LOVE YOU! รักกว่านี้ มีอีกมั้ย?
เขียนโดย BlacXRabbiT
วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.13 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558 21.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ตราบใดที่ยังหึง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 9 ตราบใดที่ยังหึง
หลังจากที่นั่งเรียนจนหลังขดหลังแข็ง (สาธุเถอะท่านอาจารย์ที่เคารพรัก อาทิตย์หน้าลาพักร้อนมั่งก็ดีนะ! สรุปคือกูเรียนสังคมหรือพระพุทธวะ!) ก็ได้เวลาพักเที่ยงเสียงที ขอบคุณสรรค์ที่ยังทรงเมตตา
“กัส กูโคตรหิวข้าวอ่ะขอบอก” เสียงไอ้ลีดังอยู่ข้างหูผม ผมเอียงคอไปมองหน้ามันที่แสดงออกว่ากำลังเซ็งผมอย่างแรง
“แล้ว?” ผมถามเสียงสูง
“มึงช่วยรีบกะกูสักสี่จุดสองเจ็ดวินาทีจะได้มั้ย?”
“ปากกูกะมึงไม่ได้ติดกันนี่” ผมบอกแล้วหยิบตังค์จากกระเป๋าแบนๆแต่ก็โดนไอ้ตี่ลากคอเสื้อขึ้นลากออกจากห้อง คือเพื่อนมึงก็มีเยอะแยะมึงจะมาลากกูไปทำซากมะเขือเผาอัลไรฮึ กูถามหน่อย?
“เตี๋ยวเส้นหมี่ไม่ผักไม่หมูไม่เทียมไม่ชูรสน้ำใส” มึงกินอะไรอ่ะถามจริง เส้นหมี่ใส่น้ำใช่ป่ะ? ลวกกินเองอยู่บ้านก็ได้ม้าง! มึงโตมาได้ยังไงวะเนี่ย?
“ใหญ่น้ำใส” ผมบอกแม่ค้าแล้วยืนรอสักพักก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ของไอ้ลีก็เสร็จตามมาด้วยของผม ผมยกถ้วยไปปรุงใส่พริกใส่เกลือ ไม่ใช่ละ น้ำตาล น้ำปลาเล็กน้อย น้ำส้มสายชูอีกมากมาย
“โคตรทำลายกระเพาะอ่ะ” เสียงไอ้ลีดังแว่วๆ แต่ผมไม่สนใจหยิบตะเกียบหยิบช้อนแล้วเดินตามมันไปนั่งกะพวกไอ้เพื่อนสุดที่เลิฟของมัน
“ลี ก๋วยเตี๋ยวมึงเพิ่งบวชมารึไงวะ?” บวชจริงๆ ขอกบอก ในถ้วยมันนอกจากเส้น กะน้ำแล้วก็ลูกชิ้นไม่มีสิ่งอื่นอันใดอยู่เลยแม่แต่นิดเดียว
“อะไรบวช”
“ก๋วยเตี๋ยวหัวโล้น” ผมพูดแล้วคีบเส้นกินไม่สนใจมันอีก
“ไอ้ตี่ สรุปแล้วนี่ เสียงไอ้กัสมันดีป่ะ?” นนท์นี่ถามขึ้นด้วยหน้ายิ้มๆ ปนลุ้นๆ แต่คำถามมันเรียกความสนใจจากทั้งโต๊ะได้โดยเฉพาะผม
“ดี” ไอ้ตาเส้นด้ายนี่ก็ตอบหน้าตาย มันเกี่ยวไรกะเสียงกูวะเนี่ย?
“จริงง่ะ แล้วๆ พวกมึงได้กันท่าไหนมั่ง?”
“แค่ก ๆๆ” ผมสำลักเส้นก๋วยเตี๋ยวจนติดคอเมื่อไอ้นิกกี้แฝดผู้พี่เอ่ยถาม แม่ง ถ้วยกูไม่ใช่ถ้วยไอ้ลีนะโว้ย พริกเต็มเลย ผมหยิบแก้วน้ำเทลงคออย่าเอาเป็นเอาตาย ไอ้ลีมองผมแล้วเบ้ปากก่อนจะกินต่อไม่สนใจผม มึ้ง กูเป็นแฟนมึงป่ะ?
“กะ กูยังซิงเว้ย!” ผมตอบไปไอ้ลีนี่ยิ่งหน้าบูดยิ่งกว่าเดิม แถมไม่สนใจผมอีกด้วย
“ฮะ? เฮ้ยๆ ลี นี่มึงยังไม่ได้อึ้บมันหรอ? ปาฏิหาริย์!” สองแฝดจะตื่นเต้นมาก อะไรจะปานนั้น
“คืองี้นะ นนท์นี่ กูเพิ่งคบกะมันเมื่อวาน กูไม่ได้ใจง่ายนะ!” ผมว่าหน้าแดงๆ เสียงมึงนี่ไม่ได้จะเบาเลยขอบอก มึงตั้งใจใช่มะ? นี่โรงอาหารนะเฮ้ย!
“พวกมึงเลิกพูดได้ละ” ไอ้ลีเอ่ยแทรกทำให้พวกมันสองพี่น้องที่กำจะอ้าปากพูดเงียบไปทันที แต่ก็ยังส่งสายตาขี้เล่นไปหาไอ้ตาตี่นั่นให้มันอารมณ์บ่จอยเล่น
ตือดึ้ง!
เสียงเฟสบุ๊กผมดังขึ้น ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดอ่านข้อความ
Akira Akky : โย่วๆ กัสจังกินข้าวเที่ยงยางงงง
ผมยิ้มกับโทรศัพท์ ไอ้ลีชะโงกหน้าเข้ามาดูก่อนจะแค่นหัวเราะแล้วว่า
“เพิ่งจะคบกะกูยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย แม่งมีกิ๊กละ” กิ๊กพ่อง
“เพื่อนกู”
Gusjung So Cute : ยังไม่ได้กินข้าว กำลังกินเตี๋ยว
ผมพิมพ์ตอบกลับไปยิ้มๆ
Akira Akky : กวนตีนละ
แรงส์
Gusjung So Cute : ใจร้ายมาก เราก็แค่อารมณ์ดี ผิดเหรอ?
“เรา โด่วเอ้ย ทีกะกู แม่ง กูๆ มึงๆ ตลอด!” เสียงไอ้ตี่ลีเอ่ยเสียงขึ้นจมูก คือมึงเคยบอกตัวเองป่ะเนี่ย ผมไม่สนใจมันอ่านข้อความใหม่ที่ส่งมา
Akira Akky : ป่าวววววนะ อย่านอยด์ดิ เดี๋ยวเอาหนุ่มญี่ปุ่นกลับไปฝาก บอกสเปคมาเลยน้อง
Gusjung So Cute : เคยตายมั้ย?
“มึงเลิกเล่นแล้วยัดเข้าไปได้ละ ก่อนที่กูจะหมดความอดทน กูนั่งหัวโด่อยู่นี่ ข้างๆมึง ไม่เคยเห็นกูในสายตาเลยรึไง” ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วคีบเส้นใหญ่จนจะอืดเข้าปาก มองมันที่ทำหน้าเหมือนเพิ่งไปฆ่าใครตายมาสักสามคนเห็นจะได้
“กูไม่ได้อะไรสักหน่อย อั๊คกี้เป็นเพื่อนกูนะ” ผมพูดเบาๆ สายตามันน่ากลัวมาก โอ้วจอร์จ
“เหอะ เพื่อนกูนะ! คุยยังกะเป็นผัวเมียกันมานานนม” มันพูดเสียงขึ้นจมูก คือ กูก็รู้นะว่ามึงเริ่มบ่จอยละแต่มึงน่าจะยอมๆกูหน่อยนะ
“อะไร ความผิดกูเหรอไง เพราะใครล่ะ อั๊คกี้ถึงย้ายโรงเรียนน่ะ กูยังไม่เห็นว่าอะไรมึงเลย” ผมเริ่มจะใส่อารมณ์เหมือนกัน แม่ง ยังงี้ทุกที อย่านึกว่ากูไม่รู้นะว่ามึงทำอะไรกับเพื่อนกูไว้น่ะ
“อะไร กูไปทำอะไร” ตีหน้าเซ่อไปก็ไร้ประโยชน์เฟ้ย!
“แล้วมึงททำอะไรล่ะ!?” ผมพูดเสียงดัง
“โอ้ ใจเย็นกันหน่อยดิพวกมึง คนทั้งโรงอาหารจ้องพวกมึงกันหมดแล้ว”ไอ้นนท์นี่พูดเสียงทะเล้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
“กูไปทำอะไรมัน เฮอะ ใช่ซี่ มึงน่ะ หายใจเข้าก็อั๊คกี้ หายใจออกก็อั๊คกี้ อะไรๆก็ไอ้อากิระ ทีกับกูไม่เห็นพูดดีด้วย” แล้วมึงเคยพูดดีกับกูมั้ย?
“หา? ก็อั๊คกี้เป็นเพื่อนกู! เพื่อนคนเดียวของกู แล้วมึงไปข่มขู่อะไรอั๊คกี้ไว้ อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ”
“แต่กูเป็นแฟนมึง! ไม่ใช่ไอ้อากิระสักหน่อย!” แต่ตอนนั้นกูกับมึงไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แม่งเอ๊ย นี่ผมชอบคนแบบมัน คนที่ทำร้ายเพื่อนผมได้ไงกันวะ?
“แต่มันไม่เห็นเกี่ยวกันเลย แฟนก็ส่วนแฟน เพื่อนก็ส่วนเพื่อน แล้วตอนนั้นกูกะมึงไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย มึงทำร้ายเขาทำไม!” เริ่มเดือดแล้วนะ
“นี่มึงกล้าขึ้นเสียงใส่กูเหรอ!?” ผมขยับตัวถอยหนีมันหน่อยนึงเมื่อลีมันทุบโต๊ะเสียงดังจนทุกคนยังตกใจตามกัน หน้ามันนี่แทบจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อเลย
“อะไรล่ะ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ มึงจะเอาไงกะกูกันแน่!” โอ๊ย ปากดีจริงกู กลัวจนตัวสั่นละแต่แม่งยังต่อปากต่อคำ
“เลิกพูดเรื่องมัน!” มึงเลิกตะคอกกูได้แล้ว
“ไม่มีเหตุผล!” งี่เง่าที่สุดในสามโลก กูเสริมให้ด้วยเอ้า
“ออร์กัส!” ลีกระชากข้อมือผมจนเจ็บระบม อะไร นี่มึงของขึ้นแล้วเหรอ แค่กูคุยกะเพื่อนกูแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ?
“มึงจะไม่ให้กูคุยกะเพื่อนกูเนี่ยนะ มึงบ้าไปแล้ว” ปากหนอปาก กระดูกจะหักอยู่ละยังจะปากเก่งอีก
“เออกูบ้า!”
“ลี ใจเย็นก่อนดิ ไอ้กัสมันกลัวมึงแล้วน่ะ เห็นมั้ย?” เทมส์เอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้ลีคลายแรงบีบที่ข้อมือออกจนหลวม ผมกระชากข้อมือออกจากมือของมัน ผลักมันจนเซแล้ววิ่งออกจากโรงอาหารไป
ผมหอบหายใจอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ มองตัวหน้าตัวเองที่ตาแดงก่ำ น้ำตารื่นร่วงหล่นลงบนหลังมือ ข้อมือผมแดงไปหมด อ๊ากกกกก ไอ้ลี ไอ้แรงควายยยย ถ้ากระดูกกูร้าวนะ กูจะฟ้องพี่กู!
“หึ คบกับลีอยู่จริงๆ ด้วย” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตูทางเข้า ผมหันไปมองเห็นผู้หญิงสี่คนยืนขวางประตูจนมิด ผมปาดน้ำตาออก ไอ้ลี มึงนี่นำพาความซวยมาให้กูดีแท้
“ไม่ใช่สักหน่อย” ผมเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ แม่งเอ๊ย ผมยิ่งร่างกายอ่อนแอเวลามีเรื่องกะคนอื่นซะด้วยสิ ตายแน่กู
“ตอแหล!”
[Lee’s Part]]
ผมทรุดตัวลงนั่งที่เดิม เมื่อไอ้กัสวิ่งออกจากโรงอาหารไป แม่งเอ๊ย ก็ผมหึงนี่ให้ทำไงอ่ะ ลืมไปได้ไงวะว่าไอ้อากิระมันเป็นเพื่อนกะไอ้กัส ที่ผมยกพวกรุมมัน มันก็ต้องบอกไอ้กัสอยู่แล้ว ไอ้ขี้ฟ้องเอ๊ย!
“มึงไม่ตามไปอ่ะ?” ไอ้ไอซ์ถามเมื่อผมถอนหายใจออกมา
“กูก็อยากตาม แต่แม่งเดี๋ยวกูก็ทำมันเจ็บตัวอีก ให้กูอารมณ์เย็นก่อน” ทำไมผมมันงี่เง่างี้วะ ใช้แต่กำลัง บ้าที่สุด
“จะไปไหนวะ?” สองแฝดเอ่ยพร้อมกันผมหันไปมองแล้วพูด
“ขึ้นห้อง หมดอารมณ์” ก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารไม่ลืมแวะเข้าสหกรณ์ซื้อขนมปังกับน้ำอัดลมแล้วก็น้ำผลไม้ขึ้นไปไว้ให้ไอ้กัสเผื่อมันหิว เพราะเมื่อกี้มันกินไปได้แค่นิดเดียวเอง ดูสิว่าผมรักมันแค่ไหน ขนาดทะเละกันผมยังห่วงมันเล้ย
ผมนั่งหน้าบูดบึ้งเสียบหูฟังเปิดเพลเสียงดังอยู่บนห้องเรียนที่มีนักเรียนอยู่ไม่ถึงสิบคน ไม่นานนักไอ้กัสก็เดินเข้าห้องมาด้วยสภาพที่ทำให้ผมและคนในห้องตกใจ
“มึงไปโดนอะไรมา” ผมลุกพรวดเดินเข้าไปใกล้มัน แต่มันไม่ตอบแค่ก้มหน้าหลบสายตาผมเท่านั้นตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของมันเปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำ
“กูถามว่ามึงไปโดนอะไรมา ทำไมถึงเปียกแบบนี้” ผมถามขึ้นอีกครั้ง แต่มันแค่กัดปากข่มน้ำตาเอาไว้ ผมนี่เดือดขึ้นทันทีเลยขอบอก โกรธที่มันไม่พูดอะไรและโกรธคนที่มันทำให้แฟนผมเป็นแบบนี้
“เฮ้ย มึงร้อนเหรอวะ?” นิกกี้ที่เพิ่งเดินเข้ามาถามเสียงทะเล้นตามฉบับมันสองพี่น้องจอมเสือก
“กูถามว่ามึงไปโดนอะไรมา ใครทำมึงแบบนี้!?” ผมจับไหล่ของมันทั้งสองข้างบีบแบบที่ลืมไปเลยว่ามันจะเจ็บ
“กูเจ็บ” มันเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ ผมคลายแรงลงแล้วมองมัน
“บอกกูมา ใครทำมึง?” ผมถามอีก ตอนนี้สายตาของผมไม่ต่างไปจากนักฆ่าผู้เลือดเย็นเลยซักนิด กัสตัวสั่นหน่อยๆแต่ก็ไม่เอ่ยอะไรอีกนอกจากเสียงสะอื้นน้อยๆ ของมันที่ทำเอาผมใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“กูไม่เป็นไร” มันพูดเสียงเบา พวกเพื่อนของผมที่เพิ่งเข้าห้องมามองด้วยความสงสัย และก็พร้อมที่จะลุยเมื่อผมเอ่ยออกมา
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร! มึงดูสภาพมึงก่อน นี่รอยอะไร ใครตบมึง! บอกกูมา!” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลนั่นอย่างหาคำตอบ
“มึงจะทำอะไร” มันถามอีก มึงจะถามหาพระแสงของ้าวอะไร รู้อยู่ว่ากูจะไปกระทืบมัน!
“มึงไม่ต้องรู้หรอก แค่บอกกูมาว่าใครทำ” มันเงียบ บ้าเอ๊ย นี่มึงยอมให้มันทำแบบนี้กับมึงได้ไงวะ!
“โอเค ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก แต่กูจะบอกให้มึงรู้ไว้ คนที่มันทำร้ายคนที่กูรัก กูจะทำให้มันเจ็บยิ่งกว่า ต่อให้มึงยอม จำเอาไว้ว่ากูไม่มีวันยอม!” ผมบอกกับมันที่เงยหน้ามาสบตา ผมรวบมันมากอดไม่สนคนอื่นในห้อง พยักหน้ากับนนท์นี่และนิกกี้ ก่อนที่พวกมันสองคนจะเดินออกจากห้องไป
“มึงอย่าทำตัวโหดนักดิ” กัสพูดเบาๆ ผมดันตัวมันออกแล้วจูงมือมันไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เปลี่ยนใส่ชุดพละก่อนไป เดี๋ยวแม่งก็ป่วยตายก่อนเป็นเมียกูหรอก”
“นี่มึงแช่งกูหรอ?” มันทำแก้มป่องๆ ดูน่ารักแล้วถอดเสื้อออก
“มองทำไม หันไปดิ” จะอายอะไร ทำอย่างกะกูไม่เคยเห็น
“ทำมากกว่ามองก็เคยมาละ จะอายอะไรของมึง” มันส่งค้อนให้ผมวงใหญ่แล้วหันหลังเอง โอย เอวเล็กๆของมึงทำกูของขึ้น อะไรๆ วันนี้มึงใส่กางเกงในลายน่ารักมาก
“กูไม่มีกางเกงในเปลี่ยนอ่ะ” มันพูดเสียงอายๆ
“ไม่มีก็ไม่ต้องใส่”
“บ้าดิ งั้นมึงหันไปเลย”
“หันทำไม กูอยากดู” กัสกัดปากตัวเองแน่น น่ารัก
“มึงรีบใส่ก่อนที่กูจะถอดดีกว่านะ แม่งลีลา มึงเห็นน้องกูมั้ย?” เท่านั้นล่ะ ไอ้เตี้ยนี่ก็หันหลังให้ผมถอดกางเกงในออกแล้วใส่กางเกงพละแทนผมขยับตัวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กตรงหน้า รอจังหวะให้มันหันมา
“อืม ลี นี่โรงเรียนนะ อื้ม อา” ผมกดจูบลงบนกลีบปากบาก ดันมันจนติดตู้ล็อกเกอร์ ลิ้นของผมแทรกเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นเล็ก ดูดกลืนความหอมหวานจากปากของมันจนมันเริ่มหายใจไม่ออกจึงค่อยๆ คลายริมฝีปากออก
“หายใจทางจมูกดิ” ผมเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบข้างๆ แก้มสีแดงระเรื่อ แล้วกดจูบลงไปอีกครั้ง มือของผมเลื้อยลงที่ต่ำเรื่อยๆ มือเล็กของไอ้กัสก็ดันไหล่ผมอยู่ได้ น่ารำคาญแหะ
“ลี”
“หืม อะไรครับ ที่รัก” ผมเอ่ยเสียงหวาน หน้าของคนที่ผมรักขึ้นสีแลดูน่ากิน
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ปล่อยนะ เป็นตัวลามกรึไงเล่า?” เสียงเล็กพูดอายๆ มือก็แงะมือผมที่อยู่บนกัสน้อยออก ตัวบิดไปมา น่ารักอ้ะ!>///<
“โกรธกูป่ะ?” ผมถาม
“โกรธ” อ่ะจะอ่ะ ไม่มีอ้อมให้กูเล้ย
“ขอโทษ” ผมกระซิบข้างหู
“อั๊คกี้เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกู” อากิระอีกละ เออ กูยอม
“เออ กูยอม เชอะ”
“หน้ามึงไม่ได้บอกว่ายอมเลยซักนิด ไม่เห็นจะต้องหึงขนาดนั้นเลยก็ได้ม้าง?” หา? อะไร มึงพูดอะไรออกมาเนี่ย?
“กัส จำเอาไว้ด้วยนะ ว่าตราบใดที่กูยังหึง นั่นหมายความว่ากูยังคงรักมึงอยู่ เข้าใจกูใช่มั้ย?” เราสองคนสบตากันก่อนที่กัสจะพยักหน้าน้อยๆ ผมก้มลงจูบมันอีกครั้งก่อนที่……
กริ๊งงงงงงงงง
เสียงออดหมดเวลาพักจะดังขึ้น T^T
[ End Lee’s Part ]
………………………………………………………………………………
To be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ