เธโปเนียส มหานครกึ่งเทพ ภาค ผลึกนิทราสีเลือด
10.0
เขียนโดย locket
วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.59 น.
2 ตอน
2 วิจารณ์
4,538 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558 23.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทนำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ บทนำ
ปัง! ปัง! ปัง!
“ ปล่อยนะ ปล่อยฉันออกไปนะ ฮือๆๆๆ” เสียงโวยวายและเสียงร้องไห้ที่ดังมาจากประตูด้านหนึ่งของตัวปราสาท ทำให้ผมชะงักมือที่กำลังซ้อมดาบลงอย่างหงุดหงิด!! เสียงแหลมๆเล็กๆนั่นทำให้ผมต้องรีบพาหน้าเท่ๆของตัวเองไปยังตัวต้นเหตุของเสียง
แอ๊ดดดดด....... ผมกำลังเปิดประตูครับ
ภาพที่ผมเห็นเมื่อประตูได้เปิดออกแล้วนั้นคือร่างเล็กๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุคงจะราวๆสิบขวบกำลังนั่งซุกหน้าลงกับเข่าเล็กๆทั้งสองข้าง ผมยาวดุจผืนแพรสีน้ำหมึกทิ้งตัวลงปกคลุมด้านหลังและด้านหน้า เด็กหญิงอยู่ในชุดเจ้าหญิงที่ดูน่ารักสมวัยด้วยชุดกระโปรงสีขาว แต่....ผมไม่รู้หรอกว่าหน้าตาเด็กคนนี้จะน่ารักหรือเปล่าเพราะเธอก้มหน้าก้มตาอยู่กับเข่าของตัวเองพร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ ว่าแต่ผมบอกไปหรือยังครับว่า ‘ผมไม่ชอบเด็ก’ แต่จะปล่อยให้เจ้าหนูนี่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนี้มันก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อยและด้วยความที่ผมเป็นคนดีพอๆกับหน้าตาจึงทำให้ผมเลือกที่จะนั่งลงข้างๆเจ้าหนูพร้อมกับส่งเสียงเรียก เฮ้ออออ แล้วผมจะเริ่มต้นเรียกยังไงดีละเนี่ยผมไม่เคยมีน้องสาว ไม่เคยเล่นกับเด็กผู้หญิง และที่สำคัญผมไม่ชอบเด็ก!!
“นี่...” ผมเรียกเธอสั้นๆซึ่งต้องบอกว่าผมฉลาดมากที่เลือกเรียกเจ้าหนูนี่ไปแบบนั้น เมื่อได้ยินเสียงอันทรงพลังของผม?? เด็กหญิงก็เงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างหวาดกลัว ใบหน้ากลมมนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาแต่ก็ยังน่ามองรับกับคิ้วเรียวสวยดั่งพู่กันวาด ริมฝีปากบางเล็กสีชมพูราวกับแต่งแต้มนั้นทำให้ผมนึกเอ็นดูเธอขึ้นมาเล็กน้อยและยิ่งเมื่อได้สบตากับดวงตาสีฟ้าใสที่บัดนี้เอ่อคลอไปด้วยน้ำตานั่นแล้วทำให้ความหงุดหงิดก่อนหน้านั้นจางหายไปจนหมดสิ้น
“ ทะ...ท่านมาช่วยฉันใช่ไหมคะ?” แววตาเป็นประกายสดใสในทันที่เอ่ยขึ้นมานั้นทำให้ผมมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ผมรู้แค่เพียงว่าเสด็จพ่อได้จับตัวเด็กคนหนึ่งมาจากเมืองเซทาเลีย อันเป็นดินแดนปรปักษ์กับดินแดนเฟอร์เวเรียสของผม แต่ไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อจะจับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าชังแถมดูจากการแต่งกายแล้วคงจะเป็นองค์หญิงน้อยแห่งเมืองเซทาเลียเป็นแน่แท้มาไว้ในปราสาทอย่างนี้ ผมจะตอบคำถามกับเด็กคนนี้ยังไงดี??
“ เปล่าหรอก ฉันชื่อไนท์ ฉันจะพาเธอออกไปเดินเล่น ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ” ผมถามเด็กหญิงที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตาสงสัยในสิ่งที่ผมพูดอยู่
“ เฟเลียค่ะ ท่านจะพาเฟเลียไปไหนเหรอคะ” เด็กหญิงยังคงมีทีท่าเกรงกลัวผมอยู่เธอตอบผมพร้อมกับเอียงคอมองอย่างสงสัย เห็นท่าทางแบบนี้แล้วผมชักอยากจะมีน้องสาวขึ้นมาบ้างคงต้องหาเวลาว่างบอกเรื่องนี้กับเสด็จพ่อเสด็จแม่ซะแล้วสิ
“ ไปกันเถอะ ” ผมพูดพลางลุกขึ้นยืน เฟเลียยังคงมองหน้าผมแล้วก็นิ่งไปนิดคล้ายกับกำลังลังเล ผมยิ้มให้บางๆ(อย่างเท่ห์ๆ ) พร้อมยื่นมือขาวสะอาดให้เธอฉุดตัวเองตัวเองขึ้นมาจากพื้นมือเล็กๆคว้ามือผมไว้แน่นอย่างหาที่พึ่ง เอ่อ...ผมเริ่มจะชอบเด็กขึ้นมาบ้างแล้วแฮะ!! ผมจูงมือเธอเดินออกจากตัวประสาทเข้ามาในสวนดอกไม้ ดอกคาเรียสีขาวที่กำลังบานสะพรั่งร่วงหล่นตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว มีเด็กหญิงตัวน้อยๆกระโดดจับดอกไม้ที่หล่นลงมาสู่พื้นดินช่วยทำให้พื้นที่บริเวณนั้นน่ามองขึ้นถนัดตา ผมยืนมองอยู่ห่างๆและหวังในใจว่าทุกอย่างที่กำลังจะเกิดมันจะต้องจบลงได้ด้วยดี...อย่าจบลงด้วยสงครามอย่างที่แล้วๆมาอีกเลย
ปัง! ปัง! ปัง!
“ ปล่อยนะ ปล่อยฉันออกไปนะ ฮือๆๆๆ” เสียงโวยวายและเสียงร้องไห้ที่ดังมาจากประตูด้านหนึ่งของตัวปราสาท ทำให้ผมชะงักมือที่กำลังซ้อมดาบลงอย่างหงุดหงิด!! เสียงแหลมๆเล็กๆนั่นทำให้ผมต้องรีบพาหน้าเท่ๆของตัวเองไปยังตัวต้นเหตุของเสียง
แอ๊ดดดดด....... ผมกำลังเปิดประตูครับ
ภาพที่ผมเห็นเมื่อประตูได้เปิดออกแล้วนั้นคือร่างเล็กๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุคงจะราวๆสิบขวบกำลังนั่งซุกหน้าลงกับเข่าเล็กๆทั้งสองข้าง ผมยาวดุจผืนแพรสีน้ำหมึกทิ้งตัวลงปกคลุมด้านหลังและด้านหน้า เด็กหญิงอยู่ในชุดเจ้าหญิงที่ดูน่ารักสมวัยด้วยชุดกระโปรงสีขาว แต่....ผมไม่รู้หรอกว่าหน้าตาเด็กคนนี้จะน่ารักหรือเปล่าเพราะเธอก้มหน้าก้มตาอยู่กับเข่าของตัวเองพร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ ว่าแต่ผมบอกไปหรือยังครับว่า ‘ผมไม่ชอบเด็ก’ แต่จะปล่อยให้เจ้าหนูนี่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนี้มันก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อยและด้วยความที่ผมเป็นคนดีพอๆกับหน้าตาจึงทำให้ผมเลือกที่จะนั่งลงข้างๆเจ้าหนูพร้อมกับส่งเสียงเรียก เฮ้ออออ แล้วผมจะเริ่มต้นเรียกยังไงดีละเนี่ยผมไม่เคยมีน้องสาว ไม่เคยเล่นกับเด็กผู้หญิง และที่สำคัญผมไม่ชอบเด็ก!!
“นี่...” ผมเรียกเธอสั้นๆซึ่งต้องบอกว่าผมฉลาดมากที่เลือกเรียกเจ้าหนูนี่ไปแบบนั้น เมื่อได้ยินเสียงอันทรงพลังของผม?? เด็กหญิงก็เงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างหวาดกลัว ใบหน้ากลมมนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาแต่ก็ยังน่ามองรับกับคิ้วเรียวสวยดั่งพู่กันวาด ริมฝีปากบางเล็กสีชมพูราวกับแต่งแต้มนั้นทำให้ผมนึกเอ็นดูเธอขึ้นมาเล็กน้อยและยิ่งเมื่อได้สบตากับดวงตาสีฟ้าใสที่บัดนี้เอ่อคลอไปด้วยน้ำตานั่นแล้วทำให้ความหงุดหงิดก่อนหน้านั้นจางหายไปจนหมดสิ้น
“ ทะ...ท่านมาช่วยฉันใช่ไหมคะ?” แววตาเป็นประกายสดใสในทันที่เอ่ยขึ้นมานั้นทำให้ผมมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ผมรู้แค่เพียงว่าเสด็จพ่อได้จับตัวเด็กคนหนึ่งมาจากเมืองเซทาเลีย อันเป็นดินแดนปรปักษ์กับดินแดนเฟอร์เวเรียสของผม แต่ไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อจะจับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าชังแถมดูจากการแต่งกายแล้วคงจะเป็นองค์หญิงน้อยแห่งเมืองเซทาเลียเป็นแน่แท้มาไว้ในปราสาทอย่างนี้ ผมจะตอบคำถามกับเด็กคนนี้ยังไงดี??
“ เปล่าหรอก ฉันชื่อไนท์ ฉันจะพาเธอออกไปเดินเล่น ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ” ผมถามเด็กหญิงที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตาสงสัยในสิ่งที่ผมพูดอยู่
“ เฟเลียค่ะ ท่านจะพาเฟเลียไปไหนเหรอคะ” เด็กหญิงยังคงมีทีท่าเกรงกลัวผมอยู่เธอตอบผมพร้อมกับเอียงคอมองอย่างสงสัย เห็นท่าทางแบบนี้แล้วผมชักอยากจะมีน้องสาวขึ้นมาบ้างคงต้องหาเวลาว่างบอกเรื่องนี้กับเสด็จพ่อเสด็จแม่ซะแล้วสิ
“ ไปกันเถอะ ” ผมพูดพลางลุกขึ้นยืน เฟเลียยังคงมองหน้าผมแล้วก็นิ่งไปนิดคล้ายกับกำลังลังเล ผมยิ้มให้บางๆ(อย่างเท่ห์ๆ ) พร้อมยื่นมือขาวสะอาดให้เธอฉุดตัวเองตัวเองขึ้นมาจากพื้นมือเล็กๆคว้ามือผมไว้แน่นอย่างหาที่พึ่ง เอ่อ...ผมเริ่มจะชอบเด็กขึ้นมาบ้างแล้วแฮะ!! ผมจูงมือเธอเดินออกจากตัวประสาทเข้ามาในสวนดอกไม้ ดอกคาเรียสีขาวที่กำลังบานสะพรั่งร่วงหล่นตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว มีเด็กหญิงตัวน้อยๆกระโดดจับดอกไม้ที่หล่นลงมาสู่พื้นดินช่วยทำให้พื้นที่บริเวณนั้นน่ามองขึ้นถนัดตา ผมยืนมองอยู่ห่างๆและหวังในใจว่าทุกอย่างที่กำลังจะเกิดมันจะต้องจบลงได้ด้วยดี...อย่าจบลงด้วยสงครามอย่างที่แล้วๆมาอีกเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ