ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์
-
เขียนโดย ploynin
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.
18 ตอน
1 วิจารณ์
21.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) งานเข้า (จบตอน)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 8 งานเข้า(ต่อ)
หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า เดย์อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปทำงานของเธอเหมือนทุกวัน ร่างบางเตรียมเครื่องดื่มนั่นก็คือกาแฟดำ 1 แก้ว เดินตรงไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่แยกออกมาจากส่วนห้องครัวติดกับชุดโซฟารับแขกในห้อง พอวางแก้วกาแฟแล้ว มือก็เลื่อนไปกดรีโมททีวีที่อยู่ใกล้ๆ เอาเอกสารงานแปลมาตรวจทานอีกครั้งอย่างเคยนิสัย พร้อมจิบกาแฟฟังข่าวในตอนเช้าไปด้วย โดยปกติแล้วเธอจะดูช่องต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามช่วง นั่นคือ หากช่วงไหนกำลังศึกษาภาษาอะไรอยู่ก็จะเปิดไปช่องของประเทศนั้น และตอนนี้เธอกำลังศึกษาภาษาสเปนอยู่ ดังนั้นช่องที่ดูอยู่จึงเป็นช่องของประเทศสเปน แต่วันนี้แปลก ปกติแล้วต้องเป็นช่องที่เธอตั้งไว้ แต่รายการที่เปิดอยู่นั้นเป็นรายงานข่าวของประเทศไทยและเป็นภาษาไทย เธอจึงเงยหน้าจากกองเอกสารดู นึกในใจว่า คงเป็นไนท์แน่ๆ ที่เปิดทิ้งไว้ จึงตั้งใจจะเปลี่ยน และในจังหวะที่จะเปลี่ยนนั้นเธอก็ต้องตกใจ เพราะข่าวที่เห็นนั้นเป็นข่าวของเธอเอง
ภาพแอบถ่ายของปาปารัสซี่ ซึ่งดูจากรูปนั้นมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่รายงานข่าวที่ผู้สื่อข่าวรายงานนั้นมันตีความหมายได้หลายแง่ แต่ละแง่นั้นไม่เป็นผลดีกับเธอเลย นึกไปถึงเนื้อความของบทความเมื่อวานทำให้รู้ว่าวันนี้บทความเกี่ยวกับเธอมันจะเน่าได้ขนาดไหน นึกแล้วก็รำคาญใจนัก
หญิงสาวมองนาฬิกาเป็นเวลากว่า 7 โมงแล้ว วันนี้เธอออกสายหน่อยเพราะช่วงเช้าไม่มีงาน จะมีก็ช่วงบ่าย ซึ่งเธอว่าจะแวะไปหามารดาที่โรงพยาบาลเหมือนเคย คิดแล้วก็ให้เป็นกังวลจนต้องโทรลงไปถาม รปภ. ด้านล่างของคอนโด ก็ได้คำตอบดังคาดว่ามีคนเยอะแยะมากที่อยู่ด้านล่างซึ่งดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นนักข่าว จากรายงานของ รปภ. ร่างบางตัดสินใจแปลงโฉมตัวเองทันที
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง จากหญิงสาวสะโอดสะอง เป็นหญิงชราผมขาวหน้าเหี่ยว เดย์หยิบจับนั่นนี่โน่นใส่กระเป๋าตัวเองอย่างคล่องแคล่ว และไม่ลืมปิดมือถือด้วย แต่ก่อนปิดก็เห็นมิสคอลขึ้นมาเป็นร้อยสายไม่รู้ว่าเบอร์ใครเป็นเบอร์ใคร แต่ที่ไม่ได้รับสายเพราะเธอตั้งสั่นเอาไว้ และวางโทรศัพท์ไว้ที่ห้องรับแขกเมื่อคืน ไม่ได้เอาเข้าไปในห้องนอนด้วยนั่นเอง ร่างบางถอนหายใจเบื่อหน่ายที่ต้องเปลี่ยนเบอร์มือถืออีกแล้ว
ร่างบางเดินไปหยิบไม้เท้าที่อยู่ในถังเก็บร่มแล้วเดินออกจากห้องพักของตัวเองไป พอลงไปถึงข้างล่าง กองทัพนักข่าวก็ให้ความสนใจทันที ความจริงคือเขาให้ความสนใจทุกคนที่ลงมาว่าจะใช่เธอหรือไม่ หากไม่ใช่สักพักก็จะกลับไปสู่อาการรอคอยต่อไป ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยที่มีคนกรู่เข้ามา แต่พอเห็นว่าเป็นหญิงชราคนหนึ่งก็ล่าถอยกันออกไปหมด ร่างบางเดินไปเรียกแท็กซี่แล้วบอกให้ตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
หลังจากที่เธออยู่พูดคุยเล่นกับมารดาที่โรงพยาบาลเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องไปทำงานช่วงบ่าย ร่างบางเดินออกจากห้องพักของมารดาพร้อมกับแว่นตาอำพรางใบหน้าเล็กน้อย เธอเดินออกมาเรียกแท็กซี่บริเวณหน้าโรงพยาบาล แต่ก่อนที่จะเรียกได้ ก็มีรถเบนส์คันใหญ่มาจอดเทียบพร้อมกับเรียกให้ขึ้นรถอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าเป็นใครเธอจึงยอมขึ้นรถไปด้วย
“น้องเดย์ พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกลำบาก” ขึ้นรถมาได้บิดาก็กล่าวขอโทษทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคงจะเข้าที่เขาทางเหมือนเดิม” ตอบบิดาไปเสียงเรียบ
“แต่พ่อว่าลูกดูแลตัวเองไม่ได้นะ เชื่อพ่อเถอะลูก ไปอยู่คอนโดของเรา อย่างน้อยการ์ดที่นั่นเราก็สั่งงานได้เบ็ดเสร็จ”
“รปภ. ที่คอนโดเดย์ตอนนี้เขาก็ทำงานได้ดีนิค่ะ”
“น้องเดย์เชื่อพ่อสักครั้งไม่ได้หรอลูก พ่อขอร้องเลยก็ได้ พ่อห่วงลูกจริงๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะ เอาไว้เดย์คิดว่าคุมไม่อยู่แล้วเดย์จะคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อนะค่ะ” เธอตอบเลี่ยงไปก่อน
ร่างสูงใหญ่ของบิดาก็ได้แต่ทอดถอนใจกับความดื้อรันของลูกสาวคนโต เขารักและเป็นห่วงลูกสาวคนนี้ที่สุด เป็นดวงใจที่เขาทำตกหล่นไว้และไม่สามารถที่จะกู้คืนได้แม้จะเห็นอยู่เบื้องหน้าก็ตาม เขารู้ว่า ด้วยทิฐิของลูกสาวนั้นแรงนัก เหมือนเขาไม่มีผิด จะโทษใครได้ ยิ่งมาถูกย่าแท้ๆ ของเขาเองดูถูกว่ายังไงก็ไปไม่รอด ต้องกลับมาพึ่งครอบครัวทางท่านอย่างแน่นอน ยิ่งทำให้ความทะนงตนของลูกสาวไม่ลดลงเลย ดูได้จากทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกสาวเขามีอยู่ตอนนี้ เธอหามาได้ด้วยตัวเอง ทรัพย์สินที่เขาให้ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนที่เขาโอนให้เป็นค่าใช้จ่ายทุกเดือนเหมือนลูกชาย รวมถึงเครื่องประดับเครื่องเพชรต่างๆ ที่เขาเห็นว่าสวยเหมาะกับเธอเขาก็จะซื้อหามาให้ตลอด แต่ลูกสาวกลับไม่เคยเห็นค่า ไม่เคยใช้จ่ายในส่วนนี้เลย
สองพ่อลูกนั่งมาด้วยกันด้วยความเงียบตลอดทางหลังจากบทสนทนาที่ได้รับการปฏิเสธอย่างชัดเจนของลูกสาว ร่างบางนั่งมองข้างทางตลอดเวลาเหมือนกับว่ามีสิ่งที่น่าสนใจเสียเต็มประดา ผู้เป็นบิดาได้แต่ทอดถอนใจเพราะไม่สามารถเปลี่ยนใจลูกสาวได้ จนรถแล่นมาถึงสตูดิโอที่ใช้ในการทำงานวันนี้ ร่างบางยกมือไหว้ลาบิดาก่อนลงจากรถ แล้วเปิดประตูลุกออกไปโดยที่คนขับรถยังไม่ทันได้ทำหน้าที่
“น้องเดย์ พ่ออยากให้ลูกคิดใหม่นะ” บิดาย้ำเตือนน้ำเสียงแกมขอร้อง
“แล้วเดย์จะคิดดูค่ะ” ตอบก่อนจะเดินออกไปแต่ก็ต้องหันกลับมาอีกรอบเพราะต้องกำชำบิดาเรื่องน้องรักด้วยความเป็นห่วง “คุณพ่อค่ะ เรื่องไนท์ เดย์อยากให้คุณพ่อฟังความคิดและความต้องการของไนท์จากปากของไนท์เองนะค่ะ”
“ได้ พ่อจะคุยกับน้องตรงๆ” บิดาพอเข้าไม่ใจว่าทำไมลูกสาวต้องกำชับเรื่องนี้ แต่ก็รับปากว่าจะทำตามที่ลูกสาวบอก
เมื่อร่างบางเดินห่างไปแล้วคนขับรถจึงปิดประตูรถแล้วกลับไปทำหน้าที่ขับรถต่อ เขาสังเกตว่าเจ้านายเหมือนมีอะไรในใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเพราะกลัวว่าจะเป็นการระราบระล้วงเรื่องเจ้านาย หากท่านต้องการจะบอกจะคุยก็คงจะพูดออกมาเอง
“เชิด ฉันจะทำยังไงกับลูกสาวคนนี้ดี เธอไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ทำอะไรให้เลย” เอ่ยออกมาอย่างหาทางออกไม่เจอ
“เจ้านายต้องให้เวลาคุณหนูหน่อยครับ” คนขับรถหรือก็คือมือขวาของเจ้าสัวให้คำแนะนำเพราะเขาเองก็รู้ปัญหาในครอบครัวของเจ้านายดี แต่ก็ไม่อยากยุ่งหากไม่มีใครถามอะไร
“เวลาหรอ นานแค่ไหนกันละ”
“คุณเดย์เธอเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนท่าน ผมคิดว่าเวลาที่ว่าคงไม่มากและน้อยไปเหมือนที่ท่านใช้ตัดสินใจครับ
“เฮ่ย! นั่นสินะ ฉันลืมไปได้ยังไง คนที่ถอดแบบนิสัยจากฉันมากที่สุดไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็นลูกสาว ฉันคงต้องทำใจยอมรับเท่านั้นเพราะเรื่องนี้ฉันผิดกับแม่เขาจริงๆ”
“ท่านทำเพราะความจำเป็น นายใหญ่ทั้งสองอายุมากแล้วและท่านก็มีแค่เจ้าสัวเท่านั้นที่เป็นทายาทเพียงคนเดียว เจ้าสัวจะทิ้งท่านแลกกับคำว่าอกตัญญูผมว่ามันไม่คุ้มกัน แต่การที่ท่านดึงดันนำตัวคุณหนูไนท์มาจากคุณชลดาทำให้เธอเครียดถึงขนาดต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาล ทำให้คุณหนูเดย์เธอรู้สึกแย่ เรื่องนี้คงต้องรอเวลาเท่านั้นที่จะตัดสินได้”
“ต้องอดทนไปพร้อมกับเวลาสินะ”
“ใช่ครับ”
“ที่ฉันต้องเอาไนท์มาจากน้ำเขาเพราะมันจำเป็น เพราะพิมภกามีลูกไม่ได้ ฉันจำเป็นจริงๆ”
“ครับท่าน”
“เขาเป็นคนดีนะ เขาดูแลครอบครัวฉัน ในขณะที่ฉันไม่เคยดูแลพวกท่านเลย ฉันต้องตอบแทนเธอบ้างกับความดีนี้ของเธอ น้ำเข้ากับแม่ฉันไม่ได้เลยไม่รู้เพราะอะไร หนักใจจริงๆ” ผู้เป็นนายเปรยอย่างหาทางออกไม่ได้
“เกศรา เธอคิดว่าเธอดีกว่าฉันหรือไง ฉันจะบอกเธอให้รู้สำนึกไว้นะ ว่าคนอย่างเธออย่างได้หาญอาจมาเทียบเคียงฉัน อย่างแกก็เป็นได้แค่เมียน้อยเมียเก็บของพี่ภูเท่านั้น”
“ค่ะ! คุณมุขดา เกศจะจำไว้”
“ไม่ได้นะเกศ เธอเองก็ลูกคุณพ่อเหมือนกันทำไมต้องฟังพี่มุขคนบ้าอำนาจด้วย”
“แกหยุดไปเลยนะยัยพลอย แกน้องฉันนะต้องเข้าข้างพี่สาวอย่างฉันสิ นี่อะไร”
“ก็เรื่องนี้พี่มุขผิดนิค่ะ แล้วพลอยก็มีความยุติธรรมพอด้วย”
“ยะ! แม่คนมีความยุติธรรม รอวันที่นังเกศมันแย่งพี่รุทของแกไปก่อนก็แล้วกัน ฉันจะคอยดูว่าแกยังจะมีความยุติธรรมเหมือนที่แกเสนอหน้ามาพูดกับฉันมั้ย”
“เอาไว้ให้ถึงวันนั้นก่อนก็แล้วกันนะค่ะพี่มุข” น้องสาวตอบประชด ทำให้พี่สาวต้องเดินสบัดตัวออกมาอย่างหัวเสีย
“คัท! น้องเกรทน้องทำตาให้มันดูหงอๆ หน่อยสิครับ ตาแข็งอย่างนี้ใครเขาจะสงสารกันละ แล้วน้ำเสียงน่ะ ขอแบบเจียมเนื้อเจียมตัวด้วย” เสียงหยุดการถ่ายทำดังขึ้นพร้อมกับคำตำหนิของผู้กำกับคนเก่ง เพราะนักแสดงสื่ออารมณ์ของตัวละครได้ไม่ถูกต้อง “น้องเกรทถ่ายซ่อมนะครับ” สำทับกลับมาให้นางเอกคนสวยถ่ายซ่อมงานคนเดียว เพราะบางช่วงเธอทำได้ดีแต่ตอนปลายๆ สายตาที่เธอใช้ดูเปลี่ยนไปนั่นเอง
“เหนื่อยมั้ยครับเดย์” ชายหนุ่มเดินตรงเอาน้ำอุ่นในแก้วมายื่นให้ เดย์มองเจตนาของเขาจากการกระทำแล้วพอจะรู้ แต่เธอไม่ได้สนใจ รับน้ำแล้วบอกขอบคุณตามมารยาท
พักหลังๆ มานี้เธอรู้สึกแปลกๆ เนื่องจากมีผู้ชายคนนี้มาป้วนเปี้ยนใกล้ตัวบ่อยขึ้น ถึงเธอทำไม่สนใจวางเฉย แต่ก็รู้สึกได้เพราะอะไรหลายๆ อย่างจากการแสดงออกของเขารวมถึงนางเอกสาวที่เดย์แค่มองด้วยหางตาก็รู้แล้วว่ารังสีแห่งความไม่พอใจแผ่มาจากเธอคนนั้น เธอพยายามห่างจากชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดเพราะกลัวว่างานจะเสีย ท่องในใจเสมอว่าอีกไม่กี่สัปดาห์การถ่ายทำก็จะเสร็จแล้ว แล้วทุกคนก็จะเป็นแค่คนที่เคยร่วมงานกันเท่านั้น เดย์ตั้งใจจะรับงานแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เพราะเธออยากทำงานหนังสืออย่างเต็มเวลา ตั้งใจจะทำงานที่สำนักพิมพ์ที่เธอแปลหนังสือให้ หลังจากที่ได้รับการทาบทามมาแล้วช่วงหนึ่ง
“คุณเดย์ เกรทขอเวลาคุยเป็นการส่วนตัวหน่อยค่ะ” เสียงของนางเอกสาวบ่งบอกความจริงจังหลังจากที่เห็นร่างบางของนางร้ายอยู่เพียงลำพัง
“เชิญค่ะ” เดย์หันไปมองรอบๆ เห็นไม่มีใครจึงเอ่ยอนุญาต
“คุณเดย์คิดยังไงกับเอสค่ะ” นางเอกสาวถามตรงๆ และต้องการคำตอบที่แน่ชัด
“คุณเอส เอ๊ะ! เขาคบกับคุณอยู่ไม่ใช่หรอค่ะ ทำไมมาถามฉันว่าคิดยังไงกับเขาละ” แทนคำตอบ เดย์ถามกลับพาซื่อเพราะไม่เข้าใจความหมายจริงๆ เพราะเธอเห็นในช่วงแรกแล้วว่าชายหนุ่มติดพันอยู่กับนางเอกสาว ถึงแม้พักหลังๆ จะไม่ค่อยเห็นอยู่ด้วยกันเหมือนก่อนหน้าแล้วก็ตาม และชายหนุ่มก็ไม่ได้มาใกล้ชิดเธอถึงขนาดจะทำให้ใครๆ เข้าใจผิดได้ ไม่น่าจะเป็นเหตุให้มาถามเธอว่าคิดยังไงกับเขา
“คุณเดย์ไม่ได้คิดอะไรกับเอสเขาก็ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่ผิดหวัง”
“แล้วทำไมดิฉันต้องผิดหวังละค่ะ”
“ก็เพราะเอสกับเกรทเราคบกันอยู่นะสิค่ะ” เธอประกาศความสัมพันธ์ให้ทราบชัดเจน
“ค่ะ ยินดีด้วยนะค่ะ” เดย์เพียงยิ้มแสดงความยินดีอย่างจริงใจ แต่ก็ไม่ได้สร้างความสุขให้กับนางเอกสาวเลย ก่อนมองนางร้ายด้วยสายตาแข็งกร้าว เดินลงส้นเท้าจากไปอย่างหัวเสีย
เดย์ได้แต่มองตามหลังอย่างทอดถอนใจ เธอไม่อยากมีปัญหาเพราะผู้ชายคนนี้จริงๆ ก่อนจะนั่งคิดหาวิธีอะไรได้บ้างที่จะไม่เข้าใกล้เขาถ้าไม่จำเป็น
“น้องเดย์ แม่นางเอกนั่นมาพูดอะไรด้วยค่ะ” เสียงแหววดังมาจากด้านหลังของเธอ หลังจากที่นางเอกคนสวยเดินจากไปแล้วสักพัก
“พูดอะไรค่ะ”
“พี่เห็นนะค่ะว่าหล่อนเข้ามาคุยด้วยน่ะ”
“เธอมาแค่บอกว่า เธอกับคุณเอสคบกันอยู่แค่นั้นค่ะ”
“ฮ๊ะ! แค่นี้ แหม หวงก้างไว้ก่อนเลยนะ ร้ายจริงๆ”
“ก็คนเขาคบกันอยู่นิค่ะ ไม่แปลกหรอกที่จะหวง”
“คบที่ไหนกันค่ะ พี่ไม่เห็นว่าเขาสองคนจะคบกันเลย”
“ก็ก่อนนั้นเขาไปไหนมาไหนด้วยกันนิค่ะ”
“แค่นั้นเขาไม่เรียกคบหรอกค่ะ”
“เอ... วันนี้พี่แหววมาแปลกนะ ทำไมแก้ต่างให้คุณเอสเขาละ”
“พี่เปล่านะ แค่มองไปตามเนื้อผ้า”
“หรอ หวังว่าพี่แหววคงไม่คิดอะไรเพี้ยนๆ นะ” มองอย่างจับผิด
“อะไรค่ะที่ว่าเพี้ยน” ถามกลับอย่างลองดี
“อย่างเช่น คิดจะจับคู่เดย์กับเขาน่ะ”
“แล้วถ้าพี่คิดล่ะ”
“ล้มเลิกความคิดเถอะค่ะ เหนื่อยเปล่า เป็นไปไม่ได้หรอก ประวัติดียอดเยี่ยมเสียขนาดนั้น”
“นี่รู้เรื่องเขาด้วยหรอ แน๊ๆ ที่แท้ก็แอบสืบ”
“เดย์ไม่ได้สืบค่ะ แค่ข่าวสังคมที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็พอรู้แล้ว แค่นี้คงพอ ไม่ต้องไปสืบเบื้องลึกเบื้องหลังหรอกค่ะ เพราะคิดว่ามันคงมากกว่าที่เป็นข่าวแน่นอน”
“ว๊า! งั้นพ่อตัวร้ายรูปหล่อของพี่ก็ปิ๋วละสิเนี๊ยะ กะจะลุ้นสักหน่อย ประวัติเน่าทำเสียเรื่องซะงั้น”
สองสาวมองหน้ากันขำๆ เดย์คิดแค่ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน เดี๋ยวหมดงานนี้ก็คงไม่เจอกันแน่นอน ส่วนแหววนั้น หลังจากที่คุยกับเอ็มผู้จัดก็นึกอยากลองจับคู่ให้น้องสาวคนสวยดูเสียหน่อย เพราะห่วงเหลือเกินว่าน้องสาวคนสวยจะขึ้นคานหากปล่อยวันเวลาให้ล่วงเลยไป
ละครเรื่องนี้ใกล้จะถ่ายทำเสร็จแล้ว ตลอดเวลาสี่เดือนที่ผ่านมาทุกคนร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ วันมะรืนนี้เป็นวันปิดกล้องละคร และฉากสุดท้ายที่ผู้กำกับเลือกคือโลเคชันแถบทะเล ซึ่งต้องออกต่างจังหวัด สถานที่นั้นคือ แหล่มสนอ่อนที่สงขลา ทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมอย่างตื่นเต้น และพร้อมจะเดินทางทุกเมื่อ
และตลอดเวลาสี่เดือนที่เดินล่วงมา นางร้ายของเรื่องก็เป็นข่าวอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เห็นว่าตัวเธอจะออกมาแก้ต่าง แถลงไขอะไรใดๆ มันไม่เป็นการยอมรับโดยตรงหรือว่าเธอนั้นคบไม่เลือก รายสุดท้ายที่เธอมีข่าวด้วยคือ ลูกชายของเจ้าสัวชัยบดินทร์เกียรติ ซึ่งตอนแรกมีข่าวน่าเกลียดออกมาที่ว่าเธอนั้นแอบคั่วเด็กมัธยม พอข่าวตามลึกลงไปสืบเสาะกลับรู้ว่าเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวคนดัง
เรื่องนี้แปลกที่ว่า แต่ละคนที่เป็นข่าวไม่มีใครออกมาแก้ต่างอะไรเลย นำซ้ำนางร้ายคนสวยกลับย้ายจากคอนโดที่อยู่ปัจจุบันไปอยู่เพนท์เฮาส์สุดหรูของเจ้าสัวคนดังเสียนี่ น่าเจ็บใจจริงๆ อย่างนี้ไม่เป็นการยอมรับตรงๆ หรือว่าเธอเป็นเมียน้อยเจ้าสัวเขาจริงๆ
มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพบเธอถึงที่กองถ่าย รู้ภายหลังจากไอ้นัทที่ให้ไปสืบ จึงรู้ว่าเป็นภรรยาของเจ้าสัวชัยบดินทร์เกียรติ ผมแอบตามไปเพราะกลัวเธอเป็นอันตราย แต่จากสถานการณ์ที่เห็นแต่ไกลๆ ทั้งสองมีท่าทีตึงๆ ใส่กันเท่านั้น โดยฝ่ายภรรยาเจ้าสัวพูดอะไรสักอย่างกับนางร้ายของผม แต่ดูเหมือนเธอไม่ใส่ใจเลย ไม่แม้แต่จะอ้าปากตอบโต้เสียด้วยซ้ำ จากนั้นก็ยกมือไหว้ลาทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ ผมว่ามันแปลกๆ นึกว่าจะมีศึกตบตีแย่งชิงกันเสียแล้ว แต่ก็เปล่า ภรรยาเจ้าสัวมองร่างบางที่เดินหนีไปสายตาเขียวปัดไม่ประสงค์ดีเอาเสียเลย
ส่วนนายกิตติภพช่วงแรกๆ ยังไปมาหาสู่ ยกยิ้มกริ่มอ้างว่าพาหลานสาวตัวน้อยมาหาเพื่อน แล้วแม่นางร้ายของผมไปมีเพื่อนวัยกระเตาะขนาดนั้นตอนไหน อันนั้นไม่ใช่ประเด็น ผมคิดว่าไอ้นายกิตติภพนี่ใช้แม่หนูน้อยหลานสาวเป็นข้ออ้างในการไปมาหาสู่ว่าที่ภรรยาผมแน่นอน แต่การไปมาหาสู่ระหว่างสองคนนี้สิ้นสุดไปหลังจากที่เป็นข่าวกันมาได้เดือนกว่าๆ แล้วก็เป็นไอ้นัทเหมือนเดิมที่มารายงานว่านายกิตติภพกลับหาดใหญ่ไปแล้ว ทำให้ผมโล่งใจเพราะหมดคู่แข่งไปอีกหนึ่ง
และอีกคนที่เป็นข่าวล่าสุดคือลูกชายของเจ้าสัว คนนี้ผมดูแล้วไม่น่ามีปัญหาเพราะเห็นจากรูปการแล้วเหมือนน้องชายวิ่งมาปรึกษาปัญหาพี่สาวมากกว่า เพราะบางทีบางครั้งผมแอบเห็นเด็กนั่นร้องไห้มาซุกอก(ฮืม! หมั่นไส้) จากนั้นก็พากันขึ้นคอนโดไป แต่เอ... เพราะเด็กมันงอแงน่ารักหรือเปล่า เธอถึงคิดจะเลี้ยงเด็ก แต่ระดับลูกชายของเจ้าสัวแล้วคงไม่มีทางมาให้ผู้หญิงเลี้ยงแน่นอน จะว่าไม่ระแวงเลยก็ไม่ได้เพราะผมว่าผมเก่งเรื่องหาข้อมูลแล้วนะ แต่ข้อมูลของเธอที่ผมได้มันเหมือนไม่เต็มร้อยสักที เหมือนจะขาดอยู่ร่ำไป ทำให้ผมประเมินเธอไม่ได้เต็มร้อยสักที
ส่วนผม สำหรับเธอผมรู้ว่าเธอพยายามเลี่ยงผมตลอด ทำไมผมจะไม่รู้เพราะอะไร เป็นเหมือนที่ไอ้ไอเพื่อนรักมันเตือนมาแตกแรกจริงๆ กลายเป็นผมหาเหงาใส่หัวตัวเอง นางร้ายที่น่ารักของผมเธอเข้าใจว่าผมรักและมีอะไรๆ ลึกซึ้งกับแม่นางเอก จากที่ได้ยินพี่แหววคุยกับไอ้เอ็มว่าเจ้าหล่อนไปเมาท์เท็จกับว่าที่ภรรยาของผมจนเธอขีดเส้นผมออกจากสารบทที่เป็นตัวเลือกของเธอเรียบร้อย แถมตอกกลับมาอีกดอกว่าผมมันคนประวัติเน่า หมดหวังที่จะเข้าใกล้เธอ ผมก็ยอมรับเรื่องประวัติที่ผ่านมาของผม ก็ตอนนั้นผมยังวัยรุ่นเป็นหนุ่มคะนอง ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ข้างทางคว้าได้ทำไมจะต้องปล่อยผ่านใช่มั้ยครับ แต่ผมก็ว่าผมไม่ผิดนะ แต่ตอนนี้ที่สำคัญผมมีปัญหากับเพื่อนรักที่มันชอบทำตัวขวางทางผมเสียเหลือเกิน
“ไอ้เอ็ม ไอ้เพื่อนเลว ไม่เคยส่งเสริมกันเลย ฉันรู้ว่าแกคอยกันท่าฉันตลอดช่วงทำงาน พอฉันจะชวนเมียฉันไปทานข้าวแกก็หาเรื่องดึงฉันออกมาจากการทำคะแนน แกทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์หญิง คอยดูนะ อย่าให้พ่อสบโอกาสจะคว้าไปกินไม่ให้เห็นซากเลย” ร่างสูงบ่นมาตลอดทางที่ขับรถมาถึงเพื่อนรักที่คอยทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวาง ผมรู้แล้วว่ามันไม่ส่งเสริม ไม่รู้ด้วยว่าเพราะอะไร ส่วนไอ้นัทคราวนี้ทำงานไม่ได้เรื่องสืบอะไรไม่ได้สักอย่าง ทำงานโหลยโท่ยดีนัก สิ้นปีนี้ตัดโบนัสมันแม่งเลยคอยดู
Trr…
เสียงเรียกเข้าที่เขาต้องหันไปดูก็เห็นเป็นเบอฺร์โทรของนางเอกแสนสวยของเรื่อง โทรมาอย่างนี้คงไม่พ้นให้แวะไปรับอย่างแน่นอน แม่นี่ก็เหมือนกัน ไม่มีสมองหรือไงอุตส่าห์แสดงออกชัดเจนแล้วว่าไม่สนใจ อยากให้พูดตรงๆ ให้อายกันไปเลยหรือไงก็ไม่รู้ เขากดรับสายหลังจากที่ใส่สมอทอร์กเรียบร้อยแล้ว
“ครับ เกรท”
“เอสค่ะ แวะมารับเกรทที่คอนโดหน่อยสิค่ะ พอดีเกรทไปไม่ทันรถกองถ่ายนะค่ะ” เสียงใสบ่งบอกความดีใจที่เขารับสาย
ไปไม่ทันก็ขับรถตัวเองไปสิฟ่ะ คิดในใจแต่ก็ต้องตอบ “พอดีผมออกมาจากกรุงเทพฯ แล้วครับเกรท ตอนนี้ใกล้ถึงที่กองแล้ว”
“จะรบกวนเกินไปมั้ย ถ้าจะให้ช่วยวนรถกลับมารับหน่อยนะค่ะ” เสียงหวานอ้อนไม่หยุด
ยัง! ยังๆ ไม่เลิกพยายาม “คงไม่ได้ครับเกรท ผมขอโทษนะ พอดีผมมากับไอ้เอ็ม มันต้องถึงกองให้เร็วที่สุดเพราะมีนัดประชุมงานก่อนนักแสดงอย่างพวกเรา” แหลไปงั้นแหละครับ แต่ที่ต้องอ้างไอ้เพื่อนรักเพราะมันจำเป็น และเป็นความจริงที่ผู้จัดต้องถึงกองก่อนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
“หรอค่ะ แย่จัง งั้นเกรทต้องไปถึงเป็นคนสุดท้ายแน่เลย เกรทขับรถออกต่างจังหวะไม่ค่อยคล่องนะค่ะ” เสียงเศร้าสร้อยจากปลายสายก็ไม่ทำให้ใจหนุ่มอ่อนขึ้นมาเลยสักนิด
“งั้นเกรทขับรถไปที่สนามบินนะครับ นั่งเครื่องไปจะดีกว่า เจอกันที่กองนะครับ” ชายหนุ่มรีบเสนอทางให้พร้อมตัดบทกดวางสายทันที
บ้าจริง อยากได้คนหนึ่งก็ยากแสนยากส่วนอีกคนไม่อยากได้เสนอแล้วไม่เอายังจะหน้าด้านไม่เลิกอีก ผมขับรถต่อไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล ความจริงผมจะนั่งเครื่องมาก็ได้ แต่ผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้าง แต่ก็เหนื่อยนะ ขับรถจากกรุงเทพฯ ไปสงขลา ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ แถมไม่มีเพื่อนคุยอีกเซงจิตจริงๆ สุดท้ายเลยต้องเปิดฟังเพลงขับรถเพลินๆ ไปตลอดทาง แต่เอ... เมื่อกี๊ผมเห็นเหมือนรถกองถ่ายแว๊บๆ แฮะ ตรงปั้มน้ำมันที่ผ่านมา และไม่รอช้า ผมวกรถกลับที่ทางกลับรถแรกที่เจอทันที
つづく.
หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า เดย์อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปทำงานของเธอเหมือนทุกวัน ร่างบางเตรียมเครื่องดื่มนั่นก็คือกาแฟดำ 1 แก้ว เดินตรงไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่แยกออกมาจากส่วนห้องครัวติดกับชุดโซฟารับแขกในห้อง พอวางแก้วกาแฟแล้ว มือก็เลื่อนไปกดรีโมททีวีที่อยู่ใกล้ๆ เอาเอกสารงานแปลมาตรวจทานอีกครั้งอย่างเคยนิสัย พร้อมจิบกาแฟฟังข่าวในตอนเช้าไปด้วย โดยปกติแล้วเธอจะดูช่องต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามช่วง นั่นคือ หากช่วงไหนกำลังศึกษาภาษาอะไรอยู่ก็จะเปิดไปช่องของประเทศนั้น และตอนนี้เธอกำลังศึกษาภาษาสเปนอยู่ ดังนั้นช่องที่ดูอยู่จึงเป็นช่องของประเทศสเปน แต่วันนี้แปลก ปกติแล้วต้องเป็นช่องที่เธอตั้งไว้ แต่รายการที่เปิดอยู่นั้นเป็นรายงานข่าวของประเทศไทยและเป็นภาษาไทย เธอจึงเงยหน้าจากกองเอกสารดู นึกในใจว่า คงเป็นไนท์แน่ๆ ที่เปิดทิ้งไว้ จึงตั้งใจจะเปลี่ยน และในจังหวะที่จะเปลี่ยนนั้นเธอก็ต้องตกใจ เพราะข่าวที่เห็นนั้นเป็นข่าวของเธอเอง
ภาพแอบถ่ายของปาปารัสซี่ ซึ่งดูจากรูปนั้นมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่รายงานข่าวที่ผู้สื่อข่าวรายงานนั้นมันตีความหมายได้หลายแง่ แต่ละแง่นั้นไม่เป็นผลดีกับเธอเลย นึกไปถึงเนื้อความของบทความเมื่อวานทำให้รู้ว่าวันนี้บทความเกี่ยวกับเธอมันจะเน่าได้ขนาดไหน นึกแล้วก็รำคาญใจนัก
หญิงสาวมองนาฬิกาเป็นเวลากว่า 7 โมงแล้ว วันนี้เธอออกสายหน่อยเพราะช่วงเช้าไม่มีงาน จะมีก็ช่วงบ่าย ซึ่งเธอว่าจะแวะไปหามารดาที่โรงพยาบาลเหมือนเคย คิดแล้วก็ให้เป็นกังวลจนต้องโทรลงไปถาม รปภ. ด้านล่างของคอนโด ก็ได้คำตอบดังคาดว่ามีคนเยอะแยะมากที่อยู่ด้านล่างซึ่งดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นนักข่าว จากรายงานของ รปภ. ร่างบางตัดสินใจแปลงโฉมตัวเองทันที
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง จากหญิงสาวสะโอดสะอง เป็นหญิงชราผมขาวหน้าเหี่ยว เดย์หยิบจับนั่นนี่โน่นใส่กระเป๋าตัวเองอย่างคล่องแคล่ว และไม่ลืมปิดมือถือด้วย แต่ก่อนปิดก็เห็นมิสคอลขึ้นมาเป็นร้อยสายไม่รู้ว่าเบอร์ใครเป็นเบอร์ใคร แต่ที่ไม่ได้รับสายเพราะเธอตั้งสั่นเอาไว้ และวางโทรศัพท์ไว้ที่ห้องรับแขกเมื่อคืน ไม่ได้เอาเข้าไปในห้องนอนด้วยนั่นเอง ร่างบางถอนหายใจเบื่อหน่ายที่ต้องเปลี่ยนเบอร์มือถืออีกแล้ว
ร่างบางเดินไปหยิบไม้เท้าที่อยู่ในถังเก็บร่มแล้วเดินออกจากห้องพักของตัวเองไป พอลงไปถึงข้างล่าง กองทัพนักข่าวก็ให้ความสนใจทันที ความจริงคือเขาให้ความสนใจทุกคนที่ลงมาว่าจะใช่เธอหรือไม่ หากไม่ใช่สักพักก็จะกลับไปสู่อาการรอคอยต่อไป ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยที่มีคนกรู่เข้ามา แต่พอเห็นว่าเป็นหญิงชราคนหนึ่งก็ล่าถอยกันออกไปหมด ร่างบางเดินไปเรียกแท็กซี่แล้วบอกให้ตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
หลังจากที่เธออยู่พูดคุยเล่นกับมารดาที่โรงพยาบาลเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องไปทำงานช่วงบ่าย ร่างบางเดินออกจากห้องพักของมารดาพร้อมกับแว่นตาอำพรางใบหน้าเล็กน้อย เธอเดินออกมาเรียกแท็กซี่บริเวณหน้าโรงพยาบาล แต่ก่อนที่จะเรียกได้ ก็มีรถเบนส์คันใหญ่มาจอดเทียบพร้อมกับเรียกให้ขึ้นรถอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าเป็นใครเธอจึงยอมขึ้นรถไปด้วย
“น้องเดย์ พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกลำบาก” ขึ้นรถมาได้บิดาก็กล่าวขอโทษทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคงจะเข้าที่เขาทางเหมือนเดิม” ตอบบิดาไปเสียงเรียบ
“แต่พ่อว่าลูกดูแลตัวเองไม่ได้นะ เชื่อพ่อเถอะลูก ไปอยู่คอนโดของเรา อย่างน้อยการ์ดที่นั่นเราก็สั่งงานได้เบ็ดเสร็จ”
“รปภ. ที่คอนโดเดย์ตอนนี้เขาก็ทำงานได้ดีนิค่ะ”
“น้องเดย์เชื่อพ่อสักครั้งไม่ได้หรอลูก พ่อขอร้องเลยก็ได้ พ่อห่วงลูกจริงๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะ เอาไว้เดย์คิดว่าคุมไม่อยู่แล้วเดย์จะคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อนะค่ะ” เธอตอบเลี่ยงไปก่อน
ร่างสูงใหญ่ของบิดาก็ได้แต่ทอดถอนใจกับความดื้อรันของลูกสาวคนโต เขารักและเป็นห่วงลูกสาวคนนี้ที่สุด เป็นดวงใจที่เขาทำตกหล่นไว้และไม่สามารถที่จะกู้คืนได้แม้จะเห็นอยู่เบื้องหน้าก็ตาม เขารู้ว่า ด้วยทิฐิของลูกสาวนั้นแรงนัก เหมือนเขาไม่มีผิด จะโทษใครได้ ยิ่งมาถูกย่าแท้ๆ ของเขาเองดูถูกว่ายังไงก็ไปไม่รอด ต้องกลับมาพึ่งครอบครัวทางท่านอย่างแน่นอน ยิ่งทำให้ความทะนงตนของลูกสาวไม่ลดลงเลย ดูได้จากทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกสาวเขามีอยู่ตอนนี้ เธอหามาได้ด้วยตัวเอง ทรัพย์สินที่เขาให้ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนที่เขาโอนให้เป็นค่าใช้จ่ายทุกเดือนเหมือนลูกชาย รวมถึงเครื่องประดับเครื่องเพชรต่างๆ ที่เขาเห็นว่าสวยเหมาะกับเธอเขาก็จะซื้อหามาให้ตลอด แต่ลูกสาวกลับไม่เคยเห็นค่า ไม่เคยใช้จ่ายในส่วนนี้เลย
สองพ่อลูกนั่งมาด้วยกันด้วยความเงียบตลอดทางหลังจากบทสนทนาที่ได้รับการปฏิเสธอย่างชัดเจนของลูกสาว ร่างบางนั่งมองข้างทางตลอดเวลาเหมือนกับว่ามีสิ่งที่น่าสนใจเสียเต็มประดา ผู้เป็นบิดาได้แต่ทอดถอนใจเพราะไม่สามารถเปลี่ยนใจลูกสาวได้ จนรถแล่นมาถึงสตูดิโอที่ใช้ในการทำงานวันนี้ ร่างบางยกมือไหว้ลาบิดาก่อนลงจากรถ แล้วเปิดประตูลุกออกไปโดยที่คนขับรถยังไม่ทันได้ทำหน้าที่
“น้องเดย์ พ่ออยากให้ลูกคิดใหม่นะ” บิดาย้ำเตือนน้ำเสียงแกมขอร้อง
“แล้วเดย์จะคิดดูค่ะ” ตอบก่อนจะเดินออกไปแต่ก็ต้องหันกลับมาอีกรอบเพราะต้องกำชำบิดาเรื่องน้องรักด้วยความเป็นห่วง “คุณพ่อค่ะ เรื่องไนท์ เดย์อยากให้คุณพ่อฟังความคิดและความต้องการของไนท์จากปากของไนท์เองนะค่ะ”
“ได้ พ่อจะคุยกับน้องตรงๆ” บิดาพอเข้าไม่ใจว่าทำไมลูกสาวต้องกำชับเรื่องนี้ แต่ก็รับปากว่าจะทำตามที่ลูกสาวบอก
เมื่อร่างบางเดินห่างไปแล้วคนขับรถจึงปิดประตูรถแล้วกลับไปทำหน้าที่ขับรถต่อ เขาสังเกตว่าเจ้านายเหมือนมีอะไรในใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเพราะกลัวว่าจะเป็นการระราบระล้วงเรื่องเจ้านาย หากท่านต้องการจะบอกจะคุยก็คงจะพูดออกมาเอง
“เชิด ฉันจะทำยังไงกับลูกสาวคนนี้ดี เธอไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ทำอะไรให้เลย” เอ่ยออกมาอย่างหาทางออกไม่เจอ
“เจ้านายต้องให้เวลาคุณหนูหน่อยครับ” คนขับรถหรือก็คือมือขวาของเจ้าสัวให้คำแนะนำเพราะเขาเองก็รู้ปัญหาในครอบครัวของเจ้านายดี แต่ก็ไม่อยากยุ่งหากไม่มีใครถามอะไร
“เวลาหรอ นานแค่ไหนกันละ”
“คุณเดย์เธอเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนท่าน ผมคิดว่าเวลาที่ว่าคงไม่มากและน้อยไปเหมือนที่ท่านใช้ตัดสินใจครับ
“เฮ่ย! นั่นสินะ ฉันลืมไปได้ยังไง คนที่ถอดแบบนิสัยจากฉันมากที่สุดไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็นลูกสาว ฉันคงต้องทำใจยอมรับเท่านั้นเพราะเรื่องนี้ฉันผิดกับแม่เขาจริงๆ”
“ท่านทำเพราะความจำเป็น นายใหญ่ทั้งสองอายุมากแล้วและท่านก็มีแค่เจ้าสัวเท่านั้นที่เป็นทายาทเพียงคนเดียว เจ้าสัวจะทิ้งท่านแลกกับคำว่าอกตัญญูผมว่ามันไม่คุ้มกัน แต่การที่ท่านดึงดันนำตัวคุณหนูไนท์มาจากคุณชลดาทำให้เธอเครียดถึงขนาดต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาล ทำให้คุณหนูเดย์เธอรู้สึกแย่ เรื่องนี้คงต้องรอเวลาเท่านั้นที่จะตัดสินได้”
“ต้องอดทนไปพร้อมกับเวลาสินะ”
“ใช่ครับ”
“ที่ฉันต้องเอาไนท์มาจากน้ำเขาเพราะมันจำเป็น เพราะพิมภกามีลูกไม่ได้ ฉันจำเป็นจริงๆ”
“ครับท่าน”
“เขาเป็นคนดีนะ เขาดูแลครอบครัวฉัน ในขณะที่ฉันไม่เคยดูแลพวกท่านเลย ฉันต้องตอบแทนเธอบ้างกับความดีนี้ของเธอ น้ำเข้ากับแม่ฉันไม่ได้เลยไม่รู้เพราะอะไร หนักใจจริงๆ” ผู้เป็นนายเปรยอย่างหาทางออกไม่ได้
“เกศรา เธอคิดว่าเธอดีกว่าฉันหรือไง ฉันจะบอกเธอให้รู้สำนึกไว้นะ ว่าคนอย่างเธออย่างได้หาญอาจมาเทียบเคียงฉัน อย่างแกก็เป็นได้แค่เมียน้อยเมียเก็บของพี่ภูเท่านั้น”
“ค่ะ! คุณมุขดา เกศจะจำไว้”
“ไม่ได้นะเกศ เธอเองก็ลูกคุณพ่อเหมือนกันทำไมต้องฟังพี่มุขคนบ้าอำนาจด้วย”
“แกหยุดไปเลยนะยัยพลอย แกน้องฉันนะต้องเข้าข้างพี่สาวอย่างฉันสิ นี่อะไร”
“ก็เรื่องนี้พี่มุขผิดนิค่ะ แล้วพลอยก็มีความยุติธรรมพอด้วย”
“ยะ! แม่คนมีความยุติธรรม รอวันที่นังเกศมันแย่งพี่รุทของแกไปก่อนก็แล้วกัน ฉันจะคอยดูว่าแกยังจะมีความยุติธรรมเหมือนที่แกเสนอหน้ามาพูดกับฉันมั้ย”
“เอาไว้ให้ถึงวันนั้นก่อนก็แล้วกันนะค่ะพี่มุข” น้องสาวตอบประชด ทำให้พี่สาวต้องเดินสบัดตัวออกมาอย่างหัวเสีย
“คัท! น้องเกรทน้องทำตาให้มันดูหงอๆ หน่อยสิครับ ตาแข็งอย่างนี้ใครเขาจะสงสารกันละ แล้วน้ำเสียงน่ะ ขอแบบเจียมเนื้อเจียมตัวด้วย” เสียงหยุดการถ่ายทำดังขึ้นพร้อมกับคำตำหนิของผู้กำกับคนเก่ง เพราะนักแสดงสื่ออารมณ์ของตัวละครได้ไม่ถูกต้อง “น้องเกรทถ่ายซ่อมนะครับ” สำทับกลับมาให้นางเอกคนสวยถ่ายซ่อมงานคนเดียว เพราะบางช่วงเธอทำได้ดีแต่ตอนปลายๆ สายตาที่เธอใช้ดูเปลี่ยนไปนั่นเอง
“เหนื่อยมั้ยครับเดย์” ชายหนุ่มเดินตรงเอาน้ำอุ่นในแก้วมายื่นให้ เดย์มองเจตนาของเขาจากการกระทำแล้วพอจะรู้ แต่เธอไม่ได้สนใจ รับน้ำแล้วบอกขอบคุณตามมารยาท
พักหลังๆ มานี้เธอรู้สึกแปลกๆ เนื่องจากมีผู้ชายคนนี้มาป้วนเปี้ยนใกล้ตัวบ่อยขึ้น ถึงเธอทำไม่สนใจวางเฉย แต่ก็รู้สึกได้เพราะอะไรหลายๆ อย่างจากการแสดงออกของเขารวมถึงนางเอกสาวที่เดย์แค่มองด้วยหางตาก็รู้แล้วว่ารังสีแห่งความไม่พอใจแผ่มาจากเธอคนนั้น เธอพยายามห่างจากชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดเพราะกลัวว่างานจะเสีย ท่องในใจเสมอว่าอีกไม่กี่สัปดาห์การถ่ายทำก็จะเสร็จแล้ว แล้วทุกคนก็จะเป็นแค่คนที่เคยร่วมงานกันเท่านั้น เดย์ตั้งใจจะรับงานแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เพราะเธออยากทำงานหนังสืออย่างเต็มเวลา ตั้งใจจะทำงานที่สำนักพิมพ์ที่เธอแปลหนังสือให้ หลังจากที่ได้รับการทาบทามมาแล้วช่วงหนึ่ง
“คุณเดย์ เกรทขอเวลาคุยเป็นการส่วนตัวหน่อยค่ะ” เสียงของนางเอกสาวบ่งบอกความจริงจังหลังจากที่เห็นร่างบางของนางร้ายอยู่เพียงลำพัง
“เชิญค่ะ” เดย์หันไปมองรอบๆ เห็นไม่มีใครจึงเอ่ยอนุญาต
“คุณเดย์คิดยังไงกับเอสค่ะ” นางเอกสาวถามตรงๆ และต้องการคำตอบที่แน่ชัด
“คุณเอส เอ๊ะ! เขาคบกับคุณอยู่ไม่ใช่หรอค่ะ ทำไมมาถามฉันว่าคิดยังไงกับเขาละ” แทนคำตอบ เดย์ถามกลับพาซื่อเพราะไม่เข้าใจความหมายจริงๆ เพราะเธอเห็นในช่วงแรกแล้วว่าชายหนุ่มติดพันอยู่กับนางเอกสาว ถึงแม้พักหลังๆ จะไม่ค่อยเห็นอยู่ด้วยกันเหมือนก่อนหน้าแล้วก็ตาม และชายหนุ่มก็ไม่ได้มาใกล้ชิดเธอถึงขนาดจะทำให้ใครๆ เข้าใจผิดได้ ไม่น่าจะเป็นเหตุให้มาถามเธอว่าคิดยังไงกับเขา
“คุณเดย์ไม่ได้คิดอะไรกับเอสเขาก็ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่ผิดหวัง”
“แล้วทำไมดิฉันต้องผิดหวังละค่ะ”
“ก็เพราะเอสกับเกรทเราคบกันอยู่นะสิค่ะ” เธอประกาศความสัมพันธ์ให้ทราบชัดเจน
“ค่ะ ยินดีด้วยนะค่ะ” เดย์เพียงยิ้มแสดงความยินดีอย่างจริงใจ แต่ก็ไม่ได้สร้างความสุขให้กับนางเอกสาวเลย ก่อนมองนางร้ายด้วยสายตาแข็งกร้าว เดินลงส้นเท้าจากไปอย่างหัวเสีย
เดย์ได้แต่มองตามหลังอย่างทอดถอนใจ เธอไม่อยากมีปัญหาเพราะผู้ชายคนนี้จริงๆ ก่อนจะนั่งคิดหาวิธีอะไรได้บ้างที่จะไม่เข้าใกล้เขาถ้าไม่จำเป็น
“น้องเดย์ แม่นางเอกนั่นมาพูดอะไรด้วยค่ะ” เสียงแหววดังมาจากด้านหลังของเธอ หลังจากที่นางเอกคนสวยเดินจากไปแล้วสักพัก
“พูดอะไรค่ะ”
“พี่เห็นนะค่ะว่าหล่อนเข้ามาคุยด้วยน่ะ”
“เธอมาแค่บอกว่า เธอกับคุณเอสคบกันอยู่แค่นั้นค่ะ”
“ฮ๊ะ! แค่นี้ แหม หวงก้างไว้ก่อนเลยนะ ร้ายจริงๆ”
“ก็คนเขาคบกันอยู่นิค่ะ ไม่แปลกหรอกที่จะหวง”
“คบที่ไหนกันค่ะ พี่ไม่เห็นว่าเขาสองคนจะคบกันเลย”
“ก็ก่อนนั้นเขาไปไหนมาไหนด้วยกันนิค่ะ”
“แค่นั้นเขาไม่เรียกคบหรอกค่ะ”
“เอ... วันนี้พี่แหววมาแปลกนะ ทำไมแก้ต่างให้คุณเอสเขาละ”
“พี่เปล่านะ แค่มองไปตามเนื้อผ้า”
“หรอ หวังว่าพี่แหววคงไม่คิดอะไรเพี้ยนๆ นะ” มองอย่างจับผิด
“อะไรค่ะที่ว่าเพี้ยน” ถามกลับอย่างลองดี
“อย่างเช่น คิดจะจับคู่เดย์กับเขาน่ะ”
“แล้วถ้าพี่คิดล่ะ”
“ล้มเลิกความคิดเถอะค่ะ เหนื่อยเปล่า เป็นไปไม่ได้หรอก ประวัติดียอดเยี่ยมเสียขนาดนั้น”
“นี่รู้เรื่องเขาด้วยหรอ แน๊ๆ ที่แท้ก็แอบสืบ”
“เดย์ไม่ได้สืบค่ะ แค่ข่าวสังคมที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็พอรู้แล้ว แค่นี้คงพอ ไม่ต้องไปสืบเบื้องลึกเบื้องหลังหรอกค่ะ เพราะคิดว่ามันคงมากกว่าที่เป็นข่าวแน่นอน”
“ว๊า! งั้นพ่อตัวร้ายรูปหล่อของพี่ก็ปิ๋วละสิเนี๊ยะ กะจะลุ้นสักหน่อย ประวัติเน่าทำเสียเรื่องซะงั้น”
สองสาวมองหน้ากันขำๆ เดย์คิดแค่ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน เดี๋ยวหมดงานนี้ก็คงไม่เจอกันแน่นอน ส่วนแหววนั้น หลังจากที่คุยกับเอ็มผู้จัดก็นึกอยากลองจับคู่ให้น้องสาวคนสวยดูเสียหน่อย เพราะห่วงเหลือเกินว่าน้องสาวคนสวยจะขึ้นคานหากปล่อยวันเวลาให้ล่วงเลยไป
ละครเรื่องนี้ใกล้จะถ่ายทำเสร็จแล้ว ตลอดเวลาสี่เดือนที่ผ่านมาทุกคนร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ วันมะรืนนี้เป็นวันปิดกล้องละคร และฉากสุดท้ายที่ผู้กำกับเลือกคือโลเคชันแถบทะเล ซึ่งต้องออกต่างจังหวัด สถานที่นั้นคือ แหล่มสนอ่อนที่สงขลา ทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมอย่างตื่นเต้น และพร้อมจะเดินทางทุกเมื่อ
และตลอดเวลาสี่เดือนที่เดินล่วงมา นางร้ายของเรื่องก็เป็นข่าวอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เห็นว่าตัวเธอจะออกมาแก้ต่าง แถลงไขอะไรใดๆ มันไม่เป็นการยอมรับโดยตรงหรือว่าเธอนั้นคบไม่เลือก รายสุดท้ายที่เธอมีข่าวด้วยคือ ลูกชายของเจ้าสัวชัยบดินทร์เกียรติ ซึ่งตอนแรกมีข่าวน่าเกลียดออกมาที่ว่าเธอนั้นแอบคั่วเด็กมัธยม พอข่าวตามลึกลงไปสืบเสาะกลับรู้ว่าเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวคนดัง
เรื่องนี้แปลกที่ว่า แต่ละคนที่เป็นข่าวไม่มีใครออกมาแก้ต่างอะไรเลย นำซ้ำนางร้ายคนสวยกลับย้ายจากคอนโดที่อยู่ปัจจุบันไปอยู่เพนท์เฮาส์สุดหรูของเจ้าสัวคนดังเสียนี่ น่าเจ็บใจจริงๆ อย่างนี้ไม่เป็นการยอมรับตรงๆ หรือว่าเธอเป็นเมียน้อยเจ้าสัวเขาจริงๆ
มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพบเธอถึงที่กองถ่าย รู้ภายหลังจากไอ้นัทที่ให้ไปสืบ จึงรู้ว่าเป็นภรรยาของเจ้าสัวชัยบดินทร์เกียรติ ผมแอบตามไปเพราะกลัวเธอเป็นอันตราย แต่จากสถานการณ์ที่เห็นแต่ไกลๆ ทั้งสองมีท่าทีตึงๆ ใส่กันเท่านั้น โดยฝ่ายภรรยาเจ้าสัวพูดอะไรสักอย่างกับนางร้ายของผม แต่ดูเหมือนเธอไม่ใส่ใจเลย ไม่แม้แต่จะอ้าปากตอบโต้เสียด้วยซ้ำ จากนั้นก็ยกมือไหว้ลาทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ ผมว่ามันแปลกๆ นึกว่าจะมีศึกตบตีแย่งชิงกันเสียแล้ว แต่ก็เปล่า ภรรยาเจ้าสัวมองร่างบางที่เดินหนีไปสายตาเขียวปัดไม่ประสงค์ดีเอาเสียเลย
ส่วนนายกิตติภพช่วงแรกๆ ยังไปมาหาสู่ ยกยิ้มกริ่มอ้างว่าพาหลานสาวตัวน้อยมาหาเพื่อน แล้วแม่นางร้ายของผมไปมีเพื่อนวัยกระเตาะขนาดนั้นตอนไหน อันนั้นไม่ใช่ประเด็น ผมคิดว่าไอ้นายกิตติภพนี่ใช้แม่หนูน้อยหลานสาวเป็นข้ออ้างในการไปมาหาสู่ว่าที่ภรรยาผมแน่นอน แต่การไปมาหาสู่ระหว่างสองคนนี้สิ้นสุดไปหลังจากที่เป็นข่าวกันมาได้เดือนกว่าๆ แล้วก็เป็นไอ้นัทเหมือนเดิมที่มารายงานว่านายกิตติภพกลับหาดใหญ่ไปแล้ว ทำให้ผมโล่งใจเพราะหมดคู่แข่งไปอีกหนึ่ง
และอีกคนที่เป็นข่าวล่าสุดคือลูกชายของเจ้าสัว คนนี้ผมดูแล้วไม่น่ามีปัญหาเพราะเห็นจากรูปการแล้วเหมือนน้องชายวิ่งมาปรึกษาปัญหาพี่สาวมากกว่า เพราะบางทีบางครั้งผมแอบเห็นเด็กนั่นร้องไห้มาซุกอก(ฮืม! หมั่นไส้) จากนั้นก็พากันขึ้นคอนโดไป แต่เอ... เพราะเด็กมันงอแงน่ารักหรือเปล่า เธอถึงคิดจะเลี้ยงเด็ก แต่ระดับลูกชายของเจ้าสัวแล้วคงไม่มีทางมาให้ผู้หญิงเลี้ยงแน่นอน จะว่าไม่ระแวงเลยก็ไม่ได้เพราะผมว่าผมเก่งเรื่องหาข้อมูลแล้วนะ แต่ข้อมูลของเธอที่ผมได้มันเหมือนไม่เต็มร้อยสักที เหมือนจะขาดอยู่ร่ำไป ทำให้ผมประเมินเธอไม่ได้เต็มร้อยสักที
ส่วนผม สำหรับเธอผมรู้ว่าเธอพยายามเลี่ยงผมตลอด ทำไมผมจะไม่รู้เพราะอะไร เป็นเหมือนที่ไอ้ไอเพื่อนรักมันเตือนมาแตกแรกจริงๆ กลายเป็นผมหาเหงาใส่หัวตัวเอง นางร้ายที่น่ารักของผมเธอเข้าใจว่าผมรักและมีอะไรๆ ลึกซึ้งกับแม่นางเอก จากที่ได้ยินพี่แหววคุยกับไอ้เอ็มว่าเจ้าหล่อนไปเมาท์เท็จกับว่าที่ภรรยาของผมจนเธอขีดเส้นผมออกจากสารบทที่เป็นตัวเลือกของเธอเรียบร้อย แถมตอกกลับมาอีกดอกว่าผมมันคนประวัติเน่า หมดหวังที่จะเข้าใกล้เธอ ผมก็ยอมรับเรื่องประวัติที่ผ่านมาของผม ก็ตอนนั้นผมยังวัยรุ่นเป็นหนุ่มคะนอง ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ข้างทางคว้าได้ทำไมจะต้องปล่อยผ่านใช่มั้ยครับ แต่ผมก็ว่าผมไม่ผิดนะ แต่ตอนนี้ที่สำคัญผมมีปัญหากับเพื่อนรักที่มันชอบทำตัวขวางทางผมเสียเหลือเกิน
“ไอ้เอ็ม ไอ้เพื่อนเลว ไม่เคยส่งเสริมกันเลย ฉันรู้ว่าแกคอยกันท่าฉันตลอดช่วงทำงาน พอฉันจะชวนเมียฉันไปทานข้าวแกก็หาเรื่องดึงฉันออกมาจากการทำคะแนน แกทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์หญิง คอยดูนะ อย่าให้พ่อสบโอกาสจะคว้าไปกินไม่ให้เห็นซากเลย” ร่างสูงบ่นมาตลอดทางที่ขับรถมาถึงเพื่อนรักที่คอยทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวาง ผมรู้แล้วว่ามันไม่ส่งเสริม ไม่รู้ด้วยว่าเพราะอะไร ส่วนไอ้นัทคราวนี้ทำงานไม่ได้เรื่องสืบอะไรไม่ได้สักอย่าง ทำงานโหลยโท่ยดีนัก สิ้นปีนี้ตัดโบนัสมันแม่งเลยคอยดู
Trr…
เสียงเรียกเข้าที่เขาต้องหันไปดูก็เห็นเป็นเบอฺร์โทรของนางเอกแสนสวยของเรื่อง โทรมาอย่างนี้คงไม่พ้นให้แวะไปรับอย่างแน่นอน แม่นี่ก็เหมือนกัน ไม่มีสมองหรือไงอุตส่าห์แสดงออกชัดเจนแล้วว่าไม่สนใจ อยากให้พูดตรงๆ ให้อายกันไปเลยหรือไงก็ไม่รู้ เขากดรับสายหลังจากที่ใส่สมอทอร์กเรียบร้อยแล้ว
“ครับ เกรท”
“เอสค่ะ แวะมารับเกรทที่คอนโดหน่อยสิค่ะ พอดีเกรทไปไม่ทันรถกองถ่ายนะค่ะ” เสียงใสบ่งบอกความดีใจที่เขารับสาย
ไปไม่ทันก็ขับรถตัวเองไปสิฟ่ะ คิดในใจแต่ก็ต้องตอบ “พอดีผมออกมาจากกรุงเทพฯ แล้วครับเกรท ตอนนี้ใกล้ถึงที่กองแล้ว”
“จะรบกวนเกินไปมั้ย ถ้าจะให้ช่วยวนรถกลับมารับหน่อยนะค่ะ” เสียงหวานอ้อนไม่หยุด
ยัง! ยังๆ ไม่เลิกพยายาม “คงไม่ได้ครับเกรท ผมขอโทษนะ พอดีผมมากับไอ้เอ็ม มันต้องถึงกองให้เร็วที่สุดเพราะมีนัดประชุมงานก่อนนักแสดงอย่างพวกเรา” แหลไปงั้นแหละครับ แต่ที่ต้องอ้างไอ้เพื่อนรักเพราะมันจำเป็น และเป็นความจริงที่ผู้จัดต้องถึงกองก่อนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
“หรอค่ะ แย่จัง งั้นเกรทต้องไปถึงเป็นคนสุดท้ายแน่เลย เกรทขับรถออกต่างจังหวะไม่ค่อยคล่องนะค่ะ” เสียงเศร้าสร้อยจากปลายสายก็ไม่ทำให้ใจหนุ่มอ่อนขึ้นมาเลยสักนิด
“งั้นเกรทขับรถไปที่สนามบินนะครับ นั่งเครื่องไปจะดีกว่า เจอกันที่กองนะครับ” ชายหนุ่มรีบเสนอทางให้พร้อมตัดบทกดวางสายทันที
บ้าจริง อยากได้คนหนึ่งก็ยากแสนยากส่วนอีกคนไม่อยากได้เสนอแล้วไม่เอายังจะหน้าด้านไม่เลิกอีก ผมขับรถต่อไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล ความจริงผมจะนั่งเครื่องมาก็ได้ แต่ผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้าง แต่ก็เหนื่อยนะ ขับรถจากกรุงเทพฯ ไปสงขลา ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ แถมไม่มีเพื่อนคุยอีกเซงจิตจริงๆ สุดท้ายเลยต้องเปิดฟังเพลงขับรถเพลินๆ ไปตลอดทาง แต่เอ... เมื่อกี๊ผมเห็นเหมือนรถกองถ่ายแว๊บๆ แฮะ ตรงปั้มน้ำมันที่ผ่านมา และไม่รอช้า ผมวกรถกลับที่ทางกลับรถแรกที่เจอทันที
つづく.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ