Kiss me Kill me [YURI]
เขียนโดย Nekoyu
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.52 น.
แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557 03.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) 03 Evil side
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
..................................................................................................................
“มิ้นท์ใจร้ายจัง ยังไม่รู้จักกันก็คิดแบบนั้นแล้ว”
เสียงหวานกรอกมาตามสาย
“เพราะรู้ดีไงถึงพูด”
สาวหัวแดงตอบกลับทันควัน
“มองคนในแง่ร้ายจัง ฟาอุส่าคิดว่ามิ้นท์คงไม่ใช่พวกใจแคบที่ชอบตัดสินคนอื่นที่ภายนอกหรอก”
เสียงนั้นต่ำแฝงการเหน็บแนมเอาไว้
“ชั้นตัดสินคนที่ความจริงใจ คิดว่ามีให้ชั้นมองไหมล่ะ”
นัยน์ตาสีเทาหรี่ลง ส่งถ้อยคำเย้ยยั่นใส่
สาวหน้าหวานจิ๊ปากที่โดนตอกกลับมาเต็มๆ
“ ก็ลองเป็นเพื่อนกันก่อนสิ จะได้รู้ว่ามีพอไหม”
“หึ มั่นใจขนาดนั้น? แค่ยิ้มดีๆแบบไม่ต้องเฟคทำให้มันได้ซะก่อน”
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มใส่ปลายสาย ทั้งที่โดนว่าไปขนาดนั้นแล้วทำไมยัยแอ๊บแตกนี่ยังพยายามเอาตัวเข้ามายุ่งอยู่ได้ รึมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
มือเล็กกำแน่นโดนปฏิเสธกลับมาชนิดแถไปต่อไม่ได้เลย ก็ไม่คิดหรอกนะว่าอีกฝ่ายจะเข้าถึงตัวได้ยากขนาดนี้
“ก็ถึงบอกไง ว่าลองมาเป็นเพื่อนกันก่อน จะได้รู้ว่าฟามีมันไหม”
คราวนี้ริมฝีปากอิ่มบอกเสียงนิ่ง
คิ้วเรียวขวดมุ่นด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ สรุปยัยผู้หญิงลวงโลกนี่ดื้อจะเข้ามายุ่งกันให้ได้งั้นสินะ
“แล้วแต่นะ...ว่าเธอจะทำให้ชั้นเห็นมันได้ไหม”
คำพูดกำกวมติดน่าหมั่นไส้ทำให้ปลายสาวขมวดคิ้วไปด้วย จะถือว่าเป็นคำตกลงที่ยอมเป็นเพื่อนกันได้รึเปล่า!?
“อื้อ งั้นพรุ่งนี้เจอกันน๊า เดี๋ยวฟาไปอาบน้ำล่ะ”
กลายเป็นเสียงหวานรื่นหูตอบกลับมาเรียกรอยยิ้มรังเกียจให้ปรากฏบนใบหน้าสวย นัยน์ตาสีเทามองสายการสนทนาที่ตัดสัญญาณไป
....แล้วชั้นจะดู....ว่าคนอย่างเธออยากเข้าหาชั้นเพราะอะไร กุลธิดา....
....................................................................................................................
กิจกรรมขึ้นสแตนอีกหนึ่งกิจกรรมบังคับที่นักศึกษาปี1ต้องให้ความร่วมมือ ต่อให้ที่นี่จะมีลูกท่านหลานเธอมากมายขนาดไหนเจอความโหดของพี่คุมเชียร์เข้าไปยังต้องร่วมมือไปโดยปริยาย แต่อากาศในเดือนนี้ค่อนข้างร้อนและวันนี้แดดก็แรงกว่าทุกวันพวกรุ่นน้องจึงได้รับโอกาสงามกลับก่อนเวลาเล็กน้อย
“ฟา เลิกแล้วไปเดินห้างกับพวกทิพไหม?”
ทิพยาดาชวนตามมารยาท ใครที่ไหนมันจะอยากเอาคนน่ารักเด่นกว่าตัวเองไปกลบรัศมีตอนเดินกันเล่า!
นัยน์ตาสีน้ำตาลปรายตามองเห็นเป้าหมายเดินมากับเพื่อนร่วมเอกอีกสองคนเข้าพอดี
“ไม่ดีกว่า วันนี้ฟาจะรีบกลับ”
ริมฝีปากอิ่มโปรยยิ้มน่ารักเป็นการปฏิเสธที่ดูดีซะจนไม่มีใครกล้าท้วงติง
“อ่อ...ไม่เป็นไรยังไงทิพก็ไปกับไอ้มินอยู่แล้ว”
สาวหมวยบอกยิ้มๆ แต่ในใจเริงร่าสุดๆที่ไม่ต้องเอาคนสวยไปแย่งความเด่นของตัวเอง
“งั้นฟากลับก่อนนะ”
กุลธิดายิ้มเดินออกมาจากเพื่อนกลุ่มใหญ่ พอพ้นจากสายตาคนอื่นสองขาก็เร่งฝีเท้าไล่ตามให้ทันสามสาวที่เห็นหลังไวๆอยู่ข้างหน้า
จะเข้าไปทักยัยหัวแดงเลยก็ดูจะจงใจไป.....งั้นถ้าเป็นคนที่ผมสั้นๆใส่แว่นล่ะ?
คิ้วได้รูปเลิกสูง จำได้ว่าตอนมาทำกิจกรรมรับน้องยัยนี่ก็ปากหนักไม่พูดไม่คุย แค่ทำตัวนิ่งๆก็ไม่น่าเข้าใกล้พอแล้วยังจะหยิ่งอีก
ไม่ดีกว่า....ถ้าเป็นยัยอ้วนที่ชื่อแมวน้ำอะไรนั่น น่าจะเข้าร่วมวงง่ายกว่า
คิดแล้วริมฝีปากอิ่มก็เผยรอยยิ้มปีศาจน้อยขึ้นมา
“แมวน้ำ”
เจ้าของชื่อหันกลับมามองทำให้คนข้างๆกับสาวผมแดงหันกลับมาด้วย
“อ่าว!ฟา มีอะไรเหรอ?”
บอกด้วยน้ำเสียงตกใจที่เห็นคนดังของชั้นปีเข้ามาทักทายก่อนแบบนี้
“จะกลับบ้านกันเลยเหรอ”
ใบหน้าหวานเยิ้มแสดงความเป็นมิตรพร้อมเดินเข้าไปรวมกลุ่มด้วย
“เปล่าหรอก กำลังจะไปเดินตลาดนัดหลังม.อ่ะ ฟาไปด้วยกันไหมล่ะ”
ด้วยความมีน้ำใจเธอเลยชักชวนคนมาใหม่ให้ไปด้วยกัน
“เหรองั้นฟาไปด้วยนะ แล้วอีกคนชื่ออะไรเหรอ”
เอียงคอถามน่ารักไปทางสาวผมสั้นที่ยกมือดันกรอบแว่นให้กระชับใบหน้า
“ไม่จำเป็นมั้ง”
โซดาบอกแล้วเสมองไปทางอื่นราวกับไม่ใส่ใจที่อยากจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่รายนี้เลย ทำให้งานกร่อยจนเจ้าตัวโดนคนข้างๆกระทุ้งศอกใส่เอวบางเข้าให้
“อีกแล้วนะ! พูดแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่มีใครเค้าคบด้วยหรอก”
แมวน้ำอดที่จะปรามไม่ได้
“ชื่อโซดาน่ะ เพื่อนเราก็เป็นแบบนี้แหละพูดจาไม่ค่อยดีแต่นิสัยดีอยู่นะ”
เธอบอกยิ้มๆเพื่อให้บรรยากาศคลายความอึดอัด
แย่...นิสัยไล่แขกแบบนี้ใครจะอยากคุยด้วย
“อื้อ ไม่เป็นไรฟาไม่ถือหรอก”
บอกพร้อมรอยยิ้มแสดงออกถึงความใจกว้าง
ทุกการกระทำของกุลธิดาที่เปิดฉากเข้ามาสนิทกับสองสาวถูกมองผ่านนัยน์ตาสีเทา ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
แอ๊บแหลเข้ามาตีสนิทแบบเนียนๆงั้นสิ....
“แล้วอย่างชั้นล่ะต้องให้บอกชื่อไหม”
เสียงนั้นจงใจดังขึ้นขัดให้ใบหน้าหวานหันมามอง
“มีณชญา แฮนเดรย์ มิ้นท์ ”
สาวหน้าหวานบอกพร้อมเดินเข้ามาประชิดตัวจนใกล้อีกคน
“เรียกมิ้นท์ก็พอ”
ใบหน้าสวยเสมองมือเล็กๆที่ถือวิสาสะสอดเข้ามาควงแขน
“ฟาไปเดินด้วยคน...นะ”
รอยยิ้มสุดแสนน่ารักที่เจ้าตัวมั่นใจว่าสามารถทำให้ใครซักคนหลงชอบขึ้นมาส่งผ่านมาให้สาวสวย ถ้าสาวลูกครึ่งผมสีเพลิงคนนี้เป็นพวกชอบผู้หญิงด้วยกันจริงล่ะก็ ต้องมีหวั่นไหวกับรอยยิ้มนี้บ้างล่ะ
ไงล่ะรู้สึกชอบชั้นขึ้นมาบ้างรึยัง ยัยวิปริต....
นัยน์ตาสีเทาหรี่ลง
“ก็ไปสิไม่ได้มีใครห้าม”
เธอเหยียดยิ้มใส่แต่ก็ไม่ได้สะบัดแขนออกจากการเกาะกุม
หึ...นี่เหรอสิ่งที่เธออยากให้เห็น ที่พูดกันเมื่อวานก็แค่แถแหลไปตามนิสัยสินะ
อย่างยัยนี่น่ะเหรอจะมีความจริงใจได้
น้ำเสียงกับท่าทีนั้นบอกชัดเจนเลยว่าไมได้หลงใหลไปกับความน่ารักของกุลธิดาแม้แต่น้อย งานนี้ทำเอาคนที่มั่นใจเต็มร้อยมีสีหน้ากระอักกระอวล ก็ลืมคิดไปว่าอีกฝ่ายสวยใช่ย่อยขนาดนั้น!
“อื้อ...ฟาอยากไปเดินกับมิ้นท์”
ใบหน้าหวานยิ้มสู้เอนศีรษะไปซบแขนเรียวออดอ้อนตามใจชอบ
จะทนไปได้ซักเท่าไรล่ะ...
ยิ่งรู้ว่าทำให้อีกคนสนใจไม่ได้ก็ยิ่งบุกมากขึ้น
“งั้นรีบเดินไปกันเหอะเห็นเค้าบอกว่าอยู่ใกล้ๆ ป่านนี้เริ่มตั้งร้านแล้วมั้ง”
แมวน้ำบอกก่อนจะดึงโซดาที่ยืนหน้านิ่งให้เดินตามไปด้วย
“สองคนนั้นเดินนำไปก่อนเหรอ งั้นมิ้นท์เดินไปกับฟาน๊า”
สาวหน้าหวานยิ้มแล้วเกาะแกะคนตัวสูงไม่ห่าง
ดวงตาสีเทาปรายตามองปอยผมสีน้ำตาลที่คลอเคลียอยู่กับไหล่บาง
ก็ได้....ถ้าอยากเล่นกับชั้นมากนักล่ะก็จัดให้....
....................................................................................................................
ตลาดนัดขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้มหาลัยเอกชนแต่ก็ต้องใช้เวลาเดินอยู่หลายนาทีเหมือนกัน งานนี้ทำเอาแมวน้ำเหงื่อซึมแทบหมดแรงผิดกับโซดาที่ยังหน้านิ่งเหมือนเดิม ส่วนสาวผมแดงก็แค่ขยับเสื้อเพื่อไล่ความร้อนออกไปเล็กน้อย คนที่ร่าเริงแรงดีไม่มีตกเห็นจะเป็นหลานอธิการนี่แหละยิ้มแล้วยิ้มอีก
“ใกล้กว่าที่คิดอีกนะเนี่ย ตลาดนัดที่ฟาเคยไปตอนอยู่เชียงใหม่ไกลกว่านี้อีก”
สาวหน้าหวานบอกแล้วยิ้มน้อยๆ
“อ่าวฟาไม่ใช่คนกทม.หรอกเหรอ”
แมวน้ำถามพลางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ
“อื้อ แต่มาอยู่เนี่ยก็ไม่ได้อยู่หอหรอก ป้าให้อยู่บ้านพักป้าในมอเลย”
“เรากับโซดาอยู่แพร่เลยอยู่หอในกัน”
คำตอบทำเอาสาวอวบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดีใจที่มีคนเหนือด้วยกันมาเรียนที่นี่
“แล้วมิ้นท์ล่ะ”
ไหนๆก็คุยเรื่องบ้านเกิดกันพอดีเลยหันมาถามสาวสวยข้างๆถือโอกาสเก็บข้อมูลไว้หน่อย
“แต่ก่อนอยู่อังกฤษเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้สามปี”
สาวผมแดงจงใจตอบรวบรัดเพื่อไม่ให้อีกคนถามต่อ
“แต่พูดไทยชัดจังเนอะ”
แต่กุลธิดาก็ยังหาเรื่องอื่นมาถามหยั่งเชิงจนได้
“ก็เรียนภาษาไทยมาตั้งแต่เด็ก”
คราวนี้ริมฝีปากบางเลยตัดบทอีกครั้ง
“อื้อ เป็นแบบนี้นี่เอง”
คนตัวเล็กยิ้มให้แล้วกระชับแขนเรียวแน่นขึ้น
“ทำไมมันไม่ค่อยมีอะไรขายเท่าไหร่เลย”
แมวน้ำบอกด้วยความแปลกใจเพราะมองไปรอบๆเห็นเพียงร้านค้าประปรายแถมส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารสดกับร้านขายของปิ้งย่างมากกว่า
“มาตอนห้าโมงเย็นก็เป็นงี้แหละ ขนาดที่แพร่เค้ายังมาตั้งร้านกันตอนหกโมงกว่าๆเลย”
โซดาบอกเสียงเรียบเลยโดนคนข้างๆตีไหล่ด้วยความมั่นไส้
“สงสัยร้านเสื้อผ้าคงมากันตอนนั้นมั้ง เห็นมีแต่ร้านขายแหวนกับสร้อย”
“ไปดูร้านนั้นกันเหอะ”
สาวหน้าหวานบอกแล้วดึงคนผมแดงให้เดินตาม ริมฝีปากบางเหยียดที่เห็นอีกคนกระตือรือร้นรีบพาไปคงหวังอะไรลึกๆอยู่แน่ๆ
ร้านที่สี่สาวเดินเข้ามาเป็นร้านเล็กๆเน้นขายแต่เครื่องประดับเงินทำมือเป็นส่วนมาก มีสร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ กำไล รวมไปถึงต่างหูเก๋ๆอีกหลายแบบ กุลธิดารู้สึกไม่ค่อยถูกโรคกับเครื่องประดับแนวนี้เท่าไรเลยยอมปล่อยแขนให้สาวสวยเป็นอิสระแล้วถอยมายืนรออยู่หน้าร้าน ระหว่างที่เดินดูของนัยน์ตาสีเทาก็สะดุดเข้ากับสร้อยพร้อมจี้ไม้กางเขน ตัวสร้อยเป็นโซ่เล็กๆคล้องเรียงกันส่วนจี้เป็นไม้กางเขนเป็นเงินผิวเรียบขัดมันวาวไม่มีลายอันเล็กๆไม่ใหญ่จนเกินไปเลยหยิบแล้วกันมาหาสาวเซอร์มาดนิ่ง
“คิดว่าเป็นไง”
โซดาเลิกคิ้ว
“ก็ท่ดีมั้ง”
โซดาเลิกคิ้วแต่ก็ตอบไปอย่างที่คิด
“เอาอะไรดีครับน้อง”
เจ้าของร้านที่กำลังขะมักเขม้นนั่งร้อยลูกปัดกับเส้นเอ็นหลากสีอยู่หลังร้านชะโงกหน้าออกมามอง เขาชะงักเมื่อเห็นฝรั่งหัวแดงเดินอยู่ในร้าน
“เส้นนี้เท่าไหร่คะ”
“850ครับน้อง เงินอย่างดี”
ชายหนุ่มเป่าปากโล่งใจที่แท้ก็ลูกครึ่งนี่เองเลยหยุดมือแล้วเดินออกมาขายของ แล้วสาวสวยก็ทำสิ่งที่ชวนตกตะลึงอีกครั้งด้วยการหยิบแบงค์สีเทาขึ้นมาจ่ายโดยไม่ต่อราคาอะไร เขาเลยยิ้มพึงพอใจรีบทอนเงินแล้วนั่งลงทำงานฝีมือต่อ พอรับเงินทอนมาเสร็จมีณชญาก็ยัดถุงบรรจุสร้อยใส่มือโซดาทันที
“ ซื้อให้ทำไม?”
คนมาดนิ่งถามด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด
“ของขวัญสำหรับเพื่อนใหม่ละมั้ง”
ใบหน้าสวยเผยยิ้มยียวนกับคำพูดตรงๆ
“อืม จะรับไว้เป็นน้ำใจแต่ต่อไปอย่าทำ เราไม่ชอบโดนมัดมือชก”
“อ่า...งั้นเดี๋ยวเราเลี้ยงไอติมมิ้นท์ตอบแทนล่ะกันเนอะ”
แมวน้ำรีบเข้ามาแทรกกลางทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัด เพื่อนคนนี้นี่จริงๆเลยมนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดีแล้วยังปากร้ายอีก
“ของกินตลอดเลยนะ”
โซดาขยับแว่นให้กระชับใบหน้าแล้วยิ้มที่มุมปาก
“เหอะปากดีนัก ไปหาซื้อไอติมด้วยกันเลยมา”
สาวอวบหมั่นไส้กับความปากร้ายจนอยากจะหยิกผิวขาวๆให้ขึ้นรอยจริงๆ แต่ก็ทำเพียงดึงลากข้อมือเรียวให้อีกคนเดินตามมาด้วยกัน
“เดี๋ยวเรากับโซดามานะ”
และไม่ลืมจะบอกให้คนดังของชั้นปีที่ยืนอยู่หน้าร้านได้ยิน ทำเอาสาวหน้าหวานสะดุ้งที่ต้องมาอยู่กันตามลำพังกับหัวแดงแรงไม่แคร์สื่อกะทันหัน
นะ..นี่อย่าหนีกันไปดื้อๆแบบนี้สิ!
พอหันกลับมาก็เห็นสาวลูกครึ่งเดินเข้ามาใกล้ เลยต้องขยับถอยตั้งหลักมามองสร้อยเงินที่แขวนเรียงรายอยู่ตรงหน้า
“สนใจของแนวนี้ด้วยรึไง?”
สาวสวยกอดอกปรายตามอง
“กะ..ก็มองบ้าง”
พอถูกสายตาคู่คมมองเหมือนจะอ่านใจกันได้ก็ต้องรีบหลบด้วยความรู้สึกกระอักกระอวล
หึ...แหลได้อีก
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มมองดูก็รู้ว่าคนน่ารักอย่างกุลธิดาไม่ได้มีความสนใจในเครื่องประดับเงินเลย น่าจะชอบอะไรหวานแหว๋วมากกว่าด้วยซ้ำ
นัยน์ตาสีเทามองสบเข้ากับสร้อยเงินเส้นหนึ่งเลยเอื้อมไปหยิบให้สาวหน้าหวานสะดุ้งเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากคนด้านหลัง แถมยังอยู่ในอ้อมกอดอีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ความนุ่มนิ่มที่เบียดหลังอยู่ทำให้เธอรีบขยับตัวออกห่าง
“จะหยิบก็บอกสิ ฟาจะได้ถอยให้”
ถึงเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็เถอะแต่โดนเอาหน้าอกมาเบียดหลังกันแบบนี้ทำให้รู้สึกแปลกๆขึ้นมาจนต้องก้มหน้าหลบ
ยะ..ยัยบ้าอยู่ๆมาทำแบบนี้ ขนลุกหมด!
“หืม? ชอบแบบนี้เหรอเห็นมองอยู่”
นิ้วเรียวเชยคางมนให้เงยขึ้นสบสายตาแล้วไล่มองใบหน้าหวานใสไล่สายตาจนลงถึงถึงหน้าอกหน้าใจที่ซ่อนรูปอยู่ในเสื้อนิสิตด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
ซ่อนรูปนี่นา....
ริมฝีปากบางยิ้มกริ่มให้คนถูกมองหน้าขึ้นสีระเรื่อ
…มองอะไรเนี่ย!?
ฟารีบสะบัดตัวออกห่างแล้วยกมือขึ้นกอดอก เพราะรู้ตัวว่าตัวเองมีจุดเด่นที่ตรงไหนแถมยังโดนพวกผู้ชายส่งสายตาหื่นๆใส่บ่อยๆเลยระวังตัวสูง
หึหึ...ทำตัวน่าแกล้งดีนะ
เรียวปากบางเผยยิ้มยียวน
“มองเฉยๆเห็นมันแปลกดี”
บอกแล้วยิ้มๆก่อนจะเสสายตามองหาแมวน้ำกับโซดาที่หายไปได้ซักพักแล้ว
“เส้นนี้น่าจะเหมาะกับเธอนะ”
พูดแล้วสองมือก็ยกสร้อยเงินขึ้นทาบเป็นคอระหงส์แล้วใช้ความสูงที่ได้เปรียบกว่าจัดการติดตะขอสวมให้คนในอ้อมกอดเสร็จสรรพ
“เอ๋?”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเมื่อก้มมองสร้อยเงินเส้นเล็กๆคล้องจี้รูปโบว์ลงลายสีหวานตัดกับลายสีเข้ม ดูเท่ได้หวานได้ในเส้นเดียวกันอย่างลงตัว ยังไม่ทันที่ริมฝีปากอิ่มจะเปิดปากถามก็ถูกหมุนไหล่ให้หันมองภาพสะท้อนในกระจกเงาแทน
“เหมาะดีว่าไหม”
เสียงบอกอยู่ใกล้จนคนตัวเล็กต้องขยับหนีด้วยความตกใจ
“ขะ..ขอบคุณน๊า มิ้นท์ใจดีจังเลย”
ยัยนี่ม่อเราอยู่เหรอ? เห็นทีแรกทำเป็นไม่สนใจเรานี่!
“ชั้นซื้อให้ก็แล้วกัน เดี๋ยวถามราคาก่อน”
บอกแล้วยิ้มเย้ยใส่ให้คนรับได้หมั่นไส้ขึ้นมา
“พี่คะเส้นนี้เท่าไรค่ะ”
เสียงเรียกทำให้เจ้าของร้านรีบลุกขึ้นมามอง
“เส้นไหนอ่ะครับน้อง?”
“นี่ค่ะ”
ปลายนิ้วเรียวไล้สร้อยเงินที่สวมอยู่บนคอระหงส์ให้เจ้าตัวสะดุ้งน้อยๆ
“พันเดียวครับ”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเริงร่าพลางนึกถึงกุมารทองของดีประจำตัวเพราะเปิดร้านมาไม่ถึงชั่วโมงก็ได้มาเกือบสองพันบาทแล้วรอเปิดร้านก่อนจะรีบจัดน้ำแดงขวดใหญ่ให้เลย เขายื่นมือรับแบงค์สีเทามาแถมยังเอ่ยเชิญลูกค้ากระเป๋าหนักรายนี้ให้กลับมาซื้อของด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ฟาเดินตามสาวสวยผมสีเพลิงออกมาจากร้าน
สรุปว่า ยัยนี่หลงชอบเธอเข้าให้แล้วรึไงถึงได้ซื้อของให้!?
คิดแล้วก็ยกมือขึ้นแตะสร้อยที่คอ
“อ่าวมิ้นท์กับฟาออกมาแล้วเหรอ ขอโทษนะเรามัวแต่ซื้อของอ่ะเลยช้า”
แมวน้ำหอบของกินพะรุงพะรังตามมาด้วยโซดาที่ทำหน้าเซ็งเพราะต้องช่วยถือของอีกหลายถุง
“ก็ซื้อเหมือนจะเหมายกร้านก็แบบนี้แหละ”
คนมาดนิ่งบอกเสียงเรียบเรียกสายตาค่อนขอดเข้าให้
“เอ่อ....ฟาว่าเราไปหาที่นั่งกันก่อนดีกว่าเนอะ”
ทางออกถูกเสนอขึ้นเมื่อสาวเจ้าเริ่มเบื่อที่จะเดินตลาดนัดขึ้นมาแล้ว
....................................................................................................................
“ดะ...เดี๋ยวๆพี่จูนหยุดก่อน” มินตรารีบดึงแขนหนุ่มรุ่นพี่เอาไว้เมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตา
“มีอะไรเหรอครับน้องมิน?” “มินลืมของที่เจ้ฝากซื้ออ่ะพี่ พี่รอมินอยู่นี่ก่อนนะเดี๋ยวมินมาแป๊ปเดียว” พูดจบเธอก็รีบเดินหายไปในกลุ่มคนปล่อยให้หนุ่มตี๋ยืนรออยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้า
ตอนแรกมองผ่านๆก็ไม่แน่ใจว่าใช่หลานสาวอธิการรึเปล่า พอเห็นเค้าควงคู่ไปกับผู้หญิงตัวสูงผมแดงทั่น้นก็ถึงบางอ่อเลยทีเดียว ที่บอกว่ารีบกลับก่อนเนี่ยคือมาเดินเที่ยวกับยัยหัวแดงสินะ? ที่ไปที่มาเป็นไงไม่สนแล้วขอตามดูหน่อยเหอะ คิดแล้วสาวห้าวก็ยิ้มระรื่นค่อยๆเดินตามกลุ่มเพื่อนร่วมเอกไปห่างๆ
“อ่าว...หายไปไหนแล้ว!”
มินตราร้องเสียงหลงเมื่อถูกฝูงชนเบียดเสียดให้คลาดสายตาจากเป้าหมายก็เธอดันเดินสวนขึ้นไปในทางที่ผู้คนเค้าเดินลงกันนี่นา ด้วยความพยายามเลยเดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่เจอใครซักคน
กำเลย!หายซะงั้น...ช่างเหอะไว้ไปค่อยไปเม้ากับเจ้พรุ่งนี้ก็ได้วะ
สุดท้ายก็ยอมถอดใจเดินคอตกด้วยความเสียดายกลับไปหาแฟนหนุ่ม
..........................................................................................................
อากาศยามเย็นโรยตัวเข้าปกคลุมไปรอบบริเวณถึงเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนกับฤดูฝนแต่ยังมีวันที่อากาศดีเหมาะแก่การรับลมเหมือนเช่นค่ำนี้ พอได้นั่งล้อมวงทานไอศกรีมกันก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา สำหรับแมวน้ำและโซดาถือเป็นเรื่องปกติมาก ส่วนสาวหน้าหวานก็นั่งละเมียดลิ้มชิมรสราวกับคุ้นเคยมันดี มีเพียงมีณชญาที่รู้สึกแปลกใหม่อยู่คนเดียว นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ได้มานั่งกับทานอะไรเรื่อยเปื่อยกับกลุ่มเพื่อนแบบนี้ แรงเบียดจากคนข้างๆทำให้สาวผมแดงปรายตามองยัยตัวเล็กที่นั่งจนชิดให้ไหล่เบียดไหล่
“ขยับไปหน่อยแบบนี้ตักไม่ถนัด”
บอกแล้วก็ตักไอศกรีมมะพร้าวอ่อนเข้าปาก
“ก็มันหนาวๆ”
ฟาบอกพลางถูมือกันไปมาจ้องไอศกรีมรสสตอเบอร์รี่ในถ้วยพลาสติกตรงหน้า อากาศเริ่มเย็นแล้วยังมานั่งกินไอศกรีมในที่โล่งลมโกรกได้แบบนี้เลยเริ่มหนาวขึ้นมา
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มแล้ววางถ้วยพลาสติกในมือก่อนจะเอื้อมไปหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ เสื้อคลุมเนื้อบางเบาสีหวานถูกนำมาคลุมไหล่ให้คนที่บ่นหนาว “ให้ยืมแล้วก็ช่วยขยับไปหน่อย”
นัยน์ตาสีเทาปรายตามองเป็นเชิงให้ขยับถอยห่าง
คาร์ดิแกนคอเลคชั่นหายากของปารีสปีที่แล้วนี่นา!
สาวหน้าหวานกระชับเสื้อคลุมเนื้อดีห่อตัว
มันอาจจะเหมือนเสื้อคลุมผ้าบางๆทั่วไปที่หาซื้อได้ตามห้างหากแต่คนที่ใช้ของแบรนเนมมองแล้วรู้ทันทีว่ามันเป็นเสื้อคลุมรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาจำนวนจำกัดค่อนข้างหาซื้อในเมืองไทยได้ยาก มีของแบบนี้ได้เข้าขั้นรวยเวอร์แบบไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“ใจดีจังนะ”
ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มตามมารยาท แต่มันสร้างความหงุดหงิดให้ใบหน้าสวยต้องขยับเข้ามาใกล้แล้วบอกเสียงเบา “เก่งนะยิ้มเฟคๆได้ทั้งวันเนี่ย”
ทำเอาคนฟังหุบยิ้มแทบไม่ทันเป็นครั้งแล้วที่โดนนัยน์ตาคู่นั้นมองออก ใบหน้าหวานเลยหันหนีไปทางแมวน้ำกับโซดาที่คุยเล่นกันอยู่สองคน
เออดีเนอะมาด้วยกันแต่คุยกันอยู่แค่สองคน
ความรู้สึกอึดอัดเข้าจู่โจมอีกครั้งจนเริ่มกระอักกระอวลเลยต้องมองซ้ายมองขวาหาทางออก แล้วดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นชายสองคนแต่งตัวมอซอถือถุงใส่แตงกวากล้วยอ้อยเต็มมือแถมยังพาลูกช้างตัวเขื่องมาด้วย “เลี้ยงลูกช้างทำบุญกันไหม?”
เสียงหวานดังขึ้นให้สามสาวต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกช้างกับชายทั้งสอง
“คิดว่าได้บุญก็เอา”
มีณชญาบอกแล้วนั่งจัดการไอศกรีมในมือต่อ ส่วนโซดาทำหน้านิ่งใส่ปฏิเสธโดยไม่ต้องอ้าปากเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อขอผ่านน๊า เราไม่ค่อยชอบอยู่ใกล้ช้างน่ะ”
แมวน้ำบอกออกมาตามตรงเพราะมีอดีตฝังใจไม่ค่อยดีกับช้างซักเท่าไร
“งั้นเดี๋ยวฟามานะ”
เธอคิดเผื่อไว้เรียบร้อยแล้วว่าคงไม่มีใครสนใจแน่ๆ เลยลุกจากเก้าอี้เดินมาคนเดียว
ปลายแตงกวาอีกด้านถูกงวงช้างดึงออกไปจากนิ้วเรียวให้สาวเจ้าต้องชักมือกลับ ที่จริงก็ไม่ได้พิศวาสการใช้อาหารสัตว์เท่าไรนักหรอกแค่หาทางเอาตัวเองออกมาจากบรรยากาศอันแสนอึดอัดก็แค่นั้นเอง ดวงตาสีน้ำตาลปรายตามองสาวสวยที่นั่งเล่นมือถือโดยไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
สร้อยเงินราคาพันบาทกับท่าทางกำกวมไม่ได้ช่วยการันตีได้ว่าผู้หญิงคนนี้หลงใหลกับความน่ารักของเธอ คงเพราะอีกฝ่ายเป็นคนสวยแถมยังมั่นใจตัวเองสูงซะด้วย จะใช้แผนนี้คงไม่ได้ผลแล้ว
แตงกวาลูกสุดท้ายถูกงวงช้างหยาบกระด้างดึงไปจากมือ สาวหน้าหวานจึงหยิบจากถุงใหม่แล้วยื่นส่งให้ลูกช้างอีกครั้ง
...งั้นต้องเปลี่ยนแผนใหม่
ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มร้ายๆออกมา
....................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ