นักพเนจรหญิง เหมยหลง
7.3
เขียนโดย ขนมไหว้จันทร์
วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.43 น.
2 ตอน
1 วิจารณ์
4,805 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557 13.41 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ทายาทตะกูลหลัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "ย่ะ!"
ควับ!~ควับ
ร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดทะมัดทะแม่งสีดำมัดผมสีดำยาวสวยเป็นหางม้ามีผ้าบางๆสีดำปิดบังใบหน้าอยู่มองเห็นแต่เพียงดวงตากลมโตสีดำหน้าเกรงกรามเพียงเท่านั้นมือบางจับดาบไม้ฟาดไปมากลางอากาศอย่างหนักแน่นและเป็นจังหวะผิวสีขาวดุหิมะโดนแสงพระอาทิตย์อันร้อนแรงจนเป็นสีชมพูอ่อนฝ่าเท้าบางไร้รองเท้าเหยียบย้ำบนพื้นปูนที่บัดนี้ร้อนจัดเพราะแสงแดดแต่ร่างบางไม่สะทกสะท้านร่างบางหยุดการฟันดาบไม้กลางอากาศแล้วเดินมาที่ระเบียบทางเข้าบ้านหญิงสาวสองคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับร่างบางรีบเดินมาคุกเข่าตรงหน้าร่างบางหญิงสาวคนหนึ่งส่งถาดที่มีผ้าพืนเล็กๆให้ร่างบาง
"ขอบใจมาก" ร่างบางส่งเสียงหวานออกไปแล้วหยิบผ้าผืนเล็กนั้นมาซับเหงื่อและวางบนถาดและส่งดาบไม้ให้หญิงสาวอีกคนที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ข้างๆ
"คุณหนูเหมยหลงเลิกฝึกแล้วหรอเจ้าคะ" เสียงหวานๆดังมาจากหญิงสาวรุ่นเดียวกันที่อยู่ในชุดแม่บ้านเดินมายืนข้างๆร่างบาง
"อืม แล้วมีอะไรหรอจิ้นอวี๋" คุณหนูเหมยหลงถามสาวใช้ส่วนตัวนามจิ้นอวี๋ที่ส่งน้ำให้ตนแล้วรับน้ำมาดื่ม
"นายท่านเรียนพบเจ้าคะ" เหมยหลงชะงัดแก้วน้ำที่กำลังดื่มแล้วส่งแก้วน้ำให้สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ
"อืม" เหมยหลงพูดเสร็จแล้วเดินผ่านสาวใช้และจิ้นอวี๋ไปที่ตำหนักกลาง
"เดี๋ยวก่อนนะเจ้าคะคุณหนูอย่าบอกนะเจ้าคะว่าจะไปชุดนี้" จิ้นอวี๋รีบเดินเร็วๆเพื่อให้ตามเหมยหลงทันและถาม
"ชุดนี้มันมีปัญหาตรงใหน" เหมยหลงหยุดเดินและถามจิ้นอวี๋ที่รีบเดินตามมา
"ก็ชุดนี้มันมีกลิ่นเหงื่อมันจะไม่งามนะเจ้าคะ" เหมยหลงถอนหายใจและเดินต่อไป
"จะไปชุดนี้จริงๆหรอเจ้าคะ" เหมยหลงถอนหายใจและหันหน้ามาหาจิ้นอวี๋
"มาถึงแล้วไปเปลี่ยนไม่ทันแล้วงามไม่งามช่างมัน" เหมยหลงพูดแล้วเปิดประตูเข้าไป
เหมยหลงเดินมานั่งบนพื้นที่ปูพรมสีแดงที่มีชายชรานั่งอยู่อีกฝั่งโดยมีโต๊ะยาวกั้นขวางทางทั้งสองอยู่
"มีเรื่องด่วนอันใดรึท่านปู่" เหมยหลงมองหน้าของคนชราตรงหน้า
"เฮ้อออเจ้านี่ไม่เหมือนสตรีเลยเเม้แต่นิดเดียว" ชายชราบ่นออกมาเมื่อเห็นกิริยาท่าทางเหมือนบุรุตของหลานรัก
"แล้วทุกวันนี้เลี้ยงข้าให้อยู่กินเหมือนสตรีอยู่หรือนู้นนี้ก็จับดาบจับธนูจนมือข้าหยาบไปหมดแล้วใหนจะปีนกำแพงกระโดดหน้าผาอีกเฮอะ!" เหมยหลงบ่นออกมายาวเหยียด
"ที่ข้าฝึกเจ้าให้เป็นดั่งทุกวันนี้เพราะเจ้าเป็นทายาทคนสุดท้ายของตะกูลเราตะกูลหลักของตะกูลปราบมารบราๆๆๆ"
"โอ๊ยยยท่านปู่ถ้าให้ข้าเลือกระหว่างฝึกแกว่งดาบไม้ไปมากลางแจ้งดีกว่ามาให้ท่านปู่มาร่ายประวัติของตะกูลเราอย่างนี้อีก" ผู้เป็นปู่ถอนหายใจออกมากับความดื้นรั้นของเหมยหลง
" เข้าเรื่องเถอะท่านปู่ข้าขอ"เหมยหลงตัดบทอย่างเหลืออด
กึก!
หินสีดำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีลวดลายมังกรสีทองสองตัวกำลังพันกันอยู่ตรงกลางหิน
"ก้อนหินสวยดีหนิท่านปู่"
โป๊ก!
"โอ๊ะเคาะหัวข้าทำไมเนี้ย!"ผู้เป็นปู่มองหลานสาวที่นั่งกุมศรีษะตัวเองน้ำตาคลอเบ้าแล้วส่ายหัว
"หินผลึกมาร" เมื่อเหมยหลงได้ยินก็เบิกตากว้างเมื่อผู้เป็นปู่เห็นท่าทางของหลานสาวก็ยิ้มอย่างพอใจและจิบชา
"หินผลึกมารหรอเนี้ย!....แล้วไงอ่ะ"
พรวดดด!
"แล้วไงหรอยัยเด็กบ้า!เจ้าไม่รู้ความหมายของการที่ข้าให้เจ้าดูรึไงกัน" เหมยหลงเงียบไปแล้วจ้อมมองหินก้อนนั้น
"รู้สิ...รู้ดีด้วย" เหมยหลงพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
"มันเป็นไปได้ยังไงกันข้าไม่เข้าใจ" เหมยหลงถามแล้วกัดขนมไหว้จันทร์ไปหนึ่งคำ
"ผลึกมารถูกทำลายแล้ว"
" อันนี้ข้ารู้" ผู้เป็นปู่จิกตาบอกเหมยหลงว่า'อย่างขัดเซ่'อะไรประมาณนั้น
"ตามตำนานบรรพบุรุตของเราบอกมาว่าแก้วผลึกมารไม่มีวันถูกทำลายแต่มันไม่จริง...ความจริงเเล้วแก้วผลึกมารนั้นสามารถคงอยู่ได้เพียงแค่2000ปีเท่านั้น...นี่แหละเหตุผลที่ต้องฝึกสอนลูกหลานต่อๆมาเพื่อรอเวลา...ที่ผลึกจะถูกทำลาย"
"อืม..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้หินนี่แหละ"เหมยหลงถามแล้วจิบชา
โป๊ก!
"โอ๊ยยอะไรอีกล่ะท่านปู่" เหมยหลงกุมหน้าผากที่เริ่มปูดขึ้นมานึดๆอย่างเคืองๆ
"ใหนเจ้าบอกว่ารู้แล้วไงล่ะ"ผู้เป็นปู่มองหลานสาวที่ทำปากขมุบขมิบแบบว่า
'ข้าก็พูดไปงั้นแหละ'
"ถึงเวลาแล้วที่ผลึก...จะถูกเปลี่ยนมือ"บรรยากาศเริ่มเครียดขึ้นอีกครั้ง
เหมยหลงขมวดคิ้วแล้วจิบน้ำชา
"แบบว่า...ยังไงอ่ะ"
"เฮ้ออเจ้านี่เนอะ...ก็อย่างที่ข้าได้บอกเจ้านั้นแหละวันนี้เป็นวันที่ผลึกถูกทำลายข้าก็แก่มากแล้ว"
"รู้ตัวด้วยหรอ" เหมยหลงพูดออกมาเบาๆ
"ข้าได้ยินนะ...เฮ้ออข้าน่ะแก่มากแล้วไม่มีแรงพอที่จะไปสู้รบปรบมือกับพวกปิศาจหรอกนะ หินนี่น่ะตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นแล้วเปลี่ยนมีมานับไม่ท้วน และวันนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนมืออีกครั้ง
เหมยหลงเจ้าน่ะ เป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
ความหวังของตะกูลอยู่ที่เจ้า
หินนี่เป็นของเจ้าแล้ว" ชายชราหยิบหินวางบนมือหลานสาวคนเดียวอย่างมีความหวัง
"เมื่อหินเปลี่ยนมือภาระกิจก็จะมา...ภาระกิจที่เจ้าได้รับมอบหมายคือ...จงออกตามหาทายาทตะกูลใหญ่,ตะกูลรอง,ตะกูลเล็กและตะกูลกลาง เพื่อมารวมตัวกันกำจัดจ้าวปิศาจ อ้อระหว่างทางก็กำจัดปิศาจไปพรางๆด้วยล่ะ"
"เดี๋ยวสิท่านปู่ปิศาจนี่มันออกมาง่ายขนาดนั้นเชียวหรอ" เหมยหลงถามอย่างสงสัย
"หิพวกปิศาจกับมารน่ะอยู่รอบตัวเจ้าเสมอเอาล่ะไปเก็บของอ้อพาจิ้นอวี๋ไปด้วยล่ะ" ชายชราโบกพัดสีเขียวอ่อนไล่เหมยหลง
เหมยหลงกำน่างอก่อนจะเก็บหินเข้ากระเป๋าแล้วยกจานขนมเดินออกไป
"เฮ้ยนั้นของว่างข้านะ"
ควับ!~ควับ
ร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดทะมัดทะแม่งสีดำมัดผมสีดำยาวสวยเป็นหางม้ามีผ้าบางๆสีดำปิดบังใบหน้าอยู่มองเห็นแต่เพียงดวงตากลมโตสีดำหน้าเกรงกรามเพียงเท่านั้นมือบางจับดาบไม้ฟาดไปมากลางอากาศอย่างหนักแน่นและเป็นจังหวะผิวสีขาวดุหิมะโดนแสงพระอาทิตย์อันร้อนแรงจนเป็นสีชมพูอ่อนฝ่าเท้าบางไร้รองเท้าเหยียบย้ำบนพื้นปูนที่บัดนี้ร้อนจัดเพราะแสงแดดแต่ร่างบางไม่สะทกสะท้านร่างบางหยุดการฟันดาบไม้กลางอากาศแล้วเดินมาที่ระเบียบทางเข้าบ้านหญิงสาวสองคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับร่างบางรีบเดินมาคุกเข่าตรงหน้าร่างบางหญิงสาวคนหนึ่งส่งถาดที่มีผ้าพืนเล็กๆให้ร่างบาง
"ขอบใจมาก" ร่างบางส่งเสียงหวานออกไปแล้วหยิบผ้าผืนเล็กนั้นมาซับเหงื่อและวางบนถาดและส่งดาบไม้ให้หญิงสาวอีกคนที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ข้างๆ
"คุณหนูเหมยหลงเลิกฝึกแล้วหรอเจ้าคะ" เสียงหวานๆดังมาจากหญิงสาวรุ่นเดียวกันที่อยู่ในชุดแม่บ้านเดินมายืนข้างๆร่างบาง
"อืม แล้วมีอะไรหรอจิ้นอวี๋" คุณหนูเหมยหลงถามสาวใช้ส่วนตัวนามจิ้นอวี๋ที่ส่งน้ำให้ตนแล้วรับน้ำมาดื่ม
"นายท่านเรียนพบเจ้าคะ" เหมยหลงชะงัดแก้วน้ำที่กำลังดื่มแล้วส่งแก้วน้ำให้สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ
"อืม" เหมยหลงพูดเสร็จแล้วเดินผ่านสาวใช้และจิ้นอวี๋ไปที่ตำหนักกลาง
"เดี๋ยวก่อนนะเจ้าคะคุณหนูอย่าบอกนะเจ้าคะว่าจะไปชุดนี้" จิ้นอวี๋รีบเดินเร็วๆเพื่อให้ตามเหมยหลงทันและถาม
"ชุดนี้มันมีปัญหาตรงใหน" เหมยหลงหยุดเดินและถามจิ้นอวี๋ที่รีบเดินตามมา
"ก็ชุดนี้มันมีกลิ่นเหงื่อมันจะไม่งามนะเจ้าคะ" เหมยหลงถอนหายใจและเดินต่อไป
"จะไปชุดนี้จริงๆหรอเจ้าคะ" เหมยหลงถอนหายใจและหันหน้ามาหาจิ้นอวี๋
"มาถึงแล้วไปเปลี่ยนไม่ทันแล้วงามไม่งามช่างมัน" เหมยหลงพูดแล้วเปิดประตูเข้าไป
เหมยหลงเดินมานั่งบนพื้นที่ปูพรมสีแดงที่มีชายชรานั่งอยู่อีกฝั่งโดยมีโต๊ะยาวกั้นขวางทางทั้งสองอยู่
"มีเรื่องด่วนอันใดรึท่านปู่" เหมยหลงมองหน้าของคนชราตรงหน้า
"เฮ้อออเจ้านี่ไม่เหมือนสตรีเลยเเม้แต่นิดเดียว" ชายชราบ่นออกมาเมื่อเห็นกิริยาท่าทางเหมือนบุรุตของหลานรัก
"แล้วทุกวันนี้เลี้ยงข้าให้อยู่กินเหมือนสตรีอยู่หรือนู้นนี้ก็จับดาบจับธนูจนมือข้าหยาบไปหมดแล้วใหนจะปีนกำแพงกระโดดหน้าผาอีกเฮอะ!" เหมยหลงบ่นออกมายาวเหยียด
"ที่ข้าฝึกเจ้าให้เป็นดั่งทุกวันนี้เพราะเจ้าเป็นทายาทคนสุดท้ายของตะกูลเราตะกูลหลักของตะกูลปราบมารบราๆๆๆ"
"โอ๊ยยยท่านปู่ถ้าให้ข้าเลือกระหว่างฝึกแกว่งดาบไม้ไปมากลางแจ้งดีกว่ามาให้ท่านปู่มาร่ายประวัติของตะกูลเราอย่างนี้อีก" ผู้เป็นปู่ถอนหายใจออกมากับความดื้นรั้นของเหมยหลง
" เข้าเรื่องเถอะท่านปู่ข้าขอ"เหมยหลงตัดบทอย่างเหลืออด
กึก!
หินสีดำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีลวดลายมังกรสีทองสองตัวกำลังพันกันอยู่ตรงกลางหิน
"ก้อนหินสวยดีหนิท่านปู่"
โป๊ก!
"โอ๊ะเคาะหัวข้าทำไมเนี้ย!"ผู้เป็นปู่มองหลานสาวที่นั่งกุมศรีษะตัวเองน้ำตาคลอเบ้าแล้วส่ายหัว
"หินผลึกมาร" เมื่อเหมยหลงได้ยินก็เบิกตากว้างเมื่อผู้เป็นปู่เห็นท่าทางของหลานสาวก็ยิ้มอย่างพอใจและจิบชา
"หินผลึกมารหรอเนี้ย!....แล้วไงอ่ะ"
พรวดดด!
"แล้วไงหรอยัยเด็กบ้า!เจ้าไม่รู้ความหมายของการที่ข้าให้เจ้าดูรึไงกัน" เหมยหลงเงียบไปแล้วจ้อมมองหินก้อนนั้น
"รู้สิ...รู้ดีด้วย" เหมยหลงพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
"มันเป็นไปได้ยังไงกันข้าไม่เข้าใจ" เหมยหลงถามแล้วกัดขนมไหว้จันทร์ไปหนึ่งคำ
"ผลึกมารถูกทำลายแล้ว"
" อันนี้ข้ารู้" ผู้เป็นปู่จิกตาบอกเหมยหลงว่า'อย่างขัดเซ่'อะไรประมาณนั้น
"ตามตำนานบรรพบุรุตของเราบอกมาว่าแก้วผลึกมารไม่มีวันถูกทำลายแต่มันไม่จริง...ความจริงเเล้วแก้วผลึกมารนั้นสามารถคงอยู่ได้เพียงแค่2000ปีเท่านั้น...นี่แหละเหตุผลที่ต้องฝึกสอนลูกหลานต่อๆมาเพื่อรอเวลา...ที่ผลึกจะถูกทำลาย"
"อืม..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้หินนี่แหละ"เหมยหลงถามแล้วจิบชา
โป๊ก!
"โอ๊ยยอะไรอีกล่ะท่านปู่" เหมยหลงกุมหน้าผากที่เริ่มปูดขึ้นมานึดๆอย่างเคืองๆ
"ใหนเจ้าบอกว่ารู้แล้วไงล่ะ"ผู้เป็นปู่มองหลานสาวที่ทำปากขมุบขมิบแบบว่า
'ข้าก็พูดไปงั้นแหละ'
"ถึงเวลาแล้วที่ผลึก...จะถูกเปลี่ยนมือ"บรรยากาศเริ่มเครียดขึ้นอีกครั้ง
เหมยหลงขมวดคิ้วแล้วจิบน้ำชา
"แบบว่า...ยังไงอ่ะ"
"เฮ้ออเจ้านี่เนอะ...ก็อย่างที่ข้าได้บอกเจ้านั้นแหละวันนี้เป็นวันที่ผลึกถูกทำลายข้าก็แก่มากแล้ว"
"รู้ตัวด้วยหรอ" เหมยหลงพูดออกมาเบาๆ
"ข้าได้ยินนะ...เฮ้ออข้าน่ะแก่มากแล้วไม่มีแรงพอที่จะไปสู้รบปรบมือกับพวกปิศาจหรอกนะ หินนี่น่ะตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นแล้วเปลี่ยนมีมานับไม่ท้วน และวันนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนมืออีกครั้ง
เหมยหลงเจ้าน่ะ เป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
ความหวังของตะกูลอยู่ที่เจ้า
หินนี่เป็นของเจ้าแล้ว" ชายชราหยิบหินวางบนมือหลานสาวคนเดียวอย่างมีความหวัง
"เมื่อหินเปลี่ยนมือภาระกิจก็จะมา...ภาระกิจที่เจ้าได้รับมอบหมายคือ...จงออกตามหาทายาทตะกูลใหญ่,ตะกูลรอง,ตะกูลเล็กและตะกูลกลาง เพื่อมารวมตัวกันกำจัดจ้าวปิศาจ อ้อระหว่างทางก็กำจัดปิศาจไปพรางๆด้วยล่ะ"
"เดี๋ยวสิท่านปู่ปิศาจนี่มันออกมาง่ายขนาดนั้นเชียวหรอ" เหมยหลงถามอย่างสงสัย
"หิพวกปิศาจกับมารน่ะอยู่รอบตัวเจ้าเสมอเอาล่ะไปเก็บของอ้อพาจิ้นอวี๋ไปด้วยล่ะ" ชายชราโบกพัดสีเขียวอ่อนไล่เหมยหลง
เหมยหลงกำน่างอก่อนจะเก็บหินเข้ากระเป๋าแล้วยกจานขนมเดินออกไป
"เฮ้ยนั้นของว่างข้านะ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ