In the Mist. สายใยรักในม่านหมอก Yaoi , BL
6.7
เขียนโดย โรเครเซีย
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.05 น.
24 chapter
1 วิจารณ์
24.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 10.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) หนังสือกับคมมีด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ มิสึโตะเริ่มรู้สึกตัวตอนถูกประคองขึ้นมานี้เอง เขาถึงกับร้องลั่น รีบปัดป้องการสัมผัสจากอีกฝ่ายโดยเร็ว ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้ผู้บุกรุกขมวดคิ้ว ใบหน้าหวานหม่นลง ก่อนจะผินไปทางอื่นไม่ยอมสบตาคนที่ถูปลุกขึ้นมา ขณะที่อีกฝ่ายเองก็เปี่ยมไปด้วยความลำบากใจจนแสดงออกอย่างชัดเจนทางแววตา
"ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรไว้หรอกนะครับ แต่ยังไงก็ช่วยคิดถึงคู่หมั้นของข้าที่อยู่ในคฤหาสน์เดียวกันด้วยครับ อย่างน้อย...ผมก็เป็นคู่หมั้นของเธอโดยเต็มใจ"
คิริเคียวคุถึงกับสะอึก เขากำอกเสื้อตนเองไว้แน่นจนแทบขาดคามือ
"ถึงนางจะเป็นคู่หมั้น แต่ข้าคือคู่ชีวิตของเจ้า เมื่อยังเยาว์ คำมั่นแห่งรักของเจ้าก็เป็นความเต็มใจเช่นเดียวกัน" เขาเอ่ยช้าๆ หากแต่แน่นหนัก "คำที่บอกให้ข้ารับปากว่าจะรักเจ้าตราบเท่าที่ยังหายใจ แม้เจ้าจะจำไม่ได้ คำสาปของฟุริคือหลักฐานที่บ่งบอกถึงมันเป็นอย่างดี และด้วยคำมั่นกับคำสาปนี้เองที่ทำให้ข้าต้องมาที่นี่ มาเพื่อพบคนรักของข้า"
มิสึโตะเม้มริมฝีปาก "งั้นทำยังไงถึงจะยุติมันได้ครับ"
คิริเคียวคุนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะขยับริมฝีปากเผยเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันขมขื่น หากเขารู้วิธีทำลายคำสาปของเจ้าหญิงฟุริ คงไม่ถูกขังอยู่ในหมอกพวกนี้นานตลอดห้าร้อยปีที่ผ่านมาเป็นแน่
ดวงหน้างามผันมองไปยังดวงจันทราอันส่องสว่างบนฟากฟ้า บางที สิ่งนี้อาจเป็นหนึ่งในความมุ่งหวังของเจ้าหญิงฟุริมาตั้งแต่ต้น เขาทรยศต่อมิตรภาพที่มี ทรยศคำมั่นว่าจะไม่มีมุ่งร้ายนาง ความจำเป็นที่เขาได้รับนี้ก็มาจากความรักที่ถูกสั่งให้เชื่อ สั่งให้รอ จากเด็กตัวเล็กๆ ที่มีอายุเพียงแปดขวบเท่านั้นเอง แม้จะซื่อสัตย์และเชื่อมั่นมาตลอดหลายปี สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงคำปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
"เจ้าไม่ต้องให้ข้ามาที่นี่ใช่หรือไม่"
มิสึโตะพยักหน้าด้วยดวงตาอันแฝงความหนักแน่น "ถ้าเป็นไปได้น่ะครับ"
"งั้นข้าต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน" คิริเคียวคุกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสลด "ข้าต้องการหนังสือเล่มหนึ่ง มันเป็นของที่เจ้าเคยนำมาในวันที่เราแลกเปลี่ยนคำมั่นต่อกัน เป็นหนังสือปกสีขาวทอง บนปกเขียนด้วยตัวอักษรภาษาต่างชาติ ข้าอ่านไม่ออก แต่ตัวอักษรนั้นสีทองสวยงาม มีวงกลมสองวงคล้องกันอยู่"
คิริเคียวคุทำท่านึก เมื่อหลายปีก่อนเขาปรับปรุงห้องใหม่ ทั้งเปลี่ยนเตียง เปลี่ยนตู้ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งหลายชิ้น ของที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่เขาได้มาช่วงมัธยมต้นตอนอายุสิบกว่าปีทั้งนั้น ส่วนของเก่าๆ ก็ถูกโละทิ้งทั้งนั้น
เขาพยักหน้า "ผมขอเวลาค้นหน่อยได้ไหมครับ บางที...มันอาจจะอยู่ในห้องเก็บของ ที่นั่นมีอาณาเขตที่ค่อนข้างกว้าง อาจจะหาเจอไม่ได้ง่ายๆ"
คิริเคียวคุพยักหน้า "ถ้าได้หนังสือเล่มนั้น ข้าจึงจะยอมไป"
มิสึโตะขมวดคิ้ว
"เพื่อไม่ให้เจ้าแสร้งผัดวันประกันพรุ่ง"
เมื่อได้เหตุผลมาดังนี้ เด็กหนุ่มก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี แม้เขาจะอดคิดอย่างที่อีกฝ่ายว่ามาไม่ได้ก็ตาม อย่างน้อย...ถ้าใช้ข้ออ้างอย่างที่ว่ามา ถึงเขาจะทิ้งหนังสือเล่มนั้นไปแล้วก็ยังบ่ายเบี่ยงไม่ให้คิริเคียวคุมายุ่งด้วยได้
"ถ้าเจอเมื่อไหร่ ผมจะขึ้นเขาไปส่งให้คุณเองครับ ที่นั่นมีหมอกลงจัดอยู่ตลอดเวลา คงหาตัวคุณได้ไม่ยาก"
ยูงาริปฏิบัติตนอย่างดีเป็นที่น่าพอใจของตระกูลโทคิคาว่า สร้างความพอใจแก่ทุกคนเป็นอย่างดี รวมทั้งมิสึโตะที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียใจอีกเป็นอันขาด คำพูดพล่อยๆ ของเขาทำให้คุณย่าของเธอต้องลาลับไปแล้ว ชีวิตที่เหลือนี้เขาจะเป็นคนดูแลเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลังมื้ออาหารเช้า มิสึโตะรุดไปยังห้องเก็บของที่มีอยู่หลายแห่งในคฤหาสน์โบราณหลังนี้ทันที โชคดีที่ข้าวของต่างๆ ถูกจัดไว้เป็นหมวดหมู่ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น จำนวนหนังสือในห้องเก็บของก็มีเยอะเกินไป ยังไม่รวมห้องหนังสือประจำคฤหาสน์อีก แต่ที่นั่นมักจะมีแต่หนังสือเก่าล้ำค่า ตอนเด็กๆ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเพื่อความปลอดภัยของหนังสือภายในนั้น แต่ไม่แน่ พวกผู้ใหญ่ที่ได้หนังสือเจ้าปัญหาที่ว่านั่นไปอาจนำไปอาจจะเป็นคนนำไปเก็บ
ยูงาริปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มน่ารัก มือสองข้างไพล่หลัง เธอมาในชุดกระโปรงพริ้ว สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย
"หาอะไรอยู่หรือคะ"
มิสึโตะชะงักมือ เขามองคู่หมั้นสาวด้วยความรู้สึกละอายปะปนอยู่บางส่วน "ผม...ผมกำลังหาหนังสือน่ะครับ"
"ช่วยไหมคะ"
น้ำใจของเธอทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น เขาไม่มีวันให้เธอมายุ่งวุ่นวายกับปัญหาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก่อนหมั้นหมายอีกแล้ว เขาหลบสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมา "ไม่เป็นไรครับ มันไม่สลักสำคัญอะไรหรอก"
เขาเว้นจังหวะคล้ายจะรวบรวมความกล้าจากความเสียใจที่มีทั้งหมด เพื่อเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง "เรื่อง...เรื่องคุณยูคาริ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ"
เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย "นั่นเพราะปิศาจเจ้าชายแห่งสายหมอกไม่ใช่หรือคะ ถ้าไม่มีเขาสักคน คุณคงไม่หายตัวไปกลางงานหรอก"
"ถึงอย่างนั้น..."
"เรื่องคุณย่าน่ะ ฉันทำใจมานานแล้วล่ะค่ะ ช่วงที่ผ่านมาอาการท่านทรุดหนักลงมาก ยังไง...ก็คงไม่พ้นปีนี้" ยูงาริเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น "แต่ว่า..."
มิสึโตะมองดวงตาเบิกโพลงของเธอแล้วเผลอผงะไป กอปรกับแสงสะท้อนของวัตถุบางอย่างแวบเข้ามาในทัศนประสาท เขาล้มลงไปกองกับพื้น แต่ไม่ทันไรก็ต้องกลิ้งตัวหนีอุตลุด หลบหลักคมมีดปลายแหลมที่เธอซ่อนไว้ด้า่นหลังตั้งแต่เดินเข้ามาทีแรก
เธอส่งเสียงคำรามต่ำๆ อยู่ในลำคอ
"ถ้าไม่มีคำพูดพล่อยๆ ของคุณ คุณย่าคงไม่ต้องทิ้งฉันไปเร็วขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ!"
มิสึโตะมองเด็กสาวที่แสยะยิ้มอย่างน่าหวาดผวา เธอที่ดูน่ารักไร้พิษภัยเมื่อครู่กลับกลายเป็นมือมีดโรคจิตที่พร้อมจะแทงเขาเป็นรูพรุน
เด็กหนุ่มพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ห้องเก็บของถูกสร้างให้อยู่ห่างจากส่วนพักอาศัยค่อนข้างมาก เสียงร้องของเขาจึงถูกส่งไปไม่ถึงใครทั้งสิ้น
เธอกล่าวกับเขาอย่างอ่อนโยน "ฉันรู้ว่าคุณเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น งั้นก็ควรจะไถ่โทษใช่ไหมล่ะ"
คมมีดกระหน่ำแทงเข้ามาราวกับพายุ มิสึโตะอาศัยความชำนาญพื้นที่และข้าวของระเกะระกะกันอยู่เป็นตัวต้านทานการโจมตีของเธอ แต่ในที่สุดแผ่นหลังก็ประชิดเข้ากับผนัง
เด็กสาวมองภาพนั้นด้วยยินดี
คมมีดที่เงื้อง่าขึ้นเตรียมพุ่งเข้าใส่ ทำให้เขาตัดสินใจวิ่งไปในทิศทางที่เธอยืนอยู่ แม้จะแลกด้วยการถูกปลายมีดกรีดยาวที่ต้นแขนซ้ายก็ตาม เขาใช้จังหวะนั้นผลักเธอให้ล้มไปกองกับกองหนังสือ ส่วนตัวเองวิ่งออกมาจากห้องเก็บของสุดอันตรายนั่นทันที
เขารู้สึกเสียใจเรื่องคุณยูคาริก็จริง แต่จะให้แลกกับการโดนฆ่าก็ไม่เอาด้วยหรอก!
เขามองคู่หมั้นถือมือวิ่งไล่ตามมาติดๆ ด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ โชคยังดีฝีเท้าของคนทั้งคู่มีความต่างชั้นกันอยู่เล็กน้อย มิสึโตะจึงสามารถวิ่งเข้ามาถึงสวนที่อยู่ใกล้ส่วนพักอาศัยได้สำเร็จ ที่นั่นปรากฏร่างของเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนรับลมอยู่เพียงลำพัง
"มิสึเมะ รีบหนีไปเร็วเข้า คุณยูงาริถือมีดวิ่งตามมาแล้ว!"
เธอหันกลับมาด้วยรอยยิ้มละมุนละไมโดยไม่ตอบอะไร
"มิสึเมะ?"
เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
เขาตัดสินใจวิ่งต่อไปเพราะกลัวว่าจะทำให้น้องสาวได้รับอันตรายไปด้วย กระทั่งถึงส่วนพักอาศัยที่มีคุณนายมิสึมินั่งถักไหมพรมอยู่ในห้องนั่งเล่น
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนเปิดประตูเข้ามา ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ
"ยู...ยูงาริ" เขาเสียงสั่น "คุณยูงาริจะฆ่าผมครับ!"
เสียงฝีเท้าสองคู่หยุดลงหน้าห้องที่เปิดประตูกว้างไว้
"พูดอะไรน่ะ พี่ชาย ฉันกับคุณยูงาริเพิ่งไปเดินเล่นที่สวนกันมาเองนะ" มิสึเมะมองหน้ากันกับเด็กสาวในชุดกระโปรงพลิ้ว "ทันเห็นพี่ชายวิ่งเล่นเรื่อยเปื่อยจนโดนกิ่งไม้แฉลบเอาด้วย ร้องลั่นเลยไม่ใช่เหรอ พวกเราเลยรีบวิ่งตามมาดูไงล่ะ"
"ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรไว้หรอกนะครับ แต่ยังไงก็ช่วยคิดถึงคู่หมั้นของข้าที่อยู่ในคฤหาสน์เดียวกันด้วยครับ อย่างน้อย...ผมก็เป็นคู่หมั้นของเธอโดยเต็มใจ"
คิริเคียวคุถึงกับสะอึก เขากำอกเสื้อตนเองไว้แน่นจนแทบขาดคามือ
"ถึงนางจะเป็นคู่หมั้น แต่ข้าคือคู่ชีวิตของเจ้า เมื่อยังเยาว์ คำมั่นแห่งรักของเจ้าก็เป็นความเต็มใจเช่นเดียวกัน" เขาเอ่ยช้าๆ หากแต่แน่นหนัก "คำที่บอกให้ข้ารับปากว่าจะรักเจ้าตราบเท่าที่ยังหายใจ แม้เจ้าจะจำไม่ได้ คำสาปของฟุริคือหลักฐานที่บ่งบอกถึงมันเป็นอย่างดี และด้วยคำมั่นกับคำสาปนี้เองที่ทำให้ข้าต้องมาที่นี่ มาเพื่อพบคนรักของข้า"
มิสึโตะเม้มริมฝีปาก "งั้นทำยังไงถึงจะยุติมันได้ครับ"
คิริเคียวคุนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะขยับริมฝีปากเผยเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันขมขื่น หากเขารู้วิธีทำลายคำสาปของเจ้าหญิงฟุริ คงไม่ถูกขังอยู่ในหมอกพวกนี้นานตลอดห้าร้อยปีที่ผ่านมาเป็นแน่
ดวงหน้างามผันมองไปยังดวงจันทราอันส่องสว่างบนฟากฟ้า บางที สิ่งนี้อาจเป็นหนึ่งในความมุ่งหวังของเจ้าหญิงฟุริมาตั้งแต่ต้น เขาทรยศต่อมิตรภาพที่มี ทรยศคำมั่นว่าจะไม่มีมุ่งร้ายนาง ความจำเป็นที่เขาได้รับนี้ก็มาจากความรักที่ถูกสั่งให้เชื่อ สั่งให้รอ จากเด็กตัวเล็กๆ ที่มีอายุเพียงแปดขวบเท่านั้นเอง แม้จะซื่อสัตย์และเชื่อมั่นมาตลอดหลายปี สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงคำปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
"เจ้าไม่ต้องให้ข้ามาที่นี่ใช่หรือไม่"
มิสึโตะพยักหน้าด้วยดวงตาอันแฝงความหนักแน่น "ถ้าเป็นไปได้น่ะครับ"
"งั้นข้าต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน" คิริเคียวคุกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสลด "ข้าต้องการหนังสือเล่มหนึ่ง มันเป็นของที่เจ้าเคยนำมาในวันที่เราแลกเปลี่ยนคำมั่นต่อกัน เป็นหนังสือปกสีขาวทอง บนปกเขียนด้วยตัวอักษรภาษาต่างชาติ ข้าอ่านไม่ออก แต่ตัวอักษรนั้นสีทองสวยงาม มีวงกลมสองวงคล้องกันอยู่"
คิริเคียวคุทำท่านึก เมื่อหลายปีก่อนเขาปรับปรุงห้องใหม่ ทั้งเปลี่ยนเตียง เปลี่ยนตู้ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งหลายชิ้น ของที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่เขาได้มาช่วงมัธยมต้นตอนอายุสิบกว่าปีทั้งนั้น ส่วนของเก่าๆ ก็ถูกโละทิ้งทั้งนั้น
เขาพยักหน้า "ผมขอเวลาค้นหน่อยได้ไหมครับ บางที...มันอาจจะอยู่ในห้องเก็บของ ที่นั่นมีอาณาเขตที่ค่อนข้างกว้าง อาจจะหาเจอไม่ได้ง่ายๆ"
คิริเคียวคุพยักหน้า "ถ้าได้หนังสือเล่มนั้น ข้าจึงจะยอมไป"
มิสึโตะขมวดคิ้ว
"เพื่อไม่ให้เจ้าแสร้งผัดวันประกันพรุ่ง"
เมื่อได้เหตุผลมาดังนี้ เด็กหนุ่มก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี แม้เขาจะอดคิดอย่างที่อีกฝ่ายว่ามาไม่ได้ก็ตาม อย่างน้อย...ถ้าใช้ข้ออ้างอย่างที่ว่ามา ถึงเขาจะทิ้งหนังสือเล่มนั้นไปแล้วก็ยังบ่ายเบี่ยงไม่ให้คิริเคียวคุมายุ่งด้วยได้
"ถ้าเจอเมื่อไหร่ ผมจะขึ้นเขาไปส่งให้คุณเองครับ ที่นั่นมีหมอกลงจัดอยู่ตลอดเวลา คงหาตัวคุณได้ไม่ยาก"
ยูงาริปฏิบัติตนอย่างดีเป็นที่น่าพอใจของตระกูลโทคิคาว่า สร้างความพอใจแก่ทุกคนเป็นอย่างดี รวมทั้งมิสึโตะที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียใจอีกเป็นอันขาด คำพูดพล่อยๆ ของเขาทำให้คุณย่าของเธอต้องลาลับไปแล้ว ชีวิตที่เหลือนี้เขาจะเป็นคนดูแลเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลังมื้ออาหารเช้า มิสึโตะรุดไปยังห้องเก็บของที่มีอยู่หลายแห่งในคฤหาสน์โบราณหลังนี้ทันที โชคดีที่ข้าวของต่างๆ ถูกจัดไว้เป็นหมวดหมู่ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น จำนวนหนังสือในห้องเก็บของก็มีเยอะเกินไป ยังไม่รวมห้องหนังสือประจำคฤหาสน์อีก แต่ที่นั่นมักจะมีแต่หนังสือเก่าล้ำค่า ตอนเด็กๆ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเพื่อความปลอดภัยของหนังสือภายในนั้น แต่ไม่แน่ พวกผู้ใหญ่ที่ได้หนังสือเจ้าปัญหาที่ว่านั่นไปอาจนำไปอาจจะเป็นคนนำไปเก็บ
ยูงาริปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มน่ารัก มือสองข้างไพล่หลัง เธอมาในชุดกระโปรงพริ้ว สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย
"หาอะไรอยู่หรือคะ"
มิสึโตะชะงักมือ เขามองคู่หมั้นสาวด้วยความรู้สึกละอายปะปนอยู่บางส่วน "ผม...ผมกำลังหาหนังสือน่ะครับ"
"ช่วยไหมคะ"
น้ำใจของเธอทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น เขาไม่มีวันให้เธอมายุ่งวุ่นวายกับปัญหาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก่อนหมั้นหมายอีกแล้ว เขาหลบสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมา "ไม่เป็นไรครับ มันไม่สลักสำคัญอะไรหรอก"
เขาเว้นจังหวะคล้ายจะรวบรวมความกล้าจากความเสียใจที่มีทั้งหมด เพื่อเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง "เรื่อง...เรื่องคุณยูคาริ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ"
เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย "นั่นเพราะปิศาจเจ้าชายแห่งสายหมอกไม่ใช่หรือคะ ถ้าไม่มีเขาสักคน คุณคงไม่หายตัวไปกลางงานหรอก"
"ถึงอย่างนั้น..."
"เรื่องคุณย่าน่ะ ฉันทำใจมานานแล้วล่ะค่ะ ช่วงที่ผ่านมาอาการท่านทรุดหนักลงมาก ยังไง...ก็คงไม่พ้นปีนี้" ยูงาริเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น "แต่ว่า..."
มิสึโตะมองดวงตาเบิกโพลงของเธอแล้วเผลอผงะไป กอปรกับแสงสะท้อนของวัตถุบางอย่างแวบเข้ามาในทัศนประสาท เขาล้มลงไปกองกับพื้น แต่ไม่ทันไรก็ต้องกลิ้งตัวหนีอุตลุด หลบหลักคมมีดปลายแหลมที่เธอซ่อนไว้ด้า่นหลังตั้งแต่เดินเข้ามาทีแรก
เธอส่งเสียงคำรามต่ำๆ อยู่ในลำคอ
"ถ้าไม่มีคำพูดพล่อยๆ ของคุณ คุณย่าคงไม่ต้องทิ้งฉันไปเร็วขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ!"
มิสึโตะมองเด็กสาวที่แสยะยิ้มอย่างน่าหวาดผวา เธอที่ดูน่ารักไร้พิษภัยเมื่อครู่กลับกลายเป็นมือมีดโรคจิตที่พร้อมจะแทงเขาเป็นรูพรุน
เด็กหนุ่มพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ห้องเก็บของถูกสร้างให้อยู่ห่างจากส่วนพักอาศัยค่อนข้างมาก เสียงร้องของเขาจึงถูกส่งไปไม่ถึงใครทั้งสิ้น
เธอกล่าวกับเขาอย่างอ่อนโยน "ฉันรู้ว่าคุณเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น งั้นก็ควรจะไถ่โทษใช่ไหมล่ะ"
คมมีดกระหน่ำแทงเข้ามาราวกับพายุ มิสึโตะอาศัยความชำนาญพื้นที่และข้าวของระเกะระกะกันอยู่เป็นตัวต้านทานการโจมตีของเธอ แต่ในที่สุดแผ่นหลังก็ประชิดเข้ากับผนัง
เด็กสาวมองภาพนั้นด้วยยินดี
คมมีดที่เงื้อง่าขึ้นเตรียมพุ่งเข้าใส่ ทำให้เขาตัดสินใจวิ่งไปในทิศทางที่เธอยืนอยู่ แม้จะแลกด้วยการถูกปลายมีดกรีดยาวที่ต้นแขนซ้ายก็ตาม เขาใช้จังหวะนั้นผลักเธอให้ล้มไปกองกับกองหนังสือ ส่วนตัวเองวิ่งออกมาจากห้องเก็บของสุดอันตรายนั่นทันที
เขารู้สึกเสียใจเรื่องคุณยูคาริก็จริง แต่จะให้แลกกับการโดนฆ่าก็ไม่เอาด้วยหรอก!
เขามองคู่หมั้นถือมือวิ่งไล่ตามมาติดๆ ด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ โชคยังดีฝีเท้าของคนทั้งคู่มีความต่างชั้นกันอยู่เล็กน้อย มิสึโตะจึงสามารถวิ่งเข้ามาถึงสวนที่อยู่ใกล้ส่วนพักอาศัยได้สำเร็จ ที่นั่นปรากฏร่างของเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนรับลมอยู่เพียงลำพัง
"มิสึเมะ รีบหนีไปเร็วเข้า คุณยูงาริถือมีดวิ่งตามมาแล้ว!"
เธอหันกลับมาด้วยรอยยิ้มละมุนละไมโดยไม่ตอบอะไร
"มิสึเมะ?"
เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
เขาตัดสินใจวิ่งต่อไปเพราะกลัวว่าจะทำให้น้องสาวได้รับอันตรายไปด้วย กระทั่งถึงส่วนพักอาศัยที่มีคุณนายมิสึมินั่งถักไหมพรมอยู่ในห้องนั่งเล่น
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนเปิดประตูเข้ามา ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ
"ยู...ยูงาริ" เขาเสียงสั่น "คุณยูงาริจะฆ่าผมครับ!"
เสียงฝีเท้าสองคู่หยุดลงหน้าห้องที่เปิดประตูกว้างไว้
"พูดอะไรน่ะ พี่ชาย ฉันกับคุณยูงาริเพิ่งไปเดินเล่นที่สวนกันมาเองนะ" มิสึเมะมองหน้ากันกับเด็กสาวในชุดกระโปรงพลิ้ว "ทันเห็นพี่ชายวิ่งเล่นเรื่อยเปื่อยจนโดนกิ่งไม้แฉลบเอาด้วย ร้องลั่นเลยไม่ใช่เหรอ พวกเราเลยรีบวิ่งตามมาดูไงล่ะ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ