คิร่ากับศิลาแห่งภูติ

3.3

เขียนโดย Giants_tee

วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 10.37 น.

  5 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,105 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 07.41 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) คืนวันสุดท้ายอันแสนสุข (50%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
มาแล้วววว...จะมีใครอ่านบ้างไหมเนี้ย 555 +

 
อากาศยามเช้าสดชื่นแจ่มใส สตรีผู้หนึ่งขี่ม้าลัดเลาะหมู่ไม้ไปตามแนวชายป่า ดินแดนทางใต้ที่แสนอบอุ่นทำให้ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยพุ่มไม้เล็กๆ ดอกไม้หลากสีเบ่งบานรับแสงตะวัน หญิงสาวมีท่าทีไม่เร่งรีบ ท่าทางของเธอบอกให้รู้ถึงความคุ้นเคยกับเส้นทางสายนี้ เธอมักหยุดชมดอกไม้เรื่อยเปื่อยตลอดเส้นทางจนมาหยุดนิ่งก่อนถึงบ้านหลังเล็กที่ซ่อนอยู่หลักแมกไม้ สายตามองหาผู้อยู่อาศัยอย่างเคยชิน
 
 
“อรุณสวัสดิ์” สาวน้อยทิ้งตัวลงจากม้าขณะเอ่ยปากทักทาย
 
 
เอเลนน่าค่อยๆปลดเบื้องผ้าคลุมลงเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดสีน้ำผึ้งตามแบบฉบับของชาวใต้ ผมน้ำตาลทองเข้มล้อมกรอบใบหน้าอันสวยหวาน ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตยิ่งขับให้ใบหน้าของเจ้าตัวน่าชวนมอง ในขณะที่ดวงหน้าอันอ่อนเยาว์ที่มองสบกลับแฝงไปด้วยความดื้อรั้น ผู้ถูกตั้งคำถามแม้จะเห็นสาวน้อยมาแต่ไกล หากยังคงตีเหล็กต่อไปโดยแกล้งไม่สนใจ เด็กสาวเมื่อเห็นท่าทีของผู้ที่ตนเอ่ยทักทายก็จ้ำอ้าวเข้ามาหาด้วยสีหน้าขัดใจ
 
 
“เจ้าหญิงอย่างข้าอุตสากล่าวทักทายทั้งที นี้หูเจ้าหนวกไปแล้วรึไงกัน”
 
 
คำพูดและท่าทางของหญิงสาวแม้จะก้าวร้าว แต่สำหรับเขากลับมองเป็นเรื่องปกติ เด็กหนุ่มผมดำแกล้งตีหน้านิ่งขณะเหลือบดวงตาสีดำมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเฉยเมย
 
 
“องค์หญิงเอเลนน่ามาเยือนแบบนี้ หวังว่าองค์รักษ์โกย่าคงรู้นะว่าท่านหลบออกมาจากปราสาทอีกแล้ว”
 
 
“ข้าจะไปไหนมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของโกย่า” พูดพลางใบหน้าของนางก็ยิ้มอย่างเยาะๆ สายตามองตอบมาอย่างรู้ทัน “หวังแค่ใครบางคนแถวนี้คงไม่แอบส่งข่าวปากโป้งไปบอกโกย่าก็แล้วกัน “
 
 
“หากใครบางคนไม่หนีออกมาเที่ยวจนทำให้คนอื่นเค้าวุ่นวายข้าก็คงไม่ต้องทำหรอก” กัสเอ่ยเบาๆกับตัวเองพร้อมส่งรอยยิ้มแกมประชัดให้กับงานตรงหน้า
 
 
เสียงใครมาแต่หัววันเชียว หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งโผล่ออกมาจากแนวชายป่าเอ่ยถามอย่างสงสัย ผมที่ยาวของนางถูกถักเป็นเปียไว้ข้างหลัง ในมือเต็มไปด้วยข้าวของพะรุงพะรัง ทันทีที่เห็นหน้าแขกผู้มาเยือนชัดๆ ผู้เอ่ยถามก็รีบทำความเคารพด้วยความตกใจ
 
 
“องค์หญิงเอเลนน่า !!”
 
 
เอเลนน่าหยุดคำพูดที่จะใช้ตอบโต้ นางยิ้มหวานให้แก่นีย่าอดีตแม่นมที่เลี้ยงตนมา ก่อนพาร่างเข้าไปช่วยถือตะกร้าอย่างเอาอกเอาใจ
 
 
“อรุณสวัสดิ์ค่าป้านีย่า โอ้โห….. เห็ดป่าน่ากินทั้งนั้น”
 
 
นีย่ามองสาวน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดูในความเป็นกันเอง
 
 
“องค์หญิงมาเยือนพวกเราแม่ลูกมีธุระอะไรหรือเพคะ นางถามขึ้นทันที แม้จะรู้ดีว่าเอเลนน่าคงหนีออกจากปราสาทมาเที่ยวเล่นอีกตามเคย”
 
 
หญิงสาวยิ้มกว้างก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
 
 
“ข้ามาที่นี้เพื่อบอกข่าวงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ ข้าอยากให้ป้านีย่ากับกัสไปร่วมงานด้วย อีกอย่างวันนี้รอบๆปราสาทเริ่มจัดเตรียมงาน ข้าอยากไปเดินเที่ยวแต่ไปคนเดียวคงไม่สนุก เอเลนน่าเอ่ยปากขณะตีหน้าเศร้า
 
"ก่อนหน้านี้ข้าส่งจดหมายมาก็หลายครั้ง แต่ใครบางคนนะสิไม่ยอมตอบกลับไปซักที” ว่าพลางก็เหลือบตาไปมองผู้ที่เอ่ยถึงอย่างขัดใจ
 
 
“สงสัยจดหมายจะมาไม่ถึง เจ้าหญิงอย่างข้าก็เลยต้องมาด้วยตัวเอง ตกลงนะคะท่านป้า”
 
 
“ใกล้จะถึงงานฉลองครบรอบสิบเจ็ดปีขององค์หญิงแล้วสินะเพคะ นีย่ายิ้มอย่างยินดี อุตสามาเชิญถึงที่นี้ แต่ตัวข้าก็แก่ขนาดนี้แล้วคงรู้สึกไม่สบายซักเท่าไรหากต้องไปเจอผู้คนมากมายที่ปราสาท" นีย่ามีท่าทางครุ่นคิด
 
"ยังไงให้กัสไปเป็นเพื่อนองค์หญิงเที่ยวรอบปราสาทน่าจะดีกว่าไหมเพคะ” นางพูดพลางมองไปยังบุตรชายที่เตรียมตั้งท่าจะปฏิเสธ
 
 
“ไปเถอะลูก ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้างก็ดี” กัสเห็นสายตาขอร้องแกมบังคับของมารดาจึงได้เพียงเก็บงำคำพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ เด็กหนุ่มแน่ใจว่าแท้จริงนีย่าคงอยากให้เขารีบไปส่งข่าวบอกองค์รักษ์โกย่าให้รู้ว่าองค์หญิงตัวแสบยังปลอดภัยดีอยู่กับเขา
 
 
เห็นท่าทางยอมแพ้ของกัสเอเลนน่าฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะ ไม่รอที่จะเอ่ยวาจาที่ทำให้กัสต้องมองด้วยสายตาดุๆ
 
 
“รับรองค่ะท่านป้า ข้าจะดูแลกัสให้อย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม” พูดแล้วนางก็หัวเราะอย่างชอบใจ นีย่าแอบยิ้มให้กับเด็กสาวก่อนเดินไปหาบุตรชายตรงหน้า
 
 
“ไปเที่ยวเป็นเพื่อนองค์หญิงเถอะกัส ลูกก็ไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้วนี่นา”
 
 
กัสมองหน้ามารดาอย่างยอมแพ้ สุดท้ายทั้งแม่และตัวเขาก็ไม่อาจขัดใจเด็กสาวได้ซักครัเง เด็กหนุ่มตัดใจวางเครื่องมือตีเหล็กก่อนเดินเข้าไปหยิบเสื้อนอกในบ้าน เอเลนน่ายืนรอข้างๆนีย่าอย่างอารมณ์ดี
 
 
บริเวณรอบปราสาทถูกตกแต่งอย่างสวยงาม แม้ยังไม่ถึงวันงานฉลองแต่ตัวเมืองก็ดูคึกคัก ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างเดินทางมุ่งสู่โซมาเรียเมืองที่เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมของมนุษย์ เมืองซึ่งปกครองโดยกษัตริย์เมนอสผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่
 
ทูตจากเมืองต่างๆถูกส่งมาเพื่อแสดงความยินดีแก่บุตรสาวคนเดียวของกษัตริย์ ถนนหนทางเต็มไปด้วยชาวเมืองที่รวมตัวกันเพื่อรอชมความสวยงามของขบวนแขกกิตติมศักดิ์ที่ทยอยเดินทางเข้าสู่เมือง หากแต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนเบียดเสียดอย่างตื่นเต้นคงหนีไม่พ้นคณะทูตผู้สูงศักดิ์จากเวลล์นครแห่งปักษาที่นานๆทีจะตอบรับคำเชิญ ผู้คนต่างพยายามเบียดเสียดเพื่อจะชมความงดงามของแขกจากตะวันออก
 
 
ชาวเมื่องโซมาเรียให้การนับถือชนปักษามาเนินนานเนื่องจากในอดีตปักษาเหล่านี้เคยช่วยให้มนุษย์ผ่านพ้นสงครามที่เกือบจะทำให้เมืองแห่งนี้ถูกทำลาย หากแต่ต่างออกไปกับเจ้าหญิงผู้เป็นเจ้าของงาน เอนเลนน่ากลับมุ่งความสนใจกับข้าวของแปลกๆที่ร้านค้านำมาเปิดขาย และแทบจะไม่สนใจใยดีกับบรรดาแขกของเธอที่สวนทางผ่านหน้าไปแม้แต่น้อย
 
 
ตลอดทางหญิงสาวแวะดูข้าวของด้วยท่าทางตื่นเต้นแบบเด็กๆ กัสที่เดินตามได้เพียงมองอย่างยิ้มๆด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่เด็กจนเติบโตเด็กหนุ่มแสนจะเคยชินกับการทำหน้าที่เป็นองครักษ์คอยพิทักษ์องค์หญิงผู้นี้ และแม้ภายหลังตัวเขาและแม่จะย้ายออกมานอกปราสาท องค์หญิงตรงหน้าก็ยังไม่เคยหยุดเรียกหา และยังคอยแวะเวียนมาใช้งานตัวเขาแทบไม่เคยหยุดหย่อน
 
 
“ยิ้มอารัยหนักหนา” เอเลนน่าถามขึ้นทันทีเมื่อแอบเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่ม
 
 
‘เปล่า…ขอรับ”
 
 
หญิงสาวมีท่าทางไม่เชื่อแต่ก่อนจะซักต่อก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อมองเห็นคณะเร่ที่กำลังแสดงกายกรรม ด้วยความตื่นเต้นนางรีบดึงมือกัสอย่างลืมตัวและลากเขาเข้าใกล้คณะกายกรรมที่เต็มไปด้วยฝูงชนที่มุงดูอย่างแออัด
 
 
คณะกายกรรมเต็มไปด้วยเด็กๆที่แสดงลีลาต่างๆ เอเลนน่าจะเอามือป้อมปากด้วยความตกใจทุกครั้งเมื่อเด็กๆโชว์การต่อตัวอันน่าหวาดเสียว แล้วจะตบมือให้ยามเมื่อจบการแสดงที่ดูสวยงาม ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังดูการแสดง หญิงสาวคนหนึ่งเกิดล้มลงไปไม่ไกลจากตัวกัส ด้วยความว่องไวเด็กหนุ่มรีบโอบรับร่างที่หมดแรงก่อนขยับพาตัวออกห่างฝูงชน
 
 
“เป็นอะไรรึเปล่า” เมื่อพ้นกลุ่มคนกัสรีบเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า เขาคลายมือออกช้าๆเมื่อเธอคนนั้นดูมีสีหน้าและท่าทางที่ดีขึ้น
 
 
“ข้าแค่รู้สึกปวดหัว ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพยุงข้าออกมา” นางเอ่ยพลางช้อนตามองสบมาที่เขา หญิงสาวมีใบหน้าที่จัดว่าสวยงาม ผมสีทองและชุดสีแดงรัดรูปอวดสัดส่วนที่น่าดูชม เธอมองตรงมาที่หน้าของกัสพร้อมรอยยิ้มหวานจัดจนเด็กหนุ่มชักอยากจะถอยห่าง เมื่อเห็นท่าไม่ดีกัสตัดสินใจจะเอ่ยขอตัว แต่เด็กหนุ่มก็ทำได้เพียงแค่คิดเมื่อหญิงสาวล้มตัวลงมาที่อกของเขาอีกครั้ง มือทั้งสองเคลื่อนเข้ามาโอบรัดรอบคอเด็กหนุ่มอย่างอ่อนแรง
 
 
 
.................................................................เดี๋ยวมาต่อจ้า
 
ฝากนิยายด้วยเน้อ อย่างลืมคอมเม้นให้กำลังใจเค้ากันด้วยน๊าาา (^3^)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา