ภพรักหิมวันต์
9.1
เขียนโดย Brownies_PK
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 19.41 น.
52 บท
129 วิจารณ์
78.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ยักษณกินรี (ยัก-สะ-นะ-กิน-นะ-รี)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เมื่อครั้นได้ยลโฉมพระบุตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระมารดาอย่างสุวรรณรัศมีก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับพระธิดา เมื่อแผ่นหลังน้อยๆของพระธิดามีบางสิ่งซ่อนอยู่ เมื่อได้พิศดูใกล้ๆทำให้รู้ว่าสิ่งผิดปกติที่เกิดกับพระธิดาน้อยนั่นก็คือ...
'ปีก'
สิ่งที่สุวรรณรัศมีเห็นก็คือปีกนกสีขาวนวลขลิบทองสีเหลืองอ่อน ครั้นได้ต้องแสงสุริยาจะบังเกิดประกายระยิบระยับ ซึ่งดูเหมือนว่าลูกสาวของนางนี้จะไม่ใช่นางกินรีธรรมดาเสียแล้วกระมัง ก่อนที่สุวรรณจะเอนตัวลงนอนข้างบุตรี ก็พบว่าพระธิดาของนางมีเขี้ยวขาวน้อยๆ แซมขึ้นที่มุมปากเล็กๆทั้งสองข้าง!!
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!"
เสียงกรีดร้องของสุวรรณรัศมีทำให้จิตราสรที่รอฟังข่าวดีต้องรีบผลุนผลันเข้ามาในห้องอย่างฉับไว!!
"เป็นไรรึ?? น้องหญิง"
"พระองค์เพค่ะ ลูกของเราเป็นยักษ์กึ่งกินรีเพค่ะ"
"พี่ก็นึกว่าเรื่องกระไร ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง ขอน้องหญิงอย่ากังวลไปเลย ลูกของเรานี่เป็นผู้ประเสริฐยิ่งนัก พี่คิดว่าในภายภาคหน้า นางจะนำความรุ่งเรืองมาสู่อสุรานครเป็นแน่แท้ ขอน้องหญิงอย่าทรงกังวลไปเลย"
จิตราสูรกล่าวก่อนจะโน้มตัวพระชายาให้ลงมาซบพระอุระแห่งพระองค์ แม้การกล่าวปลอบโยนของจิตราสูรจะมีเหตุมีผล แต่ก็ไม่สามารถทำให้สุวรรณรัศมีวางพระทัยลงได้
อีกด้านหนึ่งของอสุรานคร
"ข้าเกลียดมันยิ่งนัก!! ยิ่งมันมีลูกให้แก่เสด็จพี่ ข้ายิ่งอยากจะจับนางเคี้ยวกินซะบัดนี้!!"
พระมเหสีแห่งองค์จิตราสูรกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงไม่พอพระทัย โดยมีนางกำนัลคู่ใจอย่างปทุมทองคอยเป็นเชื้อเพลิง คอยเติมเชื้อไฟให้แก่มเหสีโฉมสุรางค์ซึ่งตอนนี้พระนางเปรียบเสมือนไฟแห่งโทสะ ที่สามารถแผดเผาทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้
"พระทัยเย็นก่อนสิเพค่ะ หม่อมแม่ ตอนนี้นางมีตำแหน่งแค่พระชายา ยิ่งตอนนี้นางมีพระธิดาให้แก่องค์เหนือหัว กระนั้นเราควรผูกมิตรกับนางเอาไว้นะเพค่ะ เช่นเราควรเอาน้ำเย็นเข้าลูบนะเพค่ะ หม่อมแม่ บางทีการทำวิธีนี้อาจทำให้องค์เหนือหัวจิตราสูรเสด็จมาหาหม่อมแม่ก็ได้นะเพค่ะ"
ปทุมทองกราบทูลในสิ่งที่ตนคิด ทำให้โฉมสุรางค์มีสติคิดไตร่ตรองในสิ่งที่นางกำนัลคนสนิทของนางกล่าวมา ในเมื่อตั้งตนเป็นศัตรูกับสุวรรณรัศมี ทำให้จิตราสูรไม่เคยมาหานางเลย แต่ถ้านางเป็นมิตรกับสุวรรณรัศมี อาจทำให้จิตราสูรเห็นใจนางและกลับมาหานางก็เป็นได้
"วิธีที่เจ้าคิดก็มีเหตุผลเหมือนกันนะ ปทุมทอง หึหึ"
หน้าสวยคมเอ่ยก่อนจะทรงสรวลอย่างมีเลศนัย
ทางด้านนครเทพกินราเมื่อรู้ว่าพระธิดาพระองค์เดียวของพระองค์ถูกยักษ์ลักพาตัวไป ก็ได้หานิ่งเฉยไม่!!
"สีหสุบรรณ เจ้าจงพาเหล่าบรรดากินรและกินรีทั้งหลายออกติดตามหาสุวรรณรัศมีจนกว่าจะได้ตัวนางกลับมา!!"
ท้าวธฐชัยสั่ง 'สีหสุบรรณ' พระราชโอรสผู้มีพระชนม์มายุเพียง17ชันษา ผู้ดำรงตำแหน่งพระเชษฐาร่วมสายเลือดกับพระนางสุวรรณรัศมี ผู้สืบทอดราชบัลลังค์ต่อจากท้าวธฐชัย ว่าที่องค์เหนือหัวแห่งนครเทพกินรา
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ เสด็จพ่อ"
ถึงแม้จะออกตามหาพระขนิษฐาสุวรรณรัศมีเป็นเวลาร่วมหลายเดือนแล้ว แต่ผู้เป็นพี่อย่างสีหสุบรรณหาได้ย่อท้อไม่!! ต่อให้พลิกแผ่นดินทั่วป่าหิมพานต์หา เขาก็ต้องหานางให้เจอ!!
ภายในตำหนักใหม่ สุวรรณรัศมีกำลังร้องเพลงกล่อมให้พระธิดาน้อยที่ตอนนี้ได้บรรทมเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์เสียแล้ว ผู้มาเยือนคนใหม่ก็เข้ามาด้วยจุดประสงค์ไม่ดีนัก
"นี่น่ะหรือ ราชบุตรีของเจ้าพี่ ผู้มีร่างกายกึ่งยักษ์กึ่งกินรี 'ยักษณกินรี' หึ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!!"
โฉมสุรางค์เมื่อตอนแรกคิดจะมาผูกมิตรกับศัตรูหัวใจ เมื่อได้เห็นร่างของ 'มารหัวขน' ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอู่ทองคำที่เมื่อมองคราใดก็อดเอ็นดูไม่ได้ด้วยความชิงชัง!!
'ถ้านังเด็กนี่ไม่เกิดมา เจ้าพี่จิตราสูรคงยังรักข้าเป็นแน่แท้' ถึงแม้จะรักนางเฉกเช่นน้องสาวก็ตามที
มเหสีผู้มีใจริษยาคิดในใจด้วยสายตาที่ชิงชังในตัวพระธิดาน้อย
"ถ้าพระนางมาที่ตำหนักแห่งนี้เพราะต้องการกล่าวหาลูกของข้า ก็ขอให้พระนางออกไปจากตำหนักนี่เสียเถิด"
สุวรรณรัศมีกล่าว ก่อนจะร้องเพลงเห่กล่อมพระธิดาโดยไม่ฟังเสียงกรีดร้องของพระมเหสีโฉมสุรางค์เลย
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! นี่เจ้า!!"
โฉมสุรางค์โวยวายก่อนจะเสด็จออกจากตำหนักใหม่ด้วยจิตใจที่คับแค้นอยู่ในทรวง
'อย่าให้ถึงเวลาของข้าบ้างก็แล้วกัน!! สุวรรณรัศมี!!'
'ปีก'
สิ่งที่สุวรรณรัศมีเห็นก็คือปีกนกสีขาวนวลขลิบทองสีเหลืองอ่อน ครั้นได้ต้องแสงสุริยาจะบังเกิดประกายระยิบระยับ ซึ่งดูเหมือนว่าลูกสาวของนางนี้จะไม่ใช่นางกินรีธรรมดาเสียแล้วกระมัง ก่อนที่สุวรรณจะเอนตัวลงนอนข้างบุตรี ก็พบว่าพระธิดาของนางมีเขี้ยวขาวน้อยๆ แซมขึ้นที่มุมปากเล็กๆทั้งสองข้าง!!
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!"
เสียงกรีดร้องของสุวรรณรัศมีทำให้จิตราสรที่รอฟังข่าวดีต้องรีบผลุนผลันเข้ามาในห้องอย่างฉับไว!!
"เป็นไรรึ?? น้องหญิง"
"พระองค์เพค่ะ ลูกของเราเป็นยักษ์กึ่งกินรีเพค่ะ"
"พี่ก็นึกว่าเรื่องกระไร ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง ขอน้องหญิงอย่ากังวลไปเลย ลูกของเรานี่เป็นผู้ประเสริฐยิ่งนัก พี่คิดว่าในภายภาคหน้า นางจะนำความรุ่งเรืองมาสู่อสุรานครเป็นแน่แท้ ขอน้องหญิงอย่าทรงกังวลไปเลย"
จิตราสูรกล่าวก่อนจะโน้มตัวพระชายาให้ลงมาซบพระอุระแห่งพระองค์ แม้การกล่าวปลอบโยนของจิตราสูรจะมีเหตุมีผล แต่ก็ไม่สามารถทำให้สุวรรณรัศมีวางพระทัยลงได้
อีกด้านหนึ่งของอสุรานคร
"ข้าเกลียดมันยิ่งนัก!! ยิ่งมันมีลูกให้แก่เสด็จพี่ ข้ายิ่งอยากจะจับนางเคี้ยวกินซะบัดนี้!!"
พระมเหสีแห่งองค์จิตราสูรกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงไม่พอพระทัย โดยมีนางกำนัลคู่ใจอย่างปทุมทองคอยเป็นเชื้อเพลิง คอยเติมเชื้อไฟให้แก่มเหสีโฉมสุรางค์ซึ่งตอนนี้พระนางเปรียบเสมือนไฟแห่งโทสะ ที่สามารถแผดเผาทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้
"พระทัยเย็นก่อนสิเพค่ะ หม่อมแม่ ตอนนี้นางมีตำแหน่งแค่พระชายา ยิ่งตอนนี้นางมีพระธิดาให้แก่องค์เหนือหัว กระนั้นเราควรผูกมิตรกับนางเอาไว้นะเพค่ะ เช่นเราควรเอาน้ำเย็นเข้าลูบนะเพค่ะ หม่อมแม่ บางทีการทำวิธีนี้อาจทำให้องค์เหนือหัวจิตราสูรเสด็จมาหาหม่อมแม่ก็ได้นะเพค่ะ"
ปทุมทองกราบทูลในสิ่งที่ตนคิด ทำให้โฉมสุรางค์มีสติคิดไตร่ตรองในสิ่งที่นางกำนัลคนสนิทของนางกล่าวมา ในเมื่อตั้งตนเป็นศัตรูกับสุวรรณรัศมี ทำให้จิตราสูรไม่เคยมาหานางเลย แต่ถ้านางเป็นมิตรกับสุวรรณรัศมี อาจทำให้จิตราสูรเห็นใจนางและกลับมาหานางก็เป็นได้
"วิธีที่เจ้าคิดก็มีเหตุผลเหมือนกันนะ ปทุมทอง หึหึ"
หน้าสวยคมเอ่ยก่อนจะทรงสรวลอย่างมีเลศนัย
ทางด้านนครเทพกินราเมื่อรู้ว่าพระธิดาพระองค์เดียวของพระองค์ถูกยักษ์ลักพาตัวไป ก็ได้หานิ่งเฉยไม่!!
"สีหสุบรรณ เจ้าจงพาเหล่าบรรดากินรและกินรีทั้งหลายออกติดตามหาสุวรรณรัศมีจนกว่าจะได้ตัวนางกลับมา!!"
ท้าวธฐชัยสั่ง 'สีหสุบรรณ' พระราชโอรสผู้มีพระชนม์มายุเพียง17ชันษา ผู้ดำรงตำแหน่งพระเชษฐาร่วมสายเลือดกับพระนางสุวรรณรัศมี ผู้สืบทอดราชบัลลังค์ต่อจากท้าวธฐชัย ว่าที่องค์เหนือหัวแห่งนครเทพกินรา
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ เสด็จพ่อ"
ถึงแม้จะออกตามหาพระขนิษฐาสุวรรณรัศมีเป็นเวลาร่วมหลายเดือนแล้ว แต่ผู้เป็นพี่อย่างสีหสุบรรณหาได้ย่อท้อไม่!! ต่อให้พลิกแผ่นดินทั่วป่าหิมพานต์หา เขาก็ต้องหานางให้เจอ!!
ภายในตำหนักใหม่ สุวรรณรัศมีกำลังร้องเพลงกล่อมให้พระธิดาน้อยที่ตอนนี้ได้บรรทมเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์เสียแล้ว ผู้มาเยือนคนใหม่ก็เข้ามาด้วยจุดประสงค์ไม่ดีนัก
"นี่น่ะหรือ ราชบุตรีของเจ้าพี่ ผู้มีร่างกายกึ่งยักษ์กึ่งกินรี 'ยักษณกินรี' หึ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!!"
โฉมสุรางค์เมื่อตอนแรกคิดจะมาผูกมิตรกับศัตรูหัวใจ เมื่อได้เห็นร่างของ 'มารหัวขน' ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอู่ทองคำที่เมื่อมองคราใดก็อดเอ็นดูไม่ได้ด้วยความชิงชัง!!
'ถ้านังเด็กนี่ไม่เกิดมา เจ้าพี่จิตราสูรคงยังรักข้าเป็นแน่แท้' ถึงแม้จะรักนางเฉกเช่นน้องสาวก็ตามที
มเหสีผู้มีใจริษยาคิดในใจด้วยสายตาที่ชิงชังในตัวพระธิดาน้อย
"ถ้าพระนางมาที่ตำหนักแห่งนี้เพราะต้องการกล่าวหาลูกของข้า ก็ขอให้พระนางออกไปจากตำหนักนี่เสียเถิด"
สุวรรณรัศมีกล่าว ก่อนจะร้องเพลงเห่กล่อมพระธิดาโดยไม่ฟังเสียงกรีดร้องของพระมเหสีโฉมสุรางค์เลย
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! นี่เจ้า!!"
โฉมสุรางค์โวยวายก่อนจะเสด็จออกจากตำหนักใหม่ด้วยจิตใจที่คับแค้นอยู่ในทรวง
'อย่าให้ถึงเวลาของข้าบ้างก็แล้วกัน!! สุวรรณรัศมี!!'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ