The Sun and Satan..ดุจตะวันกับซาตาน
9.2
เขียนโดย kinkmj
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 09.50 น.
10 chapter
1 วิจารณ์
16.41K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 10.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) The Sun and Satan ดุจตะวันกับซาตาน Ch.6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Chapter 6 -
:: สถาบันเทลไฟร์ ::
เด็กสาวร่างเล็กเงยหน้ามองประตูโค้งที่มีตราต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านโดดเด่นอยู่บนจุดสูงสุด ร่างบางสูดหายใจลึก ระงับความตื่นเต้นภายใน ปล่อยให้หางกับหูสีเงินปรากฏออกมาอย่างสบายใจ แล้วจึงเดินเข้าไปสู่โลกใหม่ที่รออยู่ตรงหน้า
สถานที่แห่งนี้ดูมีสถาปัตยกรรมคล้ายทำเนียบขาว[1]ที่ซันเคยเห็นในโทรทัศน์มากจนไม่รู้ใครลอกใคร เพียงแต่ทั้งอาคารนั้นเป็นสีดำทั้งหมด และมีป้อมปราการก่อด้วยอิฐสีแดงหลังคาปลายแหลมตั้งล้อมรอบ สองฝั่งปูพื้นหญ้าสีเขียวเข้มเต็มพื้นที่เว้นส่วนของอาคารและทางเดิน
ในจุดที่เธอกำลังยืนอยู่นั้นดูจะห่างจากอาคารกลางหรือทำเนียบสีดำมากพอสมควร เพราะจิ้งจอกสาวมองเห็นมันได้ลิบ ๆ เท่านั้นเอง
สองข้างทางของถนนทางเดินจะมีซุ้มตั้งขายอาหารและอุปกรณ์การเรียนเรียงรายเหมือนกับตามโรงเรียนในโลกมนุษย์ จะต่างกันก็คือคนขายหน้าตาประหลาดสักหน่อย บางคนเป็นหัวเป็นวัวแต่มีเขาสามเขาบนศีรษะ หรือมีส่วนบนเป็นคนแต่มีหูและส่วนล่างแบบแพะ ซันหยุดดูร้านขายบาบีคิวที่คนขายเป็นปีศาจสามตาที่ใช้ซาลาแมนเดอร์[2]ตัวเล็กพ่นไฟแทนการใช้ถ่านบนเตาย่าง
โอเค กลิ่นมันก็หอมอยู่ แต่ดูแล้วไม่ทำให้อยากอาหารเลย
‘ประกาศ ปี1ทุกคนกรุณามาเข้าแถวที่ห้องโถงกลางในสิบนาที ย้ำ นักเรียนปี1ทุกคน กรุณามาเข้าแถวที่ห้องโถงกลางภายในสิบนาที’
เสียงประกาศดังสนั่นขึ้นระหว่างที่กำลังเดินดูของเพลิน ๆ ทำให้ซันขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง หันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ
สิ่งที่ปรากฏในสายตา…คือทางเดินด้านหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นทางตรงเข้าสู่อาคารตรงกลางได้ แต่ซันกลับมีลางสังหรณ์แปลก ๆ เหมือนว่าไม่ควรไปทางนั้น แต่ก่อนจะได้คิดอะไรต่อ ก็เห็นกลุ่มคนกำลังวิ่งไปตามทางที่เธอลังเล จึงตัดสินใจเข้ากลุ่มวิ่งไปด้วย...อารมณ์พวกมากลากไป แจมไปก่อนคงดีกว่ายืนเฉย ๆ อยู่คนเดียว
แต่บังเอิญว่าปลายสายตาดันเหลือบไปเห็นพวกนักเรียนชั้นปีสูงกว่าจับกลุ่มยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และเกือบทุกคนมีรอยยิ้มแปลก ๆ คล้ายเยาะหยันในที
มันชักจะแปลก ๆ
ไม่รู้ทำไม ซันเผลอล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อพบว่าในนั้นมีลูกแก้วจิตทิพย์ที่ตัวเธอเองแน่ใจว่าน่าจะไม่ได้นำติดตัวมาด้วย ปีศาจสาวใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือคีบมันออกมาดู ขายังคงสับวิ่งรวมกับนักเรียนปีหนึ่งคนอื่น ๆ
วินาทีต่อมาลูกแก้วก็ฉายเส้นพลังสีขาวชี้ออกไปราวกับเป็นการนำทาง...แต่ทางที่แสงส่องไปนั้นเป็นคนละทิศกับที่พวกเธอกำลังวิ่งไปอย่างมุ่งมั่น
เชื่อได้ใช่ไหม
คำถามในใจที่ไม่คิดรอคำตอบ ซันค่อย ๆ ขยับออกจากแถวแล้วหมุนตัวเตรียมวิ่งไปตามทางที่อาวุธประจำตัวบอกแทน
"เดี๋ยว ! เธอจะไปไหนน่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้น เรียกให้จิ้งจอกสาวหันกลับไปมอง พบว่าเด็กหนุ่มหน้าตี๋แต่ดูดีใช้ได้ มีสไตล์เหมือนไอดอลเกาหลีแถมยังมีหูสีน้ำตาลขนฟูแลดูน่าจับเล่นอยู่บนศีรษะที่เซ็ตทรงผมมาอย่างดี
ใบหน้านั้นฉายความอารมณ์ดีและไร้วี่แววความเหนื่อยหอบ จากที่ซันมองดูแล้วคาดว่าคงเป็นปีศาจจำพวกสุนัข
"ฉันคิดว่า มันไม่น่าจะใช่ทางนั้นน่ะ" สาวผมแดงบอก “เลยกะจะไปอีกทาง” เธอว่าต่อ แต่ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้จากไอดอลเกาหลีตรงหน้า ก็มีอีกเสียงแทรกเข้ามาก่อน
"เธอรู้ได้ไงน่ะ" ผู้หญิงอีกคนที่วิ่งผ่านมาได้ยินพอดีหยุดวิ่งแล้วเข้ามาถาม
"ก็...ความรู้สึกมันบอก" ด้วยความที่ไม่คิดอยากอธิบายถึงเรื่องลูกแก้ว จึงตอบแบบขอไปที เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่อยู่แล้ว
"แต่เขาไปทางโน้นกันหมดและถ้าเราไม่รีบวิ่งตามไปก็จะโดนทิ้งแล้วนะ"เด็กสาวคนนั้นพูดต่อ ดวงตาสีเหลืองอำพันที่มีแววตาขีดเป็นเส้นตรงเหมือนนัยน์ตาแมวของเธอกวาดมองซันอย่างประเมิน
เธอคนนี้มีผิวสีแทน รูปร่างปราดเปรียว ใบหน้าเชิดหยิ่งในที หูกับหางเป็นสีดำแต่มีลักษณะแตกต่างจากของซัน
จากลักษณะแล้วคงเป็นประเภทแมว
"เอาเถอะ ๆ ถ้าพวกนายไม่ไปก็ไม่เป็นไร ฉันว่าฉันจะลองไปทางนี้ดู” ซันชี้ไปทิศทางที่ลูกแก้วส่องแสง จากนั้นเลื่อนมือชี้ไปอีกทางที่คนอื่นวิ่งนำหน้าไปแบบเริ่มทิ้งห่าง “อย่างมากก็คงแค่ช้ากว่าคนอื่นหน่อย ยังไงตอนนี้ก็วิ่งรั้งท้ายแล้วนี่"
"ฉันเอาด้วย" หนุ่มไอดอลเกาหลีให้คำตอบ
"ฉันไปด้วยก็ได้" เด็กสาวผิวแทนพูดเสียงห้วน เชิดหน้านิด ๆ “ยังไงฉันก็รำคาญที่จะต้องวิ่งไปตามทางแออัดแบบนั้นอยู่แล้ว”
สุดท้ายทั้งสามคนก็วิ่งไปอีกทางหนึ่งแยกจากคนอื่น ๆ ซึ่งแท้จริงแล้วเส้นทางที่ซันวิ่งไปนั้นคือเส้นทางตรงที่คนอื่น ๆ มองเห็น เว้นก็แต่เด็กปีหนึ่งทั้งหมด เพราะถูกเวทชนิดมายาจากเสียงประกาศนั้นทำให้สับสนและมองเห็นอีกทางเป็นทางตรงเสียแทน
ทางที่คนอื่น ๆ วิ่งไปคือทางที่ต้องอ้อมปราการทั้งหกรอบ ๆ ก่อนแล้วจึงมาบรรจบลงที่อาคารกลาง
ส่วนคนที่ไม่ใช่เด็กปีหนึ่งก็จะมองเห็นเส้นทางจริง แต่ไม่มีใครบอก เพราะการดูปีศาจน้องใหม่วิ่งวนไปวนมาเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งของพวกรุ่นพี่ที่เคยถูกแกล้งมาก่อน ซึ่งแต่ละปีนั้นการรับน้องจะแตกต่างกันไป ภาพการเปิดภาคเรียนเช่นนี้จึงกลายเป็นภาพชินตากันในทุก ๆ ปี
ไม่กี่นาทีต่อมากลุ่มของซันก็มาถึงอาคารกลางที่ดูเหมือนทำเนียบสีดำได้โดยยังไม่ทันมีเหงื่อ
“ใกล้จริง ๆ เลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนแรกฉันถึงมองไม่เห็นทางนี้เลย” เด็กหนุ่มหน้าตี๋พูดเมื่อมาถึงที่หมายได้สำเร็จ หางสีน้ำตาลเข้มฟูสะบัดไปมา
“คงเป็นเวทมายาชั้นสูง เพราะมันมีผลกับฉันด้วย” เด็กสาวนัยน์ตาแมวตอบ สะบัดผมบ๊อบสีดำให้พ้นจากใบหน้า หางยาวเรียวสีดำของเธอชี้มาที่ซัน “เธอรู้ได้ยังไงน่ะว่าต้องมาทางนี้”
“ฉันก็แค่รู้สึกได้อะไรประมาณนั้น มาถึงเร็วก็ดีแล้วนี่”คนถูกถามตอบปัด ๆ แมวสาวดูไม่พอใจกับคำตอบที่ได้เท่าไรนัก แต่ก็ไม่ซักไซ้ต่อ เพียงแต่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด
“อ้อ...ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ฉันชื่อนิค ไลแคนเป็นหมาป่า” เด็กหนุ่มสไตล์เกาหลีหันมาทางซันพร้อมกับแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร เขายิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลม
ซันยิ้มรับความเป็นมิตรนั้นก่อนจะตอบกลับ
“ดุจตะวัน มณีรัตน์ เรียกซันก็ได้ ฉัน เอ่อ...จิ้งจอกขาว แต่ก็อย่างที่เห็น ขนฉันเป็นสีเงิน”
“เห...จิ้งจอกขาวขนเงิน ถ้างั้นฉันถามอะไรหน่อยสิ” หมาป่าพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย ทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูง
“ฉันเคยได้ยินอยู่คนนึง พวกมนุษย์พูดกันน่ะ เธอแนะนำให้รู้จักหน่อยได้เปล่า”
“เอ...ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครนอกจากพ่อนะ”ซันตอบกลับอย่างไม่มั่นใจนัก “ไหนนายลองบอกชื่อมาสิ ไว้ฉันจะไปถามให้”
“อินุยาฉะ[3]น่ะ” หมาป่าหนุ่มบอกด้วยเสียงจริงจังจนคนฟังหัวเราะพรืด
อยากจะตบหัวหมอนี่จริง ๆ เลย ให้ตายเถอะ
“นี่นายพูดจริงหรือพูดเล่นน่ะ”
“ก็ต้องจริงอยู่แล้วสิ! เธอจะแนะนำให้ฉันได้ไหม เห็นว่าเก่งนักเก่งหนา อยากรู้ว่าจะสู้นิค ไลแคนได้หรือเปล่า”
ยังไม่ทันที่ซันจะได้ตอบอะไรอีก ปีศาจแมวดำก็ขัดขึ้นด้วยเสียงห้วน ๆ อย่างหงุดหงิด
“ถ้าจะเอาแต่คุยกันตรงนี้ ฉันเข้าไปละนะ อยากเข้าสายกันก็ตามใจ” เธอเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะใช้มือสะบัดเส้นผมแล้วเดินเชิดหน้าเข้าไปในอาคารทันที
“รีบไปกันเถอะ ไว้คุยกันอีกที” ซันหันมาพูดเร็ว ๆ กับหนุ่มหมาป่า แล้วก้าวเท้าตามหลังเด็กสาวขี้หงุดหงิดไปบ้าง
“อ้าว เดี๋ยวสิ ซัน เธอจะแนะนำอินุยาฉะให้ฉันรู้จักใช่ไหม” นิควิ่งตามมาด้วย แถมยังไม่หยุดเซ้าซี้ถามเรื่องเดิมแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว
“โอเค โอเค ไว้จะแนะนำให้รู้จักนะ”ซันตอบพลางกลั้นหัวเราะเต็มที่
ไว้จะให้นายยืมไปอ่านครบชุดเลย นิค
ดูเหมือนเพราะได้คำตอบเป็นที่พอใจ หมาป่าจึงเงียบเสียงและยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ทั้งสามเดินผ่านพื้นหินอ่อนหน้าทำเนียบจนมาถึงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่น่าจะเป็นทางเข้าของห้องโถงกลางได้ในที่สุด
“นายน่ะ เป็นผู้ชายก็ไปเปิดสิ” เจ้าของนัยน์ตาอำพันหันมาสั่งปนแขวะหมาป่าที่อารมณ์ดีเกินหน้าเกินตา
“โอเค” เขาเดินไปดันประตูบานใหญ่เปิดออกโดยไม่ลังเล ซึ่งไม่รู้ว่ามันใหญ่ด้วยขนาดที่มองเห็นแต่ไม่หนัก หรือปีศาจหมาป่ามีแรงมหาศาลกันแน่ เพราะเขาสามารถดันประตูที่สูงเกือบสามเมตรเปิดได้สบาย ๆ เหมือนเปิดหน้าต่างห้องนอน
แสงสว่างด้านในแผ่ออกมาทำให้แสบตาจนต้องหรี่ตามอง พอเริ่มปรับสายตาเป็นปกติได้ ทั้งสามก็ต้องหันมามองหน้ากัน
ไม่มีใครเลย!
ในห้องโถงกว้างขวางนั้นเป็นเพียงห้องโล่ง ๆ ที่มีพื้นสีดำขัดจนเงาวาว และมีโคมไฟระย้าสวยงามแบบศิลปะยุคก่อนห้อยลงมาจากเพดานสูง
"ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ หรือพวกเราจะมาผิดที่" แมวสาวพูดขึ้นก่อนอย่างหงุดหงิด ตวัดปลายสายตามาที่ซันทันที
"แต่ฉันว่าที่นี่แหละ ไม่ผิดแน่" นิคบอก ทำจมูกฟุดฟิดแบบสุนัข "ฉันว่าฉันได้กลิ่นเหมือนภูตน้ำแถวนี้"
ซันไม่พูดอะไรแต่ลองพยายามดมกลิ่นในอากาศดูบ้างและเป็นจริงตามที่เขาบอก เพียงแต่เธอได้กลิ่นหอมจาง ๆ คล้ายดอกโมกที่เธอชอบนักไม่ใช่กลิ่นของภูตน้ำ
ซาตานอยู่ที่นี่ด้วย
ในตอนนั้นพวกนักเรียนคนอื่น ๆ ก็วิ่งมาถึง แต่ละคนดูละเหนื่อยแสนสาหัสเหมือนวิ่งมาราธอนนรกมาหมาด ๆ เกือบทุกคนถอดเสื้อคลุมตัวนอกมาถือไว้เหลือเพียงเสื้อสีดำตัวในชุ่มไปด้วยเหงื่อเหนียวเหนอะ เสียงหอบหายใจกับเสียงบ่นอย่างหมดแรงคละเคล้าไปทั่ว นักเรียนหญิงบางคนถึงกับมีคนช่วยหิ้วปีกเข้ามาเลยทีเดียว
"ยินดีด้วยที่มาถึงกันครบทุกคน"
เสียงก้องกังวานที่จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับเสียงประกาศเรียกนักเรียนปีหนึ่งดังขึ้น เธอมีใบหน้างดงามแต่ฉายแววดุ ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนยาวกรอมเท้า
วินาทีต่อมาห้องโล่ง ๆ ก็กลายเป็นห้องที่มีพื้นยกสูงไล่ระดับเหมือนห้องประชุมสภา
เด็กปีหนึ่งทั้งหมดยืนอยู่ล่างสุดของพื้นที่ไล่ระดับรวมถึงหญิงสาวในชุดสีฟ้าก็เช่นกัน เบื้องหลังของเธอมีโพเดี้ยมสูงที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาตั้งเรียงรายเป็นลำดับขั้นขึ้นไป เก้าอี้เกือบทุกตัวมีผู้นั่งอยู่ ซึ่งซันเดาได้ว่าคนเหล่านั้นน่าจะเป็นเหล่าคณาจารย์
แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้นด้านบนสุดของลำดับขั้นทั้งหมด
บัลลังก์สีดำที่มีชายหนุ่มในชุดสีดำสนิทนั่งไขว่ห้างอยู่ ความงามที่ไม่มีใครเปรียบ และรัศมีเย็นชาที่แผ่ออกมานั้นกลับเป็นสเน่ห์อันดึงดูดให้ใคร ๆ อยากไขว่คว้าหามากกว่าจะหลีกหนี
นั่นคือซาตาน
ข้างขวาของบุรุษสูงศักดิ์มีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าของเขาดูนุ่มนวลด้วยรอยยิ้มสุภาพ เส้นผมสีบลอนด์หม่นถูกเสยขึ้นเรียบดูสะอาดสะอ้าน ร่างสมส่วนสวมเสื้อสูทสีเขียวเข้ากับดวงตาสีเดียวกันและสวมกางเกงแสล็คสีดำ ทุกอย่างของปีศาจผู้นี้ขับให้เขาดูคล้ายสุภาพบุรุษเมืองอังกฤษ
"เอาล่ะ ปีหนึ่งทั้งหมด เข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง เดี๋ยวนี้ ! " เสียงดุจากหญิงสาวที่ชั้นล่างสุดสั่ง ทำให้ซันละสายตาออกจากบริเวณบัลลังก์ข้างบน แล้วรีบกุลีกุจอแทรกเข้าแถวกับเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็วปนชุลมุน
"ฉันชื่อ เอลลี่ เป็นครูฝ่ายปกครองของพวกเธอ ฉันจะเป็นผู้คอยดูแลและควบคุมความสงบเรียบร้อยของพวกเธอทั้งหมด ฉันคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าที่นี่คือสถาบันอันยิ่งใหญ่ และพวกเธอ เธอ เธอ” สายตาคมกริบสีฟ้าจางกวาดมองใบหน้าของเด็กปีหนึ่งทุกคนอย่างทั่วถึง“พวกเธอจะต้องไม่ทำให้สถาบันอันยิ่งใหญ่นี้แปดเปื้อน จะต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ฉันหวังว่าพวกเธอคงเข้าใจ”
ระหว่างที่อาจารย์เอลลี่ร่ายยาว ซันก็เพิ่งมองเห็นชัด ๆ ว่าครูสาวคนนี้มีหูเป็นลักษณะเหมือนครีบปลา ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะของพวกภูตน้ำ กลิ่นที่นิคบอกนั่นคงเป็นกลิ่นของเธอนี่เอง
ขณะเดียวกันนั้นเด็กนักเรียนอีกสองกลุ่มเดินเรียงแถวกันเข้ามา กลุ่มที่มีจำนวนมากกว่านั้นคงจะเป็นปีสองและปีสาม ส่วนอีกกลุ่มคงเป็นนักเรียนชั้นปีสี่เพราะเครื่องแบบจะมีสีสันและลักษณะแตกต่างกันไปตามธาตุ
ทั้งสามกลุ่มแยกกันไปยังที่นั่งในชั้นที่อยู่ต่ำลงมาจากพวกอาจารย์ แบ่งเป็นสามแถว ซันคิดว่าคงเป็นการนั่งโดยเรียงตามลำดับชั้นปี อย่างไรก็ตาม พวกรุ่นพี่ปีศาจดูจะให้ความสนใจกับน้องใหม่กันทุกคน
สายตาแปลก ๆ ปนขบขันพวกนั้นมันอะไรกัน
“วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเธอได้เข้ามาอยู่ที่นี่ สถาบันอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ เพราะฉะนั้นเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เราจะมีการคัดเลือกหัวหน้าชั้นปีออกมาหนึ่งคนเสียก่อน” ภูตสาวพูดต่อ “ใครที่ต้องการเป็น‘หัวหน้า’ให้ออกมาตรงนี้ คนที่มายืนที่วงกลมนี่ได้เป็นคนแรกจะได้ตำแหน่งนี้ไป” นิ้วเรียวกรีดนิ้วเป็นรูปวงกลมด้านข้างจุดที่ยืนอยู่ แล้วพื้นหินอ่อนขัดมันก็ปรากฏเป็นแสงสีฟ้ารูปวงกลมขึ้นมา
คำพูดเหล่านั้นเรียกเสียงฮือฮาเซ็งแซ่ในหมู่น้องใหม่ได้ทันที
จิ้งจอกสาวหันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ รู้สึกได้ถึงกระแสความกระหายอำนาจตลบอบอวลไปทั่ว มันคงเป็นนิสัยของปีศาจส่วนมากที่อยากอยู่เหนือคนอื่น …แต่สำหรับซันแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ นี่ก็ไม่ต่างกับเด็กวัยรุ่นกำลังจะยกพวกตีกันสักเท่าไรนัก
ถัดจากปีศาจสาวไม่ไกลคือนักเรียนชายผมทรงสกินเฮด มีเขาโง้งปลายแหลมคู่ใหญ่บนศรีษะ จมูกมีห่วงสีเงินห้อยอยู่ แขนสองข้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นจนห็นเส้นเลือดปูดโปน เด็กหนุ่มกำลังทำท่าจะเหวี่ยงหมัดใส่ใครก็ตามที่พยายามจะชิงตำแหน่งหัวหน้าชั้นปี พอเห็นแบบนั้น นักเรียนชายผิวขาวซีดที่ยืนอยู่ติด ๆ กันก็เริ่มแยกเขี้ยวขาวโง้งออกมาบ้าง และด้วยเหตุฉะนี้เอง คนอื่น ๆ เลยเริ่มมีทีท่าจะร่วมวงด้วย บ้างก็กลายร่าง บ้างก็เรียกอาวุธประจำตัวมาถือไว้ในมือ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครขยับออกไปด้านหน้าแม้แต่คนเดียว
เปิดเทอมใหม่หัวใจว้าวุ่นจริงเชียว เด็กสาวบ่นในใจ
“ซัน เธอว่าไง” นิคกระซิบ คนถูกถามหันขวับไปมอง
“ห๊ะ ? อะไรว่าไง”
“ก็ เธอว่าเอายังไงดี จะไปลุยแย่งตำแหน่งไหม” หมาป่าสไตล์เกาหลีถามต่อ
“ลุย ? ตำแหน่งลำบาก ๆ พวกนี้จะไปแย่งมาทำไมล่ะ เหมือนเอาหินมาแบกไว้บนบ่านั่นแหละ นายคิดดูสิ หัวหน้าชั้นปี ชื่อฟังดูดี แต่เชื่อฉันไหม ถึงเวลามีงานอะไร อาจารย์ก็ต้องสั่งผ่านหัวหน้า ให้หัวหน้ามากระจายข่าว ต้องมาคอยสั่งเพื่อน ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น งานไม่เสร็จ ของหาย ใครป่วย ก็ต้องรับผิดชอบอีกทั้งที่ไม่ใช่เรื่องตัวเอง” ซันร่ายยาวด้วยน้ำเสียงสุดเบื่อหน่าย เพราะเมื่อตอนเรียนมัธยมต้นเธอก็ถูกยัดเยียดให้รับหน้าที่หัวหน้าห้องมาแล้วโดยไม่เต็มใจนัก
“อีกอย่างนะ วันดีคืนดี ถ้ามันมีงานในสภานักเรียนอะไรเทือกนี้ แทนที่นายจะได้เอาเวลาไปเที่ยว ไปนอน ไปจีบสาว นายก็ต้องมานั่งเข้าประชุม จากที่นายมีการบ้านเยอะแล้ว ก็จะมีงานในสภาเพิ่มเป็นพิเศษสำหรับหัวหน้าผู้สูงส่ง แถมเงินก็ไม่ได้ คะแนนพิเศษก็ไม่น่าจะมี แล้วแบบนี้นายจะ...”
จิ้งจอกสาวพรรณนาโวหารยาวเหยียดชื่นชมตำแหน่งหัวหน้าชั้นปีแบบไม่มีชิ้นดีด้วยความลืมตัว แต่ดูเหมือนเสียงของเธอจะดังไปหน่อย เพราะรอบ ๆ นั้นค่อนข้างเงียบตั้งแต่ก่อนที่นิคจะถามเสียอีก ทำให้สายตาทุกคู่มองมายังเด็กสาวผมแดงเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มเขาวัวกับหนุ่มเขี้ยวยาวก็ชะงักค้างมองเธอด้วย
“...อยากเป็นอีกหรือ” จบประโยคด้วยเสียงเบาหวิว หูและหางสีเงินลู่ลงช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลทองค้อนขวับใส่หมาป่าข้าง ๆ แต่ก็ได้แค่รอยยิ้มขำกับคำพูดสั้น ๆ ตอบกลับมาอย่างไร้ความรับผิดชอบ
“ก็เห็นกำลังเพลิน ฉันก็เผลอฟังเพลินไปด้วย โทษทีนะ...”
“งั้นเอาเป็นว่า คุณดุจตะวัน เธอก็เป็นหัวหน้าชั้นปีเสียเลยแล้วกันนะ เพราะดูเหมือนคุณจะทราบดีเกี่ยวกับตำแหน่งนี้” อาจารย์เอลลี่พูดเสียงเย็นชา แต่ซันก็ตาไวพอจะมองเห็นประกายขบขันในดวงตาสีฟ้าจางของหญิงสาว
เสียงฮาครืนดังมาจากกลุ่มของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านบนทันทีที่จิ้งจอกสาวได้รับสถาปนาอย่างไม่เต็มใจ
ซันขมวดคิ้วแน่น หน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิด นึกอยากจะตบปากตัวเองที่ดันเผลอพูดพล่อย ๆ ออกไป
“ค่ะ...” เด็กสาวตอบรับเสียงแผ่ว ในใจอยากจะกรี๊ดให้สุดเสียง แต่ก็ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เธอเข้าไปยืนตรงกลางของวงกลมสีฟ้าที่ส่องแสงเรืองรองบนพื้นหินอ่อนขัดเงา แล้วไม่กี่วินาทีต่อมามันก็จางหายไป พร้อมกับปลอกแขนสีทองปรากฏขึ้นมารอบต้นแขนของซันซึ่งเธอเข้าใจว่ามันคงเป็นสัญลักษณ์ของหัวหน้าชั้นปี
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้หัวหน้าชั้นปีหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นการกล่าวต้อนรับจากท่านราชาปีศาจของพวกเรา” เอลลี่ประกาศก้อง ร่างสูงโปร่งก้าวถอยหลังเชื่องช้าแต่มีพลัง หญิงสาวผายมือไปยังบัลลังก์ด้านบน...บัลลังก์ที่มีชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์นั่งไขว่ห้างอยู่
ปีศาจทั้งหมดภายในห้องโถงลุกขึ้นโค้งคำนับให้แก่ราชันของคน ซันทำตามอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยไม่เคยเข้าพิธีแบบนี้มาก่อน แม้แต่ในตอนที่เจอซาตาน เธอก็ไม่เคยแสดงความเคารพอะไรเช่นนี้
พอมาอยู่ตรงนี้ ที่นี่ ในตอนนี้ มันทำให้จิ้งจอกสาวรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของเขาขึ้นมาจริง ๆ
“นับจากนี้พวกเจ้าคือส่วนหนึ่งของเทลไฟร์” เสียงทุ้มมีอำนาจเอ่ยประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่กังวานไปถึงจิตใจของผู้ฟัง
รวมถึงจิ้งจอกสาวด้วยเช่นกัน… เธออดยกยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ เมื่อสามารถตีความคำพูดของราชาปีศาจได้อย่างชัดเจน
ยินดีต้อนรับสู่เทลไฟร์
---------------------------------------
[1] ทำเนียบขาว หรือ ไวท์เฮาส์ เป็นที่อยู่และสถานที่ทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1792 ถึง ค.ศ. 1800 ในสไตล์จอร์เจียนยุคหลัง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 55,000 ตารางฟุต (5,100 ตร.ม.) มีห้องทั้งหมด 132 ห้อง
[2] เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็กหน้าตาคล้ายกิ้งก่า ชอบอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ
[3] อินุยาฉะคือพระเอกในหนังสือการ์ตูน(มังงะ)และการ์ตูนแอนิเมชัน(อะนิเมะ)เรื่องอินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน โดย รูมิโกะ ทาคาฮาชิ (Rumiko Takahashi) ซึ่งอินุ แปลว่า สุนัข และ ยาฉะ แปลว่า ปีศาจ หรือวิญญาณ ดังนั้น คำว่า อินุยาฉะ แปลตามตัวอักษรว่า ปีศาจสุนัข
:: สถาบันเทลไฟร์ ::
เด็กสาวร่างเล็กเงยหน้ามองประตูโค้งที่มีตราต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านโดดเด่นอยู่บนจุดสูงสุด ร่างบางสูดหายใจลึก ระงับความตื่นเต้นภายใน ปล่อยให้หางกับหูสีเงินปรากฏออกมาอย่างสบายใจ แล้วจึงเดินเข้าไปสู่โลกใหม่ที่รออยู่ตรงหน้า
สถานที่แห่งนี้ดูมีสถาปัตยกรรมคล้ายทำเนียบขาว[1]ที่ซันเคยเห็นในโทรทัศน์มากจนไม่รู้ใครลอกใคร เพียงแต่ทั้งอาคารนั้นเป็นสีดำทั้งหมด และมีป้อมปราการก่อด้วยอิฐสีแดงหลังคาปลายแหลมตั้งล้อมรอบ สองฝั่งปูพื้นหญ้าสีเขียวเข้มเต็มพื้นที่เว้นส่วนของอาคารและทางเดิน
ในจุดที่เธอกำลังยืนอยู่นั้นดูจะห่างจากอาคารกลางหรือทำเนียบสีดำมากพอสมควร เพราะจิ้งจอกสาวมองเห็นมันได้ลิบ ๆ เท่านั้นเอง
สองข้างทางของถนนทางเดินจะมีซุ้มตั้งขายอาหารและอุปกรณ์การเรียนเรียงรายเหมือนกับตามโรงเรียนในโลกมนุษย์ จะต่างกันก็คือคนขายหน้าตาประหลาดสักหน่อย บางคนเป็นหัวเป็นวัวแต่มีเขาสามเขาบนศีรษะ หรือมีส่วนบนเป็นคนแต่มีหูและส่วนล่างแบบแพะ ซันหยุดดูร้านขายบาบีคิวที่คนขายเป็นปีศาจสามตาที่ใช้ซาลาแมนเดอร์[2]ตัวเล็กพ่นไฟแทนการใช้ถ่านบนเตาย่าง
โอเค กลิ่นมันก็หอมอยู่ แต่ดูแล้วไม่ทำให้อยากอาหารเลย
‘ประกาศ ปี1ทุกคนกรุณามาเข้าแถวที่ห้องโถงกลางในสิบนาที ย้ำ นักเรียนปี1ทุกคน กรุณามาเข้าแถวที่ห้องโถงกลางภายในสิบนาที’
เสียงประกาศดังสนั่นขึ้นระหว่างที่กำลังเดินดูของเพลิน ๆ ทำให้ซันขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง หันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ
สิ่งที่ปรากฏในสายตา…คือทางเดินด้านหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นทางตรงเข้าสู่อาคารตรงกลางได้ แต่ซันกลับมีลางสังหรณ์แปลก ๆ เหมือนว่าไม่ควรไปทางนั้น แต่ก่อนจะได้คิดอะไรต่อ ก็เห็นกลุ่มคนกำลังวิ่งไปตามทางที่เธอลังเล จึงตัดสินใจเข้ากลุ่มวิ่งไปด้วย...อารมณ์พวกมากลากไป แจมไปก่อนคงดีกว่ายืนเฉย ๆ อยู่คนเดียว
แต่บังเอิญว่าปลายสายตาดันเหลือบไปเห็นพวกนักเรียนชั้นปีสูงกว่าจับกลุ่มยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และเกือบทุกคนมีรอยยิ้มแปลก ๆ คล้ายเยาะหยันในที
มันชักจะแปลก ๆ
ไม่รู้ทำไม ซันเผลอล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อพบว่าในนั้นมีลูกแก้วจิตทิพย์ที่ตัวเธอเองแน่ใจว่าน่าจะไม่ได้นำติดตัวมาด้วย ปีศาจสาวใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือคีบมันออกมาดู ขายังคงสับวิ่งรวมกับนักเรียนปีหนึ่งคนอื่น ๆ
วินาทีต่อมาลูกแก้วก็ฉายเส้นพลังสีขาวชี้ออกไปราวกับเป็นการนำทาง...แต่ทางที่แสงส่องไปนั้นเป็นคนละทิศกับที่พวกเธอกำลังวิ่งไปอย่างมุ่งมั่น
เชื่อได้ใช่ไหม
คำถามในใจที่ไม่คิดรอคำตอบ ซันค่อย ๆ ขยับออกจากแถวแล้วหมุนตัวเตรียมวิ่งไปตามทางที่อาวุธประจำตัวบอกแทน
"เดี๋ยว ! เธอจะไปไหนน่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้น เรียกให้จิ้งจอกสาวหันกลับไปมอง พบว่าเด็กหนุ่มหน้าตี๋แต่ดูดีใช้ได้ มีสไตล์เหมือนไอดอลเกาหลีแถมยังมีหูสีน้ำตาลขนฟูแลดูน่าจับเล่นอยู่บนศีรษะที่เซ็ตทรงผมมาอย่างดี
ใบหน้านั้นฉายความอารมณ์ดีและไร้วี่แววความเหนื่อยหอบ จากที่ซันมองดูแล้วคาดว่าคงเป็นปีศาจจำพวกสุนัข
"ฉันคิดว่า มันไม่น่าจะใช่ทางนั้นน่ะ" สาวผมแดงบอก “เลยกะจะไปอีกทาง” เธอว่าต่อ แต่ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้จากไอดอลเกาหลีตรงหน้า ก็มีอีกเสียงแทรกเข้ามาก่อน
"เธอรู้ได้ไงน่ะ" ผู้หญิงอีกคนที่วิ่งผ่านมาได้ยินพอดีหยุดวิ่งแล้วเข้ามาถาม
"ก็...ความรู้สึกมันบอก" ด้วยความที่ไม่คิดอยากอธิบายถึงเรื่องลูกแก้ว จึงตอบแบบขอไปที เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่อยู่แล้ว
"แต่เขาไปทางโน้นกันหมดและถ้าเราไม่รีบวิ่งตามไปก็จะโดนทิ้งแล้วนะ"เด็กสาวคนนั้นพูดต่อ ดวงตาสีเหลืองอำพันที่มีแววตาขีดเป็นเส้นตรงเหมือนนัยน์ตาแมวของเธอกวาดมองซันอย่างประเมิน
เธอคนนี้มีผิวสีแทน รูปร่างปราดเปรียว ใบหน้าเชิดหยิ่งในที หูกับหางเป็นสีดำแต่มีลักษณะแตกต่างจากของซัน
จากลักษณะแล้วคงเป็นประเภทแมว
"เอาเถอะ ๆ ถ้าพวกนายไม่ไปก็ไม่เป็นไร ฉันว่าฉันจะลองไปทางนี้ดู” ซันชี้ไปทิศทางที่ลูกแก้วส่องแสง จากนั้นเลื่อนมือชี้ไปอีกทางที่คนอื่นวิ่งนำหน้าไปแบบเริ่มทิ้งห่าง “อย่างมากก็คงแค่ช้ากว่าคนอื่นหน่อย ยังไงตอนนี้ก็วิ่งรั้งท้ายแล้วนี่"
"ฉันเอาด้วย" หนุ่มไอดอลเกาหลีให้คำตอบ
"ฉันไปด้วยก็ได้" เด็กสาวผิวแทนพูดเสียงห้วน เชิดหน้านิด ๆ “ยังไงฉันก็รำคาญที่จะต้องวิ่งไปตามทางแออัดแบบนั้นอยู่แล้ว”
สุดท้ายทั้งสามคนก็วิ่งไปอีกทางหนึ่งแยกจากคนอื่น ๆ ซึ่งแท้จริงแล้วเส้นทางที่ซันวิ่งไปนั้นคือเส้นทางตรงที่คนอื่น ๆ มองเห็น เว้นก็แต่เด็กปีหนึ่งทั้งหมด เพราะถูกเวทชนิดมายาจากเสียงประกาศนั้นทำให้สับสนและมองเห็นอีกทางเป็นทางตรงเสียแทน
ทางที่คนอื่น ๆ วิ่งไปคือทางที่ต้องอ้อมปราการทั้งหกรอบ ๆ ก่อนแล้วจึงมาบรรจบลงที่อาคารกลาง
ส่วนคนที่ไม่ใช่เด็กปีหนึ่งก็จะมองเห็นเส้นทางจริง แต่ไม่มีใครบอก เพราะการดูปีศาจน้องใหม่วิ่งวนไปวนมาเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งของพวกรุ่นพี่ที่เคยถูกแกล้งมาก่อน ซึ่งแต่ละปีนั้นการรับน้องจะแตกต่างกันไป ภาพการเปิดภาคเรียนเช่นนี้จึงกลายเป็นภาพชินตากันในทุก ๆ ปี
ไม่กี่นาทีต่อมากลุ่มของซันก็มาถึงอาคารกลางที่ดูเหมือนทำเนียบสีดำได้โดยยังไม่ทันมีเหงื่อ
“ใกล้จริง ๆ เลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนแรกฉันถึงมองไม่เห็นทางนี้เลย” เด็กหนุ่มหน้าตี๋พูดเมื่อมาถึงที่หมายได้สำเร็จ หางสีน้ำตาลเข้มฟูสะบัดไปมา
“คงเป็นเวทมายาชั้นสูง เพราะมันมีผลกับฉันด้วย” เด็กสาวนัยน์ตาแมวตอบ สะบัดผมบ๊อบสีดำให้พ้นจากใบหน้า หางยาวเรียวสีดำของเธอชี้มาที่ซัน “เธอรู้ได้ยังไงน่ะว่าต้องมาทางนี้”
“ฉันก็แค่รู้สึกได้อะไรประมาณนั้น มาถึงเร็วก็ดีแล้วนี่”คนถูกถามตอบปัด ๆ แมวสาวดูไม่พอใจกับคำตอบที่ได้เท่าไรนัก แต่ก็ไม่ซักไซ้ต่อ เพียงแต่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด
“อ้อ...ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ฉันชื่อนิค ไลแคนเป็นหมาป่า” เด็กหนุ่มสไตล์เกาหลีหันมาทางซันพร้อมกับแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร เขายิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลม
ซันยิ้มรับความเป็นมิตรนั้นก่อนจะตอบกลับ
“ดุจตะวัน มณีรัตน์ เรียกซันก็ได้ ฉัน เอ่อ...จิ้งจอกขาว แต่ก็อย่างที่เห็น ขนฉันเป็นสีเงิน”
“เห...จิ้งจอกขาวขนเงิน ถ้างั้นฉันถามอะไรหน่อยสิ” หมาป่าพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย ทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูง
“ฉันเคยได้ยินอยู่คนนึง พวกมนุษย์พูดกันน่ะ เธอแนะนำให้รู้จักหน่อยได้เปล่า”
“เอ...ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครนอกจากพ่อนะ”ซันตอบกลับอย่างไม่มั่นใจนัก “ไหนนายลองบอกชื่อมาสิ ไว้ฉันจะไปถามให้”
“อินุยาฉะ[3]น่ะ” หมาป่าหนุ่มบอกด้วยเสียงจริงจังจนคนฟังหัวเราะพรืด
อยากจะตบหัวหมอนี่จริง ๆ เลย ให้ตายเถอะ
“นี่นายพูดจริงหรือพูดเล่นน่ะ”
“ก็ต้องจริงอยู่แล้วสิ! เธอจะแนะนำให้ฉันได้ไหม เห็นว่าเก่งนักเก่งหนา อยากรู้ว่าจะสู้นิค ไลแคนได้หรือเปล่า”
ยังไม่ทันที่ซันจะได้ตอบอะไรอีก ปีศาจแมวดำก็ขัดขึ้นด้วยเสียงห้วน ๆ อย่างหงุดหงิด
“ถ้าจะเอาแต่คุยกันตรงนี้ ฉันเข้าไปละนะ อยากเข้าสายกันก็ตามใจ” เธอเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะใช้มือสะบัดเส้นผมแล้วเดินเชิดหน้าเข้าไปในอาคารทันที
“รีบไปกันเถอะ ไว้คุยกันอีกที” ซันหันมาพูดเร็ว ๆ กับหนุ่มหมาป่า แล้วก้าวเท้าตามหลังเด็กสาวขี้หงุดหงิดไปบ้าง
“อ้าว เดี๋ยวสิ ซัน เธอจะแนะนำอินุยาฉะให้ฉันรู้จักใช่ไหม” นิควิ่งตามมาด้วย แถมยังไม่หยุดเซ้าซี้ถามเรื่องเดิมแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว
“โอเค โอเค ไว้จะแนะนำให้รู้จักนะ”ซันตอบพลางกลั้นหัวเราะเต็มที่
ไว้จะให้นายยืมไปอ่านครบชุดเลย นิค
ดูเหมือนเพราะได้คำตอบเป็นที่พอใจ หมาป่าจึงเงียบเสียงและยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ทั้งสามเดินผ่านพื้นหินอ่อนหน้าทำเนียบจนมาถึงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่น่าจะเป็นทางเข้าของห้องโถงกลางได้ในที่สุด
“นายน่ะ เป็นผู้ชายก็ไปเปิดสิ” เจ้าของนัยน์ตาอำพันหันมาสั่งปนแขวะหมาป่าที่อารมณ์ดีเกินหน้าเกินตา
“โอเค” เขาเดินไปดันประตูบานใหญ่เปิดออกโดยไม่ลังเล ซึ่งไม่รู้ว่ามันใหญ่ด้วยขนาดที่มองเห็นแต่ไม่หนัก หรือปีศาจหมาป่ามีแรงมหาศาลกันแน่ เพราะเขาสามารถดันประตูที่สูงเกือบสามเมตรเปิดได้สบาย ๆ เหมือนเปิดหน้าต่างห้องนอน
แสงสว่างด้านในแผ่ออกมาทำให้แสบตาจนต้องหรี่ตามอง พอเริ่มปรับสายตาเป็นปกติได้ ทั้งสามก็ต้องหันมามองหน้ากัน
ไม่มีใครเลย!
ในห้องโถงกว้างขวางนั้นเป็นเพียงห้องโล่ง ๆ ที่มีพื้นสีดำขัดจนเงาวาว และมีโคมไฟระย้าสวยงามแบบศิลปะยุคก่อนห้อยลงมาจากเพดานสูง
"ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ หรือพวกเราจะมาผิดที่" แมวสาวพูดขึ้นก่อนอย่างหงุดหงิด ตวัดปลายสายตามาที่ซันทันที
"แต่ฉันว่าที่นี่แหละ ไม่ผิดแน่" นิคบอก ทำจมูกฟุดฟิดแบบสุนัข "ฉันว่าฉันได้กลิ่นเหมือนภูตน้ำแถวนี้"
ซันไม่พูดอะไรแต่ลองพยายามดมกลิ่นในอากาศดูบ้างและเป็นจริงตามที่เขาบอก เพียงแต่เธอได้กลิ่นหอมจาง ๆ คล้ายดอกโมกที่เธอชอบนักไม่ใช่กลิ่นของภูตน้ำ
ซาตานอยู่ที่นี่ด้วย
ในตอนนั้นพวกนักเรียนคนอื่น ๆ ก็วิ่งมาถึง แต่ละคนดูละเหนื่อยแสนสาหัสเหมือนวิ่งมาราธอนนรกมาหมาด ๆ เกือบทุกคนถอดเสื้อคลุมตัวนอกมาถือไว้เหลือเพียงเสื้อสีดำตัวในชุ่มไปด้วยเหงื่อเหนียวเหนอะ เสียงหอบหายใจกับเสียงบ่นอย่างหมดแรงคละเคล้าไปทั่ว นักเรียนหญิงบางคนถึงกับมีคนช่วยหิ้วปีกเข้ามาเลยทีเดียว
"ยินดีด้วยที่มาถึงกันครบทุกคน"
เสียงก้องกังวานที่จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับเสียงประกาศเรียกนักเรียนปีหนึ่งดังขึ้น เธอมีใบหน้างดงามแต่ฉายแววดุ ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนยาวกรอมเท้า
วินาทีต่อมาห้องโล่ง ๆ ก็กลายเป็นห้องที่มีพื้นยกสูงไล่ระดับเหมือนห้องประชุมสภา
เด็กปีหนึ่งทั้งหมดยืนอยู่ล่างสุดของพื้นที่ไล่ระดับรวมถึงหญิงสาวในชุดสีฟ้าก็เช่นกัน เบื้องหลังของเธอมีโพเดี้ยมสูงที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาตั้งเรียงรายเป็นลำดับขั้นขึ้นไป เก้าอี้เกือบทุกตัวมีผู้นั่งอยู่ ซึ่งซันเดาได้ว่าคนเหล่านั้นน่าจะเป็นเหล่าคณาจารย์
แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้นด้านบนสุดของลำดับขั้นทั้งหมด
บัลลังก์สีดำที่มีชายหนุ่มในชุดสีดำสนิทนั่งไขว่ห้างอยู่ ความงามที่ไม่มีใครเปรียบ และรัศมีเย็นชาที่แผ่ออกมานั้นกลับเป็นสเน่ห์อันดึงดูดให้ใคร ๆ อยากไขว่คว้าหามากกว่าจะหลีกหนี
นั่นคือซาตาน
ข้างขวาของบุรุษสูงศักดิ์มีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าของเขาดูนุ่มนวลด้วยรอยยิ้มสุภาพ เส้นผมสีบลอนด์หม่นถูกเสยขึ้นเรียบดูสะอาดสะอ้าน ร่างสมส่วนสวมเสื้อสูทสีเขียวเข้ากับดวงตาสีเดียวกันและสวมกางเกงแสล็คสีดำ ทุกอย่างของปีศาจผู้นี้ขับให้เขาดูคล้ายสุภาพบุรุษเมืองอังกฤษ
"เอาล่ะ ปีหนึ่งทั้งหมด เข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง เดี๋ยวนี้ ! " เสียงดุจากหญิงสาวที่ชั้นล่างสุดสั่ง ทำให้ซันละสายตาออกจากบริเวณบัลลังก์ข้างบน แล้วรีบกุลีกุจอแทรกเข้าแถวกับเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็วปนชุลมุน
"ฉันชื่อ เอลลี่ เป็นครูฝ่ายปกครองของพวกเธอ ฉันจะเป็นผู้คอยดูแลและควบคุมความสงบเรียบร้อยของพวกเธอทั้งหมด ฉันคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าที่นี่คือสถาบันอันยิ่งใหญ่ และพวกเธอ เธอ เธอ” สายตาคมกริบสีฟ้าจางกวาดมองใบหน้าของเด็กปีหนึ่งทุกคนอย่างทั่วถึง“พวกเธอจะต้องไม่ทำให้สถาบันอันยิ่งใหญ่นี้แปดเปื้อน จะต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ฉันหวังว่าพวกเธอคงเข้าใจ”
ระหว่างที่อาจารย์เอลลี่ร่ายยาว ซันก็เพิ่งมองเห็นชัด ๆ ว่าครูสาวคนนี้มีหูเป็นลักษณะเหมือนครีบปลา ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะของพวกภูตน้ำ กลิ่นที่นิคบอกนั่นคงเป็นกลิ่นของเธอนี่เอง
ขณะเดียวกันนั้นเด็กนักเรียนอีกสองกลุ่มเดินเรียงแถวกันเข้ามา กลุ่มที่มีจำนวนมากกว่านั้นคงจะเป็นปีสองและปีสาม ส่วนอีกกลุ่มคงเป็นนักเรียนชั้นปีสี่เพราะเครื่องแบบจะมีสีสันและลักษณะแตกต่างกันไปตามธาตุ
ทั้งสามกลุ่มแยกกันไปยังที่นั่งในชั้นที่อยู่ต่ำลงมาจากพวกอาจารย์ แบ่งเป็นสามแถว ซันคิดว่าคงเป็นการนั่งโดยเรียงตามลำดับชั้นปี อย่างไรก็ตาม พวกรุ่นพี่ปีศาจดูจะให้ความสนใจกับน้องใหม่กันทุกคน
สายตาแปลก ๆ ปนขบขันพวกนั้นมันอะไรกัน
“วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเธอได้เข้ามาอยู่ที่นี่ สถาบันอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ เพราะฉะนั้นเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เราจะมีการคัดเลือกหัวหน้าชั้นปีออกมาหนึ่งคนเสียก่อน” ภูตสาวพูดต่อ “ใครที่ต้องการเป็น‘หัวหน้า’ให้ออกมาตรงนี้ คนที่มายืนที่วงกลมนี่ได้เป็นคนแรกจะได้ตำแหน่งนี้ไป” นิ้วเรียวกรีดนิ้วเป็นรูปวงกลมด้านข้างจุดที่ยืนอยู่ แล้วพื้นหินอ่อนขัดมันก็ปรากฏเป็นแสงสีฟ้ารูปวงกลมขึ้นมา
คำพูดเหล่านั้นเรียกเสียงฮือฮาเซ็งแซ่ในหมู่น้องใหม่ได้ทันที
จิ้งจอกสาวหันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ รู้สึกได้ถึงกระแสความกระหายอำนาจตลบอบอวลไปทั่ว มันคงเป็นนิสัยของปีศาจส่วนมากที่อยากอยู่เหนือคนอื่น …แต่สำหรับซันแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ นี่ก็ไม่ต่างกับเด็กวัยรุ่นกำลังจะยกพวกตีกันสักเท่าไรนัก
ถัดจากปีศาจสาวไม่ไกลคือนักเรียนชายผมทรงสกินเฮด มีเขาโง้งปลายแหลมคู่ใหญ่บนศรีษะ จมูกมีห่วงสีเงินห้อยอยู่ แขนสองข้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นจนห็นเส้นเลือดปูดโปน เด็กหนุ่มกำลังทำท่าจะเหวี่ยงหมัดใส่ใครก็ตามที่พยายามจะชิงตำแหน่งหัวหน้าชั้นปี พอเห็นแบบนั้น นักเรียนชายผิวขาวซีดที่ยืนอยู่ติด ๆ กันก็เริ่มแยกเขี้ยวขาวโง้งออกมาบ้าง และด้วยเหตุฉะนี้เอง คนอื่น ๆ เลยเริ่มมีทีท่าจะร่วมวงด้วย บ้างก็กลายร่าง บ้างก็เรียกอาวุธประจำตัวมาถือไว้ในมือ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครขยับออกไปด้านหน้าแม้แต่คนเดียว
เปิดเทอมใหม่หัวใจว้าวุ่นจริงเชียว เด็กสาวบ่นในใจ
“ซัน เธอว่าไง” นิคกระซิบ คนถูกถามหันขวับไปมอง
“ห๊ะ ? อะไรว่าไง”
“ก็ เธอว่าเอายังไงดี จะไปลุยแย่งตำแหน่งไหม” หมาป่าสไตล์เกาหลีถามต่อ
“ลุย ? ตำแหน่งลำบาก ๆ พวกนี้จะไปแย่งมาทำไมล่ะ เหมือนเอาหินมาแบกไว้บนบ่านั่นแหละ นายคิดดูสิ หัวหน้าชั้นปี ชื่อฟังดูดี แต่เชื่อฉันไหม ถึงเวลามีงานอะไร อาจารย์ก็ต้องสั่งผ่านหัวหน้า ให้หัวหน้ามากระจายข่าว ต้องมาคอยสั่งเพื่อน ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น งานไม่เสร็จ ของหาย ใครป่วย ก็ต้องรับผิดชอบอีกทั้งที่ไม่ใช่เรื่องตัวเอง” ซันร่ายยาวด้วยน้ำเสียงสุดเบื่อหน่าย เพราะเมื่อตอนเรียนมัธยมต้นเธอก็ถูกยัดเยียดให้รับหน้าที่หัวหน้าห้องมาแล้วโดยไม่เต็มใจนัก
“อีกอย่างนะ วันดีคืนดี ถ้ามันมีงานในสภานักเรียนอะไรเทือกนี้ แทนที่นายจะได้เอาเวลาไปเที่ยว ไปนอน ไปจีบสาว นายก็ต้องมานั่งเข้าประชุม จากที่นายมีการบ้านเยอะแล้ว ก็จะมีงานในสภาเพิ่มเป็นพิเศษสำหรับหัวหน้าผู้สูงส่ง แถมเงินก็ไม่ได้ คะแนนพิเศษก็ไม่น่าจะมี แล้วแบบนี้นายจะ...”
จิ้งจอกสาวพรรณนาโวหารยาวเหยียดชื่นชมตำแหน่งหัวหน้าชั้นปีแบบไม่มีชิ้นดีด้วยความลืมตัว แต่ดูเหมือนเสียงของเธอจะดังไปหน่อย เพราะรอบ ๆ นั้นค่อนข้างเงียบตั้งแต่ก่อนที่นิคจะถามเสียอีก ทำให้สายตาทุกคู่มองมายังเด็กสาวผมแดงเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มเขาวัวกับหนุ่มเขี้ยวยาวก็ชะงักค้างมองเธอด้วย
“...อยากเป็นอีกหรือ” จบประโยคด้วยเสียงเบาหวิว หูและหางสีเงินลู่ลงช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลทองค้อนขวับใส่หมาป่าข้าง ๆ แต่ก็ได้แค่รอยยิ้มขำกับคำพูดสั้น ๆ ตอบกลับมาอย่างไร้ความรับผิดชอบ
“ก็เห็นกำลังเพลิน ฉันก็เผลอฟังเพลินไปด้วย โทษทีนะ...”
“งั้นเอาเป็นว่า คุณดุจตะวัน เธอก็เป็นหัวหน้าชั้นปีเสียเลยแล้วกันนะ เพราะดูเหมือนคุณจะทราบดีเกี่ยวกับตำแหน่งนี้” อาจารย์เอลลี่พูดเสียงเย็นชา แต่ซันก็ตาไวพอจะมองเห็นประกายขบขันในดวงตาสีฟ้าจางของหญิงสาว
เสียงฮาครืนดังมาจากกลุ่มของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านบนทันทีที่จิ้งจอกสาวได้รับสถาปนาอย่างไม่เต็มใจ
ซันขมวดคิ้วแน่น หน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิด นึกอยากจะตบปากตัวเองที่ดันเผลอพูดพล่อย ๆ ออกไป
“ค่ะ...” เด็กสาวตอบรับเสียงแผ่ว ในใจอยากจะกรี๊ดให้สุดเสียง แต่ก็ถอนหายใจแล้วก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เธอเข้าไปยืนตรงกลางของวงกลมสีฟ้าที่ส่องแสงเรืองรองบนพื้นหินอ่อนขัดเงา แล้วไม่กี่วินาทีต่อมามันก็จางหายไป พร้อมกับปลอกแขนสีทองปรากฏขึ้นมารอบต้นแขนของซันซึ่งเธอเข้าใจว่ามันคงเป็นสัญลักษณ์ของหัวหน้าชั้นปี
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้หัวหน้าชั้นปีหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นการกล่าวต้อนรับจากท่านราชาปีศาจของพวกเรา” เอลลี่ประกาศก้อง ร่างสูงโปร่งก้าวถอยหลังเชื่องช้าแต่มีพลัง หญิงสาวผายมือไปยังบัลลังก์ด้านบน...บัลลังก์ที่มีชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์นั่งไขว่ห้างอยู่
ปีศาจทั้งหมดภายในห้องโถงลุกขึ้นโค้งคำนับให้แก่ราชันของคน ซันทำตามอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยไม่เคยเข้าพิธีแบบนี้มาก่อน แม้แต่ในตอนที่เจอซาตาน เธอก็ไม่เคยแสดงความเคารพอะไรเช่นนี้
พอมาอยู่ตรงนี้ ที่นี่ ในตอนนี้ มันทำให้จิ้งจอกสาวรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของเขาขึ้นมาจริง ๆ
“นับจากนี้พวกเจ้าคือส่วนหนึ่งของเทลไฟร์” เสียงทุ้มมีอำนาจเอ่ยประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่กังวานไปถึงจิตใจของผู้ฟัง
รวมถึงจิ้งจอกสาวด้วยเช่นกัน… เธออดยกยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ เมื่อสามารถตีความคำพูดของราชาปีศาจได้อย่างชัดเจน
ยินดีต้อนรับสู่เทลไฟร์
---------------------------------------
[1] ทำเนียบขาว หรือ ไวท์เฮาส์ เป็นที่อยู่และสถานที่ทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1792 ถึง ค.ศ. 1800 ในสไตล์จอร์เจียนยุคหลัง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 55,000 ตารางฟุต (5,100 ตร.ม.) มีห้องทั้งหมด 132 ห้อง
[2] เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็กหน้าตาคล้ายกิ้งก่า ชอบอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ
[3] อินุยาฉะคือพระเอกในหนังสือการ์ตูน(มังงะ)และการ์ตูนแอนิเมชัน(อะนิเมะ)เรื่องอินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน โดย รูมิโกะ ทาคาฮาชิ (Rumiko Takahashi) ซึ่งอินุ แปลว่า สุนัข และ ยาฉะ แปลว่า ปีศาจ หรือวิญญาณ ดังนั้น คำว่า อินุยาฉะ แปลตามตัวอักษรว่า ปีศาจสุนัข
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ