Rainbow University(1)สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ

8.8

เขียนโดย Greek

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.52 น.

  16 ตอน
  3 วิจารณ์
  17.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 01.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ตอนจบที่เหมือนฝัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          เสียงเพลงลอยกระหึ่มมาจากไหนนะกันนะ เมื่อฟังดีๆ มาจากห้องยัยอัญชันนี่หน่า ฉันจะไม่โวยเลยถ้าเนื้อเพลงมันไม่ตรงกับชีวิตของฉัน ณ ตอนนี้ อย่าคิดว่าเป็นเพลงจีนแล้วฉันฟังไม่ออกนะ แปลโคตรได้เลย

          ฮู เซียง นิง วาง เลียง เกอะ ชือ เซียน...

          สายตาทั้งสองต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน....

          เฉิง อี้ เกอะ กู ตาน ชือ เซียน....

          สายตาคู่หนึ่งไว้เพียงลำพัง....

          ไอ้บ้า น้ำตาฉันจะไหล หนาวหัวใจเป็นบ้าเลย ทำได้แค่นอนพลิกไปมาอยู่บนเตียง รู้สึกเหมือน...อกหัก...ยังไงไม่รู้เพลงก็บิ้วอีกต่างหาก เฮ้อ.....

          ฉันปาดหยดน้ำตาข้างแก้มออกไป ระหว่างนั่งดูละครตอนค่ำกับแม่แล้วก็อัญชัน สูดขี้มูกเล็กน้อยพอเป็นพิธี ใจไม่ได้อยู่ตรงละครเล๊ย...อยู่กับใครที่ไหนก็ไม่รู้...มั้ง

          “ณิการ์...หนูเป็นอะไรอะลูก ร้องไห้ทำไม...ละครก็ไม่ได้เศร้าอะไรนี่หน่า” แม่เอามือมาลูกหัวฉันเป็นเชิงปลอบ บรรยากาศรอบตัวฉันเริ่มเศร้าลงเมื่อฉันร้องไห้

          "เป็นตั้งแต่เมื่อวานตอนกลับบ้านแล้วล่ะป้าขวัญ ถามมันก็ไม่ยอมตอบ” อัญชันเสริมทันที แต่ตาก็ยังไม่ละออกจากหน้าจอทีวี

          “เปล่าสักหน่อย อะไรไม่รู้มันเข้าตา...”

          "คิดถึงใครบางคนอยู่ล่ะสิ” แหม...รู้ใจฉันอีก

          “วันนี้ฉันเห็นพี่เฉิงกับยัยแตงโมยืนคุยกันอยู่ด้วยแหล่ะ ชิ ยัยแตงโมทำอย่างกะเป็นแฟนพี่เฉิง ขู่ฟ่อใส่ผู้หญิงทุกคนที่เดินผ่านเลยล่ะแก” ไหลลงมาเป็นทางเลยค่ะทีนี้ ฉันรีบเช็ดอย่างเร็ว กลัวแม่เห็น

          “อัญ” แม่ฉันหันไปห้ามอัญชันไม่ให้พูดต่อ เพราะฉันกำลังเริ่มร้องหนักขึ้นเมื่อได้ยินชื่อสองคนนี้

          “เฮ้ย...แกเป็นขนาดนี้เลยหรอ ฉันขอโทษนะโว้ย ก็ฉันหมั่นไส้ยัยแตงโมนี่หน่า แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจให้แกรู้นะโว้ย” ฉันโผลเข้ากอดแม่ อุ่นจังเลย ฉันอยากจะลืมทุกอย่าง ไม่สนอะไรเล่า

          “มันไม่ผิดหรอกนะลูกถ้าหนูจะรักใครสักคน แม่ว่าพ่อเฉิงเค้าก็ดูเป็นคนดีนะ ถ้าแม่เป็นหนูนะ แม่จะไม่ปล่อยให้หลุดมือเลยล่ะ ผู้ชายสมัยนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย” โหแม่ ไม่เก็บกดมาจากไหนเนี่ย เล่นเอาซะซึ้งเลย

          “แล้วอีกอย่างนะไอ้ณิ พี่เฉิงเค้าชอบแกโว้ย ไอ้โง่”

          “แกรู้ไง ไอ้อัญ ฝันรึเปล่า”

          “พี่เค้าก็บอกแกอยู่ แกจำไม่ได้เหรอ” บอกตอนไหนวะ อย่าบอกนะว่าในไลน์ เฮ้ย แต่ฉันปลอมตัวเป็นแกนะ

          “ตอนที่แกถามเค้าในไลน์ไง พี่เค้าไลน์มาถามว่าฉันเล่นโทรศัพท์ของแกรึเปล่า พอฉันบอกว่าไม่ พี่เค้าก็เล่าให้ฟังว่า แกน่ะปลอมเป็นฉันแล้วหลอกถามว่าคิดยังไงกับแก” ไอ้บ้า บอกแม่งหมดเลย อายนะโว้ย

          “ทีนี้แกก็รู้คำตอบอยู่แล้ว อยู่ที่แกต่างหากที่อัคติกับความรัก ไปง้อพี่เค้าซะ ก่อนที่จะโดนคาบไป”

          “สู้ๆลูกแม่ ลูกแม่เป็นคนสวย สะกิดนิดเดียวผู้ชายหลงกันถ้วนหน้า” เวอร์ไปละแม่ เอาวะ เอาไงเอากัน

 

          วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ของงานครบรอบมหาลัย จะไม่มีการเรียนการสอน ทุกคนจะม่วนอยู่กับงานของตัวเองทั้งสิ้น รวมทั้งฉันด้วย วันนี้ยังไม่หยุดเลย แถมอยู่แต่ในห้องแต่งตัวนางรำ จัดเสื้อผ้า วิ๊กผม เครื่องประดับต่างๆ ต้องเตรียมของให้ครบ งานจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ขนาดไม่ได้แสดงยังตื่นเต้นแทนแลย

          “ขอโทษนะคะ พี่ณิการ์ใช่ไหมคะ” มีผู้หญิงคนหนึ่งมาสะกิดฉันจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปก็เจอกับผู้หญิงที่จัดว่าสวยมากๆคนหนึ่งเลย นี่ขนาดไม่ค่อยแต่งตัวฟู่ฟ่า แต่แต่งตัวเรียบร้อยยังดูเซ็กซี่ ไม่รู้ดิมันดูเป็นธรรมชาติมากๆ

          “จ้า มีอะไรเหรอ” ที่แน่ๆไม่ใช่เด็กคณะฉัน สวยระดับดาวน่าจะอยู่คณะนิเทศ ขอเดา

          “หนูมาจากคณะนิเทศค่ะ อาจารย์ให้มาเอาชุดที่จะใส่แสดงละคร” ตาดีจริงๆเลยนะฉัน เดาถูกด้วย เพราะมหาลัยนี้คนสวยๆมักจะอยู่พวกการแสดงซะส่วนใหญ่ ก็บอกว่าส่วนใหญ่ไง ส่วนน้อยก็จะเป็นฉัน เป็นต้น (ใครได้เถียงแกบ้างเนี่ย)

          “แสดงเรื่องอะไรกันล่ะ น้อง...”

                    “หนูชื่อช่อม่วงค่ะ อยู่การแสดงปี1 ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่ณิการ์” น้องช่อม่วงยกพวกชุดอย่างทุลักทุเล จะเอาไปยังไงไหวเนี่ยคนเดียว

          “มาเอาของคนเดียวจะไหวเหรอ มันเยอะนะ ให้พี่ช่วยไหม” ฉันจะเข้าไปช่วยแต่โดนช่อม่วงห้ามไว้ก่อน

          “หนูไม่ได้มาคนเดียวค่ะพี่ เฮ้ย!! นี่นายสมหวัง!!! มาช่วยกันยกของเซ่!!” ฉันว่าชื่อเธอไทยแล้วนะช่อม่วง ยังมีคนที่ไทยกว่าเธออีกเหรออยากเห็นหน้าคนที่ชื่อสมหวังจัง

          “เฉียน!!!(มาแล้วเนี่ย)” เค้าเดินมาพร้อมกับพูดจีนใส่หน้าช่อม่วง เธอค้อนกลับทันทีแล้วยกของใส่เค้าทันที

          เฮ้ย!!! นี่มัน นายหวังหลี่เย่ เด็กSFเหมือนกับอีตาพี่จื่อเฉิงนี่หน่า ใช่แล้วเพราะฉันเคยไปขอเค้ามาเป็นคู่แสดงอยู่ แต่เค้าบอกให้ไปหาจื่อเฉิงแทน เพราะมีการแสดงอยู่แล้ว

          “อ้าว! พี่คนสวยนี่หน่า” เค้าทักฉันเป็นภาษาจีนทันทีที่เจอ ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ฟังออก แม่สาวสวยที่ชื่อช่อม่วงขมวดคิ้วแล้วมองมาที่ฉัน แว๊บเดียวที่เห็นสายตาเหมือนอยากจะทุ่มของใส่ฉัน เฮ้ย...ยัยนี่มันหึงนายหลี่เย่นิ

          “ไปกันได้แล้ว อาจารย์รออยู่ ขอบคุณนะคะพี่ณิการ์” รีบๆไปกันเลยก่อนที่ฉันจะโดนทำร้ายร่างกาย

 

          ฉันแอบอู้งานด้วยการขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ต่อด้วยการซื้อไอติมมากินอย่างชิวๆ ระหว่างทางสายตาเจ้ากรรมก็ดันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยื่นกล่องของขวัญให้กับผู้ชายแลดูมีความสุขมาก ฉันอยากจะมีความสุขตามนะ ถ้าไม่ติดว่าคือยัยแตงโมกับอีตาพี่จื่อเฉิง บาดตาบาดใจมากอะ ขอบอก

          ดูสนิทสนมกันจังเลยนะ หมั่นไส้วุ้ย ทำไงดีวะ แกล้งเดินผ่านไปดีไหม เดินผ่านแล้วก็ทำเป็นมองไม่เห็น ฉันยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเค้า

          “น้องณิการ์ ไอติมละลายแล้วครับ” ใครวะทักซะเสียงดังเลย เอือก พี่จูเนียร์ คนที่ฉันไม่อยากเจอหมายเลขสอง

          “พี่จูเนียร์” อีตาพี่จื่อเฉิงหันมามองวุ้ย ก็ดี คิดอะไรออกละ

          “ฮ่าๆๆๆ” อยู่ดีๆฉันก็หัวเราะออกมา ทำเอาพี่จูเนียร์งงไปเลย ไม่ใช่อะไรหรอก ฉันจะทำให้หมอนั่นเห็นว่าฉันมีความสุขแค่ไหน เวลาอยู่กับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เค้า

          ได้ผล มองฉันไม่วางตาเลย สายตาไม่พอใจสุดๆ

          “ณิการ์หัวเราะตัวเองน่ะค่ะ ที่ไอติมละลายใส่มือ” วินาทีนี้เหมือนกับคนบ้าเลย หัวเราะไอติมเนี่ยนะ

          “เหอะๆ เหรอครับ” พี่จูเนียร์ทำหน้าแหยะๆ กึ่งหัวเราะ ขำไม่ออกใช่ไหมล่ะ

           “พี่จูเนียร์ไม่ไปซ้อมรำเหรอคะ” ฉันถามพร้อมกับฉีกยิ้มสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่จูเนียร์ดูอึ้งไปเลย สวยใช่ไหมล่ะ รู้สึกเสียดาย สายไปแล้วล่ะ ฉันไม่ลืมที่จะเหลือบมองจื่อเฉิงเป็นพักๆ เค้ายังคงมองฉันอยู่ หึงล่ะสิใช่มะ

          “กำลังจะไป เอ้อ...ขอโทษนะ” พี่จูเนียร์เอื้อมมือมาเช็ดไอติมที่ติดปากฉันอยู่อย่างแผ่วเบา เดี๋ยวนะ มันนอกบทไปรึเปล่า ทำไมความรู้สึกที่พี่จูเนียร์ทำแบบนี้ไม่เห็นเหมือนตอนที่อีตาบ้านั่นทำเลยวะ อาจเป็นเพราะฉันไม่ได้ชอบพี่จูเนียร์แล้วมั้ง

          “เรานี่กินอะไรเหมือนเด็กน้อยตลอดเลยนะ” สายตาที่พี่จูเนียร์มองมา มันสื่อมาก สื่อว่าชอบฉันสุดๆ จะทำยังไงดีวะเนี่ย ออกไปจากสถานการณ์นี้ดีกว่า ไม่เล่นแล้ว

          หันไปมองจื่อเฉิงอีกทีเค้าก็ไม่ได้ยืนอยู่กับยัยแตงโมแล้ว แต่เดินตรงมาทางฉันอย่างน่ากลัว แล้วก็เดินชนไหล่พี่จูเนียร์ไปอย่างแรงจนพี่จูเนียร์ถึงกับสบถ

          “ไอ้บ้านี่ เดินไม่ดูรึไงวะ” เดินไปนุ่นแล้ว ให้ตายสิฉันต้องเดินไปทางนั้นด้วย

          “ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” ถามตามมารยาท เดี๋ยวก็จะหนีไปเหมือนกัน

          “น้องณิการ์ห่วงพี่ด้วยเหรอครับ” โอ๊ยอยากจะบ้าตาย ก็บอกแล้วไงว่าถามตามมารยาท ฉันยิ้มเจื่อนๆให้เป็นคำตอบ

          “ณิการ์ขอตัวก่อนนะคะ อู้งานมาน่ะค่ะ”

          “แล้วเจอกันนะครับ”

           เดินหนีคร้า ถ้าอยู่นานกว่านนี้มีหวังถูกขอเป็นแฟนแน่นอน ไม่น่าเลยณิการ์เอ้ย หาเรื่องแท้ๆ

          “สนิทกันจังนะ แฟนเหรอ” กระแนะกระแหนมาก จะมีใครได้นอกจากอีตาจื่อเฉิงฉันหันเผชิญหน้าเค้า พยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ

          “ก็กำลังพิจารณาอยู่เหมือนกันอะนะ ถามทำไมสนใจด้วยเหรอ” ฉันกำลังทำอะไร เอาน้ำมันไปราดใส่ไฟใช่ไหม รู้สึกบรรยากาศร้อนแรง จนเหงื่อตก

          “ก็ดูเหมาะสมกันดีนะ ยินดีล่วงหน้าละกัน” เค้าทำท่าจะเดินหนีไป คิดว่าจะเล่นฉันคนเดียวเหรอ ไม่มีทาง

          “คุณล่ะ กับแตงโมไปถึงไหนแล้ว เห็นยืนคุยกันซะจนน้ำตาลเรียกพี่ นี่...เข้าใจที่พูดใช่ไหม” ดูเค้าไม่เดือดร้อนกับคำพูดของฉันเลยอะหรือว่าเค้าฟังคำที่ฉันเปรียบไม่รู้เรื่องวะ

           “แปลว่าอะไรวะ” เค้าพึมพำเป็นภาษาจีน เชอะ ไม่ได้แล้วทำเก๊ก งงต่อไปแล้วกัน ไปละ

          แต่เมื่อฉันหันหลังเตรียมตัวจะก้าวหนีไป เค้าก็พูดประโยคที่ทำให้ฉันถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ อาการที่แบบว่าอยากจะข่วนหน้าให้เป็นรอยเลย รู้ดีนักนะ

          “อ้อ...ที่แท้คุณก็หึงผมนี่เอง” เค้าพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน

          "คนอะไร หลงตัวเองชะมัด” ฉันพูดใส่เค้าเป็นภาษาจีน จื่อเฉิงดูอึ้งไปเลยอ่า

          “แล้วจริงไหมล่ะ” ภาษาจีนถูกตอกกลับมาใส่หน้าฉันเต็ม คิดว่าฉันรู้เป็นบางคำเหรอ

          “T///T แล้วคุณล่ะ คุณเองก็หึงฉันใช่มะ” ชั่วโมงนี้เป็นคาบภาษาจีน พูดมาเลย เอาคำยากๆก็ได้ฉันไม่ยอมแพ้แล้วเดินหนีหรอกย่ะ

           จื่อเฉิงก้าวเข้ามาหาฉัน ทำท่าเหมือนกับแมวที่เจอหนูติดกับดักอยู่ ใครเป็นแมว ใครเป็นหนูวะ

          “อืม...ใช่ผมหึง”

          “>///<” ใครก็ได้เอาฉันไปทิ้งที เขินจนตัวแทบลอยแล้ว ฉันหันหลังแล้ววิ่งหนีไปทันที คนอะไรยอมรับออกมาหน้าด้านๆ ไม่อายฟ้าอายดินบ้าง เห็นไหมเนี่ย ขนาดฉันเป็นคนฟังยังเขินแทบแทรกแผ่นดินหนี (ไหนบอกว่าจะไม่หนีไงยะ)

 

          “นี่...พวกเธอหาชุดที่จะใส่ไปงานเลี้ยงของมหาลัยคืนพรุ่งนี้รึยัง”

          “ได้แล้วล่ะ อย่างสวยขอบอก”

          “ชุดของฉันต้องสวยกว่าอย่างแน่นอน เพราะของฉันมาจากแฟชั่นโชว์ที่ปารีส”

          “หุย...ขนาดนั้นเลยเหรอ”

          เห้ย!! ขอถอนหายใจแรงๆให้กับยัยพวกนั้นเถิด เอาแต่อวดเรื่องชุดจนไม่ทำการทำงาน ฉันนั่งซ่อมชุดใส่แสดงจนมือพรุนหมดเล่า จะอะไรนักหนากะอีแค่ชุดใส่ออกงานราตรี ฉันไม่ได้อิจฉานะ ไม่ได้อิจฉาเลยจริงๆ โหจากแฟชั่นโชว์เลยเหรอ (นี่ขนาดไม่ได้อิจฉานะคะ)

          “แล้วเธอล่ะณิการ์ มีชุดรึยัง” ลืมบอกไปว่าคนที่มานั่งทำงานกับฉันคือซอลญ่า เรานั่งเงียบกันมาพักหนึ่งแล้ว ฉันว่ายัยนี่พยายามจะหาเรื่องคุยแต่ก็ไม่มีโอกาส นี่ไงมาถึงแล้ว

          “ยังหรอก ใครจะมีเวลาไปช๊อปล่ะ แล้วอีกอย่าง ฉันว่าฉันจะไม่ไปงานแล้วล่ะ”

“อ้าว ทำไมล่ะ หรือว่า...เธอไม่มีคู่ไป” ไอ้เรื่องไม่มีคู่น่ะมันจริงนะ แต่ความจริงคือ ฉันไม่รู้จะไปทำไมต่างหาก

          คงอย่างงั้นล่ะมั้ง” ฉันตอบซอลญ่าไปอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับแทงเข็มเข้าไปในเนื้อผ้า

          “อ้าว แล้วพี่จื่อเฉิงล่ะ ฉันนึกว่าพี่เค้าจะมาชวนเธอซะอีก”

          ฉึก!! เข็มแทงเข้านิ้วชี้ทันทีคร้า ฉันวางผ้าลงทันที ก้มดูนิ้วมือตัวเองที่ตอนนี้มีเลือดซึมออกมานิดหนึ่ง เจ็บนะ แต่เจ็บไม่เท่าที่ยัยนี่พูดเมื่อกี้

          “พี่เค้าคงมีคู่แล้ว แล้วอีกอย่างเค้าจะมาชวนฉันทำไมกัน” ฉันเช็ดเลือดออกจากนิ้ว เมื่อเห็นว่าเลือดหยุดแล้ว ฉันจึงหยิบผ้าขึ้นมานั่งเย็บต่อ

          “อ๋อ...เธอคงหมายถึงแตงโมใช่มะ หึ ยัยนั่นน่ะ...มีแฟนแล้ว” ฉันวางงานลงทันทีแล้วมองหน้ายัยคนที่พูด เรื่องจริงหรอ แล้วยัยแตงโมมายุ่งกับอีตาพี่จื่อเฉิงทำไมกัน

          “จริงหรอ!” ซอลญ่ายิ้มแล้วมองหน้าฉัน ตอบด้วยความแน่วแน่ว่า

          "จริง”

          ถ้าอย่างงั้นหมายความว่า ยัยแตงโมจะมาปั่นหัวอีตาพี่จื่อเฉิงเล่นๆงั้นสิ หวังว่าอีตานั่นคงยังไม่หลงเชื่อมันหรอกนะ ไม่ได้ๆฉันต้องรีบไปเตือน นี่ถ้าฉันเจอยัยแตงโมก่อนนะ แม่จะต่อยให้หน้าบวมกว่าเก่าอีก

 

          ณ วันงานครบรอบมหาวิทยาลัย

          สรุปคือเมื่อวานฉันหาเค้าไม่เจออะ เลยต้องมาหาวันนี้แทน แล้วจะเจอไหมเนี่ย วันนี้คนเยอะมากๆทั้งคนนอกแล้วก็คนใน ทำได้แค่นั่งอยู่ในห้องแต่งตัว แต่งตัวให้คนนุ้นคนนี้ไปเรื่อยๆ

          “อาจารย์คะขออนุญาตไปห้องน้ำนะคะ” ขอตามารยาท เพื่อที่อาจารย์จะได้ไม่ต้องมาโวยฉันทีหลัง

          “ไปสิ นานหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกณิการ์” แกคงหมายถึงว่าตอนนี้ไม่มีงานล่ะมั้ง

          ฉันอยากจะเดินไปเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดนะ แต่คนมันเยอะมาก สงสัยต้องเดินไปเข้าแถวโรงอาหารซะละมั้งแบบนี้ เหนื่อยอีกแล้ว

          ฉันมองดูตัวเองในกระจกห้องน้ำ แล้วฉันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สับสนตัวเองมาก งงกับชีวิตของตัวเอง จะงงอะไรวะกะอีแค่ความรักมันเข้ามา อยู่ที่ว่าเราจะน้อมรับมันหรือจะปล่อยมันไปอีกครั้ง โอ๊ย!! อยากจะบ้าตายโว้ย!!

          ปลึก!!! เฮ้ยเสียงอะไรดังอยู่บนหัวอะรู้สึกผมมันรุ่ยๆ เฮ้ย!ยางมัดผมขาด ไม่มีเตรียมมาด้วย หัวฟูตามเวรตามกรรม ฉันเอามือสาวผมแทนหวี เพื่อจัดทรงไม่ให้มันฟู มันเป็นรอยยางทำไงดี ช่างมันเถอะ ขอแค่เรียบไม่ฟูก็พอแล้ว

          ฉันเช็ดดูตัวเองอีกรอบ ฉันเองก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย ปล่อยผมแล้วยิ่งสวยเข้าไปอีกฮ่าๆ (นางเอกหลงตัวเองชะมัดเลย)

          “ว้าย! แหกๆ” ตูดเกือบทิ่มดินแล้วดีนะตั้งหลักทัน หันไปดูคนที่ฉันเดินชน หน้าตาบูดบึ้งไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เจอก็ดีแล้วจะได้สะสางบัญชีแค้น(?) กันซะที

          “อ้าวไงจ๊ะแตงโม มาเข้าห้องน้ำหรอกหรอ นึกว่าเตรียมตัวสำหรับการแสดงอยู่นะเนี่ย เห็นตื่นเต้นตั้งแต่ยัง! ไม่ได้รับเลือกให้แสดงแล้วซะอีก”         จัดไปหนึ่งดอกสำหรับการทักทาย แม่สาวที่อยู่ตรงหน้า หล่อนแต่งตัวเต็มยศพร้อมสำหรับการแสดง คงไม่ลงทุนมามีกับเรื่องฉันอย่างแน่นอน

          “แล้วเธอล่ะจ๊ะณิการ์ แหมยุ่งจนหัวฟูเลยนะ ขนาดไม่มีการแสดงนะเนี่ย ฮิฮิ” ฮิ บ้านแกสิ ผิดคาดวุ้ย ทำเป็นหัวเราะ เดี๋ยวเจอยัยณิการ์เอาจริงแล้วจะหนาว

          “ก็ฉันมันเป็นคนสำคัญนี่หน่า เดี๋ยวคนนุ้นเรียก คนนี้เรียก ไม่เหมือนกับใครบางคนที่ต้องเบียดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูเด่นขึ้น อุ้ย ต้องพูดว่าผลักคนอื่นไปให้พ้นทางสินะถึงจะถูก”

          “ฉันขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะไปเตรียมตัวไม่ทัน” ยัยแตงโมกำลังเดินผ่านหน้าฉันไปแบบไม่รอฉันอนุญาต มากไปละ ฉันจึงเอาเท้าเหยียบชุดกระโปรงยาวๆที่หล่อนใส่อยู่จนหล่อนเสียหลักลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็หันมาทำหน้าอาฆาตใส่ฉัน

          “เป็นอะไรจ๊ะ หิวเหรอ แหมรีบตะคุบแบบนั้นชุดก็เปื้อนหมดสิแตงโม” ฉันยิ้มเยาะผิดกับคำพูดปลอบประโลม ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ

          “แสบนักนะแก ยัยณิการ์!” อุ้ยตาย! ถึงกับเดือดพล่านเปลี่ยนสรรพนามเลยรึ

          “นี่ยังน้อยไปนะจ๊ะ ยังไม่เท่ากับสาเหตุที่เธอมีแฟนแล้วยังมายุ่งกับอีตาพี่จื่อเฉิงอีกน่ะ” ยัยแตงโมอ้าปากค้างอึ้งที่ฉันรู้เรื่องของหล่อน อ้าปากอยู่อย่างงั้นแหล่ะ ไปละ ขี้เกียจเถียงด้วย

          ฉันยังคงเดินจัดทรงผมมาเรื่อยๆตลอดทางไปหอประชุมที่จัดการแสดงทั้งหลายพลางคิดเรื่องที่ฉันทำเมื่อกี้ ยังอดอึ้งตัวเองไม่ได้เหมือนกัน นี่ฉันเป็นนางเอกหรือว่านางร้ายกันแน่นะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

          ระหว่างทางที่เป็นมุมตึกฉันก็เดินเจอกับใครบางคน ที่ฉันเคยหวั่นไหวด้วย จะใครซะอีกถ้าไม่ใช่พี่จูเนียร์ ฉันแกล้งยิ้มทักทายไปแล้วจะเดินหนี แต่ก็โดนเรียกไว้อีกแล้ว จะถึงหอประชุมไหมเนี่ยวันนี้

          “เอ่อ...วันนี้น้องณิการ์ดูสวยจังเลยนะครับ” นี่เป็นการทักทายใช่มะ ไม่ใช่คำจีบใช่ปะ

          “ทุกวันณิการ์ไม่สวยหรอคะ” ไม่รู้จะพูดอะไร ย้อนกลับไปละกัน

          “สวยครับ...แต่วันนี้ดูสวยกว่าทุกวัน”

          “ปากหวานจังเลยนะคะพี่จูเนียร์” จีบแน่นอน ชัวล์ป๊าบ

          แต่อยู่ดีๆ พี่จูเนียร์ก็กุมมือฉันขึ้นมาแล้วพูดด้วยสายอันแน่วแน่และมีความหวังว่า

          “น้องณิการ์ยังคิดเหมือนเดิมกับพี่อยู่ใช่ไหมครับ” นั่นไง เข้าประเด็นแล้ว ฉันจะพูดกับเค้ายังไงดีวะเนี่ย หันซ้ายหันขวาไม่มีใครที่จะช่วยฉันได้สักคนเลย

          “คิดแบบตอนที่เข้ามาใหม่ๆน่ะเหรอคะ” ถ้าให้ถามความรู้สึกที่มีตอนปี 1 แรกๆจนมาถึงก่อนที่ฉันจะเจอกับนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาจากจีน คนที่เข้ามาพัวพันกับชีวิตของฉันเพราะเรื่องจำเป็นสุดๆ คนนั้น มันก็ยังคงชอบพี่จูเนียร์อยู่ล่ะมั้ง

          “คือ...ณิการ์พึ่งรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้ว่า...หลงรักรักใครคนหนึ่งไปแล้ว” ตอบตามความจริงค่ะ

          “เป็นไปได้ยังไงกัน ตอนนั้นน้องณิการ์ยังแสดงออกว่าชอบพี่อยู่เลย” จะมาอาลัยอาวอนอะไรตอนนี้ สายไปแล้วจ้า

          “มันเป็นไปแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”

          ฉันจะเดินหนีไป แต่พี่จูเนียร์รั้งฉันไว้ด้วยการจับแขนฉันบีบมันเหมือนจะบังคับ พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า

          “คนนั้นมันเป็นใครถึงทำให้ณิการ์เปลี่ยนใจจากพี่ได้” อย่างกับคนบ้า ฉันพยายามดึงแขน แกะมือออกสุดแรง แต่ก็ไม่เป็นผล แถมพี่จูเนียร์บีบแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วย ใครก็ได้ขี่ม้าขาวม้าดำมาช่วยฉันที จะให้รางวัลอย่างงาม

          แขนของฉันหลุดออกจากมือของพี่จูเนียร์ทันที ฉันหันไปมองตัวต้นเหตุที่ทำให้ฉันหลุดพ้น เค้าดันฉันให้ไปอยู่ข้างหลังของเค้า แถมเอามือข้างหนึ่งจับมือฉันในข้างที่ถูกสลัดออกเมื่อกี้ด้วย คงนึกภาพออกกันใช่ไหม อย่างกับในละครเลย รู้สึกปลอดภัยเป็นบ้า

          “คุณครับ ถ้าผู้หญิงเค้าปฏิเสธก็ควรจะปล่อยเค้าไปอย่างสุภาพนะครับ” โหย คำพูด โคตรได้ใจฉันไปเลยอ่า พ่อคุณทูนหัว

          “แกเป็นแฟนกับน้องเค้าหรอวะ ถึงออกโรงปกป้องขนาดนี้ห๊ะ” หุย พี่จูเนียร์แรงอะ เก็บกดจากที่ไหนมารึเปล่าวะ

          “ไม่ใช่ก็กำลังจะได้เป็นครับ” ฉันอ้าปากค้างกับพูดที่หลุดออกจากปากของผู้ชายที่มั่นใจสุดๆว่าฉันจะเป็นแฟนกับเค้าในอนาคตอันใกล้นี้ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันยะ อีตาพี่จื่อเฉิงสุดหล่อ

          ตอนนี้หน้าฉันคงแด๊งแดงเป็นลูกตำลึง เพราะดันมาซึ้งอยู่ตรงมุมตึกเรียน ให้ตายสิ ฉันเขินจนจะบ้าอยู่แล้ว ผ่านสถานการณ์นี้ไป ฉันคงไม่กล้ามองหน้าเค้าแน่นอน

          กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เห็นหลังไวๆของพี่จูเนียร์ อยู่ไกลแล้ว พี่แกเดินหนีไปเมื่อไหร่วะ สงสัยมัวแต่เขิน งั้นก็แสดงว่าเหลือฉันกับเค้าแค่สองคนแล้วล่ะสิ

          ครึ่น!! ซ่า!

          ฉันกำลังจะอ้าปากชวนคุย แต่เค้ากลับปล่อยมือฉันแล้วเดินหนีออกไป เค้าเดินตรงไปที่สนามบอลโดยที่ไม่สนว่าฝนฟ้ากำลังเทลงมา ฉันวิ่งตามเค้าไป เอาวะเปียกก็ช่างมัน วันนี้จะต้องคุยให้รู้เรื่อง

          เดินเร็วจังวะ ตามไม่ทันแล้วเนี่ย รู้สึกหนาวจับใจ เพราะชุดที่ฉันใส่เป็นชุดนักศึกษาเพียวๆบางๆ เปียกก็คือเห็นหมดคร้า ไม่ต้องมีเหลือแล้วของดงของดี

          “คุณ!” ไม่หันมา สงสัยต้องดังกว่านี้

          “นี่คุณ!!” ไม่สนใจวุ้ย สงสัยต้องจัดเต็ม

          “หลี จื่อเฉิง!!!!!” เค้าหยุดเดิน แต่ก็ไม่หัอนมาหาฉันอยู่ดี เอาวะคุยข้างหลังก็ได้

          “ฉันมีบางอย่างที่จะต้องพูดกับคุณให้รู้เรื่องนะ!” ฉันพูดจีนใส่แล้วนะ ก็ยังไม่หันมาอยู่ดี ช่างมัน ฉันจู่โจมเลยนะ

          “ก่อนจะเจอคุณ ฉันคิดว่าฉันชอบพี่จูเนียร์มากถึงกับตัดใจจากเค้าไม่ได้ แต่ตลอดเวลาที่ฉันรู้จักกับคุณ ได้เห็นหน้า ได้พูดคุย ฉันก็ได้เปิดใจโดยที่ฉันไม่รู้ตัว...คุณคงรู้ว่าฉันจะพูดอะไรใช่มะ” ฉันไม่กล้าพูดต่อ ก็เขินแหล่ะ ไม่เคยสารภาพรักกับใครมาก่อนนี่หน่า กับพี่จูเนียร์มีคนไปบอกต่อต่างหาก

          “......”

          ซ่า ซ่า!!

          เค้ายังคงเงียบ ไม่พูดอะไร ฝนก็ตกลงมาจริงเลย เอาสบู่ แชมพูมาเลยไหม จะอาบน้ำฝนรออยู่แล้ว เปียกแฉะทั้งตัว จะให้ฉันพูดต่อเหรอ ก็ได้พูดต่อก็ได้

          “คุณทำให้ฉันรู้ว่ารัก แสดงออกมาจากสิ่งของได้ อย่างเช่นร่มคิตตี้คันนั้น ฉันรู้แล้วว่ามันเป็นของคุณ ทำไมถึงเลือกที่จะไม่บอกฉันล่ะ เพราะคุณไม่รู้ว่า ฉันเอง...ก็ชอบคุณเหมือนกันนั่นแหล่ะ อุ๊บ” ในขณะที่ฉันกำลังพูดสารภาพอย่างเมามันกับน้ำฝน เค้าหันมาหาฉันแล้วเดินเข้ามาอย่างเร็ว คว้าหน้าฉันไว้พร้อมกับริมฝีปากอุ่นๆที่เปื้อนน้ำฝนประกบลงมาที่ริมฝีปากเย็นๆเพราะความหนาวของฉันทันที

          คุณพระ!!! จูบกลางสายฝน ไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ที่แน่ๆมันเป็นจูบแรกด้วยอะแกร ตอนนี้ฉันกำลังทรมานเพราะหายใจไม่ออกพร้อมกับมีความสุขกับการสัมผัสแบบใหม่ในชีวิต มันช่างหวาน ละมุน เขิน อิ่มน้ำฝน(?)

          จื่อเฉิงถอนริมฝีปากออกให้ฉันได้หายใจเอาอากาศและน้ำฝนเข้าไปในปอด แต่ก็ยังมิวายเอาหน้าผากมาชนกันอีก ฉันหลับตาปี๋ เขินไม่กล้ามองหน้าเค้า มือนี่กำบิดกระโปรงไว้แน่นมากจนกระโปรงแทบแห้งแล้วคร้า

          “ไหนล่ะณิการ์คนเก่ง คนที่พูดจีนคล่องปรื๋อเมื่อกี้น่ะ ไปไหนซะแล้ว” ยังมีน่ามาเยาะเย้ยอีกนะ ตาบ้า ณิการ์คนนั้นวิ่งไปนอนร้องไห้อยู่บ้านแล้วย่ะ

          ฉันลืมตาแล้วเงยหน้ามองเค้าในระยะประชิด จากนั้นก็ส่งยิ้มหวานไป เขินจนขี้เกียจเขินแล้วอ่า

           “ฉันมีคำถามจะถาม” ยังจำที่ฉันบอกตอนนั้นได้ไหมว่า ถ้าฉันเจอคนที่ฉันชอบฉันจะถามคำถามบางอย่างนั่นน่ะ

          “ว่า”

          “คุณว่าสายรุ้งมีกี่สี”  เป็นคำถามที่จะตอบยังไงก็ได้ ไม่มีผิดไม่มีถูก ฉันจะตีความหมายในเชิงของฉันเอง

          “ผมไม่เห็นสายรุ้งสักกะสี เห็นแต่คุณเนี่ย” อัวะ จะอวก

          “ถามทำไม”

          “ถามไปเรื่อยเปื่อยแหล่ะ แก้เขินไง” นี่คือเหตุผลที่ฉันต้องถาม ง่ายๆหาเรื่องคุยแก้เขินเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรพิเศษ

          “ฉันจะหนาวตายอยู่แล้วนะ ตากฝนมากมันไม่ดี เดี๋ยวเป็นปอดบวมตาย ไม่ได้รักกันพอดีสิ” ฉันพูดแล้วหันมองไปทางอื่น เดี๋ยวเค้าจะรู้ว่าฉันหน้าแดง

          “งั้นไปกันเหอะ กลับบ้านดีกว่า”

          “อะ อ้าว แล้วงานในหอประชุมล่ะ”

          “เราจะเข้าไปในสภาพนี้กันเหรอ ไม่ดีมั้ง โดยเฉพาะ...คุณ” เค้ามองต่ำลงมาที่เสื้อนักศึกษาที่บางจนเห็นชั้นใน ฉันรีบเอามือขึ้นมาปิดหน้าอกทันที คนอะไรหื่นได้เวลามาก

          “งั้นกลับก็ได้” ฉันเดินนำเค้าไป เพราะไม่อยากมองหน้าเค้าเขินจนฟ้าจะถล่มอยู่แล้ว

 

          ถัดจากวันนั้นมาได้สองสามเดือนจนใกล้จะปิดเทอม ชีวิตฉันก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย จากที่เคยกลับบ้านคนเดียวโดยการขึ้นรถประจำทางก็มีคนเดินอยู่ข้างๆกลับบ้านด้วยกัน บางทีก็ขึ้นรถยนต์ที่เค้าเอามาเอง ก็นะ คนมันมันมีแฟนแล้วจะให้กลับบ้านคนเดียวได้ยังไงล่ะ ยังไม่พอ เวลานั่งกินข้าวตอนพักเที่ยงเค้ามานั่งกินด้วยกัน แถมพาเจ้าคนที่ฉันคิดว่าเป็นคู่เกย์ของจื่อเฉิงมานั่งด้วยกันด้วย ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเค้าชื่อ จีฮุน ถึงหน้าอีตานี่จะดูนิ่งๆ กวนเบื้องล่างแต่ก็มีความเป็นเด็กน้อยน่ารักซ่อนอยู่ ไม่พูดถึงตานี่ละ พูดทีไรก็หมั่นไส้ทุกที ก็มันทำตัวติดจื่อเฉิงอย่างกับอะไรไง ฉันสิเป็นแฟนตัวจริงของจื่อเฉิงนะ(หึงไม่เข้าเรื่องอีกละ)

          ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ใจหนึ่งอยากจะไลน์หาคุณแฟนข้าวใหม่ปลามัน แต่ก็กลัวที่จะกวนเค้า เฮ้อ...ชีวิต ออกไปหาอะไรกินในครัวดีกว่า

          เสียงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่น ใครมางั้นเหรอ จะเสนอหน้าไปดูหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

          “ทำอะไรอยู่ไอ้ณิ” อัญชันโผล่มาจากข้างหลัง แล้วทักฉันทันทีที่เห็นฉันค่อยๆย่องดูแขกที่มาว่าเป็นใคร

          “ใครมาวะ” ฉันหันไปหาญาติที่รัก มันกำลังแบกน้ำเปล่าเข้าไปในห้องนั่งเล่นพอดี คงเอาไปให้แขก

          “เข้าไปด้วยกันดิ จะได้รู้” รอยยิ้มนั้นคืออะไร เดินไปนุ่นแล้ว ใครมากันแน่

          ฉันไม่รอช้ารีบเดินตามอัญชันเข้าไปในห้องนั่งเล่น ภาพที่เห็นทำฉันสะอึกนิดหน่อย มาทำไมกันวะ อาม่าแล้วก็อาโกว กำลังนั่งหัวเราะกับแม่ของฉันอยู่ อาม่าหันมาทักฉันทันที

          “อาโหย่วหยี มาแล้วลึ” ฉันรีบยกมีไหว้ตามมารยาทอย่างเร็ว

          “อ้าวพ่อเฉิงมาแล้วเหมือนกันเหรอ แหมนัดกันมารึเปล่าเนี่ย พร้อมกันเชียวนะ” ฉันหันไปมองคนที่เดินเข้าประตูมาพร้อมกับยกมีไหว้แม่ของฉันตามมารยาทเช่นกัน ฉันไม่ได้โทรเรียกเค้ามาเลยนะ

          “ลื้อสองคนมาตรงนี้ทีสิ” อาม่ากวักมือเรียกฉันกับอีตาพี่จื่อเฉิงให้ไปนั่งตรงพื้นใกล้กับพวกผู้ใหญ่ ฉันกับเค้าเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย พร้อมกับหันไปมองหน้ากันอย่างหาคำตอบ

          “อั๊วก็ม่ายมีอาลายมากหรอก เห็นพวกลื้อคบกันก็ลีจาย แต่อั๊วแค่อยากทามมันให้ถูกต้อง พวกลื้ออยากแต่งงานด้วยกันไหม” ประโยคต่างๆที่ออกมาจากปากของอาม่า ส่งผลให้ฉันค้างไปชั่วขณะ อะไรนะ!!!! แต่งงาน!!! ฉะ ฉะ ฉันพึ่งคบกับเค้าได้แค่สามเดือนเองนะ นี่สู่ขอกันใช่ไหม หันไปหาแม่ของสิ

          แม่พยักหน้าอ่า ยัยอัญชันก็ยิ้มแก้มปริ อาม่าก็มองเหมือนอยากให้ตกลง อาโกวก็ยิ้มเหมือนอัญชันอีก ส่วนอีตาที่อยู่ข้างๆฉัน สายตาและรอยยิ้มนั้นแปลว่าอะไร อย่ามาทะลึ่งแถวนี้นะ

          “โอ๊ย โอ๊ย” จื่อเฉิงร้องโอยทันที เมื่อฉันแอบหยิกที่สีข้างของเค้า หมั่นไส้ วางแผนกันมาใช่ไหมห๊ะ จบเรื่องนี่นายตายแน่

          “เป็นอารายอาเฉิง” อาม่าคงไม่ทันสังเกตว่าฉันหยิกเค้า จื่อเฉิงทำหน้าหยีเจ็บ แป๊บหนึ่งก็ยิ้มเจ้าเลห์ใส่ อย่าบอกนะว่าเค้าจะบอกอาม่าว่า

          “น้องโหย่วหยีบอกว่าแต่งครับ” อีตาบ้า!! ฉันพูดเมื่อไหร่ยะ อยากจะบ้าตายกับแฟนของตัวเองชะมัดเลย

          “ดีจ่ะ เรียนจบแล้วแต่งเลยนะ ฉันจะเตรียมขันหมากไว้” อาโกวก็อีกคนหนึ่งหรอ ฉันควรเขินสิเวลานี้

          “คิคิ” แต่ความเขินกำลังจะหมดไป เมื่อฉันได้ยินเสียงหัวเราะคิคิ จากคนที่ฉันมอบหัวใจให้ ฉันว่านะ อีตานี่ต้องตายด้วยน้ำมือของฉันก่อนที่เราจะได้แต่งงานกันแน่นอน แต่เดี๋ยวนะ งั้นฉันก็ใช่คำว่าแฟนกับจื่อเฉิงไม่ได้แล้วล่ะสิเพราะฉันกับเค้านั้น...

          “งั้นวันนี้ลูกๆทั้งสองหมั้นกันเลยนะ” อะไรนะแม่ เร็วไปไหม ไม่หาฤกดิ์งามยามดีเหมือนที่คนโบราณเค้าถือกันหน่อยเหรอ อยากยกลูกสาวให้คนอื่นจังเลยนะ

          จื่อเฉิงคว้ามือข้างซ้ายฉันไป พร้อมกับสวมแหวนเกลี้ยงที่มีเพชรน้อยฝังอยู่ เข้าไปที่นิ้วนางทันที ตานี่ก็อีกคน ทำไมถึงไม่ให้ฉันเตรียมตัว เค้าต้องแอบวางแผนมาแน่ๆ

          “หว่ออ้ายหนี่มะ” ยังมีการบอกรักเป็นภาษาจีนอีก ขอฉันเป็นลมหน่อยได้ไหม

          “หว่ออ้ายหนี่” ฉันพูดเบาให้ฉันกับเค้าได้ยินกันสองคนก็พอ เดี๋ยวโดนแซว พอเหอะ ฉันไม่อยากจะพูดด้วยเล่า ขอนั่งยิ้มเขินๆเงียบๆอยู่คนเดียวดีกว่า

 

                                                                                จบแล้วจ้า

 

ยาวมากเลยตอนจบ ตอนแรกก็กะว่าจะแบ่งเป็นสองตอนนั่นแหล่ะ แต่เมื่อตอนที่แล้วก็บอกไปอะเนอะว่าจะเสนอเป็นตอนจบก็เลยแบบว่ายาวไปยาวไป

เขียนไม่ดี ไม่เข้าท่า เม้นได้เลยนะ จะได้ปรับปรุงในเรื่องหน้า ติดตามกันด้วยนะคะในเรื่องต่อไปคือ 

Rainbow University(2) บทรักยึดหัวใจนายต่างชาติ

เป็นเรื่องของใครต้องไปอ่านกันนะคะ สนุกไม่แพ้กันค่ะ

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา