ความสุขบทสุดท้าย

7.7

เขียนโดย เจนนิดา

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 18.16 น.

  5 บท
  3 วิจารณ์
  8,160 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558 13.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

     บรรยากาศภายในห้องอาหารของคฤหาสน์ตระกูล 'รตะไพศาล’ ตกอยู่ในความเงียบ จะมีก็แต่เสียงของนาฬิกาโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่ในมุมขวาของห้องเท่านั้นที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง                

     “ทำไมเจ้าสองคนนั่นยังไม่ลงมาอีก”                

     “ฉันถามได้ยินไหม” น้ำเสียงดุดันของพลบค่ำนั้นทำเอาผู้ร่วมโต๊ะถึงกับสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันที แม้จะได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้มาทุกวันในตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่ผ่านมาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ ย่ำรุ่ง’ รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาได้เลย หลังจากที่พ่อแม่จากไปพี่ชายคนโตของตระกูลก็มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด               

     “เดี๋ยวคงลงมาล่ะครับ”                

     พูดยังไม่ทันขาดคำ อัสดง’ น้องชายคนเล็กแห่งบ้านตระกูลรตะไพศาลก็เดินเข้ามาภายในห้องรับประทานอาหารสุดหรูด้วยสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ย่ำรุ่งส่งยิ้มให้น้องชายเล็กน้อยเมื่อสายตาประสานกัน                

     “เวลาอาหารเช้าเจ็ดโมงตรง แกมัวทำอะไรอยู่”                

     อัสดงสะดุ้งหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าเคลื่อนไหวน้ำตาร่วงเผาะลงมาทันที ย่ำรุ่งมองน้องด้วยความสงสารจับใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบเท่านั้น               

     “ไม่ต้องมาบีบน้ำตาตอบคำถามฉันมาเดี๋ยวนี้!” พลบค่ำตะคอกใส่พลางตบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด สายตาดุดันจ้องมองน้องชายคนเล็กอย่างคาดคั้น               

     อัสดงยืนตัวสั่นงันงกไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมา และแม้จะได้พยายามกลั้นแล้วแต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังดื้อดึงไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายคนโตถึงเกลียดเขานัก หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตไป พี่ชายที่แสนดีของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่เคยเหลียวแลเขาอีกเลย ซ้ำยังดุด่าและลงโทษสารพัด ทั้งๆ ที่บางครั้งเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด               

     “อีกตั้งเกือบนาทีกว่าจะถึงเจ็ดโมงตรงไม่ใช่หรือครับ” ผู้มาใหม่เข้ามาช่วยชีวิตอัสดงไว้ได้ทัน สายตาดุดันของพี่ชายคนโตเปลี่ยนเป้าหมายทันที

     “แกกล้าย้อนฉันงั้นหรืิอเจ้าทล”                

     “ก็แค่พูดตามจริง นาฬิกายังไม่ได้ตีบอกเวลาเลย”                

     ยังไม่ทันขาดคำเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเจ็ดโมงตรงก็ดังกังวานไปทั่วห้อง ย่ำรุ่งก้มหน้าลงแล้วแอบอมยิ้มออกมาเล็กน้อย นอกจาก ทินาท’ แล้วคนทั้งบ้านไม่มีใครกล้าแข็งข้อกับพลบค่ำเลยสักคน                

     “ไปนั่งที่โต๊ะสิ” ทินาทหันมาบอกน้องชายคนเดียวของเขาเสียงเรียบ แม้เขาเองจะไม่ได้เอ็นดูน้องชายคนนี้สักเท่าไหร่แต่เมื่อเห็นน้องเป็นเช่นนี้แล้วก็อดที่จะเวทนาไม่ได้               

     อัสดงเดินไปที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ย่ำรุ่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเดินมาถึงก็นั่งตัวลีบแทบจะไม่กล้ากระดุกกระดิกด้วยกลัวว่าตัวเองจะพลาดพลั้งไปทำอะไรขัดหูขัดตาพี่ชายคนโตอีก    

     “คุณทานต์จะรับอะไรดีคะวันนี้มีโจ๊กกับข้าวต้มรวมมิตรค่ะ” สาวใช้เอ่ยถามดังเช่นทุกวัน              

     “ตักโจ๊กให้” คนถูกถามยังไม่ทันได้อ้าปากก็มีคนตัดสินใจแทนให้อย่างเสร็จสรรพเสียก่อน               

     ย่ำรุ่งและทินาทมองไปทางน้องชายคนเล็กพร้อมกันแล้วก็เป็นทินาทที่อดจะเป็นปากเสียงแทนให้ไม่ได้               

     “ทานต์ยังไม่ทันได้เลือกเลยนะครับพี่แทน”                

     “ดูท่าแกจะมีปัญหาแทนมันทุกครั้งเลยนะ” น้ำเสียงดุดันกับสายตาคมจ้องมองทินาทตาเขม็ง               

     “ก็แค่เห็นน้องทานแต่โจ๊กทุกวันอาจจะเบื่อก็ได้”                

     สายตาของพลบค่ำเปลี่ยนไปจับจ้องที่น้องชายคนเล็กแทน อัสดงนั่งก้มหน้านิ่งไม่กล้าปริปากพูดอะไรขึ้นมา เขารู้ชะตากรรมของตัวเองดีว่าต้องถูกพี่ชายดุด่าอีกเป็นแน่               

     “แกเบื่องั้นหรือเจ้าทานต์”                

     คนถูกถามถึงกับปากคอสั่น เขาไม่รู้เลยว่าพี่ชายต้องการคำตอบตามความรู้สึกของเขาจริงๆ หรือต้องการคำตอบอันเป็นที่พอใจของตัวพี่ชายเองกันแน่ น้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้งไปกลับเอ่อล้นออกมาอีกอย่างช่วยไม่ได้               

     “เงยหน้ามองฉันแล้วตอบมา”               

     ย่ำรุ่งมองน้องอย่างสงสารเขาแอบเอื้อมมือไปจับมือของน้องชายไว้แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ ฝ่ามืออบอุ่นของย่ำรุ่งเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมอัสดงได้เป็นอย่างดี               

     “เวลาอาหารเช้าเริ่มเจ็ดโมงตรง พี่แทนกำลังจะทำให้ตารางประจำวันของเราต้องเลื่อนนะครับ” แล้วก็เป็นทินาทตามเคยที่ต้องออกหน้ารับแทนน้องแต่ก็ไม่วายว่ากระทบพี่ชายไปด้วยในตัว

     พลบค่ำเม้มปากเมื่อถูกตอกกลับแบบนิ่มๆ แต่ก็ยอมรามือกับน้องชายคนเล็กในที่สุด “งั้นก็ลงมือกันได้แล้ว”                

     อัสดงส่งสายตาไปทางทินาทเป็นเชิงขอบคุณก่อนที่จะลงมือรับประทานอาหาร ทินาทได้แต่ถอนใจออกมาเบาๆ น้องชายคนนี้อ่อนแอมากเกินไป มากเกินกว่าที่จะอยู่ร่วมกับคนที่แข็งเกินไปอย่างพลบค่ำ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา