Guildmystic มนตราพันธนาการ

10.0

เขียนโดย อาม่า

วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.53 น.

  6 บท
  4 วิจารณ์
  8,399 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2558 10.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Chapter 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            Chapter 5

                ม่านแห่งรัตติกาลคลี่ตัวลงครอบคลุมผืนฟ้า เปลี่ยนนภาสีแดงส้มจนมืดมิดโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ภายใต้ชายคาซึ่งบดบังดวงดาราอันพร่างพราย หนึ่งหญิงและหนึ่งชายเดินตามกันไปอย่างเงียบงันราวกับเป็นแค่สายลมที่พัดผ่านทางเดินเพียงวูบเดียวเท่านั้น

                หากไม่รู้มาก่อนว่าคาอิลเดินตามอยู่ข้างหลัง สการ์เล็ตคงนึกว่าตัวเองอยู่เพียงลำพังหรือไม่ก็กับวิญญาณเสียอีก

                คนอะไรเดินเร็วแล้วยังเงียบกริบอย่างกับนักย่องเบา...

                 ยามคาอิลเอ่ยปากนางรู้สึกว่าเขาช่างชวนโมโหและน่ารำคาญ แต่พอเงียบขึ้นมากลับทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดเหลือทน

                เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียย่นคิ้วเมื่อเดินเลี้ยวมาถึงเส้นทางสายหนึ่งในปราสาท หากเป็นไปได้ ต่อจากนี้นางอยากใช้เวลาอยู่เพียงลำพังมากกว่าจะมีองครักษ์กำมะลอคอยติดตาม

                คิดดังนั้นจึงหยุดเดินแล้วหันไปทางพ่อมดก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความรำคาญอย่างไม่ปิดบัง

                “ไหนว่าไม่ต้องอยู่กับข้าก็สามารถคุ้มครองได้ยังไงล่ะ”

                “ข้าแค่บอกว่าถึงอยู่ห่างกันบ้างก็สามารถคุ้มครองได้ต่างหากล่ะครับ” คาอิลตอบพลางยกยิ้มมุมปาก “แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด อยู่ใกล้กันไว้ตลอดเวลาจะคุ้มครองง่ายกว่าใช่ไหมล่ะครับ”

                 “เจ้ากลับไปได้แล้ว วันนี้พอแล้วล่ะ”

                 “ข้ายังไม่เหนื่อยเลยครับ”

                 “ตอนนี้ข้าอยากอยู่คนเดียว”

                 สการ์เล็ตพูดตามตรงหลังจากที่วิธีอ้อมค้อมไม่ได้ผล และยังคงไม่ได้ผลอยู่เช่นเดิมเมื่อพ่อมดยิ้มตอบ

                “แต่ข้ายังไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา”

                 หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบ่ายหน้ากลับไปเดินทางเดิม

                เอาสิ อย่างไรก็ปิดบังไม่ได้ตลอดไป ถึงให้พบกันตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก...กระมัง

                เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์เดินนำพ่อมดจอมกวนประสาทไปตามทางที่ทอดยาวสู่หอคอยซึ่งแยกตัวออกจากปราสาท มีทหารยามเฝ้าอยู่เป็นระยะ ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคาอิลเป็นต้องจ้องมองอย่างระแวดระวังและเข้าขวางมิให้ผ่านจนสการ์เล็ตต้องคอยอธิบายว่าเขาคือผู้ติดตามของนาง

                ร่างระหงหยุดยืนที่หน้าประตูห้องชั้นบนสุดของหอคอยแล้วหันไปมองคาอิลอย่างชั่งใจ ดวงตาสีทับทิมทอประกายเศร้าหมองขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะผลักบานประตูให้เปิดออก

                ภายในห้องนั้นตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน โซฟาและเตียงซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องล้วนดูออกได้ในปราดเดียวว่าผ่านการคัดสรรค์แต่ของดีมีราคาแพงลิบลิ่วเกินกว่าคนธรรมดาจะมีปัญญาหามาประดับบารมีได้ ทว่าบนพื้นกลับมีแต่ของเล่นสำหรับเด็กวางเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด

                สาวใช้นางหนึ่งซึ่งมีเส้นผมสีดำยาวสลวยตวัดดวงตาสีนิลมามองทั้งสองอย่างตกใจแล้วโอบกอดบุรุษร่างใหญ่เอาไว้อย่างปกป้อง มองแล้วก็ให้นึกถึงภาพแม่แมวสาวกำลังปกป้องลูกสุนัขหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น และแม่แมวดำตัวนั้นก็กำลังจ้องคาอิลอย่างหวาดระแวงก่อนจะทำสายตาราวกับอยากถามสการ์เล็ตว่าเขาเป็นใคร

                 “เขาเป็นผู้ติดตามของข้าเอง ไม่ต้องกังวลหรอก” สการ์เล็ตบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาบุรุษร่างใหญ่ซึ่งหันมามองนางแล้วโผเข้ากอดทันที

                 “นึกว่าจะไม่มาหาอีกแล้ว ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน พี่สาว”

                 “งานของข้ายุ่งมากไปหน่อยเท่านั้น” สการ์เล็ตพูดพร้อมกับลูบศีรษะคนตัวสูงกว่าอย่างอ่อนโยน “ให้ช้าอย่างไรก็ต้องมาหาอยู่แล้ว ข้าไม่มีทางทิ้งท่านได้หรอก”

                คาอิลเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าบุรุษผู้นั้นน่าจะมีอายุมากกว่าคนที่ตนเรียกว่าพี่สาวอยู่หลายปี ใบหน้าคมคายมีส่วนคล้ายคลึงกับสการ์เล็ตอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีทับทิม จมูกเป็นสัน กระทั่งผมยาวหยักศกสีน้ำตาลทองซึ่งถูกรวบผูกโบว์ไว้ที่ด้านหลัง

                 “ถึงไม่ต้องบอกเจ้าก็คงพอจะเดาได้สินะ” สการ์เล็ตเบนสายตากลับมาสบกับพ่อมด “นี่แหละพี่ชายของข้า รัชทายาทซึ่งมีข่าวว่าป่วยด้วยโรคที่ยังไม่อาจมีใครรักษาหาย”

                 รัชทายาทอลันหันไปมองคนที่กำลังคุยกับพี่สาวของเขาด้วยท่าทางสนใจ เมื่อเห็นหน้าคาอิลแล้วเขาก็โดดเข้าใส่อย่างแรง ร่างอันสูงใหญ่โถมน้ำหนักใส่พ่อมดโดยที่ไม่ได้ระวังตัว ทำให้คนทั้งคู่ล้มลงไปพร้อมกัน คาอิลจ้องอีกฝ่ายซึ่งกดทับอยู่บนร่างตนจนลุกไม่ขึ้นด้วยสายตาตกตะลึง เพราะคาดไม่ถึงว่าบุรุษตัวโต ๆ จะมาเล่นอะไรอย่างนี้

                 “ข้าชอบเจ้า มาเล่นกันเถอะพี่ชาย”

                 ดวงตาใสแป๋วจ้องพ่อมดอย่างไร้เดียงสา ผู้ใช้อาคมจึงยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน

                 “เล่นก็ได้ แต่ถ้าเจ้าทับข้าอยู่อย่างนี้ เห็นทีข้าคงเล่นด้วยไม่ไหวแน่ ๆ “

                อลันยอมลงจากร่างพ่อมดอย่างว่าง่าย เขานั่งคุกเข่ารอพลางจ้องจอมเวทด้วยดวงตาวาววาม คาอิลลุกขึ้นนั่งก่อนมองไปรอบข้าง เขายิ้มออกมาแล้วจึงหยิบตุ๊กตาผ้ารูปเด็กชายตัวหนึ่งมาร่ายเวทมนตร์ใส่ ไม่นานมันก็เริ่มกระดุกกระดิก เมื่อเขาปล่อยมือจากตุ๊กตา มันก็ไปกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าองค์รัชทายาท

                อลันจ้องมันด้วยสายตาตื่นเต้นและพยายามจะคว้าจับเอาไว้ แต่เจ้าตุ๊กตาก็กระโดดหลบแล้ววิ่งหนีไปรอบ ๆ ห้องโดยมีเจ้าชายกึ่งวิ่งกึ่งคลานตามไปอย่างสนุกสนาน

                หากมองในสายตาผู้อื่นแล้ว การที่บุรุษหนุ่มรูปงามร่างสูงใหญ่มาวิ่งเล่นไล่ตามตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ อาจเป็นภาพที่น่ามองและน่าขันในคราวเดียวกัน แต่สำหรับสการ์เล็ตแล้วมันเป็นภาพที่น่าสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง พี่ชายของนางเคยสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งกว่าใคร

                ทว่าเจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียก็ยังยิ้มได้เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยพี่ชายก็มีความสุข นางหันไปมองพ่อมดบ้าง แล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจ

                ผ้าคลุมศีรษะของคาอิลเลื่อนหลุดลงไปกองที่ไหล่ จึงได้เห็นว่ามีสีดำแทรกแซมอยู่บริเวณโคนผมขาวยาวประมาณครึ่งนิ้ว

                 “ข้าก็นึกอยู่ว่าทำไมเจ้าจึงมีสีผมที่ขาวแปลกนัก ที่แท้ผมหงอกเองหรอกหรือ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”

                 ผ้าคลุมศีรษะถูกดึงขึ้นเข้าที่ก่อนเจ้าหญิงจะทันได้แตะ พ่อมดเสมองไปทางเจ้าชายแล้วเอ่ยถาม

                “รัชทายาทเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ”

                คาอิลเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สการ์เล็ตจึงตระหนักว่ามันอาจเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปแตะต้อง เจ้าหญิงไตร่ตรองแล้วคิดว่านั่นอาจเป็นจุดอ่อนหนึ่งของเขา เอาไว้นางต้องหาโอกาสเลียบเลียงเคียงหลอกถาม เผื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองสำหรับการปลดสถานะเบี้ยล่างของพ่อมดได้

                “พี่ข้ากลายเป็นแบบนี้เมื่อราวหนึ่งปีก่อน อยู่มาวันหนึ่งเขาก็สูญเสียความทรงจำไปอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุและกลายเป็นคนที่มีหัวใจของเด็กไป พวกเราไม่ได้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งเขาอาจกลับมาเป็นคนเดิมได้ในไม่ช้า แต่แม้จะสรรหาแพทย์ฝีมือดีหรือมีชื่อเสียงว่าเป็นหมอเทวดาก็ไม่มีใครรักษาได้ ครั้งหนึ่งที่เคยคิดว่ารัชทายาทอาจถูกมนตร์ดำ เราก็เชิญผู้ใช้อาคมมาตรวจสอบ แต่ก็ได้รับเพียงคำตอบว่าไม่พบกระแสแห่งเวทมนตร์ใดจากตัวเขา เราลองกันมาหลายวิธีจนตอนนี้ทุกคนเริ่มถอดใจแล้ว”

                สการ์เล็ตเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้าและเงียบลงเมื่อรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ในลำคอจนมิอาจเอ่ยคำใดออกมา แต่เพียงครู่เดียวนางก็เบิกตากว้างเมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างระหงปราดไปยืนตรงหน้าคาอิลแล้วจ้องตาพ่อมดอย่างคาดหวัง

                 “ผู้ใช้เวทมนตร์ล้วนแต่เป็นผู้รอบรู้ เจ้าเป็นพ่อมดที่น่าจะเก่งกาจมากมิใช่หรือ จะช่วยพี่ชายของข้าได้ไหม”

                “แล้วท่านยังมีอะไรตอบแทนให้ข้าได้ล่ะครับ”

                เพียงประโยคนั้นก็ทำให้เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียถึงกับชะงัก สการ์เล็ตพอจะรู้ว่าคาอิลไม่น่าจะเป็นคนประเภทที่ลุ่มหลงในชื่อเสียงหรือเงินทอง และเขาก็พูดอยู่เสมอว่านางไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าการเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาแก้หน่าย สิ่งที่เขาต้องการน่าจะเป็นอะไรที่ไม่อาจหามาหรือยอมให้กันได้อย่างง่ายดายนัก

                ถ้าหากมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะช่วยเหลืออลันได้ ไม่ว่าอะไรก็จะทำ นางไม่อยากรู้สึกเสียใจที่ช่วยคนสำคัญไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

                “ข้าไม่มีอะไรจะให้ แต่ถ้าเจ้าต้องการ... ต่อให้ต้องตายข้าก็จะหามาให้ได้”

                คาอิลมองดวงตาสีทับทิมที่สั่นระริกและมีหยาดน้ำใส ๆ คลอหน่วยแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมา

                 “ข้าเป็นพ่อมดนะครับ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ถ้าเก่งไปเสียหมดทุกอย่างคนอื่นก็ไม่มีงานทำกันพอดี”

                ผู้ใช้มนตราย่อตัวลงนั่งแล้วใช้ตุ๊กตาหลอกล่อให้อลันเข้ามาหา เขาพูดกับสการ์เล็ตโดยที่คอยสังเกตเจ้าชายผู้มีหัวใจของเด็กไปด้วย

                “แต่ข้าจะลองดูก็แล้วกัน แล้วท่านก็ช่วยเตรียมตัวรับคำเรียกร้องของข้าด้วยนะครับ”

                พ่อมดหนุ่มขยับแว่นลงแล้วจ้องมองเจ้าชายรัชทายาทอย่างพิจารณา เขาหลับตาแล้วแตะฝ่ามือลงบนอกของอีกฝ่ายก่อนแผ่ขยายอาคมตรวจสอบออกไปทั่วร่าง ความเงียบงันเข้าปกคลุมรอบบริเวณเหมือนทุกสิ่งอย่างหยุดนิ่งเป็นเวลาอันเนิ่นนาน หากแท้จริงนั้นแสนสั้นเพียงแค่ชั่วอึดใจ

                แม้มันจะเบาบางมาก...แต่ก็พอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปรกติ

                ดวงตาของพ่อมดหนุ่มหรี่ปรือ เขาโคลงศีรษะและมุ่นคิ้วอย่างใช้ความคิด กระนั้นชั่วขณะหนึ่งยังทันสังเกตเห็นว่าผู้ดูแลเจ้าชายกำลังจ้องมองการกระทำของเขาเขม็งและมีแววหวาดระแวงสะท้อนอยู่ในดวงตาสีนิล คาอิลส่งยิ้มให้ แต่ก็ถูกสะบัดหน้าหนีในทันที เขาหรี่ตาลง แววบางอย่างสะท้อนเป็นประกายอยู่หลังกรอบแว่นกระจกหนา เสียงหัวเราะดังเพียงแผ่วในลำคอก่อนจะหันไปพูดกับสการ์เล็ต

                 “คืนนี้ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะครับ”

                 “เอ๊ะ! แต่ข้ายังไม่...”

                 “กลับได้แล้วครับ วันนี้ท่านเหนื่อยมากไม่ใช่หรือ” คาอิลกล่าวเสียงหนักตัดบทและส่งสายตาเชิงบังคับให้ทำตามคำสั่ง สการ์เล็ตจึงต้องยอมทำตามอย่างเสียมิได้

                 “ข้าต้องกลับแล้ว อย่าเป็นเด็กดื้อล่ะ” สการ์เล็ตบอกกับรัชทายาทพร้อมกับลูบศีรษะของเขาเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเด็กโข่งขี้อ้อนกำลังส่งสายตาเว้าวอนมิให้กลับ นางละมือจากอลันแล้วหันไปกล่าวกับสาวใช้ที่เข้ามารับช่วงปลอบคนขี้น้อยใจแทน

                “ฝากพี่ของข้าด้วยนะ”

                คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นขณะก้าวตามให้ทันร่างสูงซึ่งเดินทอดน่องอย่างสบายอกสบายใจโดยไม่รอนางอย่างที่องครักษ์ควรจะทำ

                 “เจ้าละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้าเกินไปแล้วนะ จะให้ข้ารีบกลับตามเจ้าออกมาทำไมกัน” สการ์เล็ตพูดอย่างไม่พอใจ และยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีกเมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย

                 “ข้าเห็นว่าท่านทำงานเหนื่อยกายและต้องเหนื่อยใจกับเจ้าชายจากเฮย์เดนมาทั้งวัน เลยอยากให้รีบพัก พรุ่งนี้จะได้ไม่ตื่นสาย ไม่ดีหรือครับ” คาอิลยิ้มและหรี่ตาลง “ที่สำคัญข้าเหนื่อย... อยากพักแล้วล่ะ”

                หากความร้อนในอารมณ์แปรเปลี่ยนเลือดในกายให้เป็นไอเดือดได้ คงจะเห็นว่ามีควันพุ่งออกมาจากหูของเจ้าหญิงลำดับแรกแห่งเรสทอเรียเป็นแน่แท้

                 “เจ้าคนเอาแต่ใจ คิดอยากบังคับให้คนอื่นทำอะไรก็ทำได้อย่างนั้นหรือ” สการ์เล็ตคำรามอย่างโกรธเคือง คาอิลมองดวงเนตรสีทับทิมซึ่งทอประกายกร้าวแล้วขยับยิ้มมุมปาก

                “ข้าก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ท่านจะรับได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องใส่ใจ ดังนั้นช่วยกรุณาทำตัวให้ชินและทำตามสิ่งที่ข้าต้องการอย่างไม่กังขาเสียด้วย เข้าใจไหมครับ...เจ้าหญิง”

                พ่อมดหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว เจ้าหญิงมองเรียวปากหยักบางซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ปลายนิ้วแล้วรีบหลุบตาลงด้วยความตระหนก ร่างบอบบางแข็งทื่อขึ้นมาโดยพลันจึงคิดหาทางหลบหลีกไม่ได้ ในใจนึกไปล่วงหน้าว่าอาจจะถูกล่วงเกินอะไรอีกแล้ว

                 “ข้าจะกลับแล้ว ท่านพักผ่อนให้สบายเถิด ขอรับรองว่าคืนนี้จะไม่มีภยันตรายใดไปแผ้วพานท่านได้อย่างแน่นอน”

                สิ้นคำกล่าวของคาอิล สการ์เล็ตก็ไม่รู้สึกถึงสัมผัสหรือการเคลื่อนไหวอันใดอีก ดวงเนตรสีทับทิมปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า เบื้องหน้ามีเพียงห้วงอากาศอันว่างเปล่าและมืดสลัว ไม่มีร่างของพ่อมดหนุ่มหรือใครอยู่ในบริเวณนั้น เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียขมวดคิ้วจนม้วนมุ่น นางไม่เข้าใจในตัวพ่อมดหนุ่มผู้นี้เอาเสียเลย

                คาอิลเป็นผู้ใช้มนตราที่โหดเหี้ยมน่ากลัวอย่างแน่นอนดังที่ได้ประสบพบเห็นมากับตา หลายคราที่คิดว่าเขาเอาแต่ใจเหมือนเด็ก ยียวนจนน่ารำคาญ ทั้งยังเห็นแก่ตัว ฉวยโอกาสและจิตทรามเป็นอย่างยิ่ง

                แต่นางก็ยังเห็นว่าเขาพอจะมีส่วนดีอยู่บ้าง จึงคาดว่าคาอิลอาจอ่อนโยนและมีน้ำใจมากกว่าที่คิด

                ทว่าสุดท้ายแล้วพ่อมดผู้นี้ก็ยังแสดงแต่ความร้ายกาจออกมาให้เห็น หากไม่ใช่แสร้งทำให้คนอื่นเห็นว่าตนเองเลว ก็คงนิสัยเสียจนฝังรากลึกอย่างแท้จริง

                */*/*/*/*

               

                ภายในอาณาเขตส่วนตัวของเจ้าชายรัชทายาทซึ่งมีความกว้างเพียงห้องหนึ่งบนหอคอย สาวใช้นามฮิลดราเลียกำลังเล่าขานนิทานปรัมปราให้ผู้ใหญ่ซึ่งมีหัวใจของเด็กฟังระหว่างที่เขานอนเอกเขนกหนุนตักของนาง

                 “ได้เวลานอนแล้ว เจ้าชายน้อยของข้า” ฮิลดราเลียกล่าวเสียงหวานหลังจากเล่ามาถึงตอนจบอันสุขสมของนิทาน นางลูบไล้ดวงพักตร์งดงามอย่างอ่อนโยนแล้วค่อย ๆ ยกศีรษะอีกฝ่ายให้ลุกนั่ง

                “สัญญาแล้วนะคะ ว่าถ้าเล่านิทานให้ฟังแล้วจะยอมดื่มยาดี ๆ “

                ผู้ดูแลรัชทายาทหยิบขวดแก้วสีทึมทึบใบเล็กที่ซ่อนเอาไว้ในกระโปรงออกมายื่นส่งให้เจ้าชายอลัน เขามองของในมือนางแล้วเบะปาก ฮิลดราเลียจึงย่นคิ้วและทำสายตาดุ

                “จะผิดสัญญาหรือคะ ถ้าผิดสัญญาข้าจะไม่ทำเรื่องสนุก ๆ กับท่านอีกแล้วนะคะ”

                “ถ้าข้าเป็นคนดื่มของในขวดใบนั้น แล้วจะมาทำเรื่องสนุกกับข้าแทนได้ไหม”

                เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวลหากแต่ทำให้ฮิลดราลียตกใจจนแทบทำขวดแก้วหลุดจากมือ นางหันขวับไปยังที่มาของเสียงซึ่งอยู่ในเงามืดของผ้าม่าน ร่างสูงในชุดคลุมสีดำก้าวย่างอย่างช้า ๆ เข้ามาหาสาวใช้ และหยิบขวดแก้วในมือไประหว่างที่นางมัวแต่ตกตะลึง

                 “พี่ชาย มาเล่นกับข้าอีกหรือ”

                อลันร้องอย่างดีใจและทำท่าจะโผเข้าใส่คาอิล แต่พ่อมดหนุ่มกลับกางมือออกไปตรงหน้าเจ้าชาย ทำให้เขาชะงักกึกทันทีก่อนจะถูกยันจนหงายหลัง

                “เจ้ากำลังง่วง... รีบไปนอนเสียเถอะเด็กดี”

                คาอิลยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นว่าอลันค่อย ๆ หรี่ตาลงอย่างง่วงงุนและอ้าปากหาว เขาเดินโงนเงนกลับไปที่เตียงอย่างว่าง่ายแล้วมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มก่อนจะหลับลงในเวลาเพียงชั่วอึดใจ เมื่อเห็นว่าเจ้าชายหลับสนิทแล้วพ่อมดแว่นจึงหันไปส่งยิ้มให้กับผู้ดูแลรัชทายาทพร้อมกับเปิดฝาขวดยา

                “ข้าจะดื่มแล้วนะ”

                คาอิลกรอกของเหลวในขวดแก้วเข้าปากรวดเดียวหมดก่อนที่สาวใช้จะทันเอ่ยห้าม เขาถือขวดเปล่าเอาไว้ในมือด้านหลัง ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และกล่าว

                “เอาล่ะ ตัวเกะกะก็ไม่มีแล้ว คราวนี้เรามาเล่นสนุกกันดีกว่า”

                โดยไม่ทันคาดคิด ฮิลดราเลียซึ่งมัวแต่ตะลึงงันทำอะไรไม่ถูกก็โดนรวบร่างเข้าไปประกบปาก ของเหลวบางอย่างที่น่าจะถูกอีกฝ่ายกลืนไปแล้วกลับไหลลงสู่ลำคอของนาง เมื่อนึกได้ว่าตนกำลังกลืนอะไร สาวใช้ผมดำถึงกับเบิกตากว้างแล้วรีบผลักไสพ่อมดหนุ่มออกไป

                 “ไม่จริง! ข้าดื่มมันไปแล้ว”

                ฮิลดราเลียพึมพำพลางจับลำคอตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา หญิงสาวตวัดสายตามองบุรุษหนุ่มซึ่งยืนส่งยิ้มมาให้นางอย่างน่ากลัว

                “สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ”

                สาวใช้ของเจ้าชายเซถอยหลังอย่างหมดแรงเมื่อนึกถึงความเร็วในการออกฤทธิ์ของยา นางไม่มีเวลามาซักไซ้คาดคั้นชายผู้นี้แล้วว่าเพราะเหตุใด

                ฮิลดราเลียมองคาอิลอย่างโกรธแค้นก่อนจะตะลีตะลานออกไปจากห้องบนหอคอย นางสาวเท้าอย่างรวดเร็วผ่านทหารยามซึ่งยืนเฝ้าตามทางเข้าออกของปราสาทโดยไม่สนใจต่อคำที่คนเหล่านั้นเอ่ยถามว่าจะไปไหน

                บนถนนหนทางที่มืดและเปลี่ยวปลอดผู้คน หญิงรับใช้ของเจ้าชายรัชทายาทยังไม่ลืมเหลียวมองรอบกายว่ามีใครแอบตามมาบ้างหรือเปล่าแม้จะรีบร้อนเพียงใดก็ตาม นางถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นเงาของพ่อมดคาอิล ทั้งที่คิดว่าเขาน่าจะตามมาเสียอีก

                คฤหาสน์เก่าคร่ำหลังเล็กซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้และห่างไกลจากแหล่งชุมชน ฮิลดราเลียตรงดิ่งไปหยุดยืนที่หน้าประตู เคาะเพียงชั่วครู่ประตูนั้นก็เปิดออกโดยไม่มีเงาร่างของคนที่มาปลดกลอนประตูให้ สาวใช้ไม่ได้มีทีท่าแปลกใจอะไร นางยังคงก้าวเท้าอย่างรวดเร็วตรงเข้าไปยังห้องหนึ่งซึ่งน่าจะมีบุคคลที่ต้องการพบอยู่ในนั้น

                ประตูถูกเปิดออกพรวดพราดโดยไม่มีการเคาะ เรียกสีหน้าไม่พอใจจากคนที่นั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้บุนวมหนัง ทว่าฮิลดราเลียกลับไม่ได้ใส่ใจถึงเพียงนั้น นางตรงเข้าไปทรุดคุกเข่าแล้วก้มศีรษะจนแทบจะโขกกับพื้นเพื่อขอร้องเขาอย่างร้อนรน

                “ท่านพ่อมด กรุณาให้ยาถอนพิษแก่ข้าด้วยเถอะ”

                บุรุษชุดดำซึ่งแต่งกายอย่างสง่างามราวกับท่านชายผู้สูงศักดิ์มากกว่าพ่อมดเอียงคอพลางกระตุกยิ้ม

                 “นึกอยากให้เจ้าชายรัชทายาทที่รักกลับมาเป็นคนปรกติแล้วหรืออย่างไร” พ่อมดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาโน้มตัวไปด้านหน้าแล้วใช้มือข้างหนึ่งเชยคางหญิงสาวให้เงยขึ้น ดวงตาสีดำมืดลึกจ้องสบกับดวงเนตรสีนิลที่สั่นไหว

                “หรือว่าเจ้าเผลอดื่มยานั่นเข้าไปเองกันล่ะ”

                ฮิดราเลียไม่ได้ตอบ กระนั้นสีหน้าและแววตาของนางก็บ่งบอกอย่างชัดแจ้ง

                คิ้วเรียวหนากระตุกเล็กน้อยก่อนที่พ่อมดจะปล่อยมือจากคางสาวใช้ เขาลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้วแง้มม่านออกเพียงพอให้มองเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์อย่างชัดถนัดตา เรียวปากบางกระตุกยิ้มเหี้ยม

                “ดูสิว่าเจ้าพาใครมา แม่หญิงคนงาม”

 

                ราวกับมีสายฟ้าแล่นปราดผ่านม่านอากาศยามที่พ่อมดหนุ่มแว่นเอื้อมมือไปสัมผัสประตู มันทำให้มือของเขาถึงกับเกิดอาการชา คาอิลยกมือซึ่งกำลังสั่นระริกเพราะถูกอาคมกั้นเขตแดนขึ้นมองพลางมุ่นคิ้ว

                ดูเหมือนมนตราที่ใช้กับเจ้าหญิงจะทำให้เขาต้องสูญเสียพลังเวทมนตร์ไปกว่าที่คิดเอาไว้มาก มิเช่นนั้นด้วยอาคมระดับนี้คงไม่ระคายมือเขา

                หากเป็นเช่นนั้นการต้องลงมือต่อกรกับเจ้าของเขตแดนแห่งนี้อาจจะตึงมือเสียแล้ว

                เรียวปากหยักบางกระตุกยิ้ม เมื่อคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เขากลัวจนหดหัวถอยกลับไปได้หรอก

 

                บุรุษที่ยืนอยู่หลังม่านภายในคฤหาสน์เองก็คิดเช่นกัน เขาหัวเราะกับตัวเองอย่างชอบใจ หากแต่ในสายตาสาวใช้กลับเห็นเป็นเสียงหัวเราะที่น่ากลัวและสยดสยองอย่างยิ่ง

                “ไม่คิดว่าจะมาเจอกันในที่แบบนี้ ข้าก็อยากพบเจ้าอยู่หรอกนะ แต่นายจ้างของข้าคงไม่ชอบใจนักที่ใครจะมาเจอตัวข้าในเวลานี้”

                จอมเวทในชุดดำหมุนตัวอย่างรวดเร็วราวกับพายุ พริบตาเดียวก็มายืนอยู่ตรงหน้าฮิลดราเลียและใช้มือเพียงข้างเดียวกำรอบลำคอบอบบางก่อนจะยกขึ้นจนร่างของหญิงสาวลอยขึ้นเหนือพื้น

                เขาจ้องมองใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความทรมานเพราะขาดอากาศหายใจแล้วยิ้มออกมา

                “เอาเป็นว่าฝากบอกเจ้านั่นหน่อยก็แล้วกัน ว่าข้าไม่มียาถอนพิษให้เจ้าหรือใครทั้งนั้น ถ้าอยากช่วยใครล่ะก็ ให้หาทางเอาเองเถอะ”

                เปลวไฟก่อตัวขึ้นจากมวลอากาศอันว่างแปล่า มันหมุนวนอย่างรุนแรงรอบตัวพ่อมดและสาวใช้ก่อนจะแผ่พุ่งออกไปรอบด้าน แรงอัดอากาศทำลายคฤหาสน์จนพินาศทั้งหลังภายในพริบตา หากคาอิลไม่ได้สร้างเกราะป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนอย่างทันท่วงทีก็อาจได้รับบาดเจ็บจนสาหัสไปแล้ว

                ดวงหน้าขาวคมใต้ผ้าคลุมสีดำเงยขึ้นมองเงาร่างหนึ่งซึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามา เขาใช้เวทมนตร์ชะลอความเร็วและรับร่างนั้นพยุงไว้ในอ้อมแขนเมื่อเห็นว่าเป็นสาวใช้ของเจ้าชายซึ่งสลบไสลไม่ได้สติ  ครั้นเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นอีกเงาร่างกำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนอากาศท่ามกลางเพลิงกาฬอันร้อนแรงพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแผ่วต่ำก่อนที่จะหายไป

                ดวงตาสีน้ำเงินซึ่งเคยฉายแววขี้เล่นอารมณ์ดี บัดนี้กลับหรี่ลงอย่างเคร่งเครียดพร้อมกับพึมพำคำหนึ่งออกมา

                “ดีรอส...”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา