LOVE YOU! รักกว่านี้ มีอีกมั้ย?

9.9

เขียนโดย BlacXRabbiT

วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.13 น.

  16 chapter
  11 วิจารณ์
  23.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558 21.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เดท?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Chapter 3 เดท?
 
            วันนี้เป็นวันเสาร์! มันควรจะเป็นวันที่ผมควรจะได้นอนตื่นสายๆ อ่านการ์ตูนอยู่บ้านอย่างสบายใจ! แล้วทำไม ทำม๊าย ทำไม! ทำไมผมต้องมานั่งหน้าสลอนอยู่บนรถแลมเบอร์กินีสีดำสุดหรูคันนี้ด้วย!
            “นั่งดีๆหน่อยมึง น้ำลายจะหกเลอะเบาะกูละ” เสียงของไอ้ตัวต้นเหตุแว่วเข้าหูผมที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่บนรถ หัวพิงกระจกจะหลับแหล่มิหลับแหล่ ทำไมผมถึงอยู่นี่น่ะเหรอ?
ครึ่งชั่วโมงก่อน….
            Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr
            “โหล ใครอ่ะ” ผมควานมือไปบนหัวเตียง หยิบโทรศัพท์ที่ร้องโหยหวนขึ้นมากดรับ แล้วกรอกเสียงลงไป
            “กูให้เวลามึงสิบนาที อาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จ” ผมยกหูโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ ไม่ได้เมมไว้ ผมมุ่นคิ้วแล้วกรอกเสียงลงไปใหม่
            “ใครน่ะ”
            “กูเอง” อ้าว แล้วกูไหนฟะ กูจะไปตรัสรู้ได้ไงวะ
            “…………………….” ผมเงียบ
            “โหยไอ้โง่ สมองฝ่อ มดยังตัวใหญ่ว่าสมองมึงเหอะ กูว่าที่ผัวมึงไงทำเป็นจำไม่ได้กูออกจะหล่อ!” =_= รู้ละ กูไหน คนที่หลงตัวเองได้อย่างมัน ในโลกนี้คงมีมันคนเดียว
            “อะไรของมึง โทรมาตั้งกะเช้า” ผมพูดแล้วหาว
            “เช้าพ่อตากูสิ สองโมงครึ่งละ เร็วกูรออยู่หน้าบ้านมึงเนี่ย” ผมลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดม่านส่องลงไปดูเห็นแลมเบอร์กินีสีดำจอดอยู่หน้าบ้านแล้วเจ้าของมันยืนพิงรถมองขึ้นมา
            “กูเริ่มจับเวลาละนะ” ผมกดตัดสาย วิ่งเข้าห้องน้ำไป สิบห้านาทีต่อมาผมก็ลงมายื่นอยู่ต่อหน้ามัน
            “เกินไปห้านาทีกะอีกสามสิบหกวิ” มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอยู่หลายรอบ
            “ใครใช้ให้มึงแต่งตัวซกมกขนาดนี้มาหากูวะ” เสื้อยืดกะเกงยีน ชาวบ้านเค้าใส่กันปกติกูซกมกตรงไหนวะ
            “ มานี่” ลีลากผมให้เดินตามมันเข้าไปในบ้านผม พี่กันที่ดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่นมองตามผมกกับมัน แต่ไอ้นี่ก็ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
            “หวัดดีครับพี่” แถมหันไปทักทายพี่ผมด้วยนะ พี่กันมองงงๆแต่ก็ไม่ทันได้ถามอะไร ลีก็ลากผมขึ้นมาจนถึงห้องแล้ว เชื่อแล้วว่าลิงจริงขนาดมีผมถ่วงแข้งถ่วงขามันยังลากขึ้นมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว
            ลีเปิดตู้เสื้อผ้าผมแล้วก็ต้องหรี่ตามอง ถอนหายใจแล้วหยิบเอากางเกงรัดรูปสีดำมาโยนใส่ผมแล้วบอกให้ไปเปลี่ยน ผมก็เลยเดินเข้าห้องน้ำไป
            รู้สึกว่าตัวเองจะผอมลงหรืออย่างไร กางเกงตัวนี้ตอนซื้อมาใหม่ๆมันยังพอดีตัวอยู่เลยตอนนี้รู้ลึกหลวมๆไงชอบกล
            “ดูดีขึ้นมาหน่อย” ว่าแล้วก็ถอดเสื้อกันหนาวสีดำของมันออกมาใส่ให้ผม แล้วก็พยักหน้าหงึกๆกับตัวเองคนแล้ว ไอ้หมอนี่ท่าจะหลอนข้างในใส่เสื้อแขนยาวอยู่แล้วยังจะใส่เสื้อกกันหนาวทับอีก ประเทศไทยไม่ได้มีหิมะซักหน่อย
            “มึงจะพากูไปไหนเนี่ย” ผมถามขณะเดินตามลีไปขึ้นรถ
            “ดูหนัง”
            “กูไม่ได้อยากดูซะหน่อย”
            “ก็กูอยากดู กูอยากให้มึงดูด้วย เพราะฉะนั้น อย่าพูดมาก” เออ ไอ้เผด็จการ จอมบงการ จอมบังคับ ถ้ากูสูงกว่านี้หน่อยนะ กูจะเตะแม่งให้ปลิวเลย!
            “มึงมีใบขับขี่แล้วเหรอ” ผมถาม ดูอายุมันก็ไม่น่ามีใบขับขี่แต่เสือกขับแลมมา
            “ถามโง่ๆ อายุกูถึงมั้นล่ะ” อ้าวไอ้นี่
            ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน….
            แลมเบอร์กินีสีดำเลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ลีเดินนำผมขึ้นไปดูโปรแกรมหนัง มันดูเรื่องฮอบบิท หนังฉายตอนสี่โมงครึ่ง อีกครึ่งชั่วโมง ผมนั่งรอมันซื้อตั๋วอยู่ก็หาวหวอดๆ นึกได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ท้องร้องจ้อกๆ
            ผมสะกิดลีมันทีหนึ่ง มันหันมามองแล้วถามว่ามีอะไร ผมก็บอกว่าหิวข้าว ลีพาผมเดินไปที่ศูนย์อาหารแล้วสั่งข้าวมากิน ผมที่หิวมากแล้วก็เลยสั่งเหมือนมัน
            “อ่ะแน้ คิดอะไรกะกูปะเนี่ย” แล้วลีมันก็เกิดอาการหลงตัวเองอีกครั้ง ผมมองมันแว๊บนึงแล้วก้มหน้ากินต่อ ตอนนี้หิวมากไม่มีอารมณ์เถียงด้วยหรอก อยากคิดอะไรก็คิดไป
            “มึงเลี้ยงนะ” ผมบอก ลีพยักหน้า ผมก็เลยไปขอบัตรไปซื้อข้าวอีกจาน
            “กินเยอะขนาดนี้กูจะเอาตังค์ไหนมาเลี้ยงวะ” ลีมองผมแล้วพูด
            “อ้าว กูไม่ได้เอาตังค์มาอ่ะ” ผมเบ้ปาก ลีก็เลยยื่นมือมาลูบหัวผมแล้วพูดยิ้มๆแบบกวนตีนสุดๆ
            “น่าๆ กูก็แค่พูดเล่น กินเยอะๆดิ กูรู้สึกอยากกอดลูกหมูตงิดๆ” ผมเงยหน้ามองมัน ปากไม่ว่างเลยค้อนขวับ ลีหัวเราะร่าๆ
            “น่ะ ลูกหมูอยากกอดก็กอดดิ” ผมบุ้ยปากไปทางผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ลีหุบยิ้มถลึงตามองผม ผมเลยหัวเราะคืนบ้าง
 
[ Lee’s Part ]
            ผมมองไอ้กัสสวาปามข้าวผัดไปแล้วสามจาน แม่ง ตัวก็เล็กนิดเดียวกินเยอะยากกว่าผมอีกอ่ะ หลังจากกลืนข้าวคำสุดท้ายลงคอมันก็ดูดน้ำสไปรท์ที่ใช้ผมไปซื้อจนหมดแก้ว
            “อิ่มแล้ว” กัสพูดขึ้น มันยกมือเช็ดปาก มองผมตาปริบๆ ใกล้ได้เวลาหนังฉายแล้ว ผมเลยลากมันไปโรงหนัง สั่งป๊อปคอร์นกะน้ำโค้ก
            เราสองคนเดินเข้าโรงหนัง นั่งรอสักพักคนอื่นๆก็ทยอยกันเดินเข้ามา ที่นั่งของผมอยู่หลังสุด ทำไมน่ะเหรอ หึหึ เดี๋ยวก็รู้! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
            “ ลี ทำไมแถวเราไม่มีคนนั่งเลยวะ” แล้วกัสก็ถามขึ้น ผมก็บ่ายเบี่ยง บอกก็มันหลังสุดไม่มีใครอยากนั่งหรอก มันก็เชื่อแล้วไม่ถามต่อ แต่ความจริงแล้วที่ไม่มีใครนั่งน่ะ เพราะผมเหมาสองแถวหลังไว้หมดแล้วยังไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
            “ลี ทำไมแถวหน้าเราไม่มีใครนั่งเลยวะ” ไอ้เชี่ยนี่แม่งก็ขี้สงสัยจริง!
            “ กูจะไปรู้มั้ย”
            แล้วสักพักหนังก็เริ่มฉาย ผมนั่งดูไปได้สี่สิบนาที เห็นกัสกำลังตั้งอกตั้งใจดูก็ยิ้มชั่วร้ายแต่ดูดี (อั๊ย ก็คนมันหล่ออ่ะ) ก็ได้เวลาปฏิบัติตามแผน ผมอุตส่าคิดแผนตั้งครึ่งชั่วโมงแหน่ะขอบอก!
            “กัส” ผมกระซิบที่ข้างหูของมัน
            “หืม” เอ่อ มึงช่วยหันมาหน่อยดิ =_=
            “กัส” ผมกระซิบอีก แต่มันก็แค่ อื้ม มึงแม่ง ก็ได้วะ มึงไม่หันใช่มะ?
            ผมโน้มหน้าลงไปงับติ่งหูของไอ้กัส มันสะดุ้งแล้วหันมาทางผม ได้โอกาสกดจูบลงไป ผมบดขยี้เบาๆแล้วค่อยๆ แทรกลิ้นเข้าไปตวัดหยอกล้อมับลิ้นเล็กของกัส มันพลักอกผมแต่แรงแค่นี้ผมไม่สะเทือนหรอกขอบอก
            “อื้อ มึงทำเชี่ยไรวะ” ผมถอนจูบออก กัสเอียงหน้าหลบผมแล้วถามเสียงกระซิบ ผมโน้มตัวลงไปแล้วใช้มือขวาจับแก้มของมันไม่ให้หันหนี
            “อย่านะเว้ย” มันมีท่าทีขัดขืน ผมยิ้มชั่วร้ายแล้วบอก
            “เอาดิ ถ้ามึงอยากให้คนอื่นรู้ว่าเรากำลังทำไรกัน” กัสเม้มปากหน่อยๆ ผมรู้กัสมันขี้อาย มันไม่มีทางอยากให้คนอื่นเห็นเรื่องอย่างนี้หรอก ผมเลยประกบปากลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า มือของผมก็เริ่มอยู่ไม่สุข คลำนั่นคลำนี่ จนลงไปถึงกัสน้อย กัสสะดุ้งเฮือก แต่ด่าผมไม่ได้เพราะถูกจูบอยู่
            ผมลูบๆกัสน้อยจนมันเริ่มมีปฏิกิริยาสู้มือ ผมถอนจูบแล้วกดลงไปใหม่เมื่อกัสมันทำท่าว่าจะอ้าปากด่าผม ไม่มีทางซะหรอก มือผมปลดเข็มขัดออกแล้วล้วงมือเข้าไปทักทายกัสน้อย กัสตัวสั่นหน่อยๆ มือนึงพยายามดันตัวผมออก ส่วนอีกมือก็พยายามดึงมือผมออกจากจุดอ่อนไหว
            “อื้อ อย่านะ” กัสประท้วง เมื่อผมถอนจูบออก ผมปลดกระดุมกางเกงกัสรูดซิบลงงัดกัสน้อยออกมา กัสตาโต ผมปิดปากมันไว้แล้วพูดเสสียงดุ
            “มึงอยากให้คนแห่มาดูรึไง เงียบๆ หน่อย” ผมรูดมือขึ้นๆลงๆ กัสยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา ผมยิ้มชั่วร้าย ผมจับมือมันออกแล้วจูบมัน
            ผมถอนจูบออก นั่งคุกเข่าลงกัสยกมือขึ้นปิดปากส่ายหน้าหน่อยๆแต่ก็ไม่ช่วยอะไร ผมใช้ลิ้นแตะๆที่ปลายกัสน้อย แล้วอมรูดขึ้นลง แล้วงับเบาๆ กัสตัวสั่นดันหัวผมออก แต่ผมมึน รูดต่อ
            ให้ตายเหอะ ลีน้อยของผมมันผงกหัวขึ้นมาแล้วอ่ะ ตอนคิดแผนก็ไม่ได้คิดเผื่อไว้ซะด้วยสิ คิดไปเพลินๆ กัสน้ยก็กระตุกหน่อย พ่นน้ำออกมาใส่ปากผม ผมกลืนทั้งหมด หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปากแล้วก็กัสน้อยจนสะอาดก็เก้บกลับเข้าที่เดิม
            “กัส” ผมนั่งลงที่เดิมแล้วเรียกมัน มันหันหน้ามามอง น้ำตาคลอเบ้า ผมสะอึก กะลังจะบอกให้มันช่วยลีน้อยหน่อย แต่ก็ทำไม่ลงแล้ว
            “เอ่อ กัส” ผมอุ้มกัสขึ้นมาบนตัก กอดมันจากด้านหลังแล้วซุกหน้าลงบนต้นคอขาวเนียนของมัน
            “อย่าร้องนะครับ” ผมพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน กัสยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วยังเงียบ ผมเริ่มใจไม่ดีละ รึผมจะทำแรงไป ไม่นะ กัส อย่าโกรธกูนะ!
            “กัสจังครับ ลีขอโทษน อย่าโกรธลีน๊า นะนะ” ผมยังพูดต่อ แต่มันก็ยังคงเงียบ สะอื้นหน่อยๆ ผมรู้สึกผิดในใจ สมอง! ไม่น่าคิดอะไรยังงี้เลย!
[ End Lee’s Part ]

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา