Eternal Night The second of heartbeat.

7.7

เขียนโดย Rafael

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 02.50 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 02.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) HEART BEAT second 11

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
HEART BEAT second 11
Raf Rafael
            ฮิ! ต่อหน้าต่อตา เดี๋ยวนี้พี่ชายของผมเป็นหนุ่มใจกล้าลวนลามสาวในที่สาธารณะ ถึงจะอยู่ในห้องก็เถอะ แต่ผมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ ก็รู้อยู่เต็มอกว่าพี่ชายสนใจลอเรน แต่ออร่าสีชมพูนั่นมันอะไร
“ใจกล้าว่ะ เดี๋ยวนี้” ผมอดเข้าไปชกต้นแขนพี่ชายเบาๆไม่ได้ พี่บลัดหันกลับมาหัวเราะกลบเกลื่อน พร้อมใบหน้าแดงแจ๋ ทำท่าทางเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว อ๋อ~ เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองมีน้อง?
พี่บลัดทำทีเป็นยุ่งอยู่กับการแกะพุดดิ้งออกจากแม่พิมพ์ หลังจากนั้นก็นำพุดดิ้งทั้งหมดวางไว้ในถาดใบใหญ่ก่อนจะยัดเข้าไปในตู้เย็น
“เดี๋ยวนี้หอมแก้มกันแล้ว” ผมอดไม่ได้ที่จะถามออกไป ถึงจะเห็นคาตาก็เถอะ นัยน์ตาสีแดงกรอกไปมาพยายามหลบเลี่ยงเต็มที่ พี่บลัดถอดผ้ากันเปื้อนออกพับเก็บไว้ในลิ้นชักตามเดิม ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวพิงเคาน์เตอร์ครัวอย่างจนใจ
“ก็ตามนั้น” อืม...ผมไม่เคยเห็นพี่ชายสนใจหญิงที่ไหนมาก่อน อาจเพราะเรื่องเมื่อสิบปีที่แล้วด้วยละมั้ง ตั้งแต่นั้นพี่บลัดที่เป็นคนไม่สุงสิงกับใครอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นคนไม่เข้าสังคม โดยเฉพาะกับผู้หญิงยิ่งมีผมยาวสีดำยิ่งตีตัวออกห่างเป็นพิเศษ
ผมเหลือบนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีแดงดวงนั้น มันกำลังส่องแสงแวววาวมีชีวิตชีวามากทีเดียว พี่ชายของผมไม่ได้มีความสุขในชีวิตมานานแค่ไหนแล้วนะ ถ้าหาก...ลอเรนเป็นคนที่ทำให้พี่บลัดยิ้มได้จริงๆละก็...
“ช่วยมั้ยล่ะ”
“ช่วยอะไร”
นัยน์ตาสีแดงที่พยายามหลบเลี่ยงสายตามานาน ตอนนี้กลับตวัดกลับมามองอย่างฉงน ผมคลี่ยิ้มส่งไปให้
“คนเราน่ะ จะรักกันได้ไม่ใช่แค่ความรู้สึกนะ พี่”
พอเริ่มเกริ่นเรื่องนี้ออกไป ใบหน้าของพี่ก็ยิ่งเปลี่ยนสี นี่กำลังสอนสาวน้อยผู้มีรักครั้งแรกรึเปล่าเนี่ย
“มันต้องถูกที่ ถูกเวลาด้วย” พี่บลัดเบนสายตามาจ้องเขม็ง ผมส่งยิ้มกรุ่มกริ่มไปให้ เรื่องนี้ชักจะสนุกแล้วสิ
“ถ้าจะให้ดีต้องมีพวกอีกสักคน” พี่บลัดเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ จะเป็นใครซะอีกล่ะ เมื่อพี่ชาย พี่สาวของเรากำลังส่อเค้าแววจะเจริญความสัมพันธ์บรรดาน้องอย่างเราจะนิ่งดูดายได้รึ ต้องดึงลูคัสเข้ามาร่วมงานนี้ให้ได้ ผมคิดว่ารายนี้ไม่เกี่ยงงานแน่ๆ
“อยู่ที่พี่นั่นละ” ผมจ้องมองพี่ชายกลับไปนิ่งๆ
“อะไร”
“ต้องใจกล้า หน้าด้าน”
“ใจกล้าอะไรวะ”
ผมหัวเราะเบาๆในลำคอ รู้ว่าพี่เข้าใจ แววตาเลิกลั่กกำลังตอบสนองต่อคำของผมอย่างดี
“ด้านได้ อายอดไง” ผมพูดตรงไปรึยังไง ตอนนี้ใบหน้าขาวๆของพี่บลัดกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงจนลามมาถึงใบหู แลดูเหมือนสาวน้อยที่กำลังเตรียมตัวจะไปสารภาพรัก
“มันไม่ค่อยดีละมั้ง ถ้าจะคิด...อะไรแบบนั้น” อย่ามาโลเล ผมรู้ว่าพี่ชอบเขาเข้าแล้ว
“คิดจะหอมแก้มสาวแล้วไม่รับผิดชอบเรอะ” นัยน์ตาสีแดงกรอกไปมากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
“ชอบลอเรนจัง ใช่ปะ” พี่บลัดเหลือบมองลอเรนที่กำลังนั่งทานพุดดิ้งอยู่บนโซฟาผ่านกระจกใสตรงเคาน์เตอร์ห้องครัว ผมสังเกตทั้งท่าทีและแววตาของพี่ชาย ยิ่งพี่บลัดมองเธอนานเท่าไหร่ มุมปากก็ยิ่งยกขึ้น ดวงตาหรี่ลง นัยน์ตาสีแดงที่มักส่งสายตาไม่เป็นมิตรตอนนี้กลับฉายแววอ่อนโยน ชัดเจน! ชัดจนไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้วละ
“ไม่รู้” เจ้าตัวดันตอบมาแบบนั้น แถมยังชิ่งหนีออกจากห้องครัว เลี้ยวกลับเข้าไปในห้องตัวเองหน้าตาเฉย ไม่กล้าเดินไปหาสาวอะดิ เรื่องแบบนี้มันต้อง ใจกล้า หน้าหนาว้อย!
ถ้าไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง การจะเดินหน้ามันจะยิ่งลำบาก ถึงจะดูก็รู้ว่าพี่บลัดชอบลอเรน แต่ถ้าเจ้าตัวไม่รับรู้มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมต้องให้พี่สารภาพว่าชอบเรนออกมาให้ได้! จะได้รู้ตัวแล้วใจกล้า ดาหน้าไปจีบเธอซะ ไม่งั้นโดนคาบแน่ๆ มั่นใจ! ตอนนี้ทั้งพี่บลัด ทั้งลอเรนจัง มีแฟนคลับที่มหาวิทยาลัยแล้ว แปลว่าคู่แข่งมันก็ยิ่งเยอะขึ้นน่ะสิ
“ลุค” ผมเลื่อนกระจกใสตรงเคาน์เตอร์ออกเพื่อที่จะเรียกผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหนึ่งรายเข้ามาประชุมคิดค้นแผนการประสานรักครั้งใหญ่ เพียงเรียกออกไปสั้นๆลูคัสก็ลุกขึ้นจากโซฟาตรงเข้ามาในห้องครัว หลังจากนั้นผมก็จัดการปิดประตูหน้าต่างทุกบาน เพื่อไม่ให้เสียงพูดคุยของพวกเราเล็ดลอดออกไปได้
“ลอเรนเป็นไงบ้าง” พักการทำอาหารทุกอย่างไว้ก่อนเพื่อลงมานั่งคุยกับลุคที่มุมหนึ่งในครัว ลูคัสจ้องผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจพร้อมเอ่ยปากตอบคำถามกลับมา
“เหมือนจะสนใจพี่บลัดอยู่เหมือนกันครับ”
“แน่ใจ?” ถ้าหากลอเรนสนใจพี่บลัดจริงละก็ งานนี้อาจจะไม่ยากอย่างที่คิด ลุคพยักหน้ารับคำเบาๆ แต่เหมือนจะยังมั่นใจได้ไม่เต็มร้อย
“เรนไม่เคยสนใจใครมาก่อน ผมเลยฟันธงได้ไม่เต็มปาก” อย่างนี้นี่เอง...รักครั้งแรกของทั้งสองฝ่าย แบบนี้คงต้องเข็นกันสุดตัว ยิ่งฝ่ายชายเป็นบลัดเทียที่ไม่เคยรุกสาวที่ไหนมาทั้งชีวิต งานนี้คงเป็นภารกิจระยะยาวที่บรรดาน้องชายต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ให้พี่ๆเป็นแน่
“ลุค ไฟเขียวปะ” ก่อนที่จะจับคู่ทั้งสองคน ผมควรถามความเห็นคนใกล้ตัวก่อน ถ้าหากลุคไม่โอเคละก็ ผมจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เหมือนผมจะกังวลเกินเหตุ เมื่อลูคัสพยักหน้าหงึกหงักอย่างไม่เว้นช่วงคิด พร้อมชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างเป็นสัญญาณเริ่มปฏิบัติการ
“ผมเชื่อว่า พี่บลัดจะไม่ทำให้เรนเสียใจ” ลูคัสรักพี่สาวมากจริงๆ ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนตอนที่ลุคมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ เขามักจะพูดถึงพี่สาวบ่อยๆ แถมติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา ดูเป็นพี่น้องที่สนิทกันดี ความรู้สึกนี้ผมเข้าใจดี ถ้าถามผมละก็...ผมก็พร้อมจะสละอะไรก็ตามเพื่อพี่ได้เหมือนกัน
“คนรักกัน ยังไงมันก็คือลิ้นกับฟันอยู่ดี” ผมเปรยขึ้นเบาๆ เป็นเชิงให้ลุคทำใจรับเรื่องนี้ไว้ด้วย ลูคัสหัวเราะเบาๆรับคำ
“ผมก็ยังเชื่อนะครับ ว่าทั้งสองคนต้องผ่านปัญหาแบบนั้นไปได้ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าพี่บลัดไม่ใช่คนเจ้าชู้” ข้อนี้ผมก็มั่นใจ มั่นใจมากและกล้ายืนยันด้วยชีวิตว่าพี่บลัดไม่เจ้าชู้แน่ๆ เพราะก่อนจะเจ้าชู้กรุณากล้าอ้าปากพูดกับคนอื่นซะก่อนเถอะ
“งั้นเริ่มปฏิบัติการมั้ย” ผมชูกำปั้นขึ้นในระดับสายตาของเราทั้งสองคน ลุคหันมาหัวเราะร่าก่อนจะชกกำปั้นของเขาเข้ากับกำปั้นของผมเบาๆ เอาละ...ลุคตกลงแล้ว
เตรียมตัวเตรียมใจได้เลยพี่บลัด งานนี้พี่ต้องอยู่ในสายตาของลอเรนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จงเขี่ยชายอื่นออกไปจากสายตาของเธอซะ ใช้ใบหน้าหล่อๆนั้นให้เป็นประโยชน์ได้แล้ว แถมหุ่นที่อุส่าห์ทนการฝึกโหดๆจากพี่อาโอมานาน ก็จงงัดมันออกมาใช้ซะ!
ผมส่งยิ้มกรุ่มกริ่มไปให้ลุคก่อนจะบอกแผนปฏิบัติการขั้นแรก
“ทางนี้ยืนยันว่าพี่บลัดชอบลอเรนจังแน่นอน แต่ตอนนี้ยืนยันทางเรนให้ได้ก่อน โอเค?” ผมลากท้ายเสียงขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ลุคพยักหน้าตอบรับทันที
“ผมจะส่งข่าวให้เรื่อยๆครับ” เราชกกำปั้นเข้าหากันอีกครั้ง ทางสะดวกแล้วนะพี่บลัด อยู่ที่พี่แล้ว ว่าจะคว้าเรนมาอยู่ในอ้อมแขนได้รึเปล่า
 
 
หลังจากตะวันเริ่มคล้อยลงต่ำ แดดด้านนอกเริ่มทอแสงสีส้มอ่อน พวกเราทั้งสี่คนกำลังเดินไปเรื่อยตามทางเท้า ในมือของบลัดกับเคลนมีตะกร้าใบใหญ่อยู่ ฉันสนใจตะกร้าในมือของบลัดมากกว่า พุดดิ้งเต็มไปหมดเลย เห็นเขาเอามันออกมาจากตู้เย็น ตอนนี้คงกำลังส่งไอเย็นเฉียบออกมาจากเนื้อนุ่มละเอียด ฉันลืมรสชาติหวานน้อยๆปนขมเล็กๆจากพุดดิ้งที่ชิมไปก่อนหน้านี้ไม่ได้ อยากทานอีก ทานทั้งตะกร้าใบนั้นเลย!
“จ้องตาไม่กระพริบเลยนะ ลอเรน” เสียงของลุคดังขึ้นข้างตัว ฉันส่งค้อนให้เขาไปวงหนึ่ง
“หิวแล้วนี่” ลุคส่งเสียวหัวเราะกลับมาเบาๆ พวกเราเดินไปตามทางอีกพักใหญ่จนมาหยุดอยู่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ฉันชะเง้อคอมองเข้าไปด้านใน บนลานกว้างด้านในมีสวนเด็กเล่น ของเล่นชิ้นใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่เต็ม เด็กตัวเล็กๆกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ในบริเวณนั้น ส่วนบรรดาคุณพ่อ คุณแม่ก็จับวงคุยกันกระจายตัวอยู่หลายจุด
เลยลานกว้างเข้าไปอีกหน่อยเป็นเนินเตี้ยๆหลายลูก เหมาะสำหรับนั่งชมแม่น้ำสายใหญ่ที่พาดยาวกลางสวนสาธารณะ สวนสาธารณะแห่งนี้ใหญ่เอาการทีเดียว บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น เกือบทุกส่วนในสวนมีต้นไม้ต้นใหญ่ยืนหยัดบังแสงแดดให้กับบรรดาผู้คนที่ทอดกายพักผ่อนอยู่ใต้กิ่งก้านสาขา
ต้นไม้นานาชนิดทั้งต้นซากุระ ต้นเมเปิ้ล แปลงดอกไม้ถูกปลูกไว้ประดับเรียงรายไปตามทางเดิน บางจุดบริเวณริมแม่น้ำมีต้นบอนไซขนาดใหญ่กำลังเอนกิ่งก้านลงสัมผัสผิวน้ำ เมื่อเดินเลยเข้าไปอีก สวนหินสีขาวสะอาดตาสะท้อนเข้าสู่ม่านตา ที่นี่ราวกับเป็นโลกใบใหม่ตัดขาดจากชีวิตในเมืองอันวุ่นวาย
บลัดบอกว่าที่นี่ใหญ่มาก เดินดูได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ ฉันว่า...เจอสถานที่พักผ่อนแห่งใหม่แล้วละ
พวกเราปูผ้าผืนใหญ่ที่ติดมาด้วยลงบนเนินแห่งหนึ่งใต้ร่มไม้ต้นใหญ่ ใกล้กับริมแม่น้ำ ฉันทิ้งตัวลงนั่งทันทีพลางสูดอากาศให้เข้าไปจนเต็มปอด รู้สึกโล่งจนความเครียดทั้งหมดมลายหายไป ถ้าปะป๊ากับมะม๊าอยู่ที่นี่ด้วยคงมีความสุขไม่น้อย
ฉันหันไปมองลูคัสที่นั่งลงข้างตัว อย่างน้อยก็ยังมีน้องชายอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน ฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปมองสองพี่น้องอีกคู่หนึ่ง เคลนกำลังง่วงอยู่กับการแกะกล่องอาหาร พอฝากล่องถูกเปิด กลิ่นหอมหวนก็ลอยเข้ามาเตะจมูกจนท้องเริ่มร้องประท้วง
จานใบเล็กใบหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า กลิ่นไก่คาราเงะกำลังลอยฟุ้งจนต้องกลืนน้ำลายเฮือก ไข่หวานสีเหลืองทองจนละสายตาออกไปไม่ได้ โคร็อกเกะเพียงเพ่งมองก็รับรู้ถึงความกรุบกรอบ กับชูชิคำเล็กๆที่เคลนบรรจงปั้นขึ้นมา ฉันจ้องจานตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จนได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นหูดังขึ้น
“หิวแล้วไม่ใช่หรอ” บลัดพูดเชิงหยอกล้อ เขาวางจานใบน้อยลงในมือของฉัน ก่อนจะหันไปตักมายื่นให้ลุคบ้าง หลังจากบลัดตักอาหารใส่จานของตัวเองเรียบร้อย ร่างสูงของเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างฉันอีกด้านหนึ่ง แต่พอบลัดนั่งลงปุ๊บลูคัสก็ขยับไปนั่งใกล้เคลน ราวกับเว้นพื้นที่ให้ฉันกับหนุ่มเรือนผมสีเงินข้างตัว
“ค่อยๆกินก็ได้” เสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของเขาดังขึ้นข้างหู ก่อนที่บลัดจะโน้มตัวเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้ทิชชู่ซับริมฝีปากให้ฉันเบาๆ รู้สึกว่าใจเต้นตึกตักกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหนุ่มนัยน์ตาสีแดง รอยยิ้มของฉันคลี่ออกส่งไปให้เขาอย่างลืมตัว
หลังจากทานอาหารคาวจนอิ่มหนำทีนี้ก็ถึงเวลาของหวานที่รอคอย พุดดิ้งถูกใส่ไว้ในกล่องกักเก็บความเย็นอย่างดี ฉันค่อยๆตักพุดดิ้งออกมาวางไว้บนจานใบใหม่ก่อนจะราดซอสคาราเมลสีน้ำตาลทองตามลงไป ก่อนค่อยๆรับรู้รสชาติอันหอมหวานผ่านปลายลิ้น
“อร่อยอยู่คนเดียวเลยนะ” ลุคไม่พูดเปล่าเขาเข้ามาตักพุดดิ้งในมือของฉันไปลองชิมคำใหญ่
“พี่บลัดฝีมือดีจริงๆแหละ” ก็รู้ว่าอร่อย งั้นก็วางช้อนของฉันลงได้แล้วลูคัส
ระหว่างที่ลุคกำลังตักพุดดิ้งออกมาทานบ้าง สายตาของฉันก็เหลือบไปมองบลัดที่กำลังเล่นแคชบอลอยู่กับเคลนตรงลานกว้างไม่ใกล้ไม่ไกล ถึงแม้จะมีผู้คนอยู่รายล้อม พวกเขาทั้งสองคนก็ยังเด่นสะดุดตาซะจนหาตัวได้ไม่ยาก สวนที่นี่กว้างขวางจริงๆ ผู้คนหลากหลายมากหน้าหลายตาบางคนพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นด้วย น่ารักน่าเอ็นดูทุกตัวเลย ชักจะคิดถึงเจ้าตัวยุ่งทั้งสี่ที่บ้านบ้างแล้วสิ
ฉันจ้องมองบลัดที่วิ่งรับลูกบอลอย่างไม่วางตา เขานี่...หุ่นดีจริงๆนะ ขายาว ไหล่กว้าง ตัวสูง ติดตรงตาขวางไปหน่อย แต่ตอนนี้นัยน์ตาสีแดงกำลังหรี่ลงใบหน้าติดยิ้มดูท่ากำลังสนุกใหญ่ รอยยิ้มของเขาพลอยทำให้ฉันเผลอคลี่ยิ้มตาม
“กำลังอร่อยกันเลยนะ” เสียงของเคลนดึงสติของฉันกลับมา เขาทั้งสองเดินกลับมาตรงที่เรานั่งอยู่ หน้าผากของสองพี่น้องเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนผมด้านหน้าเริ่มแนบชิดติดกับผิว ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะกวักมือเรียกบลัดให้เข้ามาใกล้ เขาส่งสายตาฉงนสงสัยมาให้แต่ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆแต่โดยดี
“เล่นเป็นเด็กๆเลยนะ นายเนี่ย” ฉันพูดติดตลกระหว่างที่กำลังใช้กระดาษซับเหงื่อออกจากใบหน้าของเขาเบาๆ เหมือนใบหน้าของบลัดจะขึ้นสีแปลกๆหรือเขาอาจจะเล่นกับเคลนจนเหนื่อยรึเปล่านะ
แต่ยังไม่ทันจะได้สังเกตใบหน้าของเขาไปมากกว่านั้น อยู่ๆก็รู้สึกได้ถึงลมสายเล็กๆที่วิ่งผ่านร่างของฉันไป มันกระแทกเข้ากับร่างของบลัดอย่างจัง เสียงขบกรามหนักๆลอดออกมาจากลำคอของบลัดแผ่วๆ ท่าทางจุกไม่เบา
“โอ๊ง!” เสียงแปลกๆนะ... ฉันก้มลงมองที่มาของเสียงบนตักของบลัด ลูกสุนัข! ขนสีทองอร่าม ใบหูใหญ่ลู่ลงมาตามใบหน้า กระบอกปากกับอุ้งเท้าใหญ่ มองออกได้ทันทีว่ามันคือสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
“มาจากไหนนะแกเนี่ย” น้ำเสียงของบลัดฟังดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เหมือนมันจะพุ่งเข้าใส่เขาเพราะลูกบอลที่อยู่ในมือ พอบอลขยับ มันก็ขยับร่างตามบอลไปทันที ยิ่งพอบลัดชูลูกบอลขึ้นสูง มันก็พยายามจะกระโดดเข้าไปคว้าลูกบอลให้ได้ น่ารักจังเลย!
“หลงมาละมั้ง” เคลนหันมามองเจ้าตัวซนสี่ขาอย่างสนใจพลางเอื้อมมือมาลูบศีรษะมันอย่างเอ็นดู
“น่ารักจังครับ” ลูคัสหันมาให้ความสนใจบ้าง
“อะชิกะ...” บลัดช้อนใต้ขาหน้าทั้งสองข้างของลูกสุนัขตัวน้อยขึ้น เขาขานชื่อที่ถูกเขียนไว้บนปลอกคอออกมา มันใช้เสียงเล็กๆเห่าตอบเขากลับมาราวกับเข้าใจ
“ชื่อเข้ากับตัวแกดีนะ” เขาดูอารมณ์ดีเชียวนะ หรือว่าบลัดเป็นประเภทแพ้สัตว์อย่างนั้นหรอ เคลนส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินชื่อของเจ้าตัวน้อย
“แปลว่าอะไรหรอ” ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจภาษาญี่ปุ่นเท่าไหร่ ถามเขาออกไปตรงๆ ชื่อที่เข้ากับลูกสุนัขตัวอ้วนเนี่ยจะแปลว่าอะไรนะ เขากลับหัวเราะร่วนก่อนจะตอบออกมาว่า
“สิงโตทะเล” ฉันหันไปมองใบหน้าป้อมๆของเจ้าตัวเล็กอีกครั้ง ก่อนจะหลุดขำพรืดออกมา เหมือนจริงๆด้วย เพียงแต่มันไม่ได้มีครีบเหมือนสิงโตทะเลเท่านั้น แต่บนศีรษะของมันกลับดูเตียนโล่งเหมือนสิงโตทะเลที่ไม่มีขนจริงๆ
ฉันเฝ้ามองเขาที่กำลังโยนลูกบอลเล่นกับสุนัขตัวน้อย บลัดคลี่ยิ้มออกมากว้างซะจนฉันอมยิ้มตามไปด้วย ถ้าหากเขาสามารถยิ้มได้แบบนี้ตลอดเวลาละก็ เขาคงเป็นคนที่มีแต่ผู้คนรายล้อมตลอดเวลาแน่ๆ แต่ว่านะ...ฉันกลับรู้สึกว่า มีแค่ฉันคนเดียวที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“อะชิกะ! อะชิกะ!”
“เหมือนจะมีคนมาตามแกแล้วนะ” บลัดหันไปพูดกับเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่ยอมวิ่งไปไหน เอาแต่สนใจลูกบอลที่อยู่ในมือของเขาไม่หยุด จนเจ้าของเสียงที่ขานชื่อลูกสุนัขขนสีทองตัวนี้วิ่งเข้ามาใกล้
“อะ...ชิกะ...เจอซะที...” เธอพูดพร้อมกับหอบหายใจไปด้วย เจ้าหมาน้อยหันไปมองสาวน้อยคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของของมัน แต่ก็แค่หันไปมองเท่านั้น มันกับหันกลับมาสนใจบลัดเหมือนเดิม ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีแรงดึงดูดกับสัตว์นะเนี่ย พอเห็นท่าทีของเจ้าตัวน้อยบลัดก็ส่งเสียงหัวเราะร่าออกมา
“เหมือนจะติดใจพี่บลัดซะแล้ว” ลูคัสหันไปพูดกับมันบ้าง มันหันมาส่งเสียงเล็กๆตอบลุคด้วย
“มีคนมาตามแล้วแหนะ” บลัดพยายามเบนความสนใจของมันไปที่เจ้าของแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลยสักนิด
“ไม่ได้นะ! อะชิกะรบกวนเขาแบบนี้ ไม่ดีนะ!” สาวน้อยคนนั้นนำเชือกมาคล้องปลอกคอของมันไว้และพยายามจะดึงลูกสุนัขของเธอกลับไป แต่มันก็พยายามขืนตัวสู้แรงเธอสุดชีวิต สุดท้ายสาวน้อยคนนั้นก็ยอมแพ้ต่อแรงขัดขืนนั่งลงหายใจแรงอยู่กับพื้นไม่ไกลจากเรานัก
“พักสักหน่อยมั้ยครับ” ฉันหันไปมองหนุ่มข้างตัว บลัดยื่นแก้วกระดาษที่บรรจุชาร้อนไว้ด้านในไปให้เธอดื่มแก้กระหาย เธออึกอักอยู่พักใหญ่แต่สุดท้ายก็รับแก้วกระดาษไปจากมือของเขา
“ขะ...ขอบคุณมากค่ะ”
“กี่ขวบแล้วหรอครับ” เขาหันไปถามเธอพลางอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา
“สี่เดือนแล้วค่ะ” เขาหัวเราะออกมาเบาๆให้กับคำตอบนั้น
“กำลังซนเลยสิท่า” บลัดวางเจ้าตัวเล็กลง พลางเกาท้องของมันอย่างมันเขี้ยว เธอหัวเราะตอบเขากลับมา พลางจ้องมองบลัดกับลูกสุนัขของเธอสลับกันไปมา
“กลับบ้านได้แล้ว” บลัดยังก้มลงไปพูดกับอะชิกะที่ยังไม่ยอมออกห่างจากข้างตัวเขาสักที จนเขาต้องอุ้มมันขึ้นแล้วส่งให้สาวน้อยเจ้าของมันนั่นละ มันถึงยอมหมอบอยู่ในอ้อมแขนเจ้าของแต่โดยดี
“นายเป็นพวกแพ้สัตว์สี่ขาหรอเนี่ย” ฉันอดที่จะแซวเขาออกไปไม่ได้เมื่ออะชิกะเดินออกไปไกลแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็ค่อยๆหุบลง
“พี่บลัดแพ้สัตว์ทุกประเภทละ” เคลนเป็นคนตอบคำถามฉัน เขายังส่งสายตายียวนไปให้พี่ชายด้วย
“แต่ถ้าหลายขา หรือไม่มีขา ฉันรักไม่ลง”
เขาไม่ชอบสัตว์เลื้อยคลานสินะ
 
            พวกเราทั้งสี่คนนั่งชมพระอาทิตย์ยามเย็นอยู่ริมแม่น้ำสายใหญ่ ระหว่างที่คุยกันไปเรื่อยเปื่อยพวกเราก็หยิบอาหารที่ทำมาทานไปเรื่อยจนไม่เหลือหลอ
ฉันเฝ้ามองใบหน้าด้านข้างของเขาที่โดนแสงอาทิตย์ตกกระทบจนนัยน์ตาสีแดงทอแสงเป็นประกาย ฉันเผลอยิ้มออกมากับภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว จนสายตาไปกระทบเข้ากับเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนไหล่ของเขา
ฉันเอื้อมมือออกไปหวังจะปัดเศษใบไม้นั้นออกแต่พอมือของฉันแตะลงที่ไหล่ของเขาใกล้บริเวณต้นคอ ฉันกลับต้องสะดุ้งสุดตัวกับความเจ็บแปล๊บที่ไล่ลงมาจากฝ่ามือ
บลัดปัดมือของฉันออกด้วยฝ่ามือของเขาเต็มแรง จนมือของฉันเจ็บจี๊ดไม่หาย ฉันรู้สึกหัวเสียในการกระทำของเขา หวังจะเงยหน้าขึ้นแล้วว่าเขาออกไปสักคำ
“...” แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาเข้ากับนัยน์ตาสีแดงคู่นั้น กลับกลายเป็นฉันที่พูดอะไรไม่ออก ใบหน้าของบลัดซีดลงจนเห็นได้ชัด แววตาสะท้อนแววผวาออกมาอย่างไม่ปิดบัง อาจจะตกใจที่ฉันไปสัมผัสเขาเข้าโดยไม่ได้ตั้งตัว แต่ว่า...ถ้าแค่ตกใจทำไมถึงเห็นความหวาดกลัวฉายออกมาจากแววตาคู่นั้นกันนะ
“บลัด...” ฉันเรียกเขาเบาๆ เมื่อเขาจ้องฉันด้วยสายตาผวาไม่หาย เขาหอบหายใจแรงก่อนจะกระพริบตาหลายครั้ง
“ขอโทษนะ แค่...ตกใจนิดหน่อย” เขารีบเบือนหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง เมื่อฉันกำลังจะเอื้อมมือไปสัมผัสเขาอีกครั้ง เคลนก็เอ่ยปากออกมาซะก่อน
“กลับกันดีมั้ย เย็นมากแล้ว”
“อะ...อื้ม” ฉันตอบรับเขาออกมาอย่างเสียไม่ได้ พอได้ยินดังนั้นบลัดก็รีบลุกขึ้นกุลีกุจอเก็บข้าวของทั้งหมดลงตะกร้า
พวกเราทั้งหมดเดินกลับมาตามทางเดินอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศรอบตัวบลัดดูห่างไกล ไกลจนไม่สามารถที่จะเข้าไปคุยกับเขา ได้แต่เหลือบสายตามองแผ่นหลังกว้างเท่านั้น
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ลอเรนจัง” เคลนเดินเข้ามาปลอบใจฉันเบาๆ
“พี่บลัดไม่ได้โกรธหรอก แค่ตกใจนิดหน่อยนั่นละ”
“ฉันไม่ควรแตะเขาหรอเคลน” ฉันอดที่จะตัดพ้อออกไปไม่ได้ ทั้งๆที่คิดว่าใกล้ชิดกับเขาได้แล้ว หอมแก้มเขาจนเป็นเรื่องปกติแล้ว ทำไมเขาถึงได้ดูหวาดผวาแบบนั้นนะ
เคลนอึกอักกับคำถามของฉันไปพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะตอบกลับมาว่า
“สักวัน...” ฉันจ้องมองเคลนรอคอยคำตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“สักวันจะเล่าให้ฟังนะ” เคลนส่งรอยยิ้มเจื่อนๆกลับมา มันยิ่งทำให้ฉันค้างคาใจมากขึ้นกว่าเดิม
“ตอนนี้ บอกได้แค่ว่า อย่าโกรธพี่บลัดเลยนะ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจ” ฉันนิ่งเงียบ ฟังคำพูดของเคลนไปพลางก้าวเดินไปพลาง สายตาของฉันเหลือบมองแผ่นหลังตรงหน้าอีกครั้ง
ฉันทำอะไรผิดไปหรอ บลัด...
 

 
เนื่องจากพื้นหลังเรื่องนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นครับ เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆไว้สำหรับให้ผู้อ่านทุกคนสามารถทำความเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นครับ ส่วนใหญ่เกร็ดความรู้จะเขียนมาจากประสบการณ์ตรงของไรเตอร์เอง อาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ของประเทศนะครับ
- แคชบอล = เป็นการรับส่งลูกซอฟท์บอลธรรมดานี่แหละครับ ปกติการเล่นแคซบอลจะเล่นกันก่อนมีการแข่งขันซอฟท์บอล ถือเป็นการซ้อมอย่างหนึ่ง
แว๊บมาลงแล้วครับ > <
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมนะครับ เจอกันอาทิตย์หน้าคั๊บ
Raf Rafael
(58/09/01)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา