Rain
7.3
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ มันคงต่างกันที่ เป็นฉันเองที่ยังคงเก็บทุกอย่างไว้ในใจ
"ยิ้มหน้าบานมาเชียว"เสียงหวานเอ่ยทักน้องสาวของตนที่ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนยังคงยิ้มไม่หยุด"พี่โซจูแก่แล้ว ไม่เข้าใจหรอก แบร่ๆ"สาวน้อยเอ่ยบอกก่อนจะแลบลิ้นน้อยๆให้พี่สาวของตน"แล้วเด็กน้อย จะบอกฉันได้รึยังว่ายิ้มอะไร" มือบางเอื้อมไปยีผมน้องสาวของตนเองอย่างเอ็นดู"ก็...ยูจียอง ม.ปลายปีสามมีแฟนแล้วค่ะ!"เสียงของผู้เป็นน้องเอ่ยก่อนตากลมของผู้เป็นพี่สาวจะเบิกขึ้น"ย้าาาห์ เด็กนี่! หนีไปมีแฟนก่อนฉันได้ยังไง?""แหมๆๆ แล้วตาเฉิ่มอะไรนั่นหล่ะ อย่าบอกนะว่า...""อืม..หลายเดินแล้ว" โซจูยิ้มบางๆให้กับน้องสาวของตน ใช่ นี่มันก็เกือบสามเดือนแล้วที่เขากับจุนโมเลิกกัน
"ทำไมฉันต้องพกร่มด้วย มันหนักนะ!"เสียงหวานติดเหวี่ยงตามแบบฉบับคุณหนูขี้วีน"นี่มันหน้าฝนแล้วนะโซจู" เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะพยายามยัดเยียดร่มสีเทา สลักอักษร ฮันกึลสีทอง'아름다'"อารึมดา งดงาม งดงามงั้นหรอ?"หญิงสาวเอ่ยถามความหมายของอักษรสีทองบนร่มคันนั้น"ใช่..งดงาม"ชายหนุ่มเผยยิ้มเล็กๆ"ทำไมหล่ะ?""โซจู พี่รู้มั้ย? สำหรับผม พี่สวยที่สุดผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างผม จะได้ยืนอยู่ในจุดนี้ มีหลายคนที่เพรียบพร้อมกว่าผม แต่คนๆนั้นกับเป็นผมที่ได้เป็นแฟนพี่ โซจู..ผมดีใจมากเลยนะ ผมจะดูแลพี่ให้ดีที่สุดเลย"
มือบางลูกไล้ไปยังตัวอักษรฮันกึลสีทองนั่น"อารึมดา...อารึมดา..." ริมฝีปากบางนั้นเผยยิ้มออกมาตามแบบฉบับของตน ตาเรียวมองทอดยาวออกไปนอกหน้าต่าง สายฝนเย็นฉ่ำที่เริ่มโปรยลงมา รอยยิ้มผุดขึ้น"ดีนะที่ฉันเอามันติดมาด้วย"เอ่ยบอกกับตนก่อนจะกางร่มสีเทานั่นออก กายบางขยับออกไปทางขวามือเล็กน้อยสเหมือนมีใครบางคนอยู่ในร่มคันเล็กนั่นด้วย"บ้าจริง"สบถออกมาเบาๆ ก่อนจะเลื่อนร่มกลับมาดังเดิม"จำเอาไว้..ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"
ให้ตายเถอะ ฝนบ้าอะไรมาตกตอนนี้ แล้วคนเกลียดฝนเป็นที่สุดอย่างผมควรทำยังไงดี??? เอาเถอะ คงไม่เปียกมากหรอก ผมเดินไปยังมาเซราติลูกรัก ที่เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสิบเจ็ดปีของผม ใช่มันไม่ได้ใช้มานานมากตั้งแต่ผมมีใครอีกคน ผมเลือกที่จะนั่งรถประจำทางที่แสนร้อนและเเออัดกับหอเล็กๆอันแสนคับแคบ แถวมหาลัย แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วแหละ ผมเข้าใจแล้วว่าการมีชีวิตแบบคนธรรมดานั่น ทำให้ใครๆต่างมองผมว่าเป็น 'ไอเฉิ่ม' และตอนนี้ผมก็ควรกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม
"พี่ครับ"ผมเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่ชายของผม ที่นอนอยู่บนโซฟายักษ์ในห้องรับแขก "ไปไกลๆดิ๊"จองซิก พี่ชายฝาแฝดของผมเอ่ยไล่อย่างรำคาญ ให้ตายผมยังไม่ได้พูดอะไรซักคำเลยนะ"พี่โกรธผมเรื่องน้องฟรุ้งฟริ้งหรอ?"ผมเอ่ยอย่างเอือมๆ ก็แค่ผมทำออร์ดี้สุดที่รักของพี่ผมเฉี่ยวกับเสาไฟฟ้าข้างบ้านแค่นั้น.."กระจกข้างหลุดนี่จะไม่ให้ฉันโกรธหรอครับคุณน้องชาย"จองซิกหันไปทำตาขวางใส่ผม "แล้วแกเรียกฉันว่าพี่นี่ต้องการอะไร?"จองซิกถามผม เหอะๆ รู้ทันซะจริงๆ"ป่าวหรอก ฉันแค่ยากจะขอ...ยืมเงินแกซัก..ห้าแสนวอน"ผมพูดพร้อมกับเดินไปข้างๆ"เงินห้าแสนวอนแกไม่มีรึไง"ก็อย่างที่บอกแหละครับ บ้านผมใหญ่โตอลังการมีรถขับแบบนี้ กะอีเงินแค่ไม่กี่แสนวอนมันก็ไม่แปลกที่พี่ชายของผมจะถาทแบบนั้น"เออน่า เอามายืมก่อนจะไปซื้อของให้สาว"
ร่างสูงเดินมายังสถานที่เก่าสวนดอกไม้ที่พึ่งได้รับความชุ่มชื้นจากน้ำฝนเมื่อคืนทำให้ เช้านี้ดอกไม้นั่นดูสดใสเป็นพิเศษเหมียวว..ตาคมก้มมองสัตว์เลี้ยงแสนรักในอ้อมแขนของตน เจ้าแมวน้อยขนปุกปุยสีขาวนวล กำลังซุกเข้าหาไออุ่นจากแขนแกร่งนั่น"ไงอารึม แกคงอยากลงไปวิ่งเล่นสินะ..หึ ฝันไปเถอะเอาไว้ไปวิ่งที่บ้านเราและกัน" ร่างสูงหมุนกลับไปก่อนทุกอย่างจะต้องหยุดนิ่ง"จุนโม.."เสียงหวานเอ่ยขึ้น นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอคนๆนี้ คนที่ชื่อว่าเป็น 'อดีต' ของเขาตากลมจ้องมองอีกฝ่าย ทั้งการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปรวมถึงบุคลิกของอีกคน "ทำไม...เอ่อคือ.."คำพูดติดๆขัด ทำให้อีกฝ่ายเตรียมตัวที่จะก้าวเท้าต่อไป"นั่นแมวนายหรอ?"เสียงหวานขัด ได้ผลขาคู่นั้นหยุดก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้า ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีชา ไม่มีใครที่สามารถจะมองเห็น แต่เหตุใด ถึงทำให้ร่างบางกับรู้สึกว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้"ฉัน..ขอคุยกับนายได้มั้ย??"
"ว่ามาสิ"เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างราบเรียบ มือหนาลูบหัวเจ้าแมวน้อยอย่างแผ่วเบา"คือ..นายดูดีขึ้นเยอะ..""เข้าเรื่องเลยเถอะ" ร่างสูงราบเรียบอีกครั้ง ไม่มีแล้วน้ำเสียงที่แผ่วเบา ใบหน้าหวานฝืนยิ้มออกมาช้าๆ"ฉันแค่อยากจะบอกว่า..ตอนนั้นฉันมีความสุขมากเลยนะ"ท้ายประโยคที่เเสนจะแผ่วเบาเอ่ยขึ้น ตากลมหันไปมองคนข้างกาย"งั้นหรอ..ฉันไม่เห็นจำได้เลย"เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าอีกคน"จุนโม..นาย"เสียงหวานเริ่มติดขัดอีกครั้ง พลันเม็ดฝนเจ้ากรรมค่อยๆร่วงหล่น หากแต่ถ้ามันจะชะโลมใจที่ลุ่มร้อนได้คงจะดี แต่นี่ไม่เลย.."สำหรับฉัน เรื่องราวตอนนั้น มันเหมือนรอยด่างในหัวใจฉัน ที่ฉันพยายามที่จะลบมัน"
นานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่จุนโมเดินจากไป พร้อมกับทิ้งคำพูดที่บาดหัวใจไว้ ฉันยังคงนั่งอยู่ในกาซีโบที่เดิม สายฝนที่เริ่มตกเบาบางลง แถบจะสนิท ท้องฟ้าแจ่มใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหลือไว้แต่เพียงร่องรอยน้ำ ที่ยังคงชื้นแฉะอยู่บนพื้นที่ยังจางหายไม่หมด
ผมอยากจะระเบิดหัวเราะให้ดังลั่นเลย ผู้หญิงคนนั้นคงคิดว่าผมเป็นน้องชายงี่เง่าโจวจุนโมสินะ ให้ตายเถอะ ผมอุ้มอารึมสุดที่รักของไอจุนโมไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเดินไปที่สวนดอกไม้ที่ไอจุมโมมันให้ผมไปหาดอกกุหลาบสีขาวให้ แต่ก็นะผมกับลืมไปซะสนิทเลย มานึกได้ก็ตอนมาหยุดที่รถแล้ว แต่เรื่องตลกคือผมเจอใครไม่รู้มาดราม่ากับผม แต่ก็นะคงจะเป็น 'อดีต' ของไอจุนโมมัน
"ว่าไงไอพี่ชาย"ตอนนี้ผมอยู่ที่ลอนดอนครับ พ่อของผมสั่งให้ผมมาทำธุรกิจที่ให้สักพัก ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไมถึงไม่ให้พี่ชายของผมมา ขานั้นนอกจากหม้อสาว ก็หนีไม่พ้นเที่ยวกลางคืน เกือบสิบนาทีแล้วที่จองซิกนั่งพล่ามให้ผมฟังกับเรื่องราวที่ได้พบเจอมา ถ้าถามว่าผมยังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่มั้ย บอกเลยครับว่าไม่ สำหรับผมหลงเหลือแต่ความทรงจำเท่านั้นแหละครับ เพราะผมรู้ว่าเขาคงไม่ได้มาสนใจอะไรผมในสภาพแบบนั้นหรอกครับ ถึงผมจะชอบพี่โซจู อะไรนั่นก็เถอะ แต่เรื่องแค่นี้มันก็ไม่ได้ทำให้คนอย่างผมเศร้าหมองอะไรได้ขนาดนั้นหรอกครับ
"Hi Junmo"อื้อหือ...ก็ไม่แปลกหรอกครับที่พ่อของผมจะชอบเข้ามาดูงานที่นี่เป็นประจำ ก็เล่นใหญ่ซะขนาด"Hi"ผมตอบสั้น คือเอาจริงๆผมนี่ดักดานอิ้งสุดๆครับ เฮ้อออ จะรอดมั้ยครับ
ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อไหร่ฝนบ้านี่จะหยุดซักที ตั้งแต่ฉันกลับมาบ้าน ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ร่างกายฉันเหนื่อยล้า จนไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ฉันพยายามข่มตาให้หลับ แต่ทำไมนะ เสียงฝนบ้าๆนั่นทำให้ฉันรู้สึก หนาวเย็นในหัวใจ มันช่างหนาวเหลือเกิน ทำไมนะ.. ไม่สิอย่านะ..
"ฮึก..."เสียงสะอื้นเบาๆออกมาจะภายใต้ผ้าห่ม มีเพียงร่างบางของใครบางคนที่หาไออุ่นอยู่ในนั้น สายฝนยังคงพร่างพรายไม่หยุด ราวกับจะชำระความรู้สึกของใครบางคน แต่มันกลับไม่เป็นผล"โซจู..เธอร้องไห้ทำไม?"เสียงแว่วๆ ดังอยู่ข้างหูนี่คงเป็นครั้งแรกสินะที่ต้องมาร้องไห้กับเรื่องนี้ ที่ผ่านมายอมรับว่าทุกการกระทำของใครอีกคนที่มอบให้นั้นรู้สึกดี หากแต่ที่ไม่พูดมันออกไปก็เพียงเพราะกลัวอีกฝ่ายได้ใจ มือบางดึงผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"หึ..หูแว่วสินะ นายจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง จุนโม"เสียงบางเอ่ยพลันส่ายหน้ากับความคิดตื้นๆของตนที่หวังว่าอีกคนจะอยู่เคียงข้าง หากแต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าหล่อนคงไม่ต้องมานั่งเปล่าเปลี่ยวหัวใจเป็นเช่นนี้
"พอสักทีเถอะ อะไรที่เสียไปแล้วมันเอากลับมาไม่ได้ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม"
Rain:Present by 바람
"ยิ้มหน้าบานมาเชียว"เสียงหวานเอ่ยทักน้องสาวของตนที่ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนยังคงยิ้มไม่หยุด"พี่โซจูแก่แล้ว ไม่เข้าใจหรอก แบร่ๆ"สาวน้อยเอ่ยบอกก่อนจะแลบลิ้นน้อยๆให้พี่สาวของตน"แล้วเด็กน้อย จะบอกฉันได้รึยังว่ายิ้มอะไร" มือบางเอื้อมไปยีผมน้องสาวของตนเองอย่างเอ็นดู"ก็...ยูจียอง ม.ปลายปีสามมีแฟนแล้วค่ะ!"เสียงของผู้เป็นน้องเอ่ยก่อนตากลมของผู้เป็นพี่สาวจะเบิกขึ้น"ย้าาาห์ เด็กนี่! หนีไปมีแฟนก่อนฉันได้ยังไง?""แหมๆๆ แล้วตาเฉิ่มอะไรนั่นหล่ะ อย่าบอกนะว่า...""อืม..หลายเดินแล้ว" โซจูยิ้มบางๆให้กับน้องสาวของตน ใช่ นี่มันก็เกือบสามเดือนแล้วที่เขากับจุนโมเลิกกัน
"ทำไมฉันต้องพกร่มด้วย มันหนักนะ!"เสียงหวานติดเหวี่ยงตามแบบฉบับคุณหนูขี้วีน"นี่มันหน้าฝนแล้วนะโซจู" เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะพยายามยัดเยียดร่มสีเทา สลักอักษร ฮันกึลสีทอง'아름다'"อารึมดา งดงาม งดงามงั้นหรอ?"หญิงสาวเอ่ยถามความหมายของอักษรสีทองบนร่มคันนั้น"ใช่..งดงาม"ชายหนุ่มเผยยิ้มเล็กๆ"ทำไมหล่ะ?""โซจู พี่รู้มั้ย? สำหรับผม พี่สวยที่สุดผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างผม จะได้ยืนอยู่ในจุดนี้ มีหลายคนที่เพรียบพร้อมกว่าผม แต่คนๆนั้นกับเป็นผมที่ได้เป็นแฟนพี่ โซจู..ผมดีใจมากเลยนะ ผมจะดูแลพี่ให้ดีที่สุดเลย"
มือบางลูกไล้ไปยังตัวอักษรฮันกึลสีทองนั่น"อารึมดา...อารึมดา..." ริมฝีปากบางนั้นเผยยิ้มออกมาตามแบบฉบับของตน ตาเรียวมองทอดยาวออกไปนอกหน้าต่าง สายฝนเย็นฉ่ำที่เริ่มโปรยลงมา รอยยิ้มผุดขึ้น"ดีนะที่ฉันเอามันติดมาด้วย"เอ่ยบอกกับตนก่อนจะกางร่มสีเทานั่นออก กายบางขยับออกไปทางขวามือเล็กน้อยสเหมือนมีใครบางคนอยู่ในร่มคันเล็กนั่นด้วย"บ้าจริง"สบถออกมาเบาๆ ก่อนจะเลื่อนร่มกลับมาดังเดิม"จำเอาไว้..ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"
ให้ตายเถอะ ฝนบ้าอะไรมาตกตอนนี้ แล้วคนเกลียดฝนเป็นที่สุดอย่างผมควรทำยังไงดี??? เอาเถอะ คงไม่เปียกมากหรอก ผมเดินไปยังมาเซราติลูกรัก ที่เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสิบเจ็ดปีของผม ใช่มันไม่ได้ใช้มานานมากตั้งแต่ผมมีใครอีกคน ผมเลือกที่จะนั่งรถประจำทางที่แสนร้อนและเเออัดกับหอเล็กๆอันแสนคับแคบ แถวมหาลัย แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วแหละ ผมเข้าใจแล้วว่าการมีชีวิตแบบคนธรรมดานั่น ทำให้ใครๆต่างมองผมว่าเป็น 'ไอเฉิ่ม' และตอนนี้ผมก็ควรกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม
"พี่ครับ"ผมเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่ชายของผม ที่นอนอยู่บนโซฟายักษ์ในห้องรับแขก "ไปไกลๆดิ๊"จองซิก พี่ชายฝาแฝดของผมเอ่ยไล่อย่างรำคาญ ให้ตายผมยังไม่ได้พูดอะไรซักคำเลยนะ"พี่โกรธผมเรื่องน้องฟรุ้งฟริ้งหรอ?"ผมเอ่ยอย่างเอือมๆ ก็แค่ผมทำออร์ดี้สุดที่รักของพี่ผมเฉี่ยวกับเสาไฟฟ้าข้างบ้านแค่นั้น.."กระจกข้างหลุดนี่จะไม่ให้ฉันโกรธหรอครับคุณน้องชาย"จองซิกหันไปทำตาขวางใส่ผม "แล้วแกเรียกฉันว่าพี่นี่ต้องการอะไร?"จองซิกถามผม เหอะๆ รู้ทันซะจริงๆ"ป่าวหรอก ฉันแค่ยากจะขอ...ยืมเงินแกซัก..ห้าแสนวอน"ผมพูดพร้อมกับเดินไปข้างๆ"เงินห้าแสนวอนแกไม่มีรึไง"ก็อย่างที่บอกแหละครับ บ้านผมใหญ่โตอลังการมีรถขับแบบนี้ กะอีเงินแค่ไม่กี่แสนวอนมันก็ไม่แปลกที่พี่ชายของผมจะถาทแบบนั้น"เออน่า เอามายืมก่อนจะไปซื้อของให้สาว"
ร่างสูงเดินมายังสถานที่เก่าสวนดอกไม้ที่พึ่งได้รับความชุ่มชื้นจากน้ำฝนเมื่อคืนทำให้ เช้านี้ดอกไม้นั่นดูสดใสเป็นพิเศษเหมียวว..ตาคมก้มมองสัตว์เลี้ยงแสนรักในอ้อมแขนของตน เจ้าแมวน้อยขนปุกปุยสีขาวนวล กำลังซุกเข้าหาไออุ่นจากแขนแกร่งนั่น"ไงอารึม แกคงอยากลงไปวิ่งเล่นสินะ..หึ ฝันไปเถอะเอาไว้ไปวิ่งที่บ้านเราและกัน" ร่างสูงหมุนกลับไปก่อนทุกอย่างจะต้องหยุดนิ่ง"จุนโม.."เสียงหวานเอ่ยขึ้น นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอคนๆนี้ คนที่ชื่อว่าเป็น 'อดีต' ของเขาตากลมจ้องมองอีกฝ่าย ทั้งการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปรวมถึงบุคลิกของอีกคน "ทำไม...เอ่อคือ.."คำพูดติดๆขัด ทำให้อีกฝ่ายเตรียมตัวที่จะก้าวเท้าต่อไป"นั่นแมวนายหรอ?"เสียงหวานขัด ได้ผลขาคู่นั้นหยุดก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้า ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีชา ไม่มีใครที่สามารถจะมองเห็น แต่เหตุใด ถึงทำให้ร่างบางกับรู้สึกว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้"ฉัน..ขอคุยกับนายได้มั้ย??"
"ว่ามาสิ"เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างราบเรียบ มือหนาลูบหัวเจ้าแมวน้อยอย่างแผ่วเบา"คือ..นายดูดีขึ้นเยอะ..""เข้าเรื่องเลยเถอะ" ร่างสูงราบเรียบอีกครั้ง ไม่มีแล้วน้ำเสียงที่แผ่วเบา ใบหน้าหวานฝืนยิ้มออกมาช้าๆ"ฉันแค่อยากจะบอกว่า..ตอนนั้นฉันมีความสุขมากเลยนะ"ท้ายประโยคที่เเสนจะแผ่วเบาเอ่ยขึ้น ตากลมหันไปมองคนข้างกาย"งั้นหรอ..ฉันไม่เห็นจำได้เลย"เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าอีกคน"จุนโม..นาย"เสียงหวานเริ่มติดขัดอีกครั้ง พลันเม็ดฝนเจ้ากรรมค่อยๆร่วงหล่น หากแต่ถ้ามันจะชะโลมใจที่ลุ่มร้อนได้คงจะดี แต่นี่ไม่เลย.."สำหรับฉัน เรื่องราวตอนนั้น มันเหมือนรอยด่างในหัวใจฉัน ที่ฉันพยายามที่จะลบมัน"
นานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่จุนโมเดินจากไป พร้อมกับทิ้งคำพูดที่บาดหัวใจไว้ ฉันยังคงนั่งอยู่ในกาซีโบที่เดิม สายฝนที่เริ่มตกเบาบางลง แถบจะสนิท ท้องฟ้าแจ่มใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหลือไว้แต่เพียงร่องรอยน้ำ ที่ยังคงชื้นแฉะอยู่บนพื้นที่ยังจางหายไม่หมด
ผมอยากจะระเบิดหัวเราะให้ดังลั่นเลย ผู้หญิงคนนั้นคงคิดว่าผมเป็นน้องชายงี่เง่าโจวจุนโมสินะ ให้ตายเถอะ ผมอุ้มอารึมสุดที่รักของไอจุนโมไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเดินไปที่สวนดอกไม้ที่ไอจุมโมมันให้ผมไปหาดอกกุหลาบสีขาวให้ แต่ก็นะผมกับลืมไปซะสนิทเลย มานึกได้ก็ตอนมาหยุดที่รถแล้ว แต่เรื่องตลกคือผมเจอใครไม่รู้มาดราม่ากับผม แต่ก็นะคงจะเป็น 'อดีต' ของไอจุนโมมัน
"ว่าไงไอพี่ชาย"ตอนนี้ผมอยู่ที่ลอนดอนครับ พ่อของผมสั่งให้ผมมาทำธุรกิจที่ให้สักพัก ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไมถึงไม่ให้พี่ชายของผมมา ขานั้นนอกจากหม้อสาว ก็หนีไม่พ้นเที่ยวกลางคืน เกือบสิบนาทีแล้วที่จองซิกนั่งพล่ามให้ผมฟังกับเรื่องราวที่ได้พบเจอมา ถ้าถามว่าผมยังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่มั้ย บอกเลยครับว่าไม่ สำหรับผมหลงเหลือแต่ความทรงจำเท่านั้นแหละครับ เพราะผมรู้ว่าเขาคงไม่ได้มาสนใจอะไรผมในสภาพแบบนั้นหรอกครับ ถึงผมจะชอบพี่โซจู อะไรนั่นก็เถอะ แต่เรื่องแค่นี้มันก็ไม่ได้ทำให้คนอย่างผมเศร้าหมองอะไรได้ขนาดนั้นหรอกครับ
"Hi Junmo"อื้อหือ...ก็ไม่แปลกหรอกครับที่พ่อของผมจะชอบเข้ามาดูงานที่นี่เป็นประจำ ก็เล่นใหญ่ซะขนาด"Hi"ผมตอบสั้น คือเอาจริงๆผมนี่ดักดานอิ้งสุดๆครับ เฮ้อออ จะรอดมั้ยครับ
ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อไหร่ฝนบ้านี่จะหยุดซักที ตั้งแต่ฉันกลับมาบ้าน ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ร่างกายฉันเหนื่อยล้า จนไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ฉันพยายามข่มตาให้หลับ แต่ทำไมนะ เสียงฝนบ้าๆนั่นทำให้ฉันรู้สึก หนาวเย็นในหัวใจ มันช่างหนาวเหลือเกิน ทำไมนะ.. ไม่สิอย่านะ..
"ฮึก..."เสียงสะอื้นเบาๆออกมาจะภายใต้ผ้าห่ม มีเพียงร่างบางของใครบางคนที่หาไออุ่นอยู่ในนั้น สายฝนยังคงพร่างพรายไม่หยุด ราวกับจะชำระความรู้สึกของใครบางคน แต่มันกลับไม่เป็นผล"โซจู..เธอร้องไห้ทำไม?"เสียงแว่วๆ ดังอยู่ข้างหูนี่คงเป็นครั้งแรกสินะที่ต้องมาร้องไห้กับเรื่องนี้ ที่ผ่านมายอมรับว่าทุกการกระทำของใครอีกคนที่มอบให้นั้นรู้สึกดี หากแต่ที่ไม่พูดมันออกไปก็เพียงเพราะกลัวอีกฝ่ายได้ใจ มือบางดึงผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"หึ..หูแว่วสินะ นายจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง จุนโม"เสียงบางเอ่ยพลันส่ายหน้ากับความคิดตื้นๆของตนที่หวังว่าอีกคนจะอยู่เคียงข้าง หากแต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าหล่อนคงไม่ต้องมานั่งเปล่าเปลี่ยวหัวใจเป็นเช่นนี้
"พอสักทีเถอะ อะไรที่เสียไปแล้วมันเอากลับมาไม่ได้ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม"
Rain:Present by 바람
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ