In the Mist. สายใยรักในม่านหมอก Yaoi , BL
6.7
เขียนโดย โรเครเซีย
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.05 น.
24 chapter
1 วิจารณ์
24.57K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 10.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) ความรู้สึก ความในใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ มิสึโตะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของวันถัดมา อันที่จริง...คิริเคียวคุสัมผัสได้ว่าเขารู้สึกตัวขึ้นมายังไม่พ้นเที่ยงคืน แต่ดวงตาคู่นั้นก็พยายามจะข่มสติให้ร่วงหล่นลงสู่นิทราอีกครั้ง
บางครั้ง...ภาพฝันก็สวยงามกว่าความจริงมากนัก
เขาไม่ได้ฝันมานานกว่าสี่ร้อยปีแล้ว มันยาวนานเสียจนมนุษย์คนหนึ่งยังลืมว่าความรู้สึกในยามหลับเป็นเช่นไร ความกลัวจากฝันร้ายเป็นเช่นไร และความฝันแสนดีเช่นไรที่ตื่นขึ้นมาแล้วยังคงรอยยิ้มได้ ถึงจะลืมไปว่าการนอนหลับให้ความรู้สึกเช่นไร เขาก็ยังคงวาดหวังว่าผู้ที่นอนอยู่ข้างกันจะมีมายานิทราอันสวยงาม
มื้อเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี ดูเหมือนว่าอากาศที่สดชื่นจะช่วยเรียกสติให้กลับคืนมาเต็มบริบูรณ์ แม้ดวงตาทั้งคู่ยังแฝงอารมณ์อันหม่นหมองไว้ ก็ยังมิวายยิ้มอรุณสวัสดิ์แก่เขา
ทิวทัศน์ริมผาคือสิ่งผ่อนคลายแทนกระดานหมากโกะอย่างทุกที แม้จะพลาดพระอาทิตย์ขึ้น ธรรมชาติสีเขียวแฝงด้วยปุยเมฆหมอกยังคงเป็นสิ่งวิเศษที่ปรากฏอยู่เสมอ เสียงของพงไพรดังแว่วมาราวกับท่วงทำนองจิตวิญญาณแห่งสรรพชีวิต คิริเคียวคุหวังว่าทั้งหมดนี้จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจมิสึโตะให้กลับคืนสู่ความสงบได้ในไม่ช้า
แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว เขายังคงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานราวกับมันเล่นซ้ำไปซ้ำมานับร้อยพันครั้ง
มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขา ยูงาริคงไม่มีวันขู่คุณนายมิสึมิได้แน่ ถ้าอย่างนั้นเธอใช้วิธีอะไร หรือนั่นคือความประสงค์ของตัวเธอเอง ความตายของยูคาริเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดอย่างน่าสลดใจ เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่คนทั้งโลกมองว่าเขาสมควรถูกยูงาริฆ่างั้นหรือ...
ความตายต้องชดเชยด้วยความตาย
เพราะอย่างนั้น...ทั้งมารดา ทั้งน้องสาว พวกเธอถึงยินยอมปกป้องยูงาริแทนที่จะปกป้องเขา แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการและไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยกระนั้นหรือ
“อาจจะจริงก็ได้”
คิริเคียวคุหันมามองคนที่หัวเราะเบาๆ
“ทุกคนอาจจะพูดถูกแล้วก็ได้” มิสึโตะลุกขึ้นยืน “ผมควรจะกลับบ้าน...ไปให้ยูงาริฆ่า ชดเชยความตายของคุณย่าเธอ เรื่องนั้น...ต่อให้มอบมรดกส่วนของผมทั้งหมดให้ มันก็เทียบไม่ได้เลยสักนิดกับชีวิตของคนทั้งคน”
คิริเคียวคุไม่ได้ลุกขึ้นรั้งแต่ประการใด เขาเพียงเมียงมองขณะเอ่ยกล่าวถาม
“แล้วเจ้าต้องการหรือเปล่า อยากจะ...ถูกฆ่า...หรือเปล่า”
“เรื่องนั้นมันสำคัญด้วยเหรอ มันสำคัญเหรอว่าผมต้องการอะไร ทั้งสาเหตุความตายของคุณย่าของยูงาริ ทั้งการที่ผมต้องถูกเธอฆ่า มันเป็นโชคชะตาบ้าๆ ที่ผมไม่ได้อยากให้มันเกิดทั้งนั้น แล้วความต้องการของผมมันจะสำคัญตรงไหน”
“เงินทองมากมายเท่าใดก็เทียบกับชีวิตคนไม่ได้ เจ้าพูดถูกแล้ว แม้แต่ข้าเอง ต่อให้มีคนนำทองคำมาวางเรียงสูงเท่ายอดฟูจิ แต่ต้องสูญเสียเจ้าไป ข้าก็ไม่มีวันยอมรับมันเลย”
เขาสูดลมหายใจเข้าช้าๆ
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงคิดร้ายกับเจ้า แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับบ้านไปให้คู่หมั้นสังหารเอาหรอก หากเจ้ากระทำความผิดบาป บาปของเจ้า ข้าเองก็รับไว้ครึ่งหนึ่งเช่นกัน และสายหมอกเหล่านี้คือสายหมอกแห่งความผิด มันบีบบังคับให้เรามิอาจบิดพลิ้วต่อคำมั่นใดได้เลย”
เขาเริ่มออกก้าวเดินไปยังอากาศว่างเปล่าริมผา มิสึโตะเกือบจะร้องเรียกไว้ หากไม่ติดว่าเห็นเท้าทั้งสองสามารถยืนอยู่บนไอหมอกราวกับเป็นพื้นให้ย่ำไป เรียวมือยื่นไปจนสุดคล้ายต้องการจะผ่านทะลุออกจากม่านหมอก แต่ก็ถูกกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นขวางไว้
คำสาปของเจ้าหญิงฟุริทำให้เขามีชีวิตอยู่ในหมอกเท่านั้น มันมอบชีวิตอันยาวนานประดุจสิ่งที่เรียกว่าความเป็นอมตะในนิทานก่อนนอน แต่ม่านหมอกก็เป็นกรงขังที่กั้นขวางไม่ให้เขาออกไปได้เช่นเดียวกัน
“ข้าตัดสินใจแทนเจ้ามิได้ เมื่อเจ้าออกจากหมอกนี้ไป ข้ายังคงติดอยู่ภายในนี้ เจ้ามีสิทธิ์ มีอิสระในการกระทำทุกๆ สิ่ง ดังนั้น ข้าจึงถามว่าเจ้าต้องการจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่สำหรับข้าแล้ว ความตายเคยเป็นสิ่งที่อยู่กันคนละฟากของโชคชะตามาตลอดสี่ร้อยปี ข้าเห็นดินแดนภายนอกหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เห็นเด็กน้อยที่เคยเล่นด้วยกันในวันวานเติบโตขึ้นและแก่ชรา เคยพบปะกับทายาทของพวกเขาจากรุ่นสู่รุ่น และเห็น...ว่ากระดูกของเขากลายเป็นเถ้าธุลีดิน
ข้าคือผู้ที่ชินชากับความตายมาตลอดกระทั่ง...วันที่ได้พบ ได้พูดคุยกับเจ้า ตลอดเก้าปี ข้าเห็นเจ้า เฝ้ามองเจ้า เห็นทุกสิ่งในทุกช่วงปีราวกับเพื่อนสมัยเด็กที่โตขึ้นมาพร้อมกัน ความรู้สึกที่มีก็ยิ่งเพิ่มขึ้นในทุกวัน ข้าทั้งรอคอยทั้งหวาดเกรงวันแห่งคำมั่นสัญญาของเรา เจ้าจะรักสตรีนางใดหรือเปล่า ข้าจะช่วงชิงเจ้ามาจากผู้เป็นที่รักหรือไม่ หากกระทำสิ่งนั้นแล้ว เจ้าจะรังเกียจรังงอนในตัวข้าไหม ถึงกระนั้น...ข้าก็ดีใจ เก้าปีที่ผ่านมาที่ได้แต่เฝ้ามอง ในที่สุด เสียงของเจ้าก็ถูกเปล่งมาเพื่อข้า คำพูดที่เป็นของเจ้าและข้า”
คิริเคียวคุเดินเข้ามาโอบกอดร่างของผู้ที่กำลังความในใจทั้งหมดของตนเองอย่างแน่นหนา ทั้งความห่วงใย หวงแหน อาวรณ์ รักใคร่ ถูกยัดถูกบรรจุไว้ในสัมผัสทุกประการทั้งสิ้น
“ความต้องการของเจ้าคืออะไร เจ้าปรารถนาในความตายเพราะนั่นคือสิ่งที่ทุกคนบอกว่าควรกระทำงั้นหรือ แล้วใจจริงชองเจ้าต้องการมันหรือไม่ เจ้าตัดสินใจ...ตัดสินใจได้ทั้งนั้น” เขากล่าวกระซิบเสียงเบา “แต่สำหรับข้า...ถ้าเจ้าจะฟังความต้องการของข้าล่ะก็ ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ แค่เจ้าเท่านั้นที่ข้าไม่อยากให้จากไป แค่เจ้าเท่านั้นจริงๆ...”
คิริเคียวคุเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงท่อนแขนอุ่นโอบรัดกาย ก่อนจะเคลือบแฝงด้วยความสุขอันเปี่ยมล้นจากหัวใจ
บางครั้ง...ภาพฝันก็สวยงามกว่าความจริงมากนัก
เขาไม่ได้ฝันมานานกว่าสี่ร้อยปีแล้ว มันยาวนานเสียจนมนุษย์คนหนึ่งยังลืมว่าความรู้สึกในยามหลับเป็นเช่นไร ความกลัวจากฝันร้ายเป็นเช่นไร และความฝันแสนดีเช่นไรที่ตื่นขึ้นมาแล้วยังคงรอยยิ้มได้ ถึงจะลืมไปว่าการนอนหลับให้ความรู้สึกเช่นไร เขาก็ยังคงวาดหวังว่าผู้ที่นอนอยู่ข้างกันจะมีมายานิทราอันสวยงาม
มื้อเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี ดูเหมือนว่าอากาศที่สดชื่นจะช่วยเรียกสติให้กลับคืนมาเต็มบริบูรณ์ แม้ดวงตาทั้งคู่ยังแฝงอารมณ์อันหม่นหมองไว้ ก็ยังมิวายยิ้มอรุณสวัสดิ์แก่เขา
ทิวทัศน์ริมผาคือสิ่งผ่อนคลายแทนกระดานหมากโกะอย่างทุกที แม้จะพลาดพระอาทิตย์ขึ้น ธรรมชาติสีเขียวแฝงด้วยปุยเมฆหมอกยังคงเป็นสิ่งวิเศษที่ปรากฏอยู่เสมอ เสียงของพงไพรดังแว่วมาราวกับท่วงทำนองจิตวิญญาณแห่งสรรพชีวิต คิริเคียวคุหวังว่าทั้งหมดนี้จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจมิสึโตะให้กลับคืนสู่ความสงบได้ในไม่ช้า
แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว เขายังคงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานราวกับมันเล่นซ้ำไปซ้ำมานับร้อยพันครั้ง
มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขา ยูงาริคงไม่มีวันขู่คุณนายมิสึมิได้แน่ ถ้าอย่างนั้นเธอใช้วิธีอะไร หรือนั่นคือความประสงค์ของตัวเธอเอง ความตายของยูคาริเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดอย่างน่าสลดใจ เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่คนทั้งโลกมองว่าเขาสมควรถูกยูงาริฆ่างั้นหรือ...
ความตายต้องชดเชยด้วยความตาย
เพราะอย่างนั้น...ทั้งมารดา ทั้งน้องสาว พวกเธอถึงยินยอมปกป้องยูงาริแทนที่จะปกป้องเขา แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการและไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยกระนั้นหรือ
“อาจจะจริงก็ได้”
คิริเคียวคุหันมามองคนที่หัวเราะเบาๆ
“ทุกคนอาจจะพูดถูกแล้วก็ได้” มิสึโตะลุกขึ้นยืน “ผมควรจะกลับบ้าน...ไปให้ยูงาริฆ่า ชดเชยความตายของคุณย่าเธอ เรื่องนั้น...ต่อให้มอบมรดกส่วนของผมทั้งหมดให้ มันก็เทียบไม่ได้เลยสักนิดกับชีวิตของคนทั้งคน”
คิริเคียวคุไม่ได้ลุกขึ้นรั้งแต่ประการใด เขาเพียงเมียงมองขณะเอ่ยกล่าวถาม
“แล้วเจ้าต้องการหรือเปล่า อยากจะ...ถูกฆ่า...หรือเปล่า”
“เรื่องนั้นมันสำคัญด้วยเหรอ มันสำคัญเหรอว่าผมต้องการอะไร ทั้งสาเหตุความตายของคุณย่าของยูงาริ ทั้งการที่ผมต้องถูกเธอฆ่า มันเป็นโชคชะตาบ้าๆ ที่ผมไม่ได้อยากให้มันเกิดทั้งนั้น แล้วความต้องการของผมมันจะสำคัญตรงไหน”
“เงินทองมากมายเท่าใดก็เทียบกับชีวิตคนไม่ได้ เจ้าพูดถูกแล้ว แม้แต่ข้าเอง ต่อให้มีคนนำทองคำมาวางเรียงสูงเท่ายอดฟูจิ แต่ต้องสูญเสียเจ้าไป ข้าก็ไม่มีวันยอมรับมันเลย”
เขาสูดลมหายใจเข้าช้าๆ
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงคิดร้ายกับเจ้า แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับบ้านไปให้คู่หมั้นสังหารเอาหรอก หากเจ้ากระทำความผิดบาป บาปของเจ้า ข้าเองก็รับไว้ครึ่งหนึ่งเช่นกัน และสายหมอกเหล่านี้คือสายหมอกแห่งความผิด มันบีบบังคับให้เรามิอาจบิดพลิ้วต่อคำมั่นใดได้เลย”
เขาเริ่มออกก้าวเดินไปยังอากาศว่างเปล่าริมผา มิสึโตะเกือบจะร้องเรียกไว้ หากไม่ติดว่าเห็นเท้าทั้งสองสามารถยืนอยู่บนไอหมอกราวกับเป็นพื้นให้ย่ำไป เรียวมือยื่นไปจนสุดคล้ายต้องการจะผ่านทะลุออกจากม่านหมอก แต่ก็ถูกกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นขวางไว้
คำสาปของเจ้าหญิงฟุริทำให้เขามีชีวิตอยู่ในหมอกเท่านั้น มันมอบชีวิตอันยาวนานประดุจสิ่งที่เรียกว่าความเป็นอมตะในนิทานก่อนนอน แต่ม่านหมอกก็เป็นกรงขังที่กั้นขวางไม่ให้เขาออกไปได้เช่นเดียวกัน
“ข้าตัดสินใจแทนเจ้ามิได้ เมื่อเจ้าออกจากหมอกนี้ไป ข้ายังคงติดอยู่ภายในนี้ เจ้ามีสิทธิ์ มีอิสระในการกระทำทุกๆ สิ่ง ดังนั้น ข้าจึงถามว่าเจ้าต้องการจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่สำหรับข้าแล้ว ความตายเคยเป็นสิ่งที่อยู่กันคนละฟากของโชคชะตามาตลอดสี่ร้อยปี ข้าเห็นดินแดนภายนอกหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เห็นเด็กน้อยที่เคยเล่นด้วยกันในวันวานเติบโตขึ้นและแก่ชรา เคยพบปะกับทายาทของพวกเขาจากรุ่นสู่รุ่น และเห็น...ว่ากระดูกของเขากลายเป็นเถ้าธุลีดิน
ข้าคือผู้ที่ชินชากับความตายมาตลอดกระทั่ง...วันที่ได้พบ ได้พูดคุยกับเจ้า ตลอดเก้าปี ข้าเห็นเจ้า เฝ้ามองเจ้า เห็นทุกสิ่งในทุกช่วงปีราวกับเพื่อนสมัยเด็กที่โตขึ้นมาพร้อมกัน ความรู้สึกที่มีก็ยิ่งเพิ่มขึ้นในทุกวัน ข้าทั้งรอคอยทั้งหวาดเกรงวันแห่งคำมั่นสัญญาของเรา เจ้าจะรักสตรีนางใดหรือเปล่า ข้าจะช่วงชิงเจ้ามาจากผู้เป็นที่รักหรือไม่ หากกระทำสิ่งนั้นแล้ว เจ้าจะรังเกียจรังงอนในตัวข้าไหม ถึงกระนั้น...ข้าก็ดีใจ เก้าปีที่ผ่านมาที่ได้แต่เฝ้ามอง ในที่สุด เสียงของเจ้าก็ถูกเปล่งมาเพื่อข้า คำพูดที่เป็นของเจ้าและข้า”
คิริเคียวคุเดินเข้ามาโอบกอดร่างของผู้ที่กำลังความในใจทั้งหมดของตนเองอย่างแน่นหนา ทั้งความห่วงใย หวงแหน อาวรณ์ รักใคร่ ถูกยัดถูกบรรจุไว้ในสัมผัสทุกประการทั้งสิ้น
“ความต้องการของเจ้าคืออะไร เจ้าปรารถนาในความตายเพราะนั่นคือสิ่งที่ทุกคนบอกว่าควรกระทำงั้นหรือ แล้วใจจริงชองเจ้าต้องการมันหรือไม่ เจ้าตัดสินใจ...ตัดสินใจได้ทั้งนั้น” เขากล่าวกระซิบเสียงเบา “แต่สำหรับข้า...ถ้าเจ้าจะฟังความต้องการของข้าล่ะก็ ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ แค่เจ้าเท่านั้นที่ข้าไม่อยากให้จากไป แค่เจ้าเท่านั้นจริงๆ...”
คิริเคียวคุเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงท่อนแขนอุ่นโอบรัดกาย ก่อนจะเคลือบแฝงด้วยความสุขอันเปี่ยมล้นจากหัวใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ