ราคีพ่ายเสน่หา
8.7
เขียนโดย romanticsine
วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.02 น.
21 ตอน
2 วิจารณ์
23.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2558 15.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ขายบริการ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ตี 4 อย่าเรทหล่ะ” การ์ดร่างยักษ์ที่พาฉันมาส่งเช่นเคยกระฉับเสียงเข้ม ฉันพยักหน้าอย่างรำคาญ
“ลูกค้าคนนี้เป็นถึงมหาเศรษฐี โกยเงินมาเยอะๆหล่ะ” ฉันทำเมินไม่ฟังไม่นานนักก็มีคนมารับฉันขึ้นไปหาลูกค้า โรงแรมระดับ5ดาว
“เชิญครับ” ประตูเปิดออก ฉันเดินเข้าไปอย่างรู้สึกประหม่า ทำไมรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลยนะ นี่ฉันเป็นอะไร
“นั่งรอตรงนี้สักครู่นะครับ” จากนั้น พ่อบ้านคนนั้นก็เดินออกไป ฉันอยู่ในห้องที่มีโต๊ะอาหารโต๊ะใหญ่พร้อมอาหารเต็มโต๊ะ ติดกับริมแม่น้ำที่มองทะลุกระจกออกไปแล้วเห็นสะพานต่างๆ เห็นไฟรถในเมืองกรุงเทพวิ่งพลุกพล่าน ฉันลืมตัวเดินไปติดกระจกพร้อมกับมองออกไป เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หัวใจฉันเต้นโครมครามเหมือนเด็กเห็นสิ่งแปลกใหม่ และแล้วสายตาของฉันก็พลั้งไปเห็นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน เอกสารที่เป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด ฉันรู้สึกสนใจจนลืมว่ามันคือสิ่งที่ฉันไม่ควรทำ ฉันหยิบมันขึ้นมาอ่านเพราะฉันชอบในภาษาต่างประเทศ
“L’hôtel Montalembert แพงใช่เล่นแฮะ โอ้ตายละ นี่มันใจกลางเมืองปารีสเลยนี่น่า เค้าจะขยายสาขาโรงแรมไปไกลขนาดนั้นเชียวหรอ 40กว่าห้องพัก มีห้องสำหรับคนพิการด้วย ตายแล้วๆๆ” ฉันพึมพำกับตัวเองอย่างตกตะลึงกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ
“นี่ต้องใช้เงินกี่หมื่นล้านกันเนี่ยโรงแรมหรูขนาดนี้”
“ก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับผลกำไรที่คืนมา” เสียงนิ่งสุขุมดังมาจากประตูห้อง ฉันสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบวางเอกสาร ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเพราะกลัวความผิด ไม่กล้าแม้จะมองหน้าผู้มาเยือน
“ไม่ยักรู้ว่าเค้ามีคอร์สสอนภาษาฝรั่งเศสให้เด็กๆด้วย” ร่างสูงใหญ่ย่างกายเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความตกใจฉันได้แต่ยืนก้มมองเท้า
“เออคือฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
“เธอรู้ภาษาขนาดที่อ่านข้อมูลออกหมดเลยรึไง?”
“ชะใช่ค่ะ ฉันชอบภาษาฝรั่งเศสมาก เพราะฉันดูทวิภพบ่อย” บะบ้าเอ้ย ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย “มะไม่ใช่ค่ะ คือฉันชอบศึกษาภาษาต่างประเท…ศ” และเสียงของฉันก็หายไปเมื่อร่างสูงใหญ่นั้นหยุดลงตรงหน้า พร้อมทั้งใช้มือใหญ่ขึ้นมาสัมผัสใบหน้าฉันให้เชิดขึ้น จนเราสบตากับอย่างใกล้ชิด ฉันได้กลิ่นสบู่ที่หอมสะอาดจากตัวของเค้า ฉันแทบจะลืมหายใจชั่วขณะ เพราะแววตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างยากที่จะคาดเดา
“เธอเป็นสายสืบรึเปล่า?” น้ำเสียงแหบพร่าทำให้ใจฉันกระตุกวูบ ก่อนจะเผลอพละตัวออกจากเค้าอย่างทันท่วงที
“ขอโทษคะ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คือฉันแค่มือบอน คือฉันขอโทษ” ลิ้นฉันพันรัว พูดไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้กระดี่ ให้ตายสิพระเจ้า ฉันไม่เคยเจอใครที่หล่อขนาดนี้มาก่อน ทำไมใจของฉันถึงเต้นแรงขนาดนี้นะ
“นั่งลงสิ” ลูกค้ากล่าวพร้อมทั้งภายมือก่อนจะเดินไปนั่งหัวโต๊ะ ฉันนั่งลงฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งพยายามรวบรวมสติ
“เธอรู้ภาษาอะไรบ้าง” เค้ายกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบพร้อมทั้งเอ่ยถาม
“ฉันขอน้ำส้มนะคะ” ฉันหันไปบอกพ่อบ้านที่ตอนแรกจะรินไวน์ให้ ก่อนจะตอบคุณชาย
“อังกฤษ จีน เยอรมัน ฝรั่งเศส เสปน ภาษารู และก็ภาษาไทยค่ะ”
“น่าแปลกนะ เธอเอาเวลาไหนไปเรียนภาษากัน” เค้าเลิกคิ้วสูงพร้อมมองหน้าฉันอย่างสนใจ จนฉันต้องรีบหลบตาทันที
“ก็เวลาหลังจากเลิกงานเสร็จคะ…” มันน่าอายนะที่ต้องตอบแบบนี้
“ตี4นะหรอ?”
“แต่ก็ต้องรอตอนเช้าค่ะ เพราะเจ้านายไม่อนุญาตให้เปิดไฟเกินตี5”
“เธอเรียนยังไง… ใครสอนเธอ”
“โทรศัพท์ค่ะ”
“หืม? เจ้าเครื่องนี้นะหรอ” เค้ามองไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างฉัน
“ใช่ค่ะ แล้วก็ หนังสือตำราต่างๆ”
“เธอน่าสนใจดีนะ” แววตาเจ้าเล่ย์คู่นั้นจ้องมองฉันพร้อมรอยยิ้ม น่าแปลกที่หากเป็นคนอื่นฉันคงจะรู้สึกรังเกียจ แต่กลับเค้าฉันรู้สึกเหมือนถูกครูชมจนต้องยิ้มออกมา
“ทานอาหารเถอะ” เค้าผากมือเชิญ ฉันพยักหน้าเบาๆก่อนจะเริ่มลงมือ
“เธอทำงานที่นี่มานานรึยัง” เป็นคำถามที่ฉันถึงกับกลืนอาหารไม่ลง
ฉันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาก่อนจะดื่มมันจนหมดแก้ว
“1ปีได้มั้งค่ะ ฉันไม่อยากจดจำวันที่ฉันมาอยู่ที่นี่เท่าไหร่หรอก มันน่ากลัว…”
“งั้นหรอ แล้ว… เธอรับลูกค้ามากี่คนแล้ว” ฉันปรายตามองเค้า แต่แล้วก็พบเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งคำตอบ
“เจ๊ให้ฉันรับแต่ลูกค้ารายใหญ่… ฉันจำจำนวนลูกค้าไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็ดี… งั้นฉันจะไปรอที่ห้องนอนนะ เสร็จเมื่อไหร่ก็ตามฉันเข้าไป” พูดจบ เค้าก็ลุกจากโต๊ะอาหารไปทันที ทิ้งฉันไว้ด้วยความฉงนใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันตา ทีแรกก็ดูใจดี แต่ทำไมตอนนี้กลายเป็นเสือร้ายแล้วหล่ะ นี่ผู้ชายทุกคนเป็นเหใอนกันหมดเลยใช่มั้ยนะ
ฉันเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็พบกับความว่างเปล่า ภายในห้องมีกลิ่นอโรม่าที่หอมอบอวน แต่ไหนหล่ะคุณลูกค้า ในขณะที่ฉันกำลังสงสัยอยู่นั้น ประตูห้องน้ำก็เปิดออก พร้อมกับชายร่างสูงที่เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันท่อนร่างไว้ผืนเดียว โชว์ซิกแพ็ค ฉันแอบกลืนน้ำลายเบาๆ ทำไมปากคอมันแห้งแบบนี้นะฉัน…
“รออะไรอยู่หล่ะ” ไม่ทันได้ตั้งตัว เค้าก็ถลาเข้ามาหาฉันก่อนจะระดมจูบที่ปากและไล่มาที่ต้นคอ
“ดะเดี๋ยวค่ะ!!!” ฉันร้องเสียงหลง จนเค้าหยุดชะงักอย่างตกใจ เค้าผละออกก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
“ฉันขออาบน้ำก่อนได้มั้ยค่ะ”
“ให้ฉันอาบให้มั้ย… ฉันชอบอะไรที่มันสะอาดมากนะรู้รึเปล่า” เสียงแผ่วเบานั้นทำเอาฉันขนลุกซู่ ก่อนจะรีบผละตัวแล้วหลบเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร็วไว
“ลูกค้าคนนี้เป็นถึงมหาเศรษฐี โกยเงินมาเยอะๆหล่ะ” ฉันทำเมินไม่ฟังไม่นานนักก็มีคนมารับฉันขึ้นไปหาลูกค้า โรงแรมระดับ5ดาว
“เชิญครับ” ประตูเปิดออก ฉันเดินเข้าไปอย่างรู้สึกประหม่า ทำไมรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลยนะ นี่ฉันเป็นอะไร
“นั่งรอตรงนี้สักครู่นะครับ” จากนั้น พ่อบ้านคนนั้นก็เดินออกไป ฉันอยู่ในห้องที่มีโต๊ะอาหารโต๊ะใหญ่พร้อมอาหารเต็มโต๊ะ ติดกับริมแม่น้ำที่มองทะลุกระจกออกไปแล้วเห็นสะพานต่างๆ เห็นไฟรถในเมืองกรุงเทพวิ่งพลุกพล่าน ฉันลืมตัวเดินไปติดกระจกพร้อมกับมองออกไป เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หัวใจฉันเต้นโครมครามเหมือนเด็กเห็นสิ่งแปลกใหม่ และแล้วสายตาของฉันก็พลั้งไปเห็นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน เอกสารที่เป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด ฉันรู้สึกสนใจจนลืมว่ามันคือสิ่งที่ฉันไม่ควรทำ ฉันหยิบมันขึ้นมาอ่านเพราะฉันชอบในภาษาต่างประเทศ
“L’hôtel Montalembert แพงใช่เล่นแฮะ โอ้ตายละ นี่มันใจกลางเมืองปารีสเลยนี่น่า เค้าจะขยายสาขาโรงแรมไปไกลขนาดนั้นเชียวหรอ 40กว่าห้องพัก มีห้องสำหรับคนพิการด้วย ตายแล้วๆๆ” ฉันพึมพำกับตัวเองอย่างตกตะลึงกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ
“นี่ต้องใช้เงินกี่หมื่นล้านกันเนี่ยโรงแรมหรูขนาดนี้”
“ก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับผลกำไรที่คืนมา” เสียงนิ่งสุขุมดังมาจากประตูห้อง ฉันสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบวางเอกสาร ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเพราะกลัวความผิด ไม่กล้าแม้จะมองหน้าผู้มาเยือน
“ไม่ยักรู้ว่าเค้ามีคอร์สสอนภาษาฝรั่งเศสให้เด็กๆด้วย” ร่างสูงใหญ่ย่างกายเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความตกใจฉันได้แต่ยืนก้มมองเท้า
“เออคือฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
“เธอรู้ภาษาขนาดที่อ่านข้อมูลออกหมดเลยรึไง?”
“ชะใช่ค่ะ ฉันชอบภาษาฝรั่งเศสมาก เพราะฉันดูทวิภพบ่อย” บะบ้าเอ้ย ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย “มะไม่ใช่ค่ะ คือฉันชอบศึกษาภาษาต่างประเท…ศ” และเสียงของฉันก็หายไปเมื่อร่างสูงใหญ่นั้นหยุดลงตรงหน้า พร้อมทั้งใช้มือใหญ่ขึ้นมาสัมผัสใบหน้าฉันให้เชิดขึ้น จนเราสบตากับอย่างใกล้ชิด ฉันได้กลิ่นสบู่ที่หอมสะอาดจากตัวของเค้า ฉันแทบจะลืมหายใจชั่วขณะ เพราะแววตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างยากที่จะคาดเดา
“เธอเป็นสายสืบรึเปล่า?” น้ำเสียงแหบพร่าทำให้ใจฉันกระตุกวูบ ก่อนจะเผลอพละตัวออกจากเค้าอย่างทันท่วงที
“ขอโทษคะ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คือฉันแค่มือบอน คือฉันขอโทษ” ลิ้นฉันพันรัว พูดไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้กระดี่ ให้ตายสิพระเจ้า ฉันไม่เคยเจอใครที่หล่อขนาดนี้มาก่อน ทำไมใจของฉันถึงเต้นแรงขนาดนี้นะ
“นั่งลงสิ” ลูกค้ากล่าวพร้อมทั้งภายมือก่อนจะเดินไปนั่งหัวโต๊ะ ฉันนั่งลงฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งพยายามรวบรวมสติ
“เธอรู้ภาษาอะไรบ้าง” เค้ายกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบพร้อมทั้งเอ่ยถาม
“ฉันขอน้ำส้มนะคะ” ฉันหันไปบอกพ่อบ้านที่ตอนแรกจะรินไวน์ให้ ก่อนจะตอบคุณชาย
“อังกฤษ จีน เยอรมัน ฝรั่งเศส เสปน ภาษารู และก็ภาษาไทยค่ะ”
“น่าแปลกนะ เธอเอาเวลาไหนไปเรียนภาษากัน” เค้าเลิกคิ้วสูงพร้อมมองหน้าฉันอย่างสนใจ จนฉันต้องรีบหลบตาทันที
“ก็เวลาหลังจากเลิกงานเสร็จคะ…” มันน่าอายนะที่ต้องตอบแบบนี้
“ตี4นะหรอ?”
“แต่ก็ต้องรอตอนเช้าค่ะ เพราะเจ้านายไม่อนุญาตให้เปิดไฟเกินตี5”
“เธอเรียนยังไง… ใครสอนเธอ”
“โทรศัพท์ค่ะ”
“หืม? เจ้าเครื่องนี้นะหรอ” เค้ามองไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างฉัน
“ใช่ค่ะ แล้วก็ หนังสือตำราต่างๆ”
“เธอน่าสนใจดีนะ” แววตาเจ้าเล่ย์คู่นั้นจ้องมองฉันพร้อมรอยยิ้ม น่าแปลกที่หากเป็นคนอื่นฉันคงจะรู้สึกรังเกียจ แต่กลับเค้าฉันรู้สึกเหมือนถูกครูชมจนต้องยิ้มออกมา
“ทานอาหารเถอะ” เค้าผากมือเชิญ ฉันพยักหน้าเบาๆก่อนจะเริ่มลงมือ
“เธอทำงานที่นี่มานานรึยัง” เป็นคำถามที่ฉันถึงกับกลืนอาหารไม่ลง
ฉันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาก่อนจะดื่มมันจนหมดแก้ว
“1ปีได้มั้งค่ะ ฉันไม่อยากจดจำวันที่ฉันมาอยู่ที่นี่เท่าไหร่หรอก มันน่ากลัว…”
“งั้นหรอ แล้ว… เธอรับลูกค้ามากี่คนแล้ว” ฉันปรายตามองเค้า แต่แล้วก็พบเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งคำตอบ
“เจ๊ให้ฉันรับแต่ลูกค้ารายใหญ่… ฉันจำจำนวนลูกค้าไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็ดี… งั้นฉันจะไปรอที่ห้องนอนนะ เสร็จเมื่อไหร่ก็ตามฉันเข้าไป” พูดจบ เค้าก็ลุกจากโต๊ะอาหารไปทันที ทิ้งฉันไว้ด้วยความฉงนใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันตา ทีแรกก็ดูใจดี แต่ทำไมตอนนี้กลายเป็นเสือร้ายแล้วหล่ะ นี่ผู้ชายทุกคนเป็นเหใอนกันหมดเลยใช่มั้ยนะ
ฉันเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็พบกับความว่างเปล่า ภายในห้องมีกลิ่นอโรม่าที่หอมอบอวน แต่ไหนหล่ะคุณลูกค้า ในขณะที่ฉันกำลังสงสัยอยู่นั้น ประตูห้องน้ำก็เปิดออก พร้อมกับชายร่างสูงที่เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันท่อนร่างไว้ผืนเดียว โชว์ซิกแพ็ค ฉันแอบกลืนน้ำลายเบาๆ ทำไมปากคอมันแห้งแบบนี้นะฉัน…
“รออะไรอยู่หล่ะ” ไม่ทันได้ตั้งตัว เค้าก็ถลาเข้ามาหาฉันก่อนจะระดมจูบที่ปากและไล่มาที่ต้นคอ
“ดะเดี๋ยวค่ะ!!!” ฉันร้องเสียงหลง จนเค้าหยุดชะงักอย่างตกใจ เค้าผละออกก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
“ฉันขออาบน้ำก่อนได้มั้ยค่ะ”
“ให้ฉันอาบให้มั้ย… ฉันชอบอะไรที่มันสะอาดมากนะรู้รึเปล่า” เสียงแผ่วเบานั้นทำเอาฉันขนลุกซู่ ก่อนจะรีบผละตัวแล้วหลบเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร็วไว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ