Guildmystic มนตราพันธนาการ

10.0

เขียนโดย อาม่า

วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.53 น.

  6 บท
  4 วิจารณ์
  8,403 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2558 10.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Chapter 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                Chapter 4            

                เจ้าชายลำดับสามแห่งอาณาจักรเฮย์เดนนอกจากจะงามสง่าดุจเทวทูตจากสวรรค์แล้วยังมีความปรีชาในการรังสรรค์ศิลปะได้มิยิ่งหย่อนไปกว่าจิตรกรฝีมือดี เซเซียจึงใช้ข้อนี้ในการอ้างขอให้เขาช่วยเป็นที่ปรึกษาแนะนำผลงานศิลปะแก่นาง

                บ่อยครั้งที่ธิดาองค์รองของกษัตริย์เอลริโก้แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนยังคฤหาสน์รับรองของเฟร์นานโด ภายในห้องทรงงานจิตกรรมซึ่งเจ้าชายไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ เพราะต้องการความสงบเพื่อสร้างสมาธิในการรังสรรค์ผลงาน แต่ใครไหนเลยจะรู้ว่ากิจกรรมที่ทั้งสองร่วมกระทำมิได้มีเพียงการนั่งจิบชาและปรึกษาเรื่องงานศิลป์

                “น่าเสียดายเหลือเกิน ที่เหตุร้ายเมื่อคืนไม่อาจทำให้ใครบางคนหายไปจากสายตาข้า” เซเซียพูดพลางละสายตาจากผืนผ้าใบที่มีลายเส้นโครงร่างของสิ่งมีชีวิตประหลาดซึ่งมีรูปร่างคล้ายผึ้งแต่ดวงตาและกรงเล็บใหญ่โตแลดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก ดวงหน้าหวานงดงามซึ่งเชิดขึ้นเล็กน้อยฉายรอยผิดหวังที่ตัวมารขวางคอไม่ยอมตายเสียที

                “แบบนี้การคุ้มกันก็คงเข้มงวดขึ้น” เฟร์นานโดเอ่ยพร้อมกับโอบกอดร่างระหงจากด้านหลัง สูดกลิ่นหอมกรุ่นเจือจางจากเรือนเกศาแล้วไหวกายไปมาคล้ายกับเต้นรำโดยไม่มีเสียงเพลง

                “แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคนักไม่ใช่หรือ ในเมื่อเราไม่ได้ใช้งานแต่พวกโจรกระจอก” เขาเอ่ยกระซิบแผ่วข้างใบหู รอยยิ้มเหยียดบนมุมปาก ทว่ายังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล

                “ต่อแต่นี้อาจมีก็ได้” ดวงเนตรกลมโตหรี่ลงเมื่อหันไปประสานสายตากับคู่หมั้นของพี่สาว “ได้ยินว่าคนที่ช่วยนางเป็นพ่อมดที่มีฝีมือเก่งฉกาจ และตอนนี้ก็รับหน้าที่คุ้มครองนางแล้ว”

                “จริงหรือ” เฟร์นานโดกระตุกยิ้ม นัยน์ตาสีมรกตทอประกายวาววาม “อยากรู้เหมือนกันว่าจะสู้คนของข้าได้ไหม”

                เจ้าชายละมือจากเอวบอบบางแล้วเอนตัวลงนั่งบนโซฟาบุนวมนุ่มสีน้ำตาลทองปักลวดลายเถาไม้ด้วยสีน้ำตาลเข้ม เจ้าหญิงนั่งตามลงด้านข้าง เสื้อลำลองสีขาวเนื้อบางปลดกระดุมเผยแผ่นอกหนาหนั่นเรียกดวงเนตรหวานให้มิอาจละสายตา

                “ดูจะมั่นใจในคนของตัวเองเสียเหลือเกินนะ”

                “แน่นอน ที่เจ้าชายอลันต้องเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เพราะฝีมือของเขา” เจ้าชายแห่งเฮย์เดนเว้นคำพูดครู่หนึ่งแล้วมองสีหน้าของเซเซีย “เจ้าคงไม่โกรธข้าใช่ไหม”

                เฟร์นานโดเอื้อมมือไปแตะนวลปรางเปล่งปลั่งเบา ๆ ราวกับขอความเห็นใจ เซเซียกอบกุมมือนั้นไว้อย่างรักใคร่ก่อนขยับเข้าซบกับอกอุ่น

                “ข้าไม่เคยโกรธท่าน ยอดรักของข้า” ดวงตาหวานทอดมองไปยังห้วงอากาศอันว่างเปล่า เสียงของนางแผ่วเบาราวรำพึงกับตนเอง

                 “ระหว่างพวกเขากับข้าไม่เคยมีความรู้สึกผูกพันใด ถ้าเพื่อท่านแล้วต่อให้สองคนนั่นต้องตายข้าก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก”

                ถึงกระนั้นเสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยก็ยังเจือไว้ด้วยความคับแค้น

                เพียงเพราะนางเกิดจากครรภ์ของสนม จึงไม่เคยได้รับสิ่งใดอย่างเท่าเทียมกันกับบุตรและธิดาของราชินี แม้แต่ความรักจากแม่แท้ ๆ ซึ่งต้องการบุตรชายมากกว่าบุตรสาว

                เพราะเหตุนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของเฟร์นานโดซึ่งเกิดมาในฐานะเดียวกัน ต่างกันก็แค่นางไม่มีความทะเยอทะยานอยากครอบครองบัลลังก์เหมือนเขา ในใจมีเพียงความริษยาที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่สาวต่างมารดาและความอิจฉาที่บุรุษซึ่งตนหมายปองไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็นของของนาง

                เพราะเหตุนี้เซเซียจึงร่วมมือในแผนการของเฟร์นานโดเพื่อให้ได้ครอบครองเขาโดยไร้ข้อครหา นางต้องกำจัดคู่หมั้นคนปัจจุบันออกไปให้พ้นทางและเพื่อความฝันของเฟร์นานโดก็จำเป็นต้องกำจัดองค์รัชทายาทเสียด้วย

                เจ้าหญิงองค์รองแห่งเรสทอเรียขยับขึ้นนั่งบนตักเจ้าชายเฟร์นานโดแล้วโอบแขนรอบลำคอของเขา หญิงสาวจ้องมองดวงพักตร์สง่างามด้วยความหลงใหล ไล่สายตาตั้งแต่เรียวคิ้วเข้มไปยังริมฝีปากหยักงามน่าสัมผัส บัดนี้เทพบุตรของนางมิได้อยู่สูงเกินเอื้อมอีกแล้ว นางมอบร่างกายและหัวใจแก่เจ้าชายหนุ่มจนไม่หลงเหลืออะไร หวังเพียงให้ตนเองเป็นหนึ่งเดียวในใจของเขา เป็นคนเดียวที่สามารถครอบครองเขาเอาไว้ได้ตลอดกาล

                เฟร์นานโดเผยอปากรับสัมผัสหวานละมุนจากเรียวปากอวบอิ่ม ปล่อยหญิงสาวให้กระทำตามอำเภอใจอยู่บนร่างกายของเขาโดยไม่ขัดขืน ในห้วงคำนึงรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย นางซึมซับประสบการณ์ที่เขาสอนไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

                นับว่าได้ประโยชน์กว่าที่เคยคาดไว้ในคราแรกมากนัก

                นานมาแล้วที่เจ้าชายลำดับสามแห่งเฮย์เดนถูกส่งมาอยู่ในดินแดนของคู่สัญญาอาณาจักร ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่าเขาได้ถูกใช้แล้วในฐานะตัวหมากทางการเมือง ทั้งยังเป็นการจำกัดอำนาจทางทหารของเขามิให้ขยายเกินไปจนยากแก่การควบคุม

                บางทีแผนการช่วงชิงบัลลังก์ในบ้านเกิดของตนคงถูกระแคะระคายเสียแล้ว เขาจึงได้ถูกริบกำลังทหารและเฉดหัวออกมาอยู่ในต่างแดนเช่นนี้

                ถือเป็นความปรานีอย่างใหญ่หลวงที่สิทธิ์และศักดิ์ของเจ้าชายยังคงอยู่ แม้เฟร์นานโดจะไม่นึกซาบซึ้งใจแต่อย่างใดก็ตาม

                การที่ได้รู้ว่าตนมีคู่หมั้นเป็นถึงเจ้าหญิงผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทลำดับสองของอาณาจักรคู่สัญญา จุดไฟแห่งความทะเยอทะยานของเฟร์นานโดขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่กำจัดรัชทายาทอันดับแรกและรอวันอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง เขาก็มิต้องเปลืองแรงอะไรมากแล้ว และเมื่อนั้นเขาจะดำเนินการล้างแค้นบ้านเกิดที่ไม่เห็นเจ้าชายผู้นี้อยู่ในสายตาเสียด้วย

                เจ้าชายแห่งเฮย์เดนวาดฝันเอาไว้อย่างมากมาย แต่แล้วก็ต้องเกือบสะดุดหยุดฝันค้างเอาไว้กลางอากาศ ทั้งที่เขาได้เริ่มลงมือส่งคนไปจัดการกับเจ้าชายรัชทายาทแล้ว เมื่อรู้ว่าสการ์เล็ตไม่มีใจให้ตนและคิดล้มเลิกแผนการหมั้นหมายกับเขา หากเป็นเช่นนั้นสิ่งที่ลงมือกระทำไปก็ต้องสูญเปล่า ความปรารถนาที่หวังไว้ต้องล้มครืนไม่เป็นท่า เขาไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด

                เมื่อนั้นเซเซียจึงก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในแผนการ เขารู้ได้จากสายตาที่มักทอดมองมาอยู่เสมอว่าสตรีผู้นี้หลงใหลในตัวเขาอย่างหมดหัวใจ และสายสัมพันธ์ระหว่างนางกับพี่น้องก็ดูว่าจะไม่แน่นแฟ้นเท่าไรนัก

                ผู้หญิงคนนี้ใช้ประโยชน์ได้...

                เฟร์นานโดถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ลมหายใจร้อนผ่าวหอบกระชั้น เจ้าชายเทพบุตรหัวเราะให้กับความเร่าร้อนของร่างระหงซึ่งกำลังเป็นฝ่ายครอบครองและควบคุมเขาอยู่ในขณะนี้

                นี่นับเป็นผลพลอยได้ที่สร้างความสำราญใจให้ยิ่งนัก

                เฟร์นานโดยังคงจดจำได้ดีถึงครั้งแรกของสัมผัสสิเน่หาระหว่างเขากับนาง

                ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อรับสัมผัสจูบแรกจากเจ้าชายที่ใฝ่ฝัน หล่อนตกอยู่ในภวังค์หวานและเริ่มเรียนรู้ที่จะตอบสนองเขาอย่างไร้เดียงสา เซเซียไม่ปฏิเสธอารมณ์ปรารถนาของตัวเองแม้จะรู้ว่าที่กำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม ผู้ชายที่กำลังกอดกับนางอยู่นี้มีเจ้าของ และผู้ครอบครองสิทธินั้นคือพี่สาวต่างมารดาของตน แต่นางก็ไม่อาจหยุดความปรารถนาอันรุ่มร้อนที่แผดเผาไหม้ในทรวงอก ได้แต่ปล่อยตัวและใจไปตามกระแสธารแห่งอารมณ์

                “เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล อ้อมกอดแข็งแกร่งคลายออกเมื่อรู้สึกถึงแรงสะอื้น มือหยาบใหญ่เชยคางมนขึ้นมองดวงตาที่มีน้ำใส ๆ ไหลริน

                “ข้าทำผิดไปแล้ว...ทั้งที่รู้ว่าท่านไม่อาจเป็นคนของข้า ทั้งที่ข้าไม่ควรหวัง แต่ข้าก็ยัง...”

                “เจ้ารักข้าหรือเปล่า” เฟร์นานโดกล่าวตัดบทอย่างนุ่มนวล เก็บซ่อนอารมณ์หน่ายไว้ในใจอย่างมิดชิด

                เขาจ้องดวงตางดงามราวกับจะเค้นความจริงที่อยู่ลึกในใจหญิงสาวออกมา

                “รัก...ก็เพราะรักน่ะสิ” เซเซียตอบด้วยความจริงใจ น้ำใส ๆ พลันร่วงรินลงมาอีก

                “แล้วถ้ามีทางที่จะทำให้เราสองได้อยู่ร่วมกันล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไร”

                เซเซียเบิกตาจ้องสบกับดวงเนตรสีมรกตอย่างมีความหวัง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นแผนการของทั้งสองคน

                */*/*/*/*

 

                บรรยากาศยามเช้าในอาณาจักเรสทอเรียนั้นแสนสดชื่นปลอดโปร่งชวนผ่อนคลาย แต่ธิดาลำดับแรกในกษัตริย์ผู้ครองนครกลับขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่เดินออกจากห้องบรรทมส่วนในแล้วเห็นใครบางคนนั่งยิ้มแป้นอยู่ในห้องบรรทมส่วนนอก

                “มาเร็วจริงนะ” สการ์เล็ตเอ่ยทักก่อนเยื้องกายไปนั่งบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ไกลจากพ่อมดที่สุด

                “มันเป็นหน้าที่ซึ่งพึงกระทำน่ะครับ” คาอิลยิ้มตอบอย่างสดใส แต่ไม่ว่าสการ์เล็ตจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มยียวนกวนอารมณ์ยิ่งนัก ต่างกับสาวใช้สองนางที่ลอบชม้ายชายตามองรอยยิ้มอันแสนน่ารักของพ่อมดหนุ่มจ้าวเสน่ห์ด้วยอาการเหมือนสาวน้อยแรกรุ่นกำลังตกหลุมรัก

                เจ้าสองคนถูกหลอกแล้ว... เจ้านั่นไม่ได้น่ารักอย่างที่แสดงให้เห็นภายนอกหรอกนะ

                สการ์เล็ตถอนหายใจที่สาวใช้ของนางไม่ระแคะระคายต่อใบหน้าใสซื่อหลังกรอบแว่นนั่น พวกพ่อมดน่ะหรือจะมีสีหน้าแบบนี้จริง ๆ ได้

                “ถอนหายใจแต่เช้าเดี๋ยวความโชคดีจะหนีเสียหมดนะครับ”

                “ข้านึกว่ามันหมดไปแล้วตั้งแต่พบเจ้าเสียอีก”

                ว่าแล้วยังมายิ้มอีก... ทำยังไงถึงจะให้หมอนี่มีสีหน้าลำบากใจได้บ้างนะ

                “ไม่คิดว่าข้าอาจเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของท่านบ้างหรือ เจ้าหญิง” คาอิลพูดพร้อมกับส่งสายตาคมปลาบเป็นประกายมาสบประสานกับดวงเนตรสีทับทิม “และอย่าลืมเรื่องคำทำนายของข้าเชียวล่ะครับ เพราะมันแม่นยำเสียจนข้าเองก็ยังนึกหวั่นว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้”

                “ท่านพ่อมดทำนายดวงได้ด้วยหรือ เอาไว้ทำนายให้ข้าบ้างสิคะ”

                สาวใช้วัยแรกรุ่นนางหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากยกน้ำชาร้อน ๆ หอมกรุ่นและอาหารเช้าเบา ๆ มาให้ตามรับสั่งของผู้เป็นนาย เพราะสการ์เล็ตอนุญาตให้พูดและปฏิบัติตัวอย่างเป็นกันเองภายในพื้นที่ส่วนองค์ได้นางจึงกล้าพูดแทรกขึ้นมา

                “ได้สิครับ เอาไว้ข้าจะทำนายให้” คาอิลพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวาน

                “อย่าคิดค่าทำนายแพงนักก็แล้วกันนะคะ”

                “ไม่แพงหรอกครับ ขอแค่ของอร่อย ๆ สักมื้อก็พอ แล้วก็กรุณาเรียกข้าว่าคาอิลเฉย ๆ เถอะนะ” พ่อมดหนุ่มกล่าวด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวลชวนฟังพลางรับถ้วยชาจากสาวใช้ นิ้วเรียวยาวแตะลงบนมือบอบบาง ดวงตาสีน้ำเงินทอดมองอย่างอ่อนโยนทำเอาเหล่าสาวใช้แทบละลาย จะยกเว้นไว้ก็แต่สการ์เล็ตซึ่งกำลังรวบช้อนบนจานอาหารของตน

                สายตาหวานเลี่ยนกับน้ำเสียงเมื่อครู่นั้นทำให้นางอิ่มขึ้นมากะทันหัน แถมยังรู้สึกแน่นในอกขึ้นมาอีกต่างหาก อยากคายของในกระเพาะขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้

                สงสัยการหลอกสตรีจะเป็นงานถนัดของเจ้าพ่อมดนี่กระมัง

                “อิ่มแล้วหรือครับเจ้าหญิง”

                คาอิลหันมาส่งยิ้มให้นางบ้าง แต่สการ์เล็ตไม่แยแสจะมอง ถึงจะรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันแสนยั่วอารมณ์ แต่ลึก ๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่ามันช่างน่ามองเหลือเกิน

                “วันนี้ข้าตื่นสายมาก ยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งสบายหรือคอยตามใครหรอกนะ”

                เจ้าหญิงปรายหางตามองพ่อมดและเห็นว่าคิ้วเรียวนั่นยกขึ้นเล็กน้อย

                “แหม...ผิดกับข้าเลยนะครับ เพราะงานของข้าต้องคอยตามติดชนิดไม่ให้ห่างตัวเลยทีเดียว”

                คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นเมื่อถูกยอกย้อน ดูเหมือนการกวนโทสะผู้อื่นจะเป็นงานอดิเรกของพ่อมดคนนี้ ดังนั้นนางจะต้องไม่ปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามการยั่วของเขาอย่างเด็ดขาด

                แต่การต้องทนเห็นหน้าตาอย่างนี้ทั้งวี่ทั้งวันก็เห็นทีจะยากยิ่ง...

                เจ้าหญิงถอนหายใจแล้วหยิบสิ่งของจำเป็นก่อนลุกขึ้น นางเดินออกจากห้องเพื่อเริ่มต้นงานการทำราชกิจโดยมีพ่อมดเดินตามติดไม่ห่าง

                “นั่นเป็นคำทำนายจริง ๆ น่ะรึ ข้านึกว่าเป็นคำขู่เสียอีก” สการ์เล็ตพูดพลางมองพ่อมดหนุ่มด้วยสายตาเหยียดระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทางไปยังห้องทรงงานส่วนองค์

                “เรียกว่าเป็นการเตือนดีกว่านะครับ” คาอิลหัวเราะในลำคอ เรียวปากหยักงามเผยยิ้มกว้างอวดฟันสวย มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสชวนมองจนไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้นี้คือพ่อมดที่แสนร้ายกาจและโหดเหี้ยมในคืนก่อน เพราะใบหน้าที่มักยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลานี้เองทำให้สการ์เล็ตลืมตัวแสดงท่าทีต่อต้านเขา นางรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีที่คิดว่าหากทำให้คนผู้นี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

                “ท่านก็น่าจะเห็นแล้วว่ามันเป็นไปตามที่ข้ากล่าวไว้ และข้าก็อยากให้ท่านทำตามคำแนะนำนั้นเสียด้วย”

                “นั่นสิ มันเป็นคำแนะนำที่ดีใช้ได้นะ ข้าควรจะระวังคนใกล้ตัวเอาไว้” สการ์เล็ตพูดแล้วหันไปมองพ่อมดเต็มตาพร้อมกับแย้มรอยยิ้มพราย “โดยเฉพาะเจ้า ซึ่งตอนนี้ก็ถือเป็นคนใกล้ตัวข้าคนหนึ่ง”

                พ่อมดหนุ่มเลิกคิ้วแล้วจ้องตอบเจ้าหญิงด้วยดวงตาวาววาม รอยยิ้มเหมือนจะลดลงเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ออก

                “ใช่แล้วล่ะครับ ข้าไม่ใช่คนที่ท่านควรไว้ใจเลยแม้แต่น้อย”

                คาอิลเหลือบมองแผ่นป้ายโลหะสีทองซึ่งระบุชื่อห้องที่ด้านข้างของหญิงสาว เขาจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูให้สการ์เล็ต เป็นจังหวะเดียวกับที่นางเองก็กำลังผลักบานประตูทำให้ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมากขนาดสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของอีกฝ่าย ครั้นเห็นว่าเจ้าหญิงเกร็งตัวจนร่างแข็งทื่อคล้ายกับกำลังหวาดกลัว ร่างสูงโปร่งก็ผ่อนลมหายใจแล้วจึงถอยออกมา ให้หญิงสาวได้เข้าไปก่อนจากนั้นจึงเดินตามเข้าไปทีหลังอย่างเงียบงัน

                ภายในห้องทรงงานของเจ้าหญิงลำดับแรกแห่งเรสทอเรียตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่หรูหรา เน้นความสว่างสดใสสบายตา ตู้หนังสือและเก้าอี้สำหรับรับรองแขกถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน ชั้นวางประดับด้วยแจกันดอกไม้สีสวยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ เสริมสร้างความผ่อนคลาย

                สการ์เล็ตนั่งลงที่โต๊ะทรงงานซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้อง นางส่งสายตาดุให้คาอิลซึ่งถือวิสาสะมาหยิบหนังสือเอกสารบนโต๊ะของนางไปอย่างลอยหน้าลอยตาแล้วก็ส่ายหน้า

                พ่อมดหนุ่มเลือกนั่งที่เก้าอี้ไม่ห่างจากโต๊ะทรงงานของเจ้าหญิงนัก เขายกหนังสือขึ้นเปิดอ่าน แต่สายตากลับแลเลยหัวหนังสือไปยังคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น

                สงสัยจะหยอกเย้าหนักมือไปหน่อย... ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรให้เกินเลยไปนัก แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับเผลอปล่อยให้อารมณ์พาไปเสียขนาดนี้

                ช่วยไม่ได้... ก็นางช่างน่ากลั่นแกล้งเสียเหลือเกิน

                ริมฝีปากก็นุ่มนวลกว่าที่เคยคิด... จนอยากครอบครองความหอมหวานนั้นเอาไว้อย่างไม่รู้คลาย เมื่อนึกถึงคืนวันก่อนที่ได้พบกับเจ้าหญิง... กระทำการอุกอาจไปถึงขนาดนั้นคงจะไม่มีใครคิดแน่...ว่านั่นก็เป็นครั้งแรกสำหรับเขาเหมือนกัน

                สาวใช้ซึ่งยกน้ำชาร้อนกรุ่นมาให้คาอิลมองใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่อของเขาด้วยความแปลกใจ

                “เป็นอะไรไปหรือคะ ท่านพ่อมด สีหน้าของท่านถึงได้...”

                “ข้าไม่เป็นไร แค่รู้สึกร้อนไปหน่อยเท่านั้นน่ะครับ” คาอิลตอบพร้อมกับปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ

                “ถ้าอย่างนั้นข้าจะหาเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ช่วยให้สดชื่นมาให้นะคะ”

                “เป็นความกรุณาอย่างยิ่ง ขอบคุณมากครับ”

                คาอิลยิ้มหวาน หลังจากหญิงรับใช้ออกไปแล้วสการ์เล็ตจึงเงยหน้าขึ้นมองพ่อมดบ้าง

                ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อยนี่นา สำออยอ้อนสาวเรอะ?

                เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับวางมือประสานกันบนโต๊ะแล้วมองพ่อมดอย่างพิจารณา

                “คาอิล เจ้าส่งหนังสือยืนยันสถานะพ่อมดแล้วหรือยัง”

                สการ์เล็ตเอ่ยถามถึงระเบียบการซึ่งพ่อมดพึงกระทำเมื่อรับใช้อาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง แม้เป็นอิสระก็ยังต้องส่งจดหมายยืนยันสถานะของตนทุก ๆ หนึ่งปีเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบขององค์กรแห่งเวทมนตร์

                “เรียบร้อยแล้วล่ะครับ”

                สการ์เล็ตพยักหน้าน้อย ๆ พลางคิดว่าถ้าส่งใบร้องเรียนความประพฤตของพ่อมดไปที่กิลด์มิสทิคแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ราวกับความคิดนั้นจะถูกอ่านออก พ่อมดหนุ่มจึงเอ่ยดักคอ

                “ถ้าจะส่งใบแสดงความประพฤตของข้าไปที่องค์กรล่ะก็...ขอความกรุณาช่วยเขียนดี ๆ หน่อยนะครับ เพราะมันเกี่ยวพันถึงอนาคตการงานของข้า”

                คาอิลพูดอย่างยิ้มแย้ม แต่สการ์เล็ตเห็นว่าแววตาหลังกรอบแว่นนั่นมันกำลังข่มขู่กันชัด ๆ นางเม้มปากแล้วจึงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อโดยไม่คิดสนใจอะไรอีก

                รายงานเอกสารสะสมจนกองโตเพราะรัชทายาทที่แท้จริงไม่อยู่ในสภาพที่จะสะสางงานได้ ราชกิจทั้งมวลเหล่านั้นจึงตกมาเป็นภาระของเจ้าหญิงผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทอันดับสองแต่ในนามโดยไม่คาดฝัน สการ์เล็ตคิดว่าอาจจะใช้เวลาจนถึงค่ำจึงจะสะสางงานจนเสร็จ

                ทว่าเพราะความช่วยเหลืออย่างตั้งใจหรือเปล่าไม่ทราบได้ของใครบางคน ทำให้เจ้าหญิงปลดภาระได้ก่อนจะเย็นย่ำ

                สการ์เล็ตมองพ่อมดด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง วันนี้ทั้งวันเขานั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ขยับเข้าใกล้หรือให้ความสนใจกับนาง แต่กลับเอ่ยประโยคลอย ๆ ซึ่งช่วยลดทอนความลังเลต่อการตัดสินใจในเอกสารที่นางกำลังทำอยู่ได้ราวกับมองเห็นและล่วงรู้อยู่ตลอดเวลาว่านางกำลังทำอะไร

                เจ้าหญิงแย้มยิ้มบางเมื่อนึกถึงเรื่องการตอบแทนที่คาอิลบอกกับสาวใช้เมื่อเช้า นางมองพ่อมดครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย

                “งานวันนี้เสร็จเร็วเหลือเกิน ไปหาของอร่อย ๆ ทานกันเถอะ”

                “ไม่ไป”

                คาอิลตอบทันควัน น้ำเสียงติดห้วนจนสการ์เล็ตนึกแปลกใจ ทว่าเมื่อพ่อมดลดหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ลงแล้วเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนเคย “ตอนนี้คงไปไม่ได้แล้วล่ะครับ”

                สิ้นคำกล่าวสาวใช้ก็เคาะประตูแล้วเข้ามาบอกว่าเจ้าชายคู่หมั้นมาขอพบ สการ์เล็ตหันไปมองพ่อมดราวกับจะถามว่า ’รู้ล่วงหน้าหรืออย่างไร’ ก่อนจะเดินออกไปพบแขกตามคำเชิญ

                ภายในห้องรับรองแขกเหมือนถูกแปรสภาพไปเป็นสวนดอกไม้ชั่วคราว ช่อดอกลิลลี่ขาวและกุหลาบแดงตั้งเรียงรายส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจายตลบอบอวลไปทั่ว เจ้าชายเฟร์นานโดยิ้มอย่างยินดีที่พบคู่หมั้นสาว เขาก้าวปราดเข้าไปสวมกอดเจ้าหญิงโดยไม่สนสายตาของเหล่าสาวรับใช้หรือแม้แต่คนแปลกหน้าอย่างคาอิล

                “เจ้าชายเฟร์นานโด กรุณาปล่อยเถอะค่ะ” สการ์เล็ตเตือนเจ้าชายและถอยห่างออกมาหนึ่งก้าวทันทีที่อ้อมแขนคลายออก นางเสมองทางอื่นและทันเห็นพ่อมดขยับแว่นแสร้งมองไม่เห็นภาพเมื่อครู่

                “ขออภัย ข้าลืมตัวไปหน่อย” เฟร์นานโดพูดด้วยท่าทางเก้อเขินก่อนจะคว้ามือบอบบางไปกุมไว้ไม่ยอมปล่อย “แต่ข้าดีใจเหลือเกิน ที่ได้เห็นว่าท่านปลอดภัยดีเช่นนี้”

                “ขอบคุณค่ะ”

                สการ์เล็ตยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ ทำไมอยู่ดี ๆ นางถึงรู้สึกอย่างนี้ได้นะ ทั้งที่เมื่อก่อนยังแค่รู้สึกเฉย ๆ เท่านั้นเองแท้ ๆ

                ดวงเนตรสีมรกตมองเลยไปยังบุรุษสวมแว่นซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของคู่หมั้นสาว เครื่องแต่งกายอันมีลักษณะเฉพาะพอจะทำให้เขาเดาได้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร

                “เจ้าคงเป็นพ่อมดผู้ช่วยชีวิตคู่หมั้นของข้าสินะ ข้าได้ฟังเรื่องราวอันกล้าหาญของเจ้าแล้ว ต้องขอขอบใจมากจริง ๆ “ เฟร์นานโดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงความซาบซึ้งตรงข้ามกับม่านตาซึ่งเบิกกว้างและความจริงที่คิดอยู่ในใจ

                ...แกนี่เองที่เป็นตัวมารขัดขวางแผนการของเรา...

                “มิใช่เรื่องที่เจ้าชายต้องใส่ใจเลยแม้แต่น้อย มันเป็นหน้าที่ซึ่งพึงกระทำของประชาชนที่เป็นพลเมืองดีอยู่แล้วล่ะครับ”

                คาอิลค้อมศีรษะอย่างสุภาพและเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน เรียกมุมปากของเจ้าหญิงให้กระตุก

                ไอ้ตอนที่เจ้าช่วยข้า...ไม่ได้พูดอย่างนี้สักนิด

                สายตาอาฆาตของสการ์เล็ตถูกดึงออกจากพ่อมดด้วยคำชวนของเจ้าชายแห่งเฮย์เดน นางถูกลากไปนั่งในสวนดอกไม้อย่างไม่เต็มใจและต้องฟังเรื่องสัพเพเหระของเขาอย่างเบื่อหน่ายโดยมีคาอิลเดินตามติดไม่ห่าง แม้เฟร์นานโดจะทั้งกระแอมกระไอและส่งสายตาเชิงไล่ แต่พ่อมดหนุ่มแว่นก็ยังยืนยิ้มอยู่เป็นก้างอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

                เรื่องเล่าที่สิบผ่านเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาโดยที่สการ์เล็ตแกล้งทำเป็นยิ้มและส่งเสียงอือออรับเป็นจังหวะแม้จะไม่เข้าใจในเนื้อหาของเรื่องที่คุย เพราะสมองของนางคิดถึงแต่เรื่องอื่น

                องค์รัชทายาทป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายมานานกว่าปีแล้ว แม้นางไม่อยากสืบบัลลังก์แต่หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้เห็นทีจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเจ้าชายผู้นี้น่ะหรือจะมาช่วยแบ่งเบาภาระของนาง

                เฟร์นานโดอาจจะมีความสามารถทางด้านการทหารตามที่ได้รับฟังมา แต่นางไม่คิดว่าเจ้าชายผู้นี้จะมีความสามารถในการดูแลบริหารบ้านเมือง จากการที่สังเกตได้ว่าเขาไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่รู้สึกถึงความสำคัญของเศรษฐกิจและการพัฒนาอาณาจักร

                การเลือกคู่ครองของเหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องมีสิ่งที่มากกว่าความรัก โดยเฉพาะกับการแต่งงานของนางซึ่งอาจมีผลต่อการปกครองบ้านเมือง

                ถ้าเจ้าชายรัชทายาทไม่ได้ประชวรอยู่เช่นนี้ นางอาจยังมีอิสระที่จะเลือกครองสันโดษตลอดไป หากไม่พบใครสักคนที่พึงใจจนปรารถนาอยากจะอยู่เคียงกันชั่วชีวิต

                ดวงเนตรสีทับทิมทอดมองบุคคลตรงหน้าแล้วก็ให้ทอดถอนหทัย หากต้องเลือกคู่ครองโดยระลึกถึงแต่ประโยชน์อันจะพึงเกิดแก่อาณาจักรแล้ว ให้นางเลือกคาอิลเสียยังจะได้ประโยชน์มากกว่าเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเฮย์เดนผู้นี้เป็นแน่

                พอนึกได้ว่าเผลอคิดอะไรที่น่ากลัวออกไป ใบหน้าขาวนวลก็ให้รู้สึกร้อนผ่าว ดวงเนตรคู่งามลอบแลไปยังพ่อมดแล้วก็ต้องรีบหลุบหลบในทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองมา

                สการ์เล็ตยกมือขึ้นทาบทรวงอกเบา ๆ ดวงใจที่น่าจะเฉยชาต่อบุรุษทุกนายไม่น่าจะรู้สึกหวั่นไหวได้อย่างนี้ หรือจะเป็นเพราะดวงตาสีน้ำเงินประหลาดที่นางไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นจากใครอื่น

                ใช่แล้ว...ทั้งที่ก็เป็นแค่คนอื่นแท้ ๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา