my little pony : Fluttershy x Big Macintosh
7.3
เขียนโดย Ormsin2541
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.40 น.
15 ตอน
6 วิจารณ์
23.07K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2565 03.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ตอนเสริม แรรีตี้ (15+)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทางด้านแรรีตี้ที่ถูกสไปค์อุ้มขึ้นไปชั้นสองของร้านCarousel Boutique พอเข้าห้องสไปค์ก็ว่างแรรีตี้ไว้บนเตียงอย่างนุ่มนวดพอว่างเธอเสร็จปุ๊บ เขาก็พุ่งตัวไปที่ประตูด้วยความเร็วราวลมกรดแล้วกุญแจร็อคประตูแล้วโยนกุญแจลงไปใส่ลิ้นชักเก็บด้ายของแรรีตี้อย่างแม่นยำ แรรีตี้รีบถอยหลังจนชิดติดหัวเตียง สไปค์มองท่าทางของแรรีตี้อย่างขำๆกับความอินโนเซ้นท์ของเธอ จริงๆแล้วเขาไม่ได้พาเธอจะมาทำ “อะไรอย่างนั้น” หรอ เขาแค่อยากแหย่เธอเล่นเท่านั้นเองเพราะท่าทางของเธอตอนถูกเขาแหย่นะ....น่ารักสุดๆเลยละ
[สไปค์.....นายเป็นนี้มันโรคจิตจริงๆ by ไรเตอร์]
[ก็คุณเคยเขียนในไว้ในตอนที่ 4 ไม่ใช้เหรอครับว่า “ความรักมันทำให้คนเรากลายเป็นโรคจิตได้” เพราะฉะนั้น....ผมไม่ผิ๋ด ^-^ by สไปค์]
[แน่ะ แน่ะ หน่อย~ มันย้อน!! =*= by ไรเตอร์]
“ทะ...ทำไมต้องร็อคประตูด้วยละ สไปค์ ^-^;;” แรรีตี้ถึงกับเหงื่อตกกับการกระทำของแฟนหนุ่ม สไปค์ไม่ตอบคำถามของเธอแต่เขายิ้มตอบกลับมาแทนแบบเล่ห์แถมมองเธอด้วยสายตาเซ็กซี่ แรรีตี้เห็นสายตาของสไปค์แล้วถึงกับสะดุ้ดหน้าแดง
“แร-รี-ตี้-จ้า~ *-*”
“จะ....จ้า ^-^;;;” แรรีตี้ขานกลับด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ สไปค์ค่อยๆเดินเข้ามาหาเธออย่างช้า แรรีตี้หันซ้ายหันขวาหาตัวช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่มีตัวช่วยที่เธอต้องการเลย
เธอหันกลับมามองดูว่าสไปค์เดินมาถึงเตียงหรือยังแต่พอหันมาก็ชนกับจมูกของสไปค์พอดีเป๊ะ พอเธอเห็นหน้าเขาในระยะใกล้ๆแบบเธอยิ่งหน้าแดงกว่า
“แรรีตี้...ฉันขอจูบเธอได้ไหม?”
“มะ...ไ- อือ!!!” แรรีตี้ยังไม่ทันตอบอะไรก็ถูกสไปค์ชิงจูบก่อนแล้ว เธอพยายามผลักให้เขาถอยไปแต่ถูกสไปค์ใช้มือข้างเดียวจับมือทั้งสองข้างของเธอแล้วยกขึ้นเหนือหัวเธอทำให้เธอไม่สามารถผลักหรือขัดขืนเขาได้เลย สไปค์ยอมถอนปากออกจากปากแรรีตี้ให้เธอได้พักหายใจ เธอหอบด้วยท่าทางเหนื่อยๆแล้วมองเขาโดยพยายามทำตาให้น่าสงสารมากที่สุดเผื่อเขาจะยอมหยุดทำอะไรแบบนี้
“แฮ่กๆๆๆ สไ- อือ!!!” สไปค์ไม่ยอมให้แรรีตี้พูดเขารีบจูบหยุดปากเธอโดยไม่ให้ตั้งตัวคราวนี้จูบแบบส่อดลิ้นด้วย!! พอแรรีตี้รู้สึกว่ามีบางอย่างเข้ามาในปากเธอก็พยายามดิ้นขัดขืนแต่ดิ้นได้แค่สองสามนาทีสุดท้ายเธอก็ยอมเคลิ้มไปกับจูบของเขาเมื่อสไปค์เห็นแว่วของแรรีตี้ว่ายอมเคลิ้มไปกับจูบแล้วเขาแสดงความพอใจออกมาทางสายตา
เขาเห็นว่าเธอไม่มีการขัดขืนแล้วก็ยอมปล่อยมือเธอ พอแรรีตี้ถูกปล่อยมือเธอรีบคว้าคอสไปค์มากอดไว้แน่น พอเขาเห็นท่าทางของเธอแล้วเขาก็ตอบรับแบบไม่ปฏิเสธ เขาคว้าเอวเธอกอดแล้วจูบแบบดูดดื่มเข้าไป
“แฮ่กๆๆๆ x2” สักพักหนึ่งสไปค์ก็ถอนปากออกทั้งสองตัวหอบหายเพราะจูบนานเกินจึงขาดอากาศแต่สักพักทั้งสองก็พึ่งรู้สึกตัวต่างฝ่ายต่างเด้งตัวไปอยู่คนละฝั่งของเตียงด้วยความอายปนเขิน
[พวกแกไม่ต้องมาอายเลย!! คนที่ต้องอายนะโน้น!! // ชี้มาท่านผู้อ่าน // ท่านผู้อ่านโน้น!! ที่ต้องอายแทนพวกแกเนี่ย!!=*= by ไรเตอร์]
[ขะ...ขอโทษครับ/ค่า _////_ by สไปค์และแรรีตี้]
“ขะ...ขะ...ขอโทษนะแรรีตี้ =////=” สไปค์หน้าแดงมองแรรีตี้ด้วยหางตาไม่กล้าหันไปมองเธอแบบเต็มๆ ตอนแรกเขาแค่อยากแหย่เธอเล่นเฉยๆแต่มันดันเผลอตัวไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
[ช่างกล้าพูดเนอะว่าไม่ได้ตั้งใจนะ =*= by ไรเตอร์]
“อะ...อะ...อือ >////<” แรรีตี้หน้าแดงหลับตาหบี่ไม่กล้ามองสไปค์เหมือนกันแต่ในใจเธอก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน ตอนแรกเธอก็ไม่อยากทำอยู่หรอแต่พอโดนจูบไปเมื่อกี้.....มันก็อยากขึ้นมาซะงั้น
[แม่นี้ก็....หลายใจเหลือเกิ๊น _ *_ // กุมขมับ by ไรเตอร์]
“นะ...นี้ สไปค์” แรรีตี้หันมามองสไปค์ด้วยท่าทางเขินอาย
“หือ? อือ!!” สไปค์เองก็หายอายแล้วหันมาตามที่เธอเรียก แต่พอหันไปเท่านั้นแหละก็ถูกแรรีตี้พุ่งเข้ามาจูบใส่แบบไม่ทันดั้งตัว เขาตะลึงกับการกระทำของเธอจากนั้นเธอก็ถอนปากออก
“ถือว่า....เป็นการเอาคืนจากเมื่อกี้ละกัน-นะ-จ๊ะ You are my LITTLE dragon (นายมังกรตัวน้อยของฉัน ) >_0*” แรรีตี้กระพริบตาส่งให้สไปค์แล้วเธอก็เลียริมฝีปากอย่างเซ็กซี่ สไปค์เห็นแบบนั้นหน้าถึงกับแดงแจ้ควันออกหู
‘หึๆๆ ตอนนายหน้าแดงนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ สไปค์ ^-^’ แรรีตี้แอบขำอยู่ในใจกับท่าทางของสไปค์ เพ้ง!! แต่จู่ๆมีลูกบอลสีดำสนิดพุ่งทะลุกระจกเข้ามาแล้วหล่นกระทบลงข้างๆเตียง สไปค์และแรรีตี้มองลูกบอลนั้นด้วยความตกใจ
“ซวยแล้ว!!! x2” สไปค์รีบพุ่งมาบังตัวแรรีตี้จากนั้นก็มีแสงออกมาจากลูกบอลแล้วก็ ตูม!!!! เกิดระเบิดรุงแรงจนชั้นสองของร้านหายไปครึ่งหนึ่งแถมไฟยังไหม้อีกด้วย ข้างนอกร้าน Carousel Boutique มียูนิคอร์โพนี่สาวผิวแดงทับทิบ ผมและหางสีทอง มีคิวตี้มาร์ครูปเครื่องสำอาง ยืนยิ้มอยู่หน้าร้านตัวเดียวด้วยความสะใจ
“โดนระเบิดเวทย์แบบรุงแรงขนาดต้องให้ยัยนั้นเป็นหนึ่งในตัวแทนธาตุแห่งความปรองดองก็ไม่มีทางรอดหรอ ฮ่าๆๆๆ ^o^” โพนี่สาวหัวเราะอย่างสะใจแต่เธอต้องชะงักเมื่อเธอเห็นเงาบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในกองเพลิงถึงสองเงาจากนั้นเงาทั้งสองก็พุ่งตัวออกมาจากกองเพลิงมายืนอยู่ที่พื้น เจ้าของเงาทั้งสองนั้นก็คือแรรีตี้และสไปค์นั้นเอง
“เฮ้อ~ เกือบไปแล้ว เกือบจะกลายเป็นมังกรย่างแล้วไมละ =-=;;” สไปค์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หนีออกมาได้ทันก่อนจะโดนเผาในกองเพลิง สไปค์หันไปมองแรรีตี้เพราะเห็นว่าเธอแทบจะไม่พูดอะไรเลยหลังจากออกมาแล้วเขาก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงไม่พูด
“ระ...ระ....ระ 0-0;;” แรรีตี้เห็นสภาพร้านของตัวเองแล้วถึงกับเหงื่อแตก ติดอ่างและช็อก สไปค์กำลังจะเข้าไปปลอบแต่เขาต้องหยุดเมื่อเห็นว่าหูซ้ายของแรรีตี้กระดิ้กสองครั้งหน้าของเขาก็ซีดลงราวกับเป็นผีมายืนยู่ตรงรีบยกมือปิดหูตัวเองแทบไม่ทัน ส่วนโพนี่สาวมองท่าทางของมังกรหนุ่มด้วยความสงใส ‘ทำไมต้องปิดหูด้วย?’
“ร้านฉ๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!! 0o0” แรรีตี้ร้องเสียงหลงออกมาสุดเสียงจนเกิดแผ่นดินไหวบริเวณรอบๆสักพักเธอก็หยุดร้อง สไปค์เห็นว่าเสียงหยุดไปแล้วก็เอามือออกจากหู
“โอ้ๆ ใจเย็นๆก่อนน้า แรรีตี้ ตั้งสติไว้นะ” สไปค์รีบเดินเข้าไปปลอบแรรีตี้เพราะเห็นท่าทางเธอกำลังจะร้องอีกรอบพอสไปค์ปลอบเธอไปได้สักพักแล้วดูเหมือนว่าเธอจะดีขึ้นแต่ดูเมื่อเธอสติของเธจะหลุดออกจากร่างไปแล้วเพราะความช็อก ส่วนโพนี่สาวที่ถูกเสียงร้องของแรรีตี้เข้าเต็มๆนั้นถึงกับมึนไปสักพักหนึ่ง
ควับ!! แรรีตี้หันไปมองโพนี่สาวด้วยหน้าตาโกรธสุดๆพร้อมกับสายตาอาฆาตราวกับแค้นกันมาสิบชาติได้ สไปค์เห็นสายตาคู่นั้นของแรรีตี้แล้วถึงกับขน(เกร็ด)ลุกขึ้นมาด้วยความกลัว ส่วนโพนี่สาวที่พึ่งได้สติพอเห็นสาวตาของงแรรีตี้แล้วถึงกับสะดุ้ด สไปค์เห็นและดูจากสถานณ์การแล้วไม่ค่อยดีและดูเหมือนแรรีตี้ต้องการจะจัดการเรื่องนี้เองคนเดียวเขาจึงรีบบินขึ้นไปดับไฟบนชั้นสองของร้าน แล้วถือว่าวันนี้โชคดีที่สวีตตี้เบลถูกพ่อกับแม่ของแรรีตี้ลากตัวไปอยู่ด้วยกันอาทิตย์หนึ่งพอดี
“เธอใช้ไหม?”
“หา?” โพนี่สาวเอียงคอมองแรรีตี้ด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าที่เธอพูดมาหมายถึงอะไรดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่หายมึนจากเสียงกรี้ดร้องของแรรีตี้เมื่อกี้นี้
“ฉันถามว่า!! เธอใช้ไหม!! ที่ปาไอ้ระเบิดบ้าๆนั้น!! เข้าไปในร้านของฉัน!!! =*=” คราวนี้แรรีตี้ตะโกนและเน้นย้ำด้วยเสียงดังแต่ยังดังไม่เท่ากับเมื่อกี้นี้ โพนี่สาวส่ายหัวไปมาเพื่อเรียกสติกลับ
“ใช้!! ฉันเป็นคนปาระเบิดเอง” พอเรียกสติกลับมาได้โพนี่สาวมองแรรีตี้อย่างท้าทายโดยไม่มีความกลัวอยู่ในแว่วตาของเธอเลยสักนิด ส่วนแรรีตี้พอได้คำตอบเธอก็หน้าลงมองพื้นแล้วดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีท่าทีว่าจะทำอะไรเลยโพนี่สาวเลยสักนิด
“งั้นฉันขอถามอะไรเธออย่างนึงสิ?” แรรีตี้ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างเดิม ส่วนโพนี่สาวเห็นท่าทางของแรรีตี้แล้วเธอรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้
“เคยถูกแช่แข็งด้วยเพชรหรือเปล่า?” แรรีตี้เงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แถมตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว* พอแรรีตี้พูดจบเขาของเธอก็มีออร่าเวททย์มาคลุมเขาไว้เหมือนเธอกำลังจะใช้เวทย์บางอย่างจากนั้นพื้นรอบๆบริเวณร้านก็เกิดเรืองแสงสีขาวขึ้นมา โพนี่สาวมองพื้นที่เรืองแสงด้วยท่าทางระแวงและไม่ว่างใจ สักพักนึงแสงก็หายไปโพนี่สาวมองพื้นด้วยสายตาตกตะลึงเพราะจากพื้นธรรมดาก็กลายเป็นพื้นคริสตัล!!
[ถ้าใครเคยดูซีซัน 4 ตอนที่ 23 ละก็จะรู้ว่าทำไมตาของแรรีตี้ถึงกลายเป็นสีเขียวแบบนี้ by ไรเตอร์]
“Zone Crystal (โซนคริสตัล)” แรรีตี้ยังคงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แปลกๆ เธอยกมือขึ้นเหนือพื้นนิดนึงโพนี่สาวมองท่าทางของแรรตี้อย่างงงแล้วเธอว่างลงพื้นอย่างเบาๆ โพนี่สาวตอนแรกก็ไม่เข้าใจแต่จู่ๆเธอตาโตด้วยความตกใจแล้วกระโดดถอนหลังไปตามสัญชาตญาณเพราะเสาคริสตัลสี่ต้นพุ่งขึ้นมาจากจุดที่เธอยืนเมื่อกี้ แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยสายตาชื่นชม
“สัญชาตญาณใช้ได้ แต่...จะรอดจากท่านี้หรือเปล่าน้า?” แรรีตี้ดึงคริสตัลขึ้นมาจากพื้นสี่ก้อนแล้วเปลี่ยนรูปร่างของมันเป็นรูปดาวหกแฉกสี่อัน เธอโยนคริสตัลทั้งสี่ใส่โพนี่สาวแต่คริสตัลทั้งสี่อันก็ปักลงพื้นเพราะโพนี่สาวสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย
“จงใจโยนมาช้าแบบนี้ คิดจะดูถูกกันหรือยังไง!!” โพนี่สาวมองแรรีตี้ด้วยสายตาเคืองๆที่แรรีตี้จงใจโยนใส่เธอแบบช้าเหมือนกับจงใจให้เธอหลบได้อย่างงั้นแหละ แรรีตี้ยิ้มหวานให้กับความรู้ทันของโพนี่แต่เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อือ~ ไม่รู้สิน้า~ แต่ว่านะ ไม่คิดจะระวังข้างบนหน่อยเหรอ?” พอแรรีตี้พูดจบโพนี่สาวก็หน้าตาตื่นด้วยความตกใจเธอรีบเงยหน้าขึ้นมองบนแล้วเจอกับห่าฝนเข็มคริสคัลกำลังตกลงมาหาเธอเป็นร้อยๆแท่ง โพนี่สาวรวบรวมสติแล้วรีบกางโล่เวทย์มนต์ป้องกันไว้ เพ้ง!ๆๆๆ คริสตัลกระทบกับโล่เวทย์มนต์ของโพนี่สาวเป็นชุดมีบางอันทะลุผ่านโล่มาแต่ก็ไม่มีอันโดนตัวของโพนี่สาวเลยซักชิ้น โพนี่สาวคลายโล่เวทย์ลงหลังจากที่ผ่านไปสักพักนึงห่าฝนเข็ดก็หยุดตกลงมา
“แฮ่กๆๆๆๆ” โพนี่สาวหอบอย่างเหนื่อยๆเพราะห่าฝนเข็ดเมื่อกี้มันแอบใส่เวทย์เจาะเกราะไว้ด้วยก็เลยต้องเพิ่งพลังเวทย์เป็นสองเท่า
“ถึงว่าเธอเก่งใช้ได้นะที่ยังสามารถยืนอยู่ได้ถึงตอนนี้นะ” แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยสายตาชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเธอสามารถรับห่าฝนคริสตัลที่เธอใส่เวทย์เจาะเกราะลงไว้ได้ โพนี่สาวไม่รู้ควรจะภูมิใจกับคำชื่นชมของเธอดีหรือเปล่า
“แต่ว่า...มันจบแล้วละ =*=” สีหน้าของแรรีตี้จากยิ้มหวานกลายเป็นหน้าตาเครียดจริงจัง แว๊บ~จากนั้นก็เกิดแสงสีขวาสว่างขึ้นมาสามจุดแรกจากเสาคริสตัล จุดที่สองมาจากดาวหกแฉกที่ปักพื้นอยู่และจุดที่สามมาจากจุดที่โพนี่สาวยืนอยู่หรือจุดที่ห่าฝนเข็มคริสตัล ส่องแสงเป็นลายรูปเดียวกับคิวตี้มารคของแรรีตี้ โพนี่สาวเห็นท่าไม่ดีเธอจึงเตรียมจะหันหลังวิ่งหนี
กึก แต่แล้วมือและขาของโพนี่สาวกลับก้าวไม่ออกแหละดูเหมือนจะขยับไม่ได้ด้วย เธอก้มมองดูแล้วตาโตด้วยความตะลึงเพราะมือและขาของเธอถูกคริสตัลตรึงไว้กลับพื้นเธอพยายามดึงขาออกจาพื้นแต่มันก็ไม่ขยับเลยซักนิดกลับกันคริสตัลที่ขามันกลับลามขึ้นมาจนถึงคอเหลือแต่หัวเท่านั้นที่ยังไม่ถูกแช่แข็ง เธอพยายามดิ้นให้คริสตัลแตกแต่มันหน่ามากเกินที่จะทำให้แตก
“ปล่อยฉันนะ!!” โพนี่สาวเห็นว่าดิ้นยังไงก็ไม่แตกจึงใช้วิธีตะโกนขู่แต่ดูจากสภาพของเธอตอนนี้แล้วไม่น้าขู่ใครได้ แรรีตี้พอเห็นโพนี่สาวโวยวายก็อดขำในใจไม่ได้
‘เลิกเล่นได้แล้ว เร ให้ฉันได้สนุกบางสิ’ จู่ๆก็มีเสียงเย็นชาของโพนี่หญิงดังมาจากข้างในหัวของแรรีตี้ พอแรรีตี้ได้ยินเสียงจากข้างในหัวเธอยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าให้กับเพื่อนสนิดในจิตใจของเธอ
‘โอเคๆ ก็ได้ไนท์ คราวนี้ฉันยกให้เธอ แต่อย่าให้ถึงตายละ’
‘รู้น้า! ไปไม่ต้องให้เธอมาบอกหรอน้า!!’ พอแรรีตี้คุยกับเจ้าของเสียงเสร็จแล้วเธอก็เดินเข้าหาโพนี่สาวแบบช้าๆพร้อมกับที่ตาของเธอเปลี่ยนจากตาสีเขียวเป็นตาแบบเดียวแมวจากนั้นตัวเธอก็ค่อยสูงขึ้นจนเท่าเจ้าหญิงเซเลสเทีย ผิวของเธอที่เป็นสีขาวก็ถูกย้อมด้วยสีดำของท้องฟ้ายามราตรี ผมและหางก็ยาวขึ้น คิวตี้มาร์คของเธอก็เปลี่ยนไปจากเพชรสามเม็ดกลายเป็นดาวสี่แฉกสามดวงที่มีประกายดาวอยู่รอบๆ
เธอคืออีกหนึ่งจิตใจที่อาศัยอยู่ในร่างของแรรีตี้และยังเคยเกือบถล่มโพนี่วิลล์มาแล้วด้วยกองทัพฝันร้ายจากดวงจันทร์ เธอคือผู้สืบทอดพลังของไนท์แมร์มูน ชื่อของเธอคือ ไนท์แมร์แรรีตี้
“ปะ...ปะ...เป็นไปไม่ได้!! 0-0;;”โพนี่สาวพอเห็นไนท์แมร์แรรีตี้ที่ชัดๆแล้วถึงกับตาโตตกใจและตะลึงเพราะเธอคิดว่าข่าวลือเรื่องที่หนึ่งในตัวแทนธาตุแห้งความเอื้อเฟื้อนั้นเคยถูกพวกฝันร้ายลักพาตัวไปที่ดวงจันทร์และถูกพลังแห่งฝันร้ายเข้าครอบงำนั้นเป็นเรื่องที่ชาวโพนี่วิลล์แต่งขึ้นมาแต่พอเธอมาเห็นแบบตัวเป็นๆแบบนี้ เธอถึงกับรู้สึกผิดที่ตัวเองคิดจะสามารถจัดการแรรีตี้ด้วยตัวคนเดียวได้แต่เธอรู้แล้วว่า....เธอคิดผิดพลาดอย่างมหัน!!
“เจ้าบังอาดมากนะที่มาทำลายที่อยู่ของพวกข้าแบบนี้” ไนท์แมร์แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยท่าทางเย็นชาและมีอำนาจ โพนี่สาวมองไนท์แมร์แรรีตี้ด้วยความรู้สึกที่ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นรั้วด้วยความหวาดกลัวเพราะออร่าเวทย์แปลกๆที่คลุมตัวไนท์แมร์แรรีตี้ไว้
“เอาละ ได้เวลาของฝันร้ายแล้ว” ไนท์แมร์แรรีตี้พูดราวกับเสียงกระซิบจากนั้นก็มีเมฆสีดำลอยออกมาจากเขาของเธอ เมฆสีดำนั้นมันลอยมาอยู่ตรงหน้าของโพนี่สาวจากนั้นมันก็แบ่งตัวออกเป็นสามก้อน โพนี่สาวพอเห็นเมฆนั้นแล้วเธอรู้สึกถึงพลังฝันร้ายมันแผ่ออกมาเธอพยายามส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้เมฆสามก้อนนั้นเข้ามาใกล้เธอ
“อยู่นิ่งๆ!!” ไนท์แมร์แรรีตี้มองท่าทางของโพนี่สาวด้วยสายตารำคาญเธอจึงใช้เออร่าวทย์สีฟ้าคลุมหน้าของโพนี่สาวแล้วบังคับหน้าของเธอให้อยู่นิ่งๆ
พอหน้าของโพนี่สาวอยู่นิ่งๆไนท์แมร์แรรีตี้จับเมฆก้อนแรกให้ลอยเข้าไปในหูซ้ายของโพนี่สาวพอหลังจากเมฆสีดำเข้าไปได้สักพักโพนี่สาวก็เกิดอาการชักกระตุกตาเหลือกขึ้นมา ไนท์แมร์แรรีตี้มองอาการชักกระตุกของโพนี่สาวด้วยสายตาพอใจแล้วเธอก็จับเมฆที่สองให้ลอยไปที่หูอีกข้างของโพนี่สาวหลังจากนั้นโพนี่สาวก็ชักกระตุกตาเหลือกหนักกว่าแถมคราวนี้เธอยังน้ำลายเริ่มฟูมปากอีกด้วย ไนท์แมร์แรรีตี้มองท่าทางที่ดูทุกข์ทรมานของโพนี่สาวด้วยสายตาสนุกสนานและพอใจยิ่งกว่าเมื่อกี้ เธอหันไปจับเมฆก้อนสุดท้ายแล้วใช้ออร่าเวทย์บังคับให้ปากของโพนี่สาวเปิดออก ไนท์แมร์แรรีตี้ยิ้มอย่างมีความสุขคราวนี้เธอไม่ปล่อยให้มันลอยไปเองแต่คราวนี้เธอใช้ออร่าเวทย์จับแล้วค่อยๆใส่เข้าไปในปากของโพนี่สาวแบบช้าๆ
‘พอได้แล้ว!!ไนท์!!’ กึก มือของไนท์แมร์แรรีตี้หยุดชะงักเพราะเสียงร้องห้ามของแรรีตี้ที่ดังมาจาดข้างในหัว ไนท์แมร์แรรีตี้ทำหน้าเซ็งๆที่จู่ๆแรรีตี้มาขัดความสนุกของเธอแต่สุดท้ายเธอก็ยอมดึงเมฆก้อนสุดท้ายออกจากปากแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่ข้างๆเธอ
“มาห้ามทำไม? เร? ฉันกำลังสนุกอยู่เชียว”
‘แต่เธอเล่นแรงไปแล้วนะ! ไนท์!’ แรรีตี้ตะคอกใส่ไนท์แมร์แรรีตี้ ด้วยความโกรธที่ไนท์แมร์แรรีตี้ใช้ Magic Cloud of Nightmares*(เวทย์มนต์เมฆแห่งฝันร้าย)แต่ดูเหมือนไนท์แมร์แรรีตี้จะไม่มีท่าทีว่าจะสำนึกเลยสักนิด
[Magic Cloud of Nigtmares คือ เวทย์ที่สามารถทำลายจิตใจของอีกฝ่ายโดยผ่านทางฝันร้ายที่อีกฝ่ายกลัวที่สุดโดยขึ้นอยู่กับจำนวนเมฆถ้าจำนวนเมฆขิ่งมากก็แปลว่าจิตของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก แต่ทไวไลท์ได้จัดให้เวทย์มนต์ชนิดอยู่ในหมวดของ“เวทย์ต้องห้ามเด็ดขาด”ไปแล้วซึ่งผู้ที่รู้จักเวทย์มนต์นี้ก็มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น by ไรเตอร์]
“งั้นจะให้ทำอย่างไงกับยัยนี้ละ” ไนท์แมร์แรรีตี้มองโพนี่สาวที่ยังชักกระตุกอยู่ด้วยสายตาสมเพช แรรีตี้มองโพนี่สาวผ่านสายตาของไนท์แมร์แรรีตี้ด้วยความสงสารเธอรู้สึกผิดที่ยอมให้ไนท์แมร์แรรีตี้ออกมาทั้งๆที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
‘เธอกลับเข้ามาได้แล้ว ไนท์ ที่เหลือฉันจัดการเอง’ แรรีตี้ทำสีหน้าจริงจัง ไนท์แมร์แรรีตี้ถอนหายใจอย่างเสียดาย
“โอเคๆ ให้ตายสิ! ออกมาได้ข้างนอกแค่แป๊ะเดียวเอง” ไนท์แมร์แรรีตี้ยอมคลายเวทย์คืนร่างให้ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ก็ตามเธอหลับตาลงจากนั้นร่างกายของเธอก็เรืองแสงสีขาวออกมาขนาดตัวของเธอลดลง ผมและหางก็สั้นลงตามไปด้วย เพ้ง สักพักหนึ่งแสงที่คลุมตัวไนท์แมร์แรรีตี้ไว้ก็แตกออกหลังจากที่ทั้งสองจิตสับตำแหน่งกันแล้ว
แรรีตี้ลืมตาขึ้นแล้วมองโพนี่สาวที่ชักกระตุกด้วยสายตาสงสารแต่เธอไม่สารารถช่วยอะไรได้อีกแล้วเพราะจิตใจของโพนี่สาวถูกทำลายไปสองในสามแล้ว แรรีตี้จึงเหลือทางเลือกอยู่สองทางคือ หนึ่ง ทำให้เธอไปสบายซะ หรือสอง เธอต้องรักษาด้วยตัวเอง
“บ้าจังเลยเรา ไม่เห็นต้องเลือกเลยนินะ ^-^” แรรีตี้หันไปมองร้านที่ตอนนี้ไฟดับแล้ว ส่วนสไปค์นั่งมองเธออยู่บนซากเตีองเขาโยนบางอย่างมาให้แรรีตี้ เธอยกมือรับแล้วผลิกขึ้นมาดูมันคือสร้อยสีทองที่ดูเป็นประกายสวยงามตรงกลางของสร้อยมีคริสตับรูปเพชรสีม่วงเข้ม มันคือหนึ่งในผลึกธาตุแห่งความปรองดอง ผลึกแห่งความเอื้อเฟื้อ (Crystal of Courtesy)
แรรีตี้ยิ้มออกมาอย่างพอใจให้กับความรู้ทันของสไปค์เพราะแบบนี้ไงเธอถึงได้รักเขาแบบหมดหัวใจ บางครั้งแรรีตี้แทบไม่ต้องพูดอะไรสไปค์มักจะรู้ทัน,เธอเข้าใจเธอและเคารพกับการตัดสินใจเธอเสมอมาตั้งแต่เขายังเป็นแค่มังกรตัวน้อยไร้เดียงสาของเธอ แรรีตี้ส่วมสร้อยคอด้วยท่าทางแบบผู้ดีมีระดับ
แรรีตี้หลับตารวบรวมสมาธิรวมพลังเวทย์จากรอบๆมารวมกันที่ผลึกแห่งความเอื้อเฟื้อจนเกิดแสงสีม่วงสว่างขึ้นมาจากนั้นก็มีเสาคริสตัลโผล่ขึ้นมาสี่ต้นล้อมรอบตัวโพนี่สาวแล้วก็เกิดม่านพลังสีม่วงมารอบเสาคริสตัลไว้อีกชั้นหนึ่ง แรรีตี้ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นในระดับหนึ่งเธอลืมตาขึ้นในดวงตาของเธอตอนนี้เหมือนมีเพชรอยู่ข้างในเป็นประกายอย่างสวยงาม ผลึกส่องแสงออกมาอย่างเจิดจา
“beauty the eternal (ความงามนิรันดร์)” จากนั้นแสงจากผลึกก็พุ่งเข้าไปที่เสาแล้วพุ่งไปอีกเสาหนึ่งแล้วเป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนแสงใหญ่ขึ้นแล้วก็พุ่งเข้าหากันแล้วพุ่งใส่ร่างของโพนี่สาวเต็มๆ หลังจากนั้นเสาทั้งสี่ก็หายไปเหลือไว้เพียงร่างของโพนี่สาวที่นอนหมดสติอยู่กับพื้น
แรรีตี้มองร่างของโพนี่สาวด้วยสายตาอ่อนล้าปนโล่งใจเธอเดินตรงเข้าหาโพนี่สาวแล้วแบกเธอขึ้นหลังทั้งๆที่เธอจะล้มเมื่อไหร่ก็ได้ท่าที่เธอใช้เมื่อกี้มันเป็นท่าที่เธอคิดเองใช้สำหรับรักษาโพนี่ที่บาดเจ็บมากๆแต่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแถมยังกินพลังเวทย์เยอะมากด้วยมันก็เลยทำให้แรรีตี้ดูเหมือนคนหมดแรงแบบนี้ แรรีตี้แบกร่างของโพนี่สาวเดินเข้าไปในร้านแล้วว่างเธอไว้บนโซนฟาตัวโปรดของเธอ
[ไอ้ตัวที่เธอชอบลากไปด้วยตอนไปปิกนิกนั้นแหละ by ไรเตอร์]
“ฉันให้เธอนอนที่นี้ได้แค่คืนเดียวนะ หลังจากนั้นฉันจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาลเองนะ” แรรีตี้หันหลังแล้วเดินตรงไปทางขึ้นบันไดชั้นสองแต่เธอก้าวได้แค่สองขั้นเธอก็เซแล้วกำลังจะล้มลง หมับ แต่สไปค์มารับตัวเธอไว้ได้ทันเวลาเขามองหน้าแรรีตี้ที่ตอนนี้หมดสติไปแล้วด้วยสายตาอ่อนใจ
“ทำไมเธอถึงชอบใช้ไอ้ท่าที่เปลืองพลังเวทย์แบบนั้นด้วยสิน้า” สไปค์อุ้มตัวแรรีตี้ขึ้นไปชั้นสองพาเธอเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง สไปค์ว่างเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวด สไปค์จ้องใบหน้ายามหลับของแฟนสาว
“ฉันอุสาคิดคืนนี้จะจัดหนักให้เธอซะหน่อยแท้ๆเชียว” สไปค์มองแรรีตี้ด้วยสายตาอ่อนโยนเขาเอามือปัดผมที่บังหน้าแรรีตี้ออกเพื่อจะไ้มองความสวยและน่ารักของเธอให้ชัดๆยิ่งตอนที่แสงจันทร์ส่องมามาที่หน้าของเธอพอยิ่งเพิ่มความสวยและน่ารักเข้าไปอีก สไปค์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับภาพของคนรักของตัวเองที่กำลังหลับอยู่ เขาคิดถูกแล้วจริงๆที่ตกหลุมรักเธอถึงแม้เธอจะเรื่องมากเกินไปบางก็เถอะนะ
“ฝันดีครับ เจ้าหญิงผู้น่ารักและสวยที่สุดของผม จุ๊บ”สไปค์จูบหน้าผาเธออย่างอ่อนโยนจากนั้นสไปค์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบหมอนใบหนึ่งเขาว่างไว้ข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนอยู่ข้างๆเตียงโดยที่สไปค์ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ใบหน้าขแงแรรีตี้กำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
‘ฝันดีเช่นกัน พ่อมังกรตัวน้อยของฉัน’
[สไปค์.....นายเป็นนี้มันโรคจิตจริงๆ by ไรเตอร์]
[ก็คุณเคยเขียนในไว้ในตอนที่ 4 ไม่ใช้เหรอครับว่า “ความรักมันทำให้คนเรากลายเป็นโรคจิตได้” เพราะฉะนั้น....ผมไม่ผิ๋ด ^-^ by สไปค์]
[แน่ะ แน่ะ หน่อย~ มันย้อน!! =*= by ไรเตอร์]
“ทะ...ทำไมต้องร็อคประตูด้วยละ สไปค์ ^-^;;” แรรีตี้ถึงกับเหงื่อตกกับการกระทำของแฟนหนุ่ม สไปค์ไม่ตอบคำถามของเธอแต่เขายิ้มตอบกลับมาแทนแบบเล่ห์แถมมองเธอด้วยสายตาเซ็กซี่ แรรีตี้เห็นสายตาของสไปค์แล้วถึงกับสะดุ้ดหน้าแดง
“แร-รี-ตี้-จ้า~ *-*”
“จะ....จ้า ^-^;;;” แรรีตี้ขานกลับด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ สไปค์ค่อยๆเดินเข้ามาหาเธออย่างช้า แรรีตี้หันซ้ายหันขวาหาตัวช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่มีตัวช่วยที่เธอต้องการเลย
เธอหันกลับมามองดูว่าสไปค์เดินมาถึงเตียงหรือยังแต่พอหันมาก็ชนกับจมูกของสไปค์พอดีเป๊ะ พอเธอเห็นหน้าเขาในระยะใกล้ๆแบบเธอยิ่งหน้าแดงกว่า
“แรรีตี้...ฉันขอจูบเธอได้ไหม?”
“มะ...ไ- อือ!!!” แรรีตี้ยังไม่ทันตอบอะไรก็ถูกสไปค์ชิงจูบก่อนแล้ว เธอพยายามผลักให้เขาถอยไปแต่ถูกสไปค์ใช้มือข้างเดียวจับมือทั้งสองข้างของเธอแล้วยกขึ้นเหนือหัวเธอทำให้เธอไม่สามารถผลักหรือขัดขืนเขาได้เลย สไปค์ยอมถอนปากออกจากปากแรรีตี้ให้เธอได้พักหายใจ เธอหอบด้วยท่าทางเหนื่อยๆแล้วมองเขาโดยพยายามทำตาให้น่าสงสารมากที่สุดเผื่อเขาจะยอมหยุดทำอะไรแบบนี้
“แฮ่กๆๆๆ สไ- อือ!!!” สไปค์ไม่ยอมให้แรรีตี้พูดเขารีบจูบหยุดปากเธอโดยไม่ให้ตั้งตัวคราวนี้จูบแบบส่อดลิ้นด้วย!! พอแรรีตี้รู้สึกว่ามีบางอย่างเข้ามาในปากเธอก็พยายามดิ้นขัดขืนแต่ดิ้นได้แค่สองสามนาทีสุดท้ายเธอก็ยอมเคลิ้มไปกับจูบของเขาเมื่อสไปค์เห็นแว่วของแรรีตี้ว่ายอมเคลิ้มไปกับจูบแล้วเขาแสดงความพอใจออกมาทางสายตา
เขาเห็นว่าเธอไม่มีการขัดขืนแล้วก็ยอมปล่อยมือเธอ พอแรรีตี้ถูกปล่อยมือเธอรีบคว้าคอสไปค์มากอดไว้แน่น พอเขาเห็นท่าทางของเธอแล้วเขาก็ตอบรับแบบไม่ปฏิเสธ เขาคว้าเอวเธอกอดแล้วจูบแบบดูดดื่มเข้าไป
“แฮ่กๆๆๆ x2” สักพักหนึ่งสไปค์ก็ถอนปากออกทั้งสองตัวหอบหายเพราะจูบนานเกินจึงขาดอากาศแต่สักพักทั้งสองก็พึ่งรู้สึกตัวต่างฝ่ายต่างเด้งตัวไปอยู่คนละฝั่งของเตียงด้วยความอายปนเขิน
[พวกแกไม่ต้องมาอายเลย!! คนที่ต้องอายนะโน้น!! // ชี้มาท่านผู้อ่าน // ท่านผู้อ่านโน้น!! ที่ต้องอายแทนพวกแกเนี่ย!!=*= by ไรเตอร์]
[ขะ...ขอโทษครับ/ค่า _////_ by สไปค์และแรรีตี้]
“ขะ...ขะ...ขอโทษนะแรรีตี้ =////=” สไปค์หน้าแดงมองแรรีตี้ด้วยหางตาไม่กล้าหันไปมองเธอแบบเต็มๆ ตอนแรกเขาแค่อยากแหย่เธอเล่นเฉยๆแต่มันดันเผลอตัวไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
[ช่างกล้าพูดเนอะว่าไม่ได้ตั้งใจนะ =*= by ไรเตอร์]
“อะ...อะ...อือ >////<” แรรีตี้หน้าแดงหลับตาหบี่ไม่กล้ามองสไปค์เหมือนกันแต่ในใจเธอก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน ตอนแรกเธอก็ไม่อยากทำอยู่หรอแต่พอโดนจูบไปเมื่อกี้.....มันก็อยากขึ้นมาซะงั้น
[แม่นี้ก็....หลายใจเหลือเกิ๊น _ *_ // กุมขมับ by ไรเตอร์]
“นะ...นี้ สไปค์” แรรีตี้หันมามองสไปค์ด้วยท่าทางเขินอาย
“หือ? อือ!!” สไปค์เองก็หายอายแล้วหันมาตามที่เธอเรียก แต่พอหันไปเท่านั้นแหละก็ถูกแรรีตี้พุ่งเข้ามาจูบใส่แบบไม่ทันดั้งตัว เขาตะลึงกับการกระทำของเธอจากนั้นเธอก็ถอนปากออก
“ถือว่า....เป็นการเอาคืนจากเมื่อกี้ละกัน-นะ-จ๊ะ You are my LITTLE dragon (นายมังกรตัวน้อยของฉัน ) >_0*” แรรีตี้กระพริบตาส่งให้สไปค์แล้วเธอก็เลียริมฝีปากอย่างเซ็กซี่ สไปค์เห็นแบบนั้นหน้าถึงกับแดงแจ้ควันออกหู
‘หึๆๆ ตอนนายหน้าแดงนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ สไปค์ ^-^’ แรรีตี้แอบขำอยู่ในใจกับท่าทางของสไปค์ เพ้ง!! แต่จู่ๆมีลูกบอลสีดำสนิดพุ่งทะลุกระจกเข้ามาแล้วหล่นกระทบลงข้างๆเตียง สไปค์และแรรีตี้มองลูกบอลนั้นด้วยความตกใจ
“ซวยแล้ว!!! x2” สไปค์รีบพุ่งมาบังตัวแรรีตี้จากนั้นก็มีแสงออกมาจากลูกบอลแล้วก็ ตูม!!!! เกิดระเบิดรุงแรงจนชั้นสองของร้านหายไปครึ่งหนึ่งแถมไฟยังไหม้อีกด้วย ข้างนอกร้าน Carousel Boutique มียูนิคอร์โพนี่สาวผิวแดงทับทิบ ผมและหางสีทอง มีคิวตี้มาร์ครูปเครื่องสำอาง ยืนยิ้มอยู่หน้าร้านตัวเดียวด้วยความสะใจ
“โดนระเบิดเวทย์แบบรุงแรงขนาดต้องให้ยัยนั้นเป็นหนึ่งในตัวแทนธาตุแห่งความปรองดองก็ไม่มีทางรอดหรอ ฮ่าๆๆๆ ^o^” โพนี่สาวหัวเราะอย่างสะใจแต่เธอต้องชะงักเมื่อเธอเห็นเงาบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในกองเพลิงถึงสองเงาจากนั้นเงาทั้งสองก็พุ่งตัวออกมาจากกองเพลิงมายืนอยู่ที่พื้น เจ้าของเงาทั้งสองนั้นก็คือแรรีตี้และสไปค์นั้นเอง
“เฮ้อ~ เกือบไปแล้ว เกือบจะกลายเป็นมังกรย่างแล้วไมละ =-=;;” สไปค์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หนีออกมาได้ทันก่อนจะโดนเผาในกองเพลิง สไปค์หันไปมองแรรีตี้เพราะเห็นว่าเธอแทบจะไม่พูดอะไรเลยหลังจากออกมาแล้วเขาก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงไม่พูด
“ระ...ระ....ระ 0-0;;” แรรีตี้เห็นสภาพร้านของตัวเองแล้วถึงกับเหงื่อแตก ติดอ่างและช็อก สไปค์กำลังจะเข้าไปปลอบแต่เขาต้องหยุดเมื่อเห็นว่าหูซ้ายของแรรีตี้กระดิ้กสองครั้งหน้าของเขาก็ซีดลงราวกับเป็นผีมายืนยู่ตรงรีบยกมือปิดหูตัวเองแทบไม่ทัน ส่วนโพนี่สาวมองท่าทางของมังกรหนุ่มด้วยความสงใส ‘ทำไมต้องปิดหูด้วย?’
“ร้านฉ๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!! 0o0” แรรีตี้ร้องเสียงหลงออกมาสุดเสียงจนเกิดแผ่นดินไหวบริเวณรอบๆสักพักเธอก็หยุดร้อง สไปค์เห็นว่าเสียงหยุดไปแล้วก็เอามือออกจากหู
“โอ้ๆ ใจเย็นๆก่อนน้า แรรีตี้ ตั้งสติไว้นะ” สไปค์รีบเดินเข้าไปปลอบแรรีตี้เพราะเห็นท่าทางเธอกำลังจะร้องอีกรอบพอสไปค์ปลอบเธอไปได้สักพักแล้วดูเหมือนว่าเธอจะดีขึ้นแต่ดูเมื่อเธอสติของเธจะหลุดออกจากร่างไปแล้วเพราะความช็อก ส่วนโพนี่สาวที่ถูกเสียงร้องของแรรีตี้เข้าเต็มๆนั้นถึงกับมึนไปสักพักหนึ่ง
ควับ!! แรรีตี้หันไปมองโพนี่สาวด้วยหน้าตาโกรธสุดๆพร้อมกับสายตาอาฆาตราวกับแค้นกันมาสิบชาติได้ สไปค์เห็นสายตาคู่นั้นของแรรีตี้แล้วถึงกับขน(เกร็ด)ลุกขึ้นมาด้วยความกลัว ส่วนโพนี่สาวที่พึ่งได้สติพอเห็นสาวตาของงแรรีตี้แล้วถึงกับสะดุ้ด สไปค์เห็นและดูจากสถานณ์การแล้วไม่ค่อยดีและดูเหมือนแรรีตี้ต้องการจะจัดการเรื่องนี้เองคนเดียวเขาจึงรีบบินขึ้นไปดับไฟบนชั้นสองของร้าน แล้วถือว่าวันนี้โชคดีที่สวีตตี้เบลถูกพ่อกับแม่ของแรรีตี้ลากตัวไปอยู่ด้วยกันอาทิตย์หนึ่งพอดี
“เธอใช้ไหม?”
“หา?” โพนี่สาวเอียงคอมองแรรีตี้ด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าที่เธอพูดมาหมายถึงอะไรดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่หายมึนจากเสียงกรี้ดร้องของแรรีตี้เมื่อกี้นี้
“ฉันถามว่า!! เธอใช้ไหม!! ที่ปาไอ้ระเบิดบ้าๆนั้น!! เข้าไปในร้านของฉัน!!! =*=” คราวนี้แรรีตี้ตะโกนและเน้นย้ำด้วยเสียงดังแต่ยังดังไม่เท่ากับเมื่อกี้นี้ โพนี่สาวส่ายหัวไปมาเพื่อเรียกสติกลับ
“ใช้!! ฉันเป็นคนปาระเบิดเอง” พอเรียกสติกลับมาได้โพนี่สาวมองแรรีตี้อย่างท้าทายโดยไม่มีความกลัวอยู่ในแว่วตาของเธอเลยสักนิด ส่วนแรรีตี้พอได้คำตอบเธอก็หน้าลงมองพื้นแล้วดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีท่าทีว่าจะทำอะไรเลยโพนี่สาวเลยสักนิด
“งั้นฉันขอถามอะไรเธออย่างนึงสิ?” แรรีตี้ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างเดิม ส่วนโพนี่สาวเห็นท่าทางของแรรีตี้แล้วเธอรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้
“เคยถูกแช่แข็งด้วยเพชรหรือเปล่า?” แรรีตี้เงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แถมตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว* พอแรรีตี้พูดจบเขาของเธอก็มีออร่าเวททย์มาคลุมเขาไว้เหมือนเธอกำลังจะใช้เวทย์บางอย่างจากนั้นพื้นรอบๆบริเวณร้านก็เกิดเรืองแสงสีขาวขึ้นมา โพนี่สาวมองพื้นที่เรืองแสงด้วยท่าทางระแวงและไม่ว่างใจ สักพักนึงแสงก็หายไปโพนี่สาวมองพื้นด้วยสายตาตกตะลึงเพราะจากพื้นธรรมดาก็กลายเป็นพื้นคริสตัล!!
[ถ้าใครเคยดูซีซัน 4 ตอนที่ 23 ละก็จะรู้ว่าทำไมตาของแรรีตี้ถึงกลายเป็นสีเขียวแบบนี้ by ไรเตอร์]
“Zone Crystal (โซนคริสตัล)” แรรีตี้ยังคงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แปลกๆ เธอยกมือขึ้นเหนือพื้นนิดนึงโพนี่สาวมองท่าทางของแรรตี้อย่างงงแล้วเธอว่างลงพื้นอย่างเบาๆ โพนี่สาวตอนแรกก็ไม่เข้าใจแต่จู่ๆเธอตาโตด้วยความตกใจแล้วกระโดดถอนหลังไปตามสัญชาตญาณเพราะเสาคริสตัลสี่ต้นพุ่งขึ้นมาจากจุดที่เธอยืนเมื่อกี้ แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยสายตาชื่นชม
“สัญชาตญาณใช้ได้ แต่...จะรอดจากท่านี้หรือเปล่าน้า?” แรรีตี้ดึงคริสตัลขึ้นมาจากพื้นสี่ก้อนแล้วเปลี่ยนรูปร่างของมันเป็นรูปดาวหกแฉกสี่อัน เธอโยนคริสตัลทั้งสี่ใส่โพนี่สาวแต่คริสตัลทั้งสี่อันก็ปักลงพื้นเพราะโพนี่สาวสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย
“จงใจโยนมาช้าแบบนี้ คิดจะดูถูกกันหรือยังไง!!” โพนี่สาวมองแรรีตี้ด้วยสายตาเคืองๆที่แรรีตี้จงใจโยนใส่เธอแบบช้าเหมือนกับจงใจให้เธอหลบได้อย่างงั้นแหละ แรรีตี้ยิ้มหวานให้กับความรู้ทันของโพนี่แต่เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อือ~ ไม่รู้สิน้า~ แต่ว่านะ ไม่คิดจะระวังข้างบนหน่อยเหรอ?” พอแรรีตี้พูดจบโพนี่สาวก็หน้าตาตื่นด้วยความตกใจเธอรีบเงยหน้าขึ้นมองบนแล้วเจอกับห่าฝนเข็มคริสคัลกำลังตกลงมาหาเธอเป็นร้อยๆแท่ง โพนี่สาวรวบรวมสติแล้วรีบกางโล่เวทย์มนต์ป้องกันไว้ เพ้ง!ๆๆๆ คริสตัลกระทบกับโล่เวทย์มนต์ของโพนี่สาวเป็นชุดมีบางอันทะลุผ่านโล่มาแต่ก็ไม่มีอันโดนตัวของโพนี่สาวเลยซักชิ้น โพนี่สาวคลายโล่เวทย์ลงหลังจากที่ผ่านไปสักพักนึงห่าฝนเข็ดก็หยุดตกลงมา
“แฮ่กๆๆๆๆ” โพนี่สาวหอบอย่างเหนื่อยๆเพราะห่าฝนเข็ดเมื่อกี้มันแอบใส่เวทย์เจาะเกราะไว้ด้วยก็เลยต้องเพิ่งพลังเวทย์เป็นสองเท่า
“ถึงว่าเธอเก่งใช้ได้นะที่ยังสามารถยืนอยู่ได้ถึงตอนนี้นะ” แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยสายตาชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเธอสามารถรับห่าฝนคริสตัลที่เธอใส่เวทย์เจาะเกราะลงไว้ได้ โพนี่สาวไม่รู้ควรจะภูมิใจกับคำชื่นชมของเธอดีหรือเปล่า
“แต่ว่า...มันจบแล้วละ =*=” สีหน้าของแรรีตี้จากยิ้มหวานกลายเป็นหน้าตาเครียดจริงจัง แว๊บ~จากนั้นก็เกิดแสงสีขวาสว่างขึ้นมาสามจุดแรกจากเสาคริสตัล จุดที่สองมาจากดาวหกแฉกที่ปักพื้นอยู่และจุดที่สามมาจากจุดที่โพนี่สาวยืนอยู่หรือจุดที่ห่าฝนเข็มคริสตัล ส่องแสงเป็นลายรูปเดียวกับคิวตี้มารคของแรรีตี้ โพนี่สาวเห็นท่าไม่ดีเธอจึงเตรียมจะหันหลังวิ่งหนี
กึก แต่แล้วมือและขาของโพนี่สาวกลับก้าวไม่ออกแหละดูเหมือนจะขยับไม่ได้ด้วย เธอก้มมองดูแล้วตาโตด้วยความตะลึงเพราะมือและขาของเธอถูกคริสตัลตรึงไว้กลับพื้นเธอพยายามดึงขาออกจาพื้นแต่มันก็ไม่ขยับเลยซักนิดกลับกันคริสตัลที่ขามันกลับลามขึ้นมาจนถึงคอเหลือแต่หัวเท่านั้นที่ยังไม่ถูกแช่แข็ง เธอพยายามดิ้นให้คริสตัลแตกแต่มันหน่ามากเกินที่จะทำให้แตก
“ปล่อยฉันนะ!!” โพนี่สาวเห็นว่าดิ้นยังไงก็ไม่แตกจึงใช้วิธีตะโกนขู่แต่ดูจากสภาพของเธอตอนนี้แล้วไม่น้าขู่ใครได้ แรรีตี้พอเห็นโพนี่สาวโวยวายก็อดขำในใจไม่ได้
‘เลิกเล่นได้แล้ว เร ให้ฉันได้สนุกบางสิ’ จู่ๆก็มีเสียงเย็นชาของโพนี่หญิงดังมาจากข้างในหัวของแรรีตี้ พอแรรีตี้ได้ยินเสียงจากข้างในหัวเธอยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าให้กับเพื่อนสนิดในจิตใจของเธอ
‘โอเคๆ ก็ได้ไนท์ คราวนี้ฉันยกให้เธอ แต่อย่าให้ถึงตายละ’
‘รู้น้า! ไปไม่ต้องให้เธอมาบอกหรอน้า!!’ พอแรรีตี้คุยกับเจ้าของเสียงเสร็จแล้วเธอก็เดินเข้าหาโพนี่สาวแบบช้าๆพร้อมกับที่ตาของเธอเปลี่ยนจากตาสีเขียวเป็นตาแบบเดียวแมวจากนั้นตัวเธอก็ค่อยสูงขึ้นจนเท่าเจ้าหญิงเซเลสเทีย ผิวของเธอที่เป็นสีขาวก็ถูกย้อมด้วยสีดำของท้องฟ้ายามราตรี ผมและหางก็ยาวขึ้น คิวตี้มาร์คของเธอก็เปลี่ยนไปจากเพชรสามเม็ดกลายเป็นดาวสี่แฉกสามดวงที่มีประกายดาวอยู่รอบๆ
เธอคืออีกหนึ่งจิตใจที่อาศัยอยู่ในร่างของแรรีตี้และยังเคยเกือบถล่มโพนี่วิลล์มาแล้วด้วยกองทัพฝันร้ายจากดวงจันทร์ เธอคือผู้สืบทอดพลังของไนท์แมร์มูน ชื่อของเธอคือ ไนท์แมร์แรรีตี้
“ปะ...ปะ...เป็นไปไม่ได้!! 0-0;;”โพนี่สาวพอเห็นไนท์แมร์แรรีตี้ที่ชัดๆแล้วถึงกับตาโตตกใจและตะลึงเพราะเธอคิดว่าข่าวลือเรื่องที่หนึ่งในตัวแทนธาตุแห้งความเอื้อเฟื้อนั้นเคยถูกพวกฝันร้ายลักพาตัวไปที่ดวงจันทร์และถูกพลังแห่งฝันร้ายเข้าครอบงำนั้นเป็นเรื่องที่ชาวโพนี่วิลล์แต่งขึ้นมาแต่พอเธอมาเห็นแบบตัวเป็นๆแบบนี้ เธอถึงกับรู้สึกผิดที่ตัวเองคิดจะสามารถจัดการแรรีตี้ด้วยตัวคนเดียวได้แต่เธอรู้แล้วว่า....เธอคิดผิดพลาดอย่างมหัน!!
“เจ้าบังอาดมากนะที่มาทำลายที่อยู่ของพวกข้าแบบนี้” ไนท์แมร์แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยท่าทางเย็นชาและมีอำนาจ โพนี่สาวมองไนท์แมร์แรรีตี้ด้วยความรู้สึกที่ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นรั้วด้วยความหวาดกลัวเพราะออร่าเวทย์แปลกๆที่คลุมตัวไนท์แมร์แรรีตี้ไว้
“เอาละ ได้เวลาของฝันร้ายแล้ว” ไนท์แมร์แรรีตี้พูดราวกับเสียงกระซิบจากนั้นก็มีเมฆสีดำลอยออกมาจากเขาของเธอ เมฆสีดำนั้นมันลอยมาอยู่ตรงหน้าของโพนี่สาวจากนั้นมันก็แบ่งตัวออกเป็นสามก้อน โพนี่สาวพอเห็นเมฆนั้นแล้วเธอรู้สึกถึงพลังฝันร้ายมันแผ่ออกมาเธอพยายามส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้เมฆสามก้อนนั้นเข้ามาใกล้เธอ
“อยู่นิ่งๆ!!” ไนท์แมร์แรรีตี้มองท่าทางของโพนี่สาวด้วยสายตารำคาญเธอจึงใช้เออร่าวทย์สีฟ้าคลุมหน้าของโพนี่สาวแล้วบังคับหน้าของเธอให้อยู่นิ่งๆ
พอหน้าของโพนี่สาวอยู่นิ่งๆไนท์แมร์แรรีตี้จับเมฆก้อนแรกให้ลอยเข้าไปในหูซ้ายของโพนี่สาวพอหลังจากเมฆสีดำเข้าไปได้สักพักโพนี่สาวก็เกิดอาการชักกระตุกตาเหลือกขึ้นมา ไนท์แมร์แรรีตี้มองอาการชักกระตุกของโพนี่สาวด้วยสายตาพอใจแล้วเธอก็จับเมฆที่สองให้ลอยไปที่หูอีกข้างของโพนี่สาวหลังจากนั้นโพนี่สาวก็ชักกระตุกตาเหลือกหนักกว่าแถมคราวนี้เธอยังน้ำลายเริ่มฟูมปากอีกด้วย ไนท์แมร์แรรีตี้มองท่าทางที่ดูทุกข์ทรมานของโพนี่สาวด้วยสายตาสนุกสนานและพอใจยิ่งกว่าเมื่อกี้ เธอหันไปจับเมฆก้อนสุดท้ายแล้วใช้ออร่าเวทย์บังคับให้ปากของโพนี่สาวเปิดออก ไนท์แมร์แรรีตี้ยิ้มอย่างมีความสุขคราวนี้เธอไม่ปล่อยให้มันลอยไปเองแต่คราวนี้เธอใช้ออร่าเวทย์จับแล้วค่อยๆใส่เข้าไปในปากของโพนี่สาวแบบช้าๆ
‘พอได้แล้ว!!ไนท์!!’ กึก มือของไนท์แมร์แรรีตี้หยุดชะงักเพราะเสียงร้องห้ามของแรรีตี้ที่ดังมาจาดข้างในหัว ไนท์แมร์แรรีตี้ทำหน้าเซ็งๆที่จู่ๆแรรีตี้มาขัดความสนุกของเธอแต่สุดท้ายเธอก็ยอมดึงเมฆก้อนสุดท้ายออกจากปากแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่ข้างๆเธอ
“มาห้ามทำไม? เร? ฉันกำลังสนุกอยู่เชียว”
‘แต่เธอเล่นแรงไปแล้วนะ! ไนท์!’ แรรีตี้ตะคอกใส่ไนท์แมร์แรรีตี้ ด้วยความโกรธที่ไนท์แมร์แรรีตี้ใช้ Magic Cloud of Nightmares*(เวทย์มนต์เมฆแห่งฝันร้าย)แต่ดูเหมือนไนท์แมร์แรรีตี้จะไม่มีท่าทีว่าจะสำนึกเลยสักนิด
[Magic Cloud of Nigtmares คือ เวทย์ที่สามารถทำลายจิตใจของอีกฝ่ายโดยผ่านทางฝันร้ายที่อีกฝ่ายกลัวที่สุดโดยขึ้นอยู่กับจำนวนเมฆถ้าจำนวนเมฆขิ่งมากก็แปลว่าจิตของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก แต่ทไวไลท์ได้จัดให้เวทย์มนต์ชนิดอยู่ในหมวดของ“เวทย์ต้องห้ามเด็ดขาด”ไปแล้วซึ่งผู้ที่รู้จักเวทย์มนต์นี้ก็มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น by ไรเตอร์]
“งั้นจะให้ทำอย่างไงกับยัยนี้ละ” ไนท์แมร์แรรีตี้มองโพนี่สาวที่ยังชักกระตุกอยู่ด้วยสายตาสมเพช แรรีตี้มองโพนี่สาวผ่านสายตาของไนท์แมร์แรรีตี้ด้วยความสงสารเธอรู้สึกผิดที่ยอมให้ไนท์แมร์แรรีตี้ออกมาทั้งๆที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
‘เธอกลับเข้ามาได้แล้ว ไนท์ ที่เหลือฉันจัดการเอง’ แรรีตี้ทำสีหน้าจริงจัง ไนท์แมร์แรรีตี้ถอนหายใจอย่างเสียดาย
“โอเคๆ ให้ตายสิ! ออกมาได้ข้างนอกแค่แป๊ะเดียวเอง” ไนท์แมร์แรรีตี้ยอมคลายเวทย์คืนร่างให้ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ก็ตามเธอหลับตาลงจากนั้นร่างกายของเธอก็เรืองแสงสีขาวออกมาขนาดตัวของเธอลดลง ผมและหางก็สั้นลงตามไปด้วย เพ้ง สักพักหนึ่งแสงที่คลุมตัวไนท์แมร์แรรีตี้ไว้ก็แตกออกหลังจากที่ทั้งสองจิตสับตำแหน่งกันแล้ว
แรรีตี้ลืมตาขึ้นแล้วมองโพนี่สาวที่ชักกระตุกด้วยสายตาสงสารแต่เธอไม่สารารถช่วยอะไรได้อีกแล้วเพราะจิตใจของโพนี่สาวถูกทำลายไปสองในสามแล้ว แรรีตี้จึงเหลือทางเลือกอยู่สองทางคือ หนึ่ง ทำให้เธอไปสบายซะ หรือสอง เธอต้องรักษาด้วยตัวเอง
“บ้าจังเลยเรา ไม่เห็นต้องเลือกเลยนินะ ^-^” แรรีตี้หันไปมองร้านที่ตอนนี้ไฟดับแล้ว ส่วนสไปค์นั่งมองเธออยู่บนซากเตีองเขาโยนบางอย่างมาให้แรรีตี้ เธอยกมือรับแล้วผลิกขึ้นมาดูมันคือสร้อยสีทองที่ดูเป็นประกายสวยงามตรงกลางของสร้อยมีคริสตับรูปเพชรสีม่วงเข้ม มันคือหนึ่งในผลึกธาตุแห่งความปรองดอง ผลึกแห่งความเอื้อเฟื้อ (Crystal of Courtesy)
แรรีตี้ยิ้มออกมาอย่างพอใจให้กับความรู้ทันของสไปค์เพราะแบบนี้ไงเธอถึงได้รักเขาแบบหมดหัวใจ บางครั้งแรรีตี้แทบไม่ต้องพูดอะไรสไปค์มักจะรู้ทัน,เธอเข้าใจเธอและเคารพกับการตัดสินใจเธอเสมอมาตั้งแต่เขายังเป็นแค่มังกรตัวน้อยไร้เดียงสาของเธอ แรรีตี้ส่วมสร้อยคอด้วยท่าทางแบบผู้ดีมีระดับ
แรรีตี้หลับตารวบรวมสมาธิรวมพลังเวทย์จากรอบๆมารวมกันที่ผลึกแห่งความเอื้อเฟื้อจนเกิดแสงสีม่วงสว่างขึ้นมาจากนั้นก็มีเสาคริสตัลโผล่ขึ้นมาสี่ต้นล้อมรอบตัวโพนี่สาวแล้วก็เกิดม่านพลังสีม่วงมารอบเสาคริสตัลไว้อีกชั้นหนึ่ง แรรีตี้ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นในระดับหนึ่งเธอลืมตาขึ้นในดวงตาของเธอตอนนี้เหมือนมีเพชรอยู่ข้างในเป็นประกายอย่างสวยงาม ผลึกส่องแสงออกมาอย่างเจิดจา
“beauty the eternal (ความงามนิรันดร์)” จากนั้นแสงจากผลึกก็พุ่งเข้าไปที่เสาแล้วพุ่งไปอีกเสาหนึ่งแล้วเป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนแสงใหญ่ขึ้นแล้วก็พุ่งเข้าหากันแล้วพุ่งใส่ร่างของโพนี่สาวเต็มๆ หลังจากนั้นเสาทั้งสี่ก็หายไปเหลือไว้เพียงร่างของโพนี่สาวที่นอนหมดสติอยู่กับพื้น
แรรีตี้มองร่างของโพนี่สาวด้วยสายตาอ่อนล้าปนโล่งใจเธอเดินตรงเข้าหาโพนี่สาวแล้วแบกเธอขึ้นหลังทั้งๆที่เธอจะล้มเมื่อไหร่ก็ได้ท่าที่เธอใช้เมื่อกี้มันเป็นท่าที่เธอคิดเองใช้สำหรับรักษาโพนี่ที่บาดเจ็บมากๆแต่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแถมยังกินพลังเวทย์เยอะมากด้วยมันก็เลยทำให้แรรีตี้ดูเหมือนคนหมดแรงแบบนี้ แรรีตี้แบกร่างของโพนี่สาวเดินเข้าไปในร้านแล้วว่างเธอไว้บนโซนฟาตัวโปรดของเธอ
[ไอ้ตัวที่เธอชอบลากไปด้วยตอนไปปิกนิกนั้นแหละ by ไรเตอร์]
“ฉันให้เธอนอนที่นี้ได้แค่คืนเดียวนะ หลังจากนั้นฉันจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาลเองนะ” แรรีตี้หันหลังแล้วเดินตรงไปทางขึ้นบันไดชั้นสองแต่เธอก้าวได้แค่สองขั้นเธอก็เซแล้วกำลังจะล้มลง หมับ แต่สไปค์มารับตัวเธอไว้ได้ทันเวลาเขามองหน้าแรรีตี้ที่ตอนนี้หมดสติไปแล้วด้วยสายตาอ่อนใจ
“ทำไมเธอถึงชอบใช้ไอ้ท่าที่เปลืองพลังเวทย์แบบนั้นด้วยสิน้า” สไปค์อุ้มตัวแรรีตี้ขึ้นไปชั้นสองพาเธอเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง สไปค์ว่างเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวด สไปค์จ้องใบหน้ายามหลับของแฟนสาว
“ฉันอุสาคิดคืนนี้จะจัดหนักให้เธอซะหน่อยแท้ๆเชียว” สไปค์มองแรรีตี้ด้วยสายตาอ่อนโยนเขาเอามือปัดผมที่บังหน้าแรรีตี้ออกเพื่อจะไ้มองความสวยและน่ารักของเธอให้ชัดๆยิ่งตอนที่แสงจันทร์ส่องมามาที่หน้าของเธอพอยิ่งเพิ่มความสวยและน่ารักเข้าไปอีก สไปค์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับภาพของคนรักของตัวเองที่กำลังหลับอยู่ เขาคิดถูกแล้วจริงๆที่ตกหลุมรักเธอถึงแม้เธอจะเรื่องมากเกินไปบางก็เถอะนะ
“ฝันดีครับ เจ้าหญิงผู้น่ารักและสวยที่สุดของผม จุ๊บ”สไปค์จูบหน้าผาเธออย่างอ่อนโยนจากนั้นสไปค์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบหมอนใบหนึ่งเขาว่างไว้ข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนอยู่ข้างๆเตียงโดยที่สไปค์ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ใบหน้าขแงแรรีตี้กำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
‘ฝันดีเช่นกัน พ่อมังกรตัวน้อยของฉัน’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ