The chess war มหาสงครามเกมหมากรุก
10.0
เขียนโดย liber
วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.46 น.
26 บท
1 วิจารณ์
26.20K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558 15.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) FOURTH CHECK – WHITE ARMY
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “!”สีหน้าอึ้งกิมกี่ของแอนคอร่าและสายตาพิฆาตของแกลเดียสทำให้ลูกัสใจเสียขึ้นมาทันที เขา
แค่นเสียงหัวเราะแห้งๆพร้อมกับแก้ตัวขึ้นว่า
“ข้าแค่ล้อเล่นเองนะขอรับ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณแกลเดียสคืออะไรนะคะ?”หญิงสาวถามขึ้นหลัง
จากได้สติขึ้นมาแล้ว "ฉันฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่”
“ราชาขาวน่ะหรือขอรับ?”ชายหนุ่มทวนคำ แต่ก็แทบอยากจะกัดลิ้นตนเองตายกะทันหันเมื่อเห็น
สีหน้าและสายตาของแกลเดียสที่ส่งมาให้ประมาณว่า
เจ้าตายแน่!
“นี่คือ ท่านแอนคอร่ายังไม่รู้ว่าท่านแกลเดียสคือราชาขาวเหรอครับ!”ลูกัสอุทาน เล่นเอาราชา
ขาวเอามือตบหน้าผากของตนเองด้วยความเซ็งอย่างที่สุด
“ก็ใช่นะสิ! เจ้าทูตสมองกลวง!”เขาสบถออกมาเบาๆ แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นสายตาของแอนคอร่าที่
ส่งมาว่า สงสัยจะต้องคุยกันอีกยาว ภาพนั้นทำให้ลูกัสหัวเราะหึๆภายในใจ
ท่าทางจะมีเรื่องนั่งเผากับโซฮาร์ได้อีกนานเลยแฮะ
“โอ๊ะ! ท่าทางจะถึงเมืองแล้วนะขอรับ”เขาเอ่ยออกมาแล้วชี้นิ้วไปด้านล่าง หญิงสาวก้มลงมองตาม
ก็สังเกตเห็นเมืองที่ค่อนข้างพลุกพล่าน แกลเดียสบังคับเจ้าซิลเวอร์เบลดให้ร่อนลงหยุดที่หน้าปราสาทหิน
อ่อนสีขาวสะอาด เขากระโดดลงจากหลังม้า ทำให้แอนคอร่ากระโดดตามลงม้าปีกตามมาด้วย ชายหนุ่มส่ง
บังเหียนให้กับทหารซักคนแล้วหันกลับไปพูดกับลูกัสว่า
“พานางไปหาไอริส เดี๋ยวข้าจะมีประชุมการทหารต่อ เจ้าเข้าประชุมสายได้ไม่เกิน 2 นาฬิกา
ทรายเพียงเท่านั้น ไม่มีการผ่อนปรน”ว่าแล้วร่างสูงก็เดินเข้าไปในปราสาทอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวเห็นแต่
ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่สะบัดพลิ้วเท่านั้น
“โหดชะมัด”ลูกัสบ่นพึมพำ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแอนคอร่าอย่างเป็นมิตร “เอาล่ะ คือข้าต้องไป
ประชุมในอีก...อะไรก็ช่างเถอะ ข้าต้องพาท่านไปหาคนที่ช่วยดูแลและหาที่พักแล้วก็อะไรทำนองนั้นให้ท่าน
ก่อน”เขาเอ่ยกับหญิงสาว ขณะเดินนำแอนคอร่าไปตามทางเดินของปราสาท แต่แล้วชายหนุ่มก็เดินเลี้ยว
เขาไปในสวนดอกไม้ของปราสาท ร่างสูงของเขาชะงักเล็กน้อยเมือเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังยืนมองดอกไม้
ดอกหนึ่งอยู่ มันเป็นดอกไม้ที่มีหน้าตาเหมือนดอกกุหลาบมาก กลีบสีขาวสะอาด ตรงปลายกลีบกลายเป็น
สีชมพูไล่ขึ้นเรื่อยๆราวกับเป็นฝีมือการไล่สีน้ำของจิตรกรเอก
หญิงสาวที่กำลังยื่นมองดอกไม้งดงามกว่ามาก เธอเรือนผมสีขาวสะอาดเช่นเดียวกับกลีบกุหลาบ
ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เหลือบขึ้นมองผู้มาเยือน มันเป็นสีเทาเข้มราวกับพายุ แต่แววตาของเธอนั้นตรง
กันข้ามอย่างสิ้นเชิง มันเป็นประกายสงบนิ่ง เจือด้วยแววหม่นเศร้าเล็กๆตอนที่แอนคอร่าสบมัน
“นานๆทีจะได้เห็นเจ้าออกมาจากห้องสมุดนะเนี่ย ออรา”ลูกัสพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไอริสอยู่รึเปล่า?”
“ข้าว่าน่าจะ ตอนที่ข้าเข้าไปขอยาแก้ไอ นางยังไปชงชามาให้โซฮาร์อยู่เลย”เธอตอบ“ตอนแรก
ข้านึกว่าเจ้าจะพาสาวที่ไหนมาพลอดรักเสียอีก แต่มาหาไอริสเนี่ย คงไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดสินะ”
“อืม นางเป็นแขกของท่านแกลเดียสน่ะ ข้าขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะไปประชุมสาย”ลูกัสบอกลาแล้ว
เดินไปก่อน“ฝากเจ้าพานางไปที่โบสถ์ด้วย”
“เอ่อ..ดอกไม้สวยดีนะคะ” แอนคอร่าเปิดบทสนทนาด้วยท่าทีเก้กัง “ดอกอะไรเหรอคะ?”
“ทีโรส*น่ะ”หญิงสาวตอบ”มาสิ ข้าจะพาเจ้าไปที่โบสถ์” เธอกล่าวแล้วเดินนำแอนคอร่าไปในสวนทันที
เมื่อมาถึงโบสถ์ที่มีสวนและน้ำพุอยู่ด้านหน้า หญิงสาวแปลกหน้านั้นนำทางแอนคอร่าเข้าไปในนั้น
ทันที กระจกสเตนกลาส**ทอดแสงหลากสีลงบนพื้นหินเย็นยะเยือก ร่างของแม่ชีนางหนึ่งกำลังสวด
ภาวนาอยู่ด้านหน้ารูปปั้นของพระแม่มารี*** เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามอง
“มีธุระอะไรเหรอเจ้าคะ ท่านออโรร่า?”เธอถามขณะลุกขึ้นยืน
“แขกของท่านแกลเดียสน่ะ ไอริส”หญิงสาวผมสีขาวบริสุทธิ์ตอบ
“ท่านไปเถอะ ข้าจัดการทางนี้ให้เอง”เธอกล่าว หญิงสาวที่มากับแอนคอร่าในตอนแรกจึงเดิน
หายออกไปจากประตูโบสถ์ทันที แม่ชีน้อยหันมาหาหญิงสาวพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ข้าชื่อไอริส ไฟเดส เป็นบิชอป ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ”ไอริสเอ่ย“ท่านคุยกับท่านออโรร่าแล้วสินะเจ้าคะ"
“ออโรร่า? ใครเหรอคะ?”
“อ๋อ ท่านคงยังไม่รู้จัก ผู้ที่นำทางท่านมาคือ ออโรร่า โพลาริส รูคฝ่ายขวาเจ้าค่ะ”เด็กสาวตอบ
ด้วยเสียงฉะฉาน แอนคอร่าเม้มปากด้วยความอาย พร้อมกับภาวนาไม่ให้ตนเองหน้าแดงออกมา
“ฉันชื่อแอนคอร่า โฮป ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
“ซิสเตอร์ มีแขกเหรอ?”เสียงถามดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มในชุดบาทหลวงที่โผล่หน้าออกมาจาก
ห้องสารภาพบาป เขามีดวงตาสีแดงเข้มเหมือนทับทิม เรือนผมสีเงินยุ่งไม่เป็นทรง เหมือนกับพึ่งตื่นนอนไม่
มีผิด
“เจ้าค่ะท่านบราเธอร์ นี่ท่านเผลอหลับคาห้องสารภาพบาปอีกแล้วเหรอเจ้าคะ”ไอริสบ่นเล็ก
น้อย“แขกของท่านแกลเดียสมาเจ้าค่ะ”
“แขกของเจ้านั่นเหรอ?”เขาถามพลางเพ่งมองแอนคอร่า“อย่างนี้นี่เอง ซิสเตอร์ นำเธอไปที่ห้อง
ลอเรลด้วย เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับแกลเดียสหลังประชุมเสร็จ”
“แต่ห้องลอเรลมันไว้...เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”ไอริสพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาเหมือนจะคัดค้าน แต่แล้ว
เธอก็เงียบลงแล้วโค้งตัวให้บาทหลวงที่เดินสวนออกไปจากโบสถ์
“ตามข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปที่ห้องพัก มีอะไรอยากจะไปทำก่อนไหมเจ้าคะ?”เด็กสาวถาม
“เอ่อ..ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยพาฉันไปที่โรงอาหารหรืออะไรทำนองนั้นก่อนได้ไหมคะ? คือ
ว่า..ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาเลย”แอนคอร่าขอร้องอย่างสุภาพ ไอริสพยักหน้าแล้วเดินนำหญิงสาวไป
ทันที...
อันที่จริง สถานที่นี้ไม่อาจเรียกว่าเป็นห้องอาหารได้ซะทีเดียว มันดูเหมือนค่ายพักแรมกลางแจ้งที่
มีหลังคาและซุ้มขายอาหารคอยบริการเต็มไปหมด แม่ชีน้อยหาโต๊ะว่างได้ที่หนึ่ง แล้วเธอจึงออกไปซื้อของ
กินกับเครื่องดื่มมาให้แอนคอร่าโดยไม่ลืมกำชับให้หญิงสาวเฝ้าโต๊ะและระมัดระวังในการคุยกับคนแปลกหน้า
กระนั้น จู่ๆเสียงผิวปากที่ดังขึ้นเป็นเชิงเรียกร้องความสนใจก็ทำให้แอนคอร่าหันไปมองที่ต้นเสียง
“มีอะไรเหรอคะ?”เธอหันไปถามชายผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม“มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?”
“ท่านสนใจเล่นไพ่กับพวกข้าไหมล่ะขอรับ ในฐานะสตรี พวกข้าจะยอมออมมือให้ก็ได้”เขาเอ่ย
พูดจบ เสียงหัวเราะครืนก็ดังขึ้นมาจากโต๊ะที่เขานั่งอยู่ หญิงสาวแค่นยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า
“ยินดีรับคำท้าค่ะ แล้วก็..พวกคุณไม่จำเป็นต้องออมมือให้ฉันหรอกค่ะ เพราะสำหรับผู้มีสติ
ปัญญาพอ ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี คุณจะสามารถพลิกเกมให้ชนะได้อย่างแน่นอน!”
*ทีโรส(tea rose)เป็นกุหลาบกลุ่มหนึ่ง
**สเตนกลาส(stain glass)เป็นศิลปะการตกแต่งโดยใช้เศษกระจกสีมาปะติดด้วยตะกั่ว
***พระแม่มารี(virgin mary) มารดาของหระเยซู เป็นสตรีพรหมจรรย์
แค่นเสียงหัวเราะแห้งๆพร้อมกับแก้ตัวขึ้นว่า
“ข้าแค่ล้อเล่นเองนะขอรับ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณแกลเดียสคืออะไรนะคะ?”หญิงสาวถามขึ้นหลัง
จากได้สติขึ้นมาแล้ว "ฉันฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่”
“ราชาขาวน่ะหรือขอรับ?”ชายหนุ่มทวนคำ แต่ก็แทบอยากจะกัดลิ้นตนเองตายกะทันหันเมื่อเห็น
สีหน้าและสายตาของแกลเดียสที่ส่งมาให้ประมาณว่า
เจ้าตายแน่!
“นี่คือ ท่านแอนคอร่ายังไม่รู้ว่าท่านแกลเดียสคือราชาขาวเหรอครับ!”ลูกัสอุทาน เล่นเอาราชา
ขาวเอามือตบหน้าผากของตนเองด้วยความเซ็งอย่างที่สุด
“ก็ใช่นะสิ! เจ้าทูตสมองกลวง!”เขาสบถออกมาเบาๆ แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นสายตาของแอนคอร่าที่
ส่งมาว่า สงสัยจะต้องคุยกันอีกยาว ภาพนั้นทำให้ลูกัสหัวเราะหึๆภายในใจ
ท่าทางจะมีเรื่องนั่งเผากับโซฮาร์ได้อีกนานเลยแฮะ
“โอ๊ะ! ท่าทางจะถึงเมืองแล้วนะขอรับ”เขาเอ่ยออกมาแล้วชี้นิ้วไปด้านล่าง หญิงสาวก้มลงมองตาม
ก็สังเกตเห็นเมืองที่ค่อนข้างพลุกพล่าน แกลเดียสบังคับเจ้าซิลเวอร์เบลดให้ร่อนลงหยุดที่หน้าปราสาทหิน
อ่อนสีขาวสะอาด เขากระโดดลงจากหลังม้า ทำให้แอนคอร่ากระโดดตามลงม้าปีกตามมาด้วย ชายหนุ่มส่ง
บังเหียนให้กับทหารซักคนแล้วหันกลับไปพูดกับลูกัสว่า
“พานางไปหาไอริส เดี๋ยวข้าจะมีประชุมการทหารต่อ เจ้าเข้าประชุมสายได้ไม่เกิน 2 นาฬิกา
ทรายเพียงเท่านั้น ไม่มีการผ่อนปรน”ว่าแล้วร่างสูงก็เดินเข้าไปในปราสาทอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวเห็นแต่
ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่สะบัดพลิ้วเท่านั้น
“โหดชะมัด”ลูกัสบ่นพึมพำ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแอนคอร่าอย่างเป็นมิตร “เอาล่ะ คือข้าต้องไป
ประชุมในอีก...อะไรก็ช่างเถอะ ข้าต้องพาท่านไปหาคนที่ช่วยดูแลและหาที่พักแล้วก็อะไรทำนองนั้นให้ท่าน
ก่อน”เขาเอ่ยกับหญิงสาว ขณะเดินนำแอนคอร่าไปตามทางเดินของปราสาท แต่แล้วชายหนุ่มก็เดินเลี้ยว
เขาไปในสวนดอกไม้ของปราสาท ร่างสูงของเขาชะงักเล็กน้อยเมือเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังยืนมองดอกไม้
ดอกหนึ่งอยู่ มันเป็นดอกไม้ที่มีหน้าตาเหมือนดอกกุหลาบมาก กลีบสีขาวสะอาด ตรงปลายกลีบกลายเป็น
สีชมพูไล่ขึ้นเรื่อยๆราวกับเป็นฝีมือการไล่สีน้ำของจิตรกรเอก
หญิงสาวที่กำลังยื่นมองดอกไม้งดงามกว่ามาก เธอเรือนผมสีขาวสะอาดเช่นเดียวกับกลีบกุหลาบ
ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เหลือบขึ้นมองผู้มาเยือน มันเป็นสีเทาเข้มราวกับพายุ แต่แววตาของเธอนั้นตรง
กันข้ามอย่างสิ้นเชิง มันเป็นประกายสงบนิ่ง เจือด้วยแววหม่นเศร้าเล็กๆตอนที่แอนคอร่าสบมัน
“นานๆทีจะได้เห็นเจ้าออกมาจากห้องสมุดนะเนี่ย ออรา”ลูกัสพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไอริสอยู่รึเปล่า?”
“ข้าว่าน่าจะ ตอนที่ข้าเข้าไปขอยาแก้ไอ นางยังไปชงชามาให้โซฮาร์อยู่เลย”เธอตอบ“ตอนแรก
ข้านึกว่าเจ้าจะพาสาวที่ไหนมาพลอดรักเสียอีก แต่มาหาไอริสเนี่ย คงไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดสินะ”
“อืม นางเป็นแขกของท่านแกลเดียสน่ะ ข้าขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะไปประชุมสาย”ลูกัสบอกลาแล้ว
เดินไปก่อน“ฝากเจ้าพานางไปที่โบสถ์ด้วย”
“เอ่อ..ดอกไม้สวยดีนะคะ” แอนคอร่าเปิดบทสนทนาด้วยท่าทีเก้กัง “ดอกอะไรเหรอคะ?”
“ทีโรส*น่ะ”หญิงสาวตอบ”มาสิ ข้าจะพาเจ้าไปที่โบสถ์” เธอกล่าวแล้วเดินนำแอนคอร่าไปในสวนทันที
เมื่อมาถึงโบสถ์ที่มีสวนและน้ำพุอยู่ด้านหน้า หญิงสาวแปลกหน้านั้นนำทางแอนคอร่าเข้าไปในนั้น
ทันที กระจกสเตนกลาส**ทอดแสงหลากสีลงบนพื้นหินเย็นยะเยือก ร่างของแม่ชีนางหนึ่งกำลังสวด
ภาวนาอยู่ด้านหน้ารูปปั้นของพระแม่มารี*** เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามอง
“มีธุระอะไรเหรอเจ้าคะ ท่านออโรร่า?”เธอถามขณะลุกขึ้นยืน
“แขกของท่านแกลเดียสน่ะ ไอริส”หญิงสาวผมสีขาวบริสุทธิ์ตอบ
“ท่านไปเถอะ ข้าจัดการทางนี้ให้เอง”เธอกล่าว หญิงสาวที่มากับแอนคอร่าในตอนแรกจึงเดิน
หายออกไปจากประตูโบสถ์ทันที แม่ชีน้อยหันมาหาหญิงสาวพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ข้าชื่อไอริส ไฟเดส เป็นบิชอป ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ”ไอริสเอ่ย“ท่านคุยกับท่านออโรร่าแล้วสินะเจ้าคะ"
“ออโรร่า? ใครเหรอคะ?”
“อ๋อ ท่านคงยังไม่รู้จัก ผู้ที่นำทางท่านมาคือ ออโรร่า โพลาริส รูคฝ่ายขวาเจ้าค่ะ”เด็กสาวตอบ
ด้วยเสียงฉะฉาน แอนคอร่าเม้มปากด้วยความอาย พร้อมกับภาวนาไม่ให้ตนเองหน้าแดงออกมา
“ฉันชื่อแอนคอร่า โฮป ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
“ซิสเตอร์ มีแขกเหรอ?”เสียงถามดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มในชุดบาทหลวงที่โผล่หน้าออกมาจาก
ห้องสารภาพบาป เขามีดวงตาสีแดงเข้มเหมือนทับทิม เรือนผมสีเงินยุ่งไม่เป็นทรง เหมือนกับพึ่งตื่นนอนไม่
มีผิด
“เจ้าค่ะท่านบราเธอร์ นี่ท่านเผลอหลับคาห้องสารภาพบาปอีกแล้วเหรอเจ้าคะ”ไอริสบ่นเล็ก
น้อย“แขกของท่านแกลเดียสมาเจ้าค่ะ”
“แขกของเจ้านั่นเหรอ?”เขาถามพลางเพ่งมองแอนคอร่า“อย่างนี้นี่เอง ซิสเตอร์ นำเธอไปที่ห้อง
ลอเรลด้วย เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับแกลเดียสหลังประชุมเสร็จ”
“แต่ห้องลอเรลมันไว้...เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”ไอริสพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาเหมือนจะคัดค้าน แต่แล้ว
เธอก็เงียบลงแล้วโค้งตัวให้บาทหลวงที่เดินสวนออกไปจากโบสถ์
“ตามข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปที่ห้องพัก มีอะไรอยากจะไปทำก่อนไหมเจ้าคะ?”เด็กสาวถาม
“เอ่อ..ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยพาฉันไปที่โรงอาหารหรืออะไรทำนองนั้นก่อนได้ไหมคะ? คือ
ว่า..ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาเลย”แอนคอร่าขอร้องอย่างสุภาพ ไอริสพยักหน้าแล้วเดินนำหญิงสาวไป
ทันที...
อันที่จริง สถานที่นี้ไม่อาจเรียกว่าเป็นห้องอาหารได้ซะทีเดียว มันดูเหมือนค่ายพักแรมกลางแจ้งที่
มีหลังคาและซุ้มขายอาหารคอยบริการเต็มไปหมด แม่ชีน้อยหาโต๊ะว่างได้ที่หนึ่ง แล้วเธอจึงออกไปซื้อของ
กินกับเครื่องดื่มมาให้แอนคอร่าโดยไม่ลืมกำชับให้หญิงสาวเฝ้าโต๊ะและระมัดระวังในการคุยกับคนแปลกหน้า
กระนั้น จู่ๆเสียงผิวปากที่ดังขึ้นเป็นเชิงเรียกร้องความสนใจก็ทำให้แอนคอร่าหันไปมองที่ต้นเสียง
“มีอะไรเหรอคะ?”เธอหันไปถามชายผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม“มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?”
“ท่านสนใจเล่นไพ่กับพวกข้าไหมล่ะขอรับ ในฐานะสตรี พวกข้าจะยอมออมมือให้ก็ได้”เขาเอ่ย
พูดจบ เสียงหัวเราะครืนก็ดังขึ้นมาจากโต๊ะที่เขานั่งอยู่ หญิงสาวแค่นยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า
“ยินดีรับคำท้าค่ะ แล้วก็..พวกคุณไม่จำเป็นต้องออมมือให้ฉันหรอกค่ะ เพราะสำหรับผู้มีสติ
ปัญญาพอ ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี คุณจะสามารถพลิกเกมให้ชนะได้อย่างแน่นอน!”
*ทีโรส(tea rose)เป็นกุหลาบกลุ่มหนึ่ง
**สเตนกลาส(stain glass)เป็นศิลปะการตกแต่งโดยใช้เศษกระจกสีมาปะติดด้วยตะกั่ว
***พระแม่มารี(virgin mary) มารดาของหระเยซู เป็นสตรีพรหมจรรย์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ