สะดุดรักหนุ่มข้างบ้าน

-

เขียนโดย monmana

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.56 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  5,991 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 19.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่ 2 คนขี้หวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

2

คนขี้หวง

เช้าวันจันทร์รถยุโรปสีดำคันหรูจอดสนิทอยู่หน้าบ้านวัฒนดำรงค์สกุล วันนี้รัชชานนท์มารับหญิงสาวแต่เช้าเพื่อไปส่งเธอที่ทำงาน รวีพรรณจอดรถยนต์ส่วนตัวทิ้งไว้ที่บริษัทตั้งแต่คืนวันศุกร์แล้ว พอเกิดเรื่องขึ้นเธอจึงไม่ได้กลับไปเอารถคันดังกล่าว ก็เลยต้องพึ่งพาชายหนุ่มให้ไปส่งเธอในวันนี้

“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่นนท์” หญิงสาวยิ้มหวานทักทาย แต่เมื่อขาเรียวสวยก้าวขึ้นมานั่งบนพาหนะคันหรู บรรยากาศภายในรถก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที ยังไม่ทันที่เธอจะถามไถ่ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร หญิงสาวก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“ว้าย!!” สองมือหนาเอื้อมมาติดกระดุมคอเสื้อให้เธอแบบไม่ทันตั้งตัว

“ทีหลังอย่าแต่งตัวโป๊แบบนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบ”

โป๊...เหรอ?

วันนี้รวีพรรณใส่เสื้อเชิ๊ตแขนกุดสีเขียวอ่อน สวมกางเกงยีนส์สีดำเข้ารูป ด้วยทรวงอกอวบอิ่มเกินตัว และหุ่นเพียวบางของเธอ ทำให้เธอดูเซ็กซี่เล็กน้อยสำหรับวันทำงานแบบนี้ รวีพรรณไม่ชอบติดกระดุมคอเสื้อครบทุกเม็ด เธอมักจะเหลือไว้สองเม็ดเพื่อเปิดโชว์ลำคอระหง แต่พอขึ้นรถมาไม่ทันไรว่าที่สามีก็สวมวิญญาณคนแก่เอื้อมมือมาติดกระดุมเสื้อให้เธอเสียอย่างนั้น

“อยู่เมืองไทยอากาศมันร้อนค่ะ” เธอแกล้งยั่วโมโหเขาเล่น ไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด คำพูดของเธอมันกลับยิ่งทำให้เขาหัวเสียยิ่งนัก

“จะติดกระดุมดีๆ หรือจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ พี่ให้เราเลือก” รัชชานนท์หัวเสียทุกทีที่เห็นแม่ตัวดีแต่งตัวเปิดนั้นโชว์นี้

“ก็พี่นนท์ติดกระดุมที่เหลือให้รวีแล้วไงคะ จะให้ขึ้นไปเปลี่ยนทำไมอีก...เนอะ” หญิงสาวทำเสียงออดอ้อน เพราะรู้จักนิสัยของชายหนุ่มดี เขาไม่ชอบให้เธอแต่งตัวเปิดเผยสัดส่วน แต่เธอชอบนี่หน่า แล้วเธอก็เปลี่ยนนิสัยไม่ได้เสียด้วยสิ เวลาเธอทำให้เขาไม่พอใจเธอก็จะอ้อนเขาแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็หายรวีพรรณเสียอย่าง

“แล้วก็ชุดคืนนั้นอีก ใส่ไปได้ยังไง ทีหลังห้ามใส่อีกนะ ไม่งั้นเจอดีแน่ เข้าใจไหมครับ” เขาไม่ได้ขู่เธอนะ ถ้าอยากโชว์นักจะจับแก้ผ้าเสียให้เข็ด แต่เฉพาะตอนที่อยู่กับเขาสองคนเท่านั้นนะ

“เข้าใจค่ะ...ที่จริงแล้ว คืนวันนั้นรวีใส่เสื้อคลุมทับไว้ด้วยนะคะ แต่พอออกไปแดนซ์กับเพื่อน เหงื่อมันก็ออก รวีเลยถอดคะ” แล้วทำไมเธอต้องบอกเขาด้วยเนี่ย เธอจะแต่งตัวอย่างไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบเธอเสียหน่อยจะมาหวงทำไม

“พี่นนท์ไม่มีสิทธิ์มาโกรธรวีนะคะ ในเมื่อเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” หญิงสาวเผลอพูดออกไปด้วยความน้อยใจ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียจริงๆ และมันก็สายไปแล้วยัยรวี เจ้าของมือหนาประคองใบหน้าหวานไม่ให้ขยับ เพื่อรับสัมผัสจุมพิตวาบหวามร้อนแรงที่เขามอบให้ คนประสบการณ์น้อยไม่ทันตั้งตัว จึงเผลอไผลไปกับรสจูบที่หอมหวานของชายหนุ่มที่มอบให้ กว่าเธอจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขายอมปล่อยริมฝีปากอิ่มให้เป็นอิสระ แก้มนวลเห่อแดงไปด้วยความเขินอาย จ้องตาชายหนุ่มด้วยสายตาปรือหวานฉ่ำ

“ทีนี้รู้หรือยัง ว่าพี่มีสิทธิ์หรือไม่มี” ชายหนุ่มประกาศความเป็นเจ้าของตัวเธอในแบบฉบับของเขา เพราะเขารู้ดีว่าเธอยังด้อยประสบการณ์นัก หากทำอะไรมากไปกว่านี้ จะเป็นการหักหาญน้ำใจของหญิงสาวเปล่าๆ รอให้ถึงวันแต่งงานก่อนเถอะ เขาจะสั่งสอนแม่ตัวดีให้เข็ดหลาบ ยัยตัวแสบชอบยั่วโมโหเขาดีนัก

‘แม่ตัวดี’ นั่งเงียบมาตลอดทาง ในใจสับสนหวั่นไหวปนเปกันไปหมด นี่เขาจะกลั่นแกล้งเธอไปถึงเมื่อไรกันนะ เธอยิ่งหวั่นไหวให้กับเขาง่ายๆ อยู่ อีตาพี่นนท์บ้า!

 

 

                “เราทำงานที่ตึกนี้เหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไป เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นมาจอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าอาคารสูง ที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาเต็มไปหมดในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้

“ใช่ค่ะ รวีทำงานอยู่บริษัทออแกไนเซอร์ค่ะ ออฟฟิศอยู่บนตึกนี้แหละ” หญิงสาวบอกก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ

“ขับรถกลับบ้านดีๆ นะครับ แล้วเจอกัน” รัชชานนท์บอกด้วยความเป็นห่วง

“รับทราบค่ะ ขอบคุณนะคะพี่นนท์ที่มาส่ง” แค่ได้เห็นรอยยิ้มหวานของเธอแบบนี้ทุกวันเขาก็มีความสุขแล้ว

 

 

เจ้าของมือบางนั่งลูบริมฝีปากตัวเองเหม่อลอยย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เธอไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานเลย ภาพชายหนุ่มที่ฝากรอยจุมพิตแสนหวาน ยังคงตราตรึงในใจไม่รู้ลืม เธอไม่เข้าใจชายหนุ่มเลยจริงๆ รัชชานนท์เคยปฏิเสธกับเพื่อนรักของเขาเสียงแข็งว่าไม่เคยรักเธอ เสียงทุ้มหนักแน่นในวันนั้นยังคงดังกึกก้องอยู่ในหูของเธอไม่เสื่อมคลาย แล้วเขามาทำกับเธอแบบนี้เพื่ออะไร เธอหลงรักเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเขาทำกับเธอแบบนี้ จิตใจของเธอก็ยิ่งหวั่นไหวเข้าไปใหญ่ คิดถึงตรงนี้หญิงสาวก็ระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด

 

“รวี...มัวเหม่ออะไรอยู่ ฉันยืนเรียกเธออยู่ตั้งนานแล้วนะ” รวีพรรณหลุดจากภวังค์เมื่อกานต์ธิดา สาวร่างเล็กสะกิดตัวเธอ หญิงสาวตั้งใจมาชวนรวีพรรณไปซื้อกาแฟด้านล่างตึก บริษัทออแกไนเซอร์ที่หญิงสาวทั้งสองทำงานอยู่นั้น ตั้งอยู่ชั้นสามสิบของอาคารสำนักงานสูงใจกลางเมือง

กานต์ธิดาเก็บกระเป๋าและเครื่องมือสื่อสารของเพื่อนรักไว้ให้ในคืนวันเกิดเรื่อง เนื่องจากคืนนั้นรวีพรรณขอตัวไปเข้าห้องน้ำและไม่กลับมาที่โต๊ะอีกเลย กานต์ธิดาเป็นห่วงเพื่อนรักใจแทบขาด เพราะไม่สามารถติดต่อเธอได้ ยังดีที่วันต่อมารวีพรรณโทรมาบอกเธอว่ากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว กานต์ธิดาจึงหมดห่วง

ระหว่างทางที่เดินมาซื้อกาแฟดื่ม รวีพรรณเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสนิทฟัง กานต์ธิดาเรียนที่คณะเดียวกันกับหญิงสาว เรื่องความรู้สึกที่รวีพรรณมีต่อรัชชานนท์นั้น สาวร่างเล็กคนนี้รับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด 

กานต์ธิดาได้งานที่บริษัทแห่งนี้ในช่วงที่เธอไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ พอรวีพรรณกลับมา เพื่อนรักก็ชักชวนให้มาทำงานที่นี่ด้วยกัน เนื่องจากมีตำแหน่งครีเอทีฟว่างพอดี

“สรุปคือเธอต้องแต่งงานกับพี่นนท์” กานต์ธิดาบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น รัชชานนท์ชายหนุ่มที่ผู้หญิงทั้งเมืองใฝ่ฝันหาและอยากจะเป็นเจ้าสาวของเขา

“โรแมนติกดีออก ได้แต่งงานกับคนที่เราหลงรักมาตั้งแต่เด็ก” หญิงสาวคล้องแขนเพื่อนรักเขย่าเบาๆ

“รักเขาแต่เขาไม่รักเนี่ยนะ... มันเจ็บพิลึก” รวีพรรณถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

“รวี คนอย่างเธอจะมายอมแพ้ง่ายๆ กับเรื่องแค่นี้เหรอ”

“ฉันไม่ได้ท้อนะธิดา แต่เธอลองคิดดูสิ เขาประกาศปาวๆ ว่าไม่ได้รักฉัน และอีกอย่างเธอก็รู้ว่าฉันต้องแต่งงานกับพี่นนท์เพราะอะไร ไม่มีเรื่องความรักมาเกี่ยวข้องเลยสักนิด”

“ฉันว่าดีเสียอีก เธอก็แสดงให้พี่นนท์เห็นไปเลยสิ ว่าเธอรักเขาแค่ไหน และเธอก็ไม่ควรจะปล่อยโอกาสนี้ให้มันหลุดลอยไปนะ อย่างที่คำโบราณเขาว่าไว้ไง อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง” กานต์ธิดาไม่อยากให้เพื่อนรักถอดใจง่ายๆ แบบนี้

“มันจะดีเหรอธิดา” หญิงสาวลังเลยิ่งนัก แค่เมื่อเช้าเขาจูบเธอ เธอก็อ่อนระทวยไปหมดทั้งตัว แล้วเธอจะเอาอะไรไปสู้กับเขาได้

“ในเมื่อเธอลงทุนหนีไปรักษาแผลใจนานถึงสองปีแล้วมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มาถึงตอนนี้เธอจะต้องเดินหน้าต่อแล้วนะ จะมาหนีเหมือนเด็กๆ ไม่ได้อีกแล้ว” สาวร่างเล็กดึงมือเพื่อนรักขึ้นมาจับไว้ “แทนที่เธอจะมานั่งท้อใจ ฉันว่าเธอคิดแผนที่จะพิชิตใจพี่นนท์ให้สำเร็จดีกว่า”

จริงสินะ...คนอย่างรวีพรรณ ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้วนี่ เมื่อสองปีก่อนเธออาจจะเด็กเกินไปในสายตารัชชานนท์ แต่มาถึงวันนี้เธอเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว บางทีถ้าหากเธอพยายามให้มากกว่านี้ ชายหนุ่มอาจจะหันมาสนใจและหลงรักเธอขึ้นมาก็เป็นได้

“ขอบใจนะธิดา ที่เตือนสติฉัน” หญิงสาวยืนกอดกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ร้านกาแฟ โดยไม่สนสายตาหลายคู่ที่มองมา

 

 

คุณทับทิมชวนว่าที่ลูกสะใภ้มาทานอาหารค่ำที่บ้านไพศาลสมบัติในเย็นวันนั้น รวีพรรณเองก็เลยถือโอกาสนี้ขอเจรจากับชายหนุ่มถึงกติกาการแต่งงานของเธอและเขาในครั้งนี้ไปด้วยเสียเลย หญิงสาวอยากให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากความรัก ไม่ใช่เพียงเพราะเขาต้องมารับผิดชอบเธอด้วยความจำใจแบบนี้ ถ้าหากชายหนุ่มไม่รักเธอหรือเจอคนที่เขารักเข้าสักวัน เธอยินดีคืนอิสระให้แก่เขาอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

 

หลังมื้ออาหารค่ำสุดอร่อย รวีพรรณขอคุยกับรัชชานนท์เป็นการส่วนตัว ด้วยความที่ชายหนุ่มมีงานเร่งด่วนที่ต้องรีบสะสางให้เสร็จภายในคืนนี้ เขาจึงให้เธอมานั่งรอเขาอยู่ในห้องทำงานก่อน

“พอดีพี่ต้องรีบสรุปงานโปรเจกต์นี้ให้เสร็จก่อน เพื่อลูกน้องพี่จะได้ไปทำงานต่อได้ รวีนั่งรอพี่แป๊บนึงนะ เสร็จแล้วถ้าเรามีอะไรจะคุยกับพี่ ค่อยมาคุยกัน” ชายหนุ่มพอจะเดาได้ว่าเธออยากคุยกับเขาเรื่องอะไร มุมปากหยักยกยิ้มด้วยความรู้ทันหญิงสาวตรงหน้า

 

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เมื่อชายหนุ่มเคลียร์งานเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นร่างบางนอนขดตัวหลับอยู่บนโซฟานุ่ม เท้าหนาก้าวเดินไปหยุดยังโซฟานุ่ม ยิ่งเขามองเธอหลับไหล ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกถึงพลังงานบ้างอย่างที่คอยหล่อหลอมความรักที่เขามีให้แก่เธอนั้นเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ความจริงแล้ว...เขาตั้งใจจะถามเธอให้รู้เรื่องว่าทำไมถึงหนีเขาไปเรียนต่อแบบไม่ยอมร่ำลากัน แต่มาเกิดเหตุการณ์คืนนั้นขึ้นเสียก่อน ทำให้เขาหาทางออกได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย รัชชานนท์ระบายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้หรอกยัยตัวแสบ ก็เขาทั้งหวงทั้งห่วงเธอขนาดนี้

การที่เขารับผิดชอบเธอด้วยการแต่งงานนั้น เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเลยสักนิด เขากลับเต็มใจเสียด้วยซ้ำ โชคดีที่มารดาของเขาเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เรื่องที่ว่ายากกับการที่ต้องง้อเด็กดื้อก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที

 

มือหนาปัดปอยผมที่ล่วงลงมาปกปิดใบหน้าหวานของหญิงสาว ดวงหน้าเรียว ริมฝีปากหวานที่เขาได้ชิมรสจุมพิตนั้นยังไม่จางหายไป เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจของเขา ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย เพราะหัวใจดวงนี้ไม่มีที่ว่างเหลือให้ใครอีกแล้ว ปากหยักอบอุ่นก้มลงสัมผัสหน้าผากนวลอย่างอ่อนโยน ยามเธอสิ้นฤทธิ์ไม่ดื้อรั้นใส่เขา เธอก็น่ารักไปอีกแบบนะ

“ตื่นได้แล้วคนดี มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่ครับ” รัชชานนท์ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากนิทรารมณ์

รวีพรรณปรือตามองชายหนุ่ม เธอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาลางเลือน ฝันอีกแล้วเหรอ เธอไม่อยากตื่นเลย...ถ้าในความฝันพี่นนท์จะอยู่เคียงข้างเธออย่างนี้ หญิงสาวเพ้อไปได้ไม่นาน เมื่อรวีพรรณเปิดเปลือกตากว้างขึ้นหญิงสาวก็สะดุ้งจนสุดตัว ลุกขึ้นนั่งมองหน้าชายหนุ่มด้วยความตกใจ

“พี่นนท์ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ” เขามานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน รัชชานนท์นั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับที่เธอนอน เธอสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายเขาที่ส่งผ่านมาถึงเธอ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นที่ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายของหญิงสาว หากห้องนี้เงียบกว่านี้ เขาคงได้ยินเสียงหัวใจของเธอดังก้องร้องเรียกชื่อเขาอยู่เป็นแน่

“เรามีอะไรจะคุยกับพี่ก็ว่ามา ดึกมากแล้ว เดี๋ยวคุณน้าจะเป็นห่วงเอา” รัชชานนท์รู้ดีว่าเธอจะมาพูดเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่ยอมยกเลิกการแต่งงานเด็ดขาด

“มีแน่นอนค่ะ” แหม...รีบไล่เธอเชียว ก็เขาน่านแหละทำงานกว่าจะเสร็จ แล้วยังจะมาเร่งเธออีก

“เรื่องการแต่งงานของเราค่ะพี่นนท์” หญิงสาวไม่อ้อมค้อม “รวีอยากให้เรามาตกลงกันก่อนว่า...เราสองคนจะแต่งงานกันแค่เพียงในนามเท่านั้น หากวันใดที่พี่นนท์เจอคนที่พี่นนท์รัก ขอให้พี่นนท์บอกรวี รวีจะหลีกทางให้พี่นนท์เองค่ะ” ทำไมเธอพูดออกไปแล้วใจมันถึงหวิวโหวงขนาดนี้นะ อย่าร้องไห้ให้เขาเห็นเชียวนะยัยรวี

“แน่ใจหรอ ว่าถ้าพี่เจอคนที่พี่รัก แล้วพี่บอกเรา เราจะยอมหย่าให้พี่” ชายหนุ่มพูดจาหยอกเย้าเพราะคนที่เขาหมายถึงก็คือตัวเธอเองนั้นแหละ เธอจะยอมหย่ากับเขาจริงหรอ ถ้าหากเขาบอกว่าคนที่เขารักคือเธอ

“ค่ะ” หญิงสาวกลืนก้อนสะอึกลงคอ ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทำไมเขาชอบทำร้ายจิตใจเธอจัง บอกกันอ้อมๆ ก็ได้ “รวี หมดเรื่องที่จะพูดกับพี่นนท์แล้วค่ะ”

“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่บ้าน” เจ้าของมือหนาเอื้อมไปหวังจะคว้ามือบาง แต่หญิงสาวกลับลุกขึ้นและหันหลังเดินนำเขาไปโดยไม่สนใจรอคนที่บอกว่าจะไปส่งเลยสักนิด ถ้าขืนเธอยังอยู่ตรงนั้นต่อไป เขาอาจได้เห็นน้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้อยู่ก็เป็นได้ คนอะไรไร้หัวใจ หญิงสาวตัดพ้อคนที่เดินตามหลังมาอยู่ในใจ

“รวี...รวีครับ” เขารู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กกำลังงอนอะไรเขาอยู่ จึงอยากจะง้อให้เธออารมณ์ดีขึ้นเสียหน่อย

“คะพี่นนท์” เธอตอบกลับทันควัน ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคนเรียกเลยด้วยซ้ำ น่านไงงอนเขาจริงๆ ด้วย

“พรุ่งนี้เช้า พี่ไปส่งที่ทำงานนะครับ รวีรอพี่เหมือนเดิมนะ” ขาเรียวสวยหยุดเดินทันที หันกลับไปมองหน้าชายหนุ่ม นี่เขาเห็นเธอเป็นเด็กหรืออย่างไร ถึงได้มาทำดีกับเธอหลังจากที่ฟาดหัวเธออย่างแรงไปเมื่อครู่นี้ น้ำใสๆ เอ่อล้นเต็มสองตาคู่สวย กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องมาเสียน้ำตาให้กับเขา

หัวใจของคนตัวโตกระตุกวูบ เมื่อเห็นน้ำใสคลอหน่วยตาสาวน้อยตรงหน้า สองแขนใหญ่คว้าร่างบางเข้ามากอดไว้ กระชับวงแขนแนบแน่น ความอบอุ่นนี้ยิ่งทำให้น้ำตาที่คลออยู่นั้น ไหลออกมาราวกับทำนบแตก

หญิงสาวสะอึกสะอื้น ไม่พูดไม่จา นาทีนี้เธอไม่สามารถอดทนกลั้นมันไว้ได้แล้ว แขนบางโอบกอดชายหนุ่มตอบเหมือนต้องการไออุ่นจากกายของผู้ชายตรงหน้าเธอตอนนี้

“พี่ไม่รู้หรอกนะ ว่าเราโกรธหรืองอนพี่เรื่องอะไร แต่พี่สัญญาว่าหลังจากแต่งงานกันแล้ว พี่จะไม่ทำอะไรเราอย่างแน่นอน ขอให้รวีสบายใจได้ครับ” พอเห็นดวงหน้าใสเศร้าหมอง เขาก็คิดว่าเธอคงกังวลกับเรื่องนี้ เพราะเขารู้ดีว่าเธอเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสาคนหนึ่ง ถึงเธอจะชอบแสดงกิริยาก๋ากั่นต่อหน้าเขา แต่เขารู้ดีว่าเธอเป็นอย่างไร การที่เธอมาอยู่รอคุยกับเขาในวันนี้ คงเพราะกังวลเรื่องการอยู่ร่วมกันหลังแต่งงานละสินะ เขาอยากทำให้เธอสบายใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอเด็ดขาด นอกจากเธอจะยินยอมพร้อมใจให้เขา

‘คนไร้เดียงสา’ ยืนกอดร่างสูงซึมซับความอบอุ่นจนคลายเศร้า เธอไม่เข้าใจคำสัญญาที่เขาให้กับเธอวันนี้หรอก เธอรู้อย่างเดียวว่าเธอคงตัดใจจากเขาได้ยากจริงๆ หากวันที่เธอกับเขาต้องหย่าร้างนั้นมาถึง

 

 

                วันพรุ่งนี้เป็นวันเปิดตัวคอนโดมิเนียมหรู รวีพรรณทุ่มสุดตัวเพื่องานครั้งนี้ เพราะเป็นงานชิ้นแรกที่เธอออกไอเดียการจัดงานขึ้นมาเอง

หญิงสาวต้องเตรียมงานทั้งหมดเพื่อให้ออกมาตรงตามคอนเซ็ปต์ที่เธอวางไว้ ระหว่างที่รวีพรรณกำลังก้มหน้าก้มตาจัดเตรียมงานอยู่ที่สถานที่จัดงานนั้น เสียงเรียกคุ้นหูของหัวหน้าสาวก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ

“รวีจ๊ะ พี่ขอแนะนำให้รู้จักกับท่านประธานของบริษัทเจ้าของโครงการนี้จ้ะ” หัวหน้าสาวศศิมาวัยสี่สิบปี เจ้าของริมฝีปากบางที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดเข้ากับบุคลิกอันปราดเปรียวของเธอขยับเรียกลูกน้องสาวให้เงยหน้าขึ้นมาทักทายกับลูกค้ารายใหญ่ หญิงสาววางมือจากงานที่กำลังทำอยู่ หันหน้ามาเพื่อแนะนำตัวเอง

“...” รวีพรรณยืนจ้องหน้าท่านประธานหนุ่มตรงหน้าอย่างงงงวย ไม่มีคำทักทายใดๆ เอ่ยออกมาจากปากอิ่มของหญิงสาว จนคนที่เป็นหัวหน้าต้องรีบเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบงันนั้น

“รวีจ๊ะ!” หัวหน้าสาวพยายามเรียกสติของหญิงสาวให้กลับคืนมา เพราะเธอกลัวเหลือเกินว่าท่านประธานอาจไม่พอใจกับการเสียมารยาทของลูกน้องสาวของเธอในตอนนี้

“ไม่เป็นไรครับคุณศศิมา” ชายหนุ่มร่างสูงก้าวเท้าไปยืนข้างกายคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า แขนแกร่งโอบเอวคอดของหญิงสาวกระชับแนบแน่นกับกายเขา ขณะที่รวีพรรรเองยังคงยืนแข็งทื่อเหมือนคนไม่ได้สติ

“ผมรู้จักลูกน้องของคุณเป็นอย่างดีครับ เธอคือว่าที่ภรรยาของผมเอง”

อะไรนะ!

‘ว่าที่ภรรยา’ เพิ่งได้สติเมื่อได้ยินคำกล่าวแนะนำฐานะตัวเองจากปากของท่านประธานหนุ่ม รัชชานนท์เขาเป็นประธานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในเครือ พี.เอส. กรุ๊ป อันนี้เธอรู้ดี แต่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า บริษัทที่เธอรับงานมานี้ก็อยู่ในเครือของ พี.เอส. กรุ๊ปด้วยเช่นกัน รวีพรรณไปเรียนอยู่เมืองนอกถึงสองปี จึงไม่ค่อยรับรู้ข่าวสารของเขาสักเท่าไรนัก พอกลับมาได้ไม่กี่เดือนก็มาเกิดเหตุที่ทำให้ต้องมาแต่งงานกับเขาอย่างกระทันหันอีก นี่เขารู้เรื่องทุกอย่างหมดเลยเหรอ รู้แม้กระทั่งว่าเธอเข้ามาทำงานที่บริษัทออแกไนเซอร์แห่งนี้ แล้วไอเดียงานเปิดตัวที่เธอเสนอผ่านมาล่ะ เป็นเพราะเขาหรือเพราะความสามารถของเธอเองกันแน่ เจ้าของไอเดียคิดกับตัวเองด้วยความสับสน

“คุณรัชชานนท์รู้จักกับน้องรวีด้วยเหรอคะ แถมกำลังจะมีข่าวดีอีก น้องรวีไม่เห็นบอกพี่เลย” ศศิมายิ้มหน้าบาน ยิ่งรู้ว่าท่านประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับลูกน้องสาวของเธอแล้ว ‘แบบนี้ค่อยทำงานง่ายหน่อย’ คนปากแดงคิดในใจ

“พอดีรวียุ่งๆ เรื่องงานเปิดตัวของลูกค้าอยู่น่ะคะ ก็เลยไม่ทันได้บอกให้ใครทราบถึงเรื่องนี้” คนได้สติ รีบอธิบายทันควัน “อีกอย่างยังไม่ได้กำหนดวันด้วยค่ะ อาจจะเป็นปีนี้ ปีหน้า หรืออาจจะอีกหลายปี เพราะว่าตอนนี้กำลังหาฤกษ์อยู่ค่ะ” รวีพรรณบอกกลายๆ เพื่อให้ชายหนุ่มรับรู้ไว้ด้วยว่าการแต่งงานอาจยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เขาไม่จำเป็นต้องรีบป่าวประกาศให้ใครรู้หรอก หมั่นไส้ยิ่งนัก หลายวันก่อนยังพูดเรื่องหย่ากับเธออยู่เลย ทีอย่างนี้ทำมาแสดงตนว่าตัวเองเป็นใคร

“ต้องเร็วๆ นี้อยู่แล้วครับที่รัก” ชายหนุ่มพูดจบ ก็ก้มลงจุมพิตที่กลุ่มผมสีดำหอมกรุ่นของคนคุ้นเคยในอ้อมกอด รัชชานนท์รู้สึกดีไม่น้อย เพียงแค่ได้สัมผัสกับกินหอมเฉพาะตัวของร่างนิ่มในอ้อมแขน เขาอยากจะกลืนกินคนตรงหน้าเสียจริง

ภาพที่ศศิมาเห็นนั้นช่างเป็นอะไรที่น่ารัก โรแมนติกเสียจริง เจ้าของเส้นผมหอมใช้ข้อศอกบางถองที่กลางหน้าท้องแกร่งเบาๆ เพื่อเตือนให้ชายหนุ่มระวังพฤติกรรมหน่อย นี้เธอเป็นแค่ว่าที่ภรรยาของเขานะ ยังไม่ใช่ภรรยาของเขาเสียหน่อย เขาไม่มีสิทธิ์มาทำตัวลุ่มล่ามกับเธอเช่นนี้ หญิงสาวต่อว่าคนฉวยโอกาสในใจ

“ถ้าการ์ดเสร็จเมื่อไร ผมจะนำมาแจกให้คุณศศิมาด้วยตัวเองเลยนะครับ” รอยยิ้มของรัชชานนท์ ช่างมีอิทธิพลต่อเพศตรงข้ามเสียเหลือเกิน ขนาดศศิมาเองยังเคลิบเคลิ้มไปกับมันถึงเพียงนี้ ไม่แปลกเลยที่หญิงสาวตรงหน้าจะตัดสินใจแต่งงานกับเขา...ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ แถมยังเป็นหนุ่มหล่อที่สาวๆ ทั้งเมืองคลั่งไคล้อีกด้วย

“งั้น พี่ฝากน้องรวี ช่วยพาคุณรัชชานนท์ตรวจดูงานด้วยนะจ๊ะ พี่ขอตัวไปดูความเรียบร้อยตรงส่วนอื่นก่อน” ศศิมาไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ จึงรีบขอตัวไปทำงานก่อน หมดหน้าที่เธอแล้วนี่ ก็วัตถุประสงค์ของเธอคือพาท่านประธานมาแนะนำให้เจ้าของไอเดียเปิดตัวงานรู้จัก แต่ในเมื่อทั้งคู่รู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว เธอก็ควรไปทำงานต่อได้แล้ว

“ตามสบายครับ เจ้าของไอเดียคงสามารถอธิบายงานให้ผมเข้าใจอย่างละเอียดได้เป็นอย่างดี” ชายหนุ่มพูดกระเซ้าหญิงสาวในอ้อมกอด พอเรือนร่างของหัวหน้าสาววัยสี่สิบพ้นสายตาสองคู่ออกไป รวีพรรณก็อาละวาดใส่ชายหนุ่มข้างกายทันที

“พี่นนท์รู้อยู่แล้วใช่ไหมคะว่ารวีทำงานอยู่ที่บริษัทนี้” หญิงสาวคาดคั้นเอาความจริงจากปากชายหนุ่ม สีหน้าไม่พอใจยิ่งนัก

“แล้วที่รวีได้งานโปรเจกต์นี้ ก็เพราะพี่นนท์ใช่หรือเปล่า” เสียงหวานเริ่มสั่นลง เธอรู้สึกผิดหวัง ประกอบกับความภาคภูมิใจที่มีในตอนแรกหมดสิ้นไป คนอย่างรวีพรรณทุกอย่างที่ได้มาต้องเกิดจากความสามารถของเธอเองเท่านั้นเธอถึงจะภูมิใจ ไม่ใช่เกิดจากเส้นสายที่เธอมี ขนาดตอนที่กานต์ธิดาแนะนำเธอเข้ามาสมัครงานที่บริษัทนี้ เธอยังขอร้องเพื่อนสาวเลยว่าขอให้เธอใช้ความสามารถในการพรีเซ้นต์ตัวเองเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้ เธอจึงยอมเข้ามาทำงานที่นี่ในวันที่บริษัทตอบรับเธอกลับมา

ไม่เว้นแม้กระทั่งชายหนุ่มตรงหน้าเธอ รวีพรรณต้องการครอบครองทั้งหัวใจของชายหนุ่มด้วย ไม่ใช่ได้มาแค่ร่างกายเท่านั้น หญิงสาวอยากให้รัชชานนท์รักเธอด้วยหัวใจ ไม่ใช่เพราะความต้องการรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ที่เธอยอมแต่งงานกับเขาเพียงเพื่อหวังจะได้พิสูจน์หัวใจตัวเองให้เขาได้รับรู้ และก็อยากพยายามทำให้เขารักเธอก่อนที่จะยอมตัดใจลงง่ายๆ เหมือนคราวก่อน และถ้าหากเขาปฏิเสธหัวใจของเธอขึ้นมาจริงๆ เธอก็จะเป็นฝ่ายเดินจากเขาไปเอง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอก็ตาม...

“มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ พี่ว่าเรื่องนี้เราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่าครับ พรุ่งนี้จะถึงวันเปิดตัวคอนโดแล้ว พี่อยากตรวจดูความเรียบร้อยของงานมากกว่า ไม่อยากให้เรามาเถียงกันที่นี่ตอนนี้” หญิงสาวอยากจะกระโดดงับหัวคนตรงหน้านัก ทำไมเขาชอบกวนประสาทเธอจัง นึกจะเปลี่ยนเรื่องก็เปลี่ยนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ก็จริงอย่างที่เขาบอกตอนนี้เป็นเวลาทำงานของเธอ ไม่ว่าจะได้มาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่มันเป็นความรับผิดชอบของเธอและชื่อเสียงของบริษัทเธอด้วย เรื่องอื่นค่อยว่ากันตอนนี้ขอทำงานก่อนก็แล้วกัน

เจ้าของร่างบางพาชายหนุ่มเดินตรวจงานตามจุดต่างๆ ภายในบริเวณการจัดงานเปิดตัวคอนโดมิเนียมหรูของเขาในครั้งนี้ เธอเลือกศูนย์แสดงสินค้าชื่อดัง เพื่อเป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับห้าดาว การเตรียมงานเสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงแค่ตรวจสอบความเรียบร้อยเท่านั้นเอง รัชชานนท์มั่นใจว่าวันพรุ่งนี้การเปิดตัวคอนโดมิเนียมจะผ่านไปได้ด้วยดี

 

 

ภาพแสงไฟบนท้องถนนยามค่ำคืนดูแล้วสบายตายิ่งนัก วันนี้เป็นวันที่แสนเหน็ดเหนื่อยของเธออีกวันหนึ่ง แต่มันก็เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่ปะปนมากับความสุข การได้เห็นผลงานของตัวเองที่เกิดขึ้นจริงในโลกธุรกิจนั้น เป็นความใฝ่ฝันของหญิงสาวยิ่งนัก แต่ก็มีบางอย่างที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของรวีพรรณตลอดทั้งวัน เจ้าของใบหน้าหวานหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของคนขับรถข้างกาย เธอนั่งจ้องเขานิ่งโดยไม่เอ่ยวาจาใด และเธอยังคงมองเขาด้วยความสงสัย แต่ไม่คิดจะเอ่ยคำใดออกมา

“หน้าพี่มีอะไรติดอยู่หรือเปล่า หรือว่า...เราอยากสัมผัสกับหน้าของพี่อย่างใกล้ชิดกว่านี้” ชายหนุ่มแกล้งพูดจาทีเล่นทีจริง การเย้าแหย่หญิงสาวตรงหน้าเขามันสร้างความสนุกสนานให้เขาได้อย่างดี แต่แท้ที่จริงแล้วเขาอยากให้เธอผ่อนคลายมากกว่า รัชชานนท์รู้ดีว่าวันนี้เธอทำงานหนักแค่ไหน เขารู้ว่าเธอเป็นคนทุ่มเทและจริงจังกับสิ่งที่เธอทำยิ่งนัก และเขาก็รู้อีกด้วยว่าหญิงสาวจ้องมองหน้าเขา เพื่อต้องการหาคำตอบอะไร

“ไม่ตลกเลยนะคะพี่นนท์ รู้อยู่แก่ใจว่ารวีอยากพูดเรื่องอะไร” เขาชอบทำเฉไฉแบบนี้เสมอ เวลาที่ไม่ต้องการตอบคำถามอะไรของเธอ

“แล้วรวีอยากพูดเรื่องอะไรละครับ...โอ๊ย!” หญิงสาวทนไม่ไหว รัวกำปั้นเล็กลงบนต้นแขนหนาอย่างไม่ยั้งมือ

“พี่นนท์ต้องอธิบายมานะคะว่าพี่นนท์ทราบอยู่แล้วใช่ไหมคะว่ารวีทำงานอยู่ที่ไหน” รวีพรรณเปิดประเด็นเสียเอง หากเขาไม่เริ่มเธอเริ่มเองก็ได้

“ครับผม” ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ ดวงตาคมยังคงจ้องมองถนนกว้าง

“แล้วงานที่รวีเสนอผ่าน ก็เป็นเพราะพี่นนท์ช่วยเหลือไว้ ไม่ได้เกิดจากความสามารถของรวีเองใช่ไหมคะ” เสียงหวานแผ่วเบา เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เธอต้องการใช้ความสามารถของตัวเองสรรค์สร้างผลงานด้วยสมองและสองมือของเธอ โดยที่ไม่ต้องพึ่งบารมีบิดาของเธอหรือแม้แต่ชายหนุ่มที่เธอรัก แต่แล้วงานแรกของเธอเขาก็กลับมีส่วนช่วยเหลือเธออีกจนได้

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นละครับ พี่รู้ว่าเราทำงานที่ไหน เพราะคุณน้ารุ่งรัตน์บอกพี่ว่ารวีเรียนจบกลับมาแล้ว และเพิ่งเริ่มทำงานเลยไม่มีเวลาแวะมาหาพี่เพื่อบอกกล่าวด้วยเอง” คนเจ้าเล่ห์ได้โอกาสถามหาสาเหตุของการหายหน้าไปโดยไม่บอกกล่าวของหญิงสาวข้างกาย ใบหน้าหวานซีดลงทันที นี้เธอกำลังคาดคั้นเอาคำตอบเรื่องงานของเธอจากเขาอยู่นะ ไม่ใช่เขาที่จะมาหาคำตอบการจากไปของเธอ

“พี่นนท์อย่าเปลี่ยนเรื่องค่ะ รวีต้องการคำตอบจากพี่นนท์จริงๆ นะคะ” สีหน้าจริงจังของสาวน้อย ทำให้เขายอมให้เธอก่อน แต่ใช่ว่าเธอจะรอดพ้นไปได้หรอกนะ ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องรู้คำตอบให้ได้

“พี่รู้ว่าเราทำงานที่ไหนก็จริง แต่การคัดเลือกบริษัทออแกไนเซอร์ในการเปิดตัวคอนโด ไม่ได้เป็นหน้าที่ของพี่ เพราะเรื่องนี้พี่ให้ฝ่ายการตลาดของบริษัทเป็นคนจัดการ” รัชชานนท์รู้ว่าบริษัทที่รวีทำงานอยู่ได้งานครั้งนี้ ก็วันที่เธอมาทานอาหารค่ำที่บ้านของเขานั่นแหละ ที่คืนนั้นเขาต้องรีบเคลียร์งานเพราะต้องการให้โปรเจกต์งานเดินหน้าต่ออย่างรวดเร็ว เพื่อหญิงสาวจะได้มีเวลามาเตรียมงานแต่งงานของเขาและเธอ หลังจากปิดจบเรื่องงานเปิดตัวคอนโดมิเนียมหรูของเขา

“พี่รู้จักนิสัยเราดี และตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ก็คอยเป็นกำลังใจให้เราเสมอ มาถึงวันนี้พี่ก็ไม่คิดจะทำลายความมั่นใจของรวีด้วยมือของพี่เองหรอกนะ” สีหน้าจริงจังของเจ้าของเสียงทุ้ม ทำให้รวีพรรณยิ้มออก เธอยอมรับว่าเธอรู้สึกดีที่มีเขาอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา แต่เธอต้องการแค่กำลังใจจากเขาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการบารมีของเขาเพื่อช่วยเหลือในเรื่องงานของเธอ

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ รวีก็สบายใจค่ะ” เสียงหวานกลับมาสดใสขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มจากใบหน้าหวานเรียกความพอใจให้ชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี เขาชอบเสียงหวานเวลาโวยวาย และอาละวาดใส่เขามากกว่า

 

 

รถยุโรปสีดำคันหรูแล่นผ่านเข้าประตูบานใหญ่ของบ้านไพศาลสมบัติเมื่อรถคันดังกล่าวจอดสนิทที่บริเวณลานจอดรถ หญิงสาวข้างกายก็ปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อเตรียมลงจากรถ ยังไม่ทันที่เธอจะได้เปิดประตูรถออกไป เจ้าของมือหนาก็คว้าต้นแขนกลมกลึงให้เจ้าตัวหันมาเผชิญหน้ากับเขาเสียก่อน หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว จ้องมองคนตัวโตด้วยความสงสัย และเธอก็ต้องชะงักเมื่อจมูกโด่งเป็นสันโน้มลงเข้ามาใกล้ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่ใกล้เข้ามาหาเธอทีละน้อย

“คราวนี้ ถึงตาเราต้องตอบคำถามของพี่บ้าง” เจ้าของหยักปากขยับถามคนตรงหน้า ที่ตอนนี้เกือบลืมหายใจไปแล้ว

“ตอบคำถามอะไรกันคะพี่นนท์ วันนี้รวีเหนื่อยมากเลยนะ อยากพักผ่อนแล้วค่ะ พี่นนท์เดินไปส่งรวีที่บ้านนะคะ” หญิงสาวเบี่ยงเบนประเด็นทันที ส่งยิ้มหวานออดอ้อนชายหนุ่ม แต่มีเหรอที่คนอย่างเขาจะรู้ไม่ทัน

“เราจะตอบพี่ดีๆ หรือว่า...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสียงหวานก็เอ่ยขึ้นทันที เดี๋ยวนี้เธอเริ่มกลัวเขาแล้วนะ ชอบทำอะไรแปลกๆ แบบที่เธอไม่ทันตั้งตัวทุกทีเลย เขาใช่พี่นนท์คนที่เธอรู้จักจริงหรือเปล่าเนี่ย

“พี่นนท์อยากรู้อะไร ก็ถามรวีมาเถอะค่ะ จะได้กลับบ้านนอนเสียที รวีง่วงจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวตอบพร้อมเอามือปิดปากหาว

“ทำไมไปเรียนต่อ ไม่บอกพี่สักคำ ถ้าคุณน้าไม่บอก พี่ก็คงไม่รู้” น้ำเสียงอ่อนโยนพ่นออกมาจากปากหยักดั่งคันธนู

“พอดีว่ารวีสมัครงานไปหลายที่แล้วยังไม่ได้รับการตอบรับเสียที ก็เลยตัดสินใจไปเรียนต่อดีกว่า เผื่อจะเพิ่มพูนความรู้มากยิ่งขึ้นค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ เพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามเขาตอนนี้

“ครับ...วันนี้ดึกมากแล้วรวีรีบพักผ่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปรับที่บ้านแต่เช้า เราจะได้ไปงานเปิดตัวคอนโดพร้อมกัน” ชายหนุ่มไม่อยากคาดคั้นอะไรเธอตอนนี้ เมื่อถึงเวลาเธอคงบอกเขาเอง

“ค่ะ” รวีพรรณสัมผัสได้เลยว่าเขากำลังโกรธเคืองเธออยู่ แต่จะให้เธอตอบเขาได้อย่างไรละ...ว่าหนีไปเรียนต่อเพราะเขานั่นแหละ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

 

*******************

เปิดจองนิยายเรื่อง สะดุดรักหนุ่มข้างบ้าน

ที่ เพจ มลมานา ราคา 220 บาท

วันนี้ – 15 ก.พ. 58

 

ไปที่เพจ มลมานา คลิ๊ก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา