไอ้ธันมันก็โกงที่เอาท่อเหล็กฟาด  ผมละสยองตอนมันฟาดลงไปที่แขนไอ้พวกนั้นมันดูแรงมากพวกมันถึงกับขยับยกแขนขึ้นมาสู้ไม่ได้เลย

               “พอ! เดี๋ยวมันก็ตายหรอก!”

               ฟังซะทีไหน! มันโยนท่อทิ้งแต่ไล่ถีบไอ้พวกนั้น  พวกนั้นมันโดนไปหลายทีดีไม่ดีหัวแตกจนเบลอกันไปหมดแล้ว

               “ไอ้ธัน!”

               มันแค่นเสียงไม่สบอารมณ์  ผมเหลือบมองส่งสัญญาณให้ไอ้สามหน่อนั่นรีบหนีไป พวกมันวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปอย่างเร่งรีบ  เหลือไว้แค่พวกผมเท่านั้น

               “เก็บกดอะไรมา! มึงบ้าหรือเปล่า!”

               “พูดดีแล้วพวกนั้นไม่ฟังเอง”

               “เลยตีมันซะเลยหรอ”

               “มันล่วงเกินยูนะ...”

               มันจับแขนผมพลางทำหน้าเคร่งขรึม  อืม...มันเป็นห่วงผมสินะ

               “...ฉันยังไม่เคยบีบก้นยูเลยด้วยซ้ำ”

               ถอนคำพูด ไอ้เวรนี่ผมเกือบจะซึ้งใจแล้วนะเนี่ย 

               “เหอะ ๆ ตอนโดนมือนั่นจับ...ขยะแขยงชะมัด”

               ไม่อยากให้พวกนั้นมาจับต้องตัวผมด้วย  ไม่ใช่ว่าเกลียดพวกเกย์นะ แต่ล่วงเกินแบบนี้ชายไทยมีพ่อมีแม่อย่างผมรับไม่ได้

               ทันใดนั้นฝ่ามืออุ่นก็ทาบลงบนก้นผม ผมเบิกตากระโดดถอยออกห่างไอ้ธันก่อนว้ากขึ้นมา

               “ทำอะไรเนี่ย!”

               “ใช้มือฉันลบสัมผัส ยูจะได้รู้สึกขยะแขยงน้อยลงไง”

               “จะมือใครก็ขยะแขยงทั้งนั้นแหละ” อย่ามายุ่งกับก้นตูสิฟะ!

               “อืม... ถ้าเปลี่ยนจากมือเป็นแก้มจะขยะแขยงน้อยกว่าสินะ”

               “แบบนั้นมันโคตรน่าขยะแขยงเลยเว้ย!!”

               ไอ้บ้านี่สมงสมองไปหมดแล้ว  เรียนมากก็พักเถอะหว่ะ

               “เสียดายชะมัด”

               มันทำเป็นถอนหายใจ  ผมได้แต่กุมก้นระวังภัย  เดี๋ยวมันนึกคึกเอาหน้ามาแนบก้นผมจริง ๆ

               “ทำไมพวกนั้นต้องมารุมยูด้วย  ไปทำอะไรไว้หรือเปล่า”

               “เหอะ! ไปถามแฟนเก่าแกดีกว่านะ!”

               “โรส? โรสทำอะไร”

               “ก็ใช่น่ะสิ! เล่นติดประกาศไว้ว่าถ้าใครจับฉันแก้ผ้าได้ล่ะก็จะได้รางวัล 5 พันบาท”

               “ยูมีหลักฐานหรอว่าเป็นโรส..”

               มันหรี่ตามองผม  อะไรกันล่ะปกป้องแฟนเก่าหรอ  เจ้เขาเลยประกาศโต้ง ๆ เลยว่าจะแย่งแกคืนไป  เขาถึงแกล้งฉันแบบนี้ไงล่ะ

               “อย่าปรักปรำคนอื่นโดยที่ไม่มีหลักฐานสิยู”

               “หึ! ไม่เชื่อก็ตามใจ”

               ผมสะบัดหน้าใส่เดินหนีทันที  มันเดินตามผมแล้วก็พร่ำว่าไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ควรมีหลักฐาน  หลักฐานหรอ? ไปหาเอาจากแฟนเก่านายสิ!

 

              

 +++++++++++++++++++++++

อย่าลืมเม้นด้วยนะคะ ให้กำลังใจกันหน่อยนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา