Rainbow University(1)สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ
8.8
เขียนโดย Greek
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.52 น.
16 ตอน
3 วิจารณ์
17.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 01.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) คนพาล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เจ็บทั้งมือแล้วก็ปวดที่แขนเป็นรอยบีบจ้ำใหญ่จนน่าเกลียด เป็นเพราะยัยแตงโมเน่าคนเดียวเลย แต่มันก็ไม่ได้สาหัสมากถึงกับต้องไปห้องพยาบาลหรอกนะ
“เฮ้ย!!! ไอ้ณิ ไปทำบ้าอะไรมา หูว เป็นรอยมือบีบนี่หน่า ใครทำวะ อะ...เอ้อ” อัญชันดูเดือดเป็นฟืนเป็นไฟตอนที่เห็นรอยที่แขนของฉันตอนนั่งกินข้าวกัน แต่พอมันมองต่ำไปที่มือของฉัน ใบหน้าของอัญชันก็ดูผ่อนคลายลงทันที มันรู้ว่าฉันทำอะไรไป
“คนที่แกล้งทำแกเสียงานใช่ปะ” ฉันพยักหน้าแล้วก็กินข้าวต่อไป
“ฉันพึ่งประกาศสงครามไป”
“สงครามเรื่องอะไรวะ” จะพูดออกไปดีไหมนร้า แต่อัญชันเป็นคนที่ฉันสนิทที่สุดแล้ว ถ้าบอกมันจะต้องช่วยฉันแน่ๆ
“แกรู้จักยัยแตงโมคณะฉันปะ”
“อ้อ คนที่หน้าตาสวยๆน่ารัก ดูนางเอ๊กนางเอกใช่เปล่าวะ” รู้ลึกรู้จริง
“ยัยนี่แหล่ะที่แกล้งฉันเสียการเสียงาน ยังไม่พอยังแย่งงานฉันไปแบบใสๆ แถมยังมาถามฉันแบบตอกย้ำ ต้องการอะไรวะ” อัญชันอ้าปากเหวอฟังฉันร่ายยาวกับความร้ายกาจของยัยแตงโม
“ไม่น่าเชื่อเนอะ เห็นใสๆ แต่ไม่ใสจริงนี่หว่า แล้วเมื่อกี้อะไรสงคราม งง” กะจะแถไปที่อื่นแล้วนะ ยังไม่ลืมเนอะ
“ก็ยัยเนี่ยมันจีบคนที่ฉันชอบอยู่” ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา เหมือนรู้ทันว่าเป็นใคร
“พี่เฉิงใช่ไหมละ ฮั่นแหน่...จีบเลยจีบเลย” มันรู้ได้ไงวะ โอ๊ยอย่าแซว หายใจไม่ทั่วท้องแล้วเนี่ย
“หน้าแดงเลยอ่า เขินเหรอ” ฉันรีบเอามือกุมแก้มแล้วรู้ว่ามันร้อนมาก หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายเข้าไว้
“แต่...แต่เค้าเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างฉันเป็นผู้หญิงนะ จะจีบไปได้ยังไงล่ะ” เป็นผู้หญิงต้องเหนียมอาย มีความเป็นกุลสตรี สุภาพเรียบร้อย จะทันไหมเนี่ยฉันตอนนี้
“ถ้าไม่จีบ งั้นแกก็ต้องอ่อย แต่ต้องอ่อยเนียนๆนะ ไม่งั้นจะดูแรดทันที” แค่บอกว่าอ่อยผู้ชายก็แรดไปครึ่งหนึ่งแล้วไม่ทันแล้วล่ะอัญชันเอ้ย
หลังเลิกเรียนคาบบ่าย ฉันเดินไปที่ห้องปฏิบัติการนาฏศิลป์ เพื่อเอาชุดที่ฉันหยิบติดมือไปวันนั้นมาคืนอาจารย์ ใจเสียเหมือนกันนะ ซ้อมมาเป็นเดือน สุดท้ายก็ไม่ได้โชว์ให้ใครดูเลย เพราะแค่ชุดเนี่ยนะ ช่างมันเหอะ ปลงละ
“เธอเคลียร์ทุกอย่างแล้วใช่ไหม สุพรรณิการ์” อาจารย์กุนเชียง ถามเหมือนเสียดายฉัน เฮ้ยเดี๋ยว ทำไมอาจารย์ต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะ ฉันแค่ไม่ได้แสดง ไม่ใช่ลาออกซะหน่อย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะ งานหน้าหนูไม่พลาดแน่นอน” ฉันยิ้มเพื่อแสดงว่าฉันโอเครดี ไม่ได้เศร้าอะไร แต่ เอ๊ะ ยัยแตงโมไม่ได้มาฟ้องเหรอวะ ว่าฉันต่อยหน้ามันน่ะ ช่วยไม่ได้อะนะ อยากมาทำแขนฉันเป็นรอยทำไม
ฉันเดินออกมาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกโล่งใจแปลกๆ หมดเรื่องซะที กลับบ้านดีกว่า เฮ้ย!!!! มาได้ไงวะ
“คุณ!!! โผล่มาเงียบๆ ตกใจหมด” ฉันหันไปกำลังตั้งท่าจะเดินแต่ก็จะเอ๋กับอีตาพี่จื่อเฉิง ซะก่อน มาแบบดีๆเป็นไหม เจอทีไรใจไม่ดีทุกครั้ง
เค้าดึงแขนฉันเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็พยายามดึงแบบเบาเพื่อไม่ให้ฉันเจ็บ ค่อยๆหมุนสำรวจแขนทั้งสองจากนั้นก็ปล่อยแขนข้างที่ไม่เป็นรอยออก โถ พ่อคุณ ฉันยังไม่ตายสักหน่อย กะอีแค่นี้เอง
“คุณเจ็บมากไหมครับ” ฉันส่ายหัว แต่ถ้าจะให้บอกว่าเจ็บไหม ขอบอกว่ามากกกกกเลย ปวดด้วย
“ผมไม่เชื่อหรอก” อ้าวแล้วถามทำไมอะ
เค้าพาฉันเดินไปนั่งที่ม้านั่งที่ติดกับระเบียงตึก แล้วควักกระเป๋าหยิบยานวดสำหรับนักกีฬาออกมา จากนั้นก็บรรจงทาที่แขนของฉันอย่างเบามือ เค้าทำแบบนี้กับฉันทำไมอ่า ทำให้ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหว่ะ หายใจไม่ค่อยทั่วท้อง เฮ้ย หยุดนะ มันใช่เวลาไหม
“โอ๊ย..โอ๊ย” แรงไปละพ่อคุณ แขนคนนะ ไม่ใช่ท่อนไม้ ทาเอาๆเชียว
“ขอโทษครับ” เค้าขอโทษตามมารยาท แต่ก็ยังไม่ผ่อนแรงที่มือ ฉันเงยหน้าละสายตาจากแขนไปที่หน้าของเค้า คุณพระคุณเจ้า ใครประทานผู้ชายหล่อๆคนนี้มาทำดีกับฉันเนี่ย ความจริงแล้ว เค้าไม่ต้องมาทำแบบนี้กับฉันแล้วก็ได้ เพราะเราสองคนไม่ใช่คู่แสดงเหมือนเมื่อก่อน แล้วทำไม...
“นี่คุณรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” หวังว่าเค้าจะรู้นะ เรื่องที่ฉันคิดเมื่อกี้
“ผมเห็นคุณเดินเอาชุดมาคืนอาจารย์...” รู้แล้วสินะ
ฉันชักแขนกลับ รู้สึกเหมือนน้ำตามันจะไหล จึงรีบลุกขึ้นแล้วหันหลังเตรียมจะเดินหนี ทำไมนะ ทั้งๆที่ฉันกลั้นมาได้ตลอด แต่ทำไม เวลาอยู่ต่อหน้าจื่อเฉิงฉันถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้ เข้มแข็งสิ! ณิการ์!
มือของฉันถูดฉุดเอาไว้ไม่ให้ไป แรงฉุดดึงให้ฉันเซไปตามแรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจื่อเฉิง พร้อมกับสบตา
“ผมไม่ชอบเลยที่คุณโดนทำร้ายแบบนี้” เค้ากุมมือฉันขึ้นมา สัมผัสมันเบาๆ ความอบอุ่นค่อยๆไหลแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของฉัน ทั้งคำพูดและการกระทำ มันทำให้ฉันหวั่นไหวอย่างแรง
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันต่างหากที่ทำร้ายคนอื่น” จื่อเฉิงมองหน้าฉันเหมือนจะรู้ แต่ที่ฉันอยากรู้จริงๆก็คือ เค้ากำลังคิดอะไร
"อ่ามาบ่นคิดถึงคุณน่ะ” เปลี่ยนเรื่องจนได้ ตามน้ำก็ได้ย่ะ
“บอกอาม่าว่าเดี๋ยวเสาร์นี้ไปหา เพราะฉันเองก็คิดถึงอาม่าเหมือนกัน” ฉันมองไปที่มือที่เค้ายังกุมไว้อยู่เป็นเชิงว่าปล่อยได้แล้ว แล้วเค้าก็ปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ
“อ้อ ตอนกลางวันผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ปี 2 คณะเดียวกับคุณน้องด้วย โดนอะไรไม่รู้กระแทกที่หน้า น่าสงสารมากเลย เธอร้องไห้ด้วย”
“ละ...เหรอ...แล้ว...เธอเป็นยังไงล่ะ เอ้ย...แล้วยังไงต่อ” แสดงว่าเค้าไม่รู้ว่ายัยคนที่เค้ากำลังพูดถึงคือคนที่ทำแขนฉันเป็นรอย ถ้าอย่างงั้นเค้าก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นคนทำ นายคู่เกย์นั่นไม่ได้บอกอะไรหรอกหรอเนี่ย
“ผมก็ช่วยพาเธอไปส่งห้องพยาบาล เธอบอกว่าสะดุดล้มแล้วหน้ากระแทกกับหิน”
“คนอะไรจะเซ่อซ่าขนาดนั้น”
“อะไรนะ” เฮ้ย ลืมไปนึกว่าอยู่คนเดียว
“ซุ่มซ่ามน่ะ”
“เอ้อ...แต่เธอน่าสงสารมากเลยนะ เนี่ยเดี๋ยวผมจะไปส่งเธอที่บ้านด้วย เพราะเธอบอกว่าไม่กล้านั่งรถกลับบ้านคนเดียวกลัวคนมอง” นี่มันอ่อยกันชัดๆ แหมยัยแตงโม ได้ทีแล้วเอาใหญ่ ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอกน่ะ
“คุณเอารถมาเหรอวันนี้” เค้าพยักหน้า ทำไมวันนี้ถึงเอารถมา ทุกทีไม่เห็นจะขับมาเรียน
“โชคดีนะ” ทำได้แค่เดินออกมา “เธอน่าสงสารมากๆเลย” อยากจะกลับไปต่อยหน้ายัยแตงโมให้หนักกว่าเดิมอีก เค้าจะไปส่งใครก็ช่างเค้าสิ ไม่เห็นเคยไปส่งฉันที่บ้านบ้างเลย หุย หมั่นไส้ เชอะ กลับเองก็ได้ ไม่เห็นจะง้อเลย ตอนแรกที่บอกว่าจะไม่ปล่อยให้หลุดมือ ตอนนี้ช่างปะไร วันเดียวไม่ทำให้ยัยนั่นกับหมอนี่เป็นแฟนกันหรอก
ซ่า...ซ่า....
อ้าว แม่คุณ อยู่ดีๆฝนก็ตกลงมาซะงั้น กำลังเดินทำเอ็มวีเลย วิ่งหลบฝนแทบไม่ทัน ฉันวิ่งไปแถวๆบอร์ดประชาสัมพันธ์ที่มันมีหลังคายื่นออกมาหน่อยๆ ร่มก็ลืมพกมา เปียกอย่างเดียวคร้างานนี้ ตัวฉันน่ะไม่ห่วงหรอก ห่วงแต่หนังสือ กับของใช้ต่างๆในกระเป๋า ดูท่าคงต้องอยตรงนี้จนกว่าฝนจะหยุดตก กว่าจะถึงตอนนั้น รถที่ผ่านหน้ามหาลัยก็คงหมดรอบไปแล้ว
หนาวจัง ตัวฉันสั่นไปหมดแล้ว ปากสั่น ฟันกระทบกันดังแกร๊กๆ ฉันจะต้องหนาวตายอยู่ตรงนี้ใช่ไหม ไม่เอาน้า...
บรึ้นๆ เอี๊ยด มีรถเก๋งสีขาวราคาแพงคันหนึ่งมาจอดใกล้ๆกับที่ฉันยืน ไม่ขี่เข้ามาชนฉันเลยล่ะ ถ้าจะขนาดนี้นะ(ช่วงนี้คุณผู้อ่านคงจะรำคาญนางเอกมากบ่นตลอด ก็รู้กันอยู่เนอะว่านางเอกของเราเป็นพวกชอบพาล 555)
“ขึ้นรถเร็วคุณ!!!” ใครมันมาตะโกนแถวนี้วะ อ้าวอีตาจื่อเฉิงขับรถคันนี้หรอกเรอะ หาเรื่องโดนด่านะ
“ไม่!!! ฉันจะกลับเอง!!!” ที่แท้ก็มาง้อนี่เอง เชอะ ขอเล่นตัวหน่อยเหอะ ที่เล่นตัวไม่ใช่อะไร เพราะฉันเห็นยัยแตงโมนั่นหน้าสะหลอนอยู่นั่น เห็นแล้วหมั่นไส้ (เดี๋ยวๆ เค้าไปทำอะไรให้ ถึงต้องง้อวะ คนแต่งยังงงเลย)
“อยากหนาวตายเหรอ!! ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะ!!” ที่ตะโกนกันไม่ใช่อะไร ก็ฝนมันตกหนักแล้วเสียงดังมาก
“อย่ามาออกคำสั่งกับฉันนะ!!! อีตาบ้า!!!” แล้วฉันจะหงุดหงิดทำไมเนี่ย เค้าหวังดีนะโว้ย เกิดเค้าบอกว่าแล้วแต่และก็ขับรถออกไปกับยัยแตงโมอย่างมีความสุขล่ะ ฉันไม่ยอมโว้ย
“ก็แล้ว...” อย่านะอย่าพูด
“ฉันไปก็ได้!! คุณมีร่มไหม!! เดี๋ยวรถคุณจะเปียก!!!” เริ่มเจ็บคอแล้วนะ
“วิ่งมาเลยไม่เป็นไร!!”
ฉันวิ่งไปขึ้นรถอย่างไม่รีรอ เปียกหมดเลย สภาพฉันคงเหมือนลูกหมาตกน้ำ จื่อเฉิงส่งผ้าห่มให้ฉันแก้หนาว เค้ายิ้มนิดๆก่อนจะหันไปขับรถ ยิ้มบ้าอะไร ฉันเห็นตรงกระจกนะ
“ยิ้มอะไร มีหน้าที่ขับรถก็ขับรถไป” หงุดหงิดโว้ยนั่งเบาะหลังอีกต่างหาก เพราะเบาะหน้ายัยแตงโมจองเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ยัยนั่นหน้าซีดนิดๆเมื่อเห็นฉันขึ้นรถมา
“คร๊าบ คุณนาย” เอ๊ะ! อีตานี่ ฉันยังไม่แต่งงานสักหน่อย จะมาเรียกคุณนายได้ยังไงกัน
เมื่อบรรยากาศในรถเริ่มอุ่นขึ้น และ...เงียบมาก เฮ้ย!! นี่มันทางไปบ้านของฉันนี่ เค้าจะไปส่งฉันก่อนยัยแตงโมงั้นเหรอ ไม่ยอมนะ
“เฮ้ย! นี่คุณ ใครบอกว่าฉันจะกลับบ้าน” ได้ผล เค้าจอดรถข้างทางทันที แล้วหันมาหาฉันอย่างกวนโอ๊ย
“แล้วทำไมไม่กลับบ้าน จะไปหาใครที่ไหนก่อนงั้นเหรอ”
“วันนี้ฉันตั้งใจจะไปซื้อของที่ร้านค้าก่อนกลับบ้าน ไม่ได้จะไปหาใคร” ฉันมองเค้าตอบ แล้วเค้าจะมาเรื่องฉันทำไมกัน
“นี่ ณิการ์ พี่เฉิงเค้ามีธุระต้องไปนะ จะมาตามใจเธอไม่ได้หรอก” ใครให้บัตรพูดยัยนี่เนี่ย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“ไอ้ธุระที่ว่านี่ คือการไปส่งเธอใช่ไหมจ๊ะแตงโม” เรื่องของฉันกับอีตานี่จบแล้ว หันมาเข้าประเด็นเรื่องสาวๆดีกว่า
“ทำไมเธอพูดเหมือนกับว่า ฉันรบกวนพี่เฉิง...”
“เปล่าเลย ผมอาสาจะมาส่งน้องแตงโมเองต่างหาก” ออกตัวปกป้องกันจัง อยากจะบ้าตาย
“งั้นก็แล้วแต่เหอะ ฉันไปเองก็ได้” แถวที่รถจอดฝนตกไม่ค่อยมาก ฉันจึงเปิดประตูรถแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หนาวเป็นบ้า แต่ก็ต้องอดทน แต่ฉันจะไม่ทนอยู่ในรถกับสองคนนั่นเด็ดขาด
ฉันได้ยินเสียงเปิดประตูรถแล้วเสียงวิ่งตามมา จากนั้นก็มีแรงดึงที่แขนข้างที่เจ็บ จนฉันต้องนิ่วหน้ากับความเจ็บ คนที่ทำก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“อย่างอแงได้ไหม เดี๋ยวผมไปส่งน้องแตงโมก่อน แล้วเราก็ไปซื้อของกัน” ง้อ...เอาใจ...เพื่อ?
“คุณไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องมาเอาใจฉันเลย...เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” จื่อเฉิงปล่อยมือจากฉันทันทีสีหน้าของเค้าแย่มากหลังจากที่ได้ยินคำที่ฉันพูด มันคือความจริง เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วเค้าจะมาเอาใจฉันทำไม คู่แสดงก็ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว แต่...ทำไมฉันถึงรู้สึกแย่เหมือนกับเค้าจัง
ตอนหน้าเสนอเป็นตอนจบนะคะผู้อ่านที่รัก
“เฮ้ย!!! ไอ้ณิ ไปทำบ้าอะไรมา หูว เป็นรอยมือบีบนี่หน่า ใครทำวะ อะ...เอ้อ” อัญชันดูเดือดเป็นฟืนเป็นไฟตอนที่เห็นรอยที่แขนของฉันตอนนั่งกินข้าวกัน แต่พอมันมองต่ำไปที่มือของฉัน ใบหน้าของอัญชันก็ดูผ่อนคลายลงทันที มันรู้ว่าฉันทำอะไรไป
“คนที่แกล้งทำแกเสียงานใช่ปะ” ฉันพยักหน้าแล้วก็กินข้าวต่อไป
“ฉันพึ่งประกาศสงครามไป”
“สงครามเรื่องอะไรวะ” จะพูดออกไปดีไหมนร้า แต่อัญชันเป็นคนที่ฉันสนิทที่สุดแล้ว ถ้าบอกมันจะต้องช่วยฉันแน่ๆ
“แกรู้จักยัยแตงโมคณะฉันปะ”
“อ้อ คนที่หน้าตาสวยๆน่ารัก ดูนางเอ๊กนางเอกใช่เปล่าวะ” รู้ลึกรู้จริง
“ยัยนี่แหล่ะที่แกล้งฉันเสียการเสียงาน ยังไม่พอยังแย่งงานฉันไปแบบใสๆ แถมยังมาถามฉันแบบตอกย้ำ ต้องการอะไรวะ” อัญชันอ้าปากเหวอฟังฉันร่ายยาวกับความร้ายกาจของยัยแตงโม
“ไม่น่าเชื่อเนอะ เห็นใสๆ แต่ไม่ใสจริงนี่หว่า แล้วเมื่อกี้อะไรสงคราม งง” กะจะแถไปที่อื่นแล้วนะ ยังไม่ลืมเนอะ
“ก็ยัยเนี่ยมันจีบคนที่ฉันชอบอยู่” ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา เหมือนรู้ทันว่าเป็นใคร
“พี่เฉิงใช่ไหมละ ฮั่นแหน่...จีบเลยจีบเลย” มันรู้ได้ไงวะ โอ๊ยอย่าแซว หายใจไม่ทั่วท้องแล้วเนี่ย
“หน้าแดงเลยอ่า เขินเหรอ” ฉันรีบเอามือกุมแก้มแล้วรู้ว่ามันร้อนมาก หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายเข้าไว้
“แต่...แต่เค้าเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างฉันเป็นผู้หญิงนะ จะจีบไปได้ยังไงล่ะ” เป็นผู้หญิงต้องเหนียมอาย มีความเป็นกุลสตรี สุภาพเรียบร้อย จะทันไหมเนี่ยฉันตอนนี้
“ถ้าไม่จีบ งั้นแกก็ต้องอ่อย แต่ต้องอ่อยเนียนๆนะ ไม่งั้นจะดูแรดทันที” แค่บอกว่าอ่อยผู้ชายก็แรดไปครึ่งหนึ่งแล้วไม่ทันแล้วล่ะอัญชันเอ้ย
หลังเลิกเรียนคาบบ่าย ฉันเดินไปที่ห้องปฏิบัติการนาฏศิลป์ เพื่อเอาชุดที่ฉันหยิบติดมือไปวันนั้นมาคืนอาจารย์ ใจเสียเหมือนกันนะ ซ้อมมาเป็นเดือน สุดท้ายก็ไม่ได้โชว์ให้ใครดูเลย เพราะแค่ชุดเนี่ยนะ ช่างมันเหอะ ปลงละ
“เธอเคลียร์ทุกอย่างแล้วใช่ไหม สุพรรณิการ์” อาจารย์กุนเชียง ถามเหมือนเสียดายฉัน เฮ้ยเดี๋ยว ทำไมอาจารย์ต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะ ฉันแค่ไม่ได้แสดง ไม่ใช่ลาออกซะหน่อย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะ งานหน้าหนูไม่พลาดแน่นอน” ฉันยิ้มเพื่อแสดงว่าฉันโอเครดี ไม่ได้เศร้าอะไร แต่ เอ๊ะ ยัยแตงโมไม่ได้มาฟ้องเหรอวะ ว่าฉันต่อยหน้ามันน่ะ ช่วยไม่ได้อะนะ อยากมาทำแขนฉันเป็นรอยทำไม
ฉันเดินออกมาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกโล่งใจแปลกๆ หมดเรื่องซะที กลับบ้านดีกว่า เฮ้ย!!!! มาได้ไงวะ
“คุณ!!! โผล่มาเงียบๆ ตกใจหมด” ฉันหันไปกำลังตั้งท่าจะเดินแต่ก็จะเอ๋กับอีตาพี่จื่อเฉิง ซะก่อน มาแบบดีๆเป็นไหม เจอทีไรใจไม่ดีทุกครั้ง
เค้าดึงแขนฉันเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็พยายามดึงแบบเบาเพื่อไม่ให้ฉันเจ็บ ค่อยๆหมุนสำรวจแขนทั้งสองจากนั้นก็ปล่อยแขนข้างที่ไม่เป็นรอยออก โถ พ่อคุณ ฉันยังไม่ตายสักหน่อย กะอีแค่นี้เอง
“คุณเจ็บมากไหมครับ” ฉันส่ายหัว แต่ถ้าจะให้บอกว่าเจ็บไหม ขอบอกว่ามากกกกกเลย ปวดด้วย
“ผมไม่เชื่อหรอก” อ้าวแล้วถามทำไมอะ
เค้าพาฉันเดินไปนั่งที่ม้านั่งที่ติดกับระเบียงตึก แล้วควักกระเป๋าหยิบยานวดสำหรับนักกีฬาออกมา จากนั้นก็บรรจงทาที่แขนของฉันอย่างเบามือ เค้าทำแบบนี้กับฉันทำไมอ่า ทำให้ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหว่ะ หายใจไม่ค่อยทั่วท้อง เฮ้ย หยุดนะ มันใช่เวลาไหม
“โอ๊ย..โอ๊ย” แรงไปละพ่อคุณ แขนคนนะ ไม่ใช่ท่อนไม้ ทาเอาๆเชียว
“ขอโทษครับ” เค้าขอโทษตามมารยาท แต่ก็ยังไม่ผ่อนแรงที่มือ ฉันเงยหน้าละสายตาจากแขนไปที่หน้าของเค้า คุณพระคุณเจ้า ใครประทานผู้ชายหล่อๆคนนี้มาทำดีกับฉันเนี่ย ความจริงแล้ว เค้าไม่ต้องมาทำแบบนี้กับฉันแล้วก็ได้ เพราะเราสองคนไม่ใช่คู่แสดงเหมือนเมื่อก่อน แล้วทำไม...
“นี่คุณรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” หวังว่าเค้าจะรู้นะ เรื่องที่ฉันคิดเมื่อกี้
“ผมเห็นคุณเดินเอาชุดมาคืนอาจารย์...” รู้แล้วสินะ
ฉันชักแขนกลับ รู้สึกเหมือนน้ำตามันจะไหล จึงรีบลุกขึ้นแล้วหันหลังเตรียมจะเดินหนี ทำไมนะ ทั้งๆที่ฉันกลั้นมาได้ตลอด แต่ทำไม เวลาอยู่ต่อหน้าจื่อเฉิงฉันถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้ เข้มแข็งสิ! ณิการ์!
มือของฉันถูดฉุดเอาไว้ไม่ให้ไป แรงฉุดดึงให้ฉันเซไปตามแรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจื่อเฉิง พร้อมกับสบตา
“ผมไม่ชอบเลยที่คุณโดนทำร้ายแบบนี้” เค้ากุมมือฉันขึ้นมา สัมผัสมันเบาๆ ความอบอุ่นค่อยๆไหลแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของฉัน ทั้งคำพูดและการกระทำ มันทำให้ฉันหวั่นไหวอย่างแรง
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันต่างหากที่ทำร้ายคนอื่น” จื่อเฉิงมองหน้าฉันเหมือนจะรู้ แต่ที่ฉันอยากรู้จริงๆก็คือ เค้ากำลังคิดอะไร
"อ่ามาบ่นคิดถึงคุณน่ะ” เปลี่ยนเรื่องจนได้ ตามน้ำก็ได้ย่ะ
“บอกอาม่าว่าเดี๋ยวเสาร์นี้ไปหา เพราะฉันเองก็คิดถึงอาม่าเหมือนกัน” ฉันมองไปที่มือที่เค้ายังกุมไว้อยู่เป็นเชิงว่าปล่อยได้แล้ว แล้วเค้าก็ปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ
“อ้อ ตอนกลางวันผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ปี 2 คณะเดียวกับคุณน้องด้วย โดนอะไรไม่รู้กระแทกที่หน้า น่าสงสารมากเลย เธอร้องไห้ด้วย”
“ละ...เหรอ...แล้ว...เธอเป็นยังไงล่ะ เอ้ย...แล้วยังไงต่อ” แสดงว่าเค้าไม่รู้ว่ายัยคนที่เค้ากำลังพูดถึงคือคนที่ทำแขนฉันเป็นรอย ถ้าอย่างงั้นเค้าก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นคนทำ นายคู่เกย์นั่นไม่ได้บอกอะไรหรอกหรอเนี่ย
“ผมก็ช่วยพาเธอไปส่งห้องพยาบาล เธอบอกว่าสะดุดล้มแล้วหน้ากระแทกกับหิน”
“คนอะไรจะเซ่อซ่าขนาดนั้น”
“อะไรนะ” เฮ้ย ลืมไปนึกว่าอยู่คนเดียว
“ซุ่มซ่ามน่ะ”
“เอ้อ...แต่เธอน่าสงสารมากเลยนะ เนี่ยเดี๋ยวผมจะไปส่งเธอที่บ้านด้วย เพราะเธอบอกว่าไม่กล้านั่งรถกลับบ้านคนเดียวกลัวคนมอง” นี่มันอ่อยกันชัดๆ แหมยัยแตงโม ได้ทีแล้วเอาใหญ่ ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอกน่ะ
“คุณเอารถมาเหรอวันนี้” เค้าพยักหน้า ทำไมวันนี้ถึงเอารถมา ทุกทีไม่เห็นจะขับมาเรียน
“โชคดีนะ” ทำได้แค่เดินออกมา “เธอน่าสงสารมากๆเลย” อยากจะกลับไปต่อยหน้ายัยแตงโมให้หนักกว่าเดิมอีก เค้าจะไปส่งใครก็ช่างเค้าสิ ไม่เห็นเคยไปส่งฉันที่บ้านบ้างเลย หุย หมั่นไส้ เชอะ กลับเองก็ได้ ไม่เห็นจะง้อเลย ตอนแรกที่บอกว่าจะไม่ปล่อยให้หลุดมือ ตอนนี้ช่างปะไร วันเดียวไม่ทำให้ยัยนั่นกับหมอนี่เป็นแฟนกันหรอก
ซ่า...ซ่า....
อ้าว แม่คุณ อยู่ดีๆฝนก็ตกลงมาซะงั้น กำลังเดินทำเอ็มวีเลย วิ่งหลบฝนแทบไม่ทัน ฉันวิ่งไปแถวๆบอร์ดประชาสัมพันธ์ที่มันมีหลังคายื่นออกมาหน่อยๆ ร่มก็ลืมพกมา เปียกอย่างเดียวคร้างานนี้ ตัวฉันน่ะไม่ห่วงหรอก ห่วงแต่หนังสือ กับของใช้ต่างๆในกระเป๋า ดูท่าคงต้องอยตรงนี้จนกว่าฝนจะหยุดตก กว่าจะถึงตอนนั้น รถที่ผ่านหน้ามหาลัยก็คงหมดรอบไปแล้ว
หนาวจัง ตัวฉันสั่นไปหมดแล้ว ปากสั่น ฟันกระทบกันดังแกร๊กๆ ฉันจะต้องหนาวตายอยู่ตรงนี้ใช่ไหม ไม่เอาน้า...
บรึ้นๆ เอี๊ยด มีรถเก๋งสีขาวราคาแพงคันหนึ่งมาจอดใกล้ๆกับที่ฉันยืน ไม่ขี่เข้ามาชนฉันเลยล่ะ ถ้าจะขนาดนี้นะ(ช่วงนี้คุณผู้อ่านคงจะรำคาญนางเอกมากบ่นตลอด ก็รู้กันอยู่เนอะว่านางเอกของเราเป็นพวกชอบพาล 555)
“ขึ้นรถเร็วคุณ!!!” ใครมันมาตะโกนแถวนี้วะ อ้าวอีตาจื่อเฉิงขับรถคันนี้หรอกเรอะ หาเรื่องโดนด่านะ
“ไม่!!! ฉันจะกลับเอง!!!” ที่แท้ก็มาง้อนี่เอง เชอะ ขอเล่นตัวหน่อยเหอะ ที่เล่นตัวไม่ใช่อะไร เพราะฉันเห็นยัยแตงโมนั่นหน้าสะหลอนอยู่นั่น เห็นแล้วหมั่นไส้ (เดี๋ยวๆ เค้าไปทำอะไรให้ ถึงต้องง้อวะ คนแต่งยังงงเลย)
“อยากหนาวตายเหรอ!! ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะ!!” ที่ตะโกนกันไม่ใช่อะไร ก็ฝนมันตกหนักแล้วเสียงดังมาก
“อย่ามาออกคำสั่งกับฉันนะ!!! อีตาบ้า!!!” แล้วฉันจะหงุดหงิดทำไมเนี่ย เค้าหวังดีนะโว้ย เกิดเค้าบอกว่าแล้วแต่และก็ขับรถออกไปกับยัยแตงโมอย่างมีความสุขล่ะ ฉันไม่ยอมโว้ย
“ก็แล้ว...” อย่านะอย่าพูด
“ฉันไปก็ได้!! คุณมีร่มไหม!! เดี๋ยวรถคุณจะเปียก!!!” เริ่มเจ็บคอแล้วนะ
“วิ่งมาเลยไม่เป็นไร!!”
ฉันวิ่งไปขึ้นรถอย่างไม่รีรอ เปียกหมดเลย สภาพฉันคงเหมือนลูกหมาตกน้ำ จื่อเฉิงส่งผ้าห่มให้ฉันแก้หนาว เค้ายิ้มนิดๆก่อนจะหันไปขับรถ ยิ้มบ้าอะไร ฉันเห็นตรงกระจกนะ
“ยิ้มอะไร มีหน้าที่ขับรถก็ขับรถไป” หงุดหงิดโว้ยนั่งเบาะหลังอีกต่างหาก เพราะเบาะหน้ายัยแตงโมจองเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ยัยนั่นหน้าซีดนิดๆเมื่อเห็นฉันขึ้นรถมา
“คร๊าบ คุณนาย” เอ๊ะ! อีตานี่ ฉันยังไม่แต่งงานสักหน่อย จะมาเรียกคุณนายได้ยังไงกัน
เมื่อบรรยากาศในรถเริ่มอุ่นขึ้น และ...เงียบมาก เฮ้ย!! นี่มันทางไปบ้านของฉันนี่ เค้าจะไปส่งฉันก่อนยัยแตงโมงั้นเหรอ ไม่ยอมนะ
“เฮ้ย! นี่คุณ ใครบอกว่าฉันจะกลับบ้าน” ได้ผล เค้าจอดรถข้างทางทันที แล้วหันมาหาฉันอย่างกวนโอ๊ย
“แล้วทำไมไม่กลับบ้าน จะไปหาใครที่ไหนก่อนงั้นเหรอ”
“วันนี้ฉันตั้งใจจะไปซื้อของที่ร้านค้าก่อนกลับบ้าน ไม่ได้จะไปหาใคร” ฉันมองเค้าตอบ แล้วเค้าจะมาเรื่องฉันทำไมกัน
“นี่ ณิการ์ พี่เฉิงเค้ามีธุระต้องไปนะ จะมาตามใจเธอไม่ได้หรอก” ใครให้บัตรพูดยัยนี่เนี่ย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“ไอ้ธุระที่ว่านี่ คือการไปส่งเธอใช่ไหมจ๊ะแตงโม” เรื่องของฉันกับอีตานี่จบแล้ว หันมาเข้าประเด็นเรื่องสาวๆดีกว่า
“ทำไมเธอพูดเหมือนกับว่า ฉันรบกวนพี่เฉิง...”
“เปล่าเลย ผมอาสาจะมาส่งน้องแตงโมเองต่างหาก” ออกตัวปกป้องกันจัง อยากจะบ้าตาย
“งั้นก็แล้วแต่เหอะ ฉันไปเองก็ได้” แถวที่รถจอดฝนตกไม่ค่อยมาก ฉันจึงเปิดประตูรถแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หนาวเป็นบ้า แต่ก็ต้องอดทน แต่ฉันจะไม่ทนอยู่ในรถกับสองคนนั่นเด็ดขาด
ฉันได้ยินเสียงเปิดประตูรถแล้วเสียงวิ่งตามมา จากนั้นก็มีแรงดึงที่แขนข้างที่เจ็บ จนฉันต้องนิ่วหน้ากับความเจ็บ คนที่ทำก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“อย่างอแงได้ไหม เดี๋ยวผมไปส่งน้องแตงโมก่อน แล้วเราก็ไปซื้อของกัน” ง้อ...เอาใจ...เพื่อ?
“คุณไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องมาเอาใจฉันเลย...เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” จื่อเฉิงปล่อยมือจากฉันทันทีสีหน้าของเค้าแย่มากหลังจากที่ได้ยินคำที่ฉันพูด มันคือความจริง เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วเค้าจะมาเอาใจฉันทำไม คู่แสดงก็ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว แต่...ทำไมฉันถึงรู้สึกแย่เหมือนกับเค้าจัง
ตอนหน้าเสนอเป็นตอนจบนะคะผู้อ่านที่รัก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ