Love Survivor ผจญร้ายผจญรัก

-

เขียนโดย ZombieZee

วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.49 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,709 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557 15.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) :::: Episode 1 :::: Apartment of the Dead

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Episode 1

- Apartment of the Dead -

           

          ลานจอดรถ...            

          “แกช่วยเข้าไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะนะๆๆ ขอร้องเลย ฉันยอมกราบแทบเท้าแกต่อหน้าทุกคนเลย! T_T” นั่นเป็นเสียงของเพื่อนสาวสุดที่รัก (รักมากก็อย่างจะเกลียดมันมากๆ เลยทีเดียว) อ้อนวอนฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว...            

          “ฉันไม่เห็นว่ามันจำเป็นตรงไหนที่ต้องเข้าไปข้างในสักหน่อย และอีกอย่าง...จะอ้อนวอนฉันก็ไม่ขัดแกหรอก!”

          “โหย~T_T แกจะทำร้ายฉันจริงๆ เลย แค่ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ ขอแป๊บเดียวเอง นะๆ เพื่อนของฉันมันรออยู่ข้างในแล้ว!”            

          “เพื่อนของแกอีกคน(ฉันเอง)ก็ไม่อยากเข้าไป และไม่เข้าใจว่างานวันเกิดเพื่อนของเพื่อนของแก จะลากฉันไปทำไมกัน”            

          “ได้โปรดเถอะนะๆๆ TOT” ยัยพลอยจะร้องไห้ออกมาแน่ๆ ถ้าฉันยังไม่ยอมเข้าไปข้างในงานกับหล่อน ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่างานวันเกิดเพื่อนของเพื่อนแล้วทำไมพวกนั้นถึงต้องเชิญฉันไปร่วมฉลองอวยชัยด้วยมิทราบ -_-; แต่บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญที่สุดและฉันรู้สึกไม่พอใจก็คืออพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ได้สร้างความเจ็บปวดอันแสนสาหัสให้กับฉัน และฉันไม่ต้องการอยากรับรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการจะลืม ฉันต้องการจะลืมมันไปซะ!           

          “ลูกโป่ง...อย่าบอกว่าแกยังไม่ลืมเรื่องราวที่...”            

          “ห้ามพูดเด็ดขาด! เป็นอันว่าฉันจะเข้าไปกับแก เพราะพรุ่งนี้ฉันก็ต้องบินไปปารีส และคงไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับที่นี่อีกแล้ว...” ประโยคหลังฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อุตส่าห์ทำใจไม่คิดแล้วเชียว ความทรงจำบ้าๆ!!!            

          “ดีเลย! ฉันถือซะว่ามาฉลองที่แกได้งานทำที่ปารีสเลยดีกว่า สนุกๆ กันดีกว่า ^^” พลอยพูดปลอบขึ้นมา แบบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องราวให้ปวดหัว    

          “พลอย...บางทีแกชอบลืมนะ”            

          “ฉันลืมอะไรอีกเหรอ” พลอยทำหน้างง ฉันว่าคงลืมอะไรสำคัญบางอย่างไปอีกแล้วล่ะ

          “ฉันเกลียดปาร์ตี้!”            

          “TTOTT” ยัยพลอย...ถ้าแกจะทำหน้าแบบนั้น ขอแนะนำให้ร้องออกมาเถอะ ไม่ต่างอะไรกันเลย -___-;            

          สักพักฉันกับพลอยก็ขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดของอาร์ตเม้นท์ คือชั้น 21 พร้อมกับแขกคนอื่นๆ ของยัยนั่น (เจ้าของงานวันเกิด) ด้วยสามคน อืม...รู้สึกคุ้นๆ กับหมายเลขชั้นนี้นะ ฉันเคยมาที่นี่ด้วยแต่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วล่ะ สำหรับเวลานี้การอยู่ในที่ที่มีแต่ผู้คนเยอะแยะเต็มไปหมด และพวกเขาต่างก็กำลังดิ้นทุรนทุรายกัน อย่างกับโดนน้ำร้อนสาดใส่ด้วยความสนุกสุดเหวี่ยง ขอบอกเลยฉันไม่ชอบอยู่ในที่แออัด...ทำให้รู้สึกอยากจะอ้วก!           

          ยัยพลอยจูงมือฉันพามาเดินหายัยเจ้าของงานวันเกิดสุดแสนจะงี่เง่า ที่ไม่รู้ว่าเอาหัวของตัวเองไปมุดไว้ที่ไหนสักแห่ง ฉันมองสำรวจพบว่าภายในห้องกว้างพอสมควร บรรจุคนได้เกือบ 70 คนเลยทีเดียว (ประมาณเอาเอง) ในที่สุดก็เห็น...ยัยนั่น! หล่อนกำลังยืนเต้นโยกย้ายด้วยจังหวะเพี้ยนของหล่อนแบบว่ารั่วมั่วมาก แถมอีกมือยังถือแก้วเบียร์อีกต่างหาก หล่อนเมาแบบบ้าๆ จริงๆ -__-;

          “อ๊า! เบบี้” หล่อนเห็นพวกเราทันที เพราะว่ายัยพลอยตัวดีนั่นแหละ! กระโดดกวักไม้กวักมือเรียกคนหมดสติอย่างยัยนี่!            

          “อ๊ายยย~ เบิร์ดเดย์นะคะเพื่อน มีความสุขมากๆ เลยนะ แต่ฉันว่าเธอคงได้มากเกินไปแล้วนะ ฮ่าๆ :D” แหงสิเมาแทบหัวจะทิ่มกับพื้นอยู่แล้ว            

          “ขอบใจจ้ะ! หาที่นั่งกันเอาเองเลยนะ ส่วนเครื่องดื่มก็บริการตัวเองเลยค้า เอิ๊กกก~ เดี๋ยวฉันตามไปนะ อ๋อยยย~ มึนหัว @_@” และหล่อนก็เดินโซซัดโซเซไปทางระเบียง จากนั้นเพื่อนอีกคนที่ชวนยัยพลอยมาก็เดินเข้ามาทักทายพวกเรา            

          “อ้าว! นึกว่าพลอยจะไม่มาซะอีกนะ ^^” นายนั่นทักทายยัยพลอย และหันมายิ้มให้ฉันด้วย - -*            

          “สวัสดีไกด์! ^^ แหม...นายโทรเรียกฉันมานี่นา ฉันก็ต้องมาสิว่าแต่...เลโอไม่มาด้วยเหรอ” พูดจบก็หันมาองหาใหญ่เลย ‘เลโอ’ คือคนที่พลอยแอบชอบมานานมากๆ ตั้งแต่สมัย ม.ปลาย จนป่านนี้ก็ยังไม่เลิกชอบเลย สงสัยที่มางานคงเป็นเพราะคิดว่าเลโอจะมาด้วยแน่ๆ ร้ายกาจ!-_-^

          “มันไม่ว่างมาหรอก บ้าทำงานเกินไป”            

          “งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก นายจะทำอะไรก็ตามสบายเลย เดี๋ยวฉันจะอยู่กับลูกโป่งเอง”

          “ตามนั้นเลย...สักพักแขกคนสำคัญก็กำลังจะมาแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ บาย^^”

          “บาย ^^”            

          และหมอนั่นก็หายเข้าไปในกลุ่มผู้คนที่กำลังดีดดิ้น เราเลี่ยงมาอยู่กันตรงมุมภายในสุดของห้อง บริเวณนี้มืดหน่อยๆ ที่จริงมันก็ไม่มืดสักนิดแต่เสียงดังน้อยกว่าส่วนอื่นๆ -_-; สักพักพลอยก็เอาเครื่องดื่มมาให้พร้อมกับน้ำเปล่า ฉันขอเองแหละเพราะไม่อยากจะดื่มพวกแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่ ฉันมองไปรอบๆ สายตาก็ไปสะดุดกับกรอบรูปเปลือกหอยทะเล ฉันรู้สึกคุ้นๆ และคุ้นมากๆ เลยด้วย เหมือนกับว่ามันเคยเป็นของฉันมาก่อน ฉันกะว่าจะลุกขึ้นไปหยิบมาดู แต่ดันมีคนมาขัดจังหวะซะก่อน!

          ยัยเจ้าของงานนั่นเอง!            

          “หาตัวเจอซะที...พวกเธออยู่นี่เอง! ฮ่าๆ :D” หล่อนตามมาจริงๆ ด้วย ฉันนึกว่าจะตกตึกตายไปแล้ว -_-^            

          “เพนกวิน ทำไมเธออยากให้ลูกโป่งมางานนี้ด้วยล่ะ” ยัยพลอยถามด้วยความสงสัย ซึ่งฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย            

          แต่สายตาของยัยเพนกวินมองมาที่ฉันด้วยความรู้สึกแบบว่ามีแผนการอะไรสักอย่าง แล้วหล่อนก็ยิ้มหัวเราะด้วยความเมา ฉันเลยมองกลับไปด้วยสายตาพิฆาตเล็กน้อย -_-            

          “แหมๆ แค่ฉันอยากให้ลูกโป่งเจอกับใครบางคนก่อนที่เธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วไง ^^” หล่อนยิ้มกลับมาให้ฉันด้วยความเจ้าเล่ห์ ฉันเริ่มเกลียดยัยเพนกวินขี้เมามากขึ้นแล้วนะ!

          “ทำไมฉันต้องเจอกับคนที่เธอพูดถึงด้วย” ฉันตอบกลับทันทีด้วยความโมโห ยัยนี่เล่นลิ้นเกินไปแล้วนะ!            

          “เอ่อ...ลูกโป่ง” ยัยพลอยที่นั่งเงียบอยู่กำลังจะพูดบางอย่าง แต่ยัยนั่นขัดขึ้นซะก่อน

          “เขากำลังจะมาถึงแล้วขอไปเตรียมตัวต้อนรับก่อนนะจ้ะ อ้อ! แล้วอย่าเพิ่งรีบหนีไปไหนด้วยนะ อิอิ” หล่อนยิ้มเยาะแล้วก็เดินสะบัดก้นออกไป จะมากเกินไปแล้วนะ!            

          ฉันได้แต่นั่งหัวเสียมาหลายนาที เหลืออีกแค่ประมาณสิบห้านาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว แถมยัยเพนกวินบอกว่าจะเป่าเค้กกันตอนเที่ยงคืนพร้อมกับแขกคนสำคัญ ฉันล่ะรอเวลาที่จะปาเค้กใส่หน้ายัยนั่นไม่ไหวแล้ว! เมื่อไหร่คนคนนั้นมันจะถึงสักทีฉันจะได้รีบกลับบ้าน อยากจะนอนเต็มทน!           อ๊อด!            

          สักพักเสียงออดหน้าประตูห้องก็ดังขึ้น ครู่หนึ่งประตูก็ถูกเปิดเข้ามาปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างสูง ฉันกับยัยพลอยต่างพากันยื่นมอง แต่ฉันมองเห็นไม่ค่อยชัดหรอกนะเพราะอยู่ไกลกันมากเลยทีเดียว เขาปิดประตูยังไม่ทันจะสนิทอะไรเลย ยัยเพนกวินนั่นก็โผล่มาจากไหนไม่รู้กระโดดเข้าสวมกอดอย่างทันที (รีบเหรอ) ดีนะที่หมอนั่นตัวสูงใหญ่ไม่งั้นล้มไปด้วยกันทั้งคู่แล้ว -_-

          “อ๊าย! ดีใจจังเลยที่คุณมาด้วย ทุกคน! ฉันขอต้อนรับแขกคนสำคัญเลยละกัน เขาเพิ่งบินกลับมาจากอเมริกาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง ‘เฟียร์ส’ แฟนของฉันเองค่ะ! ^^” ทุกคนในงานต่างปรบมือให้กับแฟนของยัยนั่นกันลั่นห้อง เหอะ! กับอีแค่แฟนคนเดียวทำไมต้องเอามาอวดด้วย ยัยนั่นลากแฟนของหล่อนตรงมายังพวกฉันสองคน แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายของนายเฟียร์ส...มันกำลังกรีดรอดแผลในหัวใจของฉันอย่างช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตมองมาราวกับกำลังทุบบดขยี้ความรู้สึกที่แสนเจ็บปวดภายในใจ ตอนนี้ร่างกายฉันแข็งทื่อไปหมดเหมือนคนใกล้ตาย ใบหน้าซีดเซียว ฉันหันไปมองยัยพลอย หล่อนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน!            

          “เฟียร์ส...นี่นายคบกับเพนกวินเหรอ” ยัยพลอยถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด...ฉันก็เหมือนกัน            

          “จริงสิจ้ะ พวกเธอไม่เชื่อฉันเหรอ เฟียร์สจ๋า...บอกพวกเธอไปเลยว่าเราคบกันอยู่สิคะ ^^” ใบหน้าของยัยนั่นยิ้มเย้ยด้วยความมีชัยชนะ!            

          “ใช่...ฉันคบกับเพนกวิน” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา เหมือนกับไม่อยากจะพูดด้วยซ้ำ ดวงตาของเขายังจ้องมองที่ฉันอยู่ ฉันรู้เหตุผลแล้วทำไมยัยเพนกวินถึงอยากให้ฉันมางานด้วยนักหนา อยากจะเดินนี้ไปจากตรงนี้ซะจริงๆ ไปให้ไกลเลยด้วย!!!            

          “ลูกโป่ง...” เขาเรียกชื่อของฉัน แต่ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไร เพราะไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นสักนิด เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำแทนเพื่อหลีกเลี่ยงทุกคำพูดของเขา! ฉันไม่อยากจะได้ยิน!

          ฉันเดินมายังห้องน้ำ แต่ดีที่มีกำแพงกั้นเป็นทางเดินไว้ด้วย ตอนนี้ก็ไม่ได้ยินเสียงเพลงแล้ว ทุกอย่างเงียบสงบราวกับว่ามีฉันอยู่แค่คนเดียว แต่น้ำตาของฉันมันจะไหลอยู่แล้ว! ฉันจะร้องไห้ทำไมกันเหรอ? ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว...ลืมมันไปซะเถอะ ฉันบอกกับตัวเองก่อนจะล้างหน้าล้างตาให้ดูสดชื่นขึ้นหน่อย พอกำลังเปิดประตูจะเดินออกไป เฟียร์สก็เดินตรงมายังฉันทันทีและเขาก็ผลักให้ฉันกลับเข้าไปข้างในห้องน้ำพร้อมกับเขา!            

          ไม่อยากจะอยู่ใกล้เลย ให้ตายสิ...ฉันรังเกียจ!            

          “ลูกโป่ง...” เขาเรียกชื่อฉันและจ้องมองมายังใบหน้าที่ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกสะท้านอะไรแล้ว แต่เป็นความเกลียดชังขึ้นมาแทน!            

          “ทำไม!” ฉันถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ฉันอยากออกไปจังเลย!            

          “ฉันไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ ฉันแค่...”            

          “หยุดพูดได้แล้ว! จะอธิบายไปทำไมกัน...ฉันขอหรือเปล่า”            

          “...” เขาเงียบไปไม่พูดอะไร ก็ดีฉันจะได้ออกไปสักที!            

          “ขอทางด้วย ฉันจะออกไป” เขาหลีกทางให้ฉันเขาไม่โต้ตอบหรือทำอะไรสักอย่าง ฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว            

          ตึงงง!!! พรึบ!            

          ฉันกำลังจะจับลูกบิดประตูเปิดออกไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง ไม่สิทั้งตึกเลยต่างหาก จึงทำให้ฉันล้มลงไปชนกับเขาพอดี แล้วจากนั้นไฟในห้องก็ดับมืดสนิททันที!

          “ลูกโป่ง! เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามขึ้นในความมืดในขณะที่เขาพยุงตัวฉันไว้อยู่

          “ปล่อยฉันนะ! อย่ามายุ่ง!” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจใน ขณะที่มือก็คลำหาลูกบิดประตูในความมืดอยู่เช่นกัน โอ๊ย! เกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย ฉันไม่อยากอยู่ใกล้หมอนี่เลย!            

          ตึงงง!!! ตึงงง!!!            

          เสียงสะเทือนยังคงดังไปทั่วตึกหลายต่อหลายรอบ จนร่างกายของเราจะยืนแทบไม่ได้อยู่แล้ว ภายในห้องน้ำก็ยังมืดและมองไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่น้อยเลย...            

          ...            

          ......            

          .........            

          ตอนนี้เสียงเงียบไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับว่าหยุดนิ่งมาก และไฟก็ยังคงไม่ติดเหมือนเดิม ในใจฉันเริ่มกลัวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ฉันไม่รู้ว่านี่มันเรื่องตลกอะไรกันแน่? พรุ่งนี้ฉันก็ต้องบินไปฝรั่งเศสแล้วด้วย และฉันเป็นห่วงยัยพลอยเหลือเกินป่านนี้เป็นยังไงบ้างนะ จะได้รับอันตรายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันคลำหาลูกบิดต่อไปเรื่อยๆ จนเจอและเปิดมันออกจากนั้นก็ลุกขึ้นมาโดยที่เฟียร์สช่วยพยุงขึ้นด้วยอีกแรง ไม่อยากให้แตะเนื้อต้องตัวเลย (แต่มันจำเป็นจริงๆ)            

          “เธอโอเคนะ”            

          “ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง!”            

          “ก็ฉันเป็นห่วง...”            

          “เรื่องของนาย...ออกไปสักทีเถอะ!”            

          เราเดินออกโดยการคลำหากำแพงหรือสิ่งของที่พอจะนำทางเราได้ (รู้สึกเหมือนคนสายตาพิการเลย...ลำบากจริงๆ) ทางข้างหน้าประมาณไม่กี่ฟุต แสงจากไฟฉายส่องกระทบแก้วน้ำสะท้อนให้เห็นว่าผู้คนภายในห้องต่างหายไปกันหมด! ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตใดๆ เลยสักนิดเดียว!            

          “ทุกคน! ทุกคนหายไปไหนกันหมด! พลอย!!!” ฉันตะโกนเรียกยัยพลอยเผื่อว่าเธอจะยังอยู่ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเลย เงียบมาก...พวกเขาหายไปไหนกันหมด!            

          “เฮ้! อย่าเล่นอย่างนี้สิไม่ตลกเลยนะ เพนกวิน!!! ทุกคน!!!” และไร้เสียงตอบรับอีกเช่นเคย เกิดอะไรขึ้นนะ? ฉันเดินไปหยิบไฟฉายขึ้นมาแล้วส่องมันไปรอบๆ ห้อง มันว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เลย แสงไฟฉายส่องไปกระทบกับกรอบรูปใบนั้น รูปที่เฟียร์สถ่ายคู่กับฉัน! นี่มันห้องเก่าของหมอนั่นแต่เขาก็ย้ายออกไปหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ แต่ทำไม! ทำไม! กรอบรูปพวกนี้ถึงมาตั้งอยู่ตรงนี้ไปได้!            

          “นี่มันห้องเก่าของนายใช่มั้ย!” ฉันถามพร้อมกับส่องไฟใส่หน้าเขา -_-            

          “ใช่...ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ย้ายออก และเมื่อเดือนกว่าๆ เพนกวินก็ย้ายมาอยู่ที่นี่...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเกรงว่าฉันจะไม่พอใจสินะ!            

          “แล้วกรอบรูปนั้นมาตั้งอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!” ฉันถามด้วยความสงสัย หลายปีไปแล้วรูปพวกนี้มันคงไม่อยู่นี่มาตลอดหรอกนะ หรือใครกำลังเล่นตลกกันแน่!            

          “ฉันก็ไม่รู้” หลังจากที่เขาพูดจบฉันก็ได้ยินเสียง มันเสียงจากข้างนอกห้องแถวๆ ระเบียง ฉันเลยวิ่งตรงไปยังหน้าต่างทันที แต่ก็พบว่ามันถูกปิดตายด้วยอะไรสักอย่างจากข้างนอก! พระเจ้า! มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!            

          “เราถูกขัง!” มันต้องเป็นเรื่องล้อเล่นแน่ๆ ฉันไม่ได้อยู่ในหนังสยองสักหน่อย!            

          “เป็นไม่ได้แน่ๆ ใครกันมันกล้าทำกับพวกเราแบบนี้!!!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวขึ้นมา เขาก็ขอไฟฉายฉันและก็จูงมือพาฉันไปยังประตูเพื่อที่จะออกไปจากห้องนี้ แต่มันล็อก! เป็นไปได้ยังไงกัน!            

          ทำไมเราถูกตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่าง!            

          “ฉันว่ามันแปลกๆ เกินไปแล้ว ใครบางคนกำลังเล่นตลกกับเราทั้งคู่อยู่แน่ๆ เลย!” เขาพูดด้วยหลักการ ฉันว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ (เห็นด้วยครั้งแรก) ตั้งแต่เสียงประหลาดๆ นั่นดังขึ้นหลายรอบ ไฟก็มาดับและผู้คนต่างก็พากันหายไปกันหมดรวมทั้งยัยพลอยด้วยคน แถมยังถูกปิดกั้นจากภายนอกอีก มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว!            

          “เราจะทำยังไงกันต่อ ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่!” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงกับพื้น หมดหนทางแล้วเหรอ อยากจะร้องไห้...(เพราะว่าต้องอยู่กับอีตาบ้านี่ เกลียดๆๆๆ)            

          “ฉันจะพาเธอออกไปให้ได้แน่...” เขาเงียบไปสักพักแล้วก็พูดต่อ “เธอยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้นอีกเหรอ...ลูกโป่ง” พูดจบก็เดินเข้ามาหาฉัน ยังกล้ามาถามฉันนะ!            

          “ฉันไม่มีวันลืมเรื่องที่นายทำกับฉันได้หรอก!!!” ฉันตวาดกลับทันที“นายจะบ้าหรือไง นายคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ คิดว่ามันสมควรจะให้อภัยนายได้อีกเหรอ!!!” นึกถึงเรื่องพวกนี้ทีไรเหมือนกับว่าน้ำตาจะไหลทุกทีเลย บ้าเอ๊ย!             “

          ฉัน...ขอโทษ”            

          “ต่อให้นายพูดเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ก็ไม่สามารถรักษาได้หรอก!!”            

          พรึบ!            

          ไฟติดแล้ว! ขอบคุณพระเจ้า! ฉันเลิกสนใจคนตรงหน้าทันที แล้วลุกขึ้นเดินยังไปยังประตูเพื่อเปิดมันออกอีกครั้ง ไม่ว่าจะดึงจะทุบหรือดันให้ตาย แต่ก็ไม่เป็นผลเลยแถมยังเจ็บมืออีกต่างหาก! เมื่อไหร่เรื่องบ้าพวกนี้จะจบลงสักทีนะ! -___-^            

          “โอ๊ย! บ้าเอ๊ย!” ฉันสุดจะทนแล้วนะ!            

          “เธอเป็นอะไรมากมั้ย!” เห็นฉันร้องโวยวายก็ลุกมาทันทีเลยนะ!            

          “ไม่ต้องยุ่งเลย!”            

          “ตามใจแล้วกัน...ดื้ออยู่ได้ “            

          “หยุดว่าฉันนะ!”            

          “หรือไม่จริง เรานี่นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ฮ่ะๆ” อีตาบ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้ พอๆ เลิกคิดเลิกสนใจดีกว่า -___-///            

          แก๊ก!            

          ฉันเผลอเอามือไปจับลูกบิดประตู (จริงๆ ก็จะพยายามเปิดให้ได้) และมันก็สามารถเปิดออกแล้ว!            

          “ประตูเปิดได้แล้ว!”            

          “เราออกไปข้างนอกกันเถอะ”

          ฉันเดินออกมาอยู่ข้างหน้าประตูแล้ว บรรยายการมันชวนให้นึกถึงพวกบ้านร้างบ้านผีสิงเหมือนกับในหนังสยองขวัญเลย บรรยากาศเงียบมากจนน่ากลัว ปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆ ยกเว้นเราสองคนเท่านั้น ไฟก็ดับๆ ติดๆ สลับดวงกันไปทางเดิน พระเจ้า!            

          “มันแปลกๆ” เขาบอก            

          “ฉันว่ามันน่ากลัว...ลิฟต์จะยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า รีบไปกันเถอะ!”            

          ฉันกับเขา (เวลาคับขันแบบนี้ต้องสมานฉันกันเอาไว้ก่อน) เดินตรงไปยังลิฟต์ แต่ห้องที่เราอยู่มันดันเป็นห้องถัดจากห้องด้านในสุด ซึ่งแต่ละชั้นคั่นกลางด้วยลิฟต์ส่วนด้านตรงข้ามคือบันไดสองตัวคั่นฝั่งละสิบเอ็ดห้อง และกว่าจะไปถึงลิฟต์ก็ไกลพอสมควร บรรยากาศก็เปลี่ยวและวังเวงเหลือเกิน...อากาศเย็นจริงๆ            

          “มันไม่เปิดใช้งาน” เขาบอกด้วยความผิดหวัง            

          “อะไรกัน! ฉันไม่เดินลงบันไดหรอกนะ!” จะบ้าหรือไงตึกมันสูงตั้ง 21 ชั้นเลยนะ จะให้เดินลงไปเนี้ยะ เหนื่อยตายกันพอดี!            

          “ฉันเดาว่าถึงเราลงไปข้างล่าง ก็คงไม่มีทางไหนที่จะออกไปข้างนอกได้หรอก และไม่รู้ว่าเราจะเจอกับอะไรอีก” สิ่งที่เขาพูดก็น่าเป็นไปได้นะ เราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและอะไรจะเกิดขึ้นตามมาด้วย!            

          “นายพูดถึงอะไร”            

          “ฉันหมายความว่าผู้คนภายในตึกนี้คงไม่มีใครอยู่กันแล้ว ขนาดพวกนั้นยังหายไปกันหมดเลย” มันก็จริงอย่างที่เขาพูด            

           “แล้วจะเอายังต่อล่ะ คงไม่มีใครมาช่วยเราได้หรอก” ฉันอย่างหมดความหวัง...เขาหยิบมือถืออกมาจากกระเป๋า ใช่! ลืมไปเลย แต่ขอร้องว่าอย่าเป็นแบบในหนังสยองขวัญเลย ไอ้สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเนี่ย!            

          “ไม่มีสัญญาณ” นั่นไง            

          “ของฉันก็ด้วย ซวยของแท้เลย”            

          กร๊าซซซซซ!!!            

          เสียงร้องตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งตึก! นั่นมันเสียงอะไรกัน!            

          “เสียงนั่นอยู่ด้านล่างของเรานี่เอง ฉันว่าเราลงไปดูเถอะเผื่อเราจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้”            

          “แต่ฉันว่ามันแปลกนะ นายไม่แปลกใจหน่อยเหรอว่าทำไมเสียงมันเป็นอย่างนั้น”             “ไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง” ฉันขอบอกเลยว่าบรรยากาศมันเย็นและเงียบสงัดจริงๆ วังเวงด้วย ยิ่งเสียงที่เราได้ยิ่งมันดังชัดเจนมากจนน่ากลัวเลยทีเดียว            

          กร๊าซซซซซ!!!            

          ขณะที่เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาเสียงนั่นยังคงดังขึ้นอีกแต่ไม่ได้ดังแค่ครั้งเดียว แต่มันดังหลายครั้งเลยต่างหากเหมือนกับว่าพวกเขามีกันเยอะมากเลยทีเดียว และเรามาหยุดอยู่ชั้นที่ 18

          “เงียบไปแล้ว” เขาบอกพร้อมกับเงี่ยหูฟังไปด้วย            

          “มันทำให้ฉันผวามากกว่าเดิม!”            

          ตึกๆๆๆ ตึกๆๆๆ            

          เสียงฝีเท้าวิ่งไปวิ่งมาบนพื้น เสียงมันดังจนได้ยินชัดเจนเลย เหมือนกับว่าพวกเขาอยู่บริเวณนี้กัน เราเดินลงมาจนสุดขั้นบันไดแล้วก้าวออกมาดูยังทางเดิน ชั้นนี้เหลือไฟเพียงแค่หลอดเดียวแค่ตรงทางหนีไฟฝั่งทางขวามือ ส่วนเสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆ ตรงมายังพวกเราจากทางฝั่งซ้าย แสงไฟกระพบดับๆ ติดๆทำให้เห็นภาพของพวกเขาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก ฉันพยายามสังเกตดีๆ แต่ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่ใช่คน!!!

          พวกเขาทำให้ฉันนึกถึงหนังสยองขวัญขนพองสยองเกล้าเรื่องหนึ่ง...ที่ฉันชอบมากๆ 

          “นะ! นาย!!! พวกนั้นไม่ใช่คนนะ เนื้อตัวเขาเปื้อนเลือดเต็มไปหมด! ฉันว่าเราหนีกันเถอะ!”            

          “หา! จริงด้วย! พวกเขาเป็นซอมบี้!!!”            

          กร๊าซซซซซ!!!            

          เห็นภาพอันน่าสยดสยองนั้น พวกเราวิ่งหนีลงทางบันไดขณะที่ซอมบี้กระหายเลือดจำนวนมากพวกนั้นวิ่งตามมาติดๆ ทางด้านหลัง ฉันไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับตัวเองเลยในชีวิต!

          …พระเจ้าโปรดคุ้มครองลูกด้วยเถิด!          

          ...โปรดช่วยพวกเราที!!!               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา