ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์

-

เขียนโดย ploynin

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.

  18 ตอน
  1 วิจารณ์
  20.77K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เมื่อนางร้ายเป็นข่าว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ว่าแล้วเชียวว่าแม่นี่หยิบชินปลามันจริงๆ นี่ขนาดเห็นเงียบๆ นะ ถ้าแรดๆ อย่างนางเอกของเราคงได้ผัวทั้งบาง”   เสียงช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองเอ่ยขึ้นเยาะๆ รุ่นพี่ช่างแต่งหน้าอย่างแหวว เพราะรู้ดีว่าแหววนั้นดันนางร้ายคนนี้เต็มที่ รวมถึงทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์อีกต่างหาก

          “ความจริงก็ยังไม่รู้ ข่าวเขียนมั่วๆ รึเปล่า พวกปัญญาเบาเท่านั้นแหละที่หลงเชื่อไปได้” แหวววางผ้าเช็ดมือที่ใช้อยู่บนโต๊ะระบายอารมณ์ “นี่! นังช้างพัง ฉันเข้าใจนะถ้าแกจะไม่ชอบใจฉันเขม่นกันมันเรื่องปกติ แต่ฉันถามหน่อยเถอะ ว่าน้องเดย์เขาอยู่เงียบๆ อย่างนั้น เขาเอาเวลาที่ไหนไปเยียบหางแกไม่ทราบ ถึงได้แว้งกัดเขาขนาดนี้อะ”

          “หนูไม่ใช่หมานะค่ะเจ้ ที่จะแว้งกัดใครได้” นางว่าอย่างสำนึกได้เพราะจริงๆ แล้วหญิงสาวก็ไม่ได้ทำอะไรให้ตัวเองไม่พอใจเลยสักนิด

          “แล้วพฤติกรรมของหล่อนที่ทำอยู่ตอนนี้เขาเรียกอะไร!?” แหววถามอย่างเอาเรื่องต่อ

          “ก็... ก็หนูก็แค่ใส่อารมณ์มากไปหน่อย” นางทำท่าทางบีบน้ำตาก่อนเดินเข้ามาง้อ

          “ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง เจ้าตัวเขามีคิวตอนบ่ายเดี๋ยวฉันจะถามให้”

          เช้านี่เรื่องของนางร้ายสาวสวยตกเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขึ้นมาทันที หลังจากมีมือดีถ่ายรูปได้ตอนที่ชายหนุ่มนิรนามเปิดประตูรถให้เธอขึ้นนั่งเคียงคู่กับเขาอย่างหน้าชื่นตาบาน พร้อมคำบรรยายใต้ภาพเสียงยิ่งกว่านิยายโลกทราม

 

 

          “นี่มันอะไรนี่ ไอ้นี่มันใครวะ” เสียงโวยวายอย่างหัวเสียของเอสดังลั่นห้องอาหารก่อนปาหนังสือพิมพ์ลงพื้นระบายอารมณ์ หลังจากที่เขาลงมาจากห้องแล้วจะมานั่งดื่มกาแฟอ่านข่าวตามปกติวิสัย แต่ข่าวที่ได้อ่านนั้นทำให้เขาอารมณ์เสียแต่เช้าจนมีสภาพอย่างที่เห็น ก่อนล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงสั่งงานตามนิสัย

          “ไปดูสิว่าไอ้คนที่มันเป็นข่าวกับว่าที่เมียฉันนี่มันเป็นใคร”

          “...”

          “เรื่องนี่แกต้องเสือก แล้วสอดรู้มาให้ได้ ไม่งั้นฉันตัดโบนัสสิ้นปีแก 50%”

          “...”

          “ไม่ต้องพูดแล้ว ไปทำ!” แล้วกดวางสายทันที แต่ก่อนจะได้นั่งจิบกาแฟ ก็มีข่าวบันเทิงรอบเช้าที่แม่บ้านเปิดทิ้งไว้ ซึ่งเป็นข่าวอะไรไปไม่ได้นอกจากข่าวที่เขาเพิ่งอ่านไป ยิ่งทำให้เขาหัวเสียเข้าไปอีก มือคว้าของอะไรใกล้มือได้ก็ปาไปที่ทีวีเครื่องนั้นก่อนออกจากบ้านโดยไม่รอดูผลงานที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของตน

          “ตาเอสเป็นอะไร อารมณ์เสียอะไรแต่เช้า”

          “ไม่ทราบสิคะคุณผู้หญิง นิ่มได้ยินแว่วๆ ว่า ว่าที่เมียฉัน อะไรนี่แหละคะ”

          “หา! นี่ตาเอสกำลังจะหาลูกสะใภ้เป็นตัวเป็นตนให้ฉันใช่มั้ยนี่ โธ!ๆ ลูกกตัญญูแท้ๆ” คุณนายของบ้านกำลังเป็นปลื้มกับลูกชายจนไม่ได้ดูเลยว่าอะไรเกิดขึ้นจนแม่บ้านคนสนิทต้องสะกิดให้ดู

          “คุณผู้หญิงคะ นั่นๆ”

          “อ๊าย! ตาเอส ลูกบ้า! นี่เครื่องที่เท่าไรแล้วนี่” นางมองทีวีที่หน้าจอแตกแล้ววีนขึ้นสุดเสียงก่อนเดินไปทางทีวีผู้น่าสงสารที่ต้องกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของคนอารมณ์รุนแรง ย้อนนึกไปถึงลูกสะใภ้จะเป็นคนแบบไหนกันที่รองรับอารมณ์ของลูกชายของเธอได้ ส่วนทีวีตรงหน้า เมื่อเสียแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ชวนแม่บ้านคนสนิทไปห้างเพื่อเลือกซื้อทีวีเครื่องใหม่ตามระเบียบ

 

 

          ชายหนุ่มขับรถอย่างเร็วตรงมาที่บริษัท เขาต้องรีบไปเคลียร์งานให้เสร็จก่อนที่จะเข้าไปที่กองถ่ายช่วงบ่าย แล้วที่สำคัญต้องไปเอาข้อมูลตามที่สั่งมือขวาคนสนิทให้จัดการเพื่อดูว่าคู่แข่งคนที่สองที่เพิ่งปรากฏตัวตามข่าวเมื่อคืนนี้ มันเป็นใคร ส่วนเนื้อหาข่าว เขาไม่เชื่อหรอก เขียนได้ขนาดนี้สงสัยนั่งเทียนแน่ หากถูกหญิงสาวฟ้องขึ้นมาเขานี่แหละจะให้การสนับสนุนจ้างทนายทุกอย่าง เอาให้สำนักพิมพ์มันล้มละลายพังพินาศไปเลย

          “ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยครับเจ้านาย”

          คำตอบที่ได้เรียกได้แค่สายตาต้องการคำอธิบายจากลูกน้องคนสนิท หลังจากที่เขาเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปแล้วเห็นว่านัทธีนั่งรออยู่ที่โซฟาในห้อง พอเขานั่งประจำที่แล้วเหมือนเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายเริ่มรายงานเรื่องที่เขาสั่งเร่งด่วนมาเมื่อเช้า

          “คุณเดย์ไปส่งงานที่สำนักพิมพ์ แล้วบรรณาธิการของสำนักพิมพ์เขาชวนไปเลี้ยงขอบคุณพนักงาน คุณเดย์เธอก็เลยไปด้วย”

          “ขึ้นเรื่องไอ้หมอนั่นสักที” ร่างสูงเร่งอย่างหัวเสีย เพราะขณะรายงานนั้นเขาเห็นสายตาแวววาวกึ่งล้อเลียนของลูกน้อง ซึ่งมันทำให้เขายิ่งหงุดหงิด ถึงจะได้คำตอบแต่แรกแล้วว่ามันไม่มีอะไรก็ตาม

          “คร๊าบ...ใจร้อนจริงเชียว ส่วนผู้ชายที่เป็นข่าวด้วยคือคุณกิตติภพ เป็นน้องชายของคุณบรรณาธิการเพิ่งขึ้นมาจากหาดใหญ่เมื่อวานนี้ หลังจากงานเลี้ยงเลิกเขาก็ไปส่งเธอเท่านั้น แล้วอีกอย่างในรถไม่ได้มีแค่คุณเดย์กับคุณกิตติภพ แต่ยังมีคุณบุญฑริกาหรือบรรณาธิการสำนักพิมพ์นั่งอยู่ด้วยแต่อยู่ด้านหลัง”

          พอได้ฟังข้อมูลแล้ว ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ยิ้มพอใจพร้อมกับหยิบแฟ้มงานที่วางอยู่บนโต๊ะมานั่งอ่าน แล้วโบกมือไล่นัทธีให้ออกจากห้องทำงานของตนได้

          นัทธีพอเห็นท่าทีเจ้านายก็กลั้นยิ้มสุดฤทธิ์ ค้อมตัวทำความเคารพก่อนเดินออกจากห้องไปทำงานของตัวเองต่อไป

          “นัท” ในขณะที่นัทธีเดินผ่านโต๊ะเลขาหน้าห้องนั้นก็ถูกเรียกไว้ด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ เมื่อมองไปทางห้องของเจ้านายตัวเอง ทำให้นัทธีเข้าใจความหมายได้ทันที

          “ไม่เป็นไร เคลียร์แล้ว”

          “แน่ใจนะ ตอนเดินเข้ามาหน้าถมึงทึงอย่างกับจะฆ่าใครสักคนให้ได้อย่างนั้น”

          “รับรอง แต่อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยเข้าไปรายงานตารางงานจะดีกว่า” นัทธีแนะนำ

          “อืม ขอบใจ” ดลภพเลขาหน้าห้องนึกเบาใจ “เมื่อเช้าฉันเห็นแกวิ่งออกจากคอนโด ไปไหนวะ ให้ฉันเดา ไม่พ้นเรื่องเจ้านายแน่ๆ” แต่ไม่วายนึกสงสัย

          “ฉลาด!”

          “แน่หละ มีคนเดียวที่จะทำให้แกวิ่งหน้าตั้งได้ขนาดนี้ตั้งแต่รู้จักกันมา”

          “ใช่! แต่ฉันทำงานเสร็จทันเวลา แกเลยไม่โดนหางเลขไง ขอบใจฉันซะ”

          “จะให้เลี้ยงอะไรดีละ” สองคนมองหน้ากันอย่างชั่งใจก่อนที่ทุกอย่างจะยุติลงด้วยเสียงตะโกนเรียกของคนที่อยู่ในห้อง

          “เฮ่ย! จ้างมาทำงานโว้ย จะเมาท์กันอีกนานมั้ย”

          “ไปละ โชคดี” นัทธีว่าก่อนเดินตัวปลิวออกไปส่วนดลภพนั้นก็หยิบสมุดตารางงานนัดหมายเข้าไปในห้องเจ้านายตามหน้าที่

          “คร๊าบ... ไปแล้วครับ”

          “ฉันรู้ว่าแกสองคนเมาท์แตกกันอยู่หน้าห้อง”

          “ครับ ก็เมาท์กันอยู่จริงๆ” ดลภพยอมรับอารมณ์ดีก่อนรายงานตารางงานให้เจ้านายรับทราบ

          “วันนี้เจ้านายมีประชุมบอร์ดช่วงเช้าเกี่ยวกับการดำเนินงานไตรมาสแรกของโปรเจค ‘ออฟอวัน’ ส่วนช่วงบ่ายผมหลีกตารางให้เจ้านายไปกองถ่ายได้ตามสบายครับ"

          “ดีมาก ฉันขอรายงานงบการเงินของโปรเจค ‘ดรีมบีส’ ด้วย เอามาให้ฉันหลังประชุมเสร็จ

          “ครับ”

          “พร้อมนะ วันนี้ฉันจะบี้ไอ้แก่จอมขี้เกียจพวกนั้นให้เละเลย” สายตาเอาจริงมองตรงไปข้างหน้าสวนกับเลขาคนสนิทตรงไปที่ห้องประชุม โดยมีดลภพเดินถือเอกสารตามไปติดๆ

 

          เดย์มาถึงกองถ่ายก่อนเที่ยงวัน เนื่องจากเธอตั้งใจมาช่วยแหววเตรียมงานและเตรียมอุปกรณ์เครื่องแต่งหน้าให้พร้อมใช้ รวมถึงช่วยแต่งหน้าให้นักแสดงบางคนที่ต้องเข้าฉากด้วย แต่พอมาถึงกองถ่ายก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีสายตาหลายคู่มองอยู่ ซึ่งปกติก็มีคนมองอยู่แล้ว แต่วันนี้รังสีที่มองเธอนั้นรู้สึกมันแปลกไป เหมือนต้องการค้นหาความจริงอะไรสักอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ ตรงไปที่เต็นท์สำหรับแต่งหน้าทำผมทันที

          “สวัสดีคะพี่แหวว” พอมาถึงเธอก็ทักทายตามปกติ ซึ่งตอนนั้นมีแหววกำลังแต่งหน้าให้นักแสดงอยู่

          “จ้า” แหววรับคำเสียงหวาน ก่อนจะกระเทิบเข้ามาใกล้หญิงสาวอีกนิดแล้วกระซิบ “เดี๋ยวพี่มีเรื่องจะถาม”

          “ถามมาเถอะค่ะ เดย์ไม่มีความลับอยู่แล้ว” ร่างบางวางกระเป๋าลงใกล้ๆ ก่อนมองสบตาเป็นการเปิดโอกาสให้ถามได้เต็มที่

          “งั้นพี่ไม่เกรงใจนะ ถึงเดย์จะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็เถอะ”

          “ได้ค่ะ พี่แหววก็รู้จักเดย์ดีอยู่แล้วนิค่ะ”

          “อืม... เดย์เห็นข่าวเมื่อเช้ารึยัง” หญิงสาวทำหน้างง “ทำหน้าอย่างนี้ไม่รู้แน่เลยใช่มั้ย”

          “ข่าวอะไรค่ะ”

          แหววทำทีเป็นบุ้ยใบไปทางหนังสือพิมพ์ที่วางกองอยู่ตรงโต๊ะที่หญิงสาวนั่งแล้วพอจะเอื้อมถึง เดย์เองก็ว่าง่ายเอื้อมไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะเปิดอ่านก็เห็นรูปตัวเองที่กำลังก้าวขึ้นรถโดยมีชายหนุ่มที่เธอรู้ดีว่าเป็นใครเป็นคนทำหน้าทีเปิดประตูให้ ในรูปใบหน้าของเธอและเขาต่างยิ้มแย้ม แต่ด้วยมุมกล้องทำให้มันเหมือนเป็นการยิ้มหวานเชื้อเชิญเสียอย่างนั้น ร่างบางพอเห็นรูปก็พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

          “ว่าแล้วเชียว เช้านี้เดย์สงสัยมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าทำไมใครๆ มองเดย์กันจัง มองแล้วก็หันกลับไปซุบซิบอะไรกันด้วย”

          “พี่สนใจว่า ชายหนุ่มนิรนามคนนี้เป็นใคร แล้ว...” แหววถามแบบแกล้งเล่น

          “คุณกิตติภพ น้องชายของคุณบุญฑริกา เดย์เพิ่งรู้จักเขาเมื่อวานในงานเลี้ยงขอบคุณพนักงานของสำนักพิมพ์”

          คำตอบที่ได้ทำให้แหววไม่นึกแปลกใจ เพราะแน่หละว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้เป็นอย่างที่ในข่าวเขียนสักนิดเดียว

          “แล้วอย่างนี้เดย์จะเข้าหน้าเขาสองคนติดหรอค่ะนี่ สงสารก็แต่คุณกิตติภพที่พอรู้จักเดย์แล้วต้องทำให้เขาเดือดร้อนในวันรุ่งขึ้นเลย” ร่างบางโอดครวญ หลังจากนั่งอ่านเนื้อหาแล้ว ไม่ได้รู้สึกทุกร้อนว่าตัวเองจะเสียชื่อเสียง แต่ร้อนใจกับคนที่ต้องตกมาเป็นข่าวร่วมกับเธอจริงๆ

          “แล้วตกลงคือ...” ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากให้แน่ใจอีกครั้ง

          “ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยค่ะ”

          “ว่าแล้วเชียว น้องสาวที่น่ารักของพี่ไม่มีทางทำตัวอย่างที่ข่าวเน่าๆ นี่มันว่าแน่นอน” นางว่าแล้วหันไปแต่งหน้าให้นักแสดงต่อ ซึ่งการที่แหววพูดต่อหน้านักแสดงคนอื่นนั้นก็เพื่อจะได้ให้ช่วยเอาไปกระจายข่าวด้วยนั่นเอง

          “เดย์ไปเตรียมอุปกรณ์แต่งหน้าอีกชุดนะค่ะ จะได้ช่วยพี่แหววด้วย”

          “จ้า”

          ร่างบางเดินผ่านจัดนั่นจับนี่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานตอนบ่าย นักแสดงคนที่มาต่อจากหญิงสาวคือ ชายหนุ่มตัวร้ายของเรื่องนั่นเอง เขาเดินตรงมาที่นั่งสำหรับแต่งหน้าให้นักแสดงในเต็นท์ โดยที่ช่างแต่งหน้าที่เหลือมีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่ว่างอยู่

          “คุณเดย์แต่งหน้านักแสดงอื่นเป็นด้วยหรอครับ”

          “เป็นแน่นอนสิค่ะ ลูกมือคนเก่งของพี่ ศิษย์เอกหมายเลขหนึ่งเลยก็ว่าได้” แหววได้ทีโฆษณาอวดเสียหน่อย

          “งั้นรบกวนด้วยนะครับ”

          “คะ ขอโทษนะค่ะ” เดย์เริ่มงานในฐานะช่างแต่งหน้าทันที ซึ่งเธอเองก็ตั้งใจเต็มที่กับงาน พอแต่งหน้าชายหนุ่มเสร็จแหววก็ไล่ให้ร่างบางไปเปลี่ยนชุดเพื่อที่ได้จะได้ออกมาแต่งหน้าทำผม เตรียมการซ้อมบทซ้อมคิวก่อนถ่ายทำจริง ซึ่งเธอก็ว่าง่าย

          พอหญิงสาวเปลี่ยนชุดเสร็จแหววก็ทำหน้าที่แต่งหน้าให้ก่อน แล้วส่งต่อให้ช่างทำผมทำต่อจนเสร็จ ทุกอย่างเตรียมพร้อมก่อนเวลาเริ่มงาน ทำให้นักแสดงมีเวลาซ้อมบท

          “ขอโทษนะค่ะที่ให้รอ” เดย์เรียกชายหนุ่มเพราะเห็นว่าเขายืนหันหลังให้เธอ

          “ครับ งั้นเริ่มเลยนะครับ”

          ฉากนี้เป็นฉากเลิฟซีนของตัวร้ายและนางร้ายของเรื่องที่ยินยอมพร้อมใจ และเคลิบเคลิ้มกับบทรักที่ต่างคนต่างมอบให้กัน เป็นฉากที่เล่นยากมากสำหรับหญิงสาว เพราะไม่เคยถูกการเล้าโลมจริงๆ มากก่อน จึงไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ในส่วนนี้เท่าใด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอไปขอยืมละครที่มีฉากแบบนี้มาจากแหววเพื่อศึกษาล่วงหน้าแล้วแท้ๆ แต่ก็ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะหญิงสาวนั้นขัดเขินเต็มที่ ใครก็ดูออกว่าไม่มีความเป็นธรรมชาติเลย

          เดย์ค่อนข้างเป็นกังวลมาก เพราะตอนซ้อมเธอพอจะรู้ว่ามันห่วยขนาดไหน เธอกลัวทำให้คนอื่นเสียเวลาจนใบหน้าแสดงความกังวลออกมาอย่างไม่ปิดบัง สิ่งที่แสดงออกมานั้นไม่อาจจะหลุดพ้นไปจากสายตาของชายหนุ่มได้ เขาเดินเข้ามาข้างๆ เธอ จากนั้นกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น

          “เดย์ครับ เทคเดียวผ่านเลยนะ” ร่างบางมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจ พร้อมต้องการขอคำอธิบายแต่ก็ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ

          พอผู้กำกับสั่งเริ่ม ร่างสูงมองสบตาร่างบางอย่างสื่อความหมายนัยน์ตาหวานฉ่ำแต่แฝงด้วยความร้อนแรง   ร่างบางพอได้สบตาก็รู้สึกร้อนวูบวาบทั้งใบหน้าลงไปจนในอกอย่างบอกไม่ถูกและก่อนที่ความเขินอายจะทำให้ทุกอย่างพัง ร่างสูงตรงเข้ามาแนบชิดโอบกอดรอบเอวบางพรางฝังใบหน้าลงมาตรงซอกคอหอมกรุ่น

          “หลับตาลงช้าๆ นะครับ” ร่างบางทำตามร่างกายอ่อนระทวยตามเสียงแหบพร่าเบาๆ ที่ได้ยิน ร่างสูงได้ทีจึงชอนตัวอุ้มหญิงสาวขึ้นตามบท ก่อนพาตรงไปที่เตียงนอนนุ่ม แล้ววางลงอย่างทะนุถนอม ก่อนนัวเนียอยู่ที่ซอกคอของร่างบาง บรรยากาศระหว่างทั้งสองเป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่ผู้กำกับต้องการ ก่อนจะสั่งคัท เพราะได้งานที่ถูกใจแล้ว

          “คัท!”

          พอได้ยินเสียงสัญญาณ ร่างบางจึงได้สติกลับคืนมา ผู้ชายคนนี้อันตราย เขาสามารถสะกดเธอได้ด้วยสายตา เธอลงความเห็นแล้วบอกตัวเอง จากนั้นจึงออกแรงผลักคนที่อยู่ด้านบนออกจากตัวและเป็นจังหวะเดียวกับที่เขากำลังจะผละออกจากเธออยู่แล้ว ทำให้ร่างบางไม่ตะขิดตะขวงใจว่าเขาจะเอาเปรียบ ไม่เหมือนเมื่อวานที่เขาต่อบทเองโดยอ้างว่าอิน

          “ขอโทษนะครับ”

          พอผู้กำกับสั่งพักการถ่ายทำเพื่อเตรียมฉากต่อไป เธอสังเกตว่าเขาไม่ได้อยู่บริเวณนั้นอีกแล้ว หลังจากกล่าวคำขอโทษ และเธอเองก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าเขาจะไปไหน ร่างบางเดินกลับไปที่เต็นท์พัก ก่อนได้ยินเสียงแซวจากพี่แหวว

          “แหมๆ เก่งขึ้นทุกวันนะน้องเดย์ พี่ฉันท์ผู้กำกับเพิ่งพูดชมให้พี่ฟังว่าเดย์ทำได้ดีกับฉากเมื่อกี๊มาก สงสัยละครที่พี่ให้ไปดูได้ผลใช่มั้ย แต่ว่านะทำไมทำหน้าอย่างนั้นค่ะ”

          “ทำดีหรอคะ เดย์ยังไม่รู้ว่าเดย์ทำอะไรลงไปเลย เพียงแต่ง...” ทำตามที่เขาบอก ประโยคหลังนี้ไม่ได้พูดออกไป ทำให้อีกคนที่รอฟังนั้นออกอาการงงๆ “ไม่มีอะไรค่ะ ทำได้ดีก็ดีแล้ว” หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าฉากต่อไป

          ถ่ายทำฉากวันนี้เสร็จก็เกือบสามทุ่ม เดย์เองวันนี้เหนื่อยทั้งวัน ทั้งแสดง ทั้งแต่งหน้าให้นักแสดงด้วยกัน รวมถึงเก็บของทั้งหมด แต่ก็แปลกใจว่าวันนี้พี่ลูกช้างช่างแต่งหน้าอีกคนทำไมถึงคอยแวะเวียนเข้ามาช่วยเหลือเธอบ่อยผิดปกติ ซึ่งหญิงสาวคงไม่รู้ว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะแหววไปเล่าแจ้งแถลงไขความจริงให้ทุกคนได้รับรู้กัน ทำให้ลูกช้าง หรือคุณลูกช้างที่ใครๆ ต่างเรียกขานกันนั้นรู้สึกผิดที่เข้าใจผิดและปากไวพูดดูถูกหญิงสาวไป

          พอสามทุ่มเดย์เดินออกมาเรียกแทกซี่ที่หน้าสตูดิโอถ่ายทำเพื่อกลับคอนโด ที่ไม่ไปพร้อมรถบริษัทวันนี้เพราะบริษัทกลับคนละทางกับคอนโดของเธอ และที่ไม่รอแหววเพราะแหววมีประชุมวางแผนกับฝ่ายอื่นเรื่องรูปแบบการแต่งหน้าให้เข้ากับบรรยากาศของเรื่อง พอเดินออกมาได้สักพักเธอเห็นว่าไม่มีแท็กซี่ผ่านเลยจึงตัดสินใจเดินออกไปที่ปากซอยอีกนิด แต่ก่อนจะได้ไปก็มีรถสปอร์ตคันงามมาจอดเทียบพร้อมกับลดกระจกลง

          “คุณเดย์ กลับยังไงครับให้ผมไปส่งมั้ย” ชายหนุ่มถามอย่างหวังดี

          “คุณเดย์มาด้วยกันสิค่ะ เดี๋ยวเกรทจะให้เอสเขาแวะส่ง หรือถ้าเกรงใจก็แค่ปากซอยก็ยังดีนะค่ะ แถวนี้มันเปลี่ยว อันตรายค่ะ” เดย์มองเลยไปที่คนข้างๆ นางเอกสาวที่ส่งน้ำเสียงหวานกับคำเชื้อเชิญที่บ่งบอกถึงความสำคัญของตัวเองต่อชายหนุ่ม

“เขามาสิค่ะ เบียดๆ เกรทก็ได้” นางเร่งพร้อมกับเปิดประตูรถฝั่งตัวเอง ทำให้เดย์ตอบปฏิเสธไม่ทัน

สุดท้ายเลยได้แต่ต้องยอมขึ้นไปด้วย แต่เดย์ให้จอดเพียงข้างทางบริเวณหน้าปกซอยที่มีรถแท็กซี่วิ่งผ่านพลุกพล่านเท่านั้น เพราะเห็นว่านั่งเบียดกับนางเอกสาวมาและกลัวว่าจะมารบกวนเวลาของคนทั้งคู่

เดย์เรียกแท็กซี่คันแรกที่วิ่งมาเพราะเห็นว่ารถที่มาส่งไม่ออกรถไปสักที ได้ยินแว่วๆ จากที่ทั้งคู่คุยกันว่าจะรอให้เธอขึ้นรถแท็กซี่ก่อนเพื่อความปลอดภัย พอหญิงสาวขึ้นรถแท็กซี่และรถได้ออกตัวไปแล้ว ชายหนุ่มจึงออกรถตามไปทีหลัง แต่ไม่ได้ตามรถคันหน้าไป เพียงแต่ร่วมทางกันไประยะหนึ่งเท่านั้น

เดย์กลับถึงคอนโดเกือบสี่ทุ่ม วางกระเป๋าตัวเองตรงชุดรับแขก ก่อนเดินไปกดโทรศัพท์เพื่อรับฟังข้อความที่ฝากเอาไว้ และเปิดมือถือ เพราะตลอดเวลาการทำงาน เธอปิดมันไว้นั่นเอง

พอเปิดมือถือเท่านั้นเอง ข้อความมากมายจากหลายๆ คนก็ส่งเข้ามา รวมถึงเบอร์แปลกๆ ซึ่งเธอเลือกอ่านก่อน เนื่องจากกลัวจะเป็นเรื่องของมารดา

‘ความจริงเป็นอย่างไร เราต่างรู้กัน ไม่ต้องคิดมากนะครับ’

                                      กิตติภพ

เดย์ตัดสินใจโทรกลับเพราะคิดแล้วว่ามันสมควร เธอทำให้เขาเดือดร้อน ดังนั้นการขอโทษจึงเป็นเรื่องที่สมควรที่สุด

Trr…Trr…

รอสายไม่นานก็ได้ยินเสียงปลายสายตอบรับ แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของชายหนุ่มนามกิตติภพแน่นอน

“สวัสดีค่ะ อากิตไม่ว่างรับสาย ไม่ทราบว่าจะให้บอกว่าใครโทรมาค่ะ” เสียงเล็กน่ารักเหมือนเสียงเด็กทำให้รู้ว่าคนรับสายไม่ใช่เจ้าของเครื่อง แต่เสียงนี้คุ้นจังในความรู้สึกของหญิงสาว

“ค่ะ งั้นรบกวนฝากบอกว่า กาลรพี โทรมาค่ะ ขอบคุณค่ะ” ถึงแม้จะคุ้นเสียงแต่เดย์ก็เลือกเป็นฝ่ายวางสายก่อน เพราะไม่ใช่ธุระที่จะต้องพูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่อง

“เดี๋ยวค่ะ!” ปลายสายกรอกเสียงตกใจกลับมาทำให้เดย์ชะงักการกดวางสายเพื่อฟังว่าปลายสายจะว่าอย่างไร “กาลรพี ใช่พี่เดย์รึเปล่าค่ะ”

“ใช่ค่ะ”

“แหม! จำเสียงกันไม่ได้รึไง” ปลายสายส่งเสียงกระเง้ากระงอดกลับมา

“น้องกุ๊กไก่หรอค่ะ” รู้สึกดีใจไม่น้อยเหมือนเจอเพื่อนเก่า

“ก็ใช่สิค่ะ นี่กุ๊กไก่ขึ้นมาจากหาดใหญ่เพราะข่าวของพี่เดย์กับอากิตเลยนะ”

“พี่ต้องขอโทษทางนั้นด้วยที่ทำให้เดือดร้อนนะค่ะ” ขอโทษอย่างจริงใจกับข่าวที่เกิดขึ้น

“ใครว่าล่ะ ทางนี้หน้าบานกันใหญ่...อ๊า...เอามานะ” ยังพูดไม่ทันรู้เรื่องดีก็ได้ยินเหมือนมีการยื้อแย้งกันแล้วปลายสายก็เปลี่ยนเป็นเสียงเจ้าของเครื่อง

“ครับคุณเดย์ อย่าไปใส่ใจที่ยัยกุ๊กไก่พูดนะครับ” ชายหนุ่มออกตัว

“ค่ะ เดย์จะโทรมาขอโทษกับข่าววันนี้นะค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ กลัวแต่คุณเดย์จะคิดมากด้วยซ้ำ เพราะเห็นยัยกุ๊กไก่บอกว่าคุณเดย์ไม่เคยมีข่าวเรื่องพวกนี้เลย”

“เดย์ก็เสียใจอยู่บ้างละค่ะ แต่พี่แหววบอกว่า อยู่วงการนี้ก็ต้องอดทนเพราะเราอยู่ที่แจ้ง”

“แล้วเรื่องนี้คุณเดย์จะทำยังไงต่อไปครับ ถ้าจะเอาเรื่องทางผมช่วยคุณเต็มที่เลยนะ”

“เดย์ว่าจะให้เรื่องมันเงียบไปเองน่ะคะ เพราะยังไงซะมันก็ไม่ใช่ความจริงอยู่แล้ว ลือไม่นานหรอกค่ะ”

“ครับ นี่ที่ยัยกุ๊กไก่ร้องจะขึ้นมาให้ได้ก็เสียเปล่าเลย” ชายหนุ่มว่าเหมือนเสียงล้อเลียนหลานสาวเสียมากกว่า

“ฝากขอโทษแล้วก็ขอบคุณน้องกุ๊กไก่ด้วยนะค่ะ”

“ครับ ยินดีครับ”

และก่อนจะวางสายก็ได้ยินเสียงงอแงอีกครั้ง แล้วปลายสายก็เปลี่ยนเป็นเด็กน้อยนามว่ากุ๊กไก่อีกครั้ง

“พี่เดย์ พรุ่งนี้ถ่ายละครที่ไหนค่ะ แล้วก็กี่โมง กุ๊กไก่จะไปหา” ปลายสายเรียกร้อง

“พี่ถ่ายละครที่.... ช่วงบ่ายค่ะ”

“โอเค แล้วเจอกันนะค่ะ” ปลายสายไม่ปล่อยให้เธอได้พูดอะไรอีกรีบวางสายลงทันที

เดย์มองโทรศัพท์พรางนึกถึงเด็กน้อยนามกุ๊กไก่ กับความน่ารักของเธอ แล้วนึกไปถึงของขวัญวันเกิดที่เธอเพิ่งทำเสร็จ กะไว้ว่าจะส่งไปให้เจ้าของเสียหน่อย กลายเป็นเจ้าของมาเอาเสียเอง ร่างบางยิ้มพอใจก่อนเดินตรงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย

 

つづく.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา