ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์

-

เขียนโดย ploynin

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.

  18 ตอน
  1 วิจารณ์
  20.99K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ข้อมูลจากปากนางเอก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“ก็คุณเดย์สิคะ เอสก็เห็นๆ อยู่ อยู่ในกองก็เหมือนไม่อยู่นิ่งเงียบอยู่ตามหลืบต่างๆ จนบางครั้งพี่ๆ เขาก็หาตัวไม่ค่อยจะเจอ พอเริ่มซ้อมบทก็จำผิดๆ ถูกๆ ทำให้งานล่าช้าก็บ่อย”
          อันนั้นเธอมากกว่ามั้ง เอสคิดในใจแต่ก็ตั้งใจฟังข้อมูลของคนที่เขาสนใจต่อไป
        “แล้วที่บอกว่าใช้รถกองถ่ายเป็นประจำก็ใช่นะคะ จนรถกองถ่ายจะเป็นรถประจำตำแหน่งเธอไปซะละ นี่ถ้าไม่มีพี่แหววก็คงไม่สบายแบบนี้ เห็นว่าต้องประหยัดเพราะที่บ้านไม่ค่อยจะมีน่ะคะ”
          “หรอครับ”
          “ก็ดีแล้วนะคะ เกรทก็ว่าดีนั่งรถกองถ่ายประหยัดจริงๆ คะไม่เสียอะไรเลย ว่างๆ เกรทก็ของอาศัยบ้างนะคะ แต่ไม่ไหวคะ ตาผื่นคนขับรถแกขับยังไงไม่รู้ มีครั้งหนึ่งเกรทนั่งไปนี่แทบอาเจียนเพราะเมารถ   เกรทว่าเราไปจากตรงนี้ดีกว่านะคะ” เธอเรียกร้องเพราะเห็นว่ายืนคุยกันนานแล้ว อีกอย่างก็อยากให้ชายหนุ่มคนข้างๆ พาไปในที่ๆ มีแต่เธอและเขาเพียงสองคนเท่านั้น
          “ครับ” ร่างสูงรับคำง่ายๆ วันนี้เขาอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างบางที่หมายตาอยู่แล้ว คิดในใจว่าอย่างน้อยก็ไม่เสียเวลาเปล่า ถึงข้อมูลบางอย่างเขาจะรู้มาก่อนแล้วแต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าในมุมมองของเพื่อนร่วมงานแล้วเธอเป็นอย่างไร และมีอะไรอีกมั้ยที่บางทีนักสืบส่วนตัวอาจจะสืบมาไม่ละเอียดพอ
          เอสพาเกรทนางเอกสาวมาที่ผับซึ่งเขาเป็นวีไอพีเมมเบอร์อยู่ พอพนักงานเห็นก็เดินมาต้อนรับแล้วพาไปนั่งที่มุมประจำของเขาอย่างรู้งาน
          “แหม! เอสนี่รู้ใจเกรทจริงๆ นะคะ รู้ด้วยหรอคะว่าเกรทชอบผับบรรยากาศแบบนี้ที่สุด”
          “หรอครับ งั้นเราก็ชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมส่งสายตาหวานเย้มจนร่างบางหน้าแดงก่ำแต่ไม่วายส่งสายตายั่วยวนให้
          พนังงานเข้ามาบริการรับออเดอร์พร้อมส่งถึงโต๊ะอย่างรู้หน้าที่และรวดเร็วโดยไม่ต้องรอนาน สองร่างเบียดชิดแต่ดูเหมือนร่างบางจะพยายามเบียดเข้าหาร่างสูงเสียมากกว่า
          “พูดถึงในกอง เกรทว่าเป็นยังไงบ้างครับกองนี้” เขาถามเรื่อยๆ
          “เอสอยากรู้ไปทำไมครับ” นางถามกลับอย่างมีจริต
          “ก็ผมเพิ่งมาทำงานด้านนี้ก็เลยอยากรู้ว่าในกองเป็นยังไงกันบ้าง ผมต้องปรับตัวอะไรบ้างรึเปล่าจะได้รู้ไว้ก่อนไงครับ”
          “ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจนิคะ แต่จะมีที่แย่มากก็คนหนึ่ง”
          “ใครครับ” ถามอย่างสนใจ
          “ก็ป้าน้อยไงคะ บ่นได้บ่นดี”
          “แล้วคุณแหววละครับ”
          “คนนี้ก็อีกคน ไม่รู้ว่าช่างแต่งหน้าโลกนี้ไม่มีแล้วหรือไงทำไมไม่เอาออกไปสักที”
          “เกรทไม่ชอบคุณแหวว” ชายหนุ่มถามลองเชิงพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่มาให้
          “ก็ไม่มากคะ หมั่นไส้มากกว่าทำตัวเป็นองครักษ์ปกป้องคุณเดย์อยู่ได้”
          “ยังไงครับ” แล้วส่งแก้วต่อไปให้เพราะเห็นว่านางเอกสาวเริ่มให้ข้อมูลที่เขาสนใจแล้ว และดูท่าว่าจะได้มาง่ายๆ เพราะน้ำเมาที่เธอกระดกเข้าไป
          “ก็พี่แหววแกจะสแกนดาราที่จะมาเล่นกับคุณเดย์ก่อน ทำอย่างกับคุณเดย์เธอเป็นนางเอกสูงส่งมาจากไหน เกรทเคยถามดีฟที่เคยเล่นเป็นพระเอกเรื่องก่อนที่เขามีฉากเลิฟซีนกับคุณเดย์ เขาบอกว่าพี่แหววเข้ามาเตือนเขาไม่ให้นอกบทกับคุณเดย์ถึงที่เลยคะ ก็แหม! ใครๆ ก็รู้ว่าดีฟชอบเล่นนอกบทโดยเฉพาะฉากกอดรัดฟัดเหวี่ยง เกรทยังเจอประจำเลยคะ แต่ไม่ได้คิดมากนะคะ เกรทเข้าใจว่าเป็นเพราะบทมันพาไปมากกว่า” นางว่าไปเรื่อยๆ ก่อนกระดกแก้วพลันเองโดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องส่งให้แล้ว
          “ขนาดนั้นเลยหรอครับ” ร่างสูงฟังข้อมูลแล้วคิดตามพร้อมกับเอ่ยตอบรับเป็นจังหวะ
          “ส่วนคุณเดย์ เป็นนางร้ายแท้ๆ แต่ทำตัวอย่างกับเจ้าหญิงของวงการ นิ่งเงียบ เย่อหยิ่ง เกรทเคยเห็นนะคะว่ามีผู้ชายแอบส่งช่อดอกไม้ให้เธอก่อนเธอขึ้นรถกลับบ้านทุกเย็นด้วย แต่ก็แป๊กคะ” เสียงหัวเราะสนุกเมื่อพูดเรื่องนี้ของนางเอกสาวดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มนึกสงสัย
          “ทำไมครับ”
          “คนที่ส่งให้นะคะ มีตั้งแต่นักการเมืองดัง ไปจนถึงเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่จะไม่ให้ขำได้ยังไงคะ ก็แต่ละคนมีลูกมีเมียแล้วทั้งนั้น”
          “แล้วคุณเดย์รู้ด้วยหรอครับ”
          “คุณเดย์ไม่รู้หรอกคะ ไม่รู้เลยสักอย่าง จะว่าน่าสงสารดีมั้ยนะ ก็น่าสงสารอยู่หรอก มีแต่คนอยากได้ไปเป็นเมียน้อย”
          เอสได้ฟังก็นึกถูกใจ เย่อหยิ่งแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ดูเป็นการเพิ่มค่าให้ตัวเองด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยกแก้ววีสกี้ของตัวเองขึ้นจิบแล้วเริ่มล้วงข้อมูลต่อ “ไม่มีเลยสักคนหรอครับที่คุณเดย์เขาสนใจเป็นพิเศษ”
          “อืม...” นางเอกสาวยกนิ้วชี้มาจิ้มคางตัวเองก่อนหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจก่อนตอบ “ก็เห็นจะมีอยู่คนเดียวละคะ”
          พอได้ยินร่างสูงเริ่มคิวกระตุกอย่างไม่พอใจ แต่ก็ตั้งใจฟังต่อ
          “ก็เจ้าสัวชัยบดินเกียร์ติ เพราะเห็นรับช่อดอกไม้ของเขาไว้นะคะ ถึงแม้หน้าตาจะบูดบึ้งก็เถอะ” นางตอบมาเรื่อยๆ เหมือนเป็นข้อมูลธรรมดาที่ใครๆ ก็รู้กัน
          แต่ข้อมูลที่ได้รับรู้นี้ทำให้ร่างสูงถึงกับนึกไปถึงคนที่อาจจะเป็นคู่แข่งของตัวเอง พูดถึงเจ้าสัวคนนี้เขารู้จักดีเพราะเป็นเพื่อนก๊วนตีกอล์ฟของพ่อตนเอง แต่ก็ไม่น่าเชื่อเพราะถึงแม้เจ้าสัวชัยบดินเกียร์ติจะเป็นคนที่ดูดีดูอ่อนกว่าวัยกว่าอายุจริง แต่อย่างไรเสียก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่รักครอบครัว รักคุณนุสตาและมีลูกที่น่ารักอยู่แล้วคนหนึ่ง อีกใจก็คิดว่าไม่แน่เพราะสันดารผู้ชาย ดูอย่างเขาเป็นตัวอย่าง
          “หรอครับ”
          “ใช่คะ อยู่ในกองก็ชอบก้มหน้าอยู่กับกองกระดาษ ถ้าไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ขนาดนั้น ไม่ไปบวชเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่คงไม่ได้เห็นว่าแม่ไม่สบายต้องใช้เงินรักษาเยอะ แต่ที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้ได้ยังไม่รู้จะพอรึเปล่าด้วยซ้ำ บางทีวันดีคืนดีจนตรอกเข้าจริงๆ อาจสนใจไปเป็นเมียน้อยเขาก็ได้ ที่หมายตาหมายเลขหนึ่งก็คงไม่พ้นเจ้าสัวชัยบดินเกียร์ตินั่นแหละคะ” ด้วยน้ำเมาทำให้นางเอกสาวพูดวิจารณ์เพื่อนร่วมงานออกมาในเชิงไม่ดีสักเท่าไร ก่อนจะสิ้นเสียงไปพร้อมกับน้ำหนักที่ทิ้งลงที่โซฟา
          ชายหนุ่มคิดว่าทำไมนางเอกคนนี้ถึงได้ทำตัวง่ายแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงเอาเธอไปต่อถึงไหนๆ แล้ว และถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนก็คงไม่พลาดเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์กับผู้หญิงคนนี้เลย ในใจคิดถึงอีกคนตลอดเวลา คิดหาทางว่าจะเข้าหาเธอด้วยวิธีไหนดี ไม่ได้สนใจนางเอกสาวที่นอนให้ท่าเลยแม้แต่น้อย ก่อนล้วงเอามือถือเครื่องสวยขึ้นมาแล้วกดโทรออกสั่งงานอย่างเคยชิน
          “เตรียมห้องพักแขกที่โรงแรมให้ด้วย”
          “...”
          “เตียงเดี่ยวห้องธรรมดา”
          “...”
          “ไม่ต้องอึ้ง แล้วมาเอาตัวคุณเกรทไปพักที่ห้องนั้นด้วย”
          “...”
          “ที่ผับประจำ”
          “...”
          “ไม่ คืนนี้ฉันกลับไปนอนบ้าน”
          “...”
          “ฉันสั่งอะไรก็ทำเถอะน่า แซวอยู่ได้ เดี๋ยวตัดเงินเดินซะเลย โทษฐานสอดเรื่องเจ้านาย”
          “...”
          “เอ่อ! ให้ไว” แล้วกดวางสายอารมณ์เสีย มองไปทางนางเอกสาวพร้อมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แล้วเรียกเช็คบิลแล้วสั่งงานบริกร ก่อนเดินออกจากร้านไป
          เอสขับรถมาตลอดทางพร้อมความคิดเกี่ยวกับผู้คนมากมายที่ต้องการเข้าหาร่างบางอันเป็นที่หมายปอง ทั้งผู้ที่เธอตอบรับและปฏิเสธ เขาไม่เข้าใจว่าหากไม่ต้องการเป็นเมียน้อยใคร แล้วทำไมถึงยอมรับไมตรีจากเจ้าสัวคนนั้น เขาต้องรู้ให้ได้ ตอนนี้ต้องกลับบ้านไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณพ่อสุดรักที่เป็นเพื่อนรักกับเจ้าสัวคนดังกล่าว แล้วถ้าบอกพ่อเรื่องนี้พ่อเขาจะว่าอย่างไร ร่างสูงขับรถเข้ามาในบ้านเป็นเวลากว่าสี่ทุ่มแล้ว พอรถจอดก็มีคนมารับกุญแจแล้วเอารถเข้าที่ ร่างสูงเดินเข้าบ้านมองหาผู้เป็นบิดากะจะถามให้รู้เรื่องแต่ไม่เจอ เจอแต่ป้านิ่มแม่ครัวกำลังนั่งดูทีวีกับคุณแม่สุดรักอยู่แค่นั้น
          “เอ... วันนี้วันอะไรนะ ลูกชายฉันหาทางกลับบ้านถูกนะนิ่ม”
          “สงสัย เป็นวันสำคัญอะไรสักอย่างนะคะคุณผู้หญิง”
          “นั่นสิ วันสำคัญอะไรน๊า...”
          สองคนนั่งสนทนาเป็นเชิงล้อเลียนกันไปมาทำให้ร่างสูงถอนหายใจผ่อนอารมณ์แล้วเดินตรงเข้าไปนั่งด้วย แต่เป็นโซฟาอีกตัว
          “แม่ครับ พ่อไปไหน”
          “อุ้ย! ถามหาพ่อซะด้วย”
          “ใช่คะ! ถามหาคุณผู้ชาย”
          “พอครับป้านิ่ม อย่าเป็นลูกคู่เลยตอนนี้ผมอยากคุยกับคุณพ่อ”
          “มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าละ” คนเป็นแม่ถาม
          “ก็นิดหน่อยครับ”
          “แต่น่าเสียดายนะ พ่อเราเพิ่งนั่งเครื่องไปฝรั่งเศสเมื่อเย็นนี้เอง แม่เพิ่งไปส่งมา”
          “อ้าว! แล้วแม่ไม่ไปด้วยหรอครับ” ถามอย่างงงๆ เพราะเห็นปกติสองคนนี้ไปไหนไปกัน
          “ไม่ไปจ้า พอดีแม่ติดละคร อยากนั่งดูอยู่บ้านมากกว่า” คำตอบทำให้เขาหันไปทางทีวีก็เป็นจังหวะที่หมดช่วงสปอร์ตโฆษณา ก็ต่อด้วยละครที่มารดานั่งรอ
          “ดูสิคะ คุณผู้หญิงนางร้ายคนนี้ร้ายมากๆ เลยนะคะ น่าตบจริงๆ เลย”
          “ใช่! คนอะไรเป็นได้ขนาดนี้นะ”
          สองคนเข้าคู่เป็นปี่เป็นขลุ่ย ร่างสูงดูตามก็พบว่าเป็นนางร้ายคนที่เขาหมายปองนั่นเอง ดูไปเธอก็เข้าถึงบทบาทได้สุดๆ แต่พอนึกถึงความเป็นจริงที่ใครๆ ต่างคิดว่าเธอต้องเป็นอย่างในละคร เขาละแทบหลุดขำ เพราะมันต่างกันสุดขั้ว เขานั่งดูละครเรื่องนั้นกับมารดาจนจบ นั่งฟังคำบรรยาย ความอินจัดกับละครของสองลูกคู่ประจำบ้าน แต่ในใจนั้นก็ยังสงสัยว่า หากมารดาทราบว่าคนๆ นี้นี่แหละจะมาเป็นสะใภ้จะทำหน้าอย่างไร
          ละครจบทั้งสามก็พากันขึ้นนอน แต่ไม่วายก่อนขึ้นห้องยังได้ยินลูกคู่นินทาเขาไม่จบ
          “คิดว่าตื่นมาพรุ่งนี้เช้าอากาศจะวิปโยคมั้ย”
          “ทำไมคะคุณผู้หญิง”
          “ก็ตาเอสมานั่งดูละครกับฉันนะสิ”
          “อ่อ ใช่คะ งั้นคืนนี้นิ่มต้องสวดมนต์ก่อนนอนซะละ”
          “ทำไมละ”
          “ก็กลัวผีมาหลอกนะสิคะ”
          “ใช่! ทั้งกลับบ้านถูก ทั้งมานั่งดูละครด้วย” ประโยคท้ายพูดพร้อมกันเหมือนนัดแนะพร้อมกับหันไปมองร่างสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เอสได้แต่หันมาส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนเดินขึ้นห้องตัวเองไป
#####################################################################
          “งานเรียบร้อยดีนะคะคุณเดย์ ทางสำนักพิมพ์เลือกไม่ผิดจริงๆ ที่ร่วมงานกับคุณ”
          “ขอบคุณมากคะ เดย์เองก็ต้องขอขอบคุณทางสำนักพิมพ์ด้วยนะคะที่ไว้ใจเดย์”
          “ว่าแต่วันนี้คุณเดย์มีธุระที่ไหนต่อรึเปล่าคะ”
          คำถามนี้ทำให้เดย์สงสัย แต่ใบหน้าคงปิดไม่มิดทำให้บรรณาธิการสาวต้องรีบแถลงไข
          “คือพอดีวันนี้พี่จะพาน้องๆ ในสำนักพิมพ์ไปเลี้ยงขอบคุณนะคะ อีกอย่างน้องชายพี่เขาเพิ่งขึ้นมาจากหาดใหญ่ แล้วน้องเดย์ก็มาส่งงานพอดีด้วย พี่เลยถือโอกาสชวนเสียเลย น้องเดย์ปฏิเสธพี่หลายครั้งแล้วหวังว่าครั้งนี้จะให้เกียรติพี่สักครั้งนะ” บุญฑริกา หรือบรรณาธิการรบุญฑริกที่ใครๆ ต่างเรียกขานนั้นเป็นคนขี้เล่นอัธยาสัยดีทำให้เป็นที่รักของพนักงานทุกคน เธอเคยชวนเดย์หลายครั้งแต่เดย์ก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะว่าช่วงเย็นๆ ถึงสองทุ่มเป็นเวลาครอบครัวของเธอ ซึ่งเธอต้องไปหามารดาที่โรงพยาบาลทุกวันก่อนกลับบ้าน การเชิญชวนครั้งนี้ทำให้เธอลำบากใจไม่น้อยก่อนขอตัวไปโทรศัพท์ข้างนอก
          “เดย์ขออนุญาตไปโทรศัพท์ก่อนนะคะ เดี๋ยวเข้ามาให้คำตอบคะ” ซึ่งบรรณาธิการสาวก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
          “สวัสดีคะพี่ผึ้ง เดย์เองคะ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะวันนี้” เดย์กดโทรศัพท์หาพยาบาลประจำที่เธอจ้างไว้ให้ดูแลแม่ของเธอ
          “คุณหมอให้ยานอนหลับคะ หลับได้สักพักแล้ว” จากคำอธิบายของพยาบาลทำให้เดย์เงียบแต่ร้อนใจอยู่ในอกเพราะกังวล ทำให้พยาบาลต้องรีบอธิบายต่อ “วันนี้คุณแม่น้ำของคุณเดย์ไม่ได้นอนกลางวันคะ คุณหมอเลยให้ยานอนหลับ พร้อมอาหารเย็น คิดว่าคงตื่นพรุ่งนี้แหละคะ”
          “หรอคะ ค่อยยังชั่ว คุณแม่จะตื่นพรุ่งนี้ใช่มั้ยคะ งั้นเดย์ไปหาท่านพรุ่งนี้ก็แล้ว ฝากคุณผึ้งช่วยดูคุณแม่ให้ด้วยนะคะ” คุยได้สักพักเดย์ก็วางสายพร้อมให้คำตอบกับบรรณาธิการสาวได้แล้ว
          “ขออนุญาตค่ะ” บรรณาธิการสาวทำหน้าขอคำตอบทันที “โอเคคะ”
          “เย้! งั้นไปกันเลย” ทุกคนพร้อมเคลื่อนพลแล้วแต่เดย์ไม่รู้ พอเห็นทุกคนกุลีกุจอก็สำนึกผิดขึ้นมาว่าเป็นความผิดตัวเองที่ทำให้ทุกคนมารอเสียเวลาแบบนี้ สีหน้านี้หนีไม่พ้นสายตาบรรณาธิการสาวเธอเดินเข้าไปตบไหล่ปลอบใจว่าไม่ใช่เพราะหญิงสาว เพราะถึงเดย์ปฏิเสธทุกคนก็ได้ไปอยู่ดี แต่ที่ดีใจกันนี้เพราะเดย์ไปด้วยนั่นเอง แถมสำทับกลับอีกว่า “ไปกับดารา ยืดซะไม่มี” ทุกคนเคลื่อนพลออกจากบริษัทตรงไปร้านอาหารญี่ปุ่นสาขาหนึ่งซึ่งวันนี้เขียนป้ายติดหน้าร้านไว้ว่าปิดบริการ แต่มีคนเดินเข้าเป็นฝูงก็รู้ได้ว่าร้านถูกเหมาแล้ว
          “เอา! ทุกคน ดื่มให้กับความใจปล้ำของพี่บุญฑริกกันหน่อย”
          “เย้!”
          “แล้วก็ดื่มให้กับคุณเดย์ ที่ทำให้พี่บุญฑริกใจกว้างขนาดนี้”
          “เย้”
          เดย์งงกับคำกล่าวนี้เหลือเกินจนอิ่งอ้อยเลขาณุการของบุญฑริกต้องแถลงไขให้
          “ก็พี่บุญฑริกเขาบอกว่า ถ้าวันนี้คุณเดย์มาด้วยจะปิดร้านซูชิฉลองให้ แต่ถ้าไม่มา เขาจองแค่ห้องวีไอพีของร้านอาหารอีกร้านไว้เท่านั้น พวกเราก็เลยพนันกันว่าจะได้กินร้านไหน รอบนี้พี่บุญฑริกแกชนะล้มกระดานเพราะทุกคนพนันว่าคุณเดย์ไม่มา แต่พี่บุญฑริกเขาชนะเพราะคุณเดย์มา เลยรวยอื้อต้องปิดร้านเลี้ยงคะ ส่วนพวกนี้ก็แค่เจ็บใจ ทำอะไรไม่ได้นอกจากจ่ายให้พี่แก แล้วกินกันประชดเท่านั้น”
          พอเดย์ได้ยินเข้าก็ยิ้มขำกับวิธีการของบรรณาธิการสาว จากนั้นก็นั่งกินนั่งเมาท์กันไป เดย์เป็นคนมีหลักการแถมคุยสนุก รวมถึงคนเหล่านี้ก็ทำงานในแวดวงของตัวหนังสือเลยพูดคุยถูกคอกันเป็นพิเศษ พอได้เวลาสองทุ่มน้องชายของบรรณาธิการสาวก็มาถึง เธอแนะนำให้ทุกคนในบริษัทได้รู้จักกันในคราวเดียว
          “เอาๆๆ พวกแมลงหวี่แมลงวันทั้งหลาย หยุดก่อนจ้า วันนี้พี่มีหนุ่มหล่อมาแนะนำให้รู้จัก พ่อหนุ่มผิวสีน้ำผึง มาทเข้มถึงใจ ไม่ใช่ละนอกเรื่องๆ”
“โห่” เสียงโห่ฮาเกรียว
“คนนี้ๆ คือใคร หลายคนคงรู้แล้ว แต่คิดว่าอีกหลายคนคงไม่รู้จักจะแนะนำให้รู้จักกันในทีเดียว คนนี้เป็นน้องชายสุดรักสุดหวงของคุณพี่เองค๊า หรือใครอาจจะรู้จักว่าเขาเป็นหุ้นส่วนบริษัทด้วยนามว่า กิตติภพเรืองเดชากุล ก็แน่ละ พี่ขอตังค์มันมาลงหุ้นนินา ฮ่าๆๆ” คำแนะนำนี้เรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งหมดก่อนชายหนุ่มจะเดินมาประคองพี่สาว
“พี่ นี่พี่ซัดไปแค่ไหนเนี๊ยะ ทำไมไปก่อนละ”
“แค่ไหน แค่นี้” บรรณาธิการสาวยกมืขึ้นมากางนิ้วเล็กน้อยแสดงปริมาณที่ตนเองดื่มเข้าไปพร้อมหัวเราะแฮ่ะๆ
“ก็รู้ว่าตัวเองคอแป๊บ แล้วจะกินทำไมก็ไม่รู้” เขาบ่นไม่จริงจังนักก่อนพาพี่สาวมานั่งตรงโซฟาข้างเดย์
“ขอโทษนะครับ” แล้ววางพี่สาวลง
“เชิญตามสบายคะ”
“คุณ... ผมคิดว่าผมคุ้นๆ หน้าคุณนะครับ”
“คะ พอดีหน้าโหลน่ะคะ” เดย์พูดไม่จริงจังนัก ดูติดตลกเสียมากกว่า แต่ทุกอย่างก็รู้แจ้งเมื่ออิ๋งอ้อยกล่าวแนะนำเดย์ให้ชายหนุ่มรู้จัก
“จะไม่คุ้นหน้าคุณเดย์ได้ยังไงคะ ก็ตอนนี้หน้าคุณเดย์ออกหลังข่าวสองทุกวันเลย”
“เอ่อใช่!” ทำให้ชายหนุ่มนึกได้ก่อนล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบรูปเธอที่เป็นรูปขนาดสองนิ้วมายื่นให้
“แฟนคลับครับ” ทำให้ร่างบางงงๆ เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะติดละคร แต่ที่งงกว่าคือแทนที่จะเป็นแฟนคลับของนางเอกกลับกลายเป็นนางร้ายอย่างเธอ เมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งๆ เขาจึงอธิบายต่อ
“คือ หลานสาวของผม ยัยกุ๊กไก่แกเป็นแฟนคลับคุณนะครับ แล้วเขาก็ฝากรูปคุณให้ผมขอลายเซ็นด้วย ผมเห็นมันเล็กๆ ดีเลยเก็บใส่กระเป๋าสตางค์ไว้จะได้ไม่ลืมนะครับ แกคะยันคะยอผมตลอดเลยว่าถ้าผมเข้ากรุงเทพฯ ต้องขอลายเซ็นคุณเดย์มาให้ได้”
“น้องกุ๊กไก่ที่มาเรียนแอคติ้งที่โรงเรียนของพี่ดาวเมื่อสามเดือนก่อนหรอคะ”
“ครับ ใช่ครับ คุณเดย์จำแม่นจัง”
“ก็เพื่อนร่วมรุ่นนิคะ”
คำตอบที่ได้ทำให้ชายหนุ่มถึงกับงง ก็เพราะว่าสองคนต่างวัยไม่น่าจะอยู่คลาสเดียวกันได้ ทำให้เดย์ต้องรีบอธิบาย
“คือ เดย์ก็เข้าเรียนการแสดงที่นั้นเพิ่มนะคะ หลังจากแคสได้ละครเรื่องแรก แล้วก็จังกับคลาสเด็กพอดี น้องกุ๊กไก่แกเก่งมากนะ วันนั้นเราลองบทร้ายกัน ครูดาวให้เดย์เล่นร้ายให้เด็กที่ต่อบทด้วยร้องไห้จริงๆ ให้ได้ ซึ่งเด็กคนที่ต่อบทกับเดย์วันนั้นคือน้องกุ๊กไก่คะ เดย์เล่นไปน้องเขาก็ส่ายหน้าไป ก่อนจะเล่นบทนั้นให้เดย์ดู เชื่อมั้ยคะ ว่าเดย์น้ำตาแตกเลย ถูกน้องเขาด่าตามบท”
“ถึงว่า ยัยกุ๊กไก่แกเห็นคุณทุกวันในละครหลังข่าว ก็เปรยๆ ว่าฝีมือดีขึ้นๆ อะไรทำนองนี้”
สองคนคุยกันสนุก แต่ก็อยู่ในสายตาของพี่สาวตลอด เธอพิจารณาร่างบางที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในขณะที่พูดคุยกับน้องชายเธอ และรู้ด้วยว่าน้องชายของเธอนั้นชอบพอดีอยู่มากเหมือนกัน เพราะปกติแล้วเขาคุยกับผู้หญิงได้ไม่กี่ประโยคก็จบละ จนเกิดความคิดจะจับคู่ให้สองคนนี้ขึ้นมาในใจ
งานเลี้ยงวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนสนุกมีความสุข ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน เดย์เองก็กำลังจะกลับก็ถูกเรียกไว้ก่อนด้วยเสียงอ้อแอ้ของบรรณาธิการสาว
“คูณเดย์เดี๋ยวพี่ปายส่งคะ ไปเลวลุกไอ้น้องชาย” เดย์กำลังจะปฏิเสธเพราะเกรงใจแต่ไม่มีโอกาสเพราะบุญฑริกาเข้าไปกอดคอน้องชายสั่งให้ลุกขึ้นพากันเดินไปที่รถที่จอดไว้
กิตติภพวางพี่สาวตัวเองไว้เบาะนั่งด้านหลังแล้วเดินมาเปิดประตูด้านข้างคนขับให้หญิงสาวซึ่งเธอก็ไม่ปฏิเสธเพราะเห็นว่าคนเมาเริ่มเลื้อยแล้วคิดว่าคงอยากถึงบ้านเร็วๆ เธอจึงไม่คิดอิดออดอีกต่อไป ในจังหวะนั้นเหมือนกับเห็นแสงแฟลชจากที่ไหนสักแห่ง แต่ทั้งสองคิดว่าคงคิดไปเองจึงไม่ได้สนใจ พากันขึ้นรถแล้วขับออกไปจากลานจอด
กิตติภพไปส่งหญิงสาวที่คอนโดของเธอ แล้วลากลับเลย เดย์เองยืนส่งจนรถที่ขับมาส่งลับตาแล้วเดินขึ้นห้องของตัวเองตามปกติ
เมื่อถึงห้องพักเดย์วางสัมภาระแล้วเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดให้สบายตัวก่อนจะมานั่งตรงที่นั่งบนโซฟาเพื่ออ่านบทที่ต้องเข้าฉากวันพรุ่งนี้ พร้อมท่องและซ้อมเองบ้างบางส่วน จนเวลาล่างเข้าไปถึงห้าทุ่มก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกเหมือนเป็นเบอร์โทรทางไกลแต่เธอก็เลือกจะรับเพราะบางทีอาจเป็นธุระด่วนก็เป็นได้
“คะ เดย์คะ” ร่างบางรับพร้อมกับฟังปลายสายไปด้วยอย่างจับสังเกต
“น้องเดย์พ่อนะครับ พ่อโทรจากฝรั่งเศส จะกลับไทยพรุ่งนี้แล้ว หนูอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”
“ไม่คะ ขอบคุณ” เดย์ตอบก่อนจะกดวางสายแต่ถูกเรียกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิลูก พ่อเข้าใจว่าหนูโกรธพ่อนะ แต่หนูจะปฏิเสธทุกอย่างที่พ่อจะให้ไม่ได้นะลูก”
“มีแค่นี้ใช่มั้ยคะ”
“น้องเดย์ เข้าใจพ่อบางสิลูก” ร่างบางเงียบก่อนตัดสินใจตอบประโยคสุดท้ายแล้วกดวางทันที
“คะ เอาเป็นเดย์เข้าใจ แค่นี้นะคะ เดินทางปลอดภัยคะ”
ร่างบางวางสายจากบุพการีก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น เดย์พยายามเข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝ่าย แต่ความเข้ากันได้กับความถูกต้องมันดูส่วนทางกันเหลือเกิน ทำให้เธอน้ำตานองหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างบางสะอื้นอย่างนั้นจนเผลอหลับที่โซฟากลางห้องรับแขกนั้นเอง
つづく.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา