Kiss me Kill me [YURI]

6.0

เขียนโดย Nekoyu

วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.52 น.

  7 chapter
  0 วิจารณ์
  12.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557 03.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) 04 Rumor

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

 

 

                …………………………………………………………………………………………………………

สาวหมวยปรายตามองยาทาเล็บในขวดแก้วสีสวยจากมือของเพื่อนตัวดี

               

                “ของที่ฝากซื้อ  80บาท”

                มินตราบอกแล้วกวักมือเร่งรัดให้ทิพยาดาต้องหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเพื่อหยิบธนบัตรสีแดงออกมาจ่าย

 

                “ไม่ต้องทอนถือว่าเป็นติ๊บล่ะกัน”

                สาวห้าวยิ้มแล้วเก็บเงินใส่กระเป๋าเสื้อคลุมตัวเอง

 

                “เออๆ  เจ้รู้ไหมเมื่อวานมินไปเจออะไรดีๆมาด้วยล๊ะ”

                บอกแล้วเลื่อนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงจ้องตาผู้ฟัง

 

                “เจออะไรมาอีกล่ะ”

 

                “เจ้ลองเดาเล่นๆดิ รับรองเข็มขัดสั้นแน่ๆ”

               

                มุกแป๊กไม่ฮาพาเพื่อนเครียดแต่เช้าทำให้สาวหมวยกรอกตาไปมาด้วยอาการสุดเซ็ง

                “จะบอกก็บอก  ขี้เกียจมานั่งเดาว่ะ รำคาญ!”

 

                พอเจอวีนใส่เจ้าตัวก็กลัวหัวหดขึ้นมาทันที

                “เจ้อ่ะจะรับมุกกันหน่อยก็ไม่ได้...”

                ตามมาด้วยใบหน้าหมวยที่ส่งสายตาพิฆาตมาให้

               

“จะเล่าก็เล่ามา  ลีลาเดี๊ยะๆ”

                ทิพยาดาบอกแล้วยกตลับแป้งพลับขึ้นมาส่องเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง

 

                “ก็เมื่อคืนตอนมินไปเดนตลาดนัดกับพี่จูนอ่ะ  เจอหลานอธิการไปเดินกับพวกยัยหัวแดงด้วยอ่ะดิ”

               

                เรื่องที่น่าสนใจทำให้เธอปิดตลับแป้งแล้วหันมามองตาโต

                “เห็นจริงๆ ไม่ได้มโนเอาใช่ไหม!?”

               

                “โห่ เห็นมากับตาเองเลยเจ้” 

มินตราบอกโบ้ยหน้าไปทางเป้าหมายที่ถูกพาดพิงซึ่งเดินยิ้มระรื่นมาแต่ไกล

  “โน้นอยากรู้ก็ถามเจ้าตัวเอาเองเหอะ”                  “ดีจ๊ะทิพ อังกฤษเพื่อการสื่อสารเรียนห้องไหนเหรอฟาลืมดูตารางสอนมาอ่ะ”

                คนดังของชั้นปีเพียงชั่วข้ามวัน(?)ยิ้มน้อยๆเดินเข้ายืนคุยด้วยเพราะต้องการความช่วยเหลือ

 

                “ตึกคณะมนุษย์มั้ง”

                สาวหมวยยิ้มตอบพอหันกลับมาก็เจอสายตาเร่งรัดจากเพื่อนตัวดีที่ขยับปากแบบไร้เสียงให้พออ่านจากสายตาได้ว่า  ถาม  เลย  เจ้   เลยส่งสายตาอำมหิตตอบกลับไป

 

                เธอเลยหันกลับมาจะคุยต่อสายตาดันสะดุดเข้ากับสร้อยเงินดีไซน์เก๋ไก๋บนคอสาวหน้าหวานซะก่อน

                “สร้อยสวยจังฟา  ซื้อที่ไหนเหรอ”

 

                “อ๋อ...ซื้อที่   “ตลาดนัดหลังม.”

                ยังที่ทันที่เจ้าตัวจะบอก มินตราก็พูดแทรกขึ้นมา

 

                อะไรเนี่ย! อยู่ๆก็พูดแทรกขึ้นมาเสียมารยาทจริง!

                “ใช่ๆตลาดนัดหลังม.”

 

                “ร้านขายสร้อยเงินมีไม่กี่ร้านแฮะ   ใช่ร้านที่คนขายเป็นผู้ชายป่ะ?”

                สาวห้าวยิ้มเจ้าเล่ห์

 

                “อื้อ  มินก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ  สร้อยเค้าสวยดีนะ” 

 

                “เคยเดินผ่านอยู่นะ  แต่ฟาไปมาเมื่อคืนใช่ม๊ะ  มินก็ไปนะยังเห็นเห็นฟาไปเดินกับยัยหัวแดงเลย”

                  ในเมื่อยุแล้วเพื่อนไม่ทำเลยจัดเองซะเลย

 

                ซวยจริงดันโดนตัวเสือกเห็นอีก!  งั้นก็เปลี่ยนแผนนิดหน่อยใช้ยัยนี่ให้เป็นประโยชน์เลยละกัน

                “ยัยหัวแดง?  อ๋อมิ้นท์น่ะเหรอ”

                ใบหน้าหวานบอกยิ้มๆ  ถึงจะหงุดหงิดใจที่โดนขัดจังหวะไปบ้างเลยอาศัยความสอดรู้สอดเห็นของมินตราให้เป็นประโยชน์

 

                งานนี้ทำเอาทิพยาดาให้ความสนใจมากขึ้นพอแถมยังกระโดดเข้าร่วมวงสนทนาเอง

                “ฟานัดยัยนั่นไว้เหรอ?”

               

                “เปล่าหรอก   ฟาโดนมิ้นท์ชวนน่ะตอนแรกก็หวั่นๆนะที่เคยได้ยินจากแจมบอกว่าเค้าเป็น...ยังงั้นๆนี่เนอะ”

                ไม้ตายเอียงคอครุ่นคิดให้ดูน่ารักถูกนำมาใช้   ริมฝีปากอิ่มพ่นคำโกหกอย่างไม่ติดขัด

 

                “ฟาก็กล้าไปกับเค้าได้เนอะ  เดี๋ยวก็โดนยัยนั่นแตะนั่นแตะนี่หรอก  ดูท่าทางเป็นพวกมือไวจะตาย”

                สาวหมวยพูดแล้วยกมือขึ้นลูบแขนเพราะไม่ถูกโรคกับบุคคลพิเศษเหล่านี้เท่าไร

 

                “แต่มีพวกแมวน้ำไปด้วยนะไม่ได้กันแค่สองคนหรอก   ฟาว่ามิ้นท์เค้าก็ใจดีออก  เนี่ยซื้อสร้อยให้ด้วย”

                ตีสีหน้าใสซื่อแล้วไล้ปลายนิ้วโชว์สร้อยเงินเส้นสวย  

 

                “ฟา...เราว่ามันยังไงๆอยู่นะ   ไม่ใช่ว่าฟาโดนยัยมิ้นท์อะไรนั่นจีบเอาเหรอ!”

                เป็นทิพยาดาที่โพลงขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

 

                “จีบเหรอ?  ไม่มั้งเค้าไม่ได้บอกว่าซื้อให้เพราะจีบฟานี่นา”

               

                คำตอบอันใสซื่อของหลานอธิการพาลให้คิดว่า  คนตรงหน้าเป็นยัยลูกคุณหนูอ่อนโลกรึไงเนี่ย! ใครที่ไหนมันจะบอกมาตรงๆว่า  จีบ  กันเล่า!?  แต่เธอรู้เพราะเคยถูกทอมมาม่อด้วยวิธีนี้มาก่อน

 

                “โอ้ยฟา  เพื่อนที่ไหนมันจะซื้อของให้กันเป็นสร้อยบ้างเล่า   แหวนกับสร้อยเค้าซื้อให้กันตอนจีบเท่านั้นแหละ”

                บอกแล้วก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  เครียด!

 

                “อะ..เอ๋? จริงเหรอ”

                คราวนี้ใบหน้าหวานมีสีหน้ากระอักกระอวลบอกด้วยเสียงระล่ำระลัก  

 

                “ไงก็ระวัง  ตอนอยู่ใกล้ๆคนแบบนั้นไว้หน่อยก็แล้วกัน”

 

                ฟาก้มมองต่ำเผยรอยยิ้มปีศาจร้ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นปั้นรอยยิ้มนางฟ้าผู้ไร้เดียงสา

                “อืม..ขอบคุณนะ  แต่ฟาไม่คิดมากหรอก  เดี๋ยวฟาไปก่อนนะทิพ   มิน”

                สาวหน้าหวานบอกด้วยรอยยิ้มแล้วขอตัวเดินจากไป  ทิ้งให้สองคนหันมามองหน้ากัน

 

                “โหเจ้  ฟาโครตนางฟ้าเลยว่ะ   ขนาดโดนจีบยังพยายามมองในแง่ดีอีก”

                มินตราบอกแล้วยิ้มกริ่มชักเริ่มสนุกกับกลิ่นดราม่าที่ได้จากคนดังของชั้นปี

 

                   “เออ  เป็นชั้นนะแขยงตายเลย!”

                สาวหมวยยกมือขึ้นลูบแขนไปมา

 

                “ระวังนะเจ้ โบราณบอกว่าเกลียดสิ่งไหนจะได้สิ่งนั้น   ระวางเห๊อะ   โอ๊ย!”

                พูดยังไม่ทันจบก็โดนหยิกเข้าให้จนเจ้าตัวดีต้องต้องร้องโอดโอย

 

                “ปากดีนักนะ  เดี๊ยะชั้นจะเกลียดพี่จูนของแกบ้าง  จะได้เป็นตามโบราณว่าไว้  เอาไหม”

 

                “เฮ้ยอย่าซีเรียสดิเจ้! ก็แค่ขำๆน่า  รีบขึ้นตึกเหอะเดี๋ยวไม่มีที่นั่งเอา”

                สาวห้าวสูดปากยกมือลูบแขนน้อยๆไปมา

 

                “เออ  ให้ไว”

               

                ……………………………………………………………………………………………..

                ผ่านมาคืนเดียวก็เกิดข่าวลือไปทั่วคณะบริหาร   หัวข้อนั้นไม่พ้นเรื่องที่สาวสวยลูกครึ่งผมแดงผู้ต้องสงสัยว่าเป็น เลสเบี้ยนไล่ตามจีบหลานอธิการถึงขนาดซื้อสร้อยราคาแพงให้เป็นของขวัญกันมาแล้ว  

 

                “มนุษย์เป็นสัตว์สังคม  จึงมีการติดต่อสื่อสารผ่านเทคโนโลยี   และบางครั้งการตีความในการสื่อสารผิดๆก็ทำให้เกิดการสับสนในการรับสาร   ‘ข่าวลือ’  คงเป็นคำจำกัดความในการรับสารที่ผิดพลาดของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี” 

มีณชญาจงใจอ่านออกเสียงเอกสารประกอบการเรียนในมือให้ดังพอได้ยินไปรอบๆโต๊ะเจ้าตัวนั่งอยู่กับเพื่อน   ทำให้ขาเม้ามอยทั้งหลายที่กำลังตั้งวงนินทาต้องรูดซิบปาก  เพราะไม่มีใครกล้ามาปะทะกับเจ้าของฉายาหัวแดงแรงไม่แคร์สื่ออยู่แล้ว

               

                 ก็ใช่ว่าจะไม่มีพวกกล้าบ้าบิ่นคิดลองของเลยซะทีเดียว  ยังมีกลุ่มนักศึกษาชายที่ยิ้มกริ่มมองมาด้วยสายตาคึกคะนอง

                “เฮ้ยคิดกันยังว่าจะอยู่ชมรมอะไร”   

                “ยังว่ะ”

                   “อยู่ชมรมอนุรักษ์ดนตรีไหมละมึง”

                “เค้าจะรับผู้ชายเหรอวะ  ไม่ใช่เค้ารับเฉพาะผู้หญิงเรอะ  ฮ่าๆ”

                 “เฮ้ยๆแถวนี้ก็มีนะเว้ย   คนอนุรักษ์ดนตรีไทย”

                “เออ  แหม่เสียดายว่ะสวยซะด้วย”

                “กูอยากเป็นอาสาสมัครรักษาเค้าให้หายเบี้ยนจังเลยว่ะ”

                “จะไหวเร้อ  กุลสตรีไทยเลยนะมึงนั่งพับเพียบตีฉิ่งเลยนะเว้ย”

                เสียงพูดคุยอย่างคะนองปากดังส่อเสียดอย่างมีเลศนัยแถมพวกเขายังปรายตามองมาทางโต๊ะของมีณชญาไม่หยุด

 

                โซดาถอนหายใจหนักๆ ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบยุ่งกับใครเลยเกิดอาการเซ็งจนต้องปิดหนังสือในมือ 

               

“มิ้นท์จะอยู่ชมรมไหนคิดรึยัง”

                ส่วนแมวน้ำไม่ได้ทุกข์ร้อนสนใจอะไรรอบตัวเลยแถมยังถามสาวสวยถึงเรื่องการเลือกกิจกรรมชมรมอีก

 

                “คิดว่าจะมีชมรมพัฒนาศักยภาพชายไทยไหม?”

               

                “เอ๋? ไม่น่าจะมีนะ”

 

                “น่าเสียดายนะ” 

                นัยน์ตาสีเทาปรายตามองชายหนุ่มโต๊ะตรงข้ามที่ยังหัวเราะพูดจาเสียดสีลอยตามลมมาเป็นระยะ

                “จะได้เอามาพัฒนาชายไทยที่เก่งแต่ปากแถวนี้หน่อย”

                 แล้วจงใจพูดเสียงหนักๆให้ชายไทยสี่คนใกล้ตัวได้ยินอย่างชัดเจน    ทำให้พวกเขารีบพากันหุบปากสนิทถึงจะเสียหน้าอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อได้แต่คิดกันว่า 

                แรง...แรงโครตๆ

               

                ........................................................................................................................................................

 

                กองหนังสืออ้างอิงเล่มหนาถูกวางลงบนโต๊ะ   ถ้าไม่โดนสั่งรายงานเขียนด้วยมือมาล่ะก็คนอย่างมีณชญาจะไม่มานั่งเสียเวลาขุดคุ้ยหามันให้เสียเวลาแน่นอน   นัยน์ตาสีเทาเสสายตาเจอบางคนที่แสนคุ้นตากำลังนั่งขีดเขียนรายงานอยู่บนโต๊ะที่ไม่ห่างจากเธอเท่าไร

 

                ความรู้สึกกดดันราวกับถูกใครซักคนจับจ้องทำให้ใบหน้าหวานต้องเงยหน้าขึ้นมอง

                เพียงแค่ชั่วขณะที่ทั้งสองสบสายตากัน

                ริมฝีปากอิ่มก็ส่งยิ้มร้ายกาจราวกับเย้ยยั่นใส่ก่อนจะละสายตามาให้ความสนใจกับรายงานต่อ

 

                เพียงเท่านี้ คนหัวไวอย่างสาวสวยก็ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดเข้ากับกระแสข่าวลือที่หาต้นตอไม่ได้

                หึ...ฝีมือยัยแอ๊บแตกจริงๆด้วย

                If  you  want  to be  my  girl.    A  rumors  become  true.

                ปล่อยข่าวออกมาแบบนี้อยากให้มันเป็นจริงงั้นสิ   ได้   จัดให้....

                 

 

                ………………………………………………………………………………………………….

                 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา