The chess war มหาสงครามเกมหมากรุก
10.0
เขียนโดย liber
วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.46 น.
26 บท
1 วิจารณ์
26.23K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558 15.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) TWENTY FIFTH CHECK – FATE
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ร่างโปร่งของนักเดินหมากก้าวนำองค์ราชาไปอย่างรวดเร็ว ในยามนี้ความสงสัยและเคร่งเครียด
ได้เข้าครอบงำจนหญิงสาวไม่ได้นึกถึงสิ่งอื่น นั่นทำให้เธอไม่สังเกตถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและ
กังวลที่ราชาขาวมองตามมา ร่างบางเดินแหวกผ้าม่านสีมืดแล้วไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำนาย ที่นั่น โซเฟีย
กำลังนั่งมองลูกแก้วชาวบ้านคนหนึ่งอยู่สะดุ้งแล้วหันมามองทันที
“ท่านน้าคะ..คุณแม่กำลังปกป้องอะไรจากฉันกันแน่? แล้วกฎของนักทำนายคืออะไรคะ?”
แอนคอร่าถามขึ้นหลังจากชาวบ้านออกไปจากกระท่อมหลังนั้นแล้ว หญิงกลางคนดึงผ้าโปร่งสีม่วงออกจาก
ใบหน้า ดวงตาสีเขียวใสทอประกายร้อนรน
“แอนคอร่า น้าบอกเจ้าไม่ได้” นักทำนายประจำหมู่บ้านกล่าว “กฎของนักทำนายคือห้ามบอก
คำทำนายแก่ผู้อื่นหากมันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และห้ามเปลี่ยนแปลงคำทำนายเด็ดขาด..ไม่ว่าจะ
อยากเพียงแค่ไหนก็ตาม”
“แต่ท่านน้าคะ” หญิงสาวเอ่ยค้าน แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นแววตาของผู้เป็นน้าแล้วก็หยุดชะงัก
เพราะแววตาที่ส่งออกมาบ่งบอกเป็นเชิงว่าถ้ายังถามต่อไปเธออาจจะร้องไห้ออกมาก็เป็นได้ ผู้มีศักดิ์เป็นนัก
เดินหมากเม้มริมฝีปากแน่น แล้วดวงหน้าคมคายก็เชิดรั้นขึ้นเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ดวงตาสีเขียวกระจ่างทอ
ประกายคมกล้าอันเป็นลักษณะที่ได้มาจากสายเลือดของอาเบล โฮป
“ก็ได้ ถ้าท่านน้าไม่บอกฉันล่ะก็ ฉันไปหาคำตอบเองก็ได้” แอนคอร่าเอ่ยพร้อมกับหันหลังกลับ
แต่ก่อนที่เธอจะได้สาวเท้าออกไปจากกระโจม เสียงพูดของโซเฟียก็ทำให้ร่างบางหยุดชะงักทันที
“แอนคอร่า คำทำนายของซิลเวียมันไม่เคยพลาด แต่ครั้งนี้..น้าขอภาวนาให้มันพลาดด้วย”
เสียงสั่นครือทำให้นักเดินหมากหันมามอง เธอมีท่าทีอ่อนลง แต่ประกายมุ่งมั่นในดวงตาก็ยังไม่จางหายไป
“ไม่ว่าคำทำนายจะเป็นอะไร จะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง ฉันก็ขอเลือกรับรู้มันและเผชิญหน้ากับมัน
ดีกว่าหลบซ่อนแล้วปล่อยให้คนบริสุทธิ์เป็นเหยื่อแทน..ท่านพ่อคงต้องการอย่างนี้เหมือนกัน”หญิง
สาวกล่าวแล้วหันหลังกลับก้าวออกจากห้องทำนาย นั่นทำให้เธอไม่เห็นว่าดวงตาสีเขียวดุจมรกตน้ำงาม
ของนักทำนายมีหยาดน้ำตาคลอ หญิงวัยกลางคนรำพึงเบาๆด้วยเสียงแหบแห้งปนสะอื้นว่า
“แม้แต่พ่อของเจ้าก็คงไม่ยอมให้เจ้าไปเผชิญหน้ากับชะตากรรมหรอก แอนคอร่า หากเขารู้ว่า..
มันหมายถึงจุดจบชีวิตของเจ้าเอง..!”
“แอน!” แกลเดียสร้องเรียกเมื่อแอนคอร่าเดินออกมาจากกระโจม “มีเด็กในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่งหาย
ไป หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอยู่กับลูกหมี” คำพูดเพียงเท่านั้นทำให้ความคิดของนักเดินหมากเป็นรูปธรรมทันที
“อยากบอกนะคะว่าเขาจะไปตาหาลูกหมีในป่า!” หญิงสาวร้องเสียงหลงก่อนจะรีบเอามือปิดปาก
เพราะมีชาวบ้านหันมามองตามเป็นพรวน
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น” ผู้มีศักดิ์เป็นราชาขาวเอ่ยพลางถอนหายใจ “ปัญหาใหญ่อีกข้อก็คือ..”
“นี่! เจ้าน่ะ เป็นนักเดินหมากใช่ไหม รีบไปช่วยลูกข้าสิ มัวรออะไรอยู่เล่า!” เสียงที่เอ่ยขัดขึ้นทำ
ให้แอนคอร่าหันไปมอง ต้นเสียงเป็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วม “ปราบมังกรยังทำได้ ทำไมแค่ไปตามหาเด็ก
ในป่าทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ!” เธอกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ ชาวบ้านอีกหลายคนส่งเสียงสูงต่ำต่างกันออก
มาสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง นักเดินหมากผงะไปเล็กน้อย พลันดวงตาสีเขียวกระจ่างก็เหลือบไปเห็นมือ
หนาของแกลเดียสขยับไปยังดาบสั้นที่ห้อยอยู่ข้างเอว มือบางจึงรีบคว้ามือหนาข้างนั้นเอาไว้เป็นเชิงปราม
ชายหนุ่มหยุดชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อสบกับดวงตาสีมรกตแล้วก็ต้องละมือออกจากด้ามดาบเสียมิได้
“ก็ได้ ฉันจะไปช่วยเด็กในป่า” แอนคอร่ากล่าวขึ้น เสียงเฮจึงดังขึ้นทันที แต่เสียงนั้นก็เงียบลง
เพราะเสียงปรบมือเพื่อความสนใจของหญิงสาว เธอกระแอมไอก่อนจะเริ่มพูดต่อ “แต่..มีข้อแม้นะคะ คือ
ห้ามทำอะไรกับอุปกรณ์เสริมที่ฉันใช้นะคะ บอกให้เลยว่ามันเป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านพ่อให้มา แล้วก็มัน
คงไม่พอใจแน่ถ้าพวกคุณทำอะไรไม่ดี เกรงว่าถ้าเป็นอย่างงั้นหมู่บ้านของพวกคุณคงจะราบเป็นหน้ากลอง”
กลุ่มชาวบ้านนิ่งเงียบงันไปซักครู่ แล้วเสียงจ๊อกแจ๊กก็ดังขึ้นราวกับนกกระจอกแตกรัง ซักพัก
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“เรายอมรับข้อเสนอของท่าน แต่พวกเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าท่านจะทำตามที่พูด”
แอนคอร่าถอนหายใจเบาๆ มือบางหยิบเขายางาช้าง*จากถุงถักออกมาชูแล้วพูดด้วยเสียงกังวานว่า
“นักเดินหมากไม่เคยผิดสัญญา และจะไม่ผิดสัญญาด้วย สาบานด้วยอาลักษณ์ประจำตระกูลแห่ง
แม่ข้า ไอวอเรียสแห่งแพนนาเซีย!” ว่าแล้วเธอก็หยิบเกล็ดมังกรขึ้นมาไว้ตรงร่องริมฝีปากแล้วเป่า ท่วง
ทำนองแปลกประหลาดดังขึ้น ชาวบ้านหลายคนเงี่ยหูฟังด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ความตื่นตระหนกจะเข้า
ครอบคลุมเมื่อพวกเขารู้ว่าตัวอะไรกำลังจะมา!
สายลมโชยอ่อนเป็นระยะแปรเปลี่ยนเป็นลมแรงกรรโชก เสียงกู่ก้องดังก้อง แล้วร่างของมังกรสี
เขียวสดใสก็ร่อนลงบนพื้นดิน ผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากฝ่ายขาวปีนขึ้นไปบนแผ่นหลังเกล็ดเรียบ
“แอนคอร่า เจ้ายังไม่รู้ว่ากำลังจะไปเจอกับอะไรอยู่ เจ้าไม่ควร”องค์ราชาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“อย่ากลับมาช้ากว่าพระอาทิตย์ตกดินเด็ดขาด เข้าใจนะ”
“ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”เธอตอบ แล้วหรี่ตาลงเพราะลมแรงและฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายจากการกระพือ
ปีกของเคียด้า “อย่าลืมไปรักษาแผลที่สีข้างนะคะ”
พูดจบร่างของมังกรสีเขียวมรกตก็ถลาขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง แกลเดียสเอื้อมมือหมายจะไขว่คว้า
แต่ก็คว้าได้เพียงสร้อยที่เส้นเชือกขาดลงพอดิบพอดี มือหนาค้างอยู่ในท่านั้นจนมังกรโผบินไปลับจากสาย
ตา ก่อนที่ราชาขาวจะลนดมือลงเพราะความเจ็บที่แล่นแปร๊บบริเวณแผลที่ได้รับมาจากกรงเล็บของมังกร
“ทำไมนะ ข้าถึงได้ห่วงเจ้าขนาดนี้ แอนคอร่า ใครก็ได้ ตอบข้าทีเถอะ!”
*เขาสัตว์หรืองาช้างที่ถูกคว้านไส้ให้กลวง ใช้ใส่ดินสีหรือสมุนไพรๆที่มีลักษณะเป็นผง
ได้เข้าครอบงำจนหญิงสาวไม่ได้นึกถึงสิ่งอื่น นั่นทำให้เธอไม่สังเกตถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและ
กังวลที่ราชาขาวมองตามมา ร่างบางเดินแหวกผ้าม่านสีมืดแล้วไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำนาย ที่นั่น โซเฟีย
กำลังนั่งมองลูกแก้วชาวบ้านคนหนึ่งอยู่สะดุ้งแล้วหันมามองทันที
“ท่านน้าคะ..คุณแม่กำลังปกป้องอะไรจากฉันกันแน่? แล้วกฎของนักทำนายคืออะไรคะ?”
แอนคอร่าถามขึ้นหลังจากชาวบ้านออกไปจากกระท่อมหลังนั้นแล้ว หญิงกลางคนดึงผ้าโปร่งสีม่วงออกจาก
ใบหน้า ดวงตาสีเขียวใสทอประกายร้อนรน
“แอนคอร่า น้าบอกเจ้าไม่ได้” นักทำนายประจำหมู่บ้านกล่าว “กฎของนักทำนายคือห้ามบอก
คำทำนายแก่ผู้อื่นหากมันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และห้ามเปลี่ยนแปลงคำทำนายเด็ดขาด..ไม่ว่าจะ
อยากเพียงแค่ไหนก็ตาม”
“แต่ท่านน้าคะ” หญิงสาวเอ่ยค้าน แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นแววตาของผู้เป็นน้าแล้วก็หยุดชะงัก
เพราะแววตาที่ส่งออกมาบ่งบอกเป็นเชิงว่าถ้ายังถามต่อไปเธออาจจะร้องไห้ออกมาก็เป็นได้ ผู้มีศักดิ์เป็นนัก
เดินหมากเม้มริมฝีปากแน่น แล้วดวงหน้าคมคายก็เชิดรั้นขึ้นเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ดวงตาสีเขียวกระจ่างทอ
ประกายคมกล้าอันเป็นลักษณะที่ได้มาจากสายเลือดของอาเบล โฮป
“ก็ได้ ถ้าท่านน้าไม่บอกฉันล่ะก็ ฉันไปหาคำตอบเองก็ได้” แอนคอร่าเอ่ยพร้อมกับหันหลังกลับ
แต่ก่อนที่เธอจะได้สาวเท้าออกไปจากกระโจม เสียงพูดของโซเฟียก็ทำให้ร่างบางหยุดชะงักทันที
“แอนคอร่า คำทำนายของซิลเวียมันไม่เคยพลาด แต่ครั้งนี้..น้าขอภาวนาให้มันพลาดด้วย”
เสียงสั่นครือทำให้นักเดินหมากหันมามอง เธอมีท่าทีอ่อนลง แต่ประกายมุ่งมั่นในดวงตาก็ยังไม่จางหายไป
“ไม่ว่าคำทำนายจะเป็นอะไร จะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง ฉันก็ขอเลือกรับรู้มันและเผชิญหน้ากับมัน
ดีกว่าหลบซ่อนแล้วปล่อยให้คนบริสุทธิ์เป็นเหยื่อแทน..ท่านพ่อคงต้องการอย่างนี้เหมือนกัน”หญิง
สาวกล่าวแล้วหันหลังกลับก้าวออกจากห้องทำนาย นั่นทำให้เธอไม่เห็นว่าดวงตาสีเขียวดุจมรกตน้ำงาม
ของนักทำนายมีหยาดน้ำตาคลอ หญิงวัยกลางคนรำพึงเบาๆด้วยเสียงแหบแห้งปนสะอื้นว่า
“แม้แต่พ่อของเจ้าก็คงไม่ยอมให้เจ้าไปเผชิญหน้ากับชะตากรรมหรอก แอนคอร่า หากเขารู้ว่า..
มันหมายถึงจุดจบชีวิตของเจ้าเอง..!”
“แอน!” แกลเดียสร้องเรียกเมื่อแอนคอร่าเดินออกมาจากกระโจม “มีเด็กในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่งหาย
ไป หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอยู่กับลูกหมี” คำพูดเพียงเท่านั้นทำให้ความคิดของนักเดินหมากเป็นรูปธรรมทันที
“อยากบอกนะคะว่าเขาจะไปตาหาลูกหมีในป่า!” หญิงสาวร้องเสียงหลงก่อนจะรีบเอามือปิดปาก
เพราะมีชาวบ้านหันมามองตามเป็นพรวน
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น” ผู้มีศักดิ์เป็นราชาขาวเอ่ยพลางถอนหายใจ “ปัญหาใหญ่อีกข้อก็คือ..”
“นี่! เจ้าน่ะ เป็นนักเดินหมากใช่ไหม รีบไปช่วยลูกข้าสิ มัวรออะไรอยู่เล่า!” เสียงที่เอ่ยขัดขึ้นทำ
ให้แอนคอร่าหันไปมอง ต้นเสียงเป็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วม “ปราบมังกรยังทำได้ ทำไมแค่ไปตามหาเด็ก
ในป่าทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ!” เธอกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ ชาวบ้านอีกหลายคนส่งเสียงสูงต่ำต่างกันออก
มาสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง นักเดินหมากผงะไปเล็กน้อย พลันดวงตาสีเขียวกระจ่างก็เหลือบไปเห็นมือ
หนาของแกลเดียสขยับไปยังดาบสั้นที่ห้อยอยู่ข้างเอว มือบางจึงรีบคว้ามือหนาข้างนั้นเอาไว้เป็นเชิงปราม
ชายหนุ่มหยุดชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อสบกับดวงตาสีมรกตแล้วก็ต้องละมือออกจากด้ามดาบเสียมิได้
“ก็ได้ ฉันจะไปช่วยเด็กในป่า” แอนคอร่ากล่าวขึ้น เสียงเฮจึงดังขึ้นทันที แต่เสียงนั้นก็เงียบลง
เพราะเสียงปรบมือเพื่อความสนใจของหญิงสาว เธอกระแอมไอก่อนจะเริ่มพูดต่อ “แต่..มีข้อแม้นะคะ คือ
ห้ามทำอะไรกับอุปกรณ์เสริมที่ฉันใช้นะคะ บอกให้เลยว่ามันเป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านพ่อให้มา แล้วก็มัน
คงไม่พอใจแน่ถ้าพวกคุณทำอะไรไม่ดี เกรงว่าถ้าเป็นอย่างงั้นหมู่บ้านของพวกคุณคงจะราบเป็นหน้ากลอง”
กลุ่มชาวบ้านนิ่งเงียบงันไปซักครู่ แล้วเสียงจ๊อกแจ๊กก็ดังขึ้นราวกับนกกระจอกแตกรัง ซักพัก
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“เรายอมรับข้อเสนอของท่าน แต่พวกเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าท่านจะทำตามที่พูด”
แอนคอร่าถอนหายใจเบาๆ มือบางหยิบเขายางาช้าง*จากถุงถักออกมาชูแล้วพูดด้วยเสียงกังวานว่า
“นักเดินหมากไม่เคยผิดสัญญา และจะไม่ผิดสัญญาด้วย สาบานด้วยอาลักษณ์ประจำตระกูลแห่ง
แม่ข้า ไอวอเรียสแห่งแพนนาเซีย!” ว่าแล้วเธอก็หยิบเกล็ดมังกรขึ้นมาไว้ตรงร่องริมฝีปากแล้วเป่า ท่วง
ทำนองแปลกประหลาดดังขึ้น ชาวบ้านหลายคนเงี่ยหูฟังด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ความตื่นตระหนกจะเข้า
ครอบคลุมเมื่อพวกเขารู้ว่าตัวอะไรกำลังจะมา!
สายลมโชยอ่อนเป็นระยะแปรเปลี่ยนเป็นลมแรงกรรโชก เสียงกู่ก้องดังก้อง แล้วร่างของมังกรสี
เขียวสดใสก็ร่อนลงบนพื้นดิน ผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากฝ่ายขาวปีนขึ้นไปบนแผ่นหลังเกล็ดเรียบ
“แอนคอร่า เจ้ายังไม่รู้ว่ากำลังจะไปเจอกับอะไรอยู่ เจ้าไม่ควร”องค์ราชาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“อย่ากลับมาช้ากว่าพระอาทิตย์ตกดินเด็ดขาด เข้าใจนะ”
“ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”เธอตอบ แล้วหรี่ตาลงเพราะลมแรงและฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายจากการกระพือ
ปีกของเคียด้า “อย่าลืมไปรักษาแผลที่สีข้างนะคะ”
พูดจบร่างของมังกรสีเขียวมรกตก็ถลาขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง แกลเดียสเอื้อมมือหมายจะไขว่คว้า
แต่ก็คว้าได้เพียงสร้อยที่เส้นเชือกขาดลงพอดิบพอดี มือหนาค้างอยู่ในท่านั้นจนมังกรโผบินไปลับจากสาย
ตา ก่อนที่ราชาขาวจะลนดมือลงเพราะความเจ็บที่แล่นแปร๊บบริเวณแผลที่ได้รับมาจากกรงเล็บของมังกร
“ทำไมนะ ข้าถึงได้ห่วงเจ้าขนาดนี้ แอนคอร่า ใครก็ได้ ตอบข้าทีเถอะ!”
*เขาสัตว์หรืองาช้างที่ถูกคว้านไส้ให้กลวง ใช้ใส่ดินสีหรือสมุนไพรๆที่มีลักษณะเป็นผง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ